ถาม-ตอบปัญหาธรรมะ

ใจเราเอง

๒๖ พ.ค. ๒๕๖๑

ใจเราเอง

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต


ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๑

วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) .หนองกวาง .โพธาราม .ราชบุรี


ถาม : เรื่องจิตติดค้าง” 

นมัสการหลวงพ่อที่เคารพ 

ด้วยในอดีต มีเหตุให้โยมต้องเอาเด็กในท้องออก เราจะทำอย่างไรให้เขาได้รับผลบุญ อโหสิกรรมให้เรา จะได้มีดวงจิตที่ไม่ติดค้าง ไม่ผูกกับความทุกข์นี้ ทุกข์กับความรู้สึกผิด จะแก้ไขและล้างใจอย่างไร จะได้ไม่เป็นอุปสรรคกับการภาวนาในตอนที่จิตของโยมจะดับ

ตอบ : นี่คำถามเนาะ จิตที่ติดค้าง จิตที่ติดค้าง จิตที่ติดค้างมันก็เป็นเพราะว่าสิ่งที่เราเชื่อในพระพุทธศาสนา เวลาพระพุทธ- ศาสนาสอนถึงคุณงามความดีไง แต่คุณงามความดีสิ่งที่เรากระทำไปนั้นทำด้วยความจำเป็น ทำด้วยในจังหวะและเวลานั้น ถ้าจังหวะและเวลานั้นทำไปแล้ว จิตมันก็ติดค้างมา จิตติดค้างมามันมีหลายคน หลายคนที่มาปรึกษาเรื่องอย่างนี้ แล้วเวลาเขาภาวนา เวลาภาวนาไปเขาก็วิตกกังวลอย่างนี้ แล้วเขาวิตกกังวล แล้ว ตอนนี้เขาอยู่ต่างประเทศไง เขาจะไปทำบุญตามวัดๆ เรื่องนี้ เรื่องนี้มันฝังใจมาก

คนเรานี่มันแปลก มันแปลกว่าเราทำอะไรที่ผิดพลาด มันจะคิดแต่เรื่องที่เราผิดพลาดนะ เรื่องที่ฝังใจ สิ่งที่ดีงาม ดีงามมันไม่คิดถึงนะ สิ่งที่ความผิดพลาด สิ่งที่มันผิดพลาดไปความจำเป็นผิดพลั้งไป ไอ้นั่นมันเป็นอดีตไปแล้วมันแก้ไขไปไม่ได้ พูดอย่างนี้ไม่ใช่ส่งเสริมให้ทำนะ พระไม่ส่งเสริมให้ทำอย่างนั้นหรอก แต่คนเวลามันมีทำความผิดพลาดไปแล้ว ผิดพลาดไปแล้ว เห็นไหม 

ดูสิ อย่างที่พูดถึงอดีตชาติๆ เวลาภาวนา ภาวนา เห็นไหม คนที่มีบุญกุศล คนที่สร้างอำนาจวาสนาบารมีมา เขาได้สร้างแต่คุณงามความดีมา สร้างแต่คุณงามความดีมา เพราะอ่านในพระไตรปิฎก เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาเขาไปถามเรื่องพระภาวนาได้ดี พระทำไมเกเร ทำแล้วทำ มากีดขวางหมู่คณะท่านบอกว่าในอดีตชาติเขาก็เคยเป็น อย่างนั้น เคยเป็นอย่างนั้น ในปัจจุบันนี้เป็นอย่างนี้ อย่างนี้ อย่างนี้แล้วเวลาของท่าน ท่านบอกท่านเคยเป็นอย่างนั้น อย่างนั้น อย่างนั้น ท่านเคยเป็นอย่างนั้นนะเราเคยเป็น เรา เคยเป็น เราเคยเป็นไง พระโพธิสัตว์เคยเป็นมา ได้สร้างคุณงามความดีมหาศาล ได้สร้างมาตลอด ได้สร้างมาตลอด 

เพราะ เพราะเวลาเป็นพระโพธิสัตว์มันเสียสละชีวิตนะ มีอยู่ชาติหนึ่งเราติดใจมาก ท่านเกิดเป็นกระต่ายป่า มันมีพรานหลงป่าไปสองคน แล้วพอหลงป่าแล้วมันอากาศหนาวก็จุดไฟ ผิงไฟอยู่ กระต่ายตัวนั้นมาเห็นว่า นายพรานหลงป่าหิวกระหายมาก กระต่ายมันกระโดดเข้ากองไฟ ให้นายพรานสองคนนั้นได้กินเนื้อของกระต่ายนั้นน่ะ นี่พระโพธิสัตว์ สละชีวิตเลย สละ ชีวิตนี้ให้เนื้อนี้ได้เป็นประโยชน์กับนายพรานสองคน ความคิดของกระต่ายนะ คำว่าพันธุกรรมของจิตๆเขาได้ตัดแต่งมาดี เขาทำมาดี เห็นไหม เขาก็มีจุดยืนที่ดี 

ไอ้นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่ว่าเป็นอดีตเราทำมาแล้ว ทำมาแล้ว มันก็ค้างคาหัวใจ ค้างคาหัวใจเพราะอะไร เพราะเราเกิด เป็นมนุษย์ไง แล้วพอเกิดเป็นมนุษย์แล้วถ้ามันมีความทุกข์ ความยาก มีการศึกษาต่างๆ มันก็มาสนใจในพระพุทธศาสนา เวลาสนใจในพระพุทธศาสนาเราก็อยากได้มรรคได้ผล อยากได้ความสุขที่แท้จริง อยากได้ความสุขที่ยั่งยืน อยากได้ศีล ได้สมาธิ ได้ปัญญา เราไม่ต้องการอามิส ไม่ต้องการวัตถุที่คนเจือจานมา นั่นเป็นระดับของทาน เราต้องการอย่างนั้นเราถึงมาปฏิบัติ เวลาปฏิบัติไอ้พวกนี้กิเลสของเราเพราะอะไร เพราะเราทำเอง เพราะทำเองมันก็มาปลุก มาเร่งมาเร้า ฉะนั้น เวลาทำสิ่งนี้ สิ่งที่มันเกิดขึ้นไปแล้ว เห็นไหม สิ่งนี้มันไม่ดีเลย แต่มันก็เป็นอดีตไปแล้ว เราก็ต้องมีสติปัญญายับยั้งมัน ถ้ายับยั้งมันนะ นี่ก็ไม่ใช่ยุแหย่

เหมือนกัน เวลาองคุลิมาลฆ่าคน ๙๙๙ ศพ พระองคุลิมาลยังประพฤติปฏิบัติเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาได้ เพราะความที่ฆ่าคน ๙๙๙ ศพ คนที่ฆ่าคนมากๆ ไปแล้วนะ มันจะเกิดความอำมหิต จิตใจมันจะดื้อด้าน จิตใจมันจะอำมหิตโหดร้าย แต่ทำไมเวลา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปโปรด เวลาบอก องคุลิมาล ไล่กวดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณะหยุดก่อน สมณะหยุด” “โอ้! เราหยุดแล้ว เธอต่างหากที่ไม่หยุดงงเลยนะ วิ่งไล่กวดกันอยู่นี่บอกว่าเราหยุดแล้ว เราหยุดจากการทำ ความชั่ว เธอต่างหากยังถือดาบไล่ฆ่าเขาอยู่โอ้! วางดาบเลย วางดาบลงเลยนะ วางดาบลง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เทศน์ ขอบวชเลย นี่เราพูดให้เห็นว่า คนฆ่าคนมา ๙๙๙ ศพ เขายังกลับมาทำคุณงามความดีได้ 

ไอ้เรา เห็นไหม มันมีความติดค้างในใจเคย โยมต้องเอาเด็กนั้นออกจากท้อง แล้วเราก็อยากจะทำอย่างใดให้เขาได้รับ ผลบุญนั้น ให้เขาอโหสิกรรมให้เรา ให้ดวงจิตนั้นไม่ติดค้างต่อกัน ไม่ผูกพันความทุกข์นี้ ทุกข์นี้กับความรู้สึกที่ผิดจะแก้ไขอย่างไรกับความรู้สึกที่ผิด กับความรู้สึกที่ผิดกับความรู้สึกที่ผิดมันฝังใจ ฝังใจไง ฝังใจ เราทำบุญกุศล เราทำคุณงามความดี เราก็อุทิศ ให้เขาไป ความดีๆ อุทิศ อุทิศให้ อุทิศให้ เราได้มีความผิดพลาดทำสิ่งนี้ให้มันเบาบางลง เบาบางลง สิ่งที่ผิดพลาดทุกคนทำมา ทั้งนั้น ไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง 

เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ที่เรานั่งเห็นหน้ากันอยู่นี่ ไม่เคยเป็นญาติเป็นพี่เป็นน้องกันมาในภพใดภพชาติไม่มีเลย ที่เรานั่งเห็นหน้ากันอยู่นี่ แต่ไม่รู้ชาติใด เพราะการเกิดมันซับซ้อนมาก คนเรานะที่เห็นหน้ากันอยู่นี่ไม่มีชาติใดชาติหนึ่งที่เราไม่เคยเป็นญาติกันเลยไม่มี ไม่ชาติใดชาติหนึ่งเราก็เกี่ยวพันกันมา อันนี้พูดถึงผลของวัฏฏะนะ 

ทีนี้มาพูดอย่างนี้มันก็สะดุด สะดุดแบบว่าพระที่เห็นแก่ ผลประโยชน์ไงโอ๋! อดีตชาติเราเป็นไอ้นั่นกันโอ้โฮย! เวรกรรม ถ้าอดีตชาติจะเป็นอะไรต่อกันมานั่นก็คืออดีต แต่ปัจจุบันนี้เราเป็นพระ เขาเป็นโยม มันคนละภพคนละชาติ ถ้ามันจะมีความผูกพัน มันก็มีแต่มองหน้าแล้วเออ! รู้สึกว่าอบอุ่น มองหน้าแล้วรู้สึกว่ามันดีงาม แต่ถ้ามันมีเวรมีกรรมต่อกัน มองหน้าแล้วรู้สึกว่าไม่เข้ากันเลย นี่ผลของความเป็นจริง นี่พูดถึงว่าถ้าพระเขาจะคิดอย่างนั้น 

แต่ของเราไม่คิดอย่างนั้น ผลของวัฏฏะไง ผลของวัฏฏะ ในชาติปัจจุบันนี้เกิดมาก็ทุกข์ก็ยากระดับนี้อยู่แล้ว แล้วเราก็พยายามทำคุณงามความดีไม่ให้สิ่งนั้นมาติดค้างในหัวใจ เพราะเขาถามเรื่องผลของการติดค้างในใจ ผลของการติดค้าง ในใจ เห็นไหม เราก็ยกพระองคุลิมาลเขามีผลตกค้างในใจ มากกว่าเราหลายพันเท่า ฆ่าคนมา ๙๙๙ ศพ เขาก็ยังวางได้ แล้วยังประพฤติปฏิบัติจนเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว เราเองเราก็พยายามจะฝึกหัดวางของเรา เราจะทำคุณงามความดีของเรา ให้ผลนั้น ให้ความติดค้างนั้นเบาบางลง

ฉะนั้นเขาบอกว่าความรู้สึกผิดจะแก้ไขอย่างใด จะล้างใจอย่างใดวางไง ใจของเราเอง ใจของเราเอง เราระลึกถึง เวลาคิดถึงนะให้ระลึกพุทโธ หายใจเข้านึกพุท หายใจ ออกนึกโธ เวลามันคิดถึงเรื่องนี้ทีใดก็ให้หายใจชัดๆ หายใจแรงๆ พุทโธๆ เราจะอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดาของเรา เราระลึกผิดแล้ว เราสำนึกผิดแล้ว เราอยากให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปกป้องคุ้มครองหัวใจของเรา

หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ แล้วเวลามันติดค้าง มันคอยระลึกถึง เห็นไหม หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เพราะ เพราะเราสำนึก เรารู้จักถูกจักผิด ตอนนี้เราสำนึกผิดแล้ว แล้วเราอยากจะสร้างบุญคุณ สร้างบุญให้เขา ทำให้เขาได้รับความดี ถ้าจิตใจเราดี เราก็มีกำลังทำให้เขาได้ดีได้ เห็นไหม หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ แล้วระลึกถึง เห็นไหม นึกถึง กรรมดี กรรมชั่ว ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แล้ว เห็นไหมเขา บอกจะได้ไม่เป็นอุปสรรคในการภาวนา ทำจิตของเขา เวลาจิตของเขาให้มันสะดวกในการภาวนานี่พูดถึงว่าถ้ามันติดค้างนะ คำว่าติดค้างความผิดใครๆ ก็เคยทำมา ถ้าทำมาแล้วก็ ปล่อยวางไป พยายามทำของเราต่อเนื่องไป จบ

ถาม : เรื่องทิ้งคุณพ่อ คุณแม่

กราบนมัสการหลวงพ่อ 

ผมเป็นคนคนหนึ่งที่โชคดีได้มีโอกาสเข้าวัดเข้าวามาตั้งแต่เด็ก ได้รู้จักวิธีทำทาน ศีล ภาวนาตามแบบครูบาอาจารย์ที่ท่านสอนทานและศีล ผมได้พยายามรักษาเรื่อยมา ส่วนภาวนามีหนักบ้าง เบาบ้าง ขาดบ้างก็มีครับ เมื่อผมทำอย่างนี้เรื่อยๆ เลยเกิดความคิดที่จะชวนคนที่เรารัก ทั้งเพื่อนสนิท แฟน และคุณพ่อ คุณแม่ (ทั้งของตัวเองและของแฟน) ให้เดินตามรอยคำสั่งสอนพ่อแม่ครูบาอาจารย์ พยายามชักชวนอยู่หลายปีก็พบว่ามันยาก มากจริงๆ ที่คนที่เรารักทั้งหลายจะเข้าใจ สุดท้ายเลยเหลือ เฉพาะคนใกล้ชิดตัวจริงๆ เหลือแต่คุณพ่อ

คนที่ผมพยายามชักจูงหลายท่านเต็มกำลัง บางครั้งก็มี การเถียงกันบ้าง ดุท่านบ้าง เช่น ทำไมต้องไปทำบุญวัดนั้นวัดนี้ พระที่ไหนนี่ก็เหมือนกัน หรือไปทานอาหารทะเล แล้วชี้เอาปลาตัวเป็นๆ มาทำกับข้าว หรือท่านชอบดูทีวีทั้งวัน โดยเฉพาะรายการร้องเพลงเกมโชว์ทั้งหลายแหล่ ผมก็จะเตือนท่าน ไม่อยากให้ท่านติดมัน ในใจคิดว่าหากท่านเอาเวลามาฝึกภาวนา ใจจะมีคุณค่ามากกว่านี้มหาศาล แต่ท่านคงไม่เข้าใจ จนมาระยะหลังในใจผมจึงคิดจะปล่อยวางการชักจูงท่านทั้งสอง เพราะเมื่อพูดไปแล้วต่างฝ่ายต่างอารมณ์ขุ่นมัว ท่านจะเป็นอย่างไรก็ช่าง จึงกราบเรียนถามหลวงพ่อว่าสิ่งที่ผมตัดสินใจแบบนี้ ถือเป็น การละทิ้งหน้าที่การเป็นลูกที่ดีหรือไม่ครับ” 

กราบขอบพระคุณ

ตอบ : อันนี้ด้วยสติด้วยปัญญาของคน ด้วยสติด้วยปัญญาของคนนะ ในเมื่อเราเห็นว่าสิ่งใดที่มันถูกต้องดีงาม เราก็อยากให้คนที่เรารัก พ่อแม่ของเราได้สิ่งที่ถูกต้องดีงาม แต่สิ่งที่ถูกต้องดีงามนี้ มันก็อยู่ที่ในมุมมองของคนว่าสิ่งใดถูกต้องดีงาม ในเมื่อเป็นพ่อเป็นแม่ใช่ไหม ชีวิตของเขา เขามีความรู้สึกอย่างนั้น

เราจะบอกว่า มันต้องย้อนไปพันธุกรรมของจิตๆ ถ้าพันธุกรรมของจิตที่เขาดีนะ เขาเองต่างหาก พ่อแม่เราต่างหาก เข้าวัดเข้าวา พ่อแม่ต่างหากชักจูงเราให้เข้าวัดเข้าวา พ่อแม่ต่างหาก ชักจูงเราไปในสิ่งที่ดี แต่นี่เราเป็นผู้ที่เข้าวัดเข้าวา แล้วเรา กลับไปชักจูงพ่อแม่คนรอบข้างของเรา ถ้ามันชักจูงง่ายนะ องค์- สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้วก็เหมือนโยมนี่คิดได้ก็อยากจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ มันก็ต้องได้หมดเลยน่ะสิ ขนาดอำนาจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ องค์สมเด็จพระ-สัมมาสัมพุทธเจ้ายังทอดอาลัยเลยโอ้! จะไปสอนใครได้เขาจะไปเที่ยวกันก็ชวนเขาไปทำบุญ เขาจะไปสนุกครึกครื้นกันก็ ชวนเขาให้ถือศีล ใครเขาจะไปเอากับเอ็ง เออ! ถ้าชวนจะ ไปเที่ยวก็บอกว่านู่น เดี๋ยวนี้เขาไปดาวอังคาร เออ! อย่างนั้นไปด้วยกันได้

เรื่องของโลกนะ เรื่องของโลกมันเป็นอย่างนั้น ถ้าเรื่องของโลกเป็นอย่างนั้น เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะสอนใครได้อย่างไร จะสอนใครได้อย่างไรจนทอดธุระนะ แต่สุดท้ายแล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็สอน สอนคนที่มีอำนาจวาสนาบารมี อย่างเช่น พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร ก็ปรารถนามาเป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวา คำว่าปรารถนาคือเขาได้สร้างของเขามา คือผู้ที่ได้สร้างบุญสร้างกุศลมามันมี แล้วถ้าไปรื้อสัตว์ขนสัตว์ คือไปรื้อสัตว์ขนสัตว์ผู้ที่ได้สร้างบุญอำนาจวาสนามา เขาปรารถนา มันเข้ากันได้ มันไปแนวทางเดียวกัน 

แต่คนที่ไม่ได้สร้างอำนาจวาสนามา แล้วเราพยายามจะไปชักจูงๆ ให้สมความปรารถนาเรา มันเป็นไปได้ยาก ถ้ามันเป็นไปได้ยากนะ ถ้าคนที่ฉลาด คนที่ฉลาด เห็นไหม เราก็ทำตัวเรา ให้เป็นคนดี แล้วเราทำสิ่งใดให้ดี พ่อแม่เขาดูอยู่ คนรอบข้างเขา ดูอยู่ มันเป็นเพราะอะไร ถ้าเป็นเพราะสิ่งที่ดีเดี๋ยวเขาอยาก ทำบ้าง ถ้าเขาอยากทำบ้างนั่นน่ะสอนโดยไม่ต้องสอน เราทำ คุณงามความดีของเราๆ นะ เราไปวัดไปวาของเรา เราทำบุญกุศลของเรา จนเราเบื่อหน่าย พอเบื่อหน่ายเราก็ไปเข้าพวกเขา สมน้ำหน้า ชวนแต่เราไป เดี๋ยวเราไปแล้วก็กลับมาใช่ไหม เรา ต่างหากเวลาไปแล้วไม่สนใจไปหาเขานั่นน่ะ เราทำของเรา เราทำของเรานะ เพื่อเป็นประโยชน์กับเรา เราทำของเรานะ เราไม่ ทอดทิ้ง

. คำว่าไม่ทอดทิ้งมันเกี่ยวกับการปฏิบัติ เวลาเราปฏิบัตินะ เพราะเราก็มาปฏิบัติในวงกรรมฐาน ในวงกรรมฐานพระปฏิบัตินี่เยอะมากนะ แล้วพระปฏิบัติในวงปฏิบัติจะรู้กันว่า ใครปฏิบัติได้หรือไม่ได้ ถ้าใครปฏิบัติได้นะ ในทางจงกรม ใน การนั่งสมาธิภาวนาเขาจะต่อเนื่อง ต่อเนื่องสืบเนื่อง คนที่ปฏิบัติไม่ได้นะทำเป็นครั้งเป็นคราว เวลาทำแล้วเดี๋ยวเขาก็เลิก เวลา ทำไปแล้วนะ เขาอยู่ในนั้นไม่ได้จริง ดูสิ เวลาเดินจงกรม ๒๔ ชั่วโมง เดินจงกรม วัน คืนอย่างนี้ เดินจงกรมทั้งวันทั้งคืน มันอยู่ได้อย่างไร

เราอยู่ในวงพระกรรมฐาน พระด้วยกันมาคุยกับเราไง เขาบอกเขาเห็นเราทำความเพียร เขางงนะ เขาบอกว่า สมัยนั้นเป็นเทปคาสเซ็ท เทปคาสเซ็ทซี ๖๐ เป็นหนึ่งชั่วโมง เขาบอก เขาฟังเทปหน้าเดียวคือครึ่งชั่วโมง ยังฟังไม่จบเลยนั่งหลับแล้ว ทำไมเห็นท่านเดินจงกรมได้ แปลกมาก แปลกมากเลย แสดงว่า ท่านต้องมีงานภายใน คำว่า มีงานภายใน คือนั่งแล้วมัน ไม่หลับ มีงานภายในมันไม่หลับใช่ไหม มันทำแล้วมันตื่น ตื่นตัวตลอดเวลา เขาดูเราแล้วเขาสงสัย แล้วเขามาคุยกับเราไง

เราถึงว่าเราอยู่ในวงกรรมฐาน เรารู้ว่าคนที่ปฏิบัติไม่เป็นแล้วมันเป็นอย่างไร แล้วคนที่ปฏิบัติไม่เป็น พอปฏิบัติไปแล้วมันทุกข์มันยากนะ การนั่งสมาธิแล้วบังคับให้นั่งอยู่อย่างนั้นน่ะ โดยที่เรานั่งสมาธิไม่ได้ แสนทุกข์แสนยากเลย แต่! แต่ถ้าคนมีอำนาจวาสนานะ มันจะแสนทุกข์แสนยากขนาดไหนเราก็จะทำ มันจะแสนทุกข์แสนยากขนาดไหน เพราะอะไร เพราะเขากลัวความทุกข์ที่มากกว่านี้ไง ความทุกข์ที่ต้องนอนขดตัวอยู่ในครรภ์ของมารดา เดือน มึงทุกข์ไหม 

เวลาเธอเป็น เธอเป็นทำไมมันไม่ทุกข์ล่ะ มันไม่ทุกข์เพราะอะไร เพราะมันเป็นความจำเป็นไง เพราะชีวิตเวลามัน เกิดแล้ว เห็นไหม ท้อง เดือนอยู่ในท้องนั่นน่ะมันกระดุก กระดิกไม่ได้ นั่งอยู่อย่างนั้นน่ะ เดือน ไม่เป็น ไม่ตาย ไม่ บ่นว่าปวดด้วย มันไม่บ่นเลยว่าปวด เวลามันคลอดออกมามัน ร้องทันทีเลยนะ ปวด ปวด เวลามันอยู่ในท้องมันไม่ร้องสักคำ

ถ้าเรามีสติปัญญานึกคิดแบบนี้ ถ้าเรามีสติปัญญานึกคิด แบบนี้ เห็นไหม คนที่เขานึกคิดแบบนี้ เขาเห็นความทุกข์ ข้างหน้าที่มันหนักหนาสาหัสสากรรจ์กว่ากัน เขาถึงพยายามบังคับให้เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาขึ้นมาเพื่อ เพื่อจะหลุดพ้น เพื่อ จะไม่ต้องไปเผชิญกับความทุกข์อย่างนั้นอีก อย่างนี้มันทำให้เราเข้มแข็ง ไอ้นี่มันเกิดจากปัญญาของเรา นี่พูดถึงในวงกรรมฐาน นะ แล้วนี่ขนาดในวงกรรมฐาน พระปฏิบัติด้วยกันเองยังล้มลุกคลุกคลาน 

แล้วคำถามของโยมโยมบอกว่าโยมเป็นคนที่ปรารถนาดี อยากให้คนรอบข้างเราปรารถนาดี เราก็ชักชวนเขา ถ้าชักชวนเขา เขาเห็นด้วยก็จบ ถ้าเขาไม่เห็นด้วยก็ครั้งสองครั้ง อย่าไปชักชวนเขาอีก ถ้าไปชักชวนเขาอีก เห็นไหม เหมือนกับ เราไปพยายามแบบว่าเจ้ากี้เจ้าการกับเขา เขาเองเขาก็อาจจะ ต่อต้านก็ได้ เราทำของเรา ความดีของเรา เราทำของเรา 

ในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เขา ทำกันสมัยนี้ สายบุญๆ อยากจะเป็นหัวหน้าบุญ อยากจะชักชวนเขา อยากจะเป็นเทวดาเป็นหัวหน้าเทวดา เวลาไปเกิดเป็นเทวดาแล้วจะมีเทวดารอบข้าง จะทำคุณงามความดีก็ชวนกันไป สายบุญ ไอ้นั่นมันเป็นธุรกิจ มันเป็นเรื่องของโลกไง แต่ถ้าจริตนิสัย มันตรงกัน มันไปด้วยกันเป็นสหายเป็นอะไรกัน นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าเป็นไปไม่ได้ เราจะบอกว่าเราทำคุณงามความดีของเรา เราไม่ให้ทิ้ง แล้วอย่างพ่ออย่างแม่ ถ้าเราทำความดีของเรา ถ้าเราดีขึ้นเขาสนใจเอง ถ้าเขาสนใจ ถ้าไม่สนใจเองมันเป็นปัญหาอย่างนี้ อย่างที่ เห็นไหม เขาบอกเลยทำไมต้องไปทำที่วัดนั้นวัดนี้ ทำไมวัดอื่นทำไม่ได้ขนาดไปทำบุญยังทำไม่ได้เลย แล้วจะไปทำจะไปเลือกวัดอีก วัดใกล้บ้านก็ไม่ทำ จะไปทำไกลๆ อู๋ย! ลำบากไปหมดเลย โธ่! คนทำบุญเขาอยากสะดวกอยากสบายของเขา เพราะสายตาของคนไง เขาเห็นคุณค่าแค่นั้นไง 

แต่ถ้าสายตาของคนสว่างไสว เราเคยเจอที่บ้านไผ่ เขาเป็นเศรษฐีบ้านไผ่ ลูกหลานเขาไปที่บ้านตาด เวลาพ่อเขาทำบุญ เขาอยู่ที่บ้านไผ่ เขาต้องไปทำบุญที่วัดถ้ำกลองเพล ไปทำบุญกับหลวงปู่ขาว แล้วชาวบ้านที่บ้านไผ่ก็ถามว่าเฮ้ย! ทำไมเอ็งทำบุญ ทำไมต้องกระเสือกกระสนไปไกลวะเขาเป็นเศรษฐีนะ เขาบอก ของเรามีน้อย เราต้องเลือกเนื้อนาที่ดี นี่คนที่ฉลาด เขาขวนขวาย เขาเป็นเศรษฐี เศรษฐีบ้านไผ่ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ครึ่งอำเภอเป็นของเขา เขาเป็นเศรษฐีนะ แต่เขาทำบุญเขาเลือกของเขา แล้วเขาไปทำกับหลวงปู่ขาว ถ้ำกลองเพล เวลาเขาเสียชีวิตลูกหลานเขาเป็นนายแพทย์ทั้งนั้น เลย แพทย์หญิง นายแพทย์ ลูกๆ เขา - คนมานิมนต์ หลวงตา พอดีเราอยู่ที่นั่นพอดี เขาก็เล่าให้ฟัง

นี่ไง คนที่ฉลาดเขารู้จักขวนขวายหาบุญกุศลของเขา เขาทำคุณงามความดีของเขา ไอ้นี่เราก็เหมือนกัน มันต้องมีเทคนิค จะเอาพ่อเอาแม่ เพื่อนฝูง มันต้องมีเทคนิค เราจะพูดกันตรงๆ อย่างนี้เขาไม่ฟังหรอก โธ่! เอ็งรู้จักกิเลสน้อยไป กิเลสมัน มากกว่านั้นอีก แต่! แต่ถ้าเราทำคุณงามความดีของเรา แล้ว เขาทุกข์เขายากเนาะ เขากำลังทุกข์เต็มหัวใจเลย เขาเห็นเรา นั่งยิ้ม เขาบอกเฮ้ย! เอ็งทำไมไม่ทุกข์วะ เอ็งทำอย่างไรวะเขาสนใจแล้ว

เวลาเขาทุกข์เขายากนะ เรานั่งยิ้ม เรามีความสุขเอ๊ะ! แล้วความสุขมันมาจากไหนวะ” “อ้าว! ความสุขนี้มาจากคำ สั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้รู้จักประพฤติปฏิบัติ มีสติสัมปชัญญะรักษาหัวใจของตน หัดภาวนา” “แล้วทำอย่างไรล่ะเพราะคนมันทุกข์แล้วมันอยากจะสุข คนมันทุกข์แล้วมันอยากจะแสวงหา ถ้าอย่างนั้นน่ะโอกาสทอง นี่แหละโอกาสทองเลย แต่ถ้าเราจะไปบังคับเขามันแสนยาก

นี่พูดถึงว่า จริตนิสัยคนไม่เหมือนกัน กรรมฐาน ๔๐ ห้อง เห็นไหม ว่าจริตนิสัยของคนไม่เหมือนกัน วิธีการทำความ สงบถึงมีหลากหลายให้ทุกคนมีการเข้าสู่ความสงบนั้นได้ แล้วถ้า เข้าสู่ความสงบนั้นแล้ว แล้วฝึกหัดใช้ปัญญา มันจะเกิดภาวนา-มยปัญญา แล้วมันจะฉลาดขึ้น ตอนนี้ตัวเองว่าตัวเองเห็นโทษ แล้วพยายามจะให้คนอื่นเห็นโทษเหมือนเรา

วาสนาของคนนะ นี่ไง ประชาธิปไตย สิทธิของเขา สิทธิของแต่ละบุคคลที่จะคิดตามสิทธิ์ของเขา แล้วสิทธิ์มันมาจากไหน พันธุกรรมของจิตๆ จิตที่คิดดีๆ สุดยอด จิตที่เลวร้าย โอ้โฮ! มันทำลายคนอื่นเยอะนะ นี่เวรกรรมของสัตว์ แล้วเวรกรรมของสัตว์มันมาจากไหน มันมาจากอดีต แล้วปัจจุบันเราเกิดมา เห็นไหม เป็นเพื่อนกัน เป็นพี่เป็นน้องกัน

ไอ้นี่มันเป็นปัจจุบัน ผลของวัฏฏะไง สวะลอยตามน้ำ แล้วมากองกันอยู่กลุ่มหนึ่งคือชาติตระกูลของเรา แล้วพอน้ำ มันแรงนะมันพัดมันต้องแยกกันไป ไม่มีสิทธิ์อยู่ได้หรอก ผลของ วัฏฏะเหมือนเศษสวะลอยไปตามน้ำ แล้วไปกระทบกัน ไปแปะกัน การเกิดการพบกัน แล้วน้ำนั้นมันก็พัดแตกกันไป ผลของวัฏฏะ นี่พูดถึงการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ จบ

ถาม : เรื่องทำอย่างไรที่จะผิดน้อยที่สุด กรรมน้อยที่สุด

กราบหลวงพ่อ 

หนูมีคำถามค่ะ คือแมวจรจัดมาออกลูกที่บ้าน แล้วคาบลูกเข้าไปอยู่ในห้องเครื่องรถยนต์ หนูให้หน่วยกู้ภัยยกรถขึ้น แล้วเปิดฝาห้องเครื่องใต้ท้องรถเขี่ยลูกแมวออก ตัดสินใจเลี้ยง ไว้ชั่วคราว เพราะถ้าปล่อยไปเกรงแม่แมวจะคาบลูกแมวไปไว้ ในห้องเครื่องอีก หนูทุกข์มาก หากลูกแมวโตแล้วพอที่จะเอา ตัวรอด หนูจะนำไปปล่อยให้มีคนให้อาหารแมว หนูจะผิดและมีกรรมมากน้อยอย่างไร หนูกลัวกรรมค่ะ เพราะชาตินี้ก็ทุกข์มากพอแล้ว 

กราบขอเมตตาให้สติปัญญา แก้ปัญหาไม่ออก เพราะกลัวกรรมค่ะ

ตอบ : เวรกรรมเนาะ วันที่ไปให้หน่วยกู้ภัยมาแก้ไขก็ให้หน่วยกู้ภัยไปก็จบแล้ว นี่พอจะให้หน่วยกู้ภัยไปก็กลัวแมวมันคาบมาในรถอีก นี่ไง เนี่ยๆ กรรมมันหมุนเวียนไง มันหมุนเวียนไง ตัดสินใจตั้งแต่ทีแรกมันก็จบไปแล้ว ตัดสินใจ พอตัดสินใจไม่จบแล้วก็เลี้ยงไว้ เลี้ยงไว้ก่อน แล้วทีนี้เป็นทุกข์แล้วทุกข์มาก ถ้ามันโตขึ้นมา หนูจะไปปล่อยที่ไหน สิ่งที่ไปปล่อย เห็นไหม 

นี่ก็เหมือนกัน มันเป็นเวรเป็นกรรมของสัตว์ มันมาเกิด มาเห็นกันไง เมื่อก่อน เห็นไหม ดูสิ วัดเรา วัดทั่วๆ ไป เห็นไหม ก็เป็นวัดที่ทุกคนเอาสัตว์เลี้ยงมาปล่อย นี่วัดเราก็เหมือนกัน วัดเรานะ ที่หน้าวัด เช้าขึ้นมาพระบิณฑบาตออกไป โอ้โฮ! เอาแม่หมามาทั้งครอกเลย มานอนอยู่นั่นน่ะ เราก็บอกให้พระจับเข้ามา แล้วให้อาหารเต็มที่เลย เสร็จแล้วก็ให้เอาออกไป เพราะทางโลกเขาก็คิดว่า เวลาพูดถึงความเมตตา เห็นไหม พูดถึงศาสนา พูดถึงคุณธรรม ถ้าเอาสัตว์มาปล่อยแล้วท่านก็ต้องรับผิดชอบ เรา ต้องรับผิดชอบจริงไหม คนมาปล่อยกันเต็มเลย คนมาปล่อย เยอะแยะเลยนะ แต่ในวัดไม่มีหมาสักตัว ในวัดไม่มีหมาสักตัว

เพราะ เพราะความคิดของเราไง เวลาอยู่กับหลวงตานะ ท่านบอกว่าสัตว์เราก็เมตตา สัตว์เราก็สงสารมัน สัตว์ก็คือสัตว์ แล้วคนล่ะ คนก็คือคนนะ เราเป็นฆราวาสใช่ไหม เรามาวัดมาวา เราก็จะมาฝึกหัดภาวนาใช่ไหม แล้วนักบวชล่ะ พระล่ะ พระเป็นนักรบ นักรบพวกนี้เขาจะรบกับกิเลสไง คือว่าความดี ที่ดีกว่านี้ไง ความดีที่มากกว่าการเมตตาสัตว์ ดูแลเลี้ยงสัตว์ ความดีที่ทำให้คนเป็นคนดี ทำคนคนดีให้เป็นอริยบุคคล ทำอริยบุคคลให้เป็นผู้ที่มีคุณธรรม

งานของเราข้างหน้ายังมีอีกมากมายเลย ถ้างานของเราข้างหน้ายังมีอีกมากมาย สิ่งที่เป็นความพะรุงพะรัง การที่เขาเอาสัตว์เลี้ยงมาปล่อยอย่างนี้ แล้วเราก็เมตตาสัตว์ เอาสัตว์เลี้ยงเข้ามาไว้ในวัด แล้วก็บอกว่าใครจะมาอยู่วัดนี้ต้องเตรียมอาหารแมว อาหารหมา มาด้วยนะ เพราะหมาแมวมันมี แล้วถ้าพระ แล้วพระก็ต้องคอยดูแลหมานะ เพราะหมาเดี๋ยวมันจะไปกวนคนอื่น แล้วคนที่ปฏิบัตินะ ด้วยความเมตตาอันหนึ่งจะไปทำลายความดีเป็นกระบวนการไปหมดเลย เพราะการตัดสินใจที่ไม่เด็ดขาด การตัดสินใจไม่ได้จะสร้างความผูกพันไปอีกยาวไกลเลย

การตัดสินใจที่ถูกต้อง สัตว์เขาเอามาปล่อย เอามาปล่อยด้วยความเข้าใจผิดของเขาว่าที่นี่เป็นวัด ถ้าเป็นวัดแล้วเขาต้องมาปล่อยที่หน้าวัดนี้ เป็นครอกเลยนะ เราไปเห็นแม่สุนัข แม่แมว ทั้งแม่แมว แมวครอกหนึ่ง ถ้าแม่หมาก็หมาครอกหนึ่ง เราก็ให้พระดูแล เอาข้าวปลาอาหารให้กินอย่างดีเลย แล้วก็จับเอาไป ปล่อยที่มันสมควรจะอยู่ ไปปล่อยที่วัดที่เขาเลี้ยงดูแลได้ ไปปล่อยที่นั่น เพราะวัดเขาเลี้ยงดูแลได้ ความดีของเขา โทษนะ ไม่ได้ดูถูกนะ ความดีของเขามีแค่นั้น ความดีของเขาก็เมตตาสัตว์ ดูแลสัตว์ เลี้ยงสัตว์ ถ้าเขาดูแลได้ นั่นก็เป็นความดีของเขา 

ความดีของคนที่จะเอามรรคเอาผล ความดีของคนที่ต้องการที่ความสงบสงัด ความดีของคนที่พยายามจะค้นคว้าหาจิตใจของคน ความดีของคนที่พยายามต้องการวันและเวลาในการประพฤติปฏิบัติ ความดีของคนมันมีมากมายมหาศาล เราไม่ใช่มาติดความดีแค่นี้ 

เขามาปล่อยกันเยอะแยะ พระสงบตัดสินใจเด็ดขาด ให้อาหารดูแลอย่างดี แล้วก็เอาไปปล่อยไว้ที่ที่มันสมควรที่จะอยู่ ให้สมควรอย่างนั้น ไม่ทอดธุระ ไม่นิ่งดูดาย ไม่ใช่ไม่สนใจชีวิตสัตว์ ชีวิตสัตว์ควรไปอยู่ในที่ที่เหมาะสมของเขา ที่เหมาะสมของเขา คนที่เขาทำคุณงามความดีแค่นั้น เขาสามารถดูแลชีวิตของสัตว์ได้ เขาเห็นว่านี่เป็นความดีของเขา ให้เขาดูแล 

คนที่จะดูแลจิตใจของคน จิตใจของคนที่ต้องการที่ความสงบสงัด จิตใจของคนต้องการมรรคต้องการผล จิตใจ ของคนที่ต้องการใฝ่ดีอย่างนี้ เขาอยู่ในที่เป็นสัปปายะ เขา ต้องควรอยู่ในที่สงบสงัด เขาไม่ควรอยู่ในที่สิ่งใดมารบกวนเขา สิ่งนั้นมารบกวนเขา แล้วภาษาเรานะ ถ้าพูดถึงเป็นบาปเป็นกรรม เห็นไหม คนจะทำคุณงามความดี จิตกำลังจะลงสมาธิ เสียงหมามันเห่าขึ้นมา หมานั้นก็ได้เวรได้กรรมไป ไอ้คนที่จะทำภาวนาก็หลุดจากคุณงามความดีของตัวเองไป คนที่ทำคุณงาม ความดี ทำสมาธิได้ จะเกิดภาวนา เกิดปัญญาขึ้นมา ก็ต้อง มาห่วงมาใยเรื่องนั้น เรื่องนี้ เรื่องนู้น โอ๋ย! ตาย มันล้มลุกคลุกคลานไปทั้งขบวนเลย แต่ของเราจบ

ย้อนกลับมาคำถามทุกข์มากเลย เพราะต่อให้มันจะ โตขึ้นจิตใจอ่อนแอ จิตใจของเรา จิตใจของเรา เห็นไหม เรา ต้องมีเหตุมีผล เราคิดของเรา เมตตาก็ส่วนเมตตา ถ้าเราเลี้ยงดูแลได้ เราก็เลี้ยงดูแลของเราไป ในทางโลกพวกสัตวแพทย์เขาพูดเลย ถ้าเราจะเอาสัตว์อะไรมาเลี้ยงทั้งชีวิตของเขา คิดดูให้ดีก่อน ว่าเรามีความสามารถอย่างนั้นหรือไม่ ถ้าเราสามารถดูแลเขาทั้งชีวิต เราถึงจะไปเอาสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยง ถ้าเราคิดว่าเราไม่มีความสามารถจะดูแลเขาได้ อย่าไปเอามาเลี้ยง เห่อตามกัน แล้วไปปล่อยตามถนนหนทางเป็นสัตว์พเนจรอยู่เต็มกรุงเทพฯ เลย เพราะเห่อกันไปพักๆ หนึ่งไง ไม่คิดให้ตลอดรอดฝั่งไง

นี่ก็เหมือนกัน ถ้ามันติดอย่างนั้น เขาติดในรถแล้ว เสร็จแล้วเราให้บรรเทาสาธารณภัยไปก็ได้ เพราะเราไม่มีความสามารถจะเลี้ยงเขาได้ตลอดไป ไอ้นี่เอามาเลี้ยงไว้แล้วแมวก็ทุกข์ เพราะ ให้มันกินครึ่งๆ กลางๆ เพราะอะไร เพราะเราก็ทุกข์อยู่ไง คิดได้บ้าง คิดไม่ได้บ้าง ต่างคนต่างทุกข์ ให้มันจบกระบวนการกันไป สิ่งที่เขาดูแลได้เขาก็ดูแลกันไป ที่ดูแลได้นะ แต่เราไม่ทำลายใครนะ เราทำลายใครไม่ได้ แต่เราก็ไม่ได้ต้องตัดสินใจ ให้ได้ ตัดสินใจให้ได้

ถ้าตัดสินใจได้ ไอ้กรณีนี้มันก็เป็นกรรมของสัตว์ๆ ทั้งนั้น ถ้าเป็นกรรมของสัตว์นะ นี่ทำตามนั้น แล้วมันมีอย่างนี้มาตลอดไป นี่ที่เราพูดเหมือนพระสงบเนี่ย หน้าวัดเขามาปล่อยประจำ เลย แล้วต่อไปก็จะมาปล่อยอีก เพราะอะไร เพราะสังคมไง มันไม่มีวันที่สิ้นสุด ปัญหาสังคมไม่จบสิ้นหรอก ปัญหาสังคมมันมีมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคตก็จะมีต่อไป คนที่หัวใจประเสริฐ คนที่หัวใจดีงาม เขาก็ช่วยส่งเสริมดูแล คนที่เห็น แก่ตัวมันก็จะเอารัดเอาเปรียบของมัน คนที่เป็นภาระเขา มันทำตัวเองเป็นภาระ แล้วมันก็ทำให้คนอื่นเป็นภาระไปด้วย สังคมเป็นอย่างนี้ตลอดไป

ถ้าสังคมเป็นอย่างนี้ตลอดไป เห็นไหม เราจะมาพัฒนากัน เพราะพัฒนาหัวใจของเราให้เข้มแข็ง พัฒนาหัวใจของเราให้ ดีงามขึ้นมา เราก็พัฒนาหัวใจของเราให้ดีงามขึ้นมา แล้วก็ อย่างที่เราว่า สังคมมันยังมีเรื่องอย่างนี้ตลอดไป เรายังมีชีวิตอยู่ เราก็จะเจอปัญหาอย่างนี้ตลอดไป แล้วเราก็จะบริหารจัดการมันอย่างนี้ บริหารจัดการไป สัตว์ก็คือสัตว์ ฆราวาสก็เป็นฆราวาส นักปฏิบัติก็เป็นนักปฏิบัติ พระก็คือพระ มันคนละชนชั้นกัน คนละระดับกัน

คนเวลาบวชเป็นพระ พระต้องไม่ใช้ชีวิตแบบคฤหัสถ์ พระไม่ใช่คฤหัสถ์ คฤหัสถ์ไม่ใช่พระ โยมเป็นโยม พระเป็นพระ แล้วเวลาปฏิบัติขึ้นไป พระอริยบุคคลเป็นพระอริยบุคคล ไม่ใช่เป็นพระปุถุชน พระอริยบุคคลแต่ละชั้นแต่ละตอนก็สอนไม่เหมือนกัน โสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตตมรรค มรรค ผล วุฒิภาวะของพระอริยบุคคล ก็แตกต่างกัน แล้วพระอริยบุคคลถึงสิ้นกิเลสไปแล้ว จบ ไม่ต้องไปสอนเขา คนไม่มีกิเลสไม่ต้องไปสอนเขา เขารู้รอบ ขอบชิดครบกระบวนการของเขา นี่คือผลของวัฏฏะ

นี่พูดถึงทำอย่างใดให้เป็นกรรมน้อยที่สุดเป็นกรรมน้อยที่สุดถ้าเราดูแลได้ เห็นไหม เราก็ดูแล ถ้าดูแลไม่ได้ บอกทุกข์มาก ทุกข์มากดูแลด้วยความเป็นทุกข์ ถ้าดูแลด้วย ความเป็นทุกข์ อนาคตเราดูแลได้หรือไม่ ถ้าดูแลไม่ได้ ที่เขา ควรอยู่ ตอนนี้นะ ในข่าว ปัญหาของประเทศไทยคือลิง กำลังประชุมกันว่าจะจับลิงไปปล่อยที่ไหนกันทั้งประเทศไทย ปัญหาของประเทศไทย คือปัญหาลิงไม่มีที่จะอยู่ นี่คือปัญหาสังคม

อันนี้ก็เหมือนกัน แต่! แต่ยกเข้ามาที่นี่ไง ยกที่ว่าเขาทุกข์มาก แล้วคิดว่าหนูจะนำเขาไปปล่อยในที่ที่คนให้อาหาร หนูจะผิดหรือไม่ จะมีกรรมมากน้อยแค่ไหนอย่างไร หนูกลัวกรรมค่ะ เพราะชาตินี้ก็ทุกข์มากพอแล้ว ชาตินี้ก็ทุกข์มากพอแล้วชาตินี้ เราทุกข์ ทุกข์ ควรกำหนด สมุทัยควรละ ชาติปิ ทุกฺขา ชาติ การเกิดเป็นทุกข์อย่างยิ่ง ในเมื่อเราเกิดแล้ว เวลาเราเกิดเป็นมนุษย์ อริยทรัพย์ เกิดเป็นมนุษย์เพราะมนุษย์มีสมอง เพราะมนุษย์มีอำนาจวาสนาในการประพฤติปฏิบัติ เกิดเป็นมนุษย์มี อำนาจวาสนามาก แต่คนเกิดมาด้วยเวรด้วยกรรม มันก็เกิดทุกข์เกิดยากอย่างนี้

แต่ถ้าคนที่มีอำนาจวาสนาอย่างที่เราเทศน์ ถ้ามีอำนาจวาสนานะ จิตถ้าดูแลหัวใจของเราได้ ยิ้มเลย จริงๆ เราไม่เคยแบบว่าคิดน้อยใจในชีวิตเราเลยนะ จริงๆ ชีวิตเราทั้งชีวิต เราไม่เคยคิดน้อยใจเลยว่าเราเกิดมาต่ำต้อย เกิดมาผิดพลาด ไม่เคยเลย พอใจ เพราะเราทำมาเอง เราทำของเรามาเอง แล้วสิ่งที่ เราทำมาเอง ตอนนี้สิ่งที่เราทำมาแล้วเราไม่เคยคิดน้อยใจ ไม่คิดสิ่งใดทั้งสิ้น ถ้าเรายิ่งประพฤติปฏิบัติเข้าไปแล้ว ถ้าเรามีคุณธรรมในหัวใจ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ พระที่ ประพฤติปฏิบัติที่มีความจริงแบบหลวงปู่มั่นอยู่ในป่าในเขามีความสุขมาก

หลวงตาท่านพูดประจำ สิ่งที่ปรารถนาคืออยู่คนเดียว สิ่งที่เป็นสุดยอดความปรารถนาของหลวงตานะ ท่านบอกท่านอยากอยู่คนเดียวเฉยๆ อยู่คนเดียวนิ่งๆ ไม่มีใครมายุ่ง นี่คือ สุดยอดความปรารถนาเลย สุขแท้ๆ อยู่ตรงนั้น แต่นี่มันเป็น ไปไม่ได้ไง สุดยอดความปรารถนาของหลวงตาคืออยู่เฉยๆ คนเดียว อย่าใครมายุ่ง แหม! เป็นยอดความปรารถนาของท่าน จิตใจถ้ามีธรรมต้องเป็นแบบนั้น เพราะนั่นล่ะคือความสุข คือธรรมแท้ๆ ในใจของท่าน ในใจที่มีธรรมนะ ธรรมเหนือโลกสุดยอด

แต่นี่มันปากประกาศว่ามันมีธรรมกัน แล้วมันเป็นหมาบ้า เที่ยวเรี่ยไร เที่ยวหาผลประโยชน์ โอ๋ย! กูจะบ้าตาย ทำอะไร ของมึงวะ 

แต่หลวงตาท่านพูดเลย ถ้าสุดยอดของความปรารถนาคืออยู่คนเดียว อยู่เฉยๆ อย่าให้ใครมายุ่ง นั่นน่ะสุดยอดความปรารถนา นั่นน่ะถ้ามีคุณธรรมมันเป็นแบบนั้น

แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่เราจะแก้ไข เราก็แก้ไขตามความ เหมาะสม ถ้ามันจะทุกข์มากให้ไปอยู่ในที่เขาควรอยู่นะ เขาอยู่ได้ แล้วเราอย่างที่ว่า สิ่งใดที่เราไม่มีความพร้อม อย่าเอาเข้ามา เอาเข้ามาแล้วเป็นภาระมาก แล้วถ้าเราจะภาวนาของเรา เราหาที่สงบสงัดของเรา แล้วหัดภาวนาของเรา เราดูแลรักษาใจของเรา งานของเรายังไม่เสร็จ

เวลาพระไปลาหลวงตาเมื่อก่อนว่าจะไปนู่นไปนี่ ท่านถามว่างานของเราเสร็จแล้วหรืองานสำคัญคืองานการประพฤติปฏิบัติ การเกิดและการตาย ถ้างานนี้ยังไม่จบ อย่าเห่อเหิมทะเยอทะยานไปแสวงหางานต่างๆ ถ้างานการเกิดและการตายจบแล้ว จะไปทำสิ่งใดนั้นมันเป็นที่จริตนิสัย งานของตนทำให้จบก่อน งานของตนยังทำไม่จบ แส่ แส่ แส่ไป หางานทั่วๆ ไป เอวัง