เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๕ เม.ย. ๒๕๖o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมๆกรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กันจำแนกสัตว์ให้เกิดนะ สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม กรรมดีกรรมชั่ว

แต่เรามีบุญกุศลของเราได้เกิดเป็นมนุษย์ไง เกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนาถ้าเป็นกรรมดีกรรมชั่วนะ ทีนี้กรรมดี กรรมดีทำให้เราประสบความสำเร็จ กรรมดีของเราทำให้เราไม่ทุกข์ยากจนเกินไปแต่คนเราเกิดมามันทำทั้งดีและชั่วมาเวลามันทุกข์มันยากขึ้นมา เวลามันทุกข์มันยาก สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม

ถ้าสัตว์โลกเป็นไปตามกรรมนะคนที่จิตใจประเสริฐจิตใจที่มีหลักมีเกณฑ์ เขาพยายามทำคุณงามความดีของเขา ทำคุณงามความดีของเขาเพราะเขาเชื่อธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เชื่อกรรมกรรมคือการกระทำถ้าเราเชื่อกรรมของเรา กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆกัน

เราเกิดมาเกิดมาทุกข์เกิดมายากขนาดไหน ถ้าเรามีสติปัญญาของเรา เราจะขวนขวายของเรา เราจะไม่ปล่อยชีวิตเราไปตามความเป็นโลกมันพัดไป เราไม่ปล่อยเป็นอย่างนั้นไง เราต้องฝืนกระแสๆ การฝืนกระแสโลกต้องมีสติมีปัญญา ถ้ามีสติมีปัญญาขึ้นมา เราทำคุณงามความดีของเรา

คุณงามความดีของเรา คุณงามความดีของเด็กเด็กช่วยพ่อช่วยแม่ในบ้านในเรือน เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาเราทำสัมมาอาชีวะถ้าเรามีปัญญา เราช่วยสังคม เราก็ช่วยเหลือเขา กลับบ้านกลับเรือนของเรา พระอรหันต์ของเรา พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของเรากตัญญูกตเวที รู้จักพ่อรู้จักแม่ รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ นี่เราทำคุณงามความดีของเรา ทำคุณงามความดีของเราไงเราไม่ปล่อยชีวิตเราเหลวไหลไปตามแต่เวรแต่กรรมแล้วก็ประชดประชันชีวิตไง

สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมกรรมทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจ เรายิ่งประชดชีวิต นั่นคือกรรมอะไร ถ้าขาดสติ ไม่มีสติไม่มีปัญญา ที่เราทำๆไปมันกรรมอะไรกรรมสิ่งที่ทำมันยิ่งตกต่ำไปเรื่อยๆตกต่ำไปเรื่อยๆ ดูสิกลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมหอมทวนลมไง เราทำคุณงามความดีของเราคุณงามความดีของเรามันหอมทวนลมใช่ไหม เด็กคนไหนถ้ามีสติมีปัญญาเด็กคนไหนที่ขวนขวาย จะตกทุกข์ได้ยาก มีคนอยากจะเจือจานนะ

เด็กที่มันเกเร เด็กที่มันรู้ไม่เท่าทันตัวมันเองเพราะอะไร เพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันหยาบ พอมันหยาบขึ้นมา มันปิดหูปิดตาไง พอปิดหูปิดตามันประชดชีวิตของมันน่ะ มันทำลายตัวมันเองๆ โดยกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจนะ นี่กิเลสตัณหาความทะยานอยาก

ดูสิ พ่อแม่คนไหนที่ไม่รักลูกบ้าง พ่อแม่คนไหนก็รักลูกทั้งนั้นน่ะ แต่มันเป็นเวรเป็นกรรมของคนไง เราก็มีกำลังเท่านั้น เรามีกำลังของเราเท่านี้เราขวนขวายเท่านี้มันก็มีความรักความผูกพันทั้งนั้นน่ะ แต่ความผูกพันของเราสิ่งที่การกระทำ เราทำได้เท่านั้นไง

ฉะนั้น สิ่งที่ทำได้เท่านั้นมันเป็นตามกรรม ทำไมเราไม่ไปเกิดคาบช้อนเงินช้อนทองออกมาล่ะ ทำไมเราไม่เกิดที่มั่งมีศรีสุขล่ะ ทำไมมันมาเกิดอย่างนี้เห็นไหม เพราะเราทำไว้แค่นี้ กรรมมันเท่านี้ไง มันบาลานซ์ไง ดูสิ คนทุกข์คนจนลูกมหาศาลเลย ไอ้คนร่ำคนรวยมีลูกยากก็พยายาม เขาอยากได้ เขาอยากมี

คนเราสร้างสถานะมานะ มีทรัพย์มีสมบัติขึ้นมา แล้วสุดท้ายแล้วไม่มีใครรับผิดชอบต่อไป ไอ้คนทำมามันเหนื่อยนะ มันเหนื่อยแล้วมันอยาก แต่คนถ้ามีลูกมีหลานก็ปั้นลูกปั้นหลานขึ้นมาเพื่อให้รับมรดกตกทอดไป ถ้ารับมรดกตกทอดไป เขามีสติมีปัญญาของเขาเขาสร้างเนื้อสร้างตัวของเขา อันนั้นน่ะกรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน

แต่ของเราเราไม่ปล่อยชีวิตเราหยำเปไปอย่างนั้นเราจะฝืนกระแสของเราไป เราจะทำคุณงามความดีของเราไป ถ้าทำคุณงามความดีของเรา เห็นไหม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนปลาเป็น ปลาเป็นมันว่ายทวนน้ำไงทวนกระแสๆ

แต่กระแสโลก ดูสิ เวลากระแสโลกในการตลาดเขาโฆษณาชวนเชื่อของเขาโฆษณาชวนเชื่อนะสิ่งที่โฆษณามันจะเป็นอย่างนั้นไหม คนก็เชื่อตามๆ ทั้งนั้นน่ะนี่ไง กระแสไง แล้วเราไปเชื่อเขาๆ เราไปตามเขาน่ะ เราไม่มีสติปัญญาบ้างเลยหรือ

ถ้ามีสติปัญญา ดูพระสิ ถือผ้า ๓ ผืน ฉันอาหารวันละมื้อเดียว แต่ทำไมชีวิตท่านมีความสุขล่ะ เวลากษัตริย์ในสมัยพุทธกาลมาบวชเห็นไหม “สุขหนอๆ”

เวลาเป็นกษัตริย์ไม่สุขหรือเป็นกษัตริย์มีความเพียบพร้อมไปหมดไม่มีความสุขใช่ไหม เวลามันทุกข์มันยากขึ้นมา มาอยู่โคนไม้ พออยู่โคนไม้ ท่านยังมีกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันบีบคั้นนะมันก็ยังน้อยเนื้อต่ำใจนะ แต่เวลาประพฤติปฏิบัติตามความเป็นจริงเอาชนะตนเองให้ได้เอาชนะความคิดเอาชนะความอยากสะดวกอยากสบายอยากที่ว่าสะดวกสบาย มันไม่สบายหรอก อยากสะดวกอยากสบายขนาดไหนน่ะมักง่าย ความมักง่ายมันทุกข์ยากทั้งนั้นน่ะ

คนจริงคนจังเอาชนะตนเองพิจารณาด้วยสติด้วยปัญญา ในเมื่อร่างกายมันก็ต้องการอาหารเพียงเท่านี้ ไอ้ที่เหลือๆส่วนเกินทั้งนั้น แล้วส่วนเกินทั้งนั้นคุณภาพชีวิตๆ เราก็เชื่อเขาไป แล้วเชื่อเขาไปแล้วเป็นเหยื่อของเขาทั้งนั้น ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมามันพอใจ พอใจแล้วถ้านั่งภาวนาแล้วสัปหงกโงกง่วง เขาเริ่มผ่อนอาหารแม้แต่มื้อเดียวยังผ่อนอาหารนะ แล้วพอเข้าด้ายเข้าเข็มอดอาหารเลย อดอาหารเพื่ออะไรเพื่อไม่ให้ธาตุ ๔ ทับขันธ์ ๕

คำว่า “ธาตุ๔ ขันธ์ ๕ ทับจิตๆ” เวลามันทับจิต ขันธ์๕ เวลาเราโกรธเวลาเราหลงด้วยความรุนแรง นั่นน่ะมันครอบงำหมดเลย จิตอยู่ไหน จิตเดิมแท้นี้ผ่องใสๆมันอยู่ไหน ความคิด ความคิดมันกดทับ เวลามันกดทับเวลาธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ มันกดทับจิตกดทับจิตแล้วมันจะเข้าด้ายเข้าเข็มนะมันไม่ปลอดโปร่งไม่ปลอดโปร่งก็อดอาหารเลย อดอาหารให้ธาตุ ๔และขันธ์ ๕ มันเบามันเบาของมัน

เวลาคนที่อดอาหารบ่อยๆเข้า อดนานๆ เข้าเวลาเดินไปเดินมามันเหมือนกับคนหายจากป่วยร่างกายมันจะเบามาก ความผูกพันมันจะไม่มี ความผูกพัน ความยึดมั่นถือมั่นที่มันจะกดทับมันไม่กดทับ ถ้ามันไม่กดทับ แต่มันมีความหิวกระหายไหม มี โดยธรรมชาติ โดยธรรมชาติสิ่งใดที่มันขาดตกบกพร่องสิ่งใดที่ขาดแคลนมันก็โหยหาทั้งนั้นน่ะแล้วเวลามันขาดแคลน สิ่งที่มันมีเกินไป มีความจำเป็นมากเกินไปมันกดทับ ที่มันทับๆถ้าครูบาอาจารย์ท่านประพฤติปฏิบัติของท่านนะตัวปลิวเลยล่ะ

ถ้ามีสติปัญญา “สุขหนอๆ” เวลาสุขหนอ สุขเพราะชนะใจตัวเองสุขเพราะมีสติมีปัญญาใคร่ครวญแล้วมันมีความจำเป็นเท่านั้น พอมีความจำเป็นเท่านั้นเราก็ให้เท่านั้นเวลาครูบาอาจารย์ท่านประพฤติปฏิบัติใช่ไหม เวลาท่านตั้งกติกาตัวเองเลย ให้เท่านี้ ให้เท่านี้คือกินเท่านี้ ๒ คำ๓ คำ ๔ คำ แล้วแต่เราจะให้ตัวเราเองกินอย่างไร นี่ไงเวลามีสติปัญญามันควบคุมได้ขนาดนั้นน่ะ

เวลาท่านพูดกับตัวเอง เวลามีสติปัญญา ปัญญามันคุยกันน่ะ สติปัญญาคือกิเลสมันคุยกันในหัวใจเรา“ให้เท่านี้ ไม่ให้เพิ่มมากไปกว่านี้” ไอ้กิเลสมันก็โอดโอยนะ “ต้องเท่านั้นๆ” มันต่อรองๆ

ถ้ามีสติปัญญานะ เราให้เท่านี้ แล้วมีสัจจะเท่านี้ก็คือเท่านี้ แต่ถ้าเราไม่มีสัจจะ ให้เท่านี้ เวลากิเลสมันโอดโอย ล้มเลยตามมันไปเลยพอได้สติขึ้นมาก็เต็มท้องแล้ว พอล้มขึ้นมา คนที่สติปัญญามันยังไม่เท่าทัน เราทำบ่อยครั้งเข้าๆ เห็นไหม

สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมแต่เราจะทำคุณงามความดีของเราเราจะไม่ปล่อยชีวิตของเราให้เป็นไปตามเวรตามกรรมอย่างนั้น เราจะสร้างคุณงามความดี กรรมดีๆ กรรมดีสิ่งที่เราทำคุณงามความดี ความดีคือความดีไง ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว

คนทำคุณงามความดีแล้วความดีอะไร ความดีตามกระแสใช่ไหม ความดีโดยหัวหน้าที่ไม่มีปัญญาใช่ไหม เชื่อตามๆ กันไปใช่ไหมกาลามสูตร ไม่ให้เชื่อตามๆ กัน ไม่ให้เชื่อด้วยเหตุด้วยผลว่ามันพอจะเป็นไปได้ คำว่า “เป็นไปได้ๆ” แต่ยังไม่เป็นความจริงไง เวลาเป็นความจริงมันเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก เป็นกลางหัวใจ ถ้าเป็นกลางหัวใจ

ถ้าเราทำไม่สมดุล มัชฌิมาปฏิปทา ความสมดุลของจิต ดูสิ ทำสมาธินะ ถ้ามันสมดุลมันก็ลงสมาธิ แต่ถ้ามันไม่มีสติปัญญาสามารถใคร่ครวญได้ มันเกิดมรรคไม่ได้เพราะอะไร เพราะมรรค ๘ มรรค ๘ มันต้องสมดุล มรรคองค์ ๘ ถ้ามันไม่สมควรหรือไม่สมดุลของมัน มันจะมัชฌิมาปฏิปทาไม่ได้ ถ้ามัชฌิมาปฏิปทาไม่ได้มันก็เอียงกระเท่เร่ ความเอียงกระเท่เร่ทำให้สติปัญญาเราไม่รู้เท่าทันมันไง

แต่ถ้าเราปฏิบัติซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันปฏิบัติซ้ำแล้วทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมมันไม่เข้าไปนี่ไง สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม แต่เพราะคุณงามความดีนะกรรมดีทำให้เราเกิดมาเป็นมนุษย์เกิดเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์มีอิสรภาพ มนุษย์มีสติปัญญา มนุษย์สามารถทำได้มนุษย์เป็นเศรษฐีโลก มนุษย์ ดูสิ ในบรรดาสัตว์สองเท้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นมนุษย์ไง เวลาทำจิตใจให้ผ่องแผ้วทำจิตใจให้พ้นจากกิเลสไปแล้ว เทวดาอินทร์ พรหมยังต้องมาฟังเทศน์

คำว่า “ฟังเทศน์” เพราะเทวดาอินทร์ พรหม เขาก็ยังไม่รู้วิธีการแก้ไขจิตใจของเขา เขามีความรู้สึกเหมือนเรา แต่เขาไม่มีร่างกายอย่างเราเท่านั้นน่ะ เขาเป็นกายทิพย์ เขาไม่มีธาตุ ๔ อย่างนี้ แต่หัวใจเขามีความผูกพัน หัวใจเขามีความรู้สึกทั้งนั้นน่ะมาฟังเทศน์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่ผลของวัฏฏะ

เราเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะนะ เราเป็นชาวพุทธเกิดมาพบพระพุทธศาสนา หน้าที่การงานเราก็ทำ ทำพอเลี้ยงชีพ พอเลี้ยงชีพแล้ว แต่อริยทรัพย์ ทรัพย์สมบัติคือหัวใจของเรา หัวใจของเราที่มันสงสัย ที่มันมีความเครียดที่มันบีบคั้น ถ้าธรรมะ ธรรมโอสถจะไปผ่อนคลายธรรมโอสถจะไปปลดเปลื้อง ธรรมโอสถจะสามารถสำรอกคายออกความคายออกอันนี้ถ้าเป็นความจริงมันต้องเป็นความจริงจริงๆ นะ ความจริงที่เราหมั่นเพียรกัน ถ้าไม่เป็นความจริง ไม่หมั่นเพียร

ครูบาอาจารย์ของเราทั้งชีวิตนะ ครูบาอาจารย์ของเราท่านบวชตั้งแต่เป็นสามเณร สามเณรน้อยบวชขึ้นมาแล้วขวนขวายประพฤติปฏิบัติ ถ้ามีครูบาอาจารย์ที่ดีจะชักจูงไปทางที่ดี ถ้ามีครูบาอาจารย์ที่ไม่มีปัญญาพอครูบาอาจารย์ท่านจะพาไปฝาก เราไม่มีความสามารถที่จะชี้นำได้ เราจะพาไปฝากครูบาอาจารย์ที่ท่านชี้นำได้ แล้วถ้าชี้นำได้ ชี้นำตามความเป็นจริงนะเป็นปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ความเห็นความเป็นจริงอย่างนั้นน่ะ

การศึกษาการเล่าเรียนมันเท่าทันกันได้ทั้งนั้นน่ะการประพฤติปฏิบัติก็เหมือนกัน ถ้าจิตใจเรามีหลักมีเกณฑ์ จิตใจเราประพฤติปฏิบัติแล้วมันมีศีล มีสมาธิ มีปัญญาขึ้นมา ถามได้ ถ้าถามไม่ได้ คำพูดเราเข้าใจได้ คนไม่เป็นพูดไม่ได้ คนไม่เป็นไม่รู้ แล้วไอ้คนเป็นมันทะลุปรุโปร่งไปแล้วมันย้อนกลับมามันเห็นของมันหมด

สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมแต่เราไม่ปล่อยชีวิตเราให้มันไหลไปตามธรรมชาติเราพยายามจะต่อสู้ของเรา แต่การต่อสู้ของเราต่อสู้กับกิเลสตัณหาความทะยานอยาก การต่อสู้ของเราคือสติปัญญายับยั้งความรู้สึกนึกคิดของเรา ยับยั้งสิ่งที่มันก่อกวนในใจแล้วเราพยายามตั้งสติของเราหายใจเข้านึกพุทหายใจออกนึกโธพยายามทำให้มันสงบระงับเข้ามา ถ้ามันสงบระงับเข้ามาแล้วเราจะเห็นคุณค่าของหัวใจของเรา

คนเราเกิดมามีกายกับใจๆ แต่หัวใจนี้สำคัญสำคัญเพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดชี้เข้าไปสู่จิตใจของสัตว์โลกเพราะจะรื้อสัตว์ขนสัตว์มันรื้อสัตว์ขนสัตว์ที่นั่น ไอ้ที่เราเกิดมานี่เป็นวิบากสิ่งที่เหลือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมาสิ้นกิเลส พอสิ้นกิเลส ๔๕ ปี สิ่งที่เหลือๆ ชีวิตที่เหลือเหลือจนกว่าท่านจะหมดอายุขัยของท่าน

นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่เหลือๆ ไง สิ่งที่เหลือ เหลือเพราะจิตใจมันสะอาดผุดผ่องไปแล้ว แต่ถ้ามีการกระทำตามความเป็นจริง พ้นไปจากที่นั่นไง ถ้าใจมันพ้น ปฏิสนธิจิตถ้ามันพ้นไปแล้วมันพ้น พ้นทั้งๆ ที่มีชีวิตอยู่นี่ พ้นทั้งที่ยังสบตากันอยู่นี่

แต่ของท่านท่านจบแล้ว พอท่านจบแล้ว พระพุทธศาสนามีคุณค่ามากขนาดนี้ แล้วมีคุณค่ามากขนาดนี้มันเกิดจากการขวนขวายนะศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล การกระทำนั้นมันไม่ใช่มรรคมันจะเอาผลมาจากไหน การที่กระทำนั่นน่ะ สิ่งที่ทำนั้นน่ะ

ดูสิ ทางโลกการประพฤติปฏิบัติเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาเราก็มีการประพฤติปฏิบัติ แต่ครูบาอาจารย์ที่ไม่สามารถชี้ทางได้เขาก็ประกอบพิธีกรรมไปเท่านั้นน่ะ มันมีแต่พิธีกรรมมีแต่พิธีกรรมอยู่นั่นน่ะ

แต่ครูบาอาจารย์ของเราหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านไม่มีอะไรหรอก เดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนารักษาใจของตนเอาใจของตนให้ได้ แต่นี้เป็นนามธรรมๆ นะ เวลาเป็นสัมมาสมาธิสติมันพร้อม มันเห็นของมัน มันมีความสุขของมัน

พิธีเป็นพิธีไง พิธีทั้งหมด เวลาทำพิธีทั้งหมดสุดท้ายแล้วลงด้วยการภาวนา เวลาภาวนาทั้งหมดสุดท้ายไปลงที่จิตที่สงบแล้ว ถ้าจิตสงบแล้วออกฝึกหัดการทำงาน เวลาทำงานมันเกิดมรรคเกิดผลขึ้นมา มันจะเกิดความมหัศจรรย์เวลาครูบาอาจารย์ท่านบรรลุธรรมขึ้นมา ท่านกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า “รู้ได้อย่างไร รู้ได้อย่างไร” ไอ้ของเราความคิดร้อยแปดมีแต่ความคิด ไอ้ความคิดมันเกิดดับแล้วคิดซ้ำคิดซากคิดแล้วคิดเล่าไม่มีวันจบวันสิ้น

แต่เวลามันเป็นคุณธรรม เวลามันสำรอกมันคายมันคายอะไร มันคายอวิชชาความไม่รู้เท่า พอมันคายอวิชชาทั้งหมดแล้วมันจะคิดอะไรความคิด สิ่งที่มันเป็น สอุปาทิเสสนิพพาน ขันธ์ที่สะอาดบริสุทธิ์ ขันธ์ที่สะอาดบริสุทธิ์เป็นอย่างไร

ขันธ์ที่สะอาดบริสุทธิ์คือความคิดที่สะอาดบริสุทธิ์ไง ความคิดที่ไม่ปลิ้นปล้อนความคิดที่ไม่มีกิเลสตัณหาความทะยานอยาก มันเป็นความคิดเหมือนกัน แต่ความคิด สอุปาทิเสสนิพพานองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการ นั่นก็ขันธ์ ๕ ก็ความคิด

จะไปโปรดพระเจ้าสุทโธทนะเป็นความคิดไหมสามเณรราหุล มาขอสมบัติ เป็นความคิดไหม แล้วสื่อสารกับเขานั่นสื่อสารด้วยอะไร ก็สื่อสารด้วยเสียงสื่อสารด้วยสังขารความคิด ความปรุงความแต่งนี่ไง แต่มันไม่มีกิเลสตัณหาความทะยานอยาก นี่ไงขันธ์ที่สะอาดบริสุทธิ์ไง แต่มันสะอาดบริสุทธิ์ในใจของผู้ที่พ้นจากทุกข์ๆ เวลามีการกระทำมันมีคุณค่า มีคุณค่าที่นี่

สิ่งที่เป็นอภิญญา สิ่งที่อนาคตังสญาณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันนั้นเป็นคุณสมบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์ของเราท่านมีคุณธรรมของท่าน แล้วท่านมีคุณสมบัติของท่านมันจะเป็นประโยชน์ประโยชน์ที่ไหน

เวลาหลวงปู่เจี๊ยะท่านถามหลวงปู่มั่น “สิ่งที่อภิญญา ๖แก้กิเลสไม่ได้ หลวงปู่มั่นทำทำไม”

ท่านก็บอกว่า “อ้าว! ก็ทำไว้สอนคนไง”

ทำไว้สอนคน คนมันมีความรู้สึกนึกคิดใช่ไหมไอ้อย่างนี้มันเท่ากับรู้เท่าทันความคิดของคน มันเป็นประโยชน์ไง จิตใจของหลวงปู่มั่นที่สะอาดบริสุทธิ์ท่านเอาไว้เพื่อคอยแนะนำสั่งสอนชี้นำหัวใจของคนไง แต่คนที่เขากิเลสตัณหาความทะยานอยากท่วมหัว เวลาเขาทำอภิญญาของเขาได้ อันนั้นมันเพื่อผลประโยชน์ไงเดี๋ยวก็เสื่อม ไม่เป็นความจริงหรอก

แต่ถ้าเป็นความจริงนะอภิญญาเป็นอภิญญา แต่เวลาจิตใจของคนที่สะอาดบริสุทธิ์แล้วอย่างเช่นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าน่ะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาสอน ท่านสอนเรื่องมรรคเรื่องผล ถ้าดวงใจดวงใดไม่มีมรรค ดวงใจดวงนั้นไม่มีผล แล้วมรรคมันเกิดขึ้นอย่างไรล่ะ ศีลสมาธิ ปัญญา มรรค๘ มันเกิดขึ้นอย่างไร เกิดขึ้นจากการกระทำของเรานี่ไง

นี่ไง ที่ว่าสัตว์โลกเป็นไปตามกรรมเป็นไปตามความรู้สึกนึกคิดนี่แหละเป็นไปตามความน้อยเนื้อต่ำใจนี่แหละ แต่เรามีสติมีปัญญาของเรา สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม แต่เรามีกรรมดีของเรา เราจะทำคุณงามความดีของเรา เราจะขวนขวายของเราเราจะพาชีวิตของเราให้มันทวนกระแส ให้มันมีหลักมีเกณฑ์ของเราขึ้นมา

ทุกคนเกิดมามันก็บกพร่องไปทั้งนั้นน่ะ ชีวิตที่สมบูรณ์แบบไม่มีเพราะชีวิตบางคนเราดูแล้วน่าจะสมบูรณ์แบบ อู้ฮู! เกิดมาอุดมสมบูรณ์แต่ในใจเขาทุกข์ทั้งนั้นน่ะ เขาก็ไม่พอใจ มันจะอุดมสมบูรณ์แค่ไหน เขาไม่อุดมสมบูรณ์หรอก เขาขาดแคลนไปทั้งนั้น

ไอ้ของเราขาดตกบกพร่อง ดูพระเราสิ บิณฑบาตฉันมื้อเดียวๆ มันอุดมสมบูรณ์ไหมล่ะถ้ามันอุดมสมบูรณ์มันต้องอุดมสมบูรณ์ในใจนั้นถ้ามันอุดมสมบูรณ์ในใจนั้น

ชีวิตสมบูรณ์แบบไม่มีแต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมบูรณ์แบบ สิ่งที่สมบูรณ์แบบจะไม่บกพร่อง และไม่แสวงหามาเพิ่มเติม สมบูรณ์แบบในใจนั้นเลย นี่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเราแก้ไขที่นี่ เราแก้ไขหัวใจของเรา

เรามาทำบุญกุศล ทำบุญกุศลเพื่ออำนาจวาสนาบารมี ทำบุญกุศลเสียสละขึ้นมาให้ใจมันเปิดกว้างเปิดกว้างฟังความเห็นที่แตกต่าง ฟังทั้งนั้นน่ะ กาลามสูตร ไม่เชื่อ ต้องประพฤติปฏิบัติให้เป็นความจริงของเรา ถ้าเป็นความจริงขึ้นมา นี่ของจริงถ้าของจริงขึ้นมาเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโกกับใจดวงนี้ เอวัง