เทศน์เช้า

วัตรปฏิบัติ ๑

๒๙ ส.ค. ๒๕๔๒

 

วัตรปฏิบัติ ๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์เช้า วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๒
ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

อันนี้มันแบบว่า ถ้านะ ถ้าเรื่องของศาสนา ถ้าเอาโลกมาปนกับศาสนาตั้งแต่ทีแรกเลยแล้วมันจะเสีย พระพุทธเจ้าถึงแบ่งไง แบ่งศาสนา แบ่งธรรม แบ่งธรรมคือว่าแบ่งเรื่องของวัดกับเรื่องของบ้านให้ต่างกันออกไป นี่ก็เหมือนกัน มุ่งแต่ว่าการก่อสร้าง เห็นว่าเป็นการขาดแคลนไง แต่ไม่ได้มองว่าหัวใจมันขาดแคลนอะไรบ้าง วัตถุมันจะขาดแคลนหรือมันจะไม่ขาดแคลน มันเป็นเรื่องของวัตถุ ศาสนวัตถุเว้ยไม่ใช่ศาสนธรรม ศาสนวัตถุ แล้วเห็นว่าวัตถุมันขาดแคลน แล้วก็จะไปทุ่มกับวัตถุ

มันแปรสภาพอยู่แล้ววัตถุนี่ เราพึ่งได้ไหม? อาจารย์มหาบัวท่านพูดประจำ เห็นไหม ไม่มีของใดๆ ในโลกนี้พึ่งได้หรอก แม้แต่แก้ว แหวน เงิน ทองอยู่กับมือ อยู่กับข้อมือเรา เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยมันช่วยอะไรเราได้ เราพึ่งมันได้ไหม? แต่ทางโลกว่าพึ่งได้ พึ่งได้ในปัจจัย ๔ เงินคือพระเจ้า ก็พวกเอ็งใจมันต่ำต่างหากถึงมองเงินเป็นพระเจ้า ถ้าใจมันสูง เงินนี้เป็นแค่สื่อในการซื้อขายเท่านั้น แต่ถ้ามองเงินเป็นพระเจ้า เรามันใจต่ำ ใจต่ำหมายถึงว่าเราเห็นแค่นั้น เรามองไม่เห็นธรรมไง

นี่ความละเอียดอ่อนมันลึก ลึกขนาดว่าเราไม่เห็น เราไม่สามารถเห็นสิ่งที่พึ่งได้จริง เราไปเห็นว่าสิ่งนี้พึ่งได้จริง แล้วมันพึ่งไม่ได้จริง เห็นไหม ถ้าพึ่งได้จริงทำไมถึงที่สุด มันพึ่งได้แต่ปัจจัย ๔ เครื่องอยู่อาศัยในโลกนี้ แต่เวลาตายไปนี่บุญกุศลพาไปต่างหาก บุญกุศลในหัวใจมันพาไป บุญกุศลของเรามันจะพาไป จะไปประเสริฐ ไปไหนมันบุญกุศลพาไป นั่นขนาดว่าเป็นเรื่องของบุญกุศลนะ แล้วเรื่องประพฤติปฏิบัติมันลึกกว่าบุญกุศลเข้าไปอีก เพราะว่าข้ามทั้งบาปและบุญ ผู้ที่ผ่านพ้นบาปและบุญ บุญมันเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งให้อยู่ บุญนี่เครื่องเหนี่ยวรั้ง

อย่างเช่นอาจารย์มหาบัวเล่าเรื่องหลวงปู่มั่นปรารถนาพุทธภูมิ แล้วเวลาจิตสงบไป พอจิตสงบไปมันก็จิตสงบไป พอวิปัสสนามันคิดถึงบุญกุศลที่เคยสร้างไว้ ปรารถนาพุทธภูมิ เห็นไหม มันอาลัยอาวรณ์ อาลัยอาวรณ์มากไม่อยากไป เพราะว่าเราสร้างบุญกุศลไว้เป็นพระพุทธเจ้า นี่อาจารย์เล่านะ บุญกุศลไง มันเป็นบุญกุศล เพราะการสะสมบารมีมา จะสร้างเป็นพระพุทธเจ้าต่อไป หลวงปู่มั่นนี่ แล้วเวลาจิตสงบไปมันไม่ยอมวิปัสสนา มันจะวิปัสสนานี่มันยอก มันอาลัยอาวรณ์ ใจมันเหนี่ยวรั้ง ใจมันไม่ไป

นี่ขนาดบุญเยี่ยมนะ เพราะปรารถนาพุทธภูมิ แล้วข้างบนนู่นน่ะ แล้วบุญกุศลของเรามันไม่ได้ปรารถนาพุทธภูมิหรอก ปรารถนาแค่ภพชาติ แค่เป็นเทวดา เป็นพรหม ปรารถนาภพชาติหน่อยเดียว แล้วมันเหนี่ยวรั้งไว้นั่นน่ะ นี่บุญกุศล ว่าบุญกุศลยังต้องข้ามพ้นไป นี่ธรรมมันลึกซึ้งขนาดนั้น แล้วเวลาท่านพ้นไปแล้ว หลวงปู่มั่นพ้นไปแล้วนะ เป็นพระอรหันต์ไปแล้ว แล้วยังกลับมาสอน กลับมาเอาเจ้าคุณอุบาลี

เจ้าคุณอุบาลีปรารถนาพุทธภูมิเหมือนกัน แล้วหลวงปู่มั่นไปแก้เจ้าคุณอุบาลีที่วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ เถียงกันอยู่อย่างนั้นแหละ เกิดตาย เห็นไหม นี่ฟังนะ เวลาตัวเองปรารถนาพุทธภูมิ เวลาวิปัสสนาไปมันก็จะติด ติดของเรา มันอาลัยอาวรณ์ ไปไม่ได้ ไปไม่ได้ แต่พอพ้นไปแล้ว พ้นจากกิเลสทั้งหมด มันว่างหมด มันรู้ถึงโทษของการเกิดและการตาย การพ้นจากบุญและบาปไป เห็นไหม บุญและบาป บาปคือการทำแล้วเกิดในที่ต่ำ บุญทำให้เกิดในที่สูง แล้วสะสมไปเป็นบารมีธรรมอยู่ในหัวใจ พระพุทธเจ้าสะสมบารมีธรรม

นี่บุญและบาปอยู่ในใจ แล้วข้ามพ้นไปแล้วถึงบอกว่าข้ามพ้นไปก็ปล่อยวางหมด นี่พ้นจากบุญและบาปไป มันสูงสุด นิพพานเยี่ยมกว่าอย่างอื่น ออกมาสอนเจ้าคุณอุบาลีไง “การเกิด การตายมันทุกข์นะ เกิด ตาย ภพชาติมันทุกข์นะ มันทุกข์ขนาดไหน?”

เจ้าคุณอุบาลีก็พุทธภูมิ นี่อาจารย์บอก อาจารย์เล่าให้ฟังไง เจ้าคุณอุบาลีก็พุทธภูมิ ปรารถนาพุทธภูมิมาด้วยกัน เวลาเทศน์นี่ร่ำลือเลย เจ้าคุณอุบาลีนี่ ปรารถนาพุทธภูมิ แล้วหลวงปู่มั่นก็แก้ แก้เถียงกันอยู่อย่างนั้นแหละ เพราะเจ้าคุณอุบาลีเป็นเจ้าคณะภาคปกครองทางเชียงใหม่ แล้วตั้งหลวงปู่มั่นเป็นเจ้าคณะจังหวัด แล้วไม่ยอม นี่ล่อกันด้วยตำแหน่ง ต้องไปคุยกับที่วัดเจดีย์หลวง

นี่การเกิดการตายต่อไปมันทุกข์ คือว่าให้หักใจเข้ามาวิปัสสนา นี่เจ้าคุณอุบาลีก็ยังมาสร้างบารมีอีก สร้างบารมีต่อไปเป็นพระพุทธเจ้า ปรารถนาพุทธภูมิต่อไป จนหลวงปู่มั่นหักกลับ พยายามหักกลับ เพราะตัวเองเห็นโทษของมันแล้ว เห็นโทษของบุญและบาป ข้ามพ้นบุญและบาปไปแล้ว ก็พยายามจะให้เจ้าคุณอุบาลีละทิ้ง ละทิ้งได้ อาจารย์เล่าให้ฟังว่าแก้จนเจ้าคุณอุบาลียอมรับ ยอมรับแล้ววิปัสสนาพ้นออกไป พ้นออกไปจากบุญและบาป

บุญที่สร้างสมมามันลึกซึ้งขนาดนั้น นี่มันลึกซึ้งขนาดที่ว่าเราข้ามพ้นไปได้ ศาสนาเราประเสริฐ ประเสริฐจริงๆ ประเสริฐมหาศาลเลย แต่เราเข้ากันไม่ถึง พอเราเข้าไม่ถึง เราเข้าไป เราเริ่มต้นมาจากกิเลส ทุกคนเกิดมาจากกิเลส แล้วใจปรารถนาจะเข้าถึงธรรม ปฏิบัติให้ถึงธรรม แต่เวลาปฏิบัติทำไมไปติดในวัตถุล่ะ? ไปติดในปัจจัย ๔ แค่นั้นเอง เห็นว่าเงินทองนั้นมีประโยชน์

เงินทองมีประโยชน์มากถ้าเราใช้เป็นประโยชน์ แต่บุญกุศลต่างหากมันละเอียดกว่าเงินทองนั้น แล้วสามารถทำให้เราไปเกิดดี เกิดในภพชาติการเกิดดีขึ้น เงินทองมันใช้ได้ชาตินี้ไง เงินทองนี่ชาตินี้ แล้วเงินทองเรายังใช้ในทางที่ผิดได้ ถ้าจิตใจเราไม่สะอาดพอ เงินทองนี่ใช้ทางไหนก็ได้ ซื้อยาเสพติดมาเสพก็ได้ อะไรก็ได้ทั้งหมดเลย เงินนี่ เห็นไหม เงินทองเป็นตัวกลาง แต่หัวใจที่มันละเอียดอ่อนกว่าตัวนั้นต่างหาก

นี่เรามาหาตัวนั้น ตัวที่เป็นธรรมแท้ไง แต่ธรรมแท้มันต้องวัตรปฏิบัติ วัตรปฏิบัติเข้าไปหาธรรม ปฏิปทาเครื่องดำเนินเข้าไปหาธรรม ไม่ใช่ศาสนวัตถุในการก่อสร้าง ในการหา ในการสะสม อันนั้นมันเป็น สะสมบารมีอย่างนี้ถึงว่ามันเป็นวิหาร เป็นโบสถ์วิหาร เป็นการก่อสร้าง อันนั้นเป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่วัตรปฏิบัติ เห็นไหม มันจะเกิดความทุกข์ยากขนาดไหน แต่วัตรปฏิบัติมันสามารถวนไปได้ไง วัตรปฏิบัติ

สมัยหลวงปู่มั่นใช้กระบอกไม้ไผ่เอาน้ำขึ้นหลัง เวลาเอาขึ้นหลังแบกมาจากตีนเขาขึ้นไปบนภูเขา วันหนึ่งใช้แต่ไม้ปล้องนั้น ใช้น้ำขนาดนั้น นี่อยู่ในวัตรปฏิบัติแล้วมันจะได้ธรรมมาไง แต่นี่จะปฏิบัติก็ขอให้มีความสะดวกสบายก่อน อะไรก็สะดวกสบายก่อน นี่โลกเข้ามาจับไง เราปรารถนาธรรม มันต้องเอาวัตรปฏิบัติของธรรม วัตรปฏิบัติไง ปฏิปทาเครื่องดำเนินของศาสนา เป็นทางดำเนินเข้าไปหาธรรม

แต่นี้พอจะปฏิบัติก็จะเอาแต่วัตถุมา เพราะเรานี่คุณภาพชีวิต คุณภาพชีวิตในการดำรงอยู่ของเรามันเคยสุขสบายมาพอสมควร เวลามาแล้วเราก็จะเอาอย่างนั้นมา อย่างนั้นมามันก็เป็นเครื่องดำเนินของกิเลส กิเลสมันยิ้มเลย เพราะเป็นความอำนวยของมันใช่ไหม? เพียงแต่ย้ายที่เอง เวลาบวชพระใหม่ๆ บวชเพื่อพักผ่อน เขาว่าอย่างนั้นนะ บวชพรรษาหนึ่ง มันเครียดจากการงาน บวชไปพักผ่อน กะว่าบวชแล้วจะไปพักผ่อนไง ไม่ได้บวชไปหาธรรม ถ้าบวชไปหาธรรมมันต้องตั้งต้น อย่างหลวงปู่มั่น ก่อนท่านจะบวชจริงเป็นปะขาวตั้ง ๓ ปี ต้องเป็นปะขาว ๓ ปี ให้รู้ช่องการ ให้รู้ตรงนี้ไง ให้เข้าใจ ให้ซึ้งไง ให้เข้าใจ ให้ซึ้งของวัตรปฏิบัติ

ประเพณีของพระอริยเจ้า เห็นไหม การซ้อนผ้ากันนี่ประเพณีของพระอริยเจ้า แล้วเราจะไปทรงประเพณีของพระอริยเจ้า เราไม่รู้อะไรเข้าไปเลย เราก็ต้องเอาความคิดความเห็นของเราเข้าไปจับประเพณีของพระอริยเจ้า พอไปจับประเพณีของพระอริยเจ้า อย่างนั้นก็ละเอียดเกินไป อย่างนั้นทำให้ลำบาก อย่างนั้นเป็นอัตตกิลมถานุโยค นี่แล้วจะเข้าหาธรรมนะ มันไปทำลายวัตรปฏิบัติ เครื่องดำเนินเข้าหาธรรม มันไม่ใช่ว่าดำเนินเข้าไปหาธรรม นี่ผู้ปฏิบัติ

ฉะนั้น จะมาขอเรื่องการก่อสร้างนั้นไม่ฟัง ไม่ฟัง บอกเลยบอกว่าไม่ฟังแล้ว ไม่เกี่ยว วัตรปฏิบัติทำไมไม่ทำ? วัตรปฏิบัติ วัตรปฏิบัติมันไม่มีอะไรเลยนะ มันเกี่ยวอยู่กับพื้นที่นั้น เห็นไหม พระกัจจายนะขอพระพุทธเจ้า จากรองเท้าที่ได้ชั้นเดียว แล้วพออยู่ชนบทประเทศ หินมันคม ขอให้ใส่รองเท้าหลายชั้นได้ พระพุทธเจ้าก็อนุญาต เห็นไหม เพราะรองเท้าชั้นเดียว หนังชั้นเดียว หินมันคมมันบาดเท้าหมด ใส่รองเท้าชั้นเดียวก็ไม่ไหว นี่วัตรปฏิบัติ

ในที่ชนบทประเทศ เห็นไหม จากในมัชฌิมาในอินเดีย บวชพระ ๑๐ องค์ พระ ๑๐ องค์ถึงจะบวชพระได้ แต่ในชนบทประเทศหาพระได้ยาก ๕ องค์ก็บวชได้ ๕ องค์เท่านั้น บวชเป็นพระสมมุติยกขึ้นมาจตุตถกรรมเป็นสงฆ์ได้ นี่วัตรปฏิบัติอยู่ที่เครื่องดำเนิน อยู่ที่ตรงนั้นด้วย อยู่ที่เหตุว่าตรงนั้นมันเป็นชนบทประเทศหรือเป็นมัชฌิมา มัชฌิมาในอินเดียภาคกลางมันอุดมสมบูรณ์ นี่อยู่ที่วัตรปฏิบัติ เราเข้าไปปฏิบัติ เราเข้าป่าเพื่อประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม วัตรปฏิบัตินั้นเราก็ต้องปรับให้เราเข้าไปสิ เพราะเราเข้าป่าไปหาสถานที่วิเวก ที่สงัด ที่ควรแก่การงาน เราไม่ใช่เข้าป่าไปเพื่อพัฒนามาให้เป็นกรุงเทพฯ หรอก

กรุงเทพฯ มันอยู่ที่กรุงเทพฯ นั้น อยากสะดวกสบายก็อยู่ในกรุงเทพฯ สิ ทำไมเวลาออกไปอยู่ในป่าจะไปพัฒนาป่าให้มันเหมือนกรุงเทพฯ ล่ะ? นี่มันไปแก้กิเลสหรือไปสะสมกิเลส ถ้าสะสมกิเลสก็คือสะสมความอยากพัฒนา อยากให้เขานับถือ อยากให้มีชื่อเสียง อยากมีกิตติศัพท์ เกียรติคุณ อันนั้นเป็นธรรมหรือ? อันนั้นไม่ใช่ธรรม อันนั้นเป็นหัวโขน หัวโขนขนาดว่าสมมุติในชาติเรา กายของเราเรายังจะให้เห็นธรรมตามความเป็นจริง กายนี้ไม่ใช่เรา ความคิดนี้ไม่ใช่เรา สิ่งที่สะสมทุกข์เข้ามาในใจเรานี้ไม่ใช่เรา แล้วไม่ใช่เรา อะไรเข้าไปจับว่าไม่ใช่เราล่ะ?

มันเราล้วนๆ แต่มันไม่ใช่เราเพราะอะไร? ก็ต้องมีวัตรปฏิบัตินี้เข้าไปจับไง จากที่ว่าเราสู้ด้วยตัวเราเองไม่ได้ วัตรปฏิบัติเครื่องยับยั้งไง ขันติธรรม เห็นไหม พุทโธ พุทโธ ยับยั้งมันด้วยพุทโธ ยับยั้งความคิดของเราให้อยู่ไว้ก่อนไง ความคิดเดิมมันคิดแบบโลก คิดแบบสะสมนี่ไง เราก็ยับยั้งก่อน ยับยั้งไม่ให้ความคิดเดิมนี่ไหลไปด้วยความเคยตัว ยับยั้งแล้วมันหยุดนิ่ง มันหยุดเพื่อจะให้เรามีโอกาสยกขึ้นวิปัสสนาไง ยกขึ้นพิจารณาสิ่งที่ว่ามันหาความทุกข์มาให้ใจนี่ไง

นี่วัตรปฏิบัติ วัตรปฏิบัติจากข้างนอก แล้ววัตรปฏิบัติจากข้างในไง ในหัวใจ เห็นไหม วัตรปฏิบัติ กำหนดจะภาวนากี่ชั่วโมง กี่นาที พรรษานี้จะทำอย่างไรบ้าง นี่วัตรปฏิบัติ ข้อวัตรปฏิบัติ วัตรปฏิบัติคือข้อวัตร คือกติกา คือการตั้งเข้ามาจากบังคับใจตัวเองไง นี่ศีลธรรม วินัยมันมีอยู่แล้ว ธรรมวินัย ขนาดศีลยังมีศีลในศีล ศีล ๒๒๗ ศีล ๒๑,๐๐๐ ข้อ ยังมีธุดงควัตรอีกต่างหาก ธุดงควัตรไม่นอนทั้งวันทั้งคืน มีศีลข้อไหนที่ว่าเนสัชชิกไม่ให้นอนเลย

นี่ยังต้องตั้งวัตรปฏิบัติเข้ามาเพื่อจับ วัตรปฏิบัติอันนี้ยกขึ้นมาให้เป็นเครื่องดำเนิน ให้เป็นเครื่องอยู่อาศัย อันนี้ถึงจะเป็นพระปฏิบัติจริงไง ถึงจะเป็นผู้ที่เห็นโทษของทุกข์ จะพ้นจากทุกข์ไปได้ไง เห็นโทษของวัฏฏะ เห็นโทษของการเวียนว่ายตายเกิด เห็นโทษของบุญและบาปไง เราเห็นโทษของบาปแต่อยากได้บุญไง บุญมันเป็นเครื่องสื่อ เป็นวัตรปฏิบัติเท่านั้น บุญ สุขในการทำสมาธิ สุขอันนี้เพื่อให้หัวใจหล่อเลี้ยงใจไปให้พ้นจากทางเดิน พ้นจากวัฏฏะ พ้นจากเส้นทางเดินของใจที่มันมีทางเดินอยู่ ลบล้างทั้งหัวใจด้วย ลบล้างทั้งทางเดินนั้นด้วยไง ลบล้างวัฏฏะ วัฏฏะมันมีอยู่ก็เป็นของจิตดวงอื่น ไม่ใช่วัฏฏะของจิตดวงที่มันพ้นจากวัฏฏะนั้นไง

จิตที่พ้นจากวัฏฏะ ถึงว่าลบล้างทั้งทาง คือลบล้างวัฏจักร ยังลบล้างจิตที่ไปอีกต่างหาก ลบล้างตัวเราไง ลบล้างหัวใจที่ยึดติดสิ่งนั้น หัวใจที่มันยึดติดอยู่สิ่งนั้น ลบล้างด้วยนี่วัตรปฏิบัติ ไม่มีวัตรปฏิบัติ ใครจะทำได้อย่างไร? ไม่มีวัตรปฏิบัติมันก็เป็นการคิดของกิเลส เป็นความคิดของจะไปพัฒนาไง จะไปพัฒนาภูเขาเลากาให้เป็นเมือง จะพัฒนาจิตนี้ให้เป็นพระอริยเจ้าไง จะพัฒนาด้วยความสกปรกโสโครก พัฒนาด้วยกิเลส พัฒนากิเลสไง ยิ่งพัฒนาเข้าไปมันก็คอรัปชั่นเวลาคอรัปชั่นข้อวัตร คอรัปชั่นในหัวใจ คอรัปชั่นทั้งหมดเลย แล้วมันจะเอาอะไรไปพ้นล่ะ?

มันจะพ้นไปได้อย่างไรในเมื่อตัวเองสกปรก ความคิดสกปรก เอาความสกปรกนั้นล้างสกปรกมันจะไปได้อย่างไร? ถึงต้องมีวัตรปฏิบัติมา เอาวัตรปฏิบัติมาให้มันสะอาด สะอาดด้วยธรรมะของพระพุทธเจ้า ธรรมะของพระพุทธเจ้าบัญญัติไว้แล้ว เราไม่ได้เราก็ถือเป็นวัตรปฏิบัติ เห็นไหม เป็นข้อวัตร เป็นเครื่องปฏิบัติ เป็นเครื่องดำเนินเข้าไปยับยั้งความคิดสกปรกนั้นให้มันสะอาดขึ้นมาก่อน ให้เป็นสมาธิธรรมไง เป็นสมาธิธรรมแล้วถึงยกขึ้นวิปัสสนาไง

ยกขึ้นวิปัสสนา เห็นไหม สมาธิธรรมยับยั้งไว้เฉยๆ ยับยั้งให้สิ่งที่เคยเกิดเคยตายตามความเป็นจริงของมัน มันเคยคิด เคยเกิด เคยตาย ความคิดเกิดตายๆ ในหัวใจนั่นน่ะ ความเกิด ความตายของความคิดนั่นน่ะ มันคิดมาตลอด ยับยั้งไม่ให้มันเกิดตาย ให้มันอยู่ทรงตัวได้ ทรงตัวจนมันสืบต่อเนื่องเป็นสมาธิ สมาธิคือจิตที่มันทรงตัวอยู่ได้ ตั้งอยู่ได้ ตั้งมั่นอยู่ได้ นั้นน่ะเป็นพื้นที่ยกขึ้นวิปัสสนาไง วิปัสสนานั่นน่ะถึงทำความสะอาด ทำให้มันสะอาดขึ้น ให้จิตสะอาดขึ้น

ความสกปรกในใจ ทำลายความสกปรกในใจออกทั้งหมด ใจนี้ก็เป็นมัน ใจนี้เป็นมานะ ๙ สะอาดขึ้นมาจนเป็นมานะ ๙ ยังต้องทำลายตัวของหัวใจ ทำลายมานะทิฐิในความยึดมั่น ในความเห็น ในความเห็นเฉยๆ ไม่ใช่เห็นออกมาเป็นขันธ์ ในความรู้สึกเฉยๆ นั่นเป็นขันธ์ ในความรู้สึกเฉยๆ นั่นมันเป็นมานะ ความรู้สึกเฉยๆ ของจิตนั่นน่ะทำลายถึงตอของจิต ทำลายทั้งหมด

ทำลาย เห็นไหม ทำลายขันธ์เข้าไป จิตสงบทำลายขันธ์เข้าไป มันทำลายเขาแล้ว จิตทำลายขันธ์ ทิ้งขันธ์หมดแล้ว ทิ้งจากขันธ์มาแล้วมันจะมีผู้ที่ทำลายขันธ์ ผู้ทิ้งขันธ์มา ผู้ที่ทิ้งเขามานั่นน่ะคือมานะ ๙ คืออวิชชา ทำลายตัวนั้นก็คือทำลายตัวจิต ตัวที่มันเป็นเครื่องเดินไปในทางเดินนั้นไง ถึงว่าทำลายทั้งตัวเอง ทำลายทั้งจิตนั้น ทำลายแล้วสะอาด ทำลายด้วยวัตรปฏิบัติมันจะสกปรกไปที่ไหน ในเมื่อธรรมะพระพุทธเจ้าสะอาด ธรรมะพระพุทธเจ้าเยี่ยม แล้ววัตรปฏิบัตินี้ทำลายถึงว่าจิตนั้นสะอาดตามไปด้วย สะอาดทำลายจนไม่มีตัว แล้วจะเอาอะไรไปเดินล่ะ? ถึงลบล้างทั้งหัวใจเราด้วย ลบล้างทั้งทางเดินนั้นด้วย

ทางเดินนั้นจะมีอยู่ต่อไป สำหรับจิตที่สกปรกต่อไป จิตที่ยังมีเครื่องดำเนินอยู่ ยังมีกิเลสอยู่ จะหมุนในวัฏวนไปตลอด แต่จิตที่พ้นจากนั้นไป จิตที่พ้นจากวัฏฏะ จิตที่พ้นจากทำลายตัวเอง ไม่มีเครื่องที่ดำเนินได้ สืบต่อกันไม่ได้แล้ว นั่นน่ะพ้นไป นี่ธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนั้น นักปฏิบัติแสวงหาธรรมแสวงหาตรงนี้ไง แสวงหาด้วยข้อวัตรปฏิบัติ ไม่ใช่แสวงหาด้วยวิธีการไปต่อเติม ไปพัฒนา

พัฒนาข้างนอกพัฒนาไปเถิด พัฒนาจนตายแล้วตายอีกก็พัฒนาไป แต่พัฒนาใจต้องพัฒนาด้วยวัตรปฏิบัติ ไม่ได้พัฒนาด้วยศักดิ์ศรี ไม่ได้พัฒนาด้วยการยกย่องสรรเสริญ ไม่ได้พัฒนาด้วยการให้คนมาเชื่อฟัง ให้คนมายอมรับไง มันต้องพัฒนา ใจนี้ปฏิบัติเพื่อใจของตัวเองไง ใจนี้ปฏิบัติเพื่อความชำระล้างกิเลสของตัวเอง ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อจะให้คนยอมรับ ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อจะแก้ไขคนอื่น ไม่ใช่ แก้ไขใจของตนได้ก่อน ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้แล้ว ถึงเป็นต้นโพธิ์ ต้นไทรให้คนอื่นพึ่งพาอาศัยได้ ต้นโพธิ์ ต้นไทรไม่สามารถปลูกขึ้นมาได้ ไม้ปักสักที่เลน ขนาดไม้เองมันยังล้ม

เห็นไหม ถึงว่าทำเพื่อตน ทำเพื่อตนก่อน ตนต้องสุขก่อน ตนต้องรู้ก่อน ตนต้องพ้นก่อน นั่นพ้นแล้วต่างหากถึงที่เป็นที่พึ่งของคนทั่วๆ ไป คนทั่วๆ ไป ทั้งเทวดาด้วย ทั้งหมู่สัตว์ทั้งหลายหวังพึ่งจิตดวงนั้น เพราะจิตดวงนั้นเป็นจิตผู้รู้ รู้ตามความเป็นจริงทั้งหมด รู้เห็นการเกิดและการตาย แล้วการดับ การเกิด การตายได้ทั้งหมดแล้ว มันจะหลงไปไหน? มันถึงไม่พ้นไปจากธรรมะ

ธรรมะประเสริฐ วัตรปฏิบัตินี้ประเสริฐมาก ข้อวัตรปฏิบัติเครื่องดำเนินขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วหลวงปู่มั่นเป็นคนริเริ่มมานะ วางไว้ไง วางไว้ให้ลูกศิษย์ลูกหาเป็นผู้ดำเนิน แล้วเราก็เดินตามกันมา เดินตามแล้วไพล่ไปเอาอะไรกัน? เดินตามมา นี่ตามมา ตามมาด้วยการประพฤติปฏิบัติชั่วคราว พอชั่วคราว สุดความสามารถของตนมันก็จะลงมาเล่นกับสิ่งของที่เป็นวัตถุ แล้วเราจะไปส่งเสริมได้อย่างไร?

เราไม่ส่งเสริม ไม่ส่งเสริมแล้วไม่รู้จัก บอกเลยว่าไม่รู้จัก ไม่ฟัง ถ้าวัตรปฏิบัติมันขาดแคลน มันขาดอะไร เห็นเอง รู้เอง ข่าวมาเอง ข่าวมันจะมาเองหรอกว่าที่ไหนมันสมควรปฏิบัติ แล้วปฏิบัติแล้วขาดแคลนอย่างไร? ข่าวมันจะมากันเองแล้วเราจะช่วยได้ แต่นี่ข่าวไม่มา เรียกร้องให้เขาช่วยเหลือ ตอนนี้ตัวเองยังไม่ช่วยเหลืออะไรเลย ตัวเองไม่ทำอะไรเลย หวังแต่ให้คนอื่นมาช่วย หวังแต่ให้คนอื่นจะมาถมให้บ่อตัณหาของตัวเองเต็มไง บ่อตัณหา บ่อความทะยานอยาก บ่อแห่งการขุดขึ้นมา…(เทปสิ้นสุดเพียงเท่านี้)