เทศน์บนศาลา

สัมมาสมาธิ

๙ ก.ย. ๒๕๖๑

สัมมาสมาธิ

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

เทศน์บนศาลา วันที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๑

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรม ถ้าจิตใจเราเป็นธรรมนะ มันเข้ากับธรรมะ เข้ากับสัจธรรม แล้วมันนุ่มนวลอ่อนนุ่มไปกับหัวใจของเรา

ถ้าจิตใจของเรามันมีกิเลสตัณหาความทะยานอยาก มันโต้มันแย้ง มันกีดมันขวาง พอมันกีดมันขวางแล้วมันก็อ้อยสร้อยออเซาะฉอเลาะกับใจของเราเองไง นู่นก็ได้ นี่ก็ได้ ได้ไปทุกอย่างถ้ากิเลสมันบงการ

แต่ถ้าเป็นธรรมะนี่ไม่ได้เลยนะ เพราะอะไร เพราะธรรมะมันขัดกับกิเลสอยู่แล้ว ธรรมะมันตรงข้ามกับกิเลสอยู่แล้ว ถ้าธรรมะมันตรงข้ามกับกิเลสนะ สิ่งที่มันเป็นกิเลสๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้วจะสอนใครได้หนอๆเพราะสอนคนมีกิเลส สอนคนที่มีกิเลสนะ

ฉะนั้น เวลาท่านจะเทศนาว่าการเอาปัญจวัคคีย์ ปัญจวัคคีย์ประพฤติปฏิบัติกับท่านอยู่แล้ว ๖ ปี เวลาไปเอายสะ ยสะเดือดร้อนออกมาจากบ้านที่นี่เดือดร้อนหนอ ที่นี่วุ่นวายหนอ

คนที่จะมาประพฤติปฏิบัติเห็นความวุ่นวายของโลก เห็นความวุ่นวายในชีวิตของเรา มีปราสาท ๓ หลังเหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไงที่นี่เดือดร้อนหนอ ที่นี่วุ่นวายหนอ

ฉะนั้นยสะมานี่ ยสะมานี่ ที่นี่ไม่เดือดร้อน ที่นี่ไม่วุ่นวาย

ที่นี่ไม่เดือดร้อน ที่นี่ไม่วุ่นวายอยู่ที่ไหน อยู่ในทางจงกรมไง เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเดินจงกรมอยู่ เห็นไหม

เวลาถ้ามันเป็นสัจจะเป็นความจริง คนที่จะออกมาประพฤติปฏิบัติขึ้นมามันต้องมีจิตใจที่สมควรแก่การงาน สมควรที่เห็นแก่จะประพฤติปฏิบัติ

ถ้ามันไม่สมควรแก่การงานนะ มันละล้าละลังทั้งนั้นน่ะ แต่คนเราเกิดมา คนเราเกิดมามันต้องรับผิดชอบ คนเรามันก็มีหน้าที่การงานของตน นี่การรับผิดชอบอันนั้น ถ้าการรับผิดชอบอันนั้น คนที่อยากประพฤติปฏิบัติเขาต้องจัดการ ต้องเตรียมตัวของเขา ความเตรียมตัวของเขานะ

ถ้ามันเป็นธรรมๆ ดูสิ เวลาอนาถบิณฑิกเศรษฐีแค่ได้ยินคำว่าพุทธะเท่านั้นน่ะ ไปเยี่ยมญาติเท่านั้นน่ะเขาทำอะไรกัน ทำอาหารมหาศาลเลย

เธอไม่รู้หรือ พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว

แค่ได้ยินคำว่าพุทธะนอนไม่หลับเลย อยู่ไม่ได้เลย อยู่ไม่ได้เลย คืนทั้งคืน รอจนอรุณรุ่งขึ้นมาไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นิมนต์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปฉันที่บ้าน แล้วเอาเงินปูซื้อที่สร้างวัดให้ นี่ถ้าคนมีบุญเป็นอย่างนั้น คนมีบุญ คนมีโอกาส คนที่จะประพฤติปฏิบัติ คนที่มีอำนาจวาสนา

ไอ้พวกเรามันขี้ทุกข์ขี้ยาก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ไง ห่วงไปหมดเลย พอห่วงไปหมดเลย ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาคนตาย เวลาซากศพ เขาตราสัง ห่วงข้อมือ ห่วงผูกเท้า ผูกข้อมือ ผูกคอ ผูกหมดเลย ห่วงบุตร ห่วงภรรยา ห่วงทรัพย์สมบัติ ห่วงไปหมดเลย นี่ไง เวลาเขาตราสังศพนั่นน่ะ

นั่นก็เห็นเวลาศพมันเป็นอย่างนั้นน่ะ แต่เราเป็นคนเป็น เรามีสติมีปัญญาของเรา ถ้ามีสติปัญญาของเรา ห่วงก็ห่วง เวลาห่วง คนมีกิเลสมันก็คิดทั้งนั้นน่ะ คนเรามีความรู้สึก ไม่ใช่คนตาย แต่คนมีความรู้สึกขึ้นมาแล้วถ้ามันจะประพฤติปฏิบัติมันก็ต้องมีสติมีปัญญาของมัน มีสติปัญญาของเราเพื่ออะไร เพื่อประโยชน์กับเราๆ ไง ถ้าประโยชน์กับเรา เราเตรียมตัวของเรา

เวลาขนาดเตรียมตัวของเรา เห็นไหม เวลาคนมีอำนาจวาสนามาบวชเป็นพระ มาบวชเป็นพระนี่นักรบ เพราะเป็นพระ เป็นพระกรรมฐาน พระป่า พระปฏิบัติ กิเลสมันยังหลอกเอาเลย กิเลสมันยังทำหัวปั่นเลยนะ พระหรือ พระก็พระ

พระนี่เป็นพระสมมุติสงฆ์ เป็นพิธีกรรมทั้งนั้นน่ะ บวชมาด้วยธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ยังไม่ได้ประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เผากิเลสให้ตายไปจากหัวใจของตน กิเลสมันยังอยู่ในหัวใจของพระสมมุติสงฆ์นั้น มันก็ปั่นหัวพระนั้นให้หัวปั่นเลย ถ้ามันปั่นพระให้หัวปั่น เห็นไหม

แต่ถ้าคนมีอำนาจวาสนานะ เวลาอิ่มบุญๆ นะ เวลาพระบวชใหม่ๆ ขึ้นมา เขาจะมีความสุขของเขานะ แหม! เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เราได้บวชเป็นพระ มันอิ่มบุญอิ่มกุศลของมัน มันปลื้มใจชื่นใจนะ

แต่อยู่ไปๆ ถ้ากิเลสมันปั่นหัว แล้วเราไม่จริงจังกับชีวิตของเราเอง เราไม่ประพฤติไม่ปฏิบัติ เราไม่รักษาดูแลหัวใจของเรานะ เวลากิเลสมันฟูขึ้นมานะโฮ้! พระก็ปฏิบัติได้ ฆราวาสก็ปฏิบัติได้ สึกไปดีกว่านั่นน่ะเวลากิเลสมันปั่นหัวขึ้นมา

สิทธิเท่ากันไง เวลาเราเป็นฆราวาสใช่ไหม เราเห็นพระ เรายกมือไหว้ เราอยากทำบุญกุศล เราแสวงหาครูบาอาจารย์ของเรา เราหาที่ทำบุญกุศลของเรา นั่นน่ะพระมีศีล ๒๒๗ พระเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส พระเป็นผู้ที่เป็นนักรบ พระเป็นผู้ที่มีโอกาสที่จะประพฤติปฏิบัติ พระมีโอกาสที่จะประหัตประหารกิเลสในใจของตน

เวลาเราเป็นฆราวาส เราอยากบวชพระ เราคิดไปหมดเลยว่าพระสูงส่ง พระมีอำนาจวาสนา เราต่างหากเป็นคนขี้ทุกข์ขี้ยาก เราต่างหากเป็นคนที่ไม่มีวาสนา เราต่างหาก

เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฆราวาสเป็นทางที่คับแคบ พระเป็นทางที่กว้างขว้าง บวชมาแล้ว บวชมาเจอครูบาอาจารย์ที่ดี ครูบาอาจารย์ที่ดีท่านพยายามปกป้องดูแลให้ได้ประพฤติปฏิบัติตลอดเวลา ๒๔ ชั่วโมง ทางกว้างขวาง ๒๔ ชั่วโมงได้ประพฤติปฏิบัติตลอดเวลา เวลาเราจะบวช เราคิดอย่างนี้นะ

เวลากิเลสมันปั่นหัวโฮ้! เป็นฆราวาสก็ปฏิบัติได้ สึกดีกว่า ไปเป็นฆราวาสนี่ทางคับแคบ ก่อนมาก็คิดแล้วว่าทางสมณะเป็นทางที่กว้างขวาง ในทางที่ประพฤติปฏิบัติขึ้นมา พยายามกดกิเลสให้มันสงบระงับขึ้นมา มาบวชเป็นพระ บวชเป็นพระขึ้นมา เวลาบวชเป็นพระขึ้นมาแล้ว กิเลสมันก็ยังมาปั่นหัว เห็นไหม ปั่นหัวใจ ปั่นหัวใจให้คิดอย่างนั้นไง นี่ถ้ามันคิดอย่างนั้น

เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เราจะบวชเป็นพระแล้วเราจะรบกับกิเลส ถ้ารบกับกิเลส เราก็พยายามจะประพฤติปฏิบัติ เราจะแสวงหาที่ปฏิบัติของเรา

การแสวงหาที่ปฏิบัติของเรา ผู้ที่เป็นปัญญาชนเวลาบวชมาแล้วก็ศึกษาธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมาก็ต้องหาสัปปายะ อาจารย์เป็นสัปปายะ สถานที่เป็นสัปปายะ หมู่คณะเป็นสัปปายะ สิ่งที่เป็นอาหารเป็นสัปปายะ เป็นสัปปายะกับการประพฤติปฏิบัติ

เอาล่ะ เรื่องเกิดแล้ว ถ้าเป็นสัปปายะ อย่างนี้ต้องเป็นสัปปายะเพราะอ่านหนังสือมาไง ไปอ่านหนังสือมา ศึกษาทางวิชาการมานะ ถ้าเป็นสัปปายะต้องเป็นอย่างนั้นๆ ไม่ใช่สักอย่างเลย ไม่ใช่อย่างที่เราคิดเลย

เป็นสัปปายะ เป็นสัปปายะพอดำรงชีพอยู่ได้เท่านั้นแหละ ถ้ามีครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ท่านสูงส่งกว่าเรา เราไม่เท่าทันท่านหรอก เพียงแต่เราคิด เราเข้าไปศึกษาแล้วเรารับรู้ได้ไง รับรู้ได้ เห็นไหม

ดูสิ เวลาครูบาอาจารย์ท่านอยู่ในป่าในเขา สัตว์มันอาศัยอยู่เป็นเพื่อน ดูเสือ มันไม่ทำพระ ไม่ทำพระเพราะพระมีศีลมีธรรมไง สัตว์มันยังรู้ได้เลยว่าคนนั้นมีเมตตาธรรม

ไอ้นี่ของเรา เราเป็นพระ เราบวชมาแล้วเราจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าอาจารย์องค์ไหนท่านมีความเมตตาในใจของท่าน มันรับรู้ได้ มันรับรู้ได้ทั้งนั้นน่ะ เว้นไว้แต่กิเลสมันหนา เวลากิเลสมันหนาอู้! ลำเอียง

ลำเอียงอะไร กิเลสเอ็งท่วมหัว สิ่งที่เขาไม่คล้อยตามเอ็งก็เพราะว่ากิเลสของเอ็งนั่นแหละ เอ็งจะเอากิเลสของเอ็งมาบัญชาการหมู่สงฆ์ได้อย่างไร จะเอาความรู้สึกนึกคิดของตนเท่านั้นน่ะ แล้วบังคับบัญชาให้สงฆ์ทำตาม มันจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร นี่ไง เพราะศึกษามามากไง ต้องเป็นสัปปายะ สัปปายะก็พอใจกูนี่เป็นสัปปายะ ถ้าไม่พอใจกูไม่ใช่สัปปายะ

เรารู้ไม่ได้หรอก แต่เวลาครูบาอาจารย์ของเราฝึกฝนของเราๆ เราพยายามฝึกฝนของเรานะ มีครูบาอาจารย์ที่ใจเมตตาธรรม แล้วเราพยายามประพฤติปฏิบัติขึ้นมาให้เป็นความจริงในใจของเรา ถ้าปฏิบัติตามความเป็นจริงในใจของเรา เวลาหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นท่านสอนให้ทำความสงบของใจเข้ามาก่อน ทำความสงบของใจเข้ามาก่อน ทำความสงบของใจเข้ามาให้เราร่มเย็นเป็นสุขไง

คนเราเกิดมานะ ดูสิ ทางโลกเขา ถ้าใครมีปัจจัยเครื่องอาศัยสมบูรณ์ เขาก็อยู่เป็นสุขของเขา นี่ก็เหมือนกัน เรามาบวชเป็นพระแล้ว สิ่งที่ได้มา เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง วัดวาอาวาสก็มีที่ให้อาศัย กุฏิก็มีที่ให้อาศัย ทุกอย่างก็มีที่ให้อาศัยทั้งนั้นน่ะ แล้วเราอยู่มีความสุขหรือไม่ ถ้าเราอยู่ไม่มีความสุขขึ้นมาเพราะอะไร เพราะกิเลสมันเต็มหัวใจไง ถ้ากิเลสมันเต็มหัวใจขึ้นมา

เวลาบวชใหม่ๆ ขึ้นมาก็อิ่มบุญๆ มันก็อยู่ด้วยความเป็นสุขของมัน เวลามันคิดของมัน มันจินตนาการของมันนะ มันแผดเผาเร่าร้อนแล้วแหละ ฉะนั้น เวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ท่านสอนให้ทำความสงบของใจเข้ามา ทำความสงบของใจเข้ามา

ทางโลกเขา เขามีปัจจัยเครื่องอาศัยด้วยความอุดมสมบูรณ์ เขาก็มีความสุขของเขา พระเราปฏิบัติมานะ ถ้าไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ ไม่มีปัญญาในหัวใจขึ้นมามันก็เร่าร้อน ความเร่าร้อน เร่าร้อนเพราะกิเลสมันปั่นหัว ถ้ามันปั่นหัว เรามีครูบาอาจารย์ที่ดี หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านพาทำ มีข้อวัตรปฏิบัติขึ้นมาเป็นเครื่องอยู่

คำว่าเครื่องอยู่ๆเครื่องอยู่เครื่องอาศัย คนเรามันต้องมีที่พักที่อาศัย มีเครื่องอยู่เครื่องอาศัย หัวใจมันได้อยู่ได้อาศัยไง มันทำด้วยความปลาบปลื้ม ทำด้วยความเต็มใจนะ เวลาทำข้อวัตรปฏิบัติทำด้วยหัวใจ ทำด้วยเคารพบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมและวินัยเป็นศาสดาของเรา ทำตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เราศึกษามาแล้ว เราก็ไม่เข้าใจ เวลาครูบาอาจารย์ของเราวางข้อวัตรปฏิบัติไว้ เราทำตามนั้นน่ะ

ถ้าใครมีการศึกษา ใครค้นคว้านะ ในวินัยมุข ในบุพพสิกขา ไปเปิดดูสิ ไปเปิดดูสิ่งที่เราทำๆ เราทำมาจากไหน เราทำมาจากหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านทำมาก่อน ท่านวางแนวทางไว้

ไอ้เราอ่านหนังสือมานี่ความรู้ท่วมหัวเลย นู่นก็งง นี่ก็สงสัย นั่นเป็นอย่างนั้นๆ แล้วมันเกิดทิฏฐิมานะ พระบวชใหม่ๆ พอพระบวชใหม่ขึ้นมา เขาว่าอย่างนั้นๆ ที่นั่นว่าอย่างนั้น กิเลสว่าอย่างนั้น เราว่าอย่างนี้ โห! วุ่นวายไปหมดเลย เพราะอะไร เพราะว่าเรายังไม่ได้สัจจะได้ความจริงไง นี่เวลาผู้ปฏิบัติปฏิบัติกันอย่างนี้

คนที่มีวาสนามันได้ครูบาอาจารย์ที่ดีนะ ถ้าคนมีวาสนาได้ครูบาอาจารย์ที่ดี แล้วมันก็อยู่ที่อำนาจวาสนาของเราด้วย อำนาจวาสนาของเรา สิ่งที่เราสร้างมาๆ ไง สิ่งที่เราสร้างมานะ พันธุกรรมของจิตๆ คนที่มีอำนาจวาสนานะ หลวงตาท่านพูดประจำ บอกว่า ท่านเป็นคนดื้อคนหนึ่ง

คำว่าคนดื้อคนหนึ่งท่านพูดภาษาชาวบ้าน แต่ความจริงคือท่านเป็นคนที่มีหลักการคนหนึ่ง คนที่มีสติปัญญาคนหนึ่ง ท่านแสวงหาครูบาอาจารย์ที่ดีๆ เวลาท่านแสวงหา ท่านแสวงหาหลวงปู่มั่น

ท่านก็ศึกษามาจนเป็นมหา คำว่าเป็นมหาทางวิชาการท่านก็รู้มาแล้วทั้งนั้นน่ะ เหมือนกับคนเรียนกฎหมาย เวลาเรียนกฎหมาย จบกฎหมายแล้วก็ไปฝึกกับสำนักงานกฎหมายต่างๆ

นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่ท่านก็เรียนมาแล้วๆ ท่านก็เรียนกฎหมายมาแล้ว แต่เวลาท่านจะปฏิบัติขึ้นมาท่านก็ละล้าละลัง มันจริงหรือไม่ มันจริงหรือไม่

ก็ไปหาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นนะ มหา มหามาหาอะไร มรรคผลนิพพานอยู่ที่ไหน มันอยู่ที่หัวใจของสัตว์โลกใช่ไหม อยู่ในหัวใจของสัตว์โลกนั่นแหละ

เวลาท่านสั่งสอน ท่านอบรมบ่มเพาะขึ้นมา พยายามฝึกหัดปฏิบัติขึ้นมาจนเป็นความเป็นจริงในใจของท่าน ท่านเคารพบูชาด้วยหัวใจ เทิดทูนเคารพบูชาหลวงปู่มั่นเป่ากระหม่อมเรามา หลวงปู่มั่นเป่ากระหม่อมเรามาเวลาท่านพูดของท่าน เห็นไหม ความเคารพบูชาอันนั้นน่ะ เพราะอะไร

เพราะเราก็ศึกษามาเป็นมหา นี่ก็เหมือนกัน เราปัญญาชนเราก็ศึกษามา เราก็เรียนมาทั้งนั้นน่ะ แต่เวลาจะทำขึ้นมา ทำถูกต้องหรือไม่ เวลาทำไม่ถูกต้องก็ทำตามกิเลสของตน ทำตามกิเลสของตนไง

หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านสอนให้ทำความสงบของใจเข้ามาก่อน พยายามทำความสงบของใจเข้ามา มันก็มีความโต้แย้ง มีความเห็นต่างๆ นะทำสมาธิๆนี่เขาว่า

ทำสมาธิ เอ็งทำสมาธิเป็นหรือเปล่า เวลาหลวงตาท่านพูดกับพวกเรา พูดด้วยความสลดสังเวชไงสมาธิยังทำไม่เป็นเลย แล้วมันจะภาวนากันอย่างไร สมาธิยังทำไม่ได้ แล้วจะภาวนากันอย่างใด

เวลาภาวนามีแต่พระอาจารย์ดังๆ ทั้งนั้นน่ะ มีคุณธรรมสูงส่ง สมาธิมันยังทำไม่เป็น มันจะภาวนาอะไรกัน ถ้าสมาธิทำไม่ได้ หลักการทำไม่ได้

เหมือนเรา เราไม่มีสิทธิอะไรเลยนะถ้าเราเป็นคนต่างด้าว เราจะทำสิทธิได้ เราเป็นคนไทย เราต้องมีเชื้อชาติไทย เราต้องมีสัญชาติ เราต้องมีบัตรประจำตัวของเรา เราถึงมีสิทธิตามกฎหมายได้ ถ้าเราเป็นคนต่างด้าว มันก็ต้องมีสิทธิตามคนต่างด้าวใช่ไหม

นี่ก็เหมือนกัน ถ้ามันทำสมาธิไม่ได้ มันก็หาใจของมันไม่ได้ ในเมื่อมันไม่รู้จักตัวมันเอง มันไม่มีสิทธิตามความเป็นจริง มันจะเอาอะไรมา มันก็เป็นการสวมรอย เป็นการเพ้อเจ้อ เป็นการเพ้อพก นี่ไงฝึกทำสมาธิๆ”...ฝึกทำสมาธิ สมาธิอะไร มันก็เป็นมิจฉาสมาธิ

เวลาคำว่าเป็นมิจฉาสมาธิเพราะอะไร เพราะคนทำสมาธิ คนทำได้จริงจัง มันก็ทำความสงบได้ การทำความสงบได้บ้างๆ คำว่าได้บ้างถ้ามันทำไป ถ้ามันไม่มีสติไม่มีปัญญาขึ้นมา มันจะเป็นสัมมาสมาธิ เป็นสมาธิที่ควรแก่การงานได้อย่างไร เพราะอะไร

เพราะเราไปหาครูบาอาจารย์ที่ท่านไม่มีวุฒิภาวะ ไปหาครูบาอาจารย์ที่ท่านอ้างอิงตามครูบาอาจารย์มา มันสวมรอยจากคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์มา มันไม่มีความจริงในใจของตน ถ้าไม่มีความจริงในใจของตน ไม่มีหลักการ ไม่มีแนวทางที่จะชี้นำได้ คนไม่เคยเดินเส้นทางนั้น แล้วจะบอกวิธีการไปตามเส้นทางนั้น มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย

นี่ไง เวลาทำสมาธิๆ สมาธิอะไร ถ้ามันเป็นการสวมรอย สวมรอยไป แล้วเวลาสวมรอยขึ้นไปก็บอกว่ามีมรรคมีผลๆ”...ก็เป็นการสวมรอยไง การสวมรอยก็พูด อยู่ใกล้ชิดครูบาอาจารย์ขึ้นมา แล้วเดี๋ยวนี้มันมีมากมายมหาศาล

เวลาคนเรานะ คนเรามีปฏิภาณไหวพริบ มันพูดของมันได้ทั้งนั้นน่ะ ไปดูเซลขายยาสิ มันพูดจนเราต้องซื้อมันก็แล้วกันแหละ นี่ก็เหมือนกัน พูดธรรมะๆ ขึ้นมามันก็อ้างอิงไป นี่มันสวมรอยไง

มันเป็นสมาธิอย่างไร ถ้าเป็นสมาธิ สมาธิถ้ามันเป็นขึ้นมา มันมีความสุขความสงบระงับ มันก็ไม่เป็นมิจฉาสมาธิ

นี่มันเป็นมิจฉา มันไม่เป็นสัมมา ถ้าเป็นสัมมามันต้องคนที่มีอำนาจวาสนา แล้วคนดำเนินการขึ้นมา

หลวงปู่มั่นท่านสอนทำความสงบของใจเข้ามาก่อน ครูบาอาจารย์ของเราทุกคนสอนทำความสงบของใจเข้ามาก่อน ให้คนนั้นมีปัจจัยเครื่องอาศัย

คนต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัยดำรงชีพ สิ่งที่ปัจจัยเครื่องอาศัยดำรงชีพได้อุดมสมบูรณ์ เราก็มีความสุข มีการดำรงชีพด้วยความไม่ขาดแคลน แล้วดำรงชีพแล้วเราจะก้าวหน้าต่อไปของเรา เราจะดำรงชีพไว้ให้มีความสุขในชีวิตของเรานี้

เวลาทำสมาธิขึ้นมา ถ้ามันเป็นมิจฉาสมาธิ เวลาคนที่ไม่มีหลักมีเกณฑ์ ไม่มีครูบาอาจารย์ที่ดี แล้วเวลาสำคัญตน พยายามยกตนให้ว่าตัวเองมีความรู้ มีความดีเด่น ก็ทำสมาธิ ทำสมาธิของตนๆ

ทำสมาธิๆ สมาธิเป็นสมาธิไหม สมาธิเป็นสมาธิหัวตอไง ถ้ามันเป็นสมาธิหัวตอ สมาธิหัวตอเวลานั่งไปมันก็เป็นสมาธิ มันหัวตอ มันไม่มีสติไม่มีปัญญาควบคุมดูแลหัวใจของตนเองได้ แล้วมันมีความละเมอเพ้อพก

อย่างเรา ดูสิ เราเป็นเด็กเป็นเล็ก เราเล่นอยู่ในบ้านในเรือนของเขา เวลาพระจันทร์เต็มดวงอย่างนี้ โอ้โฮ! เห็นกระต่าย กระต่ายอยู่ในดวงจันทร์ มันส่งออกหมดล่ะ สมาธิหัวตอไปรับรู้ ไปรู้เรื่องชาวบ้าน ไปรับรู้เรื่องจิตวิญญาณ ไปรับรู้ว่าไปเมืองลับแล

มันมีของมันอยู่อย่างนั้นจริงๆ ผลของวัฏฏะๆ กามภพ รูปภพ อรูปภพ มันมีของมันอยู่แล้ว จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ถ้าจิตที่มันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มันมีของมันโดยข้อเท็จจริงของมันอยู่แล้ว แต่เวลาเราประพฤติปฏิบัติ เราต้องการให้เป็นวิวัฏฏะ ออกจากวัฏฏะนั้น ถ้าออกจากวัฏฏะนั้น

วัฏฏะก็เป็นวัฏฏะ แล้วเอ็งไปรู้ไปเห็นแล้วได้อะไรขึ้นมา นี่เห็นกระต่ายในดวงจันทร์ แล้วก็ละเมอเพ้อพกนะ โฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นธรรมๆ อวดอ้าง อวดอ้างเพราะอะไร อวดอ้างเพราะรู้ได้แค่นั้นไง

โดยธรรมชาติเด็กคนไหนมันก็รู้ได้ เด็กคนไหนมันก็เห็นดวงจันทร์ ดวงจันทร์เวลาข้างแรมข้างขึ้น โอ๋ย! เต็มที่เลย มันเห็นกระต่าย เห็นในดวงจันทร์ แล้วไปพูดนะ ถ้าเรื่องโฆษณาชวนเชื่อ เรื่องการโน้มน้าวไป เพราะอะไร เพราะเราไม่มีครูบาอาจารย์ที่สามารถชักนำเราได้ แล้วมันมีความสำคัญตนไปไง ไอ้พวกหัวตอน่ะ หัวตอมันไปรู้เห็นสิ่งใดก็มาอวดอ้าง

แล้วถ้าไปอวดอ้าง ถ้าเห็นดวงจันทร์นะ เวลาพูดถึงธรรมะไง พูดถึงเวลาสวมรอย โอ๋ย! เวลาพระจันทร์นะ มันมีแรงโน้มถ่วง เวลาข้างขึ้นข้างแรม มันเป็นอุทกศาสตร์เลย น้ำขึ้นน้ำลง คุยกับทหารเรือ ทหารเรือชอบ นี่มันเป็นเรื่องโลกๆ ทั้งนั้นน่ะ

ทหารเรือ เวลาเพื่อประโยชน์กับกองทัพเรือ กองทัพเรือเขาก็มีเรือรบของเขา เขาก็มีปืนของเขา เขาก็มีอาวุธของเขา เป็นประโยชน์กับเขา ไปเรื่องข้างขึ้นข้างแรม เห็นดวงจันทร์ นี่ส่งออก การส่งออกนี่หัวตอ สมาธิหัวตอ

ดูสิ่งต่างๆ ถ้าเราทำความสงบของใจโดยสัจจะโดยความจริง ถ้าทำความสงบโดยสัจจะโดยความจริงโดยพระกรรมฐาน พระกรรมฐาน หลวงตาท่านพูดประจำ เวลาครูบาอาจารย์ท่านประพฤติปฏิบัตินะ ท่านอบรมสั่งสอนเราตลอด ให้ทำความสงบของใจเข้ามา ทำความสงบของใจเข้ามา ทำความสงบของใจบ่อยครั้งเข้าๆ จนจิตตั้งมั่น จิตเป็นสมาธิ จิตเป็นสมาธิต่อเมื่อเราทำความสงบระงับของเราบ่อยครั้งเข้า การทำความสงบบ่อยครั้งๆ มันเป็นเครื่องอยู่ มันทำให้จิตใจของเราอุดมสมบูรณ์ ไม่เร่าไม่ร้อน ไม่ทุกข์ไม่ยาก

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกใครทำสัมมาสมาธิได้ ใครทำความสงบระงับได้ เหมือนมีบ้านมีเรือนหลังหนึ่ง มีบ้านมีเรือนที่อยู่ที่อาศัย คูหาของจิตไง ที่มันได้พักได้ผ่อนของมัน ถ้าจิตมันสงบระงับเข้ามา

การทำความสงบระงับเข้ามาโดยพระพุทธศาสนา เวลาพระพุทธศาสนาสอนอานาปานสติ อบรมสั่งสอน เขาจัดการอบรมกับจัดการประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เด็กเล็กเด็กน้อยเขาไปปฏิบัติของเขา เวลาไปปฏิบัติของเขา เวลานักข่าวเขาไปสัมภาษณ์ไง มาแล้วได้อะไร

โอ๋ย! เมื่อก่อนเป็นคนฉุนเฉียว เดี๋ยวนี้หายฉุนเฉียวแล้ว โอ๋ย! เมื่อก่อนเป็นคนขี้โกรธ เดี๋ยวนี้หายโกรธแล้ว โอ๋ย! เมื่อก่อนเป็นคนขี้กลัว เดี๋ยวนี้หายกลัวแล้ว

สมาธิมาฝึกหัดแล้วได้ประโยชน์อะไร

โอ๋ย! ได้ประโยชน์มาก มีสติดีขึ้น ควบคุมตัวเองได้

เด็กเล็กๆ มันก็ยังใช้ประโยชน์กับพระพุทธศาสนา เด็กเล็กๆ มันก็ยังได้ประโยชน์กับการประพฤติปฏิบัติ ไอ้นี่หัวโล้นๆ ห่มผ้าใกล้จะเข้าโลงอยู่แล้ว มันยังทำอะไรไม่เป็นกันเลย สมาธิก็ทำไม่เป็น เวลาทำขึ้นมาเป็นสมาธิก็เป็นมิจฉา

เป็นมิจฉาเพราะอะไร เป็นมิจฉาเพราะมันไม่ยกขึ้นสู่วิปัสสนาไง เป็นมิจฉาเพราะกิเลสมันสวมรอยว่าสิ่งนั้นเป็นปัญญา สิ่งนั้นเป็นคุณธรรมไง ถ้ามันเป็นหัวตอ หัวตอมันก็ว่ามันรู้เรื่องวาระ รู้เรื่องอภิญญา แล้วเอ็งรู้แล้วได้อะไร

ถ้ามันเป็นปัญญาๆ พระสารีบุตรนี่ปัญญาวิมุตติ ถ้าปัญญาวิมุตติ ถ้าจิตมันสงบแล้ว ถ้าจิตสงบระงับเข้ามา ถ้าจิตสงบไปแล้วเรามีอำนาจวาสนามากน้อยแค่ไหน ถ้าเราไม่มีอำนาจวาสนามากน้อยแค่ไหน เราทำความสงบเข้ามามันก็เป็นความสงบของเรา

แล้วความสงบ เห็นไหม พระกรรมฐาน หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์เราสอนมาประจำ พระกรรมฐาน ต้องรักษาหัวใจของตน ดูแลรักษาหัวใจของตน

เขาบอกว่าดูจิตๆ ไง ว่าหลวงปู่มั่นท่านสอนดูจิต หลวงตาท่านก็สอนดูจิต

ท่านบอกให้ดูแลรักษาใจของตน ดูแลรักษาใจของตน การดูแลรักษาใจของตนก็รักษาหัวใจของตนไม่ให้มันทุกข์มันยาก ถ้าไม่ให้มันทุกข์มันยาก ดูสิ เวลาเด็กน้อยมันไปอบรมการปฏิบัติที่เขาสั่งสอนมันยังได้ประโยชน์มหาศาลเลย ประโยชน์มหาศาลอย่างนั้นประโยชน์ในพระพุทธศาสนาที่ใครจะได้ประโยชน์จากพระพุทธศาสนา

เราเป็นนักปฏิบัติ เราจะเอาจริงเอาจังของเรา เราทำความสงบของใจเราเข้ามา ถ้าทำความสงบของใจเข้ามาให้ใจมันสงบระงับ เวลาสงบระงับขึ้นมามันก็ได้ประโยชน์ขึ้นมา เห็นไหม เวลาเป็นประโยชน์ขึ้นมา สรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง ความที่เราทำดี ทำดีขึ้นมา เดี๋ยวถ้ามันสงบระงับเข้ามามันก็เป็นบุญกุศลของเรา เราก็มีความสุข

เรามีความสุขขึ้นมา ถ้าไม่ดูแลรักษาใจของตน หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเรา พระกรรมฐาน เขาจะควบคุมดูแลพระให้พระอยู่ในข้อวัตรปฏิบัติ ไม่ให้คลุกคลีกัน ไม่ให้ต่างๆ ก็เหตุนี้แหละ มันเสื่อมหมด

เวลาจิตที่มันดีขึ้นก็พระพุทธศาสนานี่สุดยอด แสวงหาความจริงมาตั้งนานแล้ว เพิ่งมาพบวันนี้เอง โอ๋ย! พระพุทธศาสนานี้ยอดเยี่ยมนี่ถ้าจิตมันดีนะ

วันไหนพอจิตมันเสื่อม พอจิตมันเสื่อมลง มันคลายจากสมาธิมาอื้ม! พระพุทธศาสนาสอนมาตั้ง ๒,๐๐๐ กว่าปีแล้ว กึ่งกลางพระพุทธศาสนา มรรคผลยังมีอยู่หรือไม่นี่เวลาจิตมันเสื่อมนะ เวลาจิตมันดี โอ้โฮ! มรรคผลนิพพานหยิบเอื้อมเอาได้เลย เวลาจิตมันเสื่อมน่ะ มันข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างนี้อยู่แล้วตามข้อเท็จจริง

ครูบาอาจารย์ของเราท่านประพฤติปฏิบัติ เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้วจะสอนใครได้หนอๆทอดธุระเลย เพราะอะไร มันเป็นเรื่องโลกกับธรรมๆ สิ่งต่างๆ

เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เราเกิดมากับโลก เราเกิดมาจากกรรม คนเรามีเวรมีกรรมถึงมาเกิดเป็นมนุษย์ คนเรามีเวรมีกรรมถึงมีการเกิด เวลาเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ด้วยอำนาจวาสนาของเรา เราก็มีศรัทธามีความเชื่ออยากจะประพฤติปฏิบัติ เพราะเราเกิดมากึ่งกลางพระพุทธศาสนา ครูบาอาจารย์ของเราท่านประพฤติปฏิบัติไปแล้ว ท่านพ้นจากทุกข์ไปแล้ว ในการกระทำมันก็ทำให้ตามความเป็นจริงอันนั้น เรามีศรัทธามีความเชื่อขึ้นมา เราก็จะทำตามอันนั้น

ถ้าทำตามอันนั้น มีครูบาอาจารย์ที่ดี ครูบาอาจารย์ท่านก็จะสั่งสอน ครูบาอาจารย์ท่านจะอบรม อบรมให้ผู้นั้นพยายามทำความสงบของใจเข้ามาให้มันสดชื่น ให้มันแจ่มใสขึ้นมาไง ถ้าสดชื่นแจ่มใส มีหัวใจที่มั่นคงขึ้นมา มันจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา

ปฏิบัติขึ้นมามันแสวงหา มันต้องสะสม พยายามทำตัวเองให้มั่นคงขึ้นมา ความทำตัวเองให้มั่นคงขึ้นมามันก็อยู่ที่วาสนาแล้วล่ะ เพราะหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ลูกศิษย์ท่านเป็นแสนๆ ลูกศิษย์ที่แท้จริงที่เป็นศากยบุตรมีเท่าไร

หลวงตาท่านบอกว่าลูกศิษย์ท่านมหาศาล แล้วเหลือมาอีกเท่าไร ที่อยู่นี่สวมรอยทั้งนั้น หัวตอทั้งนั้น

ถ้าไม่สวมรอย ไม่หัวตอ มันต้องมีสติมีปัญญา มันต้องมีความกตัญญูกตเวที มันต้องมีความซื่อสัตย์ มีความซื่อสัตย์นะ มันเคารพธรรมวินัยไง

ถ้ามันโป้ปดมดเท็จ มันเอาความจริงมาจากไหน ถ้ามันโป้ปดมดเท็จมันก็ทุศีล คนที่โกหกมดเท็จจะทำความชั่วอย่างอื่นอีกไม่ได้ไม่มีเลย ทำได้ทั้งนั้นเลย นี่ถ้ามันเป็นการอ้างอิง เป็นการสวมรอย เป็นหัวตอ

แต่ถ้ามันเป็นความจริงๆ เราทำความสงบของใจเข้ามา เราพยายามทำความสงบของใจเข้ามา ทำบ่อยครั้งเข้าๆ มันเจริญแล้วเสื่อม เสื่อมแล้วเจริญ เวลามันเจริญขึ้นมา ที่ว่าทำสมาธิแล้วเมื่อไหร่จะได้ใช้ปัญญาๆ

ปัญญามันใช้ได้ทุกที่แหละ ปัญญาอบรมสมาธิก็ได้ ปัญญาที่ใช้ ปัญญาเกิดจากโลกทั้งนั้นน่ะ ปัญญาเกิดจากเราทั้งนั้นน่ะ ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่องจำมา เราก็มาใคร่ครวญ ดูสิ เขาศึกษาเปรียญธรรม ๙ ประโยค เขายังตีความในศาสนา แปลบาลี เขาตีความ เขาเข้าใจทั้งนั้นน่ะ แต่นั่นก็เป็นความเข้าใจของโลกไง เป็นความเข้าใจของการศึกษาไง การศึกษา ศึกษาเพราะอะไร เพราะจิตไม่ได้ทำสัมมาสมาธิ ไม่ได้ทำจิตสงบขึ้นมา

แล้วจิตตภาวนา จิตมันแก้ที่จิตนี้ ถ้ามันไปแก้ที่ทางวิชาการ มันก็เป็นความจำ ความจำเกิดจากสัญชาตญาณของมนุษย์ มนุษย์มีขันธ์ ๕ มันก็มีความจำ มันก็มีสังขาร มีความปรุง ความแต่งทั้งนั้นน่ะ มันมีธรรมชาติของมัน แต่เป็นโลกไง มันเป็นโลก ถ้ามันเป็นเรื่องของโลกๆ ก็โลกียปัญญา

โลกียปัญญา ปัญญาของโลก ปัญญาเกิดจากสถานะของความเป็นมนุษย์ แล้วเวลาศึกษามาแล้วจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เราพยายามจะทำให้เป็นธรรมขึ้นมาไง พยายามทำให้เป็นธรรมขึ้นมา เห็นไหม นี่สัมมาสมาธิ

ครูบาอาจารย์ท่านสอนให้ทำความสงบของใจเข้ามา ทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าใจมันสงบระงับเข้ามา เราก็ดูแลรักษาด้วยสติด้วยปัญญาไง

นี่ไง ที่ทำสมาธิๆ ทำสมาธิแล้วก็สวมรอยไง คำว่าสวมรอยเพราะอะไร เพราะเวลาถ้าเป็นปัญญาวิมุตตินะ โศลกของหลวงปู่ดูลย์ถูกต้อง ความคิดทั้งหลายทั้งปวงทั้งหมดเป็นการส่งออกทั้งหมด ความคิดทั้งหลายทั้งปวงเป็นการส่งออกทั้งหมด เป็นสมุทัย ผลของมันคือทุกข์

แล้วก็ดูจิตๆ ดูจิตก็ดูจิตของท่าน ดูจิตคือใช้ปัญญาอบรมสมาธิ ถ้าจิตสงบแล้ว จิตเห็นอาการของจิต จิตเห็นอาการของจิตเป็นมรรค ถ้าเป็นมรรคก็ใช้สติปัญญาใคร่ครวญ พอใคร่ครวญเสร็จแล้ว ผลจากจิตเห็นจิตเป็นนิโรธ นิโรธคือการดับทุกข์เพราะเป็นความจริง นี่ปัญญาวิมุตตินะ

ถ้าเจโตวิมุตติ เห็นไหม ปัญญาวิมุตติเป็นการประพฤติปฏิบัติ แนวทางของพระสารีบุตร ถ้าเป็นเจโตวิมุตติ โดยแนวทางของพระโมคคัลลานะ

ทำความสงบของใจเข้ามาๆ ถ้าใจสงบระงับแล้ว ถ้ามันตั้งมั่นขึ้นมา ถ้ามันน้อมไปเห็นกาย เห็นเวทนา เห็นจิต เห็นธรรม ถ้ามันเห็น คำว่าเห็นเห็นโดยตาของใจ ถ้าตาใจของมันเห็น เห็นกาย พิจารณากาย พอเห็นนี่มันเกิดความมหัศจรรย์ การเห็นมันเกิดความมหัศจรรย์

จิตเห็นจิตก็เหมือนกัน มันจะเกิดความมหัศจรรย์ ความมหัศจรรย์เพราะอะไร ความมหัศจรรย์เพราะจิตที่สงบแล้ว สัมมาสมาธิ มันเห็นกิเลส เห็นสติปัฏฐาน ๔ ตามความเป็นจริงมันจะเห็นกิเลส ความเห็นกิเลสมันจะขนพองสยองเกล้า

ขนพองสยองเกล้า กว่าที่มันจะขนพองสยองเกล้าเพราะอะไร ก่อนหน้านั้นเราทำความสงบของใจเข้ามา เราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เวลาใช้ปัญญาก็สวมรอยทั้งนั้นน่ะ สวมรอยคือความจำ จำธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จำธรรมะของครูบาอาจารย์มา แล้วก็ตีความขยายความเป็นโลกอยู่อย่างนั้นน่ะ มันก็เหมือนทางโลกกับทางวิชาการ เขาเรียงความของเขานั่นแหละ เรียงความไปเถอะ รอบหนึ่งก็โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี จนจบเป็นพระอรหันต์ มันก็วนอยู่นั่นน่ะ แล้วมันอยู่นอกจิตเลย มันไม่เข้ามาสู่หัวใจนั้นเลย

นี่ไง มันถึงได้พูด คนปฏิบัติที่ไม่เป็นจิตสงบแล้ว เดี๋ยวมันจะเกิดปัญญา จิตสงบนะ ทำสมาธิเดี๋ยวปัญญามันจะเกิดเลย ทำสมาธิแล้วจิตเป็นสมาธิ เดี๋ยวปัญญามันก็จะเกิด

เราเห็นมาเยอะ แล้วถ้าพูดอย่างนี้แล้วแสดงว่าไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น ไอ้พวกหัวตอๆ เพราะอะไร จะอ้างตลอด อ้างตลอดเลย น้ำใสจะเห็นตัวปลา ก็พายเรืออยู่นี่ จะจับปลา น้ำใสจะเห็นตัวปลามีพระที่สั่งสอนอย่างนี้มากมาย พระที่สั่งสอนอย่างนี้แสดงว่าเป็นไปไม่ได้เลย ไม่รู้เห็นตามความเป็นจริง ไม่เคยมีจิตที่มีดวงตาเห็นธรรม ตาของจิตเกิดไม่ได้

คนตาบอด ธรรมะตาบอด เวลาคุยธรรมะไงโอ๋ย! ถ้าจิตสงบแล้วจะเห็นกาย เห็นเวทนา เห็นจิต เห็นธรรมตามความเป็นจริง ต้องยกขึ้นสู่วิปัสสนา โอ้โฮ! มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร มันก็ต้องรอก่อนสิ มะม่วงมันก็ต้องออกเป็นเกสร แล้วมันผสมกันแล้ว ผสมเกสรกันแล้วเดี๋ยวมันก็จะเป็นลูกอ่อน เสร็จแล้วมะม่วงมันก็จะโตขึ้นมาเขาพูดอย่างนั้นน่ะ เจออย่างนี้เยอะมากมันต้องเกิดเองไง ธรรมะมันเกิดเอง

มันมีกิเลสที่ไหน มันมีคนร้ายที่ไหนที่แบบว่าทำลายเขา ฉ้อโกงเขา ทำร้ายเขา แล้วก็จะไปให้เขาจับ จะเดินไปหาเขาเลย สารภาพผิด มันไม่มีหรอก นี่มันเรื่องคนร้ายนะ กิเลสมันร้ายกว่านั้น กิเลสมันร้ายกว่านั้นนัก มันจะเห็นกิเลสได้ด้วยความสามารถของตน

นี่ก็เหมือนกัน ของเราหาย สิ่งใดที่มันขาดตกบกพร่องขึ้นมา เราต้องแสวงหาเอง นี่ไง เวลาการประพฤติปฏิบัติ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเป็นผู้ชี้ทางเท่านั้นๆ การประพฤติปฏิบัติต้องเป็นหน้าที่ของเธอ

ในการประพฤติปฏิบัติต้องเป็นหน้าที่ของเธอเพราะอะไร เพราะหัวใจที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านรักลูกศิษย์ลูกหาทั้งนั้นน่ะ แต่ท่านก็ไม่สามารถที่จะเอาธรรมะอัดเข้าไปในหัวใจของลูกศิษย์ลูกหาได้ เพียงแต่ท่านชี้นำๆ แล้วชี้นำ ท่านก็จะสังเกตด้วย

ท่านบอกกับหลวงปู่เจี๊ยะไงต่อไปจะมีพระหนุ่มๆ องค์หนึ่ง เหมือนท่านเจี๊ยะ แต่ไม่ใช่ท่านเจี๊ยะ ต่อไปจะเป็นผู้ที่เป็นที่พึ่งของวงกรรมฐานท่านพูดเลย หลวงปู่เจี๊ยะเล่าให้ฟัง

แล้วหลวงปู่เจี๊ยะก็คอยเฝ้าเลย องค์ไหนๆ นี่ไง ท่านต้องรอเลยนะ เพราะอะไร เพราะคนที่จะทำอย่างนี้ได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาทอดธุระจะไม่สั่งสอนเพราะอะไรล่ะ เพราะอำนาจวาสนาของเขามันไม่มี อำนาจวาสนาของเขาทำไม่ได้ ถ้าทำไม่ได้ขึ้นมา แล้วจ้ำจี้จ้ำไชอย่างไรมันก็ไม่ได้ แล้วถ้าไม่ได้ขึ้นมาแล้ว ถ้าเป็นครูบาอาจารย์ที่โหดร้ายนะ พอบีบบังคับเข้ามามันเป็นความตึงเครียด

แต่ถ้าเป็นครูบาอาจารย์ที่ดี แล้วท่านเห็นอำนาจวาสนาของคนนะ ท่านจะมีอุบายวิธีการโน้มน้าว โน้มน้าวขึ้นมาให้เขาฝึกฝน ให้เขาขวนขวาย ให้เขามีการกระทำ ถ้าเขามีการกระทำ พอเขาไปเห็นอย่างที่ครูบาอาจารย์ท่านโน้มน้าว ท่านชี้นำไว้ โอ้โฮ! ทำไมหลวงตาท่านบอกหลวงปู่มั่นเป่ากระหม่อมเรามา หลวงปู่มั่นเป่ากระหม่อมเรามาแต่ละขั้นแต่ละตอนที่มันจะผ่านไปได้ แต่ละขั้นแต่ละตอนที่มันจะไปรื้อค้น

แต่ไอ้มิจฉาสมาธิ ไอ้พวกสวมรอยเป็นสมาธิ เดี๋ยวปัญญาจะเกิดเอง ทำสมาธิเลย เดี๋ยวปัญญาจะเกิดเอง

เวลาในวงกรรมฐาน ผู้ที่รู้จริงสังเวชนะ หลวงตาท่านพูดนะ ถ้าปัญญามันจะเกิดเอง เราจะติดสมาธิ ๕ ปีได้อย่างไร ก็ภาวนาตลอด ถ้าปัญญามันจะเกิดเอง เพราะสมาธิมันแน่นปึ๋ง สมาธินี่สุดยอด ทำขนาดนั้นน่ะ ถ้าปัญญามันจะเกิดเอง เราจะติดสมาธิได้อย่างไร ๕ ปี

แต่ไอ้พวกสวมรอยก็บอกอ้าว! ก็เอ็งไม่มีวาสนาไง ของข้าเป็นผู้ที่มีวาสนา เวลาเป็นสมาธิแล้วจะเกิดปัญญาเองๆคำพูดคำสั่งสอนลูกศิษย์ของเขาฟ้องจริงๆ เลยว่าเขาไม่รู้จริง

นี่ก็เหมือนกัน ไอ้พวกหัวตอๆน้ำใสจะเห็นตัวปลา เดี๋ยวปลามันก็จะวิ่งชนเราเองจนอยู่อย่างนั้นนะ แล้วมีแต่วันเสื่อม เสื่อมไปโดยธรรมดา เพราะอะไร เพราะการทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าเป็นมิจฉานะ มิจฉาเพราะความเป็นมิจฉาไม่มีสติปัญญารักษา มันจะเสื่อมไป

แต่พวกนี้เขาว่าไม่เสื่อมไป เขาว่าบรรลุธรรม มันจะไปรู้ธรรม เหมือนผู้ที่ประพฤติปฏิบัติเวลาจิตมันสงบขึ้นมา เวลาธรรมมันเกิดคือมีคำตอบในใจขึ้นมา มันก็บอกนี่บรรลุธรรมๆ

บรรลุธรรมอะไร ธรรมมันเกิด หลวงตาท่านบอกกิเลสเกิด พอเกิดขึ้นมาแล้ว เพราะธรรมเกิดขึ้นมา โอ้โฮ! มันโล่งโถงเลยนะ เพราะอะไร เพราะธรรมมันเกิด เหมือนเราสนเท่ห์สงสัยเรื่องสิ่งใดอยู่ เวลามันเกิดขึ้นมา โอ้โฮ! มันตอบโจทย์หมดเลย แล้วเรากำลังค้นคว้าอะไรอยู่นิพพานจะเป็นอย่างนั้นๆนี่ธรรมเกิด

ธรรมเกิด คนที่ประพฤติปฏิบัติ คนที่เขาอยู่ในวงการ เขารู้ทั้งนั้นน่ะ ธรรมเกิดคือธรรมเกิด ธรรมเกิดมันไม่ใช่อริยสัจ

จิตนี้กลั่นออกมาจากอริยสัจ จิตนี้ ที่เรามาประพฤติปฏิบัติกันอยู่นี่ หนึ่ง ค้นคว้าหาจิตของตนให้เจอ แล้วการค้นคว้าหาจิตของตนให้เจอไม่ต้องไปค้นที่ไหน หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ พุทโธๆๆ อยู่นี่แหละ จิตสงบนั่นแหละคือจิตของเรา จิตสงบนั่นแหละ พอจิตมันสงบแล้ว สงบบ่อยครั้งเข้าๆ จนมันตั้งมั่น จนมันมีสัมมาสมาธิ

ถ้ามันมีสัมมาสมาธิเพราะอะไร เพราะมีสติมีปัญญา เพราะอะไร เพราะเราเห็นความเจริญแล้วเสื่อม คนที่ไม่เคยทำสมาธิจะไม่เห็นความเจริญแล้วเสื่อม

แล้วดูสิ พระพุทธศาสนาเวลาไปสอนอานาปานสติ จากการประพฤติปฏิบัติ เด็กน้อยที่มาประพฤติปฏิบัติมันยังได้ประโยชน์เลย มันได้ประโยชน์เพราะอะไร เพราะเด็กน้อยมันก็เรียนหนังสือ มันก็แค่ต้องการให้อ่านออกเขียนได้ มันก็แค่ให้ควบคุมตัวเองได้เพื่อมีการศึกษา อันนั้นมันก็เป็นการดำรงชีพในชีวิต แต่การจะฆ่ากิเลสมันละเอียดลึกซึ้งกว่านั้นหลายเท่า

ในการประพฤติปฏิบัติ ปฏิบัติพอเป็นพิธี ปฏิบัติเป็นชีวิตประจำวัน ปฏิบัติเพื่อให้มีความสุขสงบระงับในใจ มันก็ไม่เสียหาย แต่นั่นเป็นเรื่องโลกๆ เป็นเรื่องของโลกเขา โลกเขามีเท่านั้นไง นี่ไง ถ้ามันประพฤติปฏิบัติได้หมดๆ มันก็เหมือนกับการศึกษาไง การศึกษายกชั้นๆ ในการปฏิบัติให้มันได้หมดๆ มันไม่มีหรอก

หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ท่านสอนเฉพาะๆ เลย เฉพาะ เห็นไหม หลวงตาท่านพูดประจำ ถ้าอยู่กันตัวต่อตัวมหา จิตเป็นอย่างไรท่านจะบอกจิตเป็นอย่างไรเลย หลวงตาท่านตอบเลย

แล้วถ้าหลวงตาท่านประพฤติปฏิบัติของท่านมา ถ้ามีความสงสัยขึ้นมา ท่านเอาก่อนเลยปฏิบัติแล้วเป็นอย่างนั้นๆๆ แล้วมันทำอย่างไรต่อๆ

ทำอย่างไรต่อ มันก็มีเทคนิค มีอุบาย เพราะอะไร เพราะเวลาที่มันเห็นผิด เห็นผิดใช่ไหม แล้วเราก็ยึดความเห็นผิดของเรา เพราะเราเห็นน่ะ เวลาครูบาอาจารย์บอกว่าไม่ใช่ๆ ขึ้นมา โอ้โฮ! ทิฏฐิมานะมันกลับไปยึดความเห็นนั้นน่ะ เพราะเราไม่มีโจทย์อื่นให้ตอบ เราไม่มีความรู้เห็นอันอื่น เราเห็นเฉพาะอันนี้ไง เห็นไหม เวลามันรู้เห็นสิ่งใดแล้วมันก็ยึดความรู้ความเห็นของตน นี่ความยึดความรู้ความเห็นของตน

ถ้ามันยึดความรู้ความเห็นของตน ถ้าความเห็นของตนมันถูกต้องมันก็ต้องเจริญก้าวหน้าไปสิ ถ้าความเห็นของเรามันผิดพลาด ความเห็นของเรามันไม่จริง ความเห็นของเราทำให้เราหัวหมุนอยู่นี่ ความเห็นของเราทำให้เราเรรวนอยู่นี่ ทำไมเราไม่พิจารณาแนวทางอย่างใดที่มันจะเป็นแนวทางที่เราพอจะทำได้ นี่ไง มันมีวิธีการทั้งนั้นน่ะ ถ้ามันมีครูบาอาจารย์ที่ดีนะ แล้วครูบาอาจารย์ท่านจะสอนกลับเข้ามาในหัวใจของสัตว์โลกนั้น

ในการประพฤติปฏิบัติเข้ามา พระพุทธศาสนา ปัญญาในพระพุทธศาสนาคือปัญญาทวนกระแสกลับ ปัญญาเข้าไปสู่จิตของตนๆ

ไอ้ส่งออกๆ หัวตอ สมาธิหัวตอ มันคอยรอไง คำว่า หัวตอโอ้โฮ! มันเห็นพระจันทร์ มันอยู่นอกโลกนู่นน่ะ มันส่งไปนู่นน่ะ โอ้โฮ! มีกระต่ายด้วย มันมีผลประโยชน์ด้วยนะ มันทำให้น้ำขึ้นน้ำลงนะ มันเป็นเวลาที่สัตว์จะผสมพันธุ์

เวลาเดือนหงายนะ ในทะเล มันเป็นความเพาะพันธุ์ของสัตว์น้ำ มันถึงคราวของมัน โอ๋ย! ถ้าจะพรรณนาถึงความสำคัญ พรรณนาถึงผลประโยชน์ของดวงจันทร์ โอ้โฮ! พูดไม่จบๆ แต่เกี่ยวอะไรกับจิตมึงล่ะ เกี่ยวอะไรกับมรรค

นี่ไง สมาธิหัวตอ อวดรู้อวดเห็น โดยการครอบงำของกิเลส ความเห็นอย่างนั้นไม่ใช่มรรค นั่นน่ะสมาธิหัวตอ แล้วถ้าสมาธิมิจฉา มิจฉาคือหลงผิด มิจฉาคือทำให้ตัวเองออกนอก มันไม่สัมมาสมาธิ

ทำสัมมาสมาธิ เราทำความสงบของใจบ่อยครั้งๆ เราทำความสงบของใจเข้ามาให้ใจของเรามั่นคง ให้ใจของเรามีความสุข นี่ไง สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี แค่จิตสงบแล้ว ถ้าจิตสงบเป็นสัมมาสมาธิ มีสติปัญญานะ โอ๋ย! มันเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนามาก นี่ไง พุทธะ พุทธะคือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

ถ้ามันจะเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน มันก็ต้องมีสติสัมปชัญญะ ถ้ามันมีสติสัมปชัญญะมันก็รู้ว่าจิตสงบ สงบแล้วจิตคลายออกจากความสงบนั้น

เวลาจิตสงบแล้ว เวลาเราเข้านั่งสมาธิ จิตมันก็สงบ ออกมา เราเลิกจากสมาธิออกมาแล้วมันก็ออกมาเป็นความปกติ ถ้ามีความปกติขึ้นมา กำลังของสมาธิที่มันหลงเหลืออยู่ มันก็ยังมีความสุขอยู่ไง มีความสุขอยู่ในใจของเรานะ

ใจของเรา เราจะทำสิ่งใดเราก็มีความสุข เราทำสิ่งใดเราก็พอใจเรา เพราะอะไร เพราะผลจากการได้ทำความสงบของใจ ใจมีความสงบ ใจมีเครื่องอยู่ แต่ถ้าใจมันเร่าร้อน ขวนขวายอยากได้คุณธรรม ตะเกียกตะกาย ทุกข์อยู่นั่นน่ะ เพราะใจมันไม่สงบ

ความปรารถนา ความต้องการ ทุกคนมีทั้งนั้นน่ะ ตัณหาซ้อนตัณหา โดยเป้าหมายคนที่ประพฤติปฏิบัติอยากจะพ้นจากทุกข์ทั้งนั้นน่ะ แต่เวลาปฏิบัติต้องวางหมดเลย กิเลสแก้กิเลสไม่ได้ ต้องศีล สมาธิ ปัญญา ต้องเป็นธรรมเท่านั้นจะแก้กิเลสได้

ฉะนั้น เวลาจะปฏิบัติแล้ว อยากขนาดไหน มีความต้องการขนาดไหน วางหมดเลย เข้าทางจงกรม นั่งสมาธิภาวนาของเรา เราดูแลรักษาใจของเรา ถ้าเราดูแลรักษาใจของเรา เราทำของเราได้นะ มันก็มีความสุขความสงบของเรา

ถ้าเราดูแลรักษาไม่ได้ เดี๋ยวมันก็ฟุ้งซ่าน ความฟุ้งซ่าน เราทำของเราบ่อยครั้งเข้า ความทำของเราบ่อยครั้งเข้าให้เป็นสัจจะเป็นความจริง เป็นสัจจะเป็นความจริง ทำของเราๆ

พระที่ปฏิบัติมันมีการปฏิบัติต่อเนื่อง ทางที่กว้างขวาง เห็นไหม การดูแลรักษาขึ้นมามันจะพัฒนาเป็นชั้นๆ ขึ้นไป ถ้าพัฒนาเป็นชั้นขึ้นไป เจริญแล้วเสื่อม เสื่อมแล้วเจริญ มันก็ก้าวเหยียบพลาดอยู่อย่างนั้นน่ะ

แต่ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมา สมาธิตั้งมั่นๆ สมาธิตั้งมั่นมันมีสติมีปัญญานะ ถ้าสมาธิตั้งมั่น เวลาคลายออกมาแล้ว เวลามันเสื่อมไปแล้ว ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย ก็เหมือนมนุษย์ธรรมดา มันเป็นเพราะอะไรล่ะ เป็นเพราะว่าจิตสงบแล้วเราไม่ขวนขวาย เราไม่ค้นคว้าหากิเลส

เออ! อย่างนี้เอาใหม่ ทำความสงบของใจขึ้นมา ถ้าใจระงับขึ้นมา รักษาใจของตน น้อมไปหากาย

แล้วถ้าเป็นปัญญาวิมุตติ ถ้าจิตสงบแล้วนะ จิตสงบ มันสงบเพราะอะไร เวลาพิจารณาไป เราใช้ความคิด เราใช้ความคิดดูความคิดด้วยสติด้วยปัญญา ถ้าความคิดมีสติมีปัญญา มีเหตุผลที่มากกว่า มันก็หยุดคิด หยุดคิดเพราะอะไร หยุดคิดเพราะมันโง่ไง เพราะไปคิด มันถึงโง่ เอาอารมณ์เข้ามาเผา ร้อนตัวเองไง

แต่ถ้ามีสติปัญญา เราใช้ความคิดด้วยเหตุด้วยผล ต่อต้านกับความคิด ต่อรองกับความคิดของตน ถ้ามันรู้เท่าๆ มันก็ปล่อยๆ ความปล่อยบ่อยครั้งเข้า นั่นน่ะมันจิตสงบ นั่นน่ะสัมมาสมาธิ เพราะอะไร เพราะเรามีสติเป็นคนคิดเอง เพราะเรามีสติ เราเห็นโทษเอง เราเห็นโทษนะ ถ้าเราเผลอ มันจะคิด ถ้ามันคิดแล้วมันจะมีความทุกข์

แต่ถ้าเราใช้ปัญญาของเราๆ เราคิดก่อนมัน เราใช้ความคิดก่อนมันเลย เอ็งก็คิดอย่างนี้ๆ ไง แล้วเป็นโทษอย่างนี้ๆ ไง ถ้ามันทันมันก็หยุด เราคิดก่อนๆ เป็นการหยุดนั้น แล้วเวลามันจะคิด มันจับมับ! นี่จิตเห็นอาการของจิต จิตเห็นความคิด

ไอ้นี่เราไม่เคยเห็น สัญญาอารมณ์ทั้งนั้น มิจฉาสมาธิทั้งนั้น สวมรอยทั้งหมด กล่าวอ้างทั้งหมด เพราะอะไร เพราะจิตเป็นสมาธิ เดี๋ยวปัญญามันจะเกิดเอง ทำสมาธิแล้วเกิดเอง”...มันไม่ทำอะไรเลย โง่ยิ่งกว่าหมาตาย หมาตายมันตายไปแล้ว โง่กว่ามันอีก

นักปฏิบัติโง่ยิ่งกว่าหมาตาย แล้วสวมรอยด้วยนะทำสมาธิแล้วปัญญาจะเกิดเองมันไม่มีอยู่ในโลกหรอก มันไม่มีอยู่ในอริยสัจ มันไม่ได้อยู่ในความเป็นจริง

ถ้ามันจะเป็นความจริงขึ้นมานะ จิตเห็นอาการของจิต จิตเห็นอาการของจิต เกิดความมหัศจรรย์ เพราะเราไม่เคยเห็นอาการแบบนี้ การที่เห็นอาการแบบนี้ การเห็น เรารู้ไปหมด เศรษฐีเขามีเงินมีทองทั้งนั้นน่ะ แต่วันไหนที่เรามีเงินมีทองขึ้นมาบ้าง เราก็ภูมิใจในตัวเรา

นี่ก็เหมือนกัน ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยกขึ้นสู่วิปัสสนา สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน การทำความสงบของใจเข้ามาเป็นสมถกรรมฐาน ฐานที่ตั้งแห่งการงาน ถ้าใครมีสติมีปัญญา มีความสามารถยกขึ้นสู่วิปัสสนาได้ นั่นน่ะมันจะเป็นสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน เดินควบคู่กันไปเป็นอริยสัจ

นี่ก็เหมือนกัน เราไม่เคยรู้เคยเห็น เราก็ได้ยินมาทั้งนั้นน่ะ เศรษฐีมีเงินมีทอง คนนู้นก็ร่ำรวย คนนี้ก็รวยมีเงินมีทอง แต่ถ้าวันไหนเรามีเงินมีทองของเราขึ้นมาเองล่ะ เรามีเงินมีทอง คนที่ไม่มีเงินไม่มีทอง คนที่เป็นหนี้เป็นสิน กับคนที่มีเงินมีทอง อารมณ์แตกต่างกัน

นี่ก็เหมือนกัน มันทุกข์มันยาก เราเกิดมาด้วยหนี้เวรหนี้กรรม เราเกิดมาด้วยอวิชชา เราเกิดมาด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก เราเกิดมาด้วยกรรมทั้งนั้นน่ะ เราอยู่โดยสามัญสำนึก เราอยู่โดยกิเลส ถ้าเรามีสติมีปัญญา เราพยายามรักษาของเรา ถ้าจิตมันสงบระงับเข้ามา สงบระงับเข้ามาโดยธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเราพยายามทำของเราให้มันถูกต้องดีงาม คำว่าถูกต้องดีงามคือสัมมาสมาธิ

คำว่าสัมมาสมาธิมันก็จะเป็นสัมมาสติ สัมมาปัญญา มันจะเป็นสัมมาของมัน ถ้าความเป็นสัมมาของมัน เวลาเราพิจารณาแล้วมีสติปัญญาขึ้นมา จิตเห็นอาการของจิต เห็นความคิด ถ้าจิตมันเห็นความคิด มันมีความแตกต่างตรงนี้ ถ้ามันมีความแตกต่างตรงนี้ มันถึงจะเห็นว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่มันจะรู้เอง มันเป็นไปไม่ได้ ถ้ามันรู้มันเห็นของมัน มันจับต้องได้ มันถึงเป็นวิปัสสนา

เวลาขี้โม้กันน่ะแนวทางสติปัฏฐาน ๔ แนวทางสติปัฏฐาน ๔นกแก้วนกขุนทองแจ้วๆ อยู่อย่างนั้นน่ะ นี่ไง ไอ้พวกสวมรอย ไอ้พวกหัวตอ มันไม่เป็นสัมมาสมาธิสักคน

ถ้าเป็นสัมมาสมาธิขึ้นมาตามความเป็นจริงขึ้นมา นี่ไง ถ้าเป็นสัมมาสมาธิ ถ้าเป็นสัมมาสมาธิแล้วยกขึ้นสู่วิปัสสนา ถ้ายกขึ้นสู่วิปัสสนา จิตเห็นอาการของจิต ต้องเห็นตามความเป็นจริงอันนั้น ถ้าเห็นตามความเป็นจริงอันนั้น แล้วใครไปทำให้เห็นได้ล่ะ มันก็มีครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติมาแล้วเป็นการยืนยัน แล้วถ้าใครเห็น โอ้โฮ!

โดยธรรมชาติ อวิชชาคือความไม่รู้ในใจ เรามีความไม่รู้เรื่องธรรมะเป็นพื้นฐาน การศึกษานั้นคือความจำทั้งหมด การศึกษา ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด แล้วเวลาประพฤติปฏิบัติไปก็ประพฤติปฏิบัติโดยความเห็นผิดของตน

ถ้าทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าใจมันสงบเข้ามา เราก็รู้ได้ว่าสงบเป็นอย่างไร แล้วถ้ามันเสื่อมหรือมันไม่สงบเป็นอย่างไรเราก็รู้

แล้วถ้าเป็นสมาธิขึ้นมา มันเป็นสมาธิโดยการสวมรอย โดยการแอบอ้าง โดยความเป็นมิจฉา เป็นมิจฉานี่มันเหลวแหลก มันหลงใหลไปหมดล่ะ ถ้ามันเป็นมิจฉาสมาธิ มันสร้างภาพหลอกลวงปลิ้นปล้อนให้เราหลงในตัวเราเองมหาศาล โดยที่คิดว่าตัวเองเป็นจริง นี่มันจะเป็นพื้นฐานอย่างนี้อยู่แล้วโดยกิเลส

แต่พอเราทำความสงบของใจเข้ามาๆ ใช้ปัญญาอบรมสมาธิๆ เวลาทำสมาธิ เราทำมาเรื่อยด้วยความถูกต้องดีงาม ด้วยการกระทำของเรา เห็นไหม

เวลาเด็กๆ มันไปฝึกอานาปานสติมันยังรู้เลยว่าเดี๋ยวนี้โกรธแล้วหายโกรธ เดี๋ยวนี้ไอ้ที่เคร่งเครียดแล้วหายเครียด แล้วฟังทุกวันนะ นักปฏิบัติโอ๋ย! เมื่อก่อนเป็นคนโกรธมาก เดี๋ยวนี้หายโกรธแล้วแล้วเอ็งได้อะไรล่ะ หายโกรธแล้วทำไมล่ะ มันพูดไปเป็นกระแสสังคม ไม่มีความเป็นจริงในหัวใจเลย

แต่ถ้ามันมีความจริงนะ เวลาจิตมันสงบ พอจิตสงบแล้ว ถ้าจิตเห็นอาการของจิต คือจิตเห็นความคิดเป็นรูปเลย จะเป็นเวทนาก็ได้ จะเป็นสังขารก็ได้ จะเป็นสิ่งใดก็ได้ ถ้ามันจับได้ พอมันจับได้ สิ่งที่มันจับได้ จิตเห็นอาการของจิต มันเกิดความมหัศจรรย์ เกิดการกระเทือน นั่นคือการเห็นกิเลส ถ้าเห็นนะ เห็นแล้วยังทำไม่ได้ด้วย เห็นแล้วหลุดมือไปเลย เห็นแล้วพิจารณาต่อไปไม่ได้ เพราะอะไร เพราะกำลังมันไม่พอ มันขับเคลื่อนไปไม่ได้ ถ้ามันขับเคลื่อนไปไม่ได้ก็กลับมาพิจารณาใช้ปัญญาอบรมสมาธิ นี่พูดถึงปัญญาวิมุตตินะ

ถ้าเป็นเจโตวิมุตติ ถ้าจิตสงบแล้ว ถ้ามันไปเห็นดวงจันทร์ เห็นกระต่าย ไอ้นั่นหัวตอทั้งนั้นน่ะ เอ็งเห็นอะไร เห็นเทวดา เห็นอินทร์ เห็นพรหม แล้วส่วนใหญ่จะรู้วาระจิต ถ้าเศรษฐีมา อ๋อ! อดีตชาติเรามีความสัมพันธ์กันมา ถ้าขอทานมานี่ไม่รู้จัก มันจะไปเกี่ยวกับคนมีฐานะทั้งนั้นน่ะ

การมีฐานะหรือจะเป็นคนทุกข์คนจน เขาก็มีกายกับใจนะ มนุษย์เกิดมาเป็นมนุษย์โดยเสรีภาพ เป็นภราดรภาพ มีความเสมอกันโดยความเป็นมนุษย์ นี่ไง เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนทุคตะเข็ญใจ คนจนที่ไม่มีอาหารแม้แต่จะใส่บาตรพระ ถามพระสารีบุตรเลยทุคตะเข็ญใจนี้เคยมีบุญคุณกับใคร

พระสารีบุตรยกมือเลยเคยมีบุญคุณกับผมครับ

มีบุญคุณอะไร

เคยใส่ข้าวทัพพีเดียว

โอ้โฮ! สั่งสอนจนเป็นพระอรหันต์น่ะ เห็นไหม จะคนจน คนทุกข์จนเข็ญใจ เขาก็มีกายกับใจนะ ไอ้คนร่ำรวยมีทรัพย์สมบัตินั่นน่ะ เขาจะยึดติดยึดมั่นในทรัพย์สมบัติของเขา

แต่ไอ้พวกหัวตอ โอ๋ย! เห็นคนมั่งคนมี เห็นไหม โมฆบุรุษตายเพราะลาภ พวกโมฆบุรุษว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดเป็นสมบัติโอ๋ย! อดีตชาติ โอ๋ย! รู้ มีความสัมพันธ์กันนี่เป็นธรรมะหรือ เป็นความจริงหรือ

แล้วถ้ามันเห็นจริง เวลาจิตมันสงบแล้วนี่นะ ถ้ามีครูบาอาจารย์ที่ดี ถ้าเอ็งจิตสงบได้ เอ็งไม่ต้องว่าน้ำใสแล้วเห็นตัวปลา ไม่ต้องให้มะม่วงออกลูก ไม่ต้องให้ผลไม้มันออกลูก แล้วมันหลุดออกจากขั้วตกใส่ศีรษะมันถึงจะเห็นกาย ไม่มี ไม่มีหรอก ไม่มีกิเลสหลุดจากขั้วแล้วตกใส่หัว แล้วรู้ตัวขึ้นมา อู๋ย! พิจารณาใหญ่เลย ไม่มี กิเลสมันหลอก

แต่ถ้าเป็นจริง จิตสงบแล้ว ถ้าโดยอำนาจวาสนานะ คนที่มีอำนาจวาสนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้ว จะสอนใครได้หนอๆ

มันอยู่ที่วาสนา พูดกันไม่รู้เรื่อง เขาไม่ต้องการ สังเกตชาวพุทธสิ ไปวัดไหนก็จะเอาหวยทั้งนั้นน่ะ ต้องการร่ำรวยอย่างเดียว ทุกคนอยากมีตังค์ การมีตังค์นะ การร่ำรวยมันยังอยู่ที่วาสนาของเขาทำได้ทำไม่ได้นะ คนที่มีสติมีปัญญาของเขา เขามีธุรกิจของเขา เขาประสบความสำเร็จของเขา ไอ้คนที่ปัญญาขี้เท่อก็เป็นแรงงานไปตลอดนั่นน่ะ

แม้แต่การหาเงินหาทองมันยังใช้ปัญญาเลย แล้วเวลาจิตสงบขึ้นมา เวลาถ้ามันเป็นหัวตอ หัวตอมันส่งออก เห็นพระจันทร์นู่น เห็นกระต่าย แล้วพรรณนาไปเลยแหละมันมีผลกับโลก มันเป็นอุทกศาสตร์ มันมีผลต่อฤดูกาล”...เป็นธรรมหรือ มันเกี่ยวอะไรกับการฆ่ากิเลส ไอ้นี่มันเป็นความเป็นอยู่ของโลก ถ้ามันจะเป็นความจริงนะ จิตสงบแล้วถ้าไม่มีวาสนา เป็นอย่างนี้

ถ้ามีวาสนานะ มีวาสนาจะเห็นเลย เวลาจิตสงบแล้วเห็นกายมาเลยนะ เห็นเป็นรูปของกายมาเลย ถ้าจิตสงบแล้วถ้ามันเป็นเวทนาก็จับเวทนาได้ พิจารณาเวทนาได้

แล้วพอกายมา มันก็มีความมหัศจรรย์แล้วล่ะ เห็นกาย นั่นคืออะไร เห็นใหม่ๆ กายเขาหรือกายเรา เอ๊ะ! นี่ก้อนเนื้อของใครวะ เออ! ก็ของเอ็งนั่นแหละ เอ็งโง่ ไม่รู้หรอก ตื่นเต้น

เราจะบอกถึงความมหัศจรรย์ว่า ระหว่างที่ว่าถ้าเป็นสัมมาสมาธิ ถ้าเป็นสัมมาสมาธิมันมีสติมีปัญญา ถ้ามันรู้มันเห็นของมัน นั่นล่ะคือเห็นกิเลส การเห็นสติปัฏฐาน ๔ ตามความเป็นจริงเพราะจิตมันสงบแล้วมันเห็น

ถ้าจิตสงบระงับแล้ว ถ้าจิตมีกำลัง เห็นสติปัฏฐาน ๔ แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่เห็น ถ้ามันเห็นมันก็เห็นแบบไม่สมบูรณ์ คำว่า เห็นไม่สมบูรณ์คือว่าเห็นแบบธรรมเกิด ถ้าธรรมเกิด เราไม่มีสัมมาสมาธิ ไม่มีสัมมาสติ

สติที่เป็นสัมมาสมาธิ ถ้ามันรู้มันเห็น มันเหมือนเราจับต้อง ในทางการแพทย์ เวลาคนผ่าตัด มันจะมีความคม ต้องมีความแน่นอน มันต้องมีความชัดเจนของมัน เขาถึงผ่าตัด เวลาเขาผ่าตัดขึ้นมา เขาจะคมกริบ เขาต้องการอย่างนั้น

ไอ้นี่ก็เหมือนกัน เวลาถ้ามันจะรู้มันจะเห็น จิตมันสงบขนาดไหน จิตมันเป็นอย่างไร ถ้ามันจะรู้จะเห็นขึ้นมา มันมหัศจรรย์ขนาดไหน มันยิ่งกว่าแพทย์อีก เพราะแพทย์เขาผ่าตัดทุกวันเลย เห็นกายทุกวันเลย เปลี่ยนหัวใจด้วย เปลี่ยนตับ เปลี่ยนไต เปลี่ยนปอด เปลี่ยนได้ทุกอย่างเลย แต่เขาก็เป็นวิชาชีพ เขายังต้องมีความชัดเจนอย่างนั้น

แล้วนี่การปฏิบัติ การฆ่ากิเลส การฆ่ากิเลสนะ เพราะอะไร เพราะจิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ การที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ถ้าเราแก้จิตของเราแล้วเราเป็นวิวัฏฏะออกจากกามภพ รูปภพ อรูปภพ ถ้ามันเป็นความจริงๆ มันมีผลมหาศาล ดับทุกข์ๆ การชำระล้างกิเลส สำรอกคายกิเลสออกมาจากใจ มันมีความมหัศจรรย์ขนาดไหน

แล้วการทำกันน่ะ สำมะเลเทเมาทำกันโดยให้กิเลสมันสวมรอย ให้กิเลสมันครอบงำ เพียงแต่กรรมฐานเรา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเราท่านประพฤติปฏิบัติมาเป็นแนวทาง มันมีความน่าเชื่อถือ ถ้าความน่าเชื่อ มันจะโกหกใครดีไปกว่าคนน่าเชื่อถือล่ะ

คนที่เชื่อถืออยู่เขาโกหกง่ายไง ดูสิ ไอ้พวกคนโกหกเชื่อถือมันก็โกหกในหมู่ญาติหมู่เพื่อนนั่นน่ะ ไอ้เพื่อนโกหกเพื่อนนั่นน่ะ เวลาเพื่อนที่โดนโกหกเสียใจ เป็นเพื่อนกันไม่น่าทำกันเลย เสียใจ ก็คนอื่นโกหกมันก็ไม่เชื่อไง ถ้าเพื่อนโกหกก็เชื่อไง

นี่ก็เหมือนกัน เวลาสวมรอยๆ มีครูบาอาจารย์ทำให้มั่นคง ทำให้น่าเชื่อถือ แล้วเวลาเขามาก็อ้างอิงอย่างนั้นน่ะ อ้างอิงขึ้นมา แต่คนรู้เขามี หลวงตาท่านพูดประจำ ผู้รู้มีนะ ผู้รู้มี แต่มันน้อย

ผู้รู้ ส่วนใหญ่ผู้รู้ เพราะว่าการแสดงธรรมไม่พูดเพื่อกระทบกระเทียบ ไม่พูดต่างๆ นี่ไง มันไปสะเทือนกันไง ความสะเทือน มันก็อยู่ที่กรรมของสัตว์แล้วล่ะ ถ้าสัตว์มันมืดบอด สัตว์มันเชื่อถือ ฉะนั้น เวลาเขาสวมรอย เขาก็สวมรอยในสังคมที่น่าเชื่อถือ นี่ถ้าน่าเชื่อถือ

วงกรรมฐานก่อนที่หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านแสดงธรรมๆ ท่านก็ต้องประพฤติปฏิบัติของท่านมาก่อน แล้วเวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เวลาสังคมที่เขายังไม่มั่นคง ยังไม่เชื่อถือ หลวงปู่เสาร์ท่านไปไหน เห็นไหม ประวัติหลวงปู่เสาร์นั่นน่ะ ครอบครัวนี้ย้ายไปไหน เขาทั้งเสียดสี เขาทั้งดูถูก เขาไม่สนใจทั้งสิ้น เขาสนใจแต่ยศถาบรรดาศักดิ์กัน แต่ครูบาอาจารย์ของเราท่านทำของท่านมา ทำของท่านมาโดยที่สังคมเสียดสี สังคมไม่ต้องการ นี่พูดถึงสังคมนะ

แต่เวลาบรรดาครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าไม่ต้องพรรณนา เพราะท่านไม่สนใจเรื่องอย่างนั้นอยู่แล้ว ท่านไม่สนใจเรื่องกระแสสังคมหรอก ท่านไม่สนใจเรื่องกระแสของโลก เพราะท่านต้องการแก้กิเลสของท่าน นี่เวลาเทศนาว่าการ นั่นเรื่องโลกๆ โลกไม่มีความหมาย โลกไม่มีความจำเป็น นี่สัจธรรมทั้งนั้นในหัวใจของเรา

นี่ก็เหมือนกัน คนที่เขามีสัจจะมีความเป็นจริงเขาไม่มาปลิ้นปล้อนแบบพวกสวมรอย แบบพวกหัวตอนี้หรอก มันถึงทำให้เสื่อมเกียรติของกรรมฐานไง เพราะมันไม่มีความรู้จริง ทำให้กรรมฐานเสื่อมเกียรติ

แต่ถ้าเป็นครูบาอาจารย์ธรรมทายาทๆ สัมมาสมาธิ สัมมาสมาธิขึ้นมาแล้ว เวลาพิจารณาของเรา ปัญญาอบรมสมาธิขึ้นมา จิตถ้ามันมีสติปัญญานะ จิตมีสติปัญญาแล้วก็ต้องมีอำนาจวาสนา

คำว่ามีอำนาจวาสนาพระสารีบุตร เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมกับหลานของท่าน ทำไมท่านฟังแล้วท่านเก็บประโยชน์ของท่าน ท่านเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาได้

เวลาพระโมคคัลลานะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ง่วงเหงาหาวนอน พระพุทธเจ้าไปโดยฤทธิ์เลย เอาน้ำลูบหน้า ให้แหงนดูดาว สอน สอนจนด้วยอำนาจวาสนาของตนมันจับประเด็นได้ แต่ของเราฟังจนหูฉีก

หลวงตาท่านพูดประจำ เวลาฟัง ฟังจนจิตด้าน จิตด้าน ฟังธรรมๆ จิตมันดื้อด้าน แต่คนถ้ามีสติมีปัญญา เขาหาของเขา แล้วถ้ามีสติปัญญามันจะเข้ากับใจของตน

พระในสมัยพุทธกาลจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะถามปัญหาไง แล้วเวลาฝนมันตก มันเป็นจุดเป็นต่อม เพราะอะไร เพราะว่ามีสัมมาสมาธิ จิตเป็นสัมมาสมาธิ จิตมีสติมีปัญญาของเรา พิจารณาในงานชอบของตน ถ้าพิจารณาในงานชอบของตน

การพิจารณาอยู่ ปัญญาที่มันพร้อม สิ่งที่ต่างๆ ที่มันพร้อมอยู่แล้ว แต่มันยังไม่มีอำนาจวาสนาที่สามารถชำระกิเลสได้ จะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง ไปถึงกุฎี ฝนมันตกลงมานะ ก็ยืนรอด้วยความเคารพ ด้วยความบูชา

คนที่ประพฤติปฏิบัติขึ้นมานะ เวลาปฏิบัติขึ้นมามันแสนทุกข์แสนยากขึ้นมา ถ้ามีครูบาอาจารย์ที่ดี มันเคารพบูชาในหัวใจ เวลาจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แค่ฝนตกลงมา ท่านก็ยืนรออยู่ก่อน รอก่อน ฝนก็ตกกระหน่ำมาเต็มที่จนน้ำนองไปหมดเลย พอน้ำนองไปหมด มันก็มีฝนตกมาจากชายคา พอเวลามันตก น้ำกระทบลงเป็นจุดเป็นต่อมเป็นฟองขึ้นมา ท่านก็ยืนพิจารณาของท่าน นี่ท่านกำลังใช้ปัญญาของท่าน ท่านมีสติปัญญาของท่าน

พอพิจารณาไปแล้ว พอฝนตก อู้ฮู! มันเกิดคุณธรรมขึ้นในใจ หยุดตก กลับเลย ไม่ขึ้นไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กลับ กลับเพราะอะไร กลับเพราะรู้ธรรม กลับเพราะมีคุณธรรม กลับเพราะมีความจริงในใจ นี่ไง ถ้าเป็นความจริงๆ มันต้องเป็นอย่างนั้น มันไม่ใช่โมฆบุรุษตายเพราะลาภ เพราะอะไร

เพราะเราเชื่อมั่นว่าคนที่ไม่จริงมันจะมีความรู้สึกในใจอยู่ว่าสิ่งที่ตัวเองรู้ไม่สมบูรณ์ มันขาดมันแคลนเพราะมันมีความสงสัย กิเลสอยู่ในใจแล้วมันมีความสงสัยทั้งนั้น แต่ด้วยความหน้าด้าน หน้าด้านก็ว่าทำสมาธิแล้วปัญญาจะเกิดเองสิ่งที่ทำความสงบของใจเป็นหัวตอแล้วเดี๋ยวน้ำใสจะเห็นตัวปลา

ถ้าเห็นตัวปลาก็แสดงว่ายังไม่ได้พิจารณาอะไรทั้งสิ้น ถ้ารอมะม่วงมันสุก รอมะม่วงมันมาก่อน มันก็ยังไม่มีการวิปัสสนาทั้งสิ้น แล้วเอ็งแสดงธรรมอะไรถ้ามันไม่มีวิปัสสนา มันไม่มีปัญญา

ก็เอ็งบอกเอ็งรอไง รอมะม่วงมันหล่นใส่หัวไง แล้วเวลาส่งออกก็ออกไปเห็นดวงจันทร์ไง เห็นดวงจันทร์ เห็นดาวพฤหัสนู่น มันส่งออกไปหมดล่ะ ส่งออกนะ ส่งออกจากใจไปไกลขนาดนั้น มันจะมีมรรคมีผลตรงไหน ไม่มีหรอก ไม่มี เห็นไหม เพราะความไม่มีอย่างนั้น แต่ยังพูดธรรมะไป เขารู้อยู่ ที่เราพูดว่าหน้าด้าน เพราะเขารู้ตัวทั้งนั้นน่ะ

แต่เพราะไม่มีวาสนา ถ้าเป็นกิเลสสวมรอย เขาก็เข้าใจได้แค่นั้น แต่จะเข้าใจได้แค่ไหนก็แล้วแต่ เรานั่งกันอยู่นี่ชั่วโมงเดียวเราก็มีเวทนาใช่ไหม เราก็มีความทุกข์ความยากใช่ไหม ไอ้คนที่มันจมอยู่กับกิเลสอย่างนั้นเขาไม่มีความฉุกคิดเลยหรือว่าอันนั้นมันเป็นกิเลส ไม่ใช่ธรรม ไม่มีใครฉุกคิดเลยหรือ แต่ขี่หลังเสือ ขี่หลังเสือแล้วมีวุฒิภาวะแค่นี้ก็พยายามพูดไปตามนั้น หมาห่มหนังเสือมันก็เห่าหอน แต่ไม่มีความจริง ไม่มี

ถ้ามีความจริงๆ ความจริงที่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเราท่านประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ท่านมีสัจจะความจริงขึ้นมา สิ่งที่ว่า เวลาทำความสงบของใจเข้ามาก็ทำบ่อยครั้งเข้าๆ การทำความสงบของใจบ่อยครั้งเข้าๆ ให้ใจมันมีเครื่องอยู่ ให้ใจมันมีความสุข เห็นไหม สุขอื่นใดเท่าจิตสงบไม่มี แล้วพยายามรักษาของเราให้มันตั้งมั่นๆ ถ้าตั้งมั่นก็เป็นสมาธิขึ้นมา ถ้ามีสมาธิมีความตั้งมั่นขึ้นมา จิตตั้งมั่นแล้ว จิตตั้งมั่น จิตมั่นคงแล้ว จิตแข็งแรงแล้ว จิตมันจะทำงานของมันได้

ถ้าจิตทำงานของมันได้ ถ้ามันเป็นปัญญาวิมุตติ จิตเห็นอาการของจิต จะเห็นอะไรก็แล้วแต่ เห็นด้วยปัญญา มันไม่ได้เห็นด้วยสัมมาสมาธิ ไม่ได้เห็นด้วยสมาธิที่มั่นคง มันจะใช้ปัญญา นี่ถ้าเป็นปัญญาวิมุตติ

ถ้ามันเป็นเจโตวิมุตติ มันเห็นโดยตาของจิตเลย เพราะอะไร เพราะจิตเป็นสัมมาสมาธิ สัมมาสมาธิเวลามันเห็นกายขึ้นมาแล้วมันพยายามโน้มไป โน้มไปให้เป็นไตรลักษณ์ โน้มไปให้มันแปรสภาพ การแปรสภาพนั้น นั่นน่ะเป็นไตรลักษณ์

ความเป็นไตรลักษณ์ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค สิ่งที่สัจธรรม สัจธรรมที่เกิดขึ้นมาจากมรรค จากการกระทำของเรา จากภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการภาวนา ถ้าปัญญามันเกิดจากการภาวนา มันเกิดไตรลักษณ์ขึ้นมา ความเป็นไตรลักษณ์ขึ้นมา มันคลายตัวของมันขึ้นมา

นี่ไง ทางสองส่วนที่เธอไม่ควรเสพ อัตตกิลมถานุโยค กามสุขัลลิกานุโยค ทางสายกลางๆ คือมัชฌิมาปฏิปทา มัชฌิมาปฏิปทาคือมรรค ๘ งานชอบ สติชอบ ปัญญาชอบ ความเพียรชอบ

งานชอบๆ ถ้ามันทำถูกต้องชอบธรรมมันก็เป็นงานชอบไง แต่ที่การประพฤติปฏิบัติของเขาด้วยมิจฉาสมาธิ ด้วยสมาธิหัวตอ มันงานไม่ชอบ มันงานของกิเลส งานของกิเลสที่มันครอบงำมันเลยไม่เห็นความมหัศจรรย์ระหว่างกิเลสกับธรรม

คนเราถ้าประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้าเป็นสัมมาสมาธิ เห็นไหม เป็นสมาธิ มันเป็นเรื่องโลกๆ นะ เราก็มีความสุข เราก็เห็นความมหัศจรรย์อยู่นะ ถ้าจิตเห็นอาการของจิต จิตเห็นสติปัฏฐาน ๔ ตามความเป็นจริงมันมีความมหัศจรรย์ คำว่าความมหัศจรรย์มันแตกต่าง แตกต่างกับความเป็นโลก แตกต่างกับเป็นสมาธิแล้วปัญญาจะเกิดเอง แตกต่างกับรอกิเลสมันตกใส่หัว เลยไม่เคยเห็นอะไรเลย เป็นมิจฉา เป็นหัวตอ ไม่เป็นความมุ่งมั่นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ความมุ่งมั่นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำสัมมาสมาธิ ศีล สมาธิ ปัญญา คำว่าศีล สมาธิ ปัญญาในมรรค ๘ เพราะมันต้องเป็นสัมมาสมาธิ แล้วสัมมาสติ แล้วเวลาเพียรชอบ ความเพียรชอบธรรม มันจะต้องเป็นความชอบธรรมทั้งนั้น ถ้าเป็นมิจฉาขึ้นมาแล้วมันไม่ชอบธรรม เป็นมิจฉาเพราะอะไร เพราะกิเลสมันครอบหัว มันไม่เป็นความจริงไง

ถ้าเป็นความจริงขึ้นมา พอจิตสงบแล้วพิจารณาของเราไป มันจะไปแล้ว ถ้าจิตเห็นอาการของจิต จิตเห็นสติปัฏฐาน ๔ ถ้ามันเป็นสัมมาสมาธิ มันพิจารณาไปนะ พอพิจารณาไป มันเกิดความมหัศจรรย์

หนึ่ง เวลาพิจารณาไปนะ ถ้าจิตมันสัมมาสมาธิ จิตมีกำลัง มันพิจารณาไปมันปล่อย มันโอ้โฮ! มันมหัศจรรย์ คำว่ามหัศจรรย์ๆนี่แหม! อยากจะพูดล้านๆ ครั้ง แล้วมหัศจรรย์ที่ไหน

มหัศจรรย์จากปุถุชน กัลยาณปุถุชน โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตตมรรค อรหัตตผล ความมหัศจรรย์มันเกิดมหาศาลเลย เพราะบุคคล ๔ คู่ ใจต้องพัฒนาเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไป

แล้วระหว่างบุคคล ๔ คู่ เวลาภาวนาไป หลวงตาท่านบอกไง ถ้าเป็นสมาธิแล้วปัญญาเราจะเกิดเอง เราติดสมาธิอยู่ ๕ ปีได้อย่างไร

คำว่าติดสมาธิอยู่ ๕ ปีเวลามันหลุดจากสมาธิ เวลาหลวงปู่มั่นท่านลากออกจากสมาธิได้ แล้วท่านพิจารณาของท่านไปแล้ว ท่านยังกลับมาติดสมาธิแก้กิเลสไม่ได้ มันต้องปัญญาต่างหากเวลาไปแล้วใช้ปัญญาอย่างมหาศาล ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเต็มที่เลย แล้วมันใช้ปัญญามากขึ้นมามันก็เอียงข้าง นี่อัตตกิลมถานุโยค กามสุขัลลิกานุโยค

กลับไปหาหลวงปู่มั่นอีกบอกให้ออกใช้ปัญญาๆ ใช้ปัญญาจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนแล้วนะ

นั่นน่ะสมบัติบ้า สมบัติบ้า

แล้วให้ทำอย่างไรล่ะ

นั่นแหละสมบัติบ้า

ต้องทำเอง เห็นไหม นี่เวลาครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นแล้วท่านพยายามจะชักนำให้เข้าสู่มัชฌิมาปฏิปทา ให้เข้าสู่สัมมาสมาธิ สัมมาสติ สัมมากัมมันโต งานชอบนี่สำคัญมากเลย เพราะมันชอบธรรม มันเป็นงานไง

แต่งานไม่ชอบ งานทุจริต งานการคาดหมาย คาดหมายว่าจะให้กิเลสหล่นใส่หัว คาดหมายว่าธรรมะจะเกิดเอง มันเป็นการคาดหมาย มันเป็นไปไม่ได้เลย แล้วมันก็เป็นกันอยู่อย่างนั้น มันเลยเป็นมิจฉาสมาธิ มิจฉาคือความหลงผิด

ถ้าเป็นสัมมาสมาธิ สัมมาสมาธิคือยกขึ้นสู่วิปัสสนาได้ สัมมาสมาธิคือมีสติมีปัญญา มีสติสัมปชัญญะ ถ้ามีสติสัมปชัญญะควบคุมดูแลมา ไม่ตื่นเต้น ไม่ให้กิเลสยุแหย่ ไม่ให้หลงทางกิเลส แล้วเราพยายามรักษาของเรา

ด้วยอำนาจวาสนาของคน คนมีอำนาจวาสนามากน้อยแค่ไหน คนที่มีอำนาจวาสนามันก็ย้ำคิดย้ำทำ ทำจนเจริญงอกงามขึ้นมาได้ คนถ้าไม่มีอำนาจวาสนาทำแล้วก็พัก

ได้ตอบคำถามโยมเยอะมากเมื่อ ๕ ปีที่แล้ว เมื่อ ๑๐ ปีที่แล้ว พอมันทำเต็มที่แล้วมันก็เลิกไป แล้วพอไปทุกข์ไปยากก็กลับมาทำใหม่อยู่อย่างนั้น นี่ไง ไม่ทำให้ต่อเนื่องไง ทำต่อไปไม่ได้ไง พอทำต่อไปไม่ได้มันก็ไม่มีทางไป ลองออกไปแล้วเดี๋ยวก็กลับมาทำใหม่ เพราะอะไร เพราะมันยังระลึกถึงอยู่ได้ไง นี่มันทำไปไม่ได้

แต่ถ้ามันมีวาสนานะ มันก็จะดูแลรักษามีการกระทำของเรา ถ้ามีการกระทำของเรานะ เราทำต่อเนื่องไปๆ ให้มันเป็นสัมมาสมาธิ ให้มันเป็นสัมมาปฏิบัติ ให้มันถูกต้องดีงาม แล้วเราพยายามประพฤติปฏิบัติของเราไป

ไอ้ที่ว่าให้กิเลสตกใส่หัว ไอ้รู้วาระจิต รู้นู่นรู้นี่ ไร้สาระ พระพุทธเจ้ารู้มากกว่านั้น ใบไม้ในป่ากับใบไม้ในมือ สิ่งใดที่เป็นความจริงมันมีอยู่จริงๆ ทั้งนั้นน่ะวัฏฏะนี้ แต่ไม่เป็นประโยชน์กับการปฏิบัติ ท่านไม่เอามาพูดนะ

ขนาดที่ว่าพระโมคคัลลานะลงจากเขาคิชฌกูฏเห็นเปรต ท่านบอก โอ้! เห็นมาตั้งนานแล้ว แต่เราไม่พูด พระโมคคัลลานะไปเห็นเปรตทีไร พระพุทธเจ้าเห็นหมดล่ะ ท่านเห็นอยู่ตำตา แต่เป็นประโยชน์กับใครล่ะ

แต่พระโมคคัลลานะลงจากเขาคิชฌกูฏเห็นเปรต ท่านยิ้มๆ ลูกศิษย์ถามอาจารย์ยิ้มอะไร

ยังไม่พูด ไปพูดต่อหน้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พอไปพูดต่อหน้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นเปรตมันลอยมา ขนหลุดออกมากลายเป็นเข็มทิ่มกลับไป ร้องโอดโอยอยู่นั่น

พระพุทธเจ้าบอกเราเห็นมานานแล้วแหละ แต่เราไม่พูด

สิ่งที่รู้ที่เห็นไร้สาระ มันมีของมันอยู่อย่างนั้น มันมีของมันอยู่อย่างนั้น มีแต่กรรมของสัตว์ สัตว์มันทำกรรมอย่างนั้นมันก็ไปเสวยกรรมของมัน แล้วเกี่ยวอะไรกับเอ็งวะ เอ็งยังไม่เห็นอริยสัจ เอ็งไม่เห็นกิเลสของเอ็ง

ไอ้พวกหัวตอนั่นน่ะ อวดรู้ แต่ไม่รู้จักกิเลสของตน ไม่รู้จักสัมมาสมาธิ มันเป็นสมาธิหัวตอ ไอ้พวกสวมรอยๆ นั่นน่ะ นั่นก็มิจฉาสมาธิ นี่ฝึกสัมมาสมาธิ สมาธิยังทำไม่เป็นเลย แล้วเวลาเป็นขึ้นมาก็เป็นมิจฉาอีกต่างหาก

เวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเราสอนทำความสงบของใจเข้ามา ใจสงบจนตั้งมั่นเป็นสมาธิ ยกขึ้นสู่วิปัสสนา พระพุทธศาสนาสอนเรื่องมรรค ๘ พระพุทธศาสนาสอนเรื่องภาวนามยปัญญา ปัญญาการชำระล้างกิเลส ปัญญาเป็นโลกุตตรปัญญา ปัญญาที่ฆ่ากิเลส ไม่ใช่โลกียปัญญา ปัญญาประจำโลกนั้น

พระพุทธศาสนาเลอเลิศยอดเยี่ยม แต่อยู่ที่ในหัวใจของใคร อยู่ในหัวใจของหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น อยู่ในหัวใจของครูบาอาจารย์ของเรา นั้นเป็นที่พึ่งที่อาศัยที่เราพยายามจะแสวงหา

ถ้าอยู่ในใจของพวกหน้าด้าน โมฆบุรุษ สมาธิหัวตอ มิจฉาสมาธิ มันจะเกิดเองไปทั้งหมด หยำเป ไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย เขาเองก็หลง เขาเองก็ทำลายตัวเอง แล้วยังชักนำให้สังคมหลงใหล ชักนำให้คนอื่นผิด

เห็นไหม ตัวเองผิดก็พอสมควรอยู่แล้ว ชักนำให้สังคมผิดอีก ตัวเองผิดก็ตกนรกอเวจี ยังให้คนอื่นไปตกนรกอเวจีด้วย ใจดำ ไม่สำนึกตน ไม่เป็นความจริงแบบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ เอวัง