เทศน์พระ

หลงฝูง

๑๘ ธ.ค. ๒๕๖o

 

หลงฝูง
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์พระ วันที่ ๑๘ ธันวาคม๒๕๖๐
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ ตั้งใจฟังธรรมๆ เพราะเราบวชมาเพื่อประพฤติปฏิบัติธรรม เราต้องการสัจธรรมไง เราต้องการสัจธรรมในหัวใจของเรา ในหัวใจของเราเห็นไหม เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้วพระพุทธศาสนาสอนถึงที่สุดแห่งทุกข์ๆ แต่เวลาเราเกิดเป็นมนุษย์เรามีความทุกข์ยากในหัวใจไง ถ้าเราอยู่ทางโลก เห็นไหม อยู่ทางโลกความหน้าที่รับผิดชอบ ความที่หน้าที่รับผิดชอบแล้วคนนี่มันอยู่ที่บุญวาสนานะ ถ้าคนมีวาสนาคนนั้นคือคนที่รับผิดชอบชีวิต คนที่รับผิดชอบหน้าที่การงานของตน 

คนที่โลเลเหลวไหลเขาไม่รับผิดชอบอะไรเลยๆแม้แต่ชีวิตของเขาเขาก็ยังปล่อยชีวิตของเขาโดยให้ไร้ค่า ทั้งๆ ที่สิ่งมีชีวิตมันมีค่าๆ สิ่งที่มีค่ามาก เห็นไหม ดูสิเราปล่อยนกปล่อยปลากันนะ สิ่งที่มีชีวิตถ้ามันจะตายไปต่อหน้าต่อตา เห็นไหม เรายังทำใจไม่ได้เลย เรายังพยายามรักษาชีวิตของมันไง นั้นชีวิตของสัตว์ใช่ไหมชีวิตของสัตว์อบายภูมิ ตั้งแต่สัตว์เดรัจฉานลงไปเขาเกิดมาในภพชาติของเขา เราได้มาเกิดเป็นมนุษย์เห็นไหม เกิดเป็นมนุษย์สิ่งที่มีค่าคือชีวิตของเราไง ถ้าชีวิตของเรา ถ้าเรามีความรับผิดชอบในชีวิตของเรา เห็นไหม เรามีความรับผิดชอบในชีวิตของเรา 

แต่ถ้าทางโลก เราเป็นคนจีนด้วย คนจีนเขาบอกคนที่รับผิดชอบต้องทำหน้าที่การงานประสบความสำเร็จเรื่องการค้าการขายนี่เขาต้องให้ประสบความสำเร็จ ถ้าประสบความสำเร็จเขาชื่นชมตรงนั้นนั้นคือว่าเป็นผลงานเพราะ เพราะความรู้ของเขาได้แค่นั้นไงแล้วถ้าเป็นทางวัฒนธรรม เห็นไหมก๋งจื๊อ ก๋งจื๊อนี่ครอบครัวใหญ่ ถ้าครอบครัวใหญ่ การกตัญญูกตเวที เห็นไหม การเคารพบูชากันนั่นนะ สิ่งนั้นเป็นคุณประโยชน์ของเขา เวลากตัญญูกตเวทีในพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องหมายของคนดี คนดีรู้จักคุณของคน คนมีคุณ เห็นไหม เรารู้จักบุญคุณของเขานี่บุญคุณของเขาใครมีคุณเราต้องตอบแทนบุญคุณเขา เห็นไหม อันนั้นเป็นวัฒนธรรมประเพณีไง คำว่าวัฒนธรรมประเพณีคือว่ามันเป็นสิ่งที่ว่ามันเถรตรง

แต่ถ้ามันเป็นจริงๆ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธจ้ามันละเอียดลึกซึ้งกว่านั้นไง คนที่มีกตัญญูกตเวทีเป็นคนดีทั้งนั้นแหละ แต่ถ้ามันมีกิเลสตัณหาความทะยานอยากบีบคั้นในหัวใจ มันทำให้นิสัยเปลี่ยนแปลงไปได้ ถ้านิสัยเปลี่ยนแปลงไปได้ไง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแก้ไขตรงนี้ไง ถ้าแก้ไขกิเลสตัณหาความทะยานอยากของตน ที่มันยุมันแหย่นะ คนดีๆ นี่แหละเวลาโดนยุโดนแหย่เข้าไปเสียคนไง

ดูสิ พระโมคคัลลานะ เห็นไหมเป็นลูกที่ดีๆ พ่อแม่อยากให้มีครอบครัวไงพยายามจะหาลูกสะใภ้ให้ นี่ไม่ต้องการๆ แม่ก็ต้องการให้ลูกเป็นฝั่งเป็นฝา พยายามเต็มที่ไง แม่กับลูกรักกันมาก ดูแลกันมาไง เพราะแม่ตาบอด นี่สิ่งสุดท้ายแล้วได้ลูกสะใภ้มานี่ทั้งยุทั้งแหย่ ยุแหย่จนผิดใจกัน นี่ไงคนดีๆทั้งนั้น พระโมคคัลลานะเป็นชาติหนึ่งที่ได้ทำลายแม่เพราะเชื่อเมีย เมียยุเมียแหย่ เมียยุแยงตะแคงรั่ว จนเชื่อไปจนได้

นี่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กลับมาตรงนี้ไงตัณหาความทะยานไง สิ่งนี้ในหัวใจของตนไง เราเกิดเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนาพระพุทธศาสนาสอนที่สุดแห่งทุกข์เราเห็นภัยในวัฏสงสาร เห็นไหมอยู่ทางโลกต้องรับผิดชอบทางโลก อยู่ทางโลกชีวิตนี้มันต้องสมบุกสมบันไปๆ ทั้งชีวิต แล้วถ้าใครมีสติปัญญาเห็นไหม ทำคุณงามความดีใช้ชีวิตเป็นสัมมาทิฏฐิ ชีวิตถูกต้องดีงาม ความดีงามนั้นก็สร้างสมบุญญาธิการไง ดูสิดูพระโพธิสัตว์ๆเห็นไหม เกิดมาก็เป็นหัวหน้าคน เกิดมาก็เป็นหัวหน้าหมู่คณะ เกิดมาก็ทำเพื่อประโยชน์กับหมู่คณะไงประโยชน์หมู่คณะเพื่อประโยชน์ชุมชนไง ตัวเองสร้างอำนาจวาสนาบารมีมาไง นั่นก็เป็นพระโพธิสัตว์

แต่นี้เรามาบวชเป็นพระนะ เราพยายามของเราเราจะประพฤติปฏิบัติตามความจริงของเรา ถ้าจะประพฤติปฏิบัติตามความจริงของเราเห็นไหม นี่เราเข้าหมู่ๆ มา เรามาบวชเป็นพระเป็นสังฆะเป็นสงฆ์ๆ มันต้องคุ้มครองดูแลกันความดูแลกัน เห็นไหม มันเป็นหมู่เป็นคณะ

เวลาเป็นสัตว์ เวลาสัตว์นะ ดูสิแกะหลงฝูงๆ น่ะ นี่ฝูงแกะๆ เห็นไหมแกะมันเล็มหญ้า ถ้ามันไปตามฝูงของมัน มันจะปลอดภัยของมันไง แต่ถ้ามันหลงฝูงไปนะ ถ้าอยู่ในป่านะ หลงฝูงไปเดี๋ยวมันก็เป็นเหยื่อของนักล่า นี่มันหลงฝูงไปไง ถ้ามันอยู่ในฝูง ฝูงก็ป้องกันมัน เห็นไหม 

นี่เวลานกๆที่จำนวนมันมากเห็นไหม เวลามันบินไปไหนนะ เพราะเรื่องจำนวนเหยี่ยวจะโฉบเอาไปกินเห็นไหม ด้วยจำนวนมากนะเหยี่ยวงงเลยนะ นี่อยู่ในฝูงๆ เห็นไหมมันปลอดภัยอยู่ในฝูงน่ะ ถ้ามันหลงฝูงๆ ไปนะมันจะเป็นเหยื่อของเหยี่ยวมันฝูงนั้น จำนวนของฝูงนั้นเป็นการคุ้มครอง จำนวนของฝูงนั้นนะทำให้ปลอดภัย 

ถ้าเป็นแกะเห็นไหม แกะมันอยู่ในฝูงนั้นนะ มันก็ประโยชน์นั้น อยู่ในฝูงน่ะ ถ้าในฝูง ฝูงนั้นมันก็มีหัวหน้าถ้าหัวหน้าฝูง ถ้าหัวหน้ามันฉลาดมันก็พาฝูงนั้นพ้นไปเห็นไหม ถ้าหัวหน้ามันไม่ฉลาด มันก็จะเอาจำนวนฝูงนั้นเอาจำนวนมากคุ้มครองดูแล นี่ไงถ้ามันไม่หลงฝูง มันไม่หลงทาง มันไม่มีทิฏฐิมานะ มันไม่คะคาน มันไม่เอาชนะมัน เพราะด้วยความโง่ไง หลงฝูงออกไปนึกว่าตัวเองเก่ง กิเลสตัณหาความทะยานอยากหลงเข้าไปในกิเลสตัณหาความทะยานอยาก หลงเข้าไปในความทิฏฐิมานะของตนไง

แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นไหม ธรรมคุ้มครองๆ ถ้าเราประพฤติปฏิบัติตามข้อวัตรปฏิบัตินะตามธรรมตามวินัยนี่มันคุ้มครองเราอยู่แล้ว แล้วถ้าเข้าไปในหมู่สงฆ์ๆ นะ หมู่สงฆ์นะเขาดูแลกันไง คำว่าดูแลกันนะทำตามหมู่สงฆ์ ทำตามข้อวัตรปฏิบัตินั้นน่ะ ทำตามนั้นนะมันปลอดภัยๆ มันคุ้มครองดูแลเราอยู่แล้ว ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไง 

แต่ถ้ามันหลงฝูง เห็นไหมแยกออกไปพยายามไง ความพยายามแยกออกไป พยายาม ถ้าแยกออกไปความวิเวก เวลาออกธุดงค์นะไปองค์เดียวประเสริฐที่สุดถ้า ๒ ถ้า ๓ มันต่ำลงไปเรื่อยๆ ล่ะเพราะมันพยายามจะพึ่งพิงกัน เห็นไหม แต่ถ้าไปคนเดียวๆ ไปเป็นนอแรด เวลาธุดงค์ไปนี่เป็นนอแรด มีสิ่งใดรับผิดชอบตัวเราเอง ถ้าความรับผิดชอบตัวเราเอง เห็นไหม นั้นนะประโยชน์กับเรา ถ้าประโยชน์กับเรานั่นเวลาออกวิเวกแต่ถ้าวิเวกแล้ว เห็นไหม อยู่คนเดียวก็อยู่ได้ อยู่ในหมู่คณะก็อยู่ได้ 

เวลาครูบาอาจารย์หลวงปู่มั่นท่านออกวิเวกท่านไปคนเดียว ไม่ให้ใครไปยุ่งกับท่านเลย เวลาท่านสำเร็จแล้วเพื่อประโยชน์กับศาสนา เห็นไหมนี่อยู่ทางภาคเหนือหมู่คณะมันน้อยจะกลับอีสาน กลับไปเพื่ออะไร กลับไปเพื่อเอาหมู่คณะไงเพราะหมู่คณะนะต้องการพึ่งพาอาศัย นี่เวลาท่านสำเร็จในใจของท่านแล้วนะ ท่านยังคิดถึงหมู่คณะ คำว่า “หมู่คณะ” เห็นไหม ด้วยธรรมด้วยวินัยไง เพราะมันมืดบอดเห็นไหม ถ้ามันหลงทางก็หลงเข้าไปในกิเลสตัณหาความทะยานของตน พอเวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นไปมันก็สำคัญตนว่าตัวเองมีความรู้ดีเด่น ตัวเองมีความรู้นะแล้วก็คิดว่าความคิดของตนนะไม่มีใครรู้

โธ่! สังคมนะรัตตัญญู ผู้มีราตรีกาลนะประสบการณ์ชีวิตมันฟ้องทั้งนั้นแหละประสบการณ์ชีวิตแต่คนที่เขามีมารยาทมีวัฒนธรรมเขาไม่พูดออกมา ก็คิดว่าเขาไม่รู้ไง นี่แค่คิดว่าทางโลกเฉยๆ ไงแต่หลวงปู่มั่นท่านรู้ดีกว่านั้นน่ะ ท่านรู้ดีท่านพิจารณาของท่าน เห็นไหม นี่ไปเอาหมู่คณะ เวลาหมู่คณะที่มันมืดมันบอด มันพิจารณาไปแล้วมันไปไม่ได้เห็นไหม ดูสิ เวลาที่ท่านลงมาจากเชียงใหม่ มันมีพระองค์หนึ่งสำคัญตนว่าเป็นพระอรหันต์ เที่ยวประกาศทั่วไปหมดเลย

นี่สมเด็จวัดพระศรีมหาธาตุท่านตั้งกรรมสอบเห็นไหม สอบขึ้นมาแล้วเอา ๙ ประโยคเป็น ๔ องค์ ตั้งเป็นกรรมการขึ้นมา นี่สงฆ์สอบแล้วสอบอีก มันปลิ้นไปปลิ้นมา ปลิ้นมาปลิ้นไปมันตอบไม่ได้หรอกหลวงปู่มั่นลงมาจากเชียงใหม่ พาไปหาหลวงปู่มั่นไงพอเขาพูดถึงคุณธรรมในใจ จบพระอรหันต์ หลวงปู่มั่นบอกเอ็งติดสมาธิ จบ ไม่กล้าเถียงซักคำเลย นี่เวลามันมืดบอดๆอย่างนั้น มันสำคัญตนของมันว่าเป็นจริง มันสำคัญตนของมันเป็นไปเองแล้วสำคัญตนว่าเหนือคนอื่น 

แล้วเวลาการศึกษา เห็นไหมการศึกษาๆ เป็นแนวทางไง เวลามันตรวจสอบกันแล้วก็ตรวจสอบกันไม่ได้ไง เวลาหลวงปู่มั่นท่านมาถึง เห็นไหมนี่ไง เวลามันหลงเข้าไปในกิเลสไงหลงเข้าไปในกิเลสของตน หลงเข้าไปในสำคัญของตนหลงไปความยิ่งใหญ่ของตนๆ มันไปไม่รอด ยังดียังมีหลวงปู่มั่นอยู่ เรื่องมันได้บรรเทาไปไงถ้าไม่มีหลวงปู่มั่นอยู่นะ มันก็ฟาดงวงฟาดงาในหมู่สงฆ์นั้นน่ะ สำคัญตนแล้วก็เหยียบย่ำเขาไปทั่ว เหยียบย่ำไปโดยการสำคัญตนแล้วก็ยังไม่รู้จักว่าตัวเองสำคัญผิดไงนี่มันหลงทาง หลงไปในกิเลส หลงจากฝูงไง 

ถ้ามันไม่หลงจากฝูงอยู่ในธรรมวินัย ถ้าอยู่ในธรรมวินัย นี่ไง วัตรปฏิบัติของเรามันมีของมันอยู่แล้วเวลาหลวงปู่มั่นท่านบอกว่าเป็นเครื่องอยู่ๆ นั่นนะเป็นเครื่องอยู่ ให้อยู่กับข้อวัตรปฏิบัติ ไม่ใช่อยู่กับกิเลสตัณหาความทะยานอยากให้อยู่กับความสำคัญตนๆ ว่าสำคัญตนว่ายิ่งใหญ่ แล้วยิ่งใหญ่แล้วมันยิ่งใหญ่ไม่จริงไง

ถ้ายิ่งใหญ่จริงทำไมต้องแอบอิงหมู่คณะล่ะการแอบอิงหมู่คณะนี่ไงไม่หลงฝูง เห็นความสำคัญของฝูงเห็นความสำคัญของสงฆ์ไง ถ้าเห็นความสำคัญของสงฆ์ เห็นความสำคัญของผู้อื่นให้เกียรติผู้อื่น ผู้อื่นเขาก็มีเกียรติของเขาไงไม่ใช่คนมันไม่มีเกียรติ เรามีเกียรติของเราอยู่คนเดียวไง เรายิ่งใหญ่อยู่คนเดียวไง แล้วเหยียบย่ำเขาไปทั่วไง มันยิ่งใหญ่ไม่ได้ไม่มีใครใหญ่กว่าธรรม ธรรมนี้ยิ่งใหญ่ แล้วธรรมคืออะไร ธรรมผิดชอบชั่วดีไง 

ความผิดชอบชั่วดี เห็นไหมลิ้นกับฟันความอยู่ด้วยกันนะ ดูสิ เวลาจำพรรษานะ ออกพรรษานี่มหาปวารณา เห็นไหมยังให้อภัยต่อกันให้คอยบอกคอยชี้แนะว่าสิ่งใดสมควรไม่สมควรไงเราพูดกันได้คนอยู่ด้วยกันๆ มันพูดกันได้ เวลามันพูดกันได้ๆ แล้วพูดด้วยสัญญาสุภาพบุรุษไงพูดแล้วต้องทำตามพูด พูดตรงไปตรงมา พูดตามความเป็นจริง ผิดเป็นผิดถูกเป็นถูกไง ไม่ใช่มารยาสาไถยดัดจริต เวลาพูดแหม หวานเจี๊ยบอย่าเผลอนะ เผลอทิ่มเอาอีกแล้ว 

นี่เวลาพูดพูดอย่างนั้นมันไม่ได้พูดด้วยน้ำใสใจจริงไง มันพูดพอเป็นพิธีไง มหาปวารณาก็พูดไง มีอะไรก็เตือนผมบ้างนะ ผมเปิดโอกาสให้เตือน แล้วเตือนมันได้ไหม มันให้เตือนจริงหรือเปล่ามันไม่ยอมรับความจริงนะสิ ถ้ามันยอมรับความจริงขึ้นมา เห็นไหม นี่มันก็เห็นๆ กันอยู่นี่เขาทำเราไม่ทำ เขาดีเราไม่ดี มันเห็นชัดๆ อยู่นั่นน่ะ มันเป็นจริงหรือไม่เป็นจริง แล้วสำคัญตนอึ่งอ่าง กร่างอยู่อย่างนั้นน่ะ มันหลงฝูง

จำนวนของฝูงนะ จำนวนของนกนี่มันทำให้นักล่าตาลาย นักล่านี่มันตาลายเลยนะจำนวนของฝูงมันมีความสำคัญ แต่ความสำคัญในการเป็นที่อยู่อาศัย แต่เวลาปฏิบัติจริงๆขึ้นมามันก็ต้องปฏิบัติด้วยตัวของเราทั้งนั้นน่ะ นี่เห็นไหม อย่างเช่นเวลาธุดงค์ไปให้ไปแบบนอแรด ไปแบบหนึ่งเดียว อ้างว้างเดียวดาย ไม่มีที่ขอบเขตโอ๊ย ออกไปนี้ฉันยังต้องลอยไปในอากาศอยู่แล้ว มันว้าเหว่ไปทั้งนั้นน่ะ

นี่เวลาเป็นจริงๆ นะ แต่ถ้ามันมีหลักของใจ มีพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ในหัวใจเห็นไหม เวลาสมัยพุทธกาลผู้ที่ประพฤติปฏิบัติในป่า เวลาโดนผีหลอก เวลาตกใจขึ้นมา มาเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กลับไปใหม่ เห็นไหม ให้ระลึกถึงพระพุทธให้ระลึกถึงพระธรรม ให้ระลึกถึงพระสงฆ์ ให้นึกถึงๆบริกรรมพุทโธๆ มันเอาชนะได้ทั้งหมดคนที่ภาวนานะมันรู้แต่ไอ้เรานี่มันปอดแหก ไอ้เรานี่มันอ่อนไหว พออ่อนไหวมันเอาความกลัวเป็นใหญ่ไง ไอ้พุทโธก็พุทโธอยู่นู่นคนละทวีปนะ ไอ้ใจก็กลัวแต่ผีอยู่นี่มันจะไปแก้ได้อย่างไร

ถ้าพุทโธชัดๆ นะ เอาพุทโธเรากลับจากทวีปที่แล้วเอามาอยู่ในหัวใจไง พอมันเต็มหัวใจแล้วนะ มันกลัวผีไม่ได้หรอกๆเพราะอะไร เพราะมันระลึกถึงพุทโธเต็มหัวใจ พอระลึกถึงพุทโธเต็มหัวใจนี่ไอ้ความกลัวมันจะแทรกเข้ามาไม่ได้สิ่งใดจะแทรกเข้ามาในใจไม่ได้เลยถ้ามันแทรกเข้ามาได้มันจะมีความกลัวมาจากไหน แต่ที่มันกลัวๆ อยู่นี่เพราะความกลัวเต็มหัวใจ ผิดถูกพุทโธอยู่คนละทวีปนู่นนะ แล้วฉันก็พุทโธแล้วมันไม่หาย

โดยข้อเท็จจริงคนภาวนาเป็นนะรู้หมด ไอ้เรามันทำไม่ได้ แต่ก็สำคัญตนไปว่าทำแล้วๆไงมันถึงไม่เป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาไง ถ้ามันไม่เป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา เห็นไหม หลงเข้าไปในกิเลสของตน เราเกิดมาจากกิเลส เกิดมาจากอวิชชา คนเกิดมามันมีที่มาที่ไปของการเกิด แล้วถ้าว่าเกิดแล้ว เห็นไหมทำคุณงามความดีด้วยบุญพาเกิดมันก็จะเกิดดีขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าเกิดดีขึ้นไปเรื่อยๆ มันก็ยังเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะไม่มีถึงที่สิ้นสุดๆ จะเชื่อหรือไม่เชื่อ นั่นเป็นเอกสิทธิ์ แต่เป็นความจริงๆ มันมีแน่นอน เพราะมันมีภวาสวะ มันมีความรู้สึกๆ อันนั้นที่เวียนว่ายตายเกิดน่ะความรู้สึกอันนั้นนะความรู้สึกนั่นนะธาตุรู้ๆ นั่นนะ มันทำลายไม่ได้ ใครๆก็ทำลายมันไม่ได้เพราะมันเป็นนามธรรม เหยียบย่ำทำลายเท่าไหร่มันก็อยู่ของมันอยู่อย่างนั้น

ตกนรกอเวจีไฟบรรลัยกัลป์เผาแล้วเผาอีก เผาจนละลายไปหมดเลยเดี๋ยวก็รวมตัวขึ้นมาใหม่อยู่อย่างนั้นน่ะไม่มีวันจบวันสิ้นจนกว่าจะหมดกรรมถ้าหมดกรรมแล้วมันก็พัฒนาขึ้นมาสูงขึ้นมาๆ นี่ไง มันเป็นความจริงอย่างนั่นน่ะ แล้วมันจะไปทำลายมันได้อย่างไร มันทำลายมันไม่ได้ไง ถ้ามันทำลายมันไม่ได้นี่สิ่งที่เราค้นหา เราพยายามจะทำขึ้นมาในใจของเรานี่ไงถ้ามันเป็นธรรมในใจของเราขึ้นมาเราจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมาตามความเป็นจริงขึ้นมาเห็นไหม เราค้นคว้าหาใจของเราขึ้นมาถ้าเราค้นคว้าหาใจของเราขึ้นมา แล้วมันจะหาหัวใจขึ้นมามันอยู่ที่ไหนล่ะมันก็อยู่ที่สติ อยู่ที่ความมั่นคงของเราอยู่ที่ความจริงจังของเรา 

ถ้าเราจริงจังขึ้นมา เห็นไหม เราจริงจังๆ ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ถ้ามันสมควรแก่ธรรม เราไม่ได้ทำด้วยความเหลวไหล พอมันเหลวไหลขึ้นแล้วสำคัญตน พอสำคัญตนขึ้นไปแล้วแยกฝูง หลงฝูงไปเลย ถ้ามันอยู่ในฝูงนะมันจะเกรงใจไง ถ้าเรายังหวังว่าเราจะอยู่ในสงฆ์ เราก็ยังคิดอยู่ว่าใจเขาใจเรา ถ้ามันมีใจเขาใจเราขึ้นมาๆ เห็นไหมธรรมวินัยมันเป็นสาธารณะ ทุกคนก็สามารถศึกษาได้ทั้งนั้น แล้วธรรมวินัยก็สอนไว้ ถ้าเราเคารพธรรมๆ ถ้าเคารพธรรม ธรรมะจะคุ้มครองเรา เราประพฤติปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

นี่ไง อยู่ในสงฆ์ อยู่ในสังฆะ อยู่ในกลุ่ม อยู่ในความถูกต้องดีงามถ้าอยู่ในความถูกต้องดีงามมันจะเสียหายไปไหน นี่ธรรมะมันคุ้มครองเรานี่ไง ถ้ามันหลงไปในกิเลส มันก็สำคัญตนว่ามันยิ่งใหญ่ ถ้ามันหลงฝูงไปว่ามันสำคัญตนว่ามันดีกว่าฝูงไงมันใหญ่กว่าเพื่อนแล้วใหญ่แค่ไหนใหญ่กว่าโลงเหรอใหญ่กว่าเมรุใช่ไหมมันไม่มีใครใหญ่กว่านั้นเลย แต่กิเลสมันยิ่งใหญ่นัก มันสำคัญตนมันถึงใหญ่ขนาดนั้นไง นี่เพราะมันหลงฝูง 

แต่ถ้ามีสติสัมปชัญญะมันเห็นคุณค่า เขาว่าให้เกียรติไง เราต้องให้เกียรติต่อกัน เราเป็นคนเหมือนกันนะ เวลาธรรมวินัยอาวุโสภันเต ใช่ อาวุโสภันเต เราเคารพกันโดยธรรมวินัย แต่ถ้าเคารพจริงๆเคารพคุณธรรมธรรมวินัยเราเคารพและเป็นสิทธิไง เป็นสิทธิตามกฎหมายๆอาวุโส ภันเต นี่สิทธิตามกฎหมาย สิทธิตามธรรมวินัยๆเห็นไหม ต่ำ สูงต่ำกันกว่า ๕ พรรษานะ๓ พรรษา ๕ พรรษานะ จะนั่งร่วมเสมอกันไม่ได้ นั่งบนเก้าอี้ในบุพพสิกขาเห็นไหม เก้าอี้ตัวหนึ่งนั่งได้ ๓ องค์ถ้าอายุห่างกันเกิน๓ พรรษาห้ามนั่งร่วมกัน ถ้าอายุพรรษาห่างกันไม่เกิน ๓ พรรษานั่งในเก้าอี้ตัวเดียวกันได้ 

นี่ภิกษุที่อาวุโสสูงกว่า ผู้ที่อาวุโสต่ำกว่าใส่รองเท้าที่สูงกว่าจะเข้าไปในระยะก้าว๖ ศอก ๖ ศอกจากผู้ที่อาวุโสมากกว่านี่เราใส่รองเท้าสูงกว่า เดินเข้าไปใกล้กั้นเกิน ๖ ศอกเป็นอาบัติทุกกฎ เพราะเราอยู่ในที่สูงกว่า นี้เป็นกฎหมายเลยถ้าเราเคารพกันด้วยกฎหมายๆ เราปฏิบัติได้ ถ้าเราปฏิบัติได้ เห็นไหมเราปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมธรรมะก็คุ้มครองคุ้มครองที่ไหนคุ้มครองว่าเราอยู่ในสังฆะ แล้วเราเคารพบูชาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี้เป็นกฎหมาย 

แต่ถ้าเป็นคุณธรรม ถ้าเขามีธรรม เห็นไหมสามเณรน้อยอายุ ๗ขวบเป็นพระอรหันต์เรานะบวชมา ๑๐๐พรรษาเลย กิเลสยังท่วมหัวอยู่เลยทำไมเราจะไม่เชื่อฟังสามเณรน้อยนั้นสามเณรน้อยนี่มีคุณค่ามากกว่าเราเราอาวุโสขนาดไหนเราก็ไม่กล้าออกปากสั่งขอสามเณรน้อยให้อุปัฏฐากแน่นอนเพราะสามเณรน้อยเป็นพระอรหันต์น่ะโดยธรรมวินัย เห็นไหม สามเณรน้อยจะถือตนเหนือกว่าพระภิกษุไม่ได้ แต่สามเณรน้อยเป็นพระอรหันต์ขึ้นมานี่แล้วพระ ๑๐๐พรรษานี่จะให้สามเณรน้อยอุปัฏฐากไหม กล้ารับของให้สามเณรน้อยนั้นไหม ถ้าเรารู้จริงไง

ถ้ามันเป็นความจริงเราเคารพกันด้วยคุณธรรมไงเคารพกันด้วยธรรมวินัยนั้นเรื่องหนึ่งเคารพกันด้วยคุณธรรมถ้าเขามีคุณธรรมในหัวใจๆนะ จิตใจนี้อ่อนนุ่มไปกับทุกๆ สิ่งไม่มีความกระด้าง มันไม่กระด้างหรอกมันเห็นแต่คุณงามความดีทั้งนั้น ถ้าเป็นธรรมนะ ส่วนใหญ่แล้วมันสำคัญตนมันไม่มีธรรมนะสิ พอไม่มีธรรมขึ้นมา เห็นไหม มันเสียบแทงนะ มันแทงข้างหลัง มันแทงมันเสียบเลยมันเสียบด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยากแล้วมันยังสำคัญตนว่ามันทำคุณงามความดีมันทำด้วยความนุ่มนวลความเป็นสามัคคีธรรมนะ 

สามัคคีธรรมมันเหยียบย่ำเขานะสิ สามัคคีธรรมที่มันต้องยิ่งใหญ่นะสิถ้ามันเล็กน้อยมันเป็นสามัคคีธรรมไม่ได้ไง ถ้ามันเล็กน้อยเราเป็นสามัคคีธรรม เราจะเป็นอิฐก้อนแรกที่อยู่ใต้ดินก็ได้ เราจะเป็นหินก้อนหนึ่งที่ผสมปูนอยู่ในเสาอยู่ในฐานของตึกก็ได้ เราทำได้ทั้งนั้นเพื่อความมั่นคงของศาสนา เพื่อความมั่นคงของสงฆ์ เพื่อความมั่นคงของสังคม เราจะเป็นอะไรก็ได้ ถ้าเขาเป็นธรรมนะ แล้วยิ่งใหญ่ด้วย ไม่ใช่ว่าฉันจะต้องเป็นยอดมงกุฎเพชร ต้องประดับอยู่สูงสุดนะเห็นไหม ถ้ามันสำคัญตนสำคัญผิดทั้งนั้น

ถ้ามันหลงทาง หลงฝูง มันหลงไปในกิเลสตัณหาความทะยานอยากของตน แล้วมันให้ผลมาทั้งนั้น ให้ผลมาจากกิริยามารยาท ให้มันหวนจากความรู้สึกนึกคิด แล้วความเห็น เห็นความรู้สึกนึกคิดมันต้องแสดงออก ความแสดงออกนั้น เห็นไหม มันถึงว่าเวลาครูบาอาจารย์ท่านพูดนะ หลวงตาท่านพูดประจำ “มันขัดหูขัดตา” มันขัดหูขัดตาไปหมด มันเตะลูกกะตานะเวลาท่านบอก ท่านทนไม่ได้เลยลูกกะตาจะแตก ไอ้พวกมารยาสาไถยน่ะมันแสดงออก มันกีดขวางลูกกะตามันกีดขวางความรู้สึก ทำไมมันจะรับรู้ไม่ได้ แต่ด้วยมารยาท นี่โดยสังคม เห็นไหม พ่อแม่คนไหนก็แล้วแต่เลี้ยงลูกขึ้นมา ลูกมันจะเกเรขนาดไหน พ่อแม่ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสทั้งนั้นนะ เพราะพ่อแม่เขารักลูก

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าผู้นำที่ดีๆ นะเขาก็พยายามรักษารักษาไว้เพื่อประโยชน์กับเขานะเพื่อประโยชน์กับคนที่ถูกรักษานั้นนะไอ้คนที่ถูกรักษานั้นมันยังสำคัญตนนะมันยังอหังการนะเบ่งกล้ามน่ะ โอ้โฮกล้ามใหญ่ โอ้ถูกต้องดีงาม ประเสริฐยอดเยี่ยม นี่แต่ถ้าเป็นความจริงๆ นะธรรมะสูงสุดนะรวงข้าว ข้าวที่ลงทุนลงแรงกันไปนะเวลาแล้ง เวลาภัยแล้งน้ำไม่ถึงนะ มันเฉาตายของมันทั้งนั้นนะ เวลาปุ๋ยที่ดีน้ำที่ดี ทุกอย่างสมควรแก่มัน เวลามันออกรวงขึ้นมานี่เวลาพอสมดุลแล้วนี่เวลามันตั้งท้องๆแล้วมันแก่ไปเมล็ดมันแก่ไป เห็นไหมเป็นทุ่งรวงทอง เห็นไหม มันน้อมลงต่ำนี่ยอดมันลมพัดไหวพลิ้วไปสวยงาม มันสวยงามทั้งนั้นนะเห็นไหม อ่อนน้อมถ่อมตนนั่นน่ะ

ความเป็นจริงอ่อนน้อมถ่อมตน มันจะใช้ประโยชน์ได้ต่อเมื่อแสดงธรรม มันจะใช้ประโยชน์ได้ต่อเมื่อแสดงบันลือสีหนาทนั่นนะ การแสดงออกแสดงสัจจะความจริงนั่นนะ อยู่ในวิกฤติขนาดไหนก็แล้วแต่ถ้ามันแสดงความจริงขึ้นมามันแสดงได้ตอนนั้น ตอนนั้นต้องแสดง เวลาจะแสดงธรรมสัจจะความจริงมันไม่มีขี้ออกมา ไม่มีความจริงออกมาเลย มันไม่กล้า มันขี้แตกแต่ถ้ามันเบ่งกล้ามอู้ฮู้ย ยอดเยี่ยมๆ นี่มันไม่สมควรแก่ธรรมเลย ไอ้พวกหลงฝูง 

ถ้ามันอยู่ในฝูงนะ อยู่ในฝูงมันก็อยู่ในธรรมวินัยไงถ้าอยู่ในฝูงน่ะ มันเห็นถึงความเป็นไปของสังฆะ ความเป็นไปของหมู่คณะความเป็นไปทั้งหมดมันเป็นไปด้วยกัน ความเป็นไปด้วยกันลิ้นกับฟันโดยธรรมชาติเท้าเราเองเดินมันยังเตะกันเลย ไอ้ความสะดุด ไอ้การสะดุดไอ้การขบเคี้ยวการขบกัดกัน มันเป็นเรื่องธรรมดาๆเพราะคนอยู่ใกล้กันมันเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่เรื่องธรรมดาอยู่แล้วมันอยู่ที่น้ำใจ 

น้ำใจของคนมันผ่านไปแล้วมันก็คือผ่านไปแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสวงหาอยู่ ๖ ปี ปัญจวัคคีย์ผู้อุปัฏฐากอยู่ ๖ ปีเห็นไหม อุปัฏฐากด้วยหัวใจ อยากจะให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้นะ ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้จะได้บอกเราได้ แต่ด้วยความเห็นของโลก เห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปฉันอาหารของนางสุชาดา เห็นไหม โอ้สมณโคดมกลับมามักมาก เห็นไหม ทิ้งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปนะ 

นี่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฉันอาหารของนางสุชาดาแล้วกลับมาฟื้นฟูร่างกายแล้วนี่มาประพฤติปฏิบัติขึ้นมาในคืนวิสาขะนั้น เห็นไหม ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ขึ้นมานะ สิ่งที่ทำขึ้นมาๆ ด้วยสัจจะด้วยความจริงในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง เสวยวิมุตติสุข เห็นไหมเวลาจะเผยแผ่ธรรมจะเอาใคร เอาอุทกดาบส อาฬารดาบสก่อนเพราะว่าเขาฌานสมาบัติมา แต่เขาก็ต้องตายไปแล้ว เห็นไหม เพราะเล็งไปแล้วก็ได้ปัญจวัคคีย์ เห็นไหม เวลาจะไปเอาปัญจวัคคีย์ปัญจวัคคีย์นัดกันเลยไม่รับๆๆ

แต่ด้วยคุณของเขา เขาอุปัฏฐากอยู่ ๖ ปีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปหาเขาๆ เห็นไหมเวลาแสดงธรรมขึ้นมาก็ยังดื้อดึงอยู่เธอเคยได้ยินหรือไม่อยู่ด้วยกันมานี่ถ้าคนที่มีสัจจะมีความจริง เห็นไหมไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ไม่รู้ก็ไม่เคยสอนเลยนะ นี่ปัจจุบันนี้รู้แล้วนะ “เธอจงเงี่ยหูลงฟังไง” ตั้งใจ เริ่มตั้งใจฟังพอตั้งใจฟังแสดงธัมมจักฯ ไป เวลาแสดงธัมมจักฯ ขึ้นไป พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรมนะ นี่อีก ๔องค์ยังไม่ได้วาสนาของคนมันไม่เหมือนกัน 

ถ้าวาสนาของคนมันไม่เหมือนกัน แต่ก็พยายามจะขวนขวายเหมือนกัน พยายามขวนขวาย เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมจนเป็นพระโสดาบันทั้งหมด แสดงอนัตตลักขณสูตรขึ้นมาถึงเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา ถ้าเป็นสัจจะความจริงได้สร้างบุญสร้างกุศลกันมา มันยังสำนึกตนได้ๆ แล้วได้พยายามของตนๆ ขึ้นมา เวลาสำเร็จแล้ว เห็นไหมมันระลึกถึงคุณทั้งนั้น ความมีคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

เวลาใครก็แล้วแต่เวลาระลึกได้ๆ คนถ้ามันมีคุณธรรมในหัวใจมันระลึกถึงคุณของคนอื่นนะ ใครที่ทำคุณแก่เรา ใครที่ให้ประโยชน์กับเราๆ แม้แต่ข้าวเม็ดหนึ่ง น้ำดื่มคำหนึ่งเห็นไหม พระสารีบุตรๆ เห็นไหมทุคตะเข็ญใจจะมาบวชนะ อยากบวชมาก แต่จนไม่มีสิ่งใดจะบวชได้ ไปหาใครๆ ก็ไม่ยอมรับไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประกาศกลางสงฆ์เลย ทุคตะเข็ญใจนี้มีคุณกับใคร พระสารีบุตรยกมือเลย มีคุณกับข้าพเจ้าครับ มีคุณเรื่องอะไร มีคุณเรื่องว่าข้าพเจ้าเคยบิณฑบาต ทุคตะเข็ญใจนี้ได้เคยใส่บาตรข้าพเจ้าหนึ่งทัพพีครับ

ข้าวทัพพีนั้นนะ พระสารีบุตรระลึกถึงคุณเขามาตลอด ถึงสุดท้ายแล้วพระสารีบุตรเอามาบวช เห็นไหมภิกษุบวชเมื่อเฒ่าๆนี่เป็นผู้ที่เพราะเขาผ่านราตรีมา เขามีความรู้ความเห็นของเขามานะ มันก็ต้องเทียบเคียงก่อนเห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถามพระสารีบุตร สัทธิวิหาริกของเธอสอนง่ายหรือๆ สอนง่ายๆครับ สุดท้ายเป็นพระอรหันต์ สอนจนเป็นที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ๆ เห็นไหม นี่ข้าวทัพพีนั้นนะ 

สิ่งที่มีคุณๆแม้แต่ข้าวเม็ดหนึ่งน้ำดื่มคำหนึ่ง เขาระลึกถึงคุณทั้งนั้นนะ เขามีคุณๆ กับเรานะ คุณส่วนคุณแต่ถ้าเป็นทิฏฐิมานะของเขา ถ้าเขามีทิฏฐิมานะจะเอาสิ่งนั้นว่าเป็นคุณๆ อันนั้นเกิดเป็นทิฏฐิมานะไม่มีประโยชน์ สิ่งที่ไม่มีประโยชน์นะ มันก็กรรมของสัตว์ไม่มีประโยชน์ เห็นไหมเราก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ไง

เราจะทำต่อเมื่อสิ่งนี้มันเป็นประโยชน์ ถ้ามันเป็นประโยชน์ เราจะกระทำ ทำแล้วมันได้ประโยชน์ไงมันได้ประโยชน์ทั้งเขาทั้งเราด้วยไงแต่ถ้ามันไม่เป็นประโยชน์ เห็นไหมเขาได้ทำของเขาแล้วมันก็เป็นบุญของเขาแล้ว เขาจะมาทวงบุญคุณของเขา เขาจะมาแสวงหาของเขา อันนั้นมันเป็นกรรมของสัตว์ เพราะเราไม่ตามอันนั้นไปไงเพราะ เพราะเรามีหลัก เราอยู่ในธรรมวินัย ธรรมวินัยคุ้มครองดูแล ธรรมวินัยคุ้มครองดูแลเราอยู่แล้วถูกต้องชอบธรรม ทั้งทางโลกและทางกฎหมายและทางธรรม 

ทางธรรมคือสัจธรรม สัจธรรมคืออะไร คือความลับไม่มีในโลก เราเป็นรู้อยู่แก่ใจ เราทำสิ่งใดเรารู้อยู่แก่หัวใจนะ หัวใจนี่เรารู้หมดล่ะ เราทำถูกหรือทำผิด ถ้ามันทำถูกต้องมันเป็นความถูกต้อง เพราะอะไร เพราะเขาต้องการอย่างนั้นๆมันไม่เป็นประโยชน์กับเขา มันเป็นทิฏฐิมานะ มันเป็นกิเลสตัณหาความทะยานอยาก เราส่งเสริมไปแล้วมันได้แต่บาปอกุศล มันไม่เป็นประโยชน์กับใครทั้งสิ้น

แต่ถ้ามันเป็นบุญกุศล เห็นไหม เป็นการเสียสละ เป็นการละทิฏฐิมานะ เป็นการกระทำเพื่อคุณธรรมในใจ เราส่งเสริมทั้งนั้นนะ ถึงทางโลกเขาจะติเตียนขนาดไหนเราก็ส่งเสริมขึ้นไปก่อน พอส่งเสริมไปแล้วถึงเวลาแล้วถ้าเขาเห็นจริงเห็นจังขึ้นมามันเป็นประโยชน์กับเขาขึ้นมาแล้วโลกเขาจะเห็นตามมาทีหลัง ถ้าโลกเขาจะเห็นตามมาทีหลัง มันก็เป็นเรื่องของโลก เพราะโลกรู้ทีหลังทั้งนั้นน่ะเพราะความไปรู้มันจะรู้จากธรรมก่อน 

นี่ดูสิ ในวงกรรมฐาน ครูบาอาจารย์ของเราท่านประพฤติปฏิบัติท่านได้ข่าวกันก่อนทั้งนั้นน่ะ ในวงในๆเห็นไหม ในวงกรรมฐานในครอบครัวของเรานี่วงในมันรู้กันก่อนทั้งนั้นนะ ศีลจะรู้ได้ต่อเมื่อเราอยู่ใกล้ๆกันนี้แหละ ธรรมจะรู้ได้ต่อเมื่อสนทนาธรรมนี่ ถ้ามันสนทนาไปแล้วนี่มันมีแต่ชวนกันไปยิงนกตกปลานี่ มันจะเป็นคุณธรรมที่ไหน

เรามาบวชเป็นพระ เราจะมาแก้ไขกิเลสตัณหาความทะยานอยากพูดกันทีไรนี่ชวนกันไปยิงตกนกปลาทั้งนั้นเลยนะ การไปยิงนกตกปลามันเป็นการฆ่าสัตว์ มันเป็นการสร้างเวรสร้างกรรมทั้งนั้นเลย มันเป็นเรื่องอะไรบ้างที่เป็นธรรม แต่ถ้าสังคมใด เห็นไหม พูดถึงการเสียสละ พูดถึงการรักษาหัวใจ พูดถึงการกระทำประพฤติปฏิบัติเข้ามาในหัวใจ พูดถึงมรรคถึงผลมันจะทุกข์มันจะยากขนาดไหน มันทุกข์มันยากเพื่ออุบายเพื่อหนทางอันกว้างขวางของการประพฤติปฏิบัติ 

นี่เราไม่มักมาก อยากใหญ่สะสมให้มันกองทับกิเลสตัณหาความทะยานอยาก นั่นนะไอ้พวกนั้นนะพวกหลงฝูง ออกจากฝูงไปแล้วนี่ก็ไปสะสมเพื่อความพร้อมเพื่อความสะดวกเพื่อความพร้อมเพรียงในการอำนวยความสะดวกนะ นั้นล่ะมันหลงฝูง แต่ถ้ามันเข้ามาในสังฆะ เข้ามาในสังคมของกรรมฐาน เห็นไหมที่ใดที่มันพอดำรงชีพได้ ที่ใดเพื่อเป็นปฏิบัติไม่เป็นภาระรุงรัง ไม่เป็นการคอยบำรุงรักษา ไม่เป็นภาระที่ต้องคอยดูแลมัน หามากองไว้สุมไว้เต็มเลยแล้วก็ไปเป็นปู่โสมไง คอยดูแลรักษาไง แล้วภาวนาๆเดี๋ยวก่อน ยังดูแลมันไม่ทั่วพร้อม ต้องดูแลให้เรียบร้อยให้พร้อมเพรียงก่อนแล้วค่อยปฏิบัติ ดูแลกันอยู่นั่นนะ 

นี่ถ้าวงกรรมฐานเขารู้ วงกรรมฐานในกลุ่มในก้อนในคณะของสงฆ์ ถ้ามันเข้ามาๆด้วยความเป็นจริงอย่างนี้ๆ มันก็เป็นคุณธรรมเป็นความจริงขึ้นมา เห็นไหมถ้าเป็นความจริงขึ้นมานี่เข้าสู่หมู่สู่คณะเข้าสู่สัจจะความจริงแล้ววัดเทียบกันได้เข้าหมู่ได้ แต่ถ้าเข้าหมู่ไม่ได้ มันเข้าหมู่ไม่ได้ หมู่อะไร ถ้าหมู่เปรตไม่เข้า หมู่ที่มันเป็นเปรต ถ้าเป็นเปรต เห็นไหมเวลาหลวงตาท่านพูดถึงกรรมฐานจรวดดาวเทียมเวลาเป็นกรรมฐานนะ เดี๋ยวนี้ลากกระเป๋ากันแล้วนะ 

แล้วเวลากรรมฐานต้องไปจรวดดาวเทียมต้องนั่งแอร์ จะนั่งเครื่องบินอะไร นู่นไปนู่น แล้วมีฐานะเผยแผ่ธรรม ไอ้พวกนั่งพุทโธ ไอ้พวกอยู่ป่าอยู่เขา ไอ้พวกอยู่ชายขอบ ไร้ประโยชน์ นั้นนะความเห็นของโลกถ้าเราไม่มีสติไม่มีปัญญา เราจะดำรงชีพอย่างไร สิ่งที่มีค่าที่สุดของเราคือชีวิตของเรา แล้วชีวิตของเรานี่ เวลาเราจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมามันยังหยำเปกันขนาดนี้ 

แต่ถ้าเป็นความจริงนะ มันอยู่ที่วาสนา วาสนาของใคร เกิดในยุคของผู้ใด อย่างน้อยเราก็เกิดมาในยุคของกึ่งกลางพระพุทธศาสนา๒๕๐๐ หลวงปู่มั่นท่านพูดไว้“กึ่งกลางพระพุทธศาสนาเจริญมาตั้งแต่ ๒๔๘๘” ท่านพูดถึงขนาดนั้นนะหลวงปู่มั่นท่านพูดมาก่อนหน้านั้น แล้วระหว่างท่านมาเวลาหลวงตาท่านถาม หลวงตาท่านจะถามเลย เพราะอยู่ที่วาสนาของครูบาอาจารย์ของเราๆ ได้สร้างสมบุญญาธิการมามากขนาดไหน คือหัวใจท่านเปิดกว้างหัวใจท่านรอบรู้ได้มากกว่าเรา ท่านย้อนไปได้ ท่านพยายามฟื้นฟู เห็นไหม

เรื่องของกรรมฐาน เรื่องของการประพฤติปฏิบัติเห็นไหม เรื่องของบริขาร ๘ ปัจจัย ๔ นี่ต่างๆ ท่านเป็นคนขุดคุ้ยขึ้นมาทั้งนั้นตั้งแต่สิ่งข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ สิ่งความที่เป็นไปๆ ที่เราใช้กันเป็นปกติไง เราคุ้นชินกับมันไปจนไม่เห็นคุณค่าของมันไปไง แต่กว่าที่หมู่คณะที่ครูบาอาจารย์ท่านจะฟื้นฟูขึ้นมาได้อย่างเช่นความเป็นอยู่ของเรานี่ ผ้าปูนอน ผ้านั่ง ผ้าต่างๆนี่ เขาไม่ให้ทำทั้งนั้น เขาเลิกกันแล้วไม่มีใครเขาทำท่านจะมาอวดดีท่านจะมาเก่งกว่าใครไม่ได้ ท่านพยายามฟื้นฟูของท่านขึ้นมาด้วยอำนาจวาสนา

อย่างพวกเรานะ ไม่ต้องไปฟื้นฟูหรอก ปฏิบัติตามที่ท่านวางไว้ก็จะแยกกลุ่มแล้วแยกฝูงแล้ว ลำบากไม่มีความสำคัญ ไม่เป็นจริง แค่กัปปิยังกโรหินี่ เขายังไม่ให้ทำเลย ผ้านิสีนี่ไม่ต้องพูดถึง กว่าจะได้มาลองไปสืบค้นสิเราสืบค้นมาหมดแล้วล่ะ ผ้านิสีกว่าจะได้มาหลวงปู่ฝั้นท่านไปคุยกับสมเด็จอย่างไรโอ้โฮ กว่าจะออดจะอ้อนจนเขายอมให้เราได้ทำตามธรรมวินัย สิ่งที่จะได้มาๆด้วยครูบาอาจารย์ท่านเป็นหัวหอกเป็นผู้ริเริ่ม เป็นผู้ที่ทำกระทำ ทำเสร็จแล้วนะก็ทำเพื่อศาสนา ทำเพื่อสงฆ์ทำเพื่อการปฏิบัติธรรม ไม่เอามาแอบอ้างเป็นบุญเป็นคุณใครทั้งสิ้น

ไอ้ของเราแค่อาศัย เป็นไอ้พวกปลายแถว เข้ามาในสังคมของกรรมฐาน แล้วเข้ามาแล้ว เห็นไหม เราบวชมาแล้วเรามาประพฤติปฏิบัติของเราแล้วนี่ ถ้ามันเป็นความจริง นี่ไง มันไม่หลงฝูง หลงทางหลงไปในกิเลสหลงไปในความยิ่งใหญ่ของของตนเอง แล้วมองคนอื่นไม่ใช่คน 

แต่ถ้าเป็นความจริงๆ นะ มันมีเมตตาทั้งนั้นนะ เราอยู่ใกล้ชิดครูบาอาจารย์ขึ้นมา ต่อหน้านะท่านเข้มแข็งมาก แต่เวลาหลังไมค์ท่านพูดถึงความเมตตาของท่านะ โอ๋ย ฟังแล้วน้ำตาร่วง ใจหนึ่งของท่านนะท่านมีความเมตตา มีความกังวล มีความพยายามดูแลรักษาแต่ต่อหน้านะต้องเข้มแข็ง ต่อหน้าต้องกำราบๆ อะไรกำราบกิเลสของคนกิเลสที่มันเป็นขี้กลาก มันคุ้นชินแล้วมันจะลามปามนะ มันจะขึ้นหัวกิเลสนะมันจองหองพองขน ขนนะพองเชียว ชูหางลู่เชียวมันเป็นอย่างนั้น พูดถึงถ้ามันหลงไปฝูงไปอย่างนั้น

แต่ถ้ามันเป็นจริงนะ เราพยายามของเรามันมีอยู่ทุกคนกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของคนมีอยู่ทุกคนเราอย่าให้มันจองหองพองขนอย่าให้มันชูหางเราต้องมีสติปัญญาพยายามกดหางมันไว้ อย่าให้มันชูหางในใจของเรา ถ้ามันชูหางในใจของเราแล้ว แล้วมันกรุ้มกริ่มในใจนะแล้วเดี๋ยวมันจะวางแผนแล้ววางแผน เรามาเพื่อกำราบมันนะ เราไม่ใช่เพื่อมาส่งเสริมมันนะ กิเลสในใจของสัตว์โลกน่ากลัวมาก กิเลสในใจของสัตว์โลก 

เราเกิดมาเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนากิเลสในใจของเรานี่มันยิ่งน่ากลัวมากเพราะเราบวชมาพอบวชมาเป็นพระๆ ผ้ากาสาวพัสตร์ ได้ห่มผ้ากาสาวพัสตร์ธงชัยพระอรหันต์แล้วก็สำคัญตนว่าเป็นพระ นี่บริษัท ๔เขาเคารพบูชา พอเขาเคารพบูชาขึ้นแล้วมานี่ เราก็จะอหังการ มันไม่เป็นความจริงเลย เขาเคารพบูชานั้นก็บุญของเขา เพราะเขาระลึกถึงพระพุทธพระธรรม พระสงฆ์ไอ้เรามาบวชเป็นพระ เราบวชมาเป็นสมมุติสงฆ์ เรายังไม่ได้เป็นความจริงเป็นจังกับเราขึ้นมาเลย หน้าที่ของเราเราต้องทำความเป็นจริงเป็นจังของเราขึ้นมา ถ้าเป็นจริงเป็นจังของเราขึ้นมา เราละอายใจเห็นเขาใส่บาตรแล้วมันระลึกถึงน้ำพักน้ำแรงเขาเลยนะ 

เขาขวนขวายมาศรัทธาไทย กว่าเขาจะหาเงินหาทองมาได้แล้วเขามีศรัทธาความเชื่อในพระพุทธศาสนาด้วยบุญกุศลของเขา เขาอุตส่าห์ไปแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัยเครื่องอาศัยมาบำรุงบำเรอนักพรตนักบวชนี่ ไอ้นักพรตนักบวชมันสมบูรณ์พูนสุขแล้วแล้วมันจะอหังการมันจะไปเอาอะไรอีกล่ะ ถ้ามันหน้าที่ของมันๆ ก็แค่ชำระล้างกิเลสในใจของตน หน้าที่ของมันก็เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาพยายามของเราทำความเป็นจริงของเราขึ้นมา ถ้าขึ้นมาในใจของเราได้เห็นไหม นี่เราจะเป็นพระโดยสมบูรณ์ 

เราเข้าหมู่เข้าสู่ธรรม เข้าสู่วินัย ไม่หลงฝูงแยกฝูง แยกไปในกิเลสเห็นไหม หลงฝูงหลงกิเลสของตนไม่เข้ามาสู่สัจธรรม ถ้าเข้ามาสู่สัจธรรมเข้ามาสู่สัจจะความจริงเห็นไหม ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้นั้นธรรมะย่อมคุ้มครองหัวใจดวงนั้น ให้หัวใจดวงนั้นมีคุณธรรมขึ้นมาเป็นสมบัติของตน เป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโกกับใจดวงนั้น เอวัง