เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๔ ธ.ค. ๒๕๖o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรม ฟังธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่มีพระธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมพระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม เราชาวพุทธถึงมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นแก้วสารพัดนึก เป็นที่พึ่งที่อาศัย ถ้าเป็นที่พึ่งที่อาศัย อาศัยที่ไหน อาศัยที่หัวใจไงอาศัยที่คนฉลาด

คนที่ฉลาดนะ เขาคิดถึงสัจธรรม คิดถึงความจริง คิดถึงความจริงในชีวิตของเขาจะมีคุณค่าแต่คนที่ไม่ฉลาด คนที่ไม่ฉลาดเขาไม่มีพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ในหัวใจของเขา เขาคิดแต่ว่าตัณหาความทะยานอยากคือเป้าหมายของเขา นั้นคือจะเป็นผลประโยชน์กับเขาชีวิตของเขาก็เลยอมทุกข์ๆ ไง อมทุกข์เพราะอะไร เพราะสัจธรรมมันมีของมันอยู่ไง

ถ้าคนที่มีอำนาจวาสนาเท่านั้นถึงได้นับถือพระพุทธศาสนาพระพุทธศาสนาสอนถึงที่สุดแห่งทุกข์ เวลาสิ้นสุดแห่งทุกข์ สิ้นสุดแห่งทุกข์ในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

คนเราเกิดมาเกิดมาด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก เวลาคนเกิดมาเกิดมาด้วยบุญกุศลคนทำคุณงามความดีเกิดมาด้วยบุญกุศลเกิดมาชีวิตของเขาราบรื่นดีงาม เห็นไหมคนเราเกิดมา เกิดมาตกนรกอเวจีขึ้นมาหมดเวรหมดกรรมขึ้นมา เกิดเป็นมนุษย์ไงเกิดเป็นมนุษย์เกิดมาแบบทุกข์แบบยากไงเกิดมาแบบขาดแคลนไง ความขาดแคลนนั้นมันก็ขาดแคลนด้วยเวรด้วยกรรม ด้วยการกระทำ แต่เรายังมีชีวิตของเราอยู่ไง ถ้าเรามีชีวิตของเราอยู่

คนที่เวลาหมดอายุขัยจากภพที่สูง จากพรหม จากเทวดาลงมา เขาได้สร้างบุญกุศลของเขา เขาลงมา พวกศิลปะต่างๆ เขามาจากที่นั่นไง เวลาเราเกิดมา เกิดมาจากความขาดแคลนเกิดมาจากอะไร แต่การเกิดนะ เกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาจากการพ้นจากความบีบคั้นของบาปกรรมมันก็มีคุณค่าแล้ว

แต่เวลามาเกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์เป็นภพกลาง ภพกลาง มนุษย์เกิดมามีกายกับใจ มนุษย์เกิดมาแล้วมีกฎหมายคุ้มครอง ดูสัตว์สิ สัตว์ เวลาเดี๋ยวนี้รังแกสัตว์มีกฎหมายแล้ว แต่ก่อนไม่มี เวลาไม่มีเราทำลายเขา เข้าป่าเข้าเขาไปล่าสัตว์เป็นเกมกีฬา สัตว์มันบอกว่ากูเป็นกีฬาให้เอ็งยิงกูหรือ มันเป็นเกมกีฬา แต่เพราะเวลาการเกิดไงเวลาเกิดมาแล้ว เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนถึงศีลธรรม คำว่า “ศีลธรรม”

พ่อแม่เลี้ยงดูเรามานะ เราเกิดมาจากครรภ์ของมารดา เกิดมาจากครรภ์ของพ่อของแม่เวลาเกิดมาแล้วพ่อแม่เลี้ยงดูเรามา มีบุญมีคุณไหม มันมีบุญคุณทั้งนั้นน่ะ แต่พ่อแม่ของเราถ้ามีฐานะ ก็ดูแลเราด้วยความสมบูรณ์พูนสุขพ่อแม่ของเราถ้าอัตคัดขาดแคลนนะแต่ท่านก็มีคุณกับเราๆ ไง

เราเกิดมาเวลาเกิดขึ้นมาแล้วน้อยเนื้อต่ำใจ น้อยเนื้อต่ำใจว่าเราเกิดมาแล้วไม่ทัดเทียมเขา ประชาธิปไตยๆ

ประชาธิปไตยเขาเอาไว้หลอกเอ็งทุกคนเสมอกันๆ นิ้วยังไม่เสมอกันเลย ในชีวิตของเรายังไม่เสมอกันเลย ความเสมอกันมันเป็นการปกครองที่เลวน้อยที่สุด แต่ความปกครองที่เลวน้อยที่สุด แต่เราไม่มีที่พึ่งไง ประชาธิปไตยๆสิทธิเสรีภาพจะเท่าเขา

เอาอะไรไปเท่า เวรกรรมเท่ากันหรือ อำนาจวาสนาแข่งกันไม่ได้นะ แข่งเรือแข่งพายกันได้แข่งอำนาจวาสนากันไม่ได้ อำนาจวาสนามาจากไหนมาจากการกระทำนี่ไง มาจากน้ำใจของเรานี่แหละ

เราไปบนถนนหนทาง เห็นคนเขาตกทุกข์ได้ยากเราก็อยากจะช่วยเหลือเจือจานเขา รถติด เราให้เขาไปก่อน เราให้ทางเขานี่เป็นบุญกุศลทั้งนั้นน่ะ มันมาจากตรงนี้ไง มาจากเราทำคุณงามความดีไง ถ้าเราทำคุณงามความดีคนจะนึกถึงเราไหมเรามีแต่การแข่งขันกัน มีแต่เบียดเบียนกัน จะเอาคุณงามความดีมาจากไหน

ถ้าคุณงามความดี เราให้โอกาสเขา ของเรา เราก็มีอยู่แล้วไง แต่กิเลสมันไม่ยอมไง มันบอกเสียเปรียบๆ จะเอาชนะคะคานเขาไง เอ็งรู้ไหมว่าพ่อกูชื่ออะไร

ถ้าเอ็งยังไม่รู้จัก กูจะรู้ได้อย่างไรนี่มันจะเหยียบหัวเขา มันจะขึ้นไปขี่เขามันไม่คิดถึงน้ำใจเลยนะ

น้ำใจคนที่สูงส่ง ดูสิ เวลาสมัยประพาสต้น ท่านเป็นกษัตริย์นะปลอมตัว ปลอมตัวไปดูสารทุกข์สุกดิบของชาวบ้าน นี่เขาเป็นกษัตริย์ ดูสิ คนที่เขามั่งมีศรีสุขเขาไปไหนเขาทำตัวเขาติดดิน เขาไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้นมันพอแรงอยู่แล้วไอ้พวกเรานี่แหละพยายามจะถีบตัวขึ้นไปไง ถ้ามันถีบตัวขึ้นไป เพราะอะไร เพราะไม่มีพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ในหัวใจของเรา

ถ้าเรามีพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ในหัวใจของเรา มันจะเห็นคุณค่าคนเรานะ มันมีบุญกุศลแล้วถึงได้เกิดเป็นคน ถ้าเกิดเป็นคน ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้สิ้นสุดแห่งทุกข์ แล้วการสอนสิ้นสุดแห่งทุกข์ ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพได้ทุกคนเพราะคนเกิดมามีกายกับใจ

ถ้ามันมีหัวใจอยู่แล้ว แล้วคนมีแรงปรารถนา ถ้ามีการกระทำของเรา ใครก็ทำได้ไง มรรคผลซื้อด้วยเงินด้วยทองไม่ได้ มรรคผล ลำเอียงเพราะรัก ลำเอียงเพราะชัง ลำเอียงเพราะพวกเรามรรคผลไม่ให้ใครเลยนะ กูให้แต่พวกกูไม่มีสิทธิ์ เป็นไปไม่ได้มันเป็นไปที่การกระทำของเขา

ถ้าการกระทำของเขา ถ้าจิตใจเขาดีงาม ดูสิ เวลาจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เราต้องทำความสงบของใจเราเข้ามาก่อน ทำความสงบของใจเข้ามาก่อนทำความสงบของใจเข้ามาเพื่ออะไรทำความสงบของใจเข้ามาเพื่อไม่ให้กิเลสมันครอบงำไงไม่ให้กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันแสวงหาไงปฏิบัตินะ นั่นเป็นมรรคเป็นผล เป็นมรรคเป็นผลด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยากไง ไม่รู้สิ่งใดเลยมันจะมีมรรคมีผลขึ้นมาได้อย่างไร

คนที่จะมีมรรคมีผลขึ้นมาเขามีศีล มีสมาธิ มีปัญญา แค่มีสติขึ้นมา คนที่ปฏิบัติแล้วนะ สติสำคัญมากเพราะสติมันยับยั้งอารมณ์ความทุกข์เราได้ทั้งหมดเลยอารมณ์ที่ทุกข์ๆยากๆ ในหัวใจที่มันคิดขึ้นมา ที่มันเตะมันถีบกลางหัวใจเรา ถ้ามีสติขึ้นมามันยับยั้งได้ มันสงบระงับลงเลย ถ้ามันสงบระงับ

ดูสติสิ สิ่งที่เราเวลาฟุ้งเวลาซ่าน ที่มันทุกข์มันยากอยู่ เพราะเราขาดสติไง สติเราไม่สมบูรณ์ใช่ไหม แล้วสติมันอยู่ที่ไหน สติศีล สมาธิ ปัญญา มันอยู่ในตำราทั้งนั้นน่ะตำรานั้นเราเอามาประพฤติปฏิบัติ เอาขึ้นมาให้มันเกิดขึ้นมาในกลางหัวใจของเรานี่ ถ้ามันเป็นจริง มันเป็นจริงของเราขึ้นมา ถ้าเป็นจริงขึ้นมา นี่ไง พระพุทธศาสนาสอนลงที่นี่ไง

กาลามสูตรไม่ให้เชื่อใครทั้งสิ้นเวลาประพฤติปฏิบัตินะ แต่เริ่มต้นของเราเราต้องเชื่อ เราเชื่อครูบาอาจารย์ของเรา เราเชื่อพระพุทธพระธรรม พระสงฆ์เราเชื่อครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติมาแล้ว เราเชื่อครูบาอาจารย์ที่ท่านเห็นกิเลสในใจของท่านเห็นกิเลสแล้วมันขยะแขยงกิเลสในใจของตนนะ

กิเลสนี้มันร้ายนัก กิเลสในใจของสัตว์โลก ไม่มีสิ่งใดรังแกสัตว์โลกเท่ากับกิเลสในใจของคน กิเลสในใจของเรามันทำร้ายเราทั้งนั้นน่ะพอมันทำร้ายเราแล้วเราก็น้อยเนื้อต่ำใจ แล้วไปโทษคนอื่นทั้งหมดเลยไม่ได้โทษหัวใจของตัวเองเลยเวลามาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา มันก็ปฏิบัติเข้ามาในใจของเรา

ถ้ามีสติ พอมีสติ การปฏิบัติมันก็ราบรื่น คนที่ปฏิบัติได้สมาธิ ได้ปัญญาขึ้นมา เขาเริ่มต้นมาจากไหนล่ะ เขาเริ่มต้นมาจากสัมมาทิฏฐิความเห็นที่ถูกต้องดีงามด้วยความเป็นจริงเป็นจริงคือมีสติสัมปชัญญะ แล้วปฏิบัติไปแล้วมันก็ได้รสของธรรม มันสงบระงับเข้ามา เวลามันสงบเข้ามา มันมีความสุขของมัน มันเข้าใจของมันนะสมาธิเป็นอย่างนี้ๆ

นี่ไง ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต เห็นอะไร เห็นพุทธะ เห็นสมาธิในใจของเรา เห็นความเป็นจริงในใจของเรามันตื่นเต้น นี่ไง ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก

ที่เราไม่เชื่อไม่เชื่อใดๆ ทั้งสิ้น ก็ไม่เชื่อตรงนี้ไง ไม่เชื่อว่าใครจะดลบันดาลให้เราได้ทั้งสิ้น ไม่เชื่อ แต่เราจะเชื่อในผลในการปฏิบัติของเรา เราจะเชื่อในสติปัญญาของเราที่เราเข้มแข็งของเรา เราเชื่อขึ้นมา เห็นไหม

เราเชื่อครูบาอาจารย์ของเรา แล้วเรามาทำคุณงามความดีของเราทำคุณงามความดีให้จิตใจมันเข้มแข็งขึ้นมาไง แล้วถ้ามันเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาเราก็ต้องปฏิบัติของเราขึ้นมา

ไม่เชื่อใดๆทั้งสิ้น เวลาจะเชื่อเวลาจะเห็นก็ต้องเห็นในใจของตน เวลาเห็นใจของตน มันมีสมาธิขึ้นมา ฝึกหัดใช้ปัญญาๆ เวลาปัญญามันเกิดขึ้นๆ ปัญญาที่มันเกิดขึ้น มันเกิดภาวนามยปัญญาปัญญาที่รู้แจ้งในกิเลสตัณหาความทะยานอยากของตนปัญญารู้แจ้งในทิฏฐิมานะ ในหัวใจ ในกิเลสที่มันแอบซ่อนเร้นอยู่นั่นน่ะ ส่วนใหญ่เราไม่รู้กิเลสของเราไง

สุตมยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการศึกษาศึกษาคือศึกษาด้วยทิฏฐิมานะ ด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ใครศึกษามา ศึกษามาเพื่อเป็นสาธารณะเพื่อเป็นสมบัติของส่วนรวม เขาศึกษามาแล้วเขามีองค์ความรู้เพื่อประโยชน์ไง

ศึกษามาเป็นของเราๆ ศึกษามาเป็นของเราแล้วก็พยายามว่าเป็นผลงานของเรา ศึกษามาแล้วเราก็ยึดมั่นถือมั่น ยึดมั่นถือมั่นตัวยึดมั่นถือมั่นมันเป็นขันธ์ ๕ มันเป็นสัญญา ไอ้ตัวจิตตัวทุกข์ตัวยาก ไม่ได้แก้ไขอะไรมันเลย ไอ้ตัวจิต ไอ้ตัวตนของเรามันไม่มีสิ่งใดเป็นสมบัติของมันเลย เวลามันตายไปใบลานเปล่าๆ ตายไปเปล่าๆ ตายไปพร้อมกับศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ไม่ได้เป็นความจริงในใจของตนขึ้นมาเลย

เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา มันมีศีล มีสมาธิมีปัญญาขึ้นมาในใจของตน เวลามันเกิดภาวนามยปัญญา ปัญญาที่เกิดขึ้นจากเรา อ๋อ! นี่จักรมันหมุนๆ เวลาธรรมจักรมันหมุนนะมันหมุนในใจของตน

แต่เรามีแต่กงจักรไง กงจักรมีแต่ความเร่าร้อนไงกงจักรมีแต่ทำลายไงทำลายแต่โอกาสของตน ทำลายชีวิตของตน ทำลายการกระทำของตน แต่ถ้ามันเป็นธรรมจักรๆดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธัมมจักฯ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธัมมจักฯ เทวดาอินทร์ พรหมส่งข่าวเป็นชั้นๆ ขึ้นไป ใครจะยับยั้งอันนี้ไม่ได้ใครจะทำให้จักรนี้ถอยหลังไม่ได้

ไม่ได้ๆ ไม่ได้เพราะอะไร เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเป็นข้อเท็จจริงอยู่แล้ว เวลาแสดงธรรมๆ แสดงธรรมมาเพื่อปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ไง แสดงธรรมมา พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรมไง

แล้วเดี๋ยวนี้เราสวดมนต์ๆ สวดธัมมจักฯปฐมเทศนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเราศึกษามา ศึกษามาเพื่อเป็นความจริงของเรา เป็นความจริงของเรามันเป็นที่ไหนล่ะ มันเป็นความจริงในใจของเรานี่ไง นี่ไง ที่เรามาวัดมาวากันเพื่อเหตุนี้

เวลามาทำบุญกุศล ทำบุญกุศลมันระดับของทานการเสียสละการเสียสละความตระหนี่ถี่เหนียวในใจของตน ในใจของตนฝึกหัดๆ จนมันเป็นปกติ มันเป็นธรรมดา พอเป็นธรรมดาขึ้นมา มันไม่ตระหนี่ถี่เหนียวตระหนี่ถี่เหนียวในอะไร ตระหนี่ถี่เหนียวในความทุกข์ความยากไง

อารมณ์อะไรที่มันเกิดมาในใจอืม! เราคิด เราถูกต้อง เราดีงาม นั่นน่ะตระหนี่ นั่นน่ะเอามันไว้ อารมณ์มันเกิดดับ ถ้ามันมีสติปัญญาขึ้นมา ถ้ามันโอ๋ย! เราผิดมาแล้วเราพลาดแล้ว เราเปลี่ยนแปลงด้วยสติน้อมนำไปทางอื่นน้อมนำไปสู่อริยสัจน้อมนำไปสู่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ให้คิดแบบนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ให้ทำแบบนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้คิดถึงส่วนรวม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้คิดถึงสัจธรรม

เวลาเอาจริงเอาจังขึ้นมา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนถึงสิ้นสุดแห่งทุกข์ แล้วเวลาสอนขึ้นมา สอนง่ายๆ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ให้คิดดีทำดี แล้วคิดไหมคิดดีไหม อ้าว! เวลาคิดดีต้องเหยียบคันเร่ง คิดดีต้องรีบทำ

มีคนมาหาทั้งนั้นน่ะ จะปฏิบัติตลอดชีวิตๆ นี่เวลามันคิดดีไง แต่เวลามันทำไปแล้วทั้งชีวิตนะ กิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของตน พญามารมันครอบงำหัวใจของเรา เวลามันคิดดีขึ้นมา เอ็งจะฆ่ามันได้หรือ เวลาเอ็งจะฆ่ามัน เอ็งต้องกลับมานะ ทำความสงบของใจ ทำพื้นฐานของจิตให้มั่นคงแล้วเข้าไปเผชิญหน้ากับมันนะ

เวลาคิดดีคิดได้ แต่เวลาทำแล้วมันจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ในอนาคตมันจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ถ้ามันเป็นจริง เราคิดดีแล้วต้องเหยียบคันเร่ง ต้องสู้ต้องทำ ทำเพื่อพิสูจน์ว่าเราจะมีโอกาสหรือไม่ เราทำได้จริงหรือไม่ไง

แต่ถ้ามันคิดชั่ว คิดชั่วเราต้องเบรกมันไว้ คิดชั่วเราไม่ทำอย่างนั้น คิดชั่วคิดสำมะเลเทเมา“เกิดมาแล้วนรกสวรรค์ไม่มี มรรคผลไม่มี ไอ้ผู้ที่ปฏิบัติมันโง่ เกิดมาแล้วไม่รู้จักหาความสุข ไอ้พวกเรามีความสุขมาก มีความสุขมาก ไอ้พวกนั้นมันไปถือศีลนับถือนักพรตนั่นน่ะมันอดๆ อยากๆ” ว่าอย่างนั้นนะ แต่ไม่รู้เวลาจิตมันสงบนะของนี้ไม่มีค่าเลยล่ะ

สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี นี่ไง เราแสวงหากันเพื่อความสุขๆ นะเวลาสอน สอนเรียบง่าย เรียบง่ายคือคิดดี ทำคุณงามความดีทำดีได้ดี แต่มันคิดไม่ได้ มันทำไม่ได้มันคิดไม่ได้ มันทำไม่ได้เพราะอะไรล่ะเพราะเราส่งออกไงเห็นแต่ความผิดพลาดของสังคม เห็นแต่ความผิดพลาดของคนอื่น แต่ความที่เราคิดนี่มันผิดแล้วไอ้ที่เราส่งออกไปไปเห็นความผิดของคนอื่นมันผิดแล้วแล้วความผิดของเราล่ะ ความผิดพลาดของเราล่ะ ความไม่เอาไหนของเราล่ะ นี่ต่างหาก นี่ต่างหาก

คนที่ชี้ขุมทรัพย์ให้เราได้คนที่บอกถึงความผิดพลาดให้เราได้แต่เวลาบอกความผิดพลาดให้เรา เราก็ไม่พอใจใช่ไหมแต่ถ้าเรารู้เราเห็นเอง เราผิดพลาดเองโอ้โฮ! มันพึ่งตัวเองได้นะ คนที่เห็นความผิดพลาดของตน คนที่พยายามจะทำของตน มันเกิดสติปัญญาขึ้นมาจับผิดตัวเองให้ได้ไง

เวลาภาวนาๆขึ้นมา เราอยากได้ดิบได้ดีทั้งนั้นน่ะ เวลาภาวนาไปแล้วนั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ ทำไมไม่เห็นความผิดพลาดของตนบ้างล่ะถ้าเห็นความผิดพลาดของตนนั่นเพราะอะไร เพราะขาดสติ เพราะสติไม่สมบูรณ์ ถ้าขาดสติแล้ว เพราะคำบริกรรมมันไม่ต่อเนื่อง ถ้าคำบริกรรมต่อเนื่องเพราะอะไรเพราะมีความศรัทธา มีความศรัทธามันต้องมีความตั้งมั่น มีความตั้งมั่น มันต้องมีการกระทำ มีความกระทำทำให้มั่นคงแข็งแรงของเรา

ความมั่นคงแข็งแรงนั้นคืออะไรคือความเพียรชอบความเพียรชอบธรรมไง ไม่ใช่ความเพียรโดยขาดสติความเพียรโดยเห็นแก่ตัว ความเพียรโดยคิดว่า “จะหยิบฉวยเอาที่ไหนก็ได้มรรคผลมันมีอยู่ทั้งนั้นน่ะ มรรคผลอยู่บนอากาศ จะหยิบต้องตรงไหนก็ได้ธรรมะมีอยู่โดยดั้งเดิม ไม่ต้องทำสิ่งใดเลย อยู่เฉยๆ มันก็บรรลุธรรม” นี่มันพูดกันอย่างนั้นน่ะ

นี่ไง เพราะมันไม่มีครูบาอาจารย์ที่เป็นจริงครูบาอาจารย์ที่เป็นจริง หลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นท่านฟากตายทั้งนั้นน่ะ ท่านทำของท่านมานะเวลาท่านคิดดีแล้วครอบครัวของมารท่านพยายามจะต้องทำความสงบของใจเข้ามา

เวลาหลวงปู่มั่นออกปฏิบัติใหม่ๆนะ หลวงปู่เสาร์ท่านเป็นอาจารย์ ท่านพาออกธุดงค์ไป พาออกวิเวกไป ท่านสังเกต ท่านดูปฏิปทา ดูความตั้งใจของหลวงปู่มั่นเวลาท่านพาหลวงปู่มั่นกลับมาเยี่ยมครอบครัว มาเยี่ยมที่อุบลฯ เพื่อนฝูงมาหา หลวงปู่เสาร์เห็นท่าไม่ดีแล้ว ไปเถอะๆ เข้าป่าดีกว่านี่ครูบาอาจารย์ที่ดีนะ

หลวงปู่มั่นท่านเป็นอาจารย์ใหญ่ของเรานะ แต่หลวงปู่มั่นเวลาท่านออกประพฤติปฏิบัติใหม่ๆ ไปอ่านประวัติไปศึกษาสิ ท่านก็ไปจากเรานี่แหละ แต่ท่านมีความมุ่งมั่นของท่าน ท่านมีหลวงปู่เสาร์ที่คุ้มครองดูแลสุดท้ายแล้วเวลาท่านปฏิบัติของท่านแล้ว ท่านก็กลับมาอุปัฏฐากหลวงปู่เสาร์

เวลาหลวงตาท่านเล่าให้ฟังว่าหลวงปู่มั่นเวลาท่านไปหาหลวงปู่เสาร์เหมือนกับพระน้อยๆหิ้วน้ำร้อนไปสรงน้ำหลวงปู่เสาร์ ไปขัดขี้ไคล ไปขัดหลัง

หลวงปู่มั่นนะ ท่านเคารพบูชาของท่าน เวลาท่านทุกข์ ท่านทุกข์ในหัวใจของท่าน แล้วใครพาท่านมาเป็นอย่างนี้ล่ะ ใครพาท่านมาให้พ้นล่ะ

เวลาพาขึ้นมาก็พามาจากมรรคจากผลในใจหลวงปู่มั่นนั่นแหละ แต่ความที่เราทำธุรกิจเราทำหน้าที่การงาน กว่าจะทำงานเป็น พอทำงานเป็นแล้ว เราจะมั่นคงแข็งแรงแค่ไหน ขณะที่เราทำงานไม่เป็น มีคนคอยแนะนำ คอยเชิดชู คอยปกป้องมันซาบซึ้งบุญคุณตรงนั้น แต่เวลาจริงๆ ขึ้นมาก็ต้องเป็นจริงในใจของเรานี่แหละ เป็นจริงๆ ก็ต้องเป็นจริงจากมรรคจากผลเรานี่แหละ เวลาเป็นจริงขึ้นมา เป็นจริงในใจของท่าน ก็ท่านเป็นจริงขึ้นมาจากมรรคจากผล ไม่ใช่จากการที่หลวงปู่เสาร์เสกให้ จากหลวงปู่เสาร์ท่านดูแลให้แต่ท่านเป็นจริงขึ้นมาในใจของท่าน

แต่เวลามันภาวนาไม่เป็น โอ๋ย! มันทุกข์มันยากนะมันต้องการคนคุ้มครอง คนดูแลคนช่วยแนะนำ คนช่วยปกป้อง เพราะกิเลสมันจะพาลงต่ำทั้งนั้นน่ะ เวลามีครูบาอาจารย์อย่างนั้นมันถึงเป็นหลักเป็นชัยให้พวกเรานี่ไง

เราลูกศิษย์กรรมฐานนะ เราศึกษาสิ่งใดแล้วเอามาเป็นคติเป็นแบบอย่าง แล้วเราพยายามทำอย่างนั้น ถ้าไม่ได้ถึงขนาดนั้น ก็ให้เราไม่มีความทุกข์ในใจพอสมควร ให้พอมีความสุขบ้างๆ

สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มีความสุขเกิดจากทัศนคติ ถ้าทัศนคติมันปรับดีแล้ว มันจะไม่ทุกข์ไม่ยากทัศนคติของเราให้คนฉกฉวยไป เรายังขาดไอ้นั่น ขาดไอ้นี่ต้องซื้อต้องแสวงหาแล้วจะมีความสุขแล้วก็ไม่เคยเจอความสุขเลย ถ้าเราปรับทัศนคติของเราด้วยปัญญาถูกต้องดีงามแล้วนะ เราจะอยู่ที่ไหนก็มีความสุข

หลวงปู่มั่นท่านอยู่ที่วัดหนองผือ ไม่มีสิ่งใดอำนวยความสะดวกใดๆ ทั้งสิ้น ท่านมีความสุขมหาศาล สิ่งอำนวยความสะดวกของเราสมบูรณ์ทุกๆอย่างพร้อม แต่ทุกข์ในใจเรามหาศาลเรามาคิดแบบนี้เทียบเคียงแบบนี้แล้วพยายามรักษาหัวใจของเราเพื่อหาความจริงในใจของเรา เอวัง