เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑o มิ.ย. ๒๕๖o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๐มิถุนายน ๒๕๖๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะเนาะตั้งใจฟังธรรมเพื่อตอกย้ำตอกย้ำให้หัวใจเรามั่นคงไงอานิสงส์ของการฟังธรรม สิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังได้ยินได้ฟังสิ่งนั้น สิ่งที่ได้ยินได้ฟังทุกวันๆ ตอกย้ำๆ ไง เวลามีความสงสัยอยู่ฟังธรรมๆ เพื่อความผ่องแผ้วในหัวใจไง นั่นน่ะตอกย้ำในใจของเรา

ในใจของเรา ดูสิ เวลาคนเราไม่ทำความผิดพลาด ไม่มีการทุจริต ไม่มีโทษถ้าไม่มีโทษ เจ้าหน้าที่เขาก็ไม่จับไง ถ้าเจ้าหน้าที่เขาจับนะ คนทำผิดพลาดมันมีโทษ คนติดคุกเวลาคนติดคุกเข้าไปในคุกแล้วจะเป็นนักโทษชั้นดี ชั้นเอก ชั้นยอดชั้นเยี่ยม เพื่อได้รับการอภัยโทษถ้าได้รับการอภัยโทษ เวลาออกจากคุกนะมันนับวันนับเดือนเลยนะ ติดคุก ๑ ปี รอเวลาออกจากคุก เวลาใกล้ออกจากคุกมันมีความสุขมาก ได้รับอิสระเวลาเปิดประตูคุกออกมา เดินออกมาด้วยความผึ่งผาย นี่ไง เวลาคนติดคุก

นี่ก็เหมือนกัน เราเกิดเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เราเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เราโดนกิเลสมันครอบงำไว้ ถ้าโดนกิเลสมันครอบงำไว้ เราเป็นอิสระไม่ได้เลย ถ้าเราเป็นอิสระไม่ได้เลย

เวลาเป็นนักโทษ เวลาเป็นนักโทษอยู่ในคุก เป็นผู้โดนคุมขัง เวลาพวกพัศดี พวกผู้คุมนักโทษเขาก็อยู่ในคุกเหมือนกันแต่อาชีพของเขาเขาทำหน้าที่ของเขา เขาคุมนักโทษของเขาเขาไม่ได้เป็นนักโทษ เขาจะออกเมื่อไหร่จะเข้าเมื่อไหร่ก็ได้เขามาทำงานของเขา แต่ไอ้นักโทษๆ มันอยู่ในคุกนั่นน่ะ มันอยากจะออก มันอยากจะได้รับอิสรภาพ

ถ้าเรามีสติมีปัญญาของเรา ฟังธรรมๆตอกย้ำหัวใจเราจิตของเราถ้ามันแก้ไขได้ มันพ้นจากโทษจากภัยออกมา ถ้าพ้นจากโทษจากภัยออกมา ถ้ามันไม่มีสติปัญญาอย่างนั้น มันไม่เข้าใจว่าเราเป็นนักโทษไง เราบอกว่าเราเป็นมนุษย์ประชาธิปไตยสิทธิเสมอภาคทำสิ่งใดก็ได้ๆ นี่ไง มันหลงในโลกหลงอยู่กับโลกหลงอยู่กับโลกไม่เข้าใจสัจจะความจริง ไม่ได้ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ถ้าศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วิมุตติสุขๆสุขที่ไม่เจือปนด้วยอามิส ของเรา เราแสวงหามาอยากได้ความสุข อยากได้ความสำเร็จทางโลก มันก็ประสบความสำเร็จจริงๆ นั่นน่ะ

ผู้คุมนักโทษมันก็คุมนักโทษ มันก็ทำหน้าที่การงานของมัน มันก็เข้าออกในคุกนั่นน่ะนี่ก็เหมือนกันเราไม่ได้ถึงกับติดคุกติดตะรางแต่กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันครอบงำหัวใจเราไว้ เราเกิดเป็นมนุษย์มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ ในบรรดาสัตว์สองเท้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด

อันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าเราจะเป็นสัตว์ประเสริฐๆ ยกยอปอปั้น มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐๆธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่ามนุษย์โง่กว่าสัตว์ สัตว์มันมีสิทธิเสรีภาพนะ ถ้ามันไม่โดนจับมาขัง สัตว์ป่าๆ มันอยู่ตามธรรมชาติของมัน นี่ธรรมชาติของสัตว์

มนุษย์เกิดมาต้องมีกฎหมาย มนุษย์เกิดมาต้องมีกติกา รอนสิทธิ์ของตนๆ มนุษย์โง่กว่าสัตว์ โง่กว่าสัตว์นี่ไงเพราะเราปล่อยตามใจเราไม่ได้เราปล่อยตามใจเราไม่ได้ เราปล่อยตามหัวใจของเรา เราเอารัดเอาเปรียบไปทั้งนั้นน่ะ

มนุษย์นี่แปลกนะ หาความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น เวลาความทุกข์ของคนอื่น เห็นคนอื่นเสียเปรียบ ชอบนัก ดีใจนัก เวลาเอาชนะคะคานเขาได้ มนุษย์หาความสุขจากความทุกข์ของคนอื่นไง

แต่ถ้าเป็นธรรมะธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ความทุกข์ของเรา เราเกิดมานะ เวลาพระที่ประพฤติปฏิบัติ เขาให้ระลึกถึง ถ้านึกถึงความทุกข์ของตัวเองไม่ได้คิดถึงเวลาอยู่ในท้องแม่สิ เวลาคิดว่าเราอยู่ในท้องแม่ ๙ เดือนขยับไม่ได้เลยอยู่ในท้องแม่นั่นน่ะ อึดอัดขนาดไหนก็ต้องอยู่อย่างนั้นมา มันมีความทุกข์ไหมชีวิตกว่าจะได้มามันแสนทุกข์แสนยาก

แล้วเวลาคลอดมาแล้วพ่อแม่เลี้ยงดูมาๆถ้าพ่อแม่ไม่เลี้ยงดูมา ชีวิตจะรอดมาได้อย่างไร ไม่เหมือนสัตว์ สัตว์บางชนิดพอคลอดมามันหากินเองได้เลยแต่มนุษย์ต้องเลี้ยงดู ต้องดูแลของมัน แต่เวลามันโตขึ้นมาแล้วดูสิ เวลามนุษย์ทำร้ายกันทำร้ายกันด้วยสมอง ทำร้ายกันด้วยปัญญา เอารัดเอาเปรียบกันด้วยเล่ห์ด้วยเหลี่ยมด้วยกลสัตว์มันไม่ทำอย่างนั้นหรอกสัตว์เวลามันจะกัดกัน มันมีเขี้ยวมีเล็บเท่านั้นน่ะมันทำร้ายด้วยเขี้ยวเล็บของมัน

มนุษย์ร้อยสันพันคมร้อยสันพันคมมันถึงต้องมีศีลธรรมไง มีศีลมีธรรมคอยมาขัดมาเกลา ขัดเกลาเพื่ออะไร พอขัดเกลาก็ว่าเราเสียเปรียบเขาๆ

มันจะไปเสียเปรียบที่ไหนมันเป็นคนดี คนมีปัญญา คนที่ไม่เอาสิ่งใด เอาโทษเอาภัยมาเข้าหัวใจของตนทำแต่คุณงามความดี เสียสละๆ เพื่อคุณงามความดีความดีเพื่อใคร

การเสียสละ เราไม่ต้องมีสิ่งใดไปเสียสละเขาหรอก เสียสละ ถ้าคนโง่นะคนที่เขามีปัญญานะ ที่เขาเป็นคนใจบุญเวลาเขาทำบุญกุศลเขาแอบทำนะ เขาไม่ทำให้ใครรู้หรอก ถ้าทำให้ใครรู้นะ หัวกระไดบ้านไม่แห้งเลย คนนั้นก็จะมาขอ คนนี้ก็จะมาขอ คนที่เขาฉลาดของเขาเวลาเขาจะให้ใคร เขาให้ใต้ดินนะ ดูในหลวงทำสิ ให้อาชีพเขา ให้ปัญญาเขาให้เขาฉลาดขึ้นมาให้เขาทำมาหากินได้

นี่ก็เหมือนกัน เราจะช่วยเหลือคนๆช่วยเหลือคนให้เขายืนบนขาของตัวเองได้ ให้เขามีสติมีปัญญาการช่วยอย่างนั้น ไม่เที่ยวว่าฉันจะทำๆ ไอ้นั่นหัวบันไดบ้านไม่แห้งเลย

คนที่เขาฉลาดเขาแอบทำ เขาทำไม่ต้องการให้ใครรับรู้หรอก แต่การกระทำนั้นจะทำในที่ลับที่แจ้งคือบุญกุศลทั้งนั้นน่ะ แล้วยิ่งทำในที่ลับ บุญกุศลมหาศาลเลยเวลาทำสิ่งใดต้องให้ประกาศต้องขึ้นป้ายเลยคนโน้นทำบุญเท่านี้ คนนี้ทำบุญเท่านั้นนั่นน่ะมันทอนบุญของตนไปไง

ปฏิคาหกผู้ให้ให้ด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ ความสะอาดบริสุทธิ์ของเรา เราให้เพื่ออะไรล่ะ เราให้คนทุกข์คนจนก็ให้เพื่อเขาดำรงชีพ เราทำบุญกุศลในวัดก็เพื่อประโยชน์สาธารณะ เวลาของสงฆ์ๆ ก็เพื่อหมู่สงฆ์ สมบัติของชาติ สมบัติของสงฆ์ เราทำแล้วก็จบไงทำไมต้องให้ประกาศ ทำไมต้องให้เขายกยอปอปั้น นี่ไงการยกยอปอปั้นกิเลสทั้งนั้นน่ะอยากดังอยากใหญ่ ถ้าอยากดังอยากใหญ่ มันเป็นประโยชน์อะไรขึ้นมา มันก็เศร้าหมองใช่ไหม

แต่เราทำของเรา ทำบุญทิ้งเหว ทำไม่ให้ใครรู้ แอบทำ เราจะมีมากมีน้อยของเรา เราก็ทำของเรา มีน้อยขึ้นมา อายเขาก็ทำแบบกระมิดกระเมี้ยน พอมีเยอะหน่อย แหม! อวดเชียว มันมีประโยชน์อะไร

นี่ไงนักโทษ นักโทษมันออกจากคุกมันพ้นโทษมันถึงออกจากคุก นี่เลื่อนสถานะของนักโทษไง นักโทษชั้นดี ไอ้พวกนั้นนักโทษชั้นเลว ฉันดีกว่าเขา ฉันเยี่ยมกว่าเขา ฉันจะได้พ้นจากโทษ เวลาเปิดประตูคุกออกมามันก็ออกมาเหมือนกันนั่นน่ะถ้าออกมาเหมือนกัน

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเรามีสติปัญญาของเรา ทำของเราเพื่อประโยชน์กับเรา ถ้าประโยชน์ มันจะมีสติปัญญาอย่างนั้น แล้วไม่วุ่นวายด้วย คนที่เขาเป็นธรรมเขาทำบุญกุศลโดยปัญญานะ เขาไม่วุ่นไม่วายนะ เขาทำของเขาแล้วเขายิ้มแย้มแจ่มใสของเขาเขาเก็บไว้ในความภูมิใจของตัวเราเอง มันเก็บไว้ในความภูมิใจไง เราทำสิ่งใดก็ได้ใช่ไหม

นี่ก็เหมือนกัน เวลาเราออกประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เราฝึกหัดของเรา ถ้าเรานั่งสมาธิภาวนาของเรามันก็เป็นความภูมิใจของเรานะนั่งได้ ๑ ชั่วโมงโอ๋ย! ภูมิใจเลย๑ ชั่วโมง โอ้! วันนี้ได้ ๒ ชั่วโมงเก็บความภูมิใจของเราไว้ แล้วเกิดถ้ามันเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมานะ จิตมันสงบเข้ามาจิตนี้มันมหัศจรรย์นัก ในหัวใจเรานี้มหัศจรรย์นัก

เวลาแสวงหาความสุข แสวงหาความสุขจากข้างนอก อยากได้ด้วยเป็นอามิสทั้งนั้น สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี แล้วความสงบของใจ ถ้ามันสงบเข้ามา สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดไงเวลาคนเป็นเท่านั้นถึงแสวงหาความสุขได้ คนตายแสวงหาความสุขไม่ได้

นี่ก็เหมือนกัน คนเป็นเท่านั้น จิตมันรับรู้ของมันได้ แล้วจิตถ้ามันใช้ปัญญาอบรมสมาธิเข้ามา ใช้กำหนดพุทโธเข้ามา มันสงบเข้ามา มันไม่เป็นอย่างที่คิด

ที่คิดกัน ที่ในตำราเขียนกันตำราของครูบาอาจารย์เวลาท่านบอกว่า สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี ถ้าสงบ สงบอย่างไร ถ้ามันสงบเข้ามา ความเป็นจริงของมันเห็นไหม สิ่งที่หัวใจๆ มันทุกข์มันยากอยู่นี่ หัวใจที่มันแสวงหาอยู่นี่หัวใจที่มันเที่ยวตะครุบเงาที่มันบอกจะเป็นความสุขๆ อยู่นี่ เวลามันปล่อยวางเข้ามาหมดเลย ตัวมันเองนั่นน่ะมีความสุขแท้ ตัวมันเองนั่นน่ะจะมีความสุขได้

แต่ตัวมันเองมันมีความสุขไม่ได้เพราะกิเลสมันครอบงำไงตัณหาความทะยานอยากมันครอบงำอยู่ แล้วก็ลากมันไป“ทำบุญแล้วไปสวรรค์ ทำบุญแล้วจะเป็นพรหม”

เทวดาอินทร์ พรหมมาฟังเทศน์พระพุทธเจ้าเทวดา อินทร์พรหมยังต้องมาฟังเทศน์ เทวดาอินทร์ พรหมที่จะพ้นจากทุกข์ยังต้องลงมาฟังเทศน์ แล้วเราทำกัน ให้กิเลสมันลากไปๆ ไง เวลาทำสิ่งใดก็ให้กิเลสมันลากไปๆแต่ถ้ามันทำบุญทิ้งเหว จบ ทำบุญทิ้งเหวเพราะอะไร

ทาน ศีลภาวนา คนเราจะเป็นอิสรภาพได้คนเราจะต้องมีสติมีปัญญา คนเราโง่เขลา คนเราเบาปัญญาจะเป็นอิสรภาพไม่ได้ เห็นไหม เขาเลิกทาสๆ ไอ้ทาสมันไม่ยอมเลิกทาสเพราะมันหากินไม่เป็นมันขอเป็นลูกทาสตลอดไปเพื่อให้นายทาสใช้งานมัน เพื่อมันจะมีอาหารเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง

นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่มันจะพ้นจากโทษได้ พ้นจากกิเลสตัณหาความทะยานอยากได้ มันต้องมีสติมีปัญญาของมัน ถ้ามีสติปัญญาของมันการเสียสละทานๆ เสียสละเป็นผู้ให้ ผู้ให้เป็นผู้ที่จะพ้นเป็นอิสระ เป็นอิสระเพราะไม่มีการครอบงำของใคร

ผู้รับๆผู้รับเพราะเราต่ำต้อย ผู้รับเพราะเราขาดแคลน ผู้รับเพราะเราไม่มีสติปัญญาของเราเราต้องอาศัยความรับนี้เพื่อดำรงชีพของเราเพื่อความเป็นอยู่ของเรา

ถ้าบวชพระ พระเป็นผู้รับพระเป็นเนื้อนาบุญของโลก พระภิกขาจาร เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้งคำว่า “เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง” ออกโปรดสัตว์คำว่า “โปรดสัตว์” สัตว์ที่มันทุกข์มันยาก ตื่นนอนขึ้นมาจากที่หลับที่นอน หุงหาอาหารมาเพื่อเสียสละ เพื่อทำบุญกุศล นี่เขาจะตักบาตรของเขา เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้งไง

นี่พูดถึงว่า เวลาผู้รับรับด้วยความขาดตกบกพร่องของเขา แต่ถ้าเป็นครูบาอาจารย์ เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รับด้วยบุญกุศลไง นี่ไง เนื้อนาบุญของโลกเขาแย่งกันๆ เพื่อเอาบุญกุศลอันนั้นไง นี่ไง การเสียสละทานๆเสียสละทานเพื่อความเป็นอิสระไง ความเป็นอิสระเพราะเราเป็นผู้ให้ไง ถ้ามันมีทานของมันเป็นผู้ให้ เป็นผู้ที่ประเสริฐ เป็นผู้ที่มีโอกาส เป็นผู้ที่จะเปิดปัญญาใช่ไหม นี่ทาน

ศีล ศีลคือความปกติของใจ มีศีล ๕ศีล ๘ ศีล ๒๒๗ถ้าศีล ๕ ทุกคนอวดอ้างว่าเป็นคนดี ทุกคนอวดอ้างว่าทำความถูกต้องดีงามทั้งนั้น ถ้ามันจะเปรียบเทียบกันเปรียบเทียบกันด้วยศีลนี่ ถ้ามันจะถูกต้อง ถูกต้องด้วยศีลด้วยธรรม

ถ้าความดีๆ ความดีของกิเลสไง ความดีบอกมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นไงเหยียบหัวคนอื่นขึ้นไปไง อยากจะหน้าใหญ่ใจโตไง อยากจะมีอำนาจไง อยากจะนั่งบนหัวคนไงอยากจะอยู่บนหัวเขา นั่นไง มันเป็นศีลตรงไหน

ถ้ามันเป็นศีลขึ้นมา ศีลมันคือความเสมอภาคไง ศีลคือศีละ ศีละคือศิลา ศิลาคือความมั่นคง คือจิตที่มันตั้งมั่น

นี่ไง ผู้ที่จะเป็นอิสระ อิสระต้องมีปัญญาอย่างนี้ไง ถ้ามันมีปัญญาขึ้นมา มันเสียสละทานขึ้นมาเพื่อเปิดใจของเราให้ใจเป็นสาธารณะถ้ามีศีลขึ้นมาแล้วมันเกิดปัญญาขึ้นมา ถ้าเกิดปัญญาขึ้นมา เราเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลางหัวใจไง พุทธะ พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

ผู้ที่โง่เขลาเบาปัญญาโดนกิเลสตัณหาความทะยานอยากครอบงำ คนติดคุกมันยังมีวันออกนะ พ้นจากคุกเว้นไว้แต่นักโทษประหาร นักโทษประหาร เขาก็ให้อภัยโทษอยู่วันยังค่ำนั่นน่ะ

นี่ก็เหมือนกัน มันไม่มีโอกาสเลยหรือ มันไม่มีโอกาสได้กระทำเลยใช่ไหม เกิดมาเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนาพระพุทธศาสนาจ้ำจี้จ้ำไชสอนอยู่ทุกวัน แล้วมันหูหนวกตาบอดย้ำคิดย้ำทำอยู่กับกิเลสตัณหาความทะยานอยากอย่างนั้นหรือ ถ้ามันมีสติปัญญาขึ้นมา มันจะมีความภูมิใจมาก มันจะเป็นผู้ประเสริฐ ให้ด้วยความเบิกบานนะ คนที่มีสติปัญญาเขาให้ด้วยผู้เบิกบานไม่ใช่ให้ด้วยความยอมจำนนนะ ไม่ใช่ให้ด้วยเอาคนข่มขู่นะไม่ใช่ให้ด้วยความอิทธิพลครอบงำนะ ให้ด้วยความพอใจให้ด้วยความเบิกบาน ความเบิกบานอันนั้น ทานผู้ที่พ้นเป็นอิสระไง

ถ้ามันมีศีล ศีลคือความปกติของใจ ถ้าไม่มีความเบิกบาน ไม่มีสติปัญญา มันจะภาวนาอย่างไรเวลาภาวนาแล้วอั้นตู้อยู่นั่นน่ะเวลาภาวนาขึ้นมาแล้วจนตรอกอยู่อย่างนั้นน่ะมันอยู่โดยความครอบงำของกิเลสไง คนจะพ้นจากโทษ พ้นจากโทษเขาชื่นบานนะ นับวันนับคืนเลย จะเปิดประตูคุก ออกไปโอ้โฮ! กอดกันร้องไห้เลย เป็นอิสระๆ ไง

นี่ก็เหมือนกัน หัวใจกิเลสมันครอบงำไว้ มืดบอด ดูให้มันปลิ้นปล้อนแล้วก็เชื่อมันอยู่อย่างนี้ แล้วก็บอกว่านี่เป็นความดีๆ ความดีอะไรของเอ็ง

ไอ้นี่มันอยู่ที่วุฒิภาวะ นี่ไงฟ้าลิขิตๆ ถ้าฟ้าลิขิตขึ้นมา เวรกรรมมีเท่านั้น วุฒิภาวะมีเท่านี้ จริตนิสัยมีเท่านี้ความคิดได้เท่านี้ ความคิดได้เท่านี้มันประเสริฐแล้วยอดคน ยอดคนต้องพ้นจากกิเลสสิ

ในบรรดาสัตว์สองเท้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุดแล้วเราก็เป็นมนุษย์เหมือนกันนะ ถ้าเป็นมนุษย์เรามีศักยภาพของความเป็นมนุษย์นะ นี่สัตว์ประเสริฐๆ ดูสิโลกเขาหาอยู่หากินด้วยสติด้วยปัญญา คนที่มีสติมีปัญญาเขาทำอะไรเขาประสบความสำเร็จของเขา

แต่ถ้าคนเวลาเวรกรรมมันตัดทอนๆ เวลาเวรกรรมมันตัดทอนขึ้นมา ความบกพร่องเป็นครั้งเป็นคราว คนเรานะ มันจะเรียบง่าย ชีวิตจะราบรื่นตลอดชีวิต หาได้ยาก ลุ่มๆดอนๆ ทั้งนั้นน่ะความลุ่มๆ ดอนๆเพราะเวรกรรมของคนมันทำมามากไง

คนเราทำความดีมาก็มาก ทำความชั่วมาก็เยอะ ด้วยความผิดพลาดด้วยความพลั้งเผลอ ด้วยความจำเป็น มันทำของมันมา มันทำของมันมา ถึงเวลากรรมมันให้ผลๆยิ้มรับเลย เราทำมา เราทำของเรามาเอง มีสติปัญญา มันผ่านพ้นไปได้ พอผ่านพ้นเป็นขั้นเป็นตอนขึ้นไป

ทั้งนั้นน่ะเวลาคนเกิดมาผลของวัฏฏะๆเราได้ทำความดีความชั่วมาทั้งนั้นน่ะ แต่ถ้าผลของความดีมาเราต้องเหยียบคันเร่ง ต้องรีบกระทำของเราให้มันพ้นไปซะ ถ้าพ้นไปซะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาท่านพูดกับพระ“ภิกษุทั้งหลายถ้าพวกเธอโดนโลกธรรม ๘กระทบรุนแรงอย่าเสียใจ อย่าน้อยใจ ให้ระลึกถึงเราๆระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ธรรมขึ้นมา เขาติฉินนินทา เขาใส่ความ เขาทำร้ายทำลายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งนั้นเลย ไอ้พวกโจร ไอ้พวกนอกลัทธินอกศาสนามันทำลายมาตลอด

เราจะบอกว่า เวลาเป็นคนดี เป็นถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วมันต้องมีคนเชิดชูมันต้องมีคนเคารพนบนอบมันก็มีคนเคารพนบนอบจริงๆ ถ้าคนที่มีศรัทธามีความเชื่อ แต่คนที่เขาไม่เชื่อไม่ถือ เขาทำลายทั้งนั้นน่ะ

ฉะนั้นเวลาบอกว่า ภิกษุทั้งหลายถ้าเธอโดนโลกธรรมกระทบรุนแรงอย่าเสียใจ อย่าน้อยใจ ให้ระลึกถึงเรา ให้ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเป็นผู้ที่โดนกระทบกระเทือนรุนแรงที่สุด แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ เป็นศาสดา ช้างศึกไม่กลัวคันศร ไม่กลัวอาวุธของข้าศึก ช้างศึกเผชิญได้ทุกอย่าง

นี่ก็เหมือนกัน หัวใจของเรา เราประพฤติปฏิบัติของเรา แล้วเวลาขาดตกบกพร่อง เวลามีสิ่งใดแล้วเราก็จะน้อยเนื้อต่ำใจเราก็จะเสียใจ

เสียใจไปทำไมหัวเราะเลย สู้กับมันด้วยสติด้วยปัญญาแล้วเราจะพ้นออกไปจากกิเลสตัณหาความทะยานอยาก เอวัง