เทศน์พระ

แกล้งโง่

๒o ต.ค. ๒๕๖o

 

แกล้งโง่
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์พระ วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๐
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะเลยตั้งใจฟังธรรมดีกว่า ธรรมะคือสัจจะ สัจจะความจริงที่เราแสวงหานะ เราบวชมา เห็นไหม เราเกิดเป็นมนุษย์ถ้าเราอยู่ทางโลกเราก็ทำมาหากินไปกับเขาถ้าประสบความสำเร็จในชีวิตชีวิตมันก็มีสถานะ มีสถานะทางสังคม จะมีสถานะทางสังคมขนาดไหนมันก็มีความทุกข์อยู่ในหัวใจทั้งนั้น

นี่คนเราเห็นไหม ถึงเวลาชีวิตมีการพลัดพรากเป็นที่สุด เราต้องตายไปแน่นอนช้าหรือเร็วเท่านั้น ถ้าตายไปแน่นอนแล้วตายแล้วไปไหนนี่เกิดมาเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนา มันมีโอกาสให้ได้ประพฤติปฏิบัติให้ได้แสวงหาความจริง ธรรมโอสถๆ เห็นไหม ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย พ้นจากการเกิด แก่เจ็บตายทั้งสิ้นการเกิด แก่เจ็บ ตาย นี่เป็นเรื่องสัจจะเป็นเรื่องความจริงมันเรื่องธรรมชาตินะมันเป็นเรื่องสัจจะความจริงเราจะมีศาสนาไม่มีศาสนาก็เป็นแบบนี้

แล้วถ้ามีศาสนาอื่นๆเขาก็อ้อนวอนขอเอาไง ให้พระเจ้าพยากรณ์ ให้พระเจ้าคุ้มครองดูแลไงแต่ในพุทธศาสนามันไม่มีอย่างนั้นพระพุทธศาสนาปฏิเสธทั้งนั้น นี่พุทธศาสนาปฏิเสธแล้วเวลาการกระทำๆ เราต้องทำของเราขึ้นมาเอง ถ้าเราทำขึ้นมาเองเวลาคนเกิดมามีอวิชชามีความไม่รู้ ถ้ามีความไม่รู้แต่มีวาสนาเพราะตัวเราไม่รู้ แต่เราเกิดมาเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนาพระพุทธศาสนามีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมวินัยนี้ไว้เป็นศาสดาของเราๆ 

เราเกิดมาเป็นมนุษย์กึ่งพุทธกาลศาสนาเจริญอีกหนหนึ่ง เจริญมาจากไหนเจริญขึ้นมาจากหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นครูบาอาจารย์ของเราท่านค้นคว้าของท่านมา ถ้าท่านค้นคว้าของท่านมา เห็นไหม ธรรมะที่ว่ามันอยู่ในทฤษฎีมันอยู่ในความจำนะ มันถึงสืบต่อกันมา เห็นไหม เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ได้มาบวชเป็นพระ ได้บวชเป็นพระทรงจำธรรมวินัยศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้มีรัตนตรัย ให้มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแสดงธรรมน่ะ พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม นั่นนะเป็นอริยสงฆ์ สงฆ์แท้ๆ ไง แล้วเวลาสงฆ์แท้ๆขึ้นมามันก็เป็นธรรมวินัยบัญญัติไว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นแก้วสารพัดนึก เป็นไตรสรณคมน์ของเรา เห็นไหมมันเป็นทฤษฎีมันเป็นความเชื่อมาไง หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านประพฤติปฏิบัติขึ้นมาให้เป็นความจริงขึ้นมาในใจของหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ขึ้นมาไง ถ้ามันเป็นขึ้นมาเห็นไหม ธรรมะสดๆ ร้อนๆ ไง 

ธรรมะสดๆ ร้อนๆเพราะคนเรามันเกิด แก่ เจ็บตายด้วยกันทั้งสิ้นไง เวลาหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นท่านสิ้นกิเลสไปแล้วนั่นจบสิ้นกระบวนการของการเกิดการแก่ การเจ็บการตายไงเวลาพ้นจากการเกิด การแก่การเจ็บ การตาย แล้วมันเป็นอย่างไรในหัวใจของหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นไง แล้วถ้ามันเป็นหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นเห็นไหม หลวงปู่มั่นท่านเทศนาว่าการอบรมสั่งสอนขึ้นมาให้ประพฤติปฏิบัตินะ หลวงปู่เสาร์ท่านทำให้ดูๆเห็นไหม ทำให้ดูกันขนาดนี้มันยังไม่เอาแล้วจะไปสอนอะไรมันหลวงปู่เสาร์ท่านพูดอย่างนั้นประจำ 

นี่ไง คนเกิดมามีอวิชชามีความไม่รู้มาทั้งนั้น คนเรามีกิเลสทั้งนั้น มีความไม่รู้ๆ ไงถ้าโง่เขลาปัญญามันก็โง่เขลาปัญญาเพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันปิดบังหัวใจถ้ามันปิดบังหัวใจนะ คนโง่ๆ เห็นไหมคนโง่เขาก็ฝึกฝน เห็นไหมในชาติที่เจริญแล้วนี่ทรัพยากรมนุษย์ของเขานี่มีคุณภาพ มีคุณภาพเพราะมีการศึกษาเพราะมีปัญญาไง 

ประเทศชาติที่เจริญๆเพราะทรัพยากรบุคลากรของเขาประชากรในชาติของเขามีปัญญาไงประเทศไหนที่ประชากรมีปัญญาแล้วประเทศชาตินั้นจะรุ่งเรืองรุ่งเรืองเพราะอะไร เพราะมีนวัตกรรมมีปัญญาที่ส่งเสริมกัน เห็นไหม มันเป็นสัจจะเป็นความจริงของมันอยู่อย่างนั้นไง นี่เวลาเกิดมาๆเกิดมาด้วยความไม่รู้ด้วยอวิชชาด้วยความไม่รู้ มันก็แก้ไขไง มันแก้ไขมันส่งเสริมกันไง คนโง่ๆ นี่ฝึกหัดมันได้ ขนาดคนโง่ๆ คนโง่เป็นเรื่องเชาวน์ปัญญานะ คนโง่พยายามฝึกหัด เวลาฝึกฝนมันนี่คนโง่นี่ 

แต่ไอ้ที่แกล้งโง่นี่สำคัญ ไอ้คนโง่ๆ มันยังแก้ไขได้นะ ไอ้แกล้งโง่นี่เพราะเพราะว่ามันก็รู้ว่าผิดทั้งนั้น แต่ว่ามันขี้เกียจๆมันขี้คร้าน มันมีผลประโยชน์ทับซ้อนในใจไงอยากดังอยากใหญ่อยากมีอำนาจ แต่ทำโง่ๆ ไอ้แกล้งโง่นี่แก้ยาก ไอ้คนโง่นี่มันยังแก้ง่ายๆ นะ คนโง่เพราะด้วยเหตุด้วยผลมันเห็นของมัน มันก็แก้ไขของมันถ้าคนโง่ ไอ้แกล้งโง่นี่มันแก้ไม่ได้เลย เพราะอะไรเพราะมันก็รู้ของมันอยู่ มันปลิ้นปล้อนมาตั้งแต่ในหัวใจนี่ในหัวใจมันปลิ้นปล้อนของมัน มันไม่ยอมรับความจริงของมัน ไม่ยอมรับความจริงของมันแล้วก็ยังเรียกร้องไง 

นี่เรียกร้องว่า อ้าวครูบาอาจารย์ก็ต้องฝึกฝนสิต้องรับผิดชอบสิ ถ้าครูบาอาจารย์ที่ดีก็ต้อง นี่ไงทรัพยากรมนุษย์ๆ ไง เห็นไหม เป็นรัฐบาลๆ เขาก็แก้ไขของเขาพอเวลารัฐบาลแก้ไขของเขาทรัพยากรในชาติของเขาเห็นไหม นี่จีดีพีดูสิ ในทางเศรษฐกิจเขาวัดคุณค่าในความรู้ของประชากรไง วัดค่าเลย มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ มีความรู้ทางทฤษฎี มีความรู้เท่าไรวัดค่าเลยนี่แล้วสุดท้ายแล้วนี่แสดงว่าประเทศล่มจมไม่มีคนฉลาดเลย โอ้ รัฐบาลหน้าแตกรัฐบาลมีความเสียหายมากโทษรัฐบาลเลย

นี่ก็เหมือนกันแกล้งโง่ๆ ก็ไม่รู้เรื่อง ทรัพยากรมันไม่มีคุณภาพทรัพยากรมันเหลวไหลไง นี่ครูบาอาจารย์ก็เป็นผู้ฝึกหัดไงสอนฉันสิๆ ฉันจะเป็นคนดี ฉันอยากเป็นคนดีแต่ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ ก็ฉันไม่รู้ มีอะไรก็บอกฉันสิแล้วมันก็ปิดหูปิดตาของมันมันจะให้เอาใจมัน ให้ส่งเสริมมัน เฮ้ย ส่งเสริมอะไร ส่งเสริมกิเลสเหรอส่งเสริมให้มันมาเหยียบย่ำคนอื่นเหรอ ส่งเสริมอะไร นี่เพราะความส่งเสริมๆ ก็มีธรรมวินัยในหัวใจนี้สิ 

ถ้ามันมีคุณธรรมในใจๆ เห็นไหมคุณธรรมในใจเขาเห็นสิ่งใดมันเป็นความดีงามไปทั้งนั้นด้วยความดีงามเห็นแล้วมันรื่นเริง คุณงามความดีมันยังอยู่ที่นี่ บุญกุศลมันอยู่ที่ไหนบุญกุศลมันอยู่ที่หัวใจทั้งนั้นด้วยอำนาจวาสนามาเกิดเป็นมนุษย์นะแล้วเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา แล้วเกิดมาพบพระพุทธศาสนาศาสนาสอนเรื่องอะไร นี่ดูสิศีล สมาธิปัญญา ศีลสมาธิ ปัญญาศาสนาสอนเรื่องเงินเรื่องทองเหรอศาสนาสอนเรื่องให้คนนับหน้าถือตาเหรอศาสนาสอนให้คนคอยมาจำนนเหรอ ไม่ดูครูบาอาจารย์ของเราหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านอยู่ในป่าในเขาท่านไม่สนใจอะไรครูบาอาจารย์ที่เป็นธรรมๆ นะท่านไม่สนใจสัตว์โลกเลยล่ะเวลาหลวงตาท่านพูดนะเวลามันยุ่งกับโลกนี่คลุกขี้ต้องเอาตัวไปคลุกกับขี้เลยมันเหม็น

การสรรเสริญนินทาโลกมีเท่านั้นแล้วเราละจากมันมาแล้ว เราละจากมันมาแล้วมาบวชเป็นพระ บวชมาเป็นพระ ศีลสมาธิ ปัญญามันต้องมีศีล สิ่งที่มีศีลๆ มีศีลคือความปรกติของใจ นี่ถ้าศีลก็ศีล ๕ ศีล ๑๐ศีล ๒๒๗ แล้วศีลก็ศีล ศีลคือข้อห้าม ดูสิเวลาครูบาอาจารย์ของเราเห็นไหม สติวินัยๆ ท่านพ้นไปแล้วๆ นะ ผู้ใดทำ เห็นไหมกรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน ถ้ามันเป็นแกล้งโง่ๆ ว่าอวดตัวเองฉลาด ถ้าไปทำมันก็เป็นบาปกรรมของท่านทั้งนั้น ใครทำสิ่งใดมันก็ต้องได้ผลอย่างนั้น การกระทำๆ ต้องให้ผลหมด ไม่มีของฟรี ไม่มีขออ้อนวอน ไม่มีมันเป็นสัจจะมันเป็นความจริงใครทำอย่างใดได้อย่างนั้น

ฉะนั้นถ้าเป็นสติวินัยๆท่านทำของท่านมันก็เป็นเวรกรรมของท่าน ถ้ามันเป็นความไม่จริง ถ้าเป็นความจริงๆความจริงในเมื่อมรรคญาณมันทำลายอวิชชาไปแล้วนี่มันไม่มีภวาสวะไม่มีภพ อะไรมันจะตามอันนั้นไป ถ้าไม่มีสิ่งใดตามอันนั้นไปนั้นก็เป็นบุญกุศลของท่าน เป็นสัจจะเป็นความจริงในใจของท่านถ้าเป็นสติวินัยตามความเป็นจริง ถ้าสติวินัยก็เป็นสติวินัยสติวินัยครูบาอาจารย์ที่ท่านพ้นไปแล้วนะอย่างเช่นหลวงปู่ตื้ออย่างนี้หลวงปู่ตื้อท่านเป็นพระอรหันต์เห็นไหม เวลาไปอยู่กับหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นท่านอบรมสั่งสอน ธรรมทายาทๆ ใครจะมาก้าวล่วงธรรมวินัยไม่ได้เวลาแจกอาหารอยู่ เห็นไหม หลวงปู่ตื้อเวลาเห็นท่านก็ฉันเลย ฉันต่อหน้าหลวงปู่มั่นนั่นน่ะ 

“ตื้อทำไมทำอย่างนั้น” 

“อ้าว ก็ผมหิว อะไร ก็ผมหิว” 

ดูสิหลวงปู่มั่นท่านไปว่าอะไรบ้างนี่ไง เวลาคนที่มีคุณธรรมๆ มันเข้ากันได้ทั้งนั้นนะ ท่านบอกง่วงก็นอน หิวก็กิน ก็มีเท่านั้นเสร็จแล้ว อ้าวตื้อทำไมทำอย่างนั้น ก็ผมหิวๆ ท่านก็ต่อหน้านะ “ใครอย่าเอาแบบท่านตื้อนี้ไม่ได้นะ ใครอย่าเอาแบบอย่าง” เพราะหลวงปู่ตื้อกว่าท่านจะประพฤติปฏิบัติมาท่านสมบุกสมบันมาขนาดไหน 

ในวงปฏิบัติเราๆหลวงปู่ชอบหลวงปู่ตื้อนี่เป็นผู้ที่มีเกียรติศัพท์เกียรติคุณถึงความเพียรอันอุกฤษฏ์เวลาท่านทำความเพียรของท่าน ท่านทำจริงทำจังของท่าน เวลาท่านทำจริงทำจังของท่านท่านนั่งสมาธิของท่าน ๗ วัน๗ คืนท่านทำของท่าน ท่านทรมานกิเลสของท่าน ท่านต่อสู้กิเลสของท่าน ท่านทำด้วยคุณงามความจริงของท่าน แล้วท่านทำด้วยความเป็นจริงของท่านแล้วท่านพ้นไปแล้ว แล้วท่านพ้นไปแล้วนี่ สิ่งที่ว่าภวาสวะไม่มีภวาสวะ ไม่มีสถานที่ไม่มีสิ่งใดในหัวใจของท่านเป็นธรรมธาตุล้วนๆ ขึ้นมาอย่างนั้น ถ้าเป็นธรรมธาตุล้วนๆ ขึ้นมาอย่างนั้น แล้วท่านแสดงออกๆ ต่อหน้าหลวงปู่มั่น ไม่ได้ไปแสดงออกลับหลังใคร 

เวลาต่อหน้าครูบาอาจารย์ทำกระมิดกระเมี้ยนแกล้งโง่ๆ ไอ้พวกแกล้งโง่ นี่แกล้งโง่แต่พลิกแพลง นี่ท่านแสดงออกต่อหน้าหลวงปู่มั่นเลยนะ แล้วหลวงปู่มั่นท่านก็ยอมรับนะใครอย่าเอาแบบท่านนะ คำว่าอย่าเอาแบบคืออย่าเอาแบบๆ นี้ เอาแบบที่ว่าหิวก็กิน ง่วงก็นอนแต่มันก็ต้องเป็นเวล่ำเวลามันต้องมีข้อวัตรปฏิบัติของท่าน

แต่นี้มันเป็นอุบาย มันเป็นการกระทำๆ ที่จะฟังธรรมจากหลวงปู่มั่น เวลาอยากให้หลวงปู่มั่นท่านแสดงออกถึงความถูกความผิด เวลาการกระทำ เห็นไหมในการกระทำมันมีถูกและผิดอย่างเช่นที่เกิดสิ่งใดขึ้นเห็นไหม ผู้ที่คุ้มครองดูแลต้องวินิจฉัยไงนี่ท่านก็ทำให้ดูเห็นไหม ทำให้หลวงปู่มั่นท่านได้แสดงออกทำให้หลวงปู่มั่นท่านได้แสดงธรรมเวลาครูบาอาจารย์ที่ท่านมีธรรมๆ ท่านต้องการให้ครูบาอาจารย์แสดงออกมาเพื่อเป็นหลักฐาน เพื่อเป็นแนวทางในวงกรรมฐานของเรา 

ครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นธรรมนะท่านทำอะไรท่านทำเป็นธรรม แต่ท่านไม่ได้มาอวดหรอก ฉันจะทำให้ดูนะ ฉันจะวางบรรทัดฐานให้เห็น มึงรอไปเถอะอีก ๕๐๐ชาติ ความจริงเป็นความจริงความจริงเขาก็ทำความจริงกับความจริงที่มันสอดรับกันความสอดรับกันที่มันเป็นความจริงอันนั้นที่มันจะสอดรับกัน ถ้ามันเป็นความจริงๆ อันนั้นมันจะเป็นคุณธรรมขึ้นมาเวลาเขาทำมานี้ไง เวลาท่านทำท่านไม่ได้ทำลับหลัง ท่านทำต่อหน้าทั้งนั้นทำต่อหน้าขึ้นมามันเป็นการวินิจฉัยของหลวงปู่มั่นที่วินิจฉัยให้เห็นว่า ถ้าเป็นปุถุชนคนหนาเป็นคนที่ไม่มีคุณธรรมในหัวใจ ถ้าไม่มีคุณธรรมในหัวใจท่านไล่ออกจากวัดทั้งนั้น ท่านไม่ให้อยู่เลย แม้แต่เข้าไป เห็นไหมที่นี่กุฏิเต็มแล้วไม่มีที่ให้พักอาศัยทั้งสิ้น ไล่ออกๆ อย่างเดียว แล้วคนปฏิบัติก็ไล่ออกอย่างเดียว

แต่นี่เห็นไหม ลูกศิษย์ท่านปั้นมากับมือ หลวงปู่ตื้อครูบาอาจารย์นะท่านไปหาหลวงปู่มั่นหลวงปู่มั่นท่านปั้นมากับมือเวลาท่านปั้นมานี่ท่านภาวนามานี่ มันได้ตรวจสอบมันได้จุนเจือกันมาแล้ว มันรู้ความจริงในใจไง ถ้ารู้ความจริงในใจ เห็นไหม นี่คุณธรรมกับคุณธรรมมันก็เป็นคุณธรรมอย่างนั้น ถ้าเป็นคุณธรรมสัจจะความจริงมันเป็นสัจจะความจริงไงไม่ใช่ว่าขี้หมาขี้หมามันเหม็นแล้วเที่ยวจะไปป้ายคนโน้นป้ายคนนี้ จะไปป้ายไง 

นี่ไงเวลาครูบาอาจารย์ท่านพูดไปอยู่กับครูบาอาจารย์ไหนก็ไป ไปเอาชื่อเอาเสียงไปเอาเกียรติของท่านไปขาย ไม่ได้เป็นความจริงขึ้นมาเลย ถ้ามันไม่ได้เป็นความจริงขึ้นมาเห็นไหม เราไปเพื่ออะไร เพื่อดัดแปลงหัวใจของเราไง เวลาเราจะปฏิบัติขึ้นมาเราก็แสวงหาใช่ไหมแสวงหาความจริงๆ แล้วความจริงมันอยู่ไหน ความจริงเวลามันจะเกิดมันเกิดอย่างนี้เกิดที่ว่าเอ็งทำความจริงได้หรือเปล่า ถ้าความจริงที่ทำออกมามันเป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริง 

ถ้าเป็นความจริงขึ้นมาความจริงกับความจริงมันไม่หนีกันหรอกอุณหภูมิความร้อนไปอยู่ที่ไหนมันก็ร้อน มันไม่มีที่ลับที่แจ้งทั้งสิ้น ที่ลับที่แจ้งมันไม่มีกับผู้ทำความเป็นจริงไง ถ้าเป็นจริงก็ต้องเป็นจริงอย่างนี้ นี่ให้มันเป็นจริงมันก็ต้องฝึกหัดคนโง่มันก็ยังฝึกหัดให้มันฉลาดขึ้นมาได้นะ ไอ้พวกแกล้งโง่นี่แกล้งโง่นี่มันอีเดียด แกล้งโง่มันสะอิดสะเอียนไอ้คนโง่นะมันพูดได้ เวลามันโง่ โง่จริงๆเวลาโง่เห็นไหมเพราะอะไรเพราะเขาก็อยากศึกษานะ

คนเราดูสิ เวลาจูฬปันถก มหาปันถกเป็นพระอรหันต์จูฬปันถก เห็นไหม เขาก็พยายามฝึกของเขา แต่มันได้เท่านั้น แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ลูบผ้าขาว แล้วลูบผ้าขาวนี่ ขาวหนอขาวหนอ มันไปตรงกับจริตเลยนี่เขาก็ฝึกหัดๆแต่คนไม่มีสติปัญญามันก็ฝึกหัดขึ้นมาไม่ได้ แต่ถ้าเวลาฝึกหัดเขาก็เจตนาของเขาดีทั้งนั้น แต่ด้วยเวรด้วยกรรมคนไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำไมเป็นอย่างนั้น ก็ไปหัวเราะเยาะเขามีชาติหนึ่งที่บวชเป็นพระไงเวลาพระท่องปาฏิโมกข์อยู่นี่ตัวเองเป็นปราชญ์ท่องจำได้แม่นยำนักเห็นเขาท่องผิดๆ ถูกๆ ก็ขำๆ ไง เขาก็อาย เขินอายไปทำให้เขาไม่ทำคุณงามความดีไปบาปกรรมมันมีเห็นไหม นี่ใครทำได้ทั้งนั้น มีว่าสติวินัยๆ มันก็เป็นบาปเป็นกรรมของท่านถ้ามันไม่จริง ถ้ามันจริงขึ้นมามันก็สาธุไง เรามีวุฒิภาวะไหม 

ถ้าเรามีวุฒิภาวะ เห็นไหม ดูสิ เวลาหลวงปู่ตื้อท่านฉันต่อหน้าหลวงปู่มั่น นี่เวลาฉัน เวลาแจกอาหารมันก็ในคราวภัตกิจนั่นน่ะ แต่ แต่ในเมื่อหลวงปู่มั่นท่านเป็นหัวหน้านะ ท่านเป็นผู้ควบคุมดูแล ท่านสร้างทายาทๆ เวลาท่านพูดถึง เห็นไหม เราทำคุณงามความดีไว้มหาศาล ใครจะระลึกถึงบ้างดูสิ เวลาคนที่เป็นธรรมๆด้วยกัน เห็นไหม หลวงตาท่านบอก อู้ฮูระลึกถึงเต็มหัวอกเลย แต่งานยังไม่เสร็จเออ ใช่ เอางานของตัวให้เสร็จก่อน 

พองานของตัวเสร็จเห็นไหม ดูสิ มาเขียนประวัติหลวงปู่มั่นเวลาเขียนประวัติหลวงปู่มั่นขึ้นมา เห็นไหม ถ้าในทางโลกมันเป็นประวัติจริงหรือเปล่าล่ะ มันเป็นธรรมๆ มันออกมาเป็นการแสดงธรรมมากกว่าไง ไปพูดถึงความถูกความผิดความมั่นคง ในเรื่องประวัติหลวงปู่มั่น ท่านเขียนขึ้นมาเพื่อเชิดชูๆ เพราะอะไรเพราะชีวิตของหลวงปู่มั่นในชีวิตหนึ่งท่านก็ทำคุณงามความดีมหาศาล แล้วทำคุณงามความดีมหาศาล แล้วมันจะมารวบรวมให้มันลงไปในหนังสือเล่มเดียวมันเป็นไปไม่ได้ 

แต่ท่านเขียนออกมาเป็นธรรม เป็นธรรมคือคุณงามความดีไงแต่เวลาหลวงปู่มั่น เห็นไหม ดูสิเวลาท่านบุกเบิกในสังคม ในสังคมทุกสังคมที่ยังไม่มีใครประพฤติปฏิบัติสังคมที่ยังมืดบอดอยู่ แล้วมีคนมีผู้หนึ่งมาจุดไฟขึ้นมา จุดไฟขึ้นมาในความมืดนั้น จุดไฟขึ้นมาแล้วพยายามกระทำคุณงามความดีเสี้ยนหนามมันมหาศาลทั้งนั้น 

เวลาท่านโดนกระทบกระเทือน โดนการบีบคั้น เห็นไหม ในประวัติหลวงปู่มั่น ในสำนวนของหลวงตาไม่มีเลย ไม่เคยเขียนเลยว่าหลวงปู่มั่นท่านโดนไล่ออกมาจากจังหวัดอุบลไม่เคยเขียนเลยว่าท่านจะโดนทุกข์ยากขนาดไหน เขียนแต่คุณงามความดีว่าท่านเกิดมาด้วยบุญกุศลท่านทำคุณงามความดีขึ้นมาเพื่อศาสนาท่านประพฤติปฏิบัติขึ้นมาเพื่อชำระล้างกิเลส ไอ้กิเลสในหัวใจของตน เห็นไหมท่านเข้าไปอยู่ในป่าในเขา ไปเผชิญกับเสือเผชิญกับสัตว์ร้ายต่างๆ ก็เพื่อให้กิเลสมันสงบมันยุบยอบตัวลง แล้วท่านมาฝึกหัดใช้ปัญญา 

เวลาฝึกหัดปัญญาเห็นไหม ดูสิปัญญาที่มันยังไม่เข้าสู่อริยสัจเวลาพิจารณากายๆ ไปแล้วออกมามันก็เหมือนเดิมเวลาท่านพิจารณาของท่านว่ามันเป็นเพราะเหตุใดเวลาท่านไปลาพระโพธิสัตว์ของท่านแล้วเวลาท่านไปทำความสงบใจเข้ามา พอจิตมันสงบเข้าไปแล้วมันไปเห็นกาย เห็นไหมพอพิจารณากายนี่เห็นมันถอดมันถอนเหมือนเสี้ยนเหมือนหนามที่มันถอดมันถอนออกไปจากเท้าของคน

นี่ก็เหมือนกันเหมือนกับกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของคนเวลามันเกิดสัจธรรมเกิดศีลสมาธิ ปัญญาไปถอดไปถอนไอ้กิเลสตัณหาความทะยานอยากที่มันปักเสียบอยู่กลางใจ แล้วมันถอดมันถอนออกมานี่ มันมีความรู้สึก เห็นไหมเออ! อย่างนี้ใช่ๆ คนที่เขามีสติมีปัญญาเขาทำแบบนี้ แล้วมันอย่างนี้ใช่แล้วมันก็เข้ามาถูกทาง เห็นไหม เวลามาถูกทางขึ้นมามันเพราะอะไรเพราะลาพระโพธิสัตว์เสร็จแล้วมันสัจจะความจริงเข้าไปความจริงในใจที่มันเกิดขึ้นกระทำเข้าไปมันเป็นความจริงเข้าไป พอเป็นความจริงเข้าไปนี่เวลาปฏิบัติเข้าไปเวลาเป็นความจริงๆ เวลาท่านทำคุณงามความดีๆ 

ในที่มืดเห็นไหม พอจุดไฟให้มันสว่างขึ้นมานี่ แรงเสียดสีของสังคม ความอิจฉาตาร้อนดูสิ ทิฏฐิพระมานะกษัตริย์วงการพระนะเขาอยู่สุขสบายแหม จะมาธุดงค์เชียวแหม จะมาเป็นพระป่าๆ โน้นเขานอนกินกันอยู่นี่ เห็นไหมแล้วก็มีแต่ความสุข นี่ความสุขๆ แบบโลกไงแต่ในเมื่อเป็นความสุข ท่านออกสมบุกสมบันขึ้นมาเพื่อที่จะแก้ไขกิเลสในใจของท่าน เวลามันจะแก้ไขกิเลสในใจของท่านท่านปฏิบัติตามความเป็นจริงในใจของท่านแล้วปฏิบัติตามความเป็นจริงในใจของท่านมันเป็นจริงขึ้นมา เห็นไหมทำคุณงามความดีๆ เราทำความดีไว้มากมายมีใครรู้ใครเห็นบ้างเวลาหลวงตาท่านบอกท่านรู้ท่านเห็นทั้งนั้นแต่ แต่งานของเราไม่เสร็จไงเออ ใช่ๆ 

เพราะนี่ไง เพราะเวลาครูบาอาจารย์ท่านประพฤติปฏิบัติของท่านมา เวลาท่านประพฤติปฏิบัติของท่านมา นี่ดูสิ เวลากิเลสที่มันครอบงำหัวใจ มันอย่างไร เห็นไหม เวลาโง่นี่โง่นัก เราโง่จริงๆ โง่กิเลสของตน เวลาคนโง่มันโง่อย่างนี้ เวลาคนโง่ขึ้นมา มันจะเอาจริงเอาจริงขึ้นมามันจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เห็นไหมมันจะสร้างศีลสมาธิ ปัญญานี่ปัญญาๆ คือความสว่างไสวปัญญาคือการรู้แจ้ง ปัญญาคือการสอดส่องการเห็นความเป็นภายในปัญญาๆ ที่มันจะชำระล้างเข้าไปในใจของตนไง เวลามันประพฤติปฏิบัติขึ้นมาเป็นความจริงขึ้นมา โอ้โฮ มันสว่างไสว เห็นไหม

นี่สังคมมืดบอด ผู้ที่จุดไฟไปให้ความสว่างไสวกับเขาเขาหาว่านี่อยากดัง แต่เวลาใจมันมืดบอด มันเป็นใจที่มืดมันโง่เขลาเวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมามันเกิดศีล เกิดสมาธิ เกิดปัญญา ปัญญาที่มันเกิดสว่างกระจ่างแจ้งในหัวใจ มันเป็นความจริงขึ้นมาความจริง เห็นไหม เวลาคนโง่ถ้าประพฤติปฏิบัติ ถ้ามันมีสัจจะ มีความจริง มีความกล้าหาญ มีความเผชิญหน้ากับมัน เห็นไหมความโง่นั้นนะมันจะโดนแสงแห่งปัญญาทำลายล้างไปคนโง่นะมันแก้ไขได้ 

แต่แกล้งโง่นี่ เออ แกล้งโง่ไง ก็ไปอยู่ข้างๆ แล้วก็ทำแกล้งโง่ไงแกล้งโง่มันปิดใจมัน ภาชนะที่คว่ำไม่ยอมรับใดๆ ทั้งสิ้นไม่มีเหตุมีผลไม่ยอมรับอะไรผิดอะไรถูกทิฏฐิมานะเหนือหัวใจ ทิฏฐิมานะว่าข้าแน่ข้าใหญ่ ข้าถูกต้อง แต่ แต่ด้วยความอยากใหญ่อยากดัง ไปอยู่กับครูบาอาจารย์ก็ทำความสงบงบเงียบ แกล้งโง่ๆ ซุกซ่อนเอาไว้ในใจก่อน รอเวลาให้มันจะเบ่งบานขึ้นมา

แล้วถ้าเวลาเข้าไป เขาเข้าไปประพฤติปฏิบัติ เขาไปขุดคุ้ย เขาเข้าไปแสวงหาเข้าไปทำลายมัน ไม่ใช่เข้าไปโดยการซุ่ม ซุ่มเข้าไปทำแกล้งโง่ๆ แกล้งสงบระงับเข้าไปอยู่ไปพึ่งพาอาศัยไง แล้วพอไปแล้วมันก็จะไปเบ่งบานอยู่ข้างนอก ไอ้พวกแกล้งโง่นี่มันแก้ไม่ได้ๆเพราะมันไม่มีสัจจะไม่มีความจริงในใจไง ถ้ามันไม่มีสัจจะไม่มีความจริงในใจ มันไม่มีรสของธรรมไงรสของธรรมคือการกระทำ เห็นไหม ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วไง 

สิ่งที่ทำเราเป็นคนทำเราเป็นคนได้ทั้งนั้นนะ สิ่งที่เราทำคุณงามความดีเราก็ได้คุณงามความดีไง ถ้าเราทำความชั่วมันก็ได้ความชั่วไงแล้วความชั่วที่ทำอยู่เพราะความว่าแกล้งโง่ เพราะว่ามันแกล้งโง่ มันก็แกล้งทำว่ามันดีไง เปลือกมันดีแต่ข้างในมันชั่ว พอมันชั่วของมัน เห็นไหม นี่ไอ้พวกแกล้งโง่มันแก้ไขยาก 

ฟังธรรมๆ มันก็สะเทือนหัวใจนี้แหละ ให้หัวใจมันเห็นคุณค่าอะไรผิดอะไรถูกสิ่งใดๆ เห็นไหม ดูสิ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถ้าเป็นผ้าเหลืองห่มตอนี่ เป็นโมฆบุรุษเวลาฉันอาหารนะ ท่านเปรียบว่าเหมือนนั่นกลืนถ่านแดงๆเข้าท้องทุกคำกลืน นี่ธรรมะของพระพุทธเจ้าพระพุทธเจ้าเห็นอย่างนั้นนะ 

ดูทางโลกเขาสิ เวลาเรื่องของโลกเห็นไหม ท่านเปรียบเลยนะเวลาอาชีพมีอาชีพครองเรือน เรื่องของกามเหมือนกับป้อนงูเห่า นี่เหมือนเอาอะไรไว้เสียบเข้าไปในปากของปากงู องคชาติเสียบเข้าไปในปากงู องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเปรียบอย่างนั้นนะ อยู่ในพระไตรปิฎก นี่เวลาเปรียบถ้าคนมันฉลาดเขาไม่ทำอย่างนั้นเพราะนี่สิ่งที่มีชีวิตสถานะของความเป็นมนุษย์มันรับสภาพนี้อยู่เวลางดพ้นจากความเป็นมนุษย์นะ เวลาตายไปนะกรรมมันให้ผลแน่นอน นรกอเวจี เวลาตกนรกอเวจีไปแล้วเวลามันจะรู้จักไง 

ฉะนั้นเวลาตกนรกอเวจี เห็นไหมผ้าเหลืองที่พาดอยู่ปากนรกแอ่นเลย พระตกนรกมหาศาลเลยเวลาอยู่ทางโลกนะพระอรหันต์ มีฤทธิ์ฉันมีคุณธรรมตายไปผ้าเหลืองไปพาดอยู่ที่ปากนรกผ้าเหลืองน่ะผ้าเหล็กเท่าลำตาลแอ่นเลย นี่มีคุณธรรมทั้งนั้น มีคุณธรรมมีสัจจะทั้งนั้น นี่เวลามันแกล้งโง่ไง แต่ถ้ามันโง่ โง่เราก็พยายามศึกษาของเราพยายามกระทำของเรา กระทำของเรานะด้วยการรักตนความรักตนใครๆ ก็รักตนทั้งนั้น ถ้าเรารักเราๆ ก็ต้องพยายามแสวงหาความจริงของเราแล้วถ้าแสวงหาความจริงแสวงหาได้ตอนมีชีวิตนี่ ตอนมีชีวิตมันแก้ไขในปัจจุบันนี่ 

ในปัจจุบันนี้คนมีชีวิตอยู่มันแก้ไขได้นะ มันแก้ไขได้เพราะอะไร เพราะว่าจะถอนเสี้ยนหนามจากใจไงถอนเสี้ยนหนามจากใจเพราะใจมันอยู่กับเรานี้ ถ้าเราถอนได้ตอนนี้นะ ด้วยสติด้วยปัญญาของเราเพราะอะไร ถ้าไม่มีสติมีปัญญาเราไม่มีความระลึกที่จะมาบวชเป็นพระหรอก แล้วมาบวชเป็นพระเห็นไหม ดูสิพระทางโลกๆเขาอยู่กันสุขอยู่สบาย นี่ไปไหนโอ้โฮ มีรถนำหน้าปิดหลังปิดท้าย อู้ฮู มีแต่มีหน้ามีตาไปทั้งนั้น นั่นน่ะทางโลก เห็นไหม นี่เป็นความสุขอย่างนั้นเหรอ 

แล้วทำไมเราต้องบากหน้าเข้าป่าบากหน้าเข้าไปเห็นไหม อยู่กับปัจจุบันนี้ เราบากหน้าไปทำไม ก็บากหน้ากันไป เห็นไหม ตบะธรรมๆ ไง ตบะธรรมมันจะแผดเผากิเลสเรานี้แหละ ถ้าตบะธรรมจะแผดเผากิเลสมันไม่เข้า นี่มันก็ไม่ยอมเข้าอย่างนั้น มันจะปั้นหน้าแกล้งโง่ไปอย่างนั้น ไม่รู้ว่าธรรมวินัยเขาห้ามไว้ มันแกล้งโง่ ฉันเป็นพระๆ ฉันอยู่แบบพระนะพระเขาอยู่กันอย่างนี้ แต่เวลาพระที่เขาปฏิบัติไม่เห็น ไอ้พวกนั้นพวกโง่ไม่มีการศึกษา ไอ้พวกพระอยู่ป่าน่ะ พวกป่าเถื่อน ไม่มีวัฒนธรรม สู้ฉันไม่ได้ ฉันนี่ลูกศิษย์ตถาคตเชียวนะ 

พระไตรปิฎกตู้เดียวกัน ธรรมวินัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์เดียวกัน มีแต่ใครมีสิตปัญญามากน้อยแค่ไหน มีสติปัญญามากน้อยแค่ไหน สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติไว้เป็นธรรมวินัยเป็นศาสดาของเรา ถ้าเป็นศาสดาของเรานี่เราจะศึกษาเราจะค้นคว้าเราจะการกระทำนี่ ถ้ามันทำจริงๆ มันจะทำเข้ามาในใจอันนี้ ถ้าในใจอันนี้เห็นไหม เราศึกษาๆ นี่ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโกเราต้องทำของเราเองไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางแนวทางเอาไว้ไง เราเองเท่านั้นที่จะประพฤติปฏิบัติ

ฉะนั้นหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นครูบาอาจารย์ของเราท่านซื่อสัตย์กับตัวตนของท่านเพราะท่านได้สร้างอำนาจวาสนาบารมีของท่านขึ้นมาเวลาท่านจะปฏิบัติจริงๆท่านทำจริงๆของท่าน ท่านทำจริงๆ นี่ทางจงกรม ทางนั่งสมาธิภาวนาที่ไหนก็ได้ แต่ทำไมท่านต้องหลีกเร้นไปล่ะหลีกเร้นไปเพราะว่ากิเลสมันฟู กิเลสมันดิ้นรนนะ แล้วการประพฤติปฏิบัติขึ้นมาเหมือนคนทำงาน คนทำงานก็ต้องการสถานที่ทำงานที่เจาะจงที่ตรงหัวมันเห็นไหม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการ นี่เวลามันตีหัวกิเลสๆกิเลสมันไม่กล้าโผล่หัวมาหรอก 

นี่ก็เหมือนกัน เวลาศึกษามาๆ เห็นไหม เราก็ตีข้างๆ คูๆ ไปอย่างนั้น กิเลสในใจมันก็อ้างนี่บังเงา ธรรมะบังเงา เอาธรรมะมาบังเห็นไหม กิเลสเต็มหัวใจไงเวลาไอ้คนโง่ก็โง่เพราะไม่รู้ไงไอ้นี้รู้ๆ แกล้งโง่ไง แกล้งโง่แสดงธรรมว่ามีคุณธรรมไง แต่กิเลสมันก็บังอยู่ไง นี่ไงๆ กิเลสมันบังเงาอยู่ในหัวใจนี้ไง แล้วก็ศึกษามาๆอ้างธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง แล้วเราก็ไม่จริงไม่จังกับตัวเราไง ถ้าไม่จริงไม่จังกับตัวเรา เราก็ไม่ทำจริงของเราไง 

ถ้ามันจะทำจริงทำจังขึ้นมา เห็นไหมธรรมและวินัยเป็นศาสดาของเรา ถ้าเป็นศาสดาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตีหัวกิเลส ตีหัวกิเลสก็คือตีทิฏฐิมานะตีความเห็นผิดของเรานี่ไง ถ้าตีความผิดของเราขึ้นมา เราก็จะทำจริงทำจังขึ้นมา มันก็จะเป็นความจริงของเราขึ้นมาในใจของเรานี่ถ้ามันเป็นความจริงขึ้นมามันก็มีคุณธรรมขึ้นมาบ้างๆ มันมีจุดยืนไง คนมีจุดยืน คนเข้มแข็ง คนไม่เหลวไหล คนไม่เบียดเบียนไม่บิดพลิ้ว ไม่เบียดบังใคร

ไอ้เรื่องของเขามันเรื่องของเขาทั้งนั้นทุกคนเกิดมาปรารถนาความสุขเกลียดความทุกข์ทั้งนั้น ทุกคนต้องการความจริงทั้งนั้นไอ้ทางจงกรมนั่งสมาธิภาวนามันสิทธิของเราไง ถ้ามันสิทธิของเรา ทางจงกรม ดูสิหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นท่านอยู่ในป่าในเขาใครทำให้ นี่ถ้าไม่มีใครทำให้ท่านก็เดินไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะเรียบไปของมันไปเองถ้ามันเรียบไปเอง เห็นไหมมันก็พยายามเดินของเรา ถ้ามันสูงหน่อยเราก็ยกเท้าสูงขึ้นมาหน่อยหนึ่งเพราะมันไม่มีใครทำให้ทุกที่ไปหรอก แต่ถ้าไปสถานที่ใดที่เขาเคารพบูชานี่เรียบปี๊บเลยจะปูด้วยทองคำยังได้เลย ถ้าไปอยู่ในหมู่ของลูกศิษย์ แต่เราจะอยู่อย่างนั้นใช่ไหม เราเกิดมาเราจะไม่ไปไหนเลย เราจะอยู่ท่ามกลางลูกศิษย์ของเรา

การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะไม่มีสิ่งใดที่เราปรารถนาแล้วจะสมความปรารถนา มันเป็นไปเพราะเรื่องเวรเรื่องกรรมเท่านั้นใครทำกรรมกับสิ่งใดมันต้องให้ผลกับสิ่งนั้นกรรมเป็นอจินไตย กรรมยิ่งใหญ่นัก แล้วยิ่งใหญ่มาจากไหน ยิ่งใหญ่มันมาจากฟ้าเหรอยิ่งใหญ่มาจากมือ ก็เราทำทั้งนั้น ทำดีเราก็ทำ ทำชั่วเราก็ทำ อ้าวๆ เราทำมาทั้งนั้นนะกรรมเกิดจากเราทำทั้งนั้นเราเป็นคนทำมันดีหรือชั่ว ดีหรือชั่ว

ดูสิครูบาอาจารย์เราหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นเวลามันดีมันดีจากภายใน ดีเกิดจากมรรคเกิดจากผลเลยดีเกิดจากคำบริกรรม ดีเกิดจากการกระทำคือจิตมันสงบเลย พอจิตสงบอยู่ในป่าในเขาเทวดามาอนุโมทนาเลยนี่ดูสิ หลวงปู่ชอบ เห็นไหมเทวดาจะเอาอาหารทิพย์เอามาไล้ร่างกายให้เข้าไปสู่ร่างกายนั้นเลยนั้นไง นี่เพราะอะไร เพราะท่านสร้างคุณธรรมของท่านมา ท่านมีคุณธรรมของท่าน

นี่ก็เหมือนกัน การทำคุณงามความดี ดีจนเป็นทิพย์ แล้วเป็นทิพย์ เห็นไหม ดูสิ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระอรหันต์๖๑ องค์ เห็นไหม เธอพ้นจากบ่วงที่เป็นโลกและเป็นทิพย์ บ่วงที่เป็นโลกนี่สิ่งที่เขาสรรเสริญเขานินทาเขายกย่องสรรเสริญกันนั้นน่ะ พ้นหมดเลยไม่สนใจ มันเรื่องของโลกไปดูดาราสิดาราเวลามันไปโปรโมทหน้งฮู้อูย คนนี่มืดฟ้ามัวดิน ดาราเป็นใคร ดารามันเป็นคนเด็กๆด้วย แต่เขาอยู่การบริหารจัดการ เขาอยู่ด้วยการโฆษณา การโน้มน้าวชักนำเอาเด็กบางคนมาปั้น แล้วประชาชนก็เชื่อไปหมดเลย มันเดินมานะกรี๊ดๆนี่เอาอย่างนั้นเหรอ เด็กๆ คนหนึ่งโลกเขายังปั้นขึ้นมาให้คนหลงใหลได้ 

ไอ้นี่มันเป็นพระเท่านั้นจะอยู่กับสังคมอย่างนั้นเหรอสังคมอยากให้เขานับหน้าถือตา อยากดังอยากใหญ่อยากมีอำนาจเหรอ นี่ถ้ามันโง่ได้ขนาดนั้น ถ้ามันเป็นจริงธรรมมันเหนือโลก เห็นไหมถ้ามันมีสติปัญญามันจะย้อนกลับเข้ามาในไง ถ้ามันไม่โง่นะ โง่นะมันแก้ไขได้ ไอ้แกล้งโง่นี่แกล้งจริงๆ นะมันพลิกแพลงความจริงนั่นน่ะกิเลสทั้งนั้นนะ 

กรรมอยู่ที่การกระทำเราทำมาทั้งนั้นกรรมดีกรรมชั่วจะมาแข่งขันกันแข่งขันไปแล้วบั้นปลายมันจะจบลงนะแข่งขัน การแข่งขันการกระทำนี่ ในนิยายในประวัติศาสตร์การแข่งขันจบลงกันด้วยคุกด้วยตะราง ดูสิเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากับเทวทัตสุดท้ายแล้วเทวทัตนรกอเวจีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาจะนิพพานเทวดาอินทร์พรหมมาทั่วท้องฟ้าดอกไม้ทิพย์โปรยเต็มไปหมด ประชาชนหลั่งไหลมาจะได้เห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ทุกคนหลั่งไหลมาเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

การแข่งขันระหว่างธรรมกับกิเลสเวลามันแข่งขันกัน เวลากิเลสมันจบลงด้วยนรกอเวจีนะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจบลงด้วยการนิพพานสิ้นกิเลสไป มีเสวยวิมุตติสุข นี่เวลาแข่งขันๆกับทางโลก เราจะไปแข่งขันกันด้วยคุกด้วยตะรางใช่ไหมเราไปแข่งขันจบลงด้วยอะไรแล้วทำไมทำแกล้งโง่ ทำบิดทำพลิ้วขึ้นมาแล้วมันจบลงตรงไหน เราทำทั้งนั้นนะ กรรมคือการกระทำทำดีทำชั่ว ถ้าทำคุณงามความดีๆ มันจะมีอะไรโลกธรรม ๘ มีใครบ้างที่ไม่มีสิทธิได้เสพชื่อเสียงเกียรติศัพท์เกียรติคุณการสรรเสริญนินทา เราจ้างให้ใครมาชมเราก็ได้

ในงานศพ เห็นไหมนางร้องไห้นะเขาไปจ้างมาให้ร้องไห้ นางร้องไห้ ศพของเราตั้งไว้ แล้วเรามีเงินไปจ้างให้นางร้องไห้มาคร่ำครวญอยู่ที่ศพนั้นนะเขาก็มานั่งร้องไห้ ร้องไห้เอาตัง นี่เอาอย่างนั้นเหรอมันเป็นญาติเป็นพี่เป็นน้องอะไรเขา แต่เขาจ้างนางร้องไห้มาร้องไห้คร่ำครวญอยู่ที่ศพนะ ร้องไห้โฮๆ เลยร้องไห้เอาตัง นี่โลกมันเป็นแบบนี้ เพราะถ้ามันโง่มันเขลาแล้วเอ็งทำไมไม่หูตาสว่างให้รู้เท่ามัน ถ้ามันรู้เท่ามันแล้วมันมีอะไรขึ้นมา ถ้ามันไม่มีสิ่งใดขึ้นมา มันก็เข้ามาที่ใจเรานี่ไงถ้าเข้ามาที่ใจเห็นไหม ทำสิ่งใดให้มันเป็นประโยชน์กับเราขึ้นมา 

เรื่องปัจจัยเครื่องอาศัยมันเป็นเรื่องหนึ่ง เรื่องถ้ามีสติปัญญาขึ้นมาแล้วนะเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยก็เรื่องหนึ่งความเจ็บไข้ได้ป่วยมันมีอยู่ทุกคน แล้วถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมามันจะทำอย่างไงด้วยสติด้วยปัญญา เวลาเราอยู่กับหลวงตาท่านจะบอกเวลาป่วยให้ป่วยอยู่คนเดียว ให้ร่างกายมันป่วยไปแต่จิตใจอย่าไปป่วย ถ้าจิตใจไม่ป่วยนะไอ้เรื่องโลกจิ๊บๆ ไอ้โลกจิ๊บๆ นี่ แต่ถ้าใจมันป่วยนะ โอ้มันยิ่งใหญ่ โอ้ยิ่งกว่าภูเขา แต่ถ้าใจมันยิ่งใหญ่นะ จิ๊บๆจะเป็นอะไรก็จิ๊บๆ ถ้าจิตใจมันยิ่งใหญ่ แต่ถ้าจิตใจมันแกล้งโง่ โอ้โฮมดกัดมันก็ใหญ่ เจ็บปวดมาก มดกัดปัดแล้วปัดอีกเลยนะ มดกัดบวมเลย เจ็บมาก นี่ถ้าจิตใจมันไม่ยิ่งใหญ่ ถ้าจิตใจยิ่งใหญ่ถ้ามันยิ่งใหญ่ขึ้นมาแล้วมันพัฒนาได้

คนโง่มันก็โง่ด้วยกิเลสด้วยตัณหาความทะยานอยาก แต่แกล้งโง่นี่ ไอ้แกล้งโง่นี่มันไม่ใช่โง่มันเห็นผิดเป็นชอบ เห็นเขาทำคุณงามความดีกันก็ฉันจะเด่นกว่า พลิกแพลงไปเหยียบย่ำเขา เห็นเขาทำอะไรก็คิดว่าฉันนี่ฉลาดกว่าไอ้พวกแกล้งโง่นี่ เขามีศรัทธามีความเชื่อ เชื่อในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เชื่อในวัตรปฏิบัติ เขามีความเชื่อในวัตรปฏิบัติ เห็นไหม นี่เวลาปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไอ้เราทำแกล้งโง่ แล้วจะไปต่อยอดไปเหยียบย่ำเอาความดีจากเขาแล้วเวลาผิดพลาดก็ทำเป็นแกล้งโง่นะ ไม่รู้ครับๆ ไอ้ถ้าโง่จริงๆ มันก็น่าเห็นใจ โง่จริง

ในบุพพสิกขาไง ถ้าโง่จริงๆ ก็ในบุพพสิกขา ในมหาวรรค นี่โง่จริงๆ พระไตรปิฎกก็ศึกษาได้ ถ้าโง่จริงๆ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านวางข้อวัตรไว้นี่ เข้าไปในวัดใดก็แล้วแต่เราไปศึกษาเราบวชมา เราก็ไป สายหลวงปู่ฝั้นก็ท่านทำอย่างนี้ สายบ้านตาดท่านทำอย่างนี้ ดูสิอาจารย์สิงห์ทองเวลาท่านพูด ที่วัดอื่นเขาทำวัตรเย็นไงแล้วอาจารย์สิงห์ทองพูดเองครูบาอาจารย์เราไม่พาทำเพราะที่บ้านตาดท่านให้สวดมนต์ส่วนตัว แล้วนี่เวลาไปทำวัตรนี่หลวงปู่สิงห์ทองท่านเป็นรองหลวงตา นี่แล้วหมู่คณะก็ถามทำไมเราไม่ทำอย่างนั้นอาจารย์เราไม่พาทำ นี่อาจารย์สิงห์ทองพูดเอง 

นี่เห็นไหม เวลาเราไปเราบอกว่าเราจะไปอยู่ในสังคมใดอยู่ในชุมนใด ในเมื่อครูบาอาจารย์ท่านทำแบบนั้นเราก็เข้าไปศึกษาไง นี่ไงแล้วถ้าศึกษาบุพพสิกขา ในมหาวรรค นี่เราศึกษาของเราแล้วเวลาเราธุดงค์ไปนี่ มีครูบาอาจารย์เราก็ศึกษา มาจากไหนได้หมดเพราะเราศึกษามาแล้ว อ๋อ สายครูบาอาจารย์อย่างนี้ท่านนำพาทำอย่างนี่สายครูบาอาจารย์ท่านทำอย่างนี้ แต่ส่วนใหญ่ก็มาจากหลวงปู่มั่นนั่นแหละ แต่ก็ยังจะเป็นจริตเป็นนิสัย

ถ้าเราศึกษาสิ ค้นคว้าหาความจริง ถ้าได้ความจริงขึ้นมาแล้ว เห็นไหม เราเชื่อตามนั้น แล้วเราทำตามนั้น นี่ไงถ้าโง่มันแก้ได้ถ้าแกล้งโง่โอ้โฮ มันพลิกแพลง มันบิดเบือน มันบิดเบือนแล้วนี่มันก็กรรมของสัตว์ สุดท้ายแล้วมันเป็นกรรมของสัตว์ๆเพราะสัตว์ชอบอย่างนั้น สัตว์ทำอย่างนั้นเพราะมันเชื่ออย่างนั้น สัตว์มันเชื่ออย่างนั้นมันเห็นอย่างนั้นมันทำตามความเชื่อของมัน เอวัง