เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๔ ก.พ. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ฟังธรรมะเนาะ ตั้งใจฟังธรรม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วันนี้วันพระ วันพระ ดูสิ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดมาเป็นลูกกษัตริย์ ลูกกษัตริย์อุดมสมบูรณ์ทางโลก แต่ท่านไปเที่ยวสวนเห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตายใช่ไหม เราต้องอยู่ฝั่งตรงข้ามที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย

เวลาท่านออกแสวงหาๆ นะ ด้วยความที่ว่าเป็นกษัตริย์นะ เวลาเป็นกษัตริย์มันเพียบพร้อมสมบูรณ์ไปทั้งนั้นน่ะ เวลาออกไปแสวงหา เป็นผู้ที่แสวงหา มันจะได้อะไรมามันต้องอดทน มันต้องต่อสู้กับกิเลสตัณหาความทะยานอยากของตน

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมๆ ขึ้นมา เวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมา วิมุตติสุขๆ วิมุตติสุขมันสุขที่ไหน มันสุขที่หัวใจนั้นไง

ถ้าสุขที่หัวใจนั้นนะ หัวใจนั้น ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ธรรมไปน่ะ สังคมใดที่เขาเดือดร้อน สังคมใดที่เขามีความทุกข์ มีโรคระบาด มีความทุกข์ความยาก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไปโปรดให้เขามีความร่มเย็นเป็นสุขของเขา ให้เขามีความพออยู่พอกินของเขา ให้ครอบครัวเขาเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา

วันพระ วันนี้วันพระ เราแสวงหาของเรา เราทำของเรา เราเกิดมาเป็นคนๆ เป็นคนมันดีที่หัวใจนี้ ถ้าหัวใจนี้ถ้ามันมีจุดยืนของมัน มันจะมีน้ำใจต่อสัตว์โลก น้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ถ้ามีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ทำคุณงามความดี ทำคุณงามความดีเพื่อหัวใจดวงนี้ ถ้าหัวใจดวงนี้ สิ่งที่เราเสียสละไป เราทำเพื่อคุณงามความดีของเรา

เราไม่ได้ทำเพื่อเอาหน้าเอาตา เราไม่ได้ทำเพื่อกดขี่ข่มเหงใคร อันนั้นมันทำเพื่อกิเลสไง จะทำสิ่งใดก็ต้องให้คนรับรู้ จะทำสิ่งใดก็ต้องให้คนยกย่องสรรเสริญ จะทำสิ่งใดๆ กิเลสทั้งนั้น เพราะมันทำเพื่ออำนาจบาตรใหญ่

แต่ถ้าทำโดยธรรมๆ โดยธรรมมันกฎเกณฑ์ของตนให้ลงไป แล้วทำเพื่อประโยชน์กับเราๆ ประโยชน์เพื่อเจตนาที่สะอาดบริสุทธิ์ไง เราไม่ได้ทำเพื่อให้เขายกย่องสรรเสริญเรา เราทำเพื่อไม่ให้เขาตกทุกข์ได้ยาก เขามีอยู่มีกินของเขา เราดูแลเขา

แต่ถ้าเราจะทำเพื่อประโยชน์สังคมๆ ประโยชน์สาธารณะ ประโยชน์สาธารณะทุกคนได้ใช้ได้สอยร่วมกัน แต่เวลาจะประพฤติปฏิบัติของใครของมัน ไม่มีใครทำแทนใครได้นะ ถ้าไม่มีใครทำแทนกันได้ เห็นไหม

คนเกิดมาต้องมีอำนาจวาสนา ถ้ามีอำนาจขึ้นมามันจะมีจิตใจที่เป็นสาธารณะ จิตใจที่ทำเพื่อเราๆ ไง ถ้าทำเพื่อเรา เพื่อเราก็เพื่อสังคมนั่นแหละ ถ้าสังคมร่มเย็นเป็นสุข เราจะมีโอกาสภาวนา

วันนี้วันพระตรงกับวันไหว้ เวลาวันไหว้ๆ เขาไหว้ของเขา ไหว้บรรพบุรุษของเขา ถ้าไหว้บรรพบุรุษของเขา นี่ไง ที่ว่าจิตเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะๆ ถ้ามันเป็นชาติเป็นตระกูลของเรา เราจะระลึกถึงมันมีความผิดตรงไหน มันไม่มีความผิดหรอก

แต่เวลาเราทำบุญกุศล อุทิศส่วนกุศลคุณงามความดีของเราๆ เวลาสะอาดบริสุทธิ์ ถือรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้วต้องเชื่อในรัตนตรัย

ถ้าเชื่อในรัตนตรัย แล้วเขาเชื่อจริงๆ นะ

เวลาที่ผู้ประพฤติปฏิบัติเวลามีดวงตาเห็นธรรมๆ ไม่ถือมงคลตื่นข่าว ไม่ถือมงคลตื่นข่าว มันรู้ชัดเห็นจริงตามหัวใจนั้น ถ้ามันรู้ชัดเห็นจริงตามหัวใจนั้น

สิ่งใดที่มีคุณค่า เหมือนเรากินอาหาร อาหารที่เป็นพิษเราก็ไม่ต้องการ อาหารที่เป็นพิษน้อยเราก็หลีกเลี่ยงใช่ไหม อาหารที่เป็นคุณประโยชน์กับเรา นี่ก็เหมือนกัน การกระทำๆ เรารู้เราเห็นของเรา แต่เรารู้เราเห็นของเราแต่มีความจำเป็น เวลาคนมีความจำเป็นของเขา เขาไม่มีอาหารที่สะอาดบริสุทธิ์ของเขา เขามีอาหารที่เขาพอประทังชีวิตของเขาได้ เขาก็ขอประทังชีวิตของเขาไป มันเป็นประเพณีวัฒนธรรมน่ะ

ถ้าคนที่เขาสะอาดบริสุทธิ์ เขาสะอาดบริสุทธิ์ในหัวใจของเขา ถ้าเขาไม่ถือมงคลตื่นข่าว ไม่ถือมงคลตื่นข่าวในหัวใจของเรา ถ้าไม่ถือมงคลตื่นข่าวในหัวใจของเรา เราไม่สำมะเลเทเมา เราไม่เหลวไหล เราไม่กะล่อน เราไม่ปลิ้นปล้อน

แหม! ถือรัตนตรัย ไม่ถือมงคลตื่นข่าว เวลาพูดอย่างทำอย่าง คิดอย่างหนึ่ง พูดอย่างหนึ่ง ทำอย่างหนึ่ง นี่สัตว์ประหลาด เวลาผลประโยชน์ก็ของเรา เวลาไม่ใช่ก็ของคนอื่น นี่ไง อย่างนี้หรือที่ว่าถือรัตนตรัย อย่างนี้หรือที่ไม่ถือมงคลตื่นข่าว

แต่เวลาสังคมเขามีสติปัญญาของเขา เขาได้ทำบุญกุศลของเขา เขามีพ่อแม่ปู่ย่าตายายของเขา เขาจะระลึกถึงของเขานะ เวลาวันตรุษวันสารทของเขา เขาเคารพบูชาของเขาก็เรื่องของเขา เรื่องของเขา คนมีความเห็นอย่างนั้น เขามีความสุขอย่างนั้น

ทุกคนต้องให้กินอาหารเหมือนกัน ทุกคนต้องให้สะอาดบริสุทธิ์เหมือนกัน ในโลกนี้มันไม่มี ถ้าโลกนี้ไม่มี คนเราถ้าขาดที่พึ่งแล้วมันว้าเหว่นะ ถ้าคนมันไม่ขาดที่พึ่ง ในเมื่อหัวใจของเขายังไม่เข้มแข็งพอ เขาจะหาที่พึ่งของเขาต่อเนื่องไป

ความเป็นที่พึ่งของเราๆ ไง ถ้าที่พึ่งของเรา คนเรามันมีกำลังมากขึ้น มันฉลาดมากขึ้น มันก็จะแสวงหาสิ่งที่พึ่งที่มีคุณประโยชน์ไง

เวลาเราสวดมนต์ทุกวัน “สิ่งที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่ สิ่งที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่” เราก็ทำคุณงามความดีเราแล้ว เราก็สร้างประโยชน์ของเราแล้ว แต่สิ่งที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่ เห็นไหม

เวลามันสุขสงบมันก็สุขสงบของมัน เวลามันเครียดมันทุกข์มันยากมันทุกข์ของมัน มันเป็นอนิจจัง มันไม่คงที่ มันพึ่งได้ชั่วคราว มันพึ่งไม่ได้เต็มที่ มันพึ่งไม่ได้จริงจังไง ถ้าที่พึ่งจริงจังมันทำอย่างไร

นี่พระพุทธศาสนา ถ้าเขาจะเอาจริงเอาจัง เวลาเข้าถึงพระพุทธศาสนา เราทำทาน เรามีศีล เราจะปฏิบัติของเรา เราจะควบคุมดูแลหัวใจของเรา

เราจะมีอำนาจวาสนามากน้อยแค่ไหน เราก็มีศรัทธาความเชื่อที่อยากจะค้นคว้าหาสัจจะความจริงในใจของเรา ถ้าเราค้นคว้าหาสัจจะความจริงในใจของเรา เห็นไหม

เวลาคนประพฤติปฏิบัติไป นรกสวรรค์มีหรือไม่ ภพชาติมีหรือไม่ เวลามันสงบเข้ามามันเห็นใจของตนน่ะ โอ้โฮ! นรกสวรรค์มีหรือไม่ๆ มันฝังใจน่ะ

คนทำความสงบของของใจได้ ดูสิ ฤๅษีชีไพรที่เขาทำฌานสมาบัติก็ความสงบนี่แหละ ทำไมเขาระลึกชาติได้ ทำไมเขารู้ได้เขาเห็นได้ ถ้าเขารู้ได้เขาเห็นได้ เห็นแล้วก็เห็นเลยไปไง เห็นแล้วก็ไม่มีประโยชน์กับตนไง

แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านรู้ท่านเห็น ท่านรู้ท่านเห็นเพื่อมาให้เราสลดสังเวชไง ให้เราเห็นโทษของมันไง ให้เห็นโทษของความที่ไม่สิ้นสุดแห่งทุกข์มันจะเป็นอย่างนี้ไง

แล้วถ้ามันจะสิ้นสุดแห่งทุกข์ล่ะ ใครสอน ที่ไหนเขาสอนกันน่ะ มีแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง ศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล ศาสนานั้นไม่มีการกระทำ ศาสนานั้นไม่มีผล

นี่ไง เวลามรรคมันเกิด มรรคเกิดในตำราใช่ไหม เวลาศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่ไง มรรค ๘ งานชอบ เพียรชอบ ระลึกชอบ ชอบ แล้วชอบของใครล่ะ ชอบของกิเลสไง ถ้ากิเลสมันชอบมันก็ว่าชอบ ถ้ากิเลสมันสะเทือนมันก็ไม่ชอบ นี่มันชอบของกิเลสไง มันไม่ชอบตามความจริงไง มันก็เลยไม่มัชฌิมาปฏิปทา

มัชฌิมาปฏิปทา ความชอบธรรมๆ ถ้าความชอบธรรมขึ้นมา เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นไป พระพุทธศาสนามันยอดเยี่ยมอย่างนี้ มันสุดยอดอย่างนี้ แล้วมันสุดยอดขึ้นมาแล้วถ้ามันเป็นจริงมันเห็นจริงของมันนะ

เวลาเห็นจริง เห็นไหม ล้มลุกคลุกคลาน ดูสิ เราทำความสงบของใจกว่าจะระงับเข้ามา แล้วเวลาเกิดปัญญาขึ้นมา ปัญญาที่มหัศจรรย์ ปัญญาที่มันเป็นภาวนามยปัญญานะ ปัญญาที่มันถอดมันถอนไม่ใช่ปัญญาของเรานะ ไม่ใช่ปัญญาไม่เข้าข้างใครนะ ไม่ใช่ปัญญาลำเอียงไง ถ้าลำเอียงมันจะเป็นมัชฌิมาปฏิปทาได้อย่างไร

ในเมื่อเราเป็นปัญญาของเรา เราเป็นคนคิดมันก็ต้องดีไปหมด มันคิดเห็นทุกอย่างถูกต้องดีงามไปหมดเลย แต่คนอื่นผิดทั้งนั้น

มันจะผิดมันจะถูกมันเรื่องของเขา เรื่องของเรามันต้องถอนพิษไข้ในใจของเรา เห็นถูกๆ ไปเพิ่มทิฏฐิมานะ เห็นถูกๆ ยกตนข่มท่าน เห็นถูกๆ แล้วแต่ความให้หลงใหลเคลิบเคลิ้มไปกับความสลบไสลที่กิเลสมันหลอก ถูกหรือ ถูกใช่ไหม

ถ้ามันถูกๆ มันสำรอกมันคายอย่างไร มันเห็นเป็นความจริงอย่างไร เวลาทำขึ้นมา เวลามันถูกใจๆ มันก็ดีงามพักหนึ่ง เวลามันขัดใจ ขัดใจก็ทุกข์เกือบตาย อ้าว! ไหนว่าถูกไง ถ้าถูกมันไปทุกข์ทำไมล่ะ เวลาถูกก็พอใจ เวลามันขัดใจมันก็ทุกข์...นี่มันไม่เป็นจริง

ถ้ามีสติปัญญาเสียหน่อย มีสติปัญญาเสียหน่อยมันต้องจับ มันต้องตรวจสอบ ต้องดูแลทั้งนั้น ดีหรือชั่ว ดีก็ชื่นชม ชั่วก็ต้องกำจัด ชั่วก็ต้องแสวงหา ต้องมีวิธีการกระทำให้มันสิ้นไปได้ ถ้ามันสิ้นไปได้ สิ้นไปได้นะ

แต่นี่มันไม่ได้ให้มันสิ้นไป กิเลสมันพลิกมันแพลงมันหลบมันหลีกนะ เวลาเราทำคุณงามความดีขึ้นมามันหลบมันหลีก เวลาการกระทำ คนเราการกระทำถ้ามันยังไม่สมบูรณ์ขึ้นมา เวลาทำไปแล้ว “ว่างๆ ว่างๆ”

เวลาครูบาอาจารย์ที่ท่านเทศนาว่าการมันโต้งๆ แต่คนมันไม่เข้าใจ

วิธีขุดคุ้ยหากิเลสนั่นเป็นงานอย่างหนึ่ง วิธีการใช้สติปัญญาฆ่ามันทำลายมัน มันเป็นอีกอย่างหนึ่ง

เริ่มต้นจากวิธีที่ขุดคุ้ยหากิเลสเรื่องหนึ่ง

“กิเลสเป็นนามธรรม จะไปรู้มันได้อย่างไร จะไปเห็นมันได้อย่างไร มันเป็นนามธรรม กว่ากิเลสมันจะเกิดก็ต้องให้เกิดเหมือนผลไม้ เวลาผลไม้เวลามันเกิดเป็นช่อเป็นดอกแล้ว แล้วมันก็เจริญไปข้างหน้า เจริญไปข้างหน้าเดี๋ยวผลไม้ก็จะมาตกอยู่ข้างหน้า แล้วเราก็จะได้วิปัสสนามัน”

โอ้โฮ! แต่งนิยายเรื่องอะไรวะเนี่ย นี่เวลากิเลสมันแต่งให้

นี่มันบอกว่านี่มันคืออริยสัจ อริยสัจที่เราแต่งขึ้นมาเอง อู๋ย! มันร้อยแปด นี่ไง ปัญญาอย่างนี้หรือ มีปัญญาอย่างนี้ทั้งนั้นน่ะ ถ้ามันเป็นจริงๆ มันไม่เป็นสัจจะไม่เป็นความจริงไง

ขณะที่มันแต่งนิยายขึ้นมานี่มันส่งออกแล้ว มันกำลังจะตกทะเลตายอยู่นู่นน่ะมันยังไม่รู้ตัวนะ

แต่เวลาขุดคุ้ยหากิเลสๆ ขุดคุ้ยหาที่มันหลอกมันลวง ที่มันส่งออกที่มันหลอกลวงให้เราวิ่งออกไปข้างนอก เอ็งจะเจอมันได้อย่างไร วิธีขุดคุ้ยหากิเลส แต่วิธีขุดคุ้ยคนไม่รู้จักหรอก มันไม่เป็นหรอก

มันจะไปเซเว่น หิวเมื่อไหร่มาเซเว่น มาได้เลย เซเว่นนี่พร้อม เมื่อไหร่ก็เจอกิเลส...จริงหรือวะ กิเลสมันเซ่อขนาดนั้นเชียวหรือ ถ้ากิเลสมันเซ่อขนาดนั้นน่ะมันไม่มีคนเกิดคนตายมากมหาศาลขนาดนี้

กิเลสมันฉลาดกว่าเอ็ง กิเลสมันฉลาดกว่านั้น มันไม่ใช่หิวเมื่อไหร่มาเซเว่น ไม่มี

กว่าจะเจอมันได้ กว่าจะขุดคุ้ยมาได้ เพราะเซเว่นคือมันหลอก คนที่มีเงินมีทองขึ้นมานะ ถ้ามันจับจ่ายใช้สอยฟุ่มเฟือยนะ ไปเซเว่น ไปเซเว่นซื้อทั้งหมดเลย เงินหมดกระเป๋า พอเงินหมดแล้ว เข้าเซเว่นเขาก็ไม่ให้เข้า มันเป็นไปได้ไม่หรอกที่เซเว่นจะให้เอ็งเข้า เซเว่นจะให้เข้าเพราะเอ็งมีตังค์ ถ้าเอ็งไม่มีตังค์ล่ะ

นี่เหมือนกัน ถ้าเอ็งทำความสงบของใจได้ เอ็งก็ยังมีความมั่นคงในใจของเอ็ง

ถ้าเอ็งทำความมั่นคงในหัวใจไม่ได้ สำมะเลเทเมา ทุศีล ผิดศีล ฉ้อโกงเขา ทำลายเขา เพราะอะไรล่ะ เพราะว่าฉันเกิดมาแล้วฉันเป็นคนทุกข์คนจน ฉันเกิดมาฉันไม่มีโอกาส นี่มันประชดตัวมันเอง มันทำร้ายตัวมันเอง นั่นน่ะเข้าเซเว่นไหม เซเว่นมันให้เข้าไหม นี่เวลากิเลสมันหลอกไม่รู้ตัวเลย

แต่พอเราจะรู้ทัน รู้ทันของเราได้นะ ถ้ารู้ทันของเรา เรามีอำนาจวาสนา

วันนี้วันพระ วันพระวันผู้ประเสริฐ ประเสริฐที่กลางหัวใจของเรานี้ แต่ที่เราเกิดมาแล้ว เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เราเกิดมาเรามีพ่อมีแม่มีปู่มีย่ามีตามียาย เราเกิดมาแล้วเราอยู่ในสังคมที่ไหน ประเพณีวัฒนธรรมอย่างใด เราจะทำคุณงามความดีในสังคมประเพณีวัฒนธรรมนั้น เราจะไม่ไปกีดไม่ไปขวางเขา

แต่ถ้าหัวใจที่มันเจริญมันงอกงามขึ้นมา มันเจริญงอกงามเจริญขึ้นมาในใจของเรา ใจของเราที่งอกงามเจริญขึ้นมา เรารู้ได้

เขาก็ทำประโยชน์ของเขา เราก็ทำประโยชน์ของเรา แล้วประโยชน์ที่ดีขึ้นไปกว่านี้ ประโยชน์ที่เรานั่งลงแล้วหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธคือการภาวนา การภาวนาคือจะฝึกหัดสติปัญญา

ถ้ามีสติปัญญานะ ปัญญาเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ถ้ามีปัญญาที่ไหน ถ้ามนุษย์ทุกคนมีปัญญาขึ้นมา

๑. จะไม่เป็นเหยื่อของสังคมโลก

๒. มันจะทำตัวมันเองให้เป็นคนดีไง

ถ้ามันมีปัญญาขึ้นมามันจะทำชั่ว นี่หรือคนที่มีปัญญา นี่หรือ มันจะคอยเตือนตัวมันเองไงว่าเราทำอย่างนี้ไม่ได้ เราทำสิ่งชั่วร้ายไม่ได้ เรากว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์นี้มีคุณค่าขนาดนั้น แล้วเราไปทำสิ่งชั่วร้ายให้มันเกิดต่ำต้อยไปทำไม

ถ้ามันจะทุกข์มันจะยาก มันจะทุกข์ยากเพราะเวรกรรมของเรา เราสร้างของเรามา เราจะทำคุณงามความดีของเรา เราจะกัดฟันทนของเรา ถ้าเรากัดฟันทนของเรา ทำคุณงามความดีของเราต่อเนื่องไปๆ สักวันหนึ่งถ้าเวรกรรมมันเบาบาง มันจะตอบสนองให้เราประสบความสำเร็จของเราขึ้นมาได้บ้าง ถ้ามันยังไม่ได้บ้าง เราก็กัดฟันทน

เพราะเราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา คนที่เกิดเป็นมนุษย์แล้วเกิดได้พบพระพุทธศาสนาหาได้ยาก ดูสิ ประชากรในโลกนี้กี่พันล้านคน พระพุทธศาสนาในเมืองไทยไม่ถึงร้อยล้าน แล้วในทั้งโลกมีเท่าไร

พระพุทธศาสนา ศาสนาแห่งเสรีภาพ ศาสนาแห่งอิสรภาพ ไม่มีการกดขี่ข่มเหง ลัทธิศาสนาอื่นเขามีการกดขี่ข่มเหงโดยที่พวกเราไม่รู้ เขาพอใจเขาก็ยอมให้กดขี่ข่มเหงกัน

แต่ของเรานะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ คนที่ยังไม่เชื่อฟัง ยังไม่เชื่อยังไม่เห็นผลก็ให้ฝึกหัดเรื่องของทาน เรื่องของทานเรื่องของการกระทำให้คนมีมาตรฐานขึ้นมา พอมีมาตรฐานขึ้นมา ให้ฝึกหัดมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา

นี่พระพุทธศาสนานะ เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เรามีคุณค่าขนาดไหน การเกิดเป็นมนุษย์นี้ ถ้ามันจะทุกข์มันจะยาก มันจะทุกข์ยากก็เพราะเวรเพราะกรรม ก็เราเชื่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

เพราะเราเชื่อ เราเชื่อในปัญญาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเชื่อเรื่องเวรเรื่องกรรมไง ถ้าเรื่องเวรเรื่องกรรม ในปัจจุบันนี้เราก็ทุกข์ก็ยากอยู่ขนาดนี้ แล้วเราก็จะตะบี้ตะบันทำให้มันทุกข์มันยากมากไปกว่านี้ เราโง่หรือเราฉลาดล่ะ

ถ้าเราฉลาดเราต้องมีความมั่นใจของเรา เรามั่นใจในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ของเรา แล้วเราจะทำคุณงามความดีของเรา ถ้ามันจะประสบความสำเร็จ ถ้ามันแก้ไขชีวิตเราได้เราก็จะแก้ไข ถ้ามันยังแก้ไขชีวิตเราไม่ได้เราก็จะกัดฟันทน เห็นไหม ขันติธรรมๆ มันต้องมีความอดทน มีการกระทำไง

เวลาพระเราเวลาภาวนา เวลามันเจ็บมันปวดมันทุกข์มันยากขึ้นมาอย่างกับไฟมันเผาทั้งตนนะ เขายังสู้กับมัน ต่อสู้กับมัน ถ้าจิตมันสงบได้เหมือนกับมันร่มเย็น ดูสิ น้ำมันดับไฟในใจของเราได้มันสงบแค่ไหน นั่นเป็นธรรมโอสถ ธรรมโอสถถ้ามันเกิดขึ้น เกิดขึ้นคือเกิดขึ้นจากภายใน

แต่ถ้าภายนอก ภายนอกคือชีวิตประจำวันของเรา เวลาประพฤติปฏิบัติธรรมก็ “ประพฤติปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน ประพฤติปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน”

ชีวิตประจำวันมันก็ ๒๔ ชั่วโมง พระพุทธศาสนาสองพันกว่าปีแล้วนะเว้ย มึงจะมา ๒๔ ชั่วโมงได้อย่างไร นี่สองพันกว่าปีมาแล้ว แต่เอ็งทำก็ทำความจริงขึ้นมาสิ พยายามประพฤติปฏิบัติขึ้นมา

ถ้าเป็นความจริง พ้นจากกาลเวลา จิตเวลาพ้นแล้วพ้นจากกาลเวลา กาลเวลาจะอยู่ของมันนั่นน่ะ เหนือโลกเหนือสงสาร เหนือกาลเวลาใดๆ ทั้งสิ้น

นาฬิกาเสียก็ไปซ่อมที่ร้านซ่อม แต่นาฬิกาหัวใจเราได้ดับแล้ว เราถอดพลังงานในนาฬิกาของใจแล้ว ใจเราไม่มีเวลาอีกแล้ว มันเป็นไปโดยสัจจะเป็นความจริงอันนั้น

นี่ไง วันนี้วันพระตรงกับวันไหว้ วันพระเราก็ประพฤติปฏิบัติสิ เอาความจริง เป็นชาวพุทธแท้น่ะ

เที่ยวไปบอกเขานะ อู๋ย! ไหว้เจ้าก็เป็นอย่างนั้น ไหว้นี่ก็เป็นอย่างนั้น

แต่เอ็งไม่เห็นภาวนาเลย เอ็งยังอยากไหว้เจ้ากับเขาด้วย เพราะคนไหว้เจ้ารวยนะเว้ย เอ็งไม่ไหว้เจ้าเอ็งทุกข์จนเข็ญใจนะ แล้วเที่ยวไปติไปเตียนแต่ข้างนอก แต่เราไม่เคยรู้เคยเห็นเอาความจริงในใจเราเลย เราไม่เคยได้เป็นพุทธแท้ๆ นี้เลย

ถ้าเป็นพุทธแท้ เราพยายามฝึกหัดพยายามค้นคว้าของเรานะ ให้มันสมบูรณ์เป็นประเพณีวัฒนธรรม

ถ้าเขาทำความดี สาธุ ระลึกถึงปู่ย่าตายาย ระลึกถึงญาติของตน การเกิดมามันเป็นพันธุกรรมก็สาธุ

แต่เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ถ้ามันเป็นความจริงนะ ถ้ามันไม่ถือมงคลตื่นข่าว ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ตามความเป็นจริง

คำว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์” พระธรรมคือสัจธรรม คือศีล คือสมาธิ คือภาวนา ถ้ามันมีศีลจริง มันมีอยู่จริงในใจ เขาอนุโมทนาสาธุทั้งนั้นน่ะ เราไม่ต้องไปตีกลองร้องป่าว กลองจัญไรมันตีปังๆๆ อยากให้เขาได้ยินไง

ไม่ต้องตี การตีนั่นคือการโฆษณาชวนเชื่อ ถ้าเป็นความจริง ความจริงในใจของตน ถ้าเป็นความจริงในใจของตน พระพุทธศาสนายอดเยี่ยมอย่างนี้ เป็นศาสนาแห่งเสรีภาพ เป็นศาสนาแห่งภราดรภาพ ไม่กดขี่ข่มเหงเหยียบย่ำใคร มันเป็นความจริงในใจดวงนั้น เอวัง