เทศน์พระ

ตายซาก

๓ พ.ย. ๒๕๖o

 

ตายซาก
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์พระ วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรม ตั้งใจฟังธรรมเพื่อเราจะต้องอยู่ในขอบเขตของธรรมวินัย ถ้าอยู่ในขอบเขตของธรรมวินัยเรายังเป็นพระที่โดยสมบูรณ์ แต่ถ้าเราด่างพร้อยเห็นไหม ถ้าเราด่างพร้อยไปนี่ทองก้นเบ้าๆ มันไม่เป็นประโยชน์กับใครทั้งสิ้นไม่เป็นประโยชน์กับใครทั้งสิ้นมันอยู่ก้นเบ้านั่นน่ะเวลาทองเขาเอามาชั่ง เอามาตวงเอามาหลอมเพื่อทำประโยชน์เห็นไหม สิ่งที่ทำประโยชน์นั่นจะได้ประโยชน์กับเขา ทองก้นเบ้าๆ ทองเหมือนกัน แต่อยู่ในก้นเบ้านั่นนี่ทองเศษเหลือเศษทิ้ง ไม่เหลือให้คนสนใจ เห็นไหม นี่ถ้าอยู่นอกขอบเขต

ถ้าอยู่ในขอบเขตนะ เราจะอยู่ในขอบเขตของธรรมและวินัยถ้าอยู่ในขอบเขตของธรรมและวินัยนะเราเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเราเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่ศากยบุตรๆ ไง เราเกิดเป็นมนุษย์นะเกิดเป็นมนุษย์เกิดมาพบพุทธศาสนา เราตั้งใจมาบวชเห็นไหม เราตั้งใจมาบวชเพราะเราเห็นภัยในวัฏสงสารการบวชของเราเราบวชเพราะเห็นภัยในวัฏสงสารไง

วัฏสงสารมันคืออะไรล่ะสังสารวัฏกามภพ รูปภพอรูปภพนั่น นี่จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ในวัฏฏะ วิวัฏฏะหักออกจากวัฏฏะหักออกจากวัฏฏะมันต้องมีวิธีการสิ หักออกจากวัฏฏะมันต้องมีเหตุมีผลของมัน ถ้าไม่มีเหตุมีผลของมันออกได้ยังไงเวลาอยู่ในวัฏฏะๆ เวรกรรมมันทำให้อยู่ในวัฏฏะเห็นไหมอยู่ในวัฏฏะเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะๆใครจะคัดค้านใครจะไม่เชื่ออย่างใดมันเป็นสิทธิ์ เป็นสิทธิ์เพราะอะไรเพราะมันมืดบอด มันมืดบอดเพราะมันไม่มีหูมีตา ไม่มีหูมีตามันไปเกิดภพชาติใดก็ใหม่เอี่ยมสดๆ ร้อนๆเวลาสดๆ ร้อนๆก็ทุกข์สดๆร้อนๆ ทุกข์สดๆร้อนๆ ก็มีแต่คราบน้ำตาเวลาเกิดเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะนะมีแต่ความโศกเศร้าไม่มีสิ่งใดเป็นคุณเลย

เพราะเราเห็นภัยในวัฏสงสารอย่างนั้นเราถึงได้มาบวชเป็นพระบวชเป็นพระเป็นนักรบ นักรบรบกับกิเลสตัณหาความทะยานอยากของตนไม่ใช่รบกับใครทั้งสิ้น เวลารบรบกับกิเลส รบกับความทุกข์ความยากในหัวใจนั่นน่ะ ความทุกข์ความยากในหัวใจนั่นน่ะอวิชชา ความไม่รู้ มันถึงได้ทุกข์ได้ยาก ถ้ามันรู้มันจะมีอะไรมาทุกข์มายากถ้ามันรู้จริง ถ้ารู้จริงมันก็สิ้นกระบวนการของมันไง ถ้าสิ้นกระบวนการของมัน สิ่งที่มันสิ้นกระบวนการมันต้องมีเหตุมีผลของมัน ถ้ามีเหตุมีผลของมัน นั่นการกระทำเห็นไหม นี่ฟังธรรมๆเพื่อตอกย้ำตรงนี้

เราไปอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่เห็นไหม ดูสิสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ สภาพแวดล้อมตอนนี้หน้าหนาว ทุกคนเขาไปเที่ยวป่าเที่ยวเขากันเห็นไหม อุทยานแห่งชาติจองจนล้นหมดเลย อยู่ในกรุงอุดมสมบูรณ์ ทุกอย่างพร้อม ทุกอย่างแสวงหาได้ทั้งนั้น ทำไมเขาต้องไปอุทยานแห่งชาติล่ะ ไปอุทยานแห่งชาติที่ชุ่มน้ำ ที่ชุ่มน้ำสภาพสมบูรณ์เห็นไหม อุดมสมบูรณ์ของมันเห็นไหม สัตว์น้ำต่างๆ ทุกอย่างพร้อมมูลของมันเวลามันเกิดภัยแล้ง เกิดต่างๆเห็นไหม สิ่งต่างๆ สภาพแวดล้อมเสียหายหมด เสียหายหมด เวลาพืชพันธุ์ธัญญาหารมันสมบูรณ์ขึ้นมาทุกคนก็มีความสุขทั้งนั้น เวลาเกิดทุกขภัยขึ้นมามันมีแต่ความทุกข์ความยากทั้งนั้น ความทุกข์ความยากนี่พูดถึงสภาพแวดล้อมอย่างหนึ่งนะ แล้วมันเกี่ยวกับกรรมของสัตว์ๆ เวลาสัตว์ไม่เกิดในคราวที่อุดมสมบูรณ์ ทำไมเกิดมาแล้วมันทุกข์ๆ ยากๆ ล่ะมันทุกข์ๆ ยากๆเห็นไหม

นี่สหชาติการเกิดร่วมกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคนก็ปรารถนาตรงนั้น ปรารถนาร่วมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นไหมนี่กึ่งพุทธกาลศาสนาเจริญอีกหนหนึ่ง เจริญจากเพราะเรามีครูบาอาจารย์ที่ดี เรามีหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นครูบาอาจารย์ของเราที่ดี ท่านทุ่มเททั้งชีวิตนะท่านทุ่มเททั้งชีวิตเพื่ออะไรเพื่อค้นหาสัจจะความจริงอันนี้ทั้งๆ ที่เป็นสาวกสาวกะผู้ที่ได้ยินได้ฟัง ผู้ที่ได้ยินได้ฟังจะต้องมีอำนาจวาสนาขนาดนั้น แล้วทดสอบในใจของท่านขึ้นมา 

พอทดสอบในใจขึ้นมา นี่ยามันมีตัวยา เวลายาธรรมโอสถๆ ที่มันสมบูรณ์พร้อมขึ้นมามันแก้โรคแก้ภัยได้ ถ้ายามันไม่มีตัวยา มีแต่ชื่อของยาๆขวดยามีแต่ป้ายป้ายติดขวดยานี่ศึกษาๆ มาศึกษามาก็มีแต่ขวดยา รู้ไปหมดแต่ไม่มีตัวยาเห็นไหม แต่เวลามีตัวยาขึ้นมา เขาแสวงหาขึ้นมา ถ้ามันเก็บไว้เห็นไหม ถ้ามันเก็บไว้ไม่ดีมันก็เสียหายมันก็หมดอายุของมันไป เวลายามันมีกาลเวลาของมัน

นี่ก็เหมือนกัน เวลาตั้งแต่สมัยพุทธกาลขึ้นมาสมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระอรหันต์เต็มไปหมดเลย เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้พยากรณ์เององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ให้การศึกษา เป็นผู้แก้ไขเอง พระอรหันต์ทั้งนั้นเลย แต่ แต่เวลาศาสนามันเจริญงอกงามขึ้นไปมันมีลาภสักการะขึ้นมาต่างๆทุกคนก็เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในพุทธศาสนาพุทธศาสนาธรรมวินัยถึงได้บัญญัติๆ มาไงแล้วกาลเวลาล่วงมาๆ ล่วงมาถึงสมัยครูบาอาจารย์ของเราครูบาอาจารย์ของเราท่านทุ่มเททั้งชีวิตนะทุ่มเทไปเพื่อใครท่านทุ่มเทเพื่อท่าน 

หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านก็ไม่ต้องการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะเหมือนกันท่านไม่ต้องการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะเหมือนกัน ดูสิสร้างมาเป็นพระโพธิสัตว์ สร้างมาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าพระปัจเจกพุทธเจ้าสร้างสมบารมีมาเพื่อท่านๆ ขึ้นมาอนาคตกาลท่านจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่สุดท้ายแล้วท่านก็เสียสละ เสียสละขึ้นมาเพื่อเอาจริงเอาจังขึ้นมาในภพชาตินี้ไง ถ้าภพชาตินี้ท่านประพฤติปฏิบัติขึ้นมาสิ้นสุดแห่งทุกข์ขึ้นไปมันก็เป็นพระอรหันต์เหมือนกัน ปรารถนาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปในอนาคตกาลก็เป็นพระอรหันต์เหมือนกัน แต่กาลเวลาที่จะต้องบำเพ็ญตบะธรรม บำเพ็ญเพียรเป็นพระโพธิสัตว์ๆ ไปอีกมหาศาลเลย

เห็นไหมเวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านคิดตั้งแต่ต้นก่อน มันต้องมีต้น มีท่ามกลาง มีที่สุด เวลาท่ามกลางท่านก็พยายามขวนขวายของท่าน การขวนขวายๆ การต่อสู้กับกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันเป็นเรื่องง่ายอยู่เหรอ การต่อสู้กับกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันต้องมีกำลังใจ มันต้องมีอำนาจวาสนาบารมี ถ้ามีอำนาจวาสนาบารมีมันฟื้นฟูขึ้นมาไง 

คนเราทำสิ่งใดแล้วมันผิดพลาด ทำสิ่งใดแล้วไม่สมความปรารถนา มันมีสิ่งใดบ้างล่ะ มันก็มีแต่ฟืนแต่ไฟทั้งนั้น ดูสิ เวลาคนทำธุรกิจประสบความสำเร็จของเขาเขามีหน้ามีตาของเขา คนที่ทำธุรกิจแล้วไม่ประสบความสำเร็จเขาต้องหนีหน้าสังคมเห็นไหม เขาต้องหลบเขาต้องหลีก เขาต้องคอยใช้หนี้ใช้สินของคนอื่นเขาหลบหลีกไปตลอด คนที่ทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ

นี่ก็เหมือนกัน เราประพฤติปฏิบัติถ้ามันไม่ได้ผลตามนั้นเห็นไหมนี่ไง มันเป็นความทุกข์ความยากทั้งนั้น เวลาความทุกข์ความยากดูหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านถึงทำของท่าน ท่านพยายามของท่าน ท่านขวนขวายของท่าน ท่านกระทำของท่าน คนจะประสบความสำเร็จไม่ล้มลุกคลุกคลานมาเลยเหรอ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๖ ปีนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๖ ปีไปค้นคว้ากับเจ้าลัทธิต่างๆ เวลามารื้อค้นก็รื้อค้นในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยอำนาจวาสนาของท่านเอง 

หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านประพฤติปฏิบัติของท่านท่านก็มีอำนาจวาสนาของท่านมา ดูสิ ท่านบอกว่าท่านปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเป็นพระโพธิสัตว์ หลวงปู่เสาร์ท่านปรารถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า นี่ไม่มีวาสนาเหรอ คนที่สร้างสมบุญญาธิการมาเป็นพระโพธิสัตว์ไม่มีวาสนาเหรอมีวาสนาวาสนาที่ไหน วาสนาในหัวใจไง วาสนาในอำนาจบารมีไง ด้วยสติด้วยปัญญาอันนั้นไงด้วยความมั่นคงในใจไง ด้วยความมั่นคงในใจ ด้วยความขวนขวาย ด้วยการกระทำไง ไม่ปล่อยให้วันคืนผ่านไปๆ ไม่ปล่อยให้ทุกวันเวลาล่วงไปโดยที่เปล่าประโยชน์ แล้วล่วงไปๆ โดยเปล่าประโยชน์อย่างเรามันไร้สาระนะ

มันไร้สาระ มันไร้สาระเพราะเราปล่อยชีวิตวันเวลาผ่านไปโดยที่ไม่ขวนขวาย ไม่เอาจริงเอาจังถ้าเราเอาจริงเอาจัง ดูสิครูบาอาจารย์ของเราหลวงปู่เสาร์ท่านทำยังไง มันลอยมาจากฟ้าเหรอหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่น ท่านเกิดมาเป็นพระอรหันต์มาเหรอหลวงปู่เสาร์ท่านเกิดมาแล้วท่านมีคุณงามความดีเต็มตัวท่านมาเหรอ เวลาท่านบวชใหม่ๆ ไปอ่านประวัติหลวงปู่มั่นสิ ไปดูประวัติหลวงปู่เสาร์สิ วันเวลาผ่านไปๆ ท่านต้องใช้สติปัญญาของท่านนะ หาทางออกๆจะไปทางไหน จะทำยังไง จะทำจริงจังมากน้อยแค่ไหน ท่านพิจารณาของท่านว่าท่านจะมุมานะมากน้อยแค่ไหน 

ท่านมุมานะแล้วเวลามาเดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนาของท่านขึ้นมามันไปเจอกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของเราที่มันบิดเบือนๆ ท่านต้องมีสติปัญญาแยกแยะว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ควรไปทางใดไม่ควรไปทางใด เห็นไหมท่านทำของท่านเป็นความจริงของท่านท่านมุมานะของท่านมานะ ถ้าไม่มุมานะของท่านมันจะมีมรรคมีผลในใจเหรอถ้าไม่มุมานะมาหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่น ท่านจะแก้ไขลูกศิษย์ได้ยังไง เวลาลูกศิษย์ลูกหาแต่ละคนเห็นไหม ที่ไปอยู่กับหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านก็มีศักยภาพทุกคนทุกคนก็ว่าเป็นยอดคนทั้งนั้นแต่ยอดคนมันก็ไปติดในใจของตนทั้งนั้น แต่ติดในใจของตัวของตน ครูบาอาจารย์ท่านผ่านมาแล้วท่านก็รู้ว่าไปติดยังไงไง 

นี่ถ้ามันจะเป็นจริงๆ เห็นไหม ท่านก็ทำของท่าน ท่านก็ต้องมีความเพียร มีความวิริยะ มีความอุตสาหะ มันถึงเป็นครูบาอาจารย์ของเราไง เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านทำของท่านมา ท่านมีหนทางของท่านมา นี่บุคคล ๔คู่ๆ เวลาเข้าไม่ได้มันเข้าไม่ได้เลย เวลาเข้าไปได้แล้ว โสดาปัตติมรรคโสดาปัตติผลสกิทาคามรรคสกิทาคาผล อนาคามรรค อนาคาผล อรหัตมรรค อรหัตผลมันมายังไง ถ้ามันไม่ทำจริงขึ้นมามันจะเป็นจริงขึ้นมาได้ยังไง

กุปธรรมอกุปธรรม สัพเพธัมมา อนัตตาๆโดยธรรม โดยสภาพ โดยสภาพโดยความจริงโดยการศึกษา สัพเพ ธัมมา อนัตตาธรรมทั้งหลายต้องเป็นอนัตตาๆ มันก็เป็นอย่างนั้น มันเป็นอย่างนั้นโดยข้อเท็จจริงโดยธรรมชาติโดยสัจจะโดยความจริง แต่แต่เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านประพฤติปฏิบัติขึ้นแล้วมันมีอกุปธรรมๆที่มันพ้นจากความเป็นอนัตตาไป ที่มันพ้นที่มันรู้แจ้งเห็นจริงตามความเป็นจริงไปนั่นอกุปธรรมที่มันเป็นความจริง ถ้าเป็นความจริงต้องเป็นความจริงอย่างนั้น 

ฉะนั้น พอเป็นความจริงอย่างนั้นมันก็เข้าใจได้ เข้าใจว่า สัพเพ ธัมมาอนัตตา ธรรมทั้งหลายต้องเป็นอนัตตา ทุกคนต้องมีหน้าที่การงาน คนที่ทำงานแล้วถ้าผลจากการงานนั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่ประสบความสำเร็จอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าประสบความสำเร็จ ผลของงานก็คือผลของงาน ผลของงานสัพเพ ธัมมาอนัตตา ธรรมทั้งหลายต้องมีการกระทำธรรมทั้งหลายต้องเป็นไปไง

ดูสิ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ท่านทำของท่าน เวลามันผิดพลาดขึ้นมามันก็รู้ว่าผิดพลาดเวลามันผิดพลาดขึ้นไปแล้วมันไม่มีผลตอบแทนไงเวลาผิดพลาดขึ้นไปแล้วอย่างดีก็เสมอตัวไงอย่างไม่ดีก็ด้วยดีก็มีแต่ความเศร้าสร้อยหงอยเหงาไง ก็มีแต่ความทุกข์ความยากไง ถ้ามันเป็นประโยชน์มันก็เป็นประโยชน์อย่างนั้นไง นี่ๆถ้ามีครูบาอาจารย์ของเราเห็นไหม เพราะครูบาอาจารย์ท่านทำของท่านมา ท่านถึงมีเหตุมีผลของท่านมามันถึงเป็นครูบาอาจารย์ ถ้าไม่มีเหตุมีผลจะเป็นครูบาอาจารย์เราได้ยังไง การเป็นครูบาอาจารย์ของเราถึงเป็นหลักชัยของเรา ถ้าเป็นหลักชัยของเราเห็นไหม ท่านเป็นอาจารย์ใหญ่ของวงกรรมฐาน แล้วเราก็เห็นภัยในวัฏสงสารเห็นไหม สภาพแวดล้อมที่ดีๆครูบาอาจารย์ท่านสร้างไว้ให้ 

ดูสิ ที่ชุ่มน้ำๆ เวลามันขอนตายซากเวลาเกิดภัยพิบัติขึ้นมาขอนตายซาก ขอนตายซาก มันตายซาก ความตายซากของมันๆ ยังเป็นประโยชน์กับสิ่งมีชีวิตนะ สิ่งมีชีวิตมันยังอาศัยขอนนั้นเป็นที่อาศัย นั่นน่ะเวลามันตายซาก แล้วชีวิตของเราล่ะชีวิตนักบวชชีวิตที่เราบวชเป็นพระนี่จะปล่อยให้มันตายซากเรอะถ้าตายซากก็ไม่มีสิ่งใดเลยเหรอ ปล่อยให้ชีวิตเหลวไหลใช่ไหม วันหนึ่งๆนอนจมอยู่กับวันเวลาอย่างนี้เหรอ วันหนึ่งๆทำอะไรบ้าง

เวลาครูบาอาจารย์ท่านประพฤติปฏิบัติขึ้นมาเห็นไหม ท่านระลึกถึงตั้งแต่ตื่นนอนเลย ตื่นนอนขึ้นมาเอ็งคิดอะไรเอ็งมีอารมณ์ยังไง เอ็งวางใจยังไง ออกทำวัตรในศาลา ทำเสร็จแล้วออกบิณฑบาตกระทบกับสิ่งใดถ้าอารมณ์ไม่มีกระทบสิ่งใดเลย อารมณ์มันก็ไม่มีสิ่งใดกระตุ้น ถ้ามันกระทบสิ่งใดมันก็มีกระตุ้น เวลาพิจารณาไปแล้วทำภัตกิจๆ วันนี้ฉันอะไร ฉันกี่คำฉันไปแล้วทำไมมันโงกง่วง ฉันไปแล้วมันมีประโยชน์อะไรนั่นคนที่เขาไม่ตายซาก คนที่เขามีสติปัญญาเขาพิจารณาของเขาตลอดนะ ทุกลมหายใจเข้าออก

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถามพระอานนท์ไง“อานนท์ เธอระลึกถึงความตายวันละกี่หน” 

“โอ๋ย วันหนึ่งเจ็ดหนแปดหน” องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “มันประมาทเกินไปแล้ว ความประมาทเกินไปนะ มันระลึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก” หลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเราท่านให้กำหนดพุทโธ กำหนดรู้ตัวทั่วพร้อมทั้งวันทั้งคืน ทั้งตลอดเวลาครูบาอาจารย์ที่ประพฤติปฏิบัติท่านทำอย่างนั้นนะ ไม่ทำไม่ได้ครูบาอาจารย์ทำอย่างนี้มาเยอะแยะ 

เวลาอยู่ของเราเห็นไหมมันเพราะอะไรไฟมันลนก้นความทุกข์มันเผาผลาญ ชีวิตมันมีแต่ความทุกข์ทั้งนั้น ชีวิตมีอะไรน่ารื่นรมย์ชีวิตมีอะไรเป็นความจริง โลกนี้มีอะไรเป็นความจริง แล้วถ้ามีความจริงคนที่กระทบมาเห็นไหม คนที่โดนหักหาญมา โดนหักด้ามพร้ามามันจะมีความทุกข์เผาหัวใจมาก ถ้าความทุกข์เผาหัวใจความร้อนรน ไฟลนก้นอันนั้นมันทำให้กำหนดพุทโธได้ แต่เวลาเราบวชเป็นพระมาแล้วหนึ่งพรรษา สองพรรษา สามพรรษา เวลาพรรษามันมากขึ้นน่ะตายซากทำให้ตัวเองตายซาก ไม่มีสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอัน ถ้ามันมีสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมามันต้องมีชีวิตสิ ไม่ใช่ขอนตายซาก มีชีวิตขึ้นมา รู้สึกตัวขึ้นมา รู้จักพฤติกรรมของเราขึ้นมา มันตั้งสติขึ้นมา 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถามพระอานนท์ กำหนดตายวันละกี่หนกำหนดมาชั่วโมงสองชั่วโมง ช้าเกินไป ประมาทเกินไป ประมาทกับชีวิต ประมาทกับทุกๆ อย่างประมาทจนทำให้มันตายซากอยู่ใต้ของอวิชชา ให้พญามารมันเหยียบย่ำ ให้อวิชชามันปั่นหัวแล้วตัวเองก็ยังมาสำคัญตนนะเป็นนักบวช เป็นพระป่า เป็นลูกศิษย์กรรมฐานห่มผ้าสีดำๆ มีคนล้อมหน้าล้อมหลัง แล้วมันตายซากตายซากกับความลืมตัวของตน ไม่เป็นความจริง

เป็นความจริง ปล่อยให้วันเวลามันผ่านไปได้ยังไงวันเวลามันก็เหมือนวันเวลานะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นไหม แสงพระอาทิตย์ไม่ลำเอียงทั้งบ้านกฎุมพี บ้านเศรษฐีกฎุมพีต่างๆ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสมอภาคกับทุกๆ คนมีแต่บ้านเรือนนั้น เห็นไหมสร้างบ้านสร้างเรือนสร้างสิ่งบังเงาไว้ กลัวแสงแดด กลัวความร้อนต้องการประหยัดพลังงาน นี่ก็เหมือนกันถือตัวถือตนว่ากูนี่เก่ง กูนี่ดี กูนี่ยอด กูนี่ยอดมนุษย์ มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมันต้องตื่นตัวขึ้นมาแล้ว ตื่นตัวขึ้นมาไม่ปล่อยให้ชีวิตนี้ตายซาก มันไม่มีอะไรเป็นประโยชน์กับเราเลย เป็นประโยชน์กับเราเนี่ยมันต้องเข้าสู่ธรรมๆ

ธรรมมันคืออะไร ศีลสมาธิ ปัญญาศีลเราสมบูรณ์หรือไม่ นั่งสมาธิทำไมมันถึงไม่ได้ผล มันย้อนกลับไปที่นั่นนะย้อนกลับไปที่ศีลเลย ศีลปกติหรือไม่ เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านสงสัยในพฤติกรรมของท่าน ท่านตรวจสอบๆ แล้วถ้าลงใจ เพราะ เพราะครูบาอาจารย์ท่านพูดเลยไม่รู้จักอาบัติออกจากอาบัติไม่ได้ไม่ลงใจไม่ลงใจเรื่องอะไร มันมีเหตุมีผลอะไรว่าตัวเองเป็น ถ้าตัวเองไม่เป็น ไม่เป็นมันก็อยู่ที่ความเกียจคร้านของเราไง อยู่ที่กิเลสมันครอบงำไงอยู่ที่ปล่อยให้ชีวิตมันตายซากไง ปล่อยให้ชีวิตตายซากแล้วไม่เป็นประโยชน์กับใครทั้งสิ้นไม่เป็นประโยชน์กับแม้แต่ตัวเองทั้งที่เกิดมา เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นอริยทรัพย์ 

เพราะมนุษย์มีสมองเพราะมนุษย์มีอำนาจวาสนาเพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เกิดเป็นมนุษย์ ในบรรดาสัตว์สองเท้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุดความประเสริฐเลอเลิศขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเราก็ได้เกิดมาเป็นมนุษย์เหมือนกันเกิดเป็นมนุษย์นะ เกิดเป็นชาวพุทธเสียด้วยเกิดมาแล้วเกิดมาพบพุทธศาสนาเสียด้วยแล้วเห็นภัยในวัฏสงสารมาบวชเป็นพระเสียด้วย แล้วมาบวชเป็นพระแล้วก็บวชเป็นพระป่าเสียด้วยเวลาบวชเป็นพระป่านี่เป็นพระปฏิบัติต่างหาก

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกพระอานนท์ไง“อานนท์ เธอบอกนะนี่พวกมัลละกษัตริย์ทั้งหลาย บอกเขานะให้ปฏิบัติบูชาเราเถิด” คนที่ประพฤติปฏิบัติมันมีโอกาสไง คนที่ประพฤติปฏิบัติคือคนที่แสวงหาคนที่แสวงหาคนที่พยายามค้นคว้าอยู่นี่ คนที่แสวงหาและค้นคว้าคนนั้นจะมีโอกาสมากกว่าคนอื่นมากกว่าคนที่นอนจม คนที่ไม่สนใจสิ่งใดคนที่ปล่อยให้ชีวิตเหลวไหลคนคนนั้นเป็นคนหมดโอกาสไง 

ในบรรดาสัตว์สองเท้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุดเราก็ได้เกิดเป็นมนุษย์ การเกิดเป็นมนุษย์เป็นอริยทรัพย์ เป็นทรัพย์สมบัติที่เราสามารถหาอัตตสมบัติสมบัติในใจของเราได้ ถ้าหาอัตตสมบัติของเราได้เห็นไหม แล้วเรามาบวชเป็นพระ บวชเป็นพระบวชเป็นนักปฏิบัติ ปล่อยให้วันเวลามันล่วงไปๆ อย่างนี้เหรอ ปล่อยให้เวลามันผ่านไปใช่ไหม เวลามีค่าที่สุด

ชีวิตนี้คืออะไร ชีวิตนี้คือไออุ่น ไออุ่นตั้งอยู่บนอะไร ตั้งอยู่บนกาลเวลาเพราะกาลเวลานี้ไงถึงทำให้ชีวิตนี้มันชัดเจนขึ้นมา แล้วถ้าไม่มีกาลเวลาล่ะแล้วกาลเวลามันไม่มีได้ไหม แล้วถ้ามันไม่มีได้ไหม ทำไมวัฏฏะมันมีไม่ได้ล่ะทำไมมันหมุนไปล่ะ เพราะมันมีวัฏฏะ มีวัฏฏะขึ้นมาแล้วเราก็เป็นเศษธุลีอยู่ในวัฏฏะไง ผลของวัฏฏะๆ การเกิด การเกิดเป็นมนุษย์เป็นอริยทรัพย์ แต่การเกิดเป็นมนุษย์ผลของวัฏฏะผลของเวรของกรรม เพราะผลของเวรของกรรมมันถึงได้เกิดมาไฟท์กันไงถ้าเกิดมาไฟท์กันมันอยู่ที่เวรที่กรรม 

คนที่สร้างอำนาจวาสนาของท่านมา คนที่สร้างอำนาจวาสนาของเขามา นั่นมันเป็นอำนาจวาสนา แข่งเรือแข่งพายแข่งได้แข่งอำนาจวาสนากันไม่ได้ถ้าแข่งอำนาจวาสนากันไม่ได้ก็ไม่ใช่โอกาสของเอ็ง ไม่ใช่ผลประโยชน์ของเอ็ง เอ็งจะขวนขวายยังไงไปเอ็งก็ได้แต่กรรมทั้งนั้น แต่คนที่เขาทำ เขาต้องทำตามความเป็นจริงนะถ้าทำความเป็นจริงเห็นไหม เขามีชีวิต เขามีสติเขามีปัญญาของเขา เขาไม่ปล่อยให้ชีวิตเขาตายซาก ปล่อยให้ความตายซากนี่มันเศร้าใจ มันเศร้าใจว่าคนทั้งคนนะ คนทั้งคนนะแล้วมีสติปัญญามาบวชเป็นพระด้วย 

บวชเป็นพระเป็นผู้ประเสริฐๆ เห็นไหมเขายกมือไหว้ทั้งนั้น ออกไปบิณฑบาต เวลาเขาจะใส่อาหารเขายกขึ้นบูชานะ เขาอธิษฐานเลย เวลาเขาอธิษฐานทำบุญกุศลกับพระรัตนตรัยพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี่สมมติสงฆ์ ญาติของสงฆ์ ญาติของศากยบุตรเห็นไหม ออกมาภิกขาจาร เขาเคารพบูชา เขาอธิษฐานนะ เขาอธิษฐานแล้วเขาก็ใส่บาตรไปนะเขาใส่บาตรไปเราไปบิณฑบาตมา นี่ได้พึ่งพาอาศัยธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บริษัท ๔อุบาสกอุบาสิกา เขาเป็นชาวพุทธเขาชื่นชม เขาปรารถนาธรรมวินัย เขาปรารถนาศากยบุตร ปรารถนาผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ เขาอธิษฐานนี่ชื่นชมว่าได้ใส่บาตรศากยบุตรผู้ภิกขาจาร เลี้ยงชีพโดยชอบ 

เวลาบิณฑบาตบิณฑบาตมาแล้วบิณฑบาตมาแล้วได้พิจารณาหรือไม่ได้พิจารณาหรือไม่ว่าบิณฑบาตนี่เอาอะไรมาเอาของใครมาแล้วที่เขามานี่เขามาด้วยอะไรเขามาด้วยน้ำใจของเขา เขามาด้วยความปรารถนาของเขา เขาปรารถนาบุญกุศลนะ เราบิณฑบาตมาแล้ว เห็นไหมเราปฏิสังขาโยฯแล้วฉันเข้าไปแล้วมันมีรสชาติอะไร มันมีคุณธรรมอะไรมันมีสิ่งใดกระตุ้นหัวใจ มันมีสิ่งใดให้คิดมันมีสิ่งใดให้มีความรู้สึก ความรู้สึกว่าฉันภัตตาหารของอุบาสก อุบาสิกาแล้วคุ้มค่าเขาไหม คุ้มค่ากับอาหารบิณฑบาตที่บิณฯ มาไหมคุ้มค่ากับบุญกุศลที่เขาอธิษฐานขอบุญกุศลหรือไม่ ทางจงกรมที่เป็นทางได้ทำหรือเปล่าได้ทำประโยชน์อะไรบ้าง ฉันของเขาไปแล้วทำอะไรสิ่งใดเป็นประโยชน์บ้าง

ตายซากชีวิตนี่ไร้สาระทำมายังสำคัญตน สำคัญตนนะโอ๋ย พระป่า นักปฏิบัตินะ ยอดเยี่ยม ใครๆ ก็นับถือศรัทธานับถือศรัทธามันก็บุญกุศลในใจเขา มันเป็นเรื่องความรู้สึกในใจของเขา ผลของวัฏฏะๆ ผลของวัฏฏะจิตดวงนั้นเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มันก็เรื่องจิตเรื่องภพเรื่องชาติของเขา เขาทำบุญกุศลได้บุญกุศลของเขา เขาก็เกิดในอำนาจวาสนาของเขาตามบุญกุศลของเขา ตามภพตามชาติของเขาแล้วเราล่ะฉันแล้วทำอะไรพิจารณาแล้วทำอะไร ทางจงกรมได้เดินไหมหน้าที่ของพระได้ทำหรือเปล่า

หน้าที่ของพระ หน้าที่ของพระคืออะไรหน้าที่ของพระเห็นไหม“อานนท์ เธอบอกเขานะ บอกบริษัท ๔ ให้ปฏิบัติบูชาเราเถิด ปฏิบัติบูชาเราเถิด” การปฏิบัติบูชานั้นจะมีโอกาส อย่าปล่อยให้ชีวิตตายซาก มันเศร้าใจ มันมีโอกาส แล้วโอกาสที่เขาปรารถนาทุกคนก็ปรารถนานะอยากเป็นนักรบถ้าเป็นนักรบแล้วมีโอกาสแพ้โอกาสชนะ ไอ้นี่เราก็บวชมาแล้วกี่พรรษา บวชมาแล้วกี่พรรษาแล้วแต่ละวันแต่ละคืนล่วงไปมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา 

ดูสิ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการไปนะ ผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม๗ วัน ๗ เดือน ๗ปี จะได้เป็นพระอนาคาอย่างต่ำ๗ วัน ๗ เดือน ๗ปี แล้วนี่กี่ปี มีอะไรเป็นเครื่องยืนยันในใจบ้างมีอะไรบอกเราว่าเราปฏิบัติแล้วสมกับการได้บิณฑบาตข้าวชาวบ้านให้ตกบาตร มีสิ่งใดเป็นประโยชน์บ้างแล้วสิ่งที่ชาวบ้านเขาปรารถนาบุญกุศลของเขา มันสมควรจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่ถ้ามันไม่สมควรเราควรพิจารณาตัวเอง พิจารณาแล้วว่าเราทำแล้วสมบูรณ์หรือไม่ ถ้ามีความสมบูรณ์ขึ้นมามันต้องทำตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ขึ้นมามันถึงจะไม่เป็นขอนตายซากเป็นจิตตายซากเป็นพระตายซาก

พระต้องเป็นพระ เป็นพระ เป็นพระขึ้นมาด้วยธรรมวินัย ด้วยศีลด้วยสมาธิ ด้วยปัญญาของตนเวลาบวชขึ้นมาจากอุปัชฌาย์อุปัชฌาย์เห็นไหม เวลาญัตติญัตติจตุตถกรรมขึ้นมามันก็เป็นพระ เป็นพระโดยสมมติเป็นพระโดยถูกต้องตามกฎหมาย เป็นพระโดยกรมการปกครองโดย พ.ศ. มีเอกสารถูกต้องนั่นบวชกายบวชมาบวชเป็นพระสมมติสงฆ์ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถ้าจะบวชโดยธรรมๆ บวชโดยธรรมมันต้องบวชหัวใจ บวชหัวใจเห็นไหมบังคับใจของตนได้ แล้วอย่าตายซาก อย่าปล่อยให้ชีวิตจมไปวันหนึ่งๆ สิชีวิตวันคืนล่วงไปๆ ปล่อยให้กาลเวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ 

ถ้าเป็นทางโลกเห็นไหม ดอกเบี้ยมันขึ้นทุกวันนะเขาทำธุรกิจ วันเวลาผ่านไปเห็นไหม มีวันเสาร์วันอาทิตย์ดอกเบี้ยมันไม่เคยมีวันหยุดนะมันขึ้นทุกวันเลยแล้วนี่ชีวิตของเรามันกี่หมื่นวันสามหมื่นกว่าวันต่อหนึ่งชีวิตนะแล้วชีวิตผ่านมากี่หมื่นวัน แล้วเหลืออีกเท่าไรแล้วเหลือแล้วเรามีโอกาสหรือเปล่า สิ่งที่เหลือเรามั่นใจหรือไม่ว่าเราจะภาวนาได้ สิ่งที่วันเวลาที่มันมีอยู่นี่ แล้ววันเวลามันไล่ก้นขึ้นมามันจะต้องตายไป มันจะเอาอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไป กินข้าวชาวบ้านเขาเราจะไปใช้เขาใช่ไหม วัวมันจะมีสีขาวกับสีเหลือง สีขาวก็แม่ชีไง สีเหลืองก็พระ กินของเขาแล้วมันไม่ทำประโยชน์เกิดไปเป็นวัวเป็นควายแล้วก็ไปไถนาไถนาไปใช้เขาก็กินของเขาไปกินของเขาไปแล้วทำอะไรเป็นประโยชน์ขึ้นมาบ้าง

ถ้ามันจะให้เป็นประโยชน์ขึ้นมาให้มันตื่นตัวอย่าปล่อยให้ชีวิตตายซากนะอย่าปล่อยให้ตัวเองตายซาก นี่ทองก้นเบ้าๆ มันไม่เป็นประโยชน์กับใครทั้งสิ้นทองก้นเบ้าๆ มันเป็นเทคนิคการทำทองของเขามันเป็นบุคลาธิษฐานให้เห็นว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์และสิ่งใดไม่เป็นประโยชน์ ชีวิตนี้ก็เหมือนกัน เราบวชเป็นพระก็เหมือนกัน ถ้าเราบวชเป็นพระขึ้นมา เป็นพระต้องเป็นพระจริงๆ ถ้าเป็นพระจริงๆ ทำให้มันจริงให้มันจังขึ้นมา อย่าปล่อยให้หงอยเหงาเศร้าสร้อย แล้วมันหงอยมันเหงามันเศร้าสร้อยไม่ตื่นตัวเลยเหรอ 

นี่ไง เวลาอยู่กับครูบาอาจารย์เห็นไหมท่านบอกถ้ามันคิดได้นะ เออสุดยอด แต่ต้องคอยลงปฏักนะนั่นน่ะอันดับสองให้มันคิดได้ ให้มันรู้จักคิดได้สิรู้จักเศร้าใจแล้วคิดขึ้นมาบ้างรู้จักเศร้าใจ รู้จักให้มันเกิดธรรมสังเวช เวลามันเกิดธรรมสังเวชให้มันสังเวชกับชีวิตเรา ชีวิตมันเป็นไง ดูสิ พ่อแม่คลอดมาพ่อแม่ให้อะไรมาบ้าง พ่อแม่ให้กินมาจนป่านนี้เติบโตมาจนป่านนี้ มีการศึกษาแล้วให้มาบวชเป็นพระด้วย แล้วเราก็มีสติมีปัญญาว่าตัวเองเก่งทั้งนั้นเลย ไม่มีใครบอกว่ากูโง่เลยทุกคนบอกกูฉลาดทั้งนั้นเลยแต่ฉลาดอยู่ใต้กิเลส ฉลาดให้กิเลสมันเหยียบย่ำ 

ถ้ามันฉลาดตามธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันพลิกเหนือกิเลสเลยกิเลสมันขี้เกียจขี้คร้าน กูจะทำกิเลสบอกไม่ไปกูจะไป กิเลสมันบอกให้พาไปทำชั่ว กูไม่ทำ แล้วถ้ากิเลสมันขี้เกียจ กูจะเดินจงกรม กูจะนั่งสมาธิภาวนา ถ้ามันไม่มีสติปัญญาขึ้นมาก็เดิน เดินเอาเวลา เวลาชีวิตเหลือผ่านไป วันเวลาผ่านไปล่วงไปๆ วันคืนล่วงไปๆ ชีวิตมันหมดไปเรื่อยหมดไปได้ เวลาเดินจงกรมมาเวลาดีกว่าไม่ได้อะไรให้ได้เวลามันไม่ทำ ถ้ามันทำขึ้นมา นั่นน่ะมันมีโอกาส 

คนมีภาวนาแล้วมันมีโอกาสทั้งนั้นเพราะเวลาเดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนาคือโอกาสของเรานะ แล้วถ้ามันทำไม่ได้ๆ มันต้องหาเหตุหาผล คนที่มีสติปัญญามันจะหาเหตุหาผลเลยเป็นเพราะอะไรๆเห็นไหม ตั้งแต่เช้า ตั้งแต่ตื่นขึ้นมามีอะไรบ้างทำไมอารมณ์เป็นแบบนี้ ทำไมมันคิดแบบนี้แล้วแบบนี้มันติดมาได้ยังไงมันไปกระทบอะไรมา ถ้ามันไปกระทบอะไรมามันก็เป็นของเก่า ของเก่าเห็นไหม ดูสิ ของเก่าที่มันขุดคุ้ยไม่มีวันจบวันสิ้นนี่

บุพเพนิวาสานุสสติญาณ สัญญาในปฏิจจสมุปบาทนี่ไงสัญญาในขันธ์ ๕ แล้วในปฏิจจสมุปบาทตั้งแต่ภพชาติที่มันซับซ้อนมาไงถ้าไม่ซับซ้อนมาระลึกอดีตชาติได้ยังไงเวลามันย้อนกลับไป บุพเพนิวาสานุสสติญาณย้อนไปไม่มีต้นไม่มีปลาย มันไปไหน จิตดวงนี้มันเป็นอะไรมามันถึงไปรู้มาขนาดนั้น แล้วรู้มามันคืออะไร รู้มามันเป็นอาสวักขยญาณหรือไม่ รู้มามันเป็นอริยสัจหรือเปล่าถ้ามันไม่เป็นอริยสัจมันก็เป็นของเดิม ของเดิมคือของเก่าแก่ ของเก่าแก่ที่ซับซ้อนมา ซับซ้อนมา นี่ไงฟอสซิลไง 

เวลาฟอสซิลทางโลกมากี่หมื่นกี่ล้านปีไง แต่จิตเวลามันซับมาไม่มีต้นไม่มีปลายมันยิ่งกว่าฟอสซิลอีก แต่แต่ปัจจุบันนี้ไงเวลาปัจจุบันนี้มันก็ได้แต่ระลึกตั้งแต่เด็กนี่แหละ ระลึกได้ตั้งแต่เด็กมาแล้วย้อนไปไม่ได้ใช่ไหม ลองทำความสงบของใจสิ ใจสงบขึ้นมาเท่ากับมีวาสนา ทำไมไปไม่ได้ เว้นแต่ทำไม่เป็นเท่านั้นทำไม่เป็นก็หาครูบาอาจารย์สิท่านพลิกให้เองถ้าพลิกไปแล้วมันจะรื้อเข้าไปเลยนะ ให้มันตื่นตัว บวชเป็นพระนะ แล้วศาสนามันจะเรียวแหลมๆ เพราะพระไม่ปฏิบัตินี่แหละเพราะถ้ามันจะเชิดชู มันจะเฟื่องฟูก็เฟื่องฟูจากการกระทำของคนนี่แหละศากยบุตรศากยบุตรที่มันทำขึ้นมาท่ามกลางหัวใจนี่ แล้วถ้าธรรมมันครองใจแล้วมันจะมีอะไรเลิศไปกว่านั้น

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้องค์เดียวนะ สอนสามโลกธาตุ ไอ้เรานี่ปฏิบัตินี่ปฏิบัติเอาตัวรอดทั้งนั้นปฏิบัติเอาตัวรอดให้ได้ ถ้าปฏิบัติเอาตัวรอดได้ความรู้ของเรานั่นน่ะนั่นแหละเทวดาชื่นชมเลยเทวดาจะชื่นชมนี่ผลของวัฏฏะไง มันปิดใครไม่ได้หรอก มันจะปิดใคร แล้วเป็นความจริงๆ มันสว่างไสวกลางหัวใจทั้งนั้นกระจ่างแจ้งความรู้แจ้งในใจๆ มันมาจากไหน มันมาจากการกระทำนี่ไงมันไม่ปล่อยให้ชีวิตตายซากมันปล่อยให้ชีวิตตายซากด้วยความจำเจขี้เกียจขี้คร้านลองขยันหมั่นเพียร เพราะความขยันหมั่นเพียรนั่นมันเกิดประเด็น มันเกิดประเด็นฉุกคิดขึ้นมาในใจ ใจถ้ามันฉุกคิดขึ้นมา เอ๊ะ! นี่สำคัญเอ๊ะ! ทำไมเราเป็นแบบนี้ ทำไมมันเหลวไหลอย่างนี้

เราอยู่กับหลวงปู่เจี๊ยะนะหลวงปู่เจี๊ยะบอกเลย ท่านบวชอายุ ๒๐ ๒๑ชาวบ้านผู้แก่ผู้เฒ่าเขาภาวนาได้ เขาอายุ ๕๐๖๐ ๗๐ ๘๐ เขาภาวนากันได้เรานี่หนุ่มน้อยนะ แล้วท่านเป็นลูกเศรษฐีค้าเงาะนี่ต้องแจวเรือออกเอาเงาะไปส่งกลางทะเลท่านบอกว่างานอะไรก็ทำมาแล้วทุกอย่างทำได้ทั้งนั้นเลย ทำไมเราเดินจงกรมน้อยหน้าผู้เฒ่าผู้แก่ นี่ฉุกคิดเพราะว่าเราทำไม เรา อายุ๒๐ เป็นวัยรุ่นเป็นสุภาพบุรุษแต่ชาวบ้านเขาคนแก่คนเฒ่าทำไมเขาทำได้ทำไมเราทำไม่ได้ ตั้งแต่นั้นมาท่านเอาจริงเอาจัง เอาจริงเอาจังครูบาอาจารย์ท่านเล่าให้ฟังเอง เวลาคนมันฉุกคิด

นี่ก็เหมือนกัน เราเดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนาสิเดินจงกรมไปแล้วขาลากเลยหิว กระหายท้อแท้ คิดสิ คิดเวลาท้อแท้มันท้อแท้เรื่องอะไรทำไมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านรื่นเริงทำไมอาจารย์สิงห์ทองท่านเดิน ๗ วัน ๗ คืนหลวงปู่ตื้อ หลวงปู่ชอบ ทำไมท่านเดินจงกรมหลวงปู่ขาว ๓เส้นทาง บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทั้งวันทั้งคืน พระอรหันต์นะ ที่เอ่ยมานี่พระอรหันต์ทั้งนั้นเลย แล้วเดินจงกรมดีกว่าไอ้พวกขี้ทูด ไอ้พวกตายซากตายซากไร้สาระแต่ครูบาอาจารย์เป็นพระอรหันต์นะ เดินจงกรมทั้งวันทั้งคืน วิหารธรรมๆ

เวลาบอกว่าพระอรหันต์เป็นยังไง พระอรหันต์เอาไว้ขี้โม้ ทำไมพระอรหันต์ท่านมีวิหารธรรมล่ะครูบาอาจารย์เห็นไหม บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์หลวงปู่ขาว ดูอาจารย์สิงห์ทองสิ ครูบาอาจารย์ของเราพระอรหันต์นะท่านมีวิหารธรรม ท่านอยู่กับคุณธรรมของท่าน ท่านมีความสุข วิมุตติสุขๆ นี่ไง นั่นขนาดคำว่าพระอรหันต์ท่านยังทำของท่าน ท่านไม่ปล่อยชีวิตท่านให้ล่วงไปไม่ปล่อยให้กาลเวลานี้เปล่าประโยชน์ไปเลย

แต่ของเราปล่อยเวลาตายซาก กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็เล่น เล่นแล้วก็มากิน กินแล้วก็สนุกครึกครื้นปล่อยให้วันเวลามันผ่านไป ภูมิใจกันเรื่องเวลาอาวุโสภันเตภูมิใจกันแค่นั้นแหละ หลวงตาท่านพูดประจำให้ร้อยพรรษาด้วยถ้าโง่นะไม่พ้นนิสัย ถ้ามันฉลาดสามเณรน้อยเป็นพระอรหันต์ ความฉลาดความโง่มันอยู่ที่นี่ พ้นนิสัยไม่พ้นนิสัยมันพ้นตรงนี้ มันพ้นที่ไม่ปล่อยวันเวลาให้ผ่านไปมันทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมีคุณค่าขึ้นมาปล่อยให้ตายซาก

ถ้ามันเป็นจริงๆ นะ ดูสิเวลาหลวงปู่มั่นท่านประพฤติปฏิบัติของท่านตามความเป็นจริงของท่านเวลาท่านชราภาพนะแม้แต่ครูบาอาจารย์ท่านก็พยายามฟื้นฟูท่านนั่นแหละพยายามจะเอายาไปรักษาท่านท่านบอกว่า “ไม้มันยืนต้นตายรดน้ำพรวนดินขนาดไหนมันก็ไม่ฟื้นหรอก นี่ก็เหมือนกัน นี่อายุ ๘๐ ละ ๘๐นี้จะตาย” เวลาท่านป่วยไข้ อยู่ที่เชียงใหม่ แมคคอร์มิคเวลาหมอเขาบอกเลยนี่ตาย หลวงปู่มั่นท่านเรียกสมเด็จมหาวีรวงศ์ (พิมพ์) มาเลย 

“หมอว่าไง” 

“เขาบอกหมดทางรักษา” 

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ตาย ไป เรากลับวัด” 

นั่นเห็นไหม หมอบอกว่าตาย ท่านบอกไม่ตายท่านบอกเลยอายุ ๘๐ นั่นจะตาย เวลามาอยู่ที่หนองผือเห็นไหม เวลาท่านเริ่มเจ็บ “นี่เริ่มเจ็บแล้วนะ นี่มันหมดอายุขัย เจ็บคราวนี้เป็นครั้งสุดท้ายต้องตายแต่ไม่ตายง่าย”เวลาลูกศิษย์ลูกหาก็พยายามจะฟื้นฟูไง เอายาไปให้ท่าน ท่านบอก “ไม่ต้องเอามา ไม้ยืนต้นตายแล้ว รดน้ำพรวนดินเท่าไรมันก็ไม่ฟื้นหรอก” นี่มีชีวิตอยู่นะ นี่พูดสดๆร้อนๆ รดน้ำพรวนดินมันก็ไม่ฟื้นหรอก แต่ แต่กิเลสมันตายกิเลสมันตายไปแล้ว กิเลสไม่มีในหัวใจอันนั้นไม่หวั่นไหวใดๆทั้งสิ้น แล้วอยู่กันเพื่อรื่นเริงในธรรม ธรรมะมันแสดงตนอาจหาญไง 

นี่ไง เวลามันเป็นจริงมันเป็นจริงอย่างนั้นนะ ผู้ที่เป็นจริงครูบาอาจารย์ที่เป็นจริงเห็นไหมท่านไม่ปล่อยให้ชีวิตนี้ตายซากท่านมีความเพียร มีความวิริยะ มีความอุตสาหะ มีการกระทำของท่านชำระล้างกิเลสเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไป เวลากิเลสมันยังไม่สิ้นเห็นไหม กำลังยังไม่พอ ยังไม่พอ ทิ้งหมู่ทิ้งคณะขึ้นไปเชียงใหม่ เวลาไปสิ้นหมดแล้วเห็นไหม มันจะมีอะไรเหลือในหัวใจเห็นไหมไม่มีสิ่งใดในหัวใจเลยเทวดา อินทร์พรหม จะมาฟังเทศน์ตลอดเวลาเลย แล้วเทวดาอินทร์ พรหมทำไมต้องเจาะจงไปหาหลวงปู่มั่นด้วยล่ะ เพราะหลวงปู่มั่นในใจท่านเป็นธรรมๆความเป็นธรรมมันสว่างครอบสามแดนโลกธาตุ ทำไมใครจะไม่รู้ว่าดวงใจดวงไหนเป็นธรรมและไม่เป็นธรรม 

ความเป็นธรรมอันนั้นไม่ต้องให้มีใครมาโฆษณาชวนเชื่อด้วย มันเป็นความจริงโดยสัจจะ เป็นความจริงโดยสัจจะเห็นไหม นี่ย้อนกลับมาอีสานเพื่อเอาหมู่คณะเพื่อความมั่นคงของศาสนาเวลาเพื่อความมั่นคงของศาสนา เวลาถึงเวลาที่สุดเห็นไหม หมดอายุขัย พอหมดอายุขัยขึ้นมาในหมู่สงฆ์ก็พยายามจะรักษาดูแลเห็นไหม “ไม้มันยืนต้นตายแล้วล่ะ ฟื้นฟูยังไงมันก็ไม่ฟื้นหรอก ถึงเวลามันต้องไปโดยข้อเท็จจริงของมัน” เวลาถ้ามันจะเป็นจริงๆเห็นไหม ไม้ยืนต้นตาย ไม้ยืนต้นตายเพราะในเมื่อท่านยังดำรงธาตุขันธ์อยู่นะท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านยังสั่งสอนอยู่ ท่านพยายามแก้ไขให้หมู่คณะมีความมั่นคงอยู่ท่านยังทำประโยชน์ของท่านมาตลอดเห็นไหม นั่นเพราะกิเลสมันตาย

แต่ของเรามันตายซากกิเลสท่วมหัวเหยียบย่ำวันเวลา เหยียบย่ำชีวิตไปวันๆ หนึ่งไม่มีสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอันเลยแต่เวลาของท่านท่านทำของท่านด้วยความเพียรความวิริยะความอุตสาหะของท่าน ท่านกำจัดกิเลส ฆ่ากิเลสเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นมาเห็นไหม บุคคล ๔คู่ๆ มันอยู่ในพระไตรปิฎก มันอยู่ในธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมวินัยเป็นศาสดาของเราไง แต่เวลามันชัดเจนมันชัดเจนขึ้นมาในใจของครูบาอาจารย์เห็นไหมเวลาท่านชี้แจงขึ้นมา มันชี้แจงขึ้นมา ใครมันเป็น 

เวลาศึกษากันมาศึกษาแล้วเราก็งงงวยไง ศึกษามาแล้วบุคคล ๔คู่ ก็เอา ๘ คนมารวมกันไง แต่เวลาของท่านเพราะจิตดวงนี้มันพลิกแพลงมันเจริญก้าวหน้าของมันเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไปเห็นไหมมรรค ๔ ผล ๔นิพพาน ๑ เวลาบุคคล ๔ คู่ แล้วมันนิพพาน ๑หนึ่งเดียวไปแล้วนั่น จบสิ้นกระบวนการของมันไปแล้ว พ้นจากวัฏฏะไปไงพ้นจากวัฏฏะเป็นวิวัฏฏะ เป็นความจริงเห็นไหม พอเป็นความจริงขึ้นมาเวลาชราคร่ำคร่าขึ้นมาเห็นไหม ไม้มันยืนต้นตาย ไม้มันยืนต้นตายไม้มันยืนต้นตายแล้ว มันไม่เห็นมีความรู้สึกวิตกกังวลอะไรเลยทำไมมันมีความมั่นคงอย่างนั้นแหละ เพราะมันเป็นจริงมันต้องเป็นจริงอย่างนั้น

ถ้าเป็นจริงอย่างนั้นเห็นไหม มันต้องตื่นตัว ให้มันชัดเจนกับเรานะ เราอย่าปล่อยให้วันคืนล่วงไปๆ โดยไร้สาระโดยเปล่าประโยชน์ความเปล่าประโยชน์อย่างนี้ นี่เป็นนักรบๆเราว่าเราเป็นนักรบ พระเราเป็นนักรบรบกับใคร รบกับกิเลสตัณหาความทะยานอยาก รบในหัวใจ แล้วสนามรบก็อยู่ที่ทางจงกรม อยู่ที่การนั่งสมาธิภาวนา อย่าปล่อย อย่าปล่อยวันเวลาโดยไร้สาระสิ ไร้สาระมากนะ วันเวลามีค่ามากยิ่งนักปฏิบัติขึ้นมา โอ้โห เขาแสวงหานะ วัดโดยทั่วไปๆ เขามีงานให้ทำทั้งวัน อยากทำไหมอยากทำจริงไหม อยากทำเดี๋ยวกูบริหารจัดการเลย ทำนี่ให้นั่งรับแขกทั้งวันเลย ให้ขายพระเขาไง เขากำลังปลดป้ายห้ามขายพระนะอยากรับแขกใช่ไหม อยากมีคนเข้ามานับหน้าถือตาเหรอ 

การที่จำกัดเวลาไว้ให้เป็นเอกเป็นสิทธิส่วนบุคคลเป็นการกระทำของเรา นี่ประเสริฐ นี่สุดยอด แต่พวกเรามันคุ้นชิน วันเวลา ดูทางโลกนะเวลาทำงานเห็นไหม เขายังมีประสบการณ์หนึ่งปีสองปีสามปี แล้วนี่กี่ปีแล้วล่ะ แล้วกี่ปีแล้วมันมีประสบการณ์อะไรล่ะ ใจรู้อะไรขึ้นมาบ้างใจเห็นอะไรบ้างมีสิ่งใดเป็นประโยชน์กับหัวใจนี้ ทำงานวิจัยมากี่ปี แล้วได้จดลิขสิทธิ์สักเรื่องหนึ่งไหม มีเรื่องใดบ้างเป็นลิขสิทธิ์เป็นความรู้จริงของเราบ้าง  ถ้าเป็นความรู้จริงของเรา นั่นน่ะชีวิตมันมีค่าตรงนั้นไง อย่าปล่อยให้ชีวิตตายซากนะความตายซากขอนตายซากมันยังเป็นสิ่งกับพวกจุลินทรีย์พวกพืชมันได้เกาะอาศัย คนตายซากกิเลสมันยิ้มเยาะ แล้วมาเป็นพระ เป็นพระป่า เป็นนักปฏิบัติ ให้กิเลสมันย่ำยี ขายขี้หน้ากิเลส เอวัง