ถาม-ตอบปัญหาธรรมะ

เงินบาป

๑๓ เม.ย. ๒๕๖๒

เงินบาป

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม วันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๒

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) .หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ถาม : ข้อ ๒๓๓๔. เรื่อง “เงินบาป”

กราบเรียนหลวงพ่อครับ ถ้าเราเอาเงินรางวัลที่ได้จากการซื้อลอตเตอรี่ไปทำบุญ เราจะบาปไหมครับ กราบเมตตาจากหลวงพ่อด้วยครับ

ตอบ : เวลาคำถามเขาเขียนว่า “เงินบาป” คำถามนะ “กราบเรียนหลวงพ่อครับ ถ้าเราเอาเงินรางวัลที่ได้จากการซื้อลอตเตอรี่ไปทำบุญ เราจะบาปไหมครับ กราบเมตตาจากหลวงพ่อด้วย”

พูดถึงกราบเมตตา เวลาพระนะ เวลาหลวงปู่ลี ในประวัติหลวงปู่ลี หลวงปู่ลีท่านไปกราบลาหลวงตาพระมหาบัวไปวิเวก ท่านบอกเลยนะ ๑.อย่าเทศน์ อย่าเทศน์ ๒.อย่าให้หวย ๓.อย่าคลุกคลี แล้วไปเที่ยวได้ ถ้าคนไปเที่ยวนะ ๓ ข้อนี้อย่าไปร่วมมือกับเขา เราจะเอาชีวิตรอดได้ เอาตัวรอดได้

อย่าเทศน์ๆ เวลาพระปฏิบัติทั่วไป ครูบาอาจารย์เรา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านไม่ให้เทศน์นะ เพราะคนไม่เคยปฏิบัติ เวลาใครปฏิบัติไป ไปรู้อะไรจิ่มๆ ไปรู้อะไรเล็กๆ น้อยๆ แหม! มันคัน อยากพูด อยากอวด อยากโฆษณาชวนเชื่อ นี่ไง ไม่ให้เทศน์ ขนาดว่าหลวงปู่มั่นเวลาสมัยท่านนะ เวลาครูบาอาจารย์ เวลาพระที่จะไปล้างบาตร ท่านให้อมน้ำไว้ในปาก ไม่ให้พูดกัน ถ้าพูดกัน เราไปเก็บเอาเสี้ยนหนาม ไปเก็บเอาความเห็นของคนอื่นมาเป็นสมบัติของเราทำไม ในใจของเรามันก็ทุกข์ยากพอแรงอยู่แล้ว จะต้องไปเอาความรู้ความเห็นของคนอื่นมาแบกหามทำไม ไม่ต้อง เรื่องของเรา เรื่องของเราเอาให้จบ ท่านบอกเลย ๑.ห้ามเทศน์ ๒.อย่าให้หวย ให้เบอร์ ๓.อย่าไปคลุกคลี นี่ประวัติหลวงปู่ลีเอาไปเปิดดูได้ ครูบาอาจารย์ที่ดีท่านสอนอย่างนี้

แต่พระตลาด “อู๋ย! เรากินข้าวชาวบ้านเราต้องสอนเขา เราต้องเทศน์ เราต้องสอน”

เทศน์สอน เทศน์สอนอะไร เวลาจะฉันอาหารของชาวบ้าน บิณฑบาตมา ปฏิสงฺขาโยไหม เห็นคุณค่าของอาหารนั้นไหม อาหารนั้นมันเป็นคุณหรือเป็นโทษหรือเปล่า เวลาฉันไปแล้ว ทำภัตกิจเสร็จแล้ว ทางจงกรมเข้าหรือเปล่า ได้ท่องสวดมนต์ทำวัตรเช้าหรือเปล่า ได้สำรวจศีลของตนหรือเปล่า ถ้าได้สำรวจศีลของตนแล้วเป็นคนดีงามทั้งนั้นน่ะ แหม! จะสอนเขาไปทั่ว

เวลาพระจะไปลาหลวงตาไปธรรมทูตไง ไปเผยแผ่ธรรม ท่านบอกว่า เอากิเลสไปเผยแผ่หรือ หน้าที่ของตนเสร็จหรือยัง ศึกษามา ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นจริงหรือ ที่ไปเผยแผ่จริงหรือเปล่า นี่หลวงตาพูดอย่างนี้นะ สมัยที่ยังเข้มข้นอยู่

แต่พอมาโครงการช่วยชาติ คำว่า โครงการช่วยชาติ” เราช่วยสร้างบ้านแปลงเมืองมันต้องใช้กำลังของสังคม ถ้าการจะใช้กำลังของสังคม สังคมมันจะดีงามมากน้อยขนาดไหน ถ้ามันมีเจตนาที่ดีก็โอเค เราช่วยกันสร้างบ้านแปลงเมือง

นี่ก็เหมือนกัน โครงการช่วยชาติ เราต้องฟื้นฟูชาติไทย ฟื้นฟูชาติไทย เรื่องของชาติ หนี้สินเป็นหมื่นๆ ล้าน มันจะเป็นหน้าที่ของกลุ่มชนใดมันเป็นไปไม่ได้ มันก็ต้องชนทั้งชาติช่วยกัน คนละเล็กคนละน้อยช่วยเหลือเจือจานกัน ถ้าช่วยเหลือเจือจานกัน มันก็เรื่องความรู้ความเห็นมันก็แตกต่างกันไป

เวลาโครงการช่วยชาติ เราเห็นบ่อยมากนะ เวลาคนมาเจ้ากี้เจ้าการ ท่านจะเบือนหน้าหนีเลย ท่านเบือนหน้าหนีเลยนะ แต่มันก็เป็นความจำเป็นต้องช่วยชาติ การช่วยชาติ เราต้องค้ำจุนชาติขึ้นมา สร้างบ้านแปลงเมืองมันต้องใช้กำลัง แต่เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมามันต้องเอาสัจจะเอาความจริงในใจของผู้ที่ปฏิบัตินั้น

นี่พูดถึงว่า อย่าว่าแต่เงินบาปเลย คนที่เขาเห็นจริงเห็นจังเขาไม่สนใจเรื่องอย่างนี้เลย ถ้าเขาไม่สนใจเรื่องอย่างนี้แล้วนะ มันก็เป็นเรื่องของการประพฤติปฏิบัติ นี่พูดถึงถ้าจิตใจของคนที่เข้มข้นนะ จิตใจของคนที่เห็นคุณธรรม เห็นสัจจะความจริงไง ถ้าจิตใจของคนที่เห็นสัจจะความจริงขึ้นมาแล้ว เรื่องอย่างนี้มันเป็นสิ่งที่ทำให้เนิ่นช้าทั้งสิ้น

ทีนี้ความเนิ่นช้า เขาบอกว่าเงินถูกรางวัลเอาไปทำบุญ เราจะได้บุญหรือได้บาป ได้บุญหรือได้บาป

เพราะเราไปมองเขาไง ไปมองเขาว่าเขาไปซื้อหวย พอซื้อหวยแล้วเขาถูกรางวัล พอถูกรางวัลแล้วจะเอาเงินไปทำบุญ มันจะเป็นบุญหรือไม่เป็นบุญ นั่นมันไปเดือดร้อนแทนเขานะ

แต่ถ้าเราเป็นบุญๆ หนึ่ง เราไม่เล่นหวย เราไม่แทงหวยก็จบ เราจะซื้อหวยใบละ ๘๐ บาท ๘๐ บาทนั้นทำสังฆทานจบเลย ๘๐ บาทที่จะไปซื้อหวย เราไปทำบุญกุศลดีกว่า ๘๐ บาทที่เราจะไปซื้อหวย เห็นคนทุกข์คนจน เราให้คนจนไปดีกว่า ๘๐ บาทที่เราจะซื้อหวย เห็นเด็กไปโรงเรียน ไม่มีข้าวจะกิน เราซื้อข้าวให้มันกินดีกว่า นี่ไง จบเลยถ้าจิตใจเอ็งเป็นธรรมจริง

ทีนี้จิตใจของคนที่เป็นธรรมนะ อย่างพระ เห็นไหม พระที่ดีก็มีนะ พระซื้อหวย พระเมาเหล้าเยอะแยะ พระซื้อหวยตัวเป็นล้านนะ พระน่ะ แล้วบอกว่ามันเป็นอบายมุขนะ ผิดศีลๆๆ เราได้ข่าวอยู่ คนมาเล่าให้ฟัง พวกลูกศิษย์วัดๆ บอกพระในกรุงเทพฯ เยอะแยะ ซื้อหวยตัวหนึ่งเป็นล้าน ซื้อเป็นตัวหลายๆ ล้าน พระ

นี่พูดถึงว่า แต่ถ้ามันเป็นศีลนะ อบายมุข อบายภูมิ การเล่นการพนันขันต่อผิดทั้งนั้นน่ะ มันเป็นสิ่งที่ผิด มันผิดศีลไง ศีล ๕ มันก็ผิดอยู่แล้ว

ฉะนั้นบอกว่า เงินบาปๆ ก็คำว่า เงินบาป” มันก็เป็นเงินที่ไม่สะอาดเต็มที่อยู่แล้ว ทีนี้เอาไปทำบุญได้บุญหรือเปล่า

ได้

เงินบาปเอาไปทำบุญได้หรือเปล่า

ได้ ทำไมมันจะไม่ได้ ก็มันเป็นการกระทำเหมือนกัน แต่ทีนี้เราต้องพูดถึงหัวใจของคนก่อน หัวใจของคนที่มันเข้มงวด หัวใจของคนที่ดีงาม เขาเห็นอะไรที่เป็นสิ่งอบายมุขอบายภูมิ เขาไม่ไปยุ่งไปใกล้ชิด เขารักษาใจของเขา

คนที่เป็นหมอเขาจะรักษาร่างกายของเขาไม่ให้มีเชื้อโรค ถ้ามีโรคระบาดเข้าไป เขาจะหนีไปให้ไกลเลย แต่คนที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้เห็นนะ อะไรเข้ามามันก็หยิบฉวยทั้งนั้นน่ะ เพราะมันไม่รู้ว่ามันมีโทษหรือไม่มีโทษ ถ้าคนที่ไม่รู้ว่ามีโทษหรือไม่มีโทษ มันก็อาศัยอยู่ในชัยภูมิอย่างนั้น ที่นี่เป็นที่กักโรค หมอเขาไม่เข้าไปใกล้เลย ไอ้เราไม่รู้เรื่องอะไร เราไปนอนอยู่ที่นั่นน่ะ ที่กักโรคเราไปเอาเชื้อโรคนั้นเข้ามา

นี่ก็เหมือนกัน ประชาชนคนที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ จิตใจของคนมันมีสูงมีต่ำ ถ้าจิตใจของคนมีสูงมีต่ำ คนที่เขาเข้าถึงหลักศาสนา ไอ้เรื่องนี้ผิดหมด แล้วถ้าผิดหมด ก็เหมือนเรา สมมุติถ้าเราเป็นนักศึกษาใช่ไหม วัยรุ่น ถ้าผิด รัฐบาลทำไมพิมพ์สลากขายเอง ถ้ามันผิดศีล ๕ ทำไมเรามีโรงงานสุรา ถ้ามันผิดศีล สรรพากรทำไมมีโรงกษาปณ์พิมพ์ไพ่

เราอยู่กับสังคมโลก ถ้าสังคมโลก ในวัฒนธรรมอื่นเขาว่าสิ่งนี้เป็นของดีงามของเขา แล้วแก็ต การค้าระหว่างโลก ถ้ามึงไม่เปิดให้สินค้าเข้ามามันก็เป็นการกีดกันการค้า เขาก็บีบคั้นมึง ถ้าอยู่กับสังคมโลกมันก็ต้องเท่าทันกับโลก เท่าทันกับโลก อยู่กับโลก เราไม่ได้อยู่ด้วยตัวของเราคนเดียว

นี่ก็เหมือนกัน สังคม สิ่งที่คนที่เขาซื้อหวยเขาเล่นหวย ไอ้นั่นก็เป็นจิตใจของคนที่มันชอบ คนที่มันชอบเล่นหวยเล่นการพนันมันก็เป็นเรื่องหนึ่ง คนที่จิตใจที่ดีงาม ที่เขาเห็นว่าเป็นโทษ เขาไม่แตะ ไม่เข้าไปใกล้ชิดเลย อบายมุขเป็นหนทางชักไปสู่อบายภูมิ เรานักปฏิบัติขึ้นมา เราพยายามจะปิดอบายภูมิๆ แล้วก็มาคุยโม้กันนัก ถือศีล ๕ แล้วปิดอบายภูมิ

ถือศีล ๕ ส่วนถือศีล ๕ ทำดีทำชั่วนั่นเป็นเรื่องปัจจัตตัง ถ้ามันผิดศีล มันทำผิดชั่ว มันจะปิดอบายภูมิได้อย่างไร มันจะปิดอบายภูมิได้อย่างน้อยต้องเป็นพระโสดาบัน เพราะพระโสดาบันมันมีสติที่สมบูรณ์ พระโสดาบันไม่ถือมงคลตื่นข่าว ไม่นับถือนอกพระพุทธศาสนา ไม่ทำความชั่วใดๆ ทั้งสิ้น มันจะไปตกอบายภูมิได้อย่างไร

แต่ถ้ามันยังเป็นสังคมโลกอยู่ ถ้าสังคมโลกอยู่ ไอ้คนที่เขาอยากเล่นหวย พอเล่นหวยขึ้นมา มีหลายที่บอกเขาซื้อหวยแล้วเขาถูกทุกงวดเลย ทุกคนยกเขาเป็นอาจารย์เลย ซื้อหวยถูกมันก็เป็นสิ่งคนที่แปลกประหลาดแล้วนะ ทุกคนจะเป็นลูกน้องเพื่อจะขอเลขเขาบ้าง นี่ไง บอกเงินบาปๆ เงินบาปโดยสัจจะโดยความจริง นั่นคือเงินบาป แล้วถ้าเงินบาปนั้นเอาไปทำบุญจะได้บุญไหม...ได้

นางอะไรในสมัยพุทธกาลเป็นโสเภณี วัดอะไรที่เป็นของโสเภณีเลย เขาเป็นโสเภณีนะ แต่เขาได้มาด้วยอาชีพของเขา เขาสร้างวัด วัดในสมัยพุทธกาล

เราโจมตีกันมาก ผู้ที่หาเงินโดยความผิดกฎหมายแล้วมาสร้างวัด วัดนี่ แหม! พระนี่ชื่นชมยกย่องเขา ไอ้ชื่นชมยกย่องเขามันเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ไอ้เรื่องที่เขาทำ เงินที่เขาได้มาด้วยเงินบาป แต่เขามาทำบุญได้บุญไหม มันได้ เพราะอะไร เพราะธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ถ้าจะสะอาดบริสุทธิ์ จะละเอียดนะ ปฏิคาหก เราเป็นฆราวาส เราทำสัมมาอาชีวะได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรง แล้วเรามีศรัทธาความเชื่อของเรา เราจะทำบุญ ปฏิคาหกไง ผู้ให้ ทรัพย์สินที่ได้มา ได้มาแล้วมีเจตนาที่ดี เจตนาทำเสร็จแล้วชื่นชม ได้มาโดยเจตนาที่ดี เวลาทำแล้วก็คิดว่าพระองค์นี้ดี พอทำเสร็จไปแล้ว ไปรู้ว่าพระองค์นั้นเลว เสียใจ อยากได้คืน นี่มันไม่สมบูรณ์

ปฏิคาหก ผู้ให้ ให้ด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ ขณะที่ให้ ให้เสร็จแล้วยังชื่นชม ผู้รับ รับด้วยพระครูบาอาจารย์ เช่น หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านไม่รับด้วย ผ้าป่าก็ไม่มี กฐินก็ไม่มี ท่านไม่รับใดๆ ทั้งสิ้น ท่านไม่เคยรับเรื่องอย่างนี้เลย ครูบาอาจารย์ที่ท่านสะอาดบริสุทธิ์ท่านไม่ต้องการนะ แล้วไม่รับด้วย ไม่รับหมายความว่า ปลั๊กไฟ ถ้าเต้าไฟไม่เสียบเข้าสู่ปลั๊กไฟ ไฟนั้นจะเดินไม่ได้ ภิกษุถ้าเราไม่รับ เราก็ตัดเลย ไม่ต้องให้มันมายุ่งกับเรา ตัดหมด ตัดหมดเลย เพื่ออะไร เพื่อไม่ให้เงินบาป เพื่อไม่ให้เป็นสิ่งที่สกปรกเข้ามาสกปรกโสโครกไง แต่ถ้าผู้รับ ผู้รับรับด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ รับเสร็จแล้ว ทำแล้ว ปฏิคาหก นี่บุญเป็นอย่างนี้ แล้วบุญเป็นอย่างนี้ แล้วความสะอาดบริสุทธิ์มันหาได้ แล้วหาได้ที่ไหนล่ะ

เพราะสังคม สังคมมันมีหยาบ มีกลาง มีละเอียด คำว่า หยาบ กลาง ละเอียด” เงินที่เขาไปซื้อหวย เขาถูกหวยมานี่เป็นเงินบาปไหม เขาเขียนมาว่านี่เงินบาป แล้วเอามาทำบุญ เป็นบุญหรือเป็นบาป

เป็นบุญ แต่ถ้าเวลาเขาซื้อหวย ซื้อหวยแล้วไม่ถูกเลย เขาต้องเสียเงินซื้อหวยเป็นล้านๆๆ เลย เขาจะเอาอะไรมาทำ เป็นบาปไหม นั่นน่ะบาป

แล้วเป็นบุญ เป็นบุญหมายถึงการกระทำไง การเสียสละ บุญมันคือบุญที่การกระทำนั้น แต่ถ้ามันจะสะอาดมันจะบริสุทธิ์ มันอยู่ในเนื้อหาสาระ นั้นอีกขั้นตอนหนึ่ง แต่ถ้ามันไปติดสินบนพระ ถูกรางวัลแล้วมาทำบุญกับพระ แล้วพระต้องให้หวยเบอร์ใหม่ อย่างนี้ติดสินบน อย่างนี้ได้บุญหรือได้บาป

เวลาทำบุญกับพระแล้ว แหม! งวดนี้สองตัว งวดหน้าสามตัวนะ งวดต่อไปรางวัลที่หนึ่งเลย เงินบาปต่อบาปไง แต่ถ้าเขาซื้อหวยของเขา โดยปฏิภาณของเขา โดยอำนาจวาสนาของเขา เขาได้ของเขามา พอได้ของเขามา เขาจะทำบุญของเขา ทำบุญของเขามันก็เป็นบุญของเขา เงินที่เขาได้มา เขาได้มาด้วยการซื้อหวย เขาไม่ได้ไปโกงใครมา แต่มันผิด ผิดเพราะมันเป็นการพนันขันต่อ การพนันขันต่อ เงินที่ได้มาได้จากการพนันไง ไม่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงไง นี่ไง ถ้าพูดถึงทำบุญมันเป็นวิทยาศาสตร์เลย บุญสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์ บุญมากหรือบุญน้อย ทีนี้มันก็อยู่ที่อำนาจวาสนาของคน

อย่างเรา เราเป็นคนทุกข์คนเข็ญใจไม่มีตังค์เลย ทุคตะเข็ญใจในสมัยพุทธกาล ไอ้ที่ว่าไปทำบุญแล้ว ไอ้ที่ว่าชนะแล้วๆ นั่นน่ะ เพราะอะไร เพราะเขามีผ้าผืนเดียว กลางวันจะออกบ้าน ไม่สามีก็ภรรยาได้ออกจากบ้านได้คนเดียว เพราะมีผ้าผืนเดียว สามีนุ่งผ้าไป กลับมาภรรยานุ่งผ้าไป แล้วพอไปจะไปทำบุญกับพระ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งคิดแล้วคิดอีกเลยนะ ถ้าทำบุญไปแล้ว กลับบ้านไป ภรรยาไล่ออกจากบ้านแน่ๆ เลย เพราะกลับไปโดยไม่มีผ้าผืนนี้กลับไป เขาไม่มีอะไรเลย เขานั่งคิดตั้งแต่หัวค่ำนะ จนเที่ยงคืนจนเกือบสว่าง ตัดสินใจถวาย ถวายเสร็จแล้วนะ เขาก็ไปใช้ใบไม้ นุ่งใบไม้ พอนุ่งใบไม้ พอถวายพระพุทธเจ้าก็เทศนาว่า ชิตังเม เธอชนะแล้ว ชนะหัวใจของตน พอชนะหัวใจของตน พอชนะแล้ว วันนั้นมีกษัตริย์ มีพระเจ้าพิมพิสารหรือใครไม่รู้อยู่ที่นั่นด้วย พอพระพุทธเจ้าบอกว่าชนะ กษัตริย์ตกใจไง นึกว่าข้าศึกมา ตกใจว่าไหนใครแพ้ใครชนะ

แล้วพระพุทธเจ้าก็เทศน์บอกทุคตะเข็ญใจเป็นคนชนะ ชนะความตระหนี่ในใจของตน ได้บุญกุศล พอได้บุญกุศล กษัตริย์ก็ไปขอบุญอันนั้น จะไปซื้อบุญอันนั้น เอาเงินให้ มันก็เลยได้ทรัพย์กลับมามหาศาลเลย นี่สมัยพุทธกาล ไอ้นั่นมันเป็นข้อเท็จจริงไง

ไอ้อย่างของเรา ถ้าเราจะชนะ เราจะชนะใจของเราเอง เราเป็นคนทุกข์คนเข็ญใจ เราไม่มี เราก็อยากมีอยากจะเป็น ถ้าอยากจะมีอยากจะเป็น ถ้าเขาไปซื้อหวยแล้วเขาถูกขึ้นมา เขาอยากทำบุญของเขา คนไม่มี เวลาเขาเสียสละ มันเป็นเรื่องมหาศาลนะ ไอ้คนที่มีเสียสละมากน้อย ของเล็กน้อย

ฉะนั้น ไอ้อย่างที่ว่าถ้าเขาเสียสละของเขานี่ได้บุญไหม ได้แน่นอน

แต่ถ้าบอกว่าจะคิดแบบวิทยาศาสตร์ คิดแบบชนรุ่นใหม่ ถ้าเป็นแบงก์ก็ต้องพิมพ์ออกมาจากเครื่องพิมพ์เลย สะอาดบริสุทธิ์ แบงก์ของฉันต้องไหลออกมาจากแท่นพิมพ์ ผ่านมือใครไม่ได้ มันคิดบ้าบอคอแตก แต่มันไม่ได้คิดถึงเวร ถึงกรรม ถึงจริตนิสัย ถึงอำนาจวาสนา ถึงคนหยาบคนละเอียด ในสังคม หัวใจของคนมันแตกต่างหลากหลายเยอะแยะไปหมดเลย

ทีนี้เวลาเขาบอกว่าเงินบาป เราก็เห็นด้วยว่าเงินบาป เงินบาปเพราะอะไร เงินบาปเพราะคนที่มีสติปัญญานะ เพราะเราอยู่ในวงกรรมฐาน เราก็มีวาสนาอย่างหนึ่งเหมือนกัน เวลาบวช เราก็บวชกรรมฐานเลย แล้วก็บวชอยู่ในวงกรรมฐาน ถ้าบวชในวงกรรมฐานนะ สมัยที่หลวงปู่ฝั้นที่วัดอุดมสมพร โยมในวัดนะ ถือศีล ๘ ไม่ดูหนัง ไม่มีการละเล่น ไม่มีอะไรทั้งสิ้น มีมหรสพสมโภช ไม่เคยไป ถือศีล ๘ แล้วเขาเคร่งครัดของเขา เคร่งครัดของเขา เพราะเขามีครูบาอาจารย์ที่ดี ครูบาอาจารย์ หลวงปู่ฝั้นท่านสอนอยู่ในแนวทางหมดเลย

พวกนี้อยู่ในวัด แล้ววันธรรมดาจะมาอยู่วัด อยู่วัดมาทำอะไรรู้ไหม อยู่วัดก็มาช่วยดูแลต้นไม้ ช่วยพระหมดเลย เขาอยู่วัดอยู่วา อยู่วัดเหมือนพระเลย แต่เขาเป็นฆราวาสเท่านั้นน่ะ นี่ถ้าเขาเจอครูบาอาจารย์ที่ดี เขาเจอครูบาอาจารย์ที่ดี ชีวิตเขาร่มเย็นเป็นสุข ภรรยาที่บ้านก็ไว้ใจได้ สามีก็ไปวัด ไม่ไปบาร์แน่นอน ในบ้านก็ไว้เนื้อเชื่อใจกันหมด ในบ้านก็ผลัดกันไปวัดไปวา แล้วเขาไปวัดไปวา เขาก็ไปสร้างคุณงามความดีของเขา นี่ไง ถ้าสังคมอย่างนั้นมันก็สุดยอดไง

นี่ไง ที่ว่าหลวงปู่มั่น อย่างหลวงตาท่านสั่งหลวงปู่ลีไว้ ออกไปแล้วห้ามเทศน์ ห้ามเทศน์เพราะอะไร เพราะการเทศน์ที่ดีที่สุดคือการประพฤติพฤติกรรมของตนนั่นน่ะ พฤติกรรมของพระไปอยู่ที่ไหน ชาวบ้านอยู่กับพระ ชาวบ้านที่ไหนบ้างที่ติดวัด ไม่รู้ว่าพระองค์นั้นดีหรือไม่ดี ชาวบ้านที่อยู่รอบวัดเขารู้ไม่ได้ใช่ไหมว่าพระวัดนี้ดีหรือไม่ดี ชาวบ้านเห็นก่อน

การสอนที่ดีที่สุดคือไม่ต้องสอน แต่เราประพฤติปฏิบัติให้ดีงาม เราทำตัวเราให้ดี ทำตัวให้ดี ดีนี่ดีนอกๆ ถ้าดีข้างใน จิตสงบ จิตสงบแล้วมันไม่ฟุ้งซ่านไปข้างนอกเลย มันยิ่งเห็นคุณค่าของหัวใจ แล้วถ้ามันมีการกระทำนะ มันยิ่งมีคุณค่าเข้าไปใหญ่ ถ้ามีคุณค่า

นี่ไง เราบอกว่า เพราะเขาบอกคำว่า เงินบาป” เพราะว่าเห็นสังคมมีแต่การพนัน มีแต่บาร์แต่ผับ มีแต่คนเที่ยวเล่น มีแต่มหรสพสมโภช มีแต่อบายมุข มันไม่เห็นมีของจริงเลย

ไม่มีของจริง ก็ไปวัดครูบาอาจารย์ที่ดีสิ แล้วเวลาไปวัดครูบาอาจารย์ที่ดี เขี้ยวเล็บถอดออกก่อนเข้าวัดนะ

เวลามาวัดครูบาอาจารย์ที่ดี ติเตียนไปหมดเลย จะเอาแต่ความพอใจของตน นู่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ดี แล้วมึงดีหรือยังล่ะ มึงมามึงดีหรือยัง ของเขาดีอยู่แล้ว ของเขาสงบระงับอยู่แล้ว มึงไม่ต้องมาจัดการอะไรทั้งสิ้นในวัดเขา จัดการใจของมึงนั่นน่ะ จัดการปากของมึงที่จะพูดออกมานั่นน่ะ จัดการซะ ปากมึงน่ะ แล้วทำตัวมึงให้ดี แต่เวลาไปมองคนอื่น คนอื่นเลวหมดเลย กูดีทั้งนั้นน่ะ นี่เงินบาปไง

แต่เราก็เห็นด้วย เราเห็นด้วยเพราะตามข้อเท็จจริงของพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนานะ เวลาศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ การพนันขันต่อ นี่ไง สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา สิ่งที่ทำเป็นเครื่องมัวเมาทั้งสิ้น ตั้งแต่โกหกมดเท็จร้อยแปด ถ้ามันเป็นจริง เป็นจริงมันต้องซื่อสัตย์กับเรา ถ้าซื่อสัตย์กับเรามันก็เป็นจริงของมันขึ้นมา ถ้าเป็นจริงขึ้นมา เราก็ทำความเป็นจริงขึ้นมา แล้วความเป็นจริงขึ้นมา นี่เงินบาป แต่เวลาพอจะดีงามขึ้นมา มันขาดแคลนขึ้นมา เงินบาปก็ดีนะ เงินบาปก็ถวายพระได้นะ

เงินมันเงินบาปอยู่แล้ว เพราะเริ่มต้นจากการได้มามันผิด การได้มาคือการพนันขันต่อ ไม่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรา แต่ถึงเป็นการพนันขันต่อโดยถูกต้องตามกฎหมายนะ คือเล่นการพนันกันเขาก็มีกติกาใช่ไหม ไม่ใช่ไปโกงเขา ถ้าเขาได้ของเขามา มันก็เป็นโชคของเขา เป็นลาภของเขา

ลาภที่ควรได้หรือลาภที่ไม่ควรได้ ลาภที่ควรได้ก็คือลาภของเขา ลาภที่ไม่ควรได้ ได้มาเดี๋ยวมันก็ฆ่าแกงกัน ถ้าลาภที่ไม่สมควรได้มา ไปช่วงชิงเขามา เดี๋ยวก็เกิดการฆ่าฟันกัน แต่ถ้าลาภของเขา ลาภที่เขาได้ของเขามา เขาจะเสียสละ เขาจะทำบุญของเขา ได้บุญไหม ได้ ทำไมจะไม่ได้ ได้ แต่ถ้าสิ่งที่สะอาดบริสุทธิ์นั้นมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ทีนี้เวลาสังคมโลกจะเป็นอย่างนี้ บอกว่า “เวลาพระเทศน์นะ มีศีลมีธรรม เวลาคนเขาคดเขาโกงมา ทำบุญ แหม! ชื่นชมเขาใหญ่เลย”

มันก็อยู่ที่อำนาจวาสนานะ กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน กรรมน่ะ กรรมดี กรรมชั่ว เขามีกรรมดีกรรมชั่วอะไรของเขามา ถึงเวลาแล้วเขามาเสวยวิบากของเขา ถ้าเสวยวิบากของเขา ถ้าเขามีสติปัญญา คำว่า เสวยวิบาก” ใช่ไหม อย่างเช่นเรามีเยอะแยะเลย ไปหาครูบาอาจารย์ พวกผู้หญิงไปหาหลวงปู่ขาว อยากจะเกิดเป็นผู้ชาย เกิดเป็นผู้ชายแล้วจะได้บวชเลย

เอ็งมาเกิดเป็นผู้หญิงนี่ก็กรรมของเอ็งไง วิบากกรรมที่เรามาเกิดกันอยู่นี่ไง ถ้าวิบากกรรมที่มาเกิดอยู่นี่ เราก็ทำคุณงามความดีจากตรงนี้ไปสิ เราจะไปวิตกวิจารณ์อะไรไปอนาคตอีกล่ะ

นี่ก็เหมือนกัน เวลาไป นู่นก็ไม่ถูก นี่ก็ไม่ถูก มันจะไปแก้ไขให้ถูกใจจนหมดเลย แต่คนที่เกิดมาแต่ละบุคคล จริตนิสัยคือความคิด ความคิดของคน บางคนสูงส่งก็สูงส่ง แต่สูงส่งนะ มันก็ไม่ใช่สูงส่งตลอดรอดฝั่ง มันสูงส่งตามแต่อารมณ์เดี๋ยวเดียวเท่านั้นน่ะ พอเดี๋ยวมันเกิดความทุกข์ความยาก เกิดการกดดัน เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนความคิดแล้ว อารมณ์ความรู้สึกเชื่ออะไรไม่ได้ทั้งสิ้น แล้วนี่ก็เหมือนกัน เวลามาศึกษาธรรมขึ้นมา เริ่มต้นใหม่ๆ ขึ้นมา เงินบาปเชียว เวลาไปอยู่เป็นพระนานๆ ขึ้นมา “เฮ้ย! ก็อยากได้เงินบาปเหมือนกันแล้วนะ เงินบาปมันก็ใช้ได้นะเว้ย เงินบาปมันก็เป็นเงินนะมึง”

ถึงจะเป็นเงินบาป ใช่แน่นอน ถ้าเราคุยกันเป็นวิทยาศาสตร์ คุยทางวิทยาศาสตร์เลยว่าสิ่งที่ได้มา มันได้มาด้วยความไม่ถูกต้อง การพนันขันต่อเป็นสิ่งที่ไม่ดีงามทั้งสิ้น ถ้าเราได้สามีหรือภรรยาที่ติดการพนัน ครอบครัวนั้นไม่มีความสุขเลย ถ้าครอบครัวไหนห่างไกลจากการพนัน มีความขยันขันแข็งการทำมาหากิน แล้วเราซื่อสัตย์สุจริต แล้วเราซื่อสัตย์ในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเราพยายามขวนขวายของเรา ครอบครัวนั้นจะมีความสุข ครอบครัวนั้นมีความสุขต้องสามีและภรรยามีความเห็นเสมอกัน

ถ้าความเห็นเสมอกัน อยู่กันด้วยความร่มเย็นเป็นสุขนะ ถ้าความเห็นไม่เสมอกัน ระแวง เขาจะไปทำความดี แต่เราไม่ไว้ใจเขา เราไม่ไว้ใจคนไปทำความดี แล้วไอ้คนที่ไปทำความดีเขาไม่เครียดหรือ เพราะเขาไปทำความดี แต่เราไม่ไว้ใจเขา แต่เวลามันไปทำความชั่ว ตัวเองก็ไม่รู้อีกว่าเป็นความชั่ว เขาจะไปปล้นไปชิงส่งเสริมเขาเลยนะ มันไม่เท่ากันหรอก มันถึงบอกว่าเวรกรรมของคนมันแบบว่ากงกรรมกงเกวียนน่ะ

แต่ถ้ามันทำคุณงามความดีนะ มันไว้เนื้อเชื่อใจกันได้ มันทำคุณงามความดีขึ้นมาแล้วมันก็เป็นความดี ทีนี้สังคม โลกนี้เป็นอจินไตย มันซับซ้อนกันมามากนัก แล้วเราจะขีดเส้นให้เป็นอย่างนั้นไปหมด คนคนหนึ่งนะ เริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็ก วัยทำงาน วัยอายุมาก วัยเฒ่าชรา ความเห็นมันเปลี่ยนแปลงไปตลอด

นี่ก็เหมือนกัน ไอ้คำว่า เงินบาป” เพราะมันเขียนมาอย่างนี้บอกว่ามันเป็นเงินบาป แล้วไปทำบุญได้หรือเปล่า เราก็เห็นด้วย เป็นเงินบาปใช่ไหม ใช่ เพราะว่าอบายมุข การพนันขันต่อมันเป็นต้นทางของการทำความผิดทั้งนั้นน่ะ แต่ถ้าเขาทำแล้ว เพราะมันเป็นปัญหาสังคม ปัญหาสังคมเลยแหละ ชาวพุทธเช้าตักบาตร กลางวันตีไก่ กลางคืนกินเหล้า เช้ามาตักบาตรอีกแล้ว สังคมไทย สังคมพุทธ ชัดๆ เลย แต่ถ้าของเราล่ะ เราจะเอาคุณงามความดี เราก็คัดเลือกแยกเอา

ฉะนั้นบอกว่า เขาต้องการความเห็นจากเราไง “กราบเรียนหลวงพ่อ ถ้าเราเอาเงินรางวัลจากการที่ซื้อลอตเตอรี่ไปทำบุญ เราจะทำบุญ จะได้บาปไหมครับ”

ทำบุญได้บุญ เพราะเงินของเราคือเงินของเรา เพียงแต่ต้นทางเราได้มาด้วยการพนัน แต่ถ้ามันได้มา การทำบุญนะ ไม่ต้องเสียตังค์ นั่งเฉยๆ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธประเสริฐที่สุด นั่งหายใจนะ นั่งแล้วกำหนดหายใจนี่ประเสริฐที่สุด เพราะคนคนนั้น การทำบุญใดก็แล้วแต่ ทาน พอทำทานแล้วมันเข้าไปใกล้ชิดศาสนา ฟังธรรม พอฟังธรรมแล้วก็ถือศีล ถือศีล เวลาปฏิบัติขึ้นมามันก็ต้องมาหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เพราะเวลาสุข ใจมันจะสุข

ใจที่มันฟุ้งมันซ่าน ใจที่มันเครียด ใจเพราะมันทุกข์มันยาก เพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยาก เวลาเราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ นี่อานาปานสติ เวลาฝึกฝนขึ้นมาแล้ว ถ้าจิตมันอยู่กับอานาปานสติ อยู่กับพุทโธ มันอยู่กับพุทธานุสติ อยู่กับอานาปานสติ สติที่เป็นอานาปานสติ สติที่เป็นพุทธานุสติ อยู่ใกล้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าจิตมันสงบ มันระงับ มันปล่อยวางขึ้นมา สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี เราค้นหาหัวใจของเรานี่สัจจะความจริง

นี่ไง ทำบุญ ทำบุญโดยที่ไม่ต้องเสียตังค์เลย แต่โดยข้อเท็จจริงคนเรามันทำได้ยาก เพราะมันลังเลมันสงสัย มันระแวง มันวิตกวิจารณ์ไปหมดเลย เลยต้องทำบุญก่อนไง เพราะทำบุญขึ้นมาให้จิตใจเรามันหนักแน่น เพราะมันไปฟังธรรมให้มันแน่ใจ เออ! ใช่ๆๆ ทำบุญ ที่ทำบุญๆ เหตุอย่างนี้ พระพุทธเจ้าที่ว่าให้มาทำบุญๆ ทำบุญเพราะว่าให้เข้าไปใกล้ชิด ให้เข้าไปศึกษา ให้เข้าไปค้นคว้า พอค้นคว้าแล้วเอาหรือไม่เอา เอาหรือไม่เอา เอาหรือไม่เอา มันเหมือนจะภาวนาหรือไม่ภาวนาไง อยู่ดีๆ จะมาภาวนาเลยก็มี คนทุกข์คนจนเข็ญใจเวลามันกระทบสิ่งใดรุนแรง ตัดสินใจภาวนาเลย พระสมัยพุทธกาลมี แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมันหาได้ยาก พอหาได้ยาก มันก็เลยมีทาน ศีล ภาวนา

ฉะนั้นบอกว่า “ต้องมีเงิน ต้องทำบุญ ต้องแสวงหา ไม่มีจะไปทำอย่างไร พระพุทธศาสนาต้องทุ่มเท”

ทุ่มเทชีวิตมึงน่ะ ทุ่มเทเจตนาที่มาภาวนา ภาวนาที่บ้านก็ได้ ภาวนาที่ไหนก็ได้ หลวงปู่ฝั้นท่านพูดไง เวลานั่งรถเมล์ไปทำงานหายใจทิ้งเปล่าๆ เวลานั่งรถเมล์ รถเมล์ก็วิ่งไปใช่ไหม เราก็หายใจมีสติ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ มันก็เป็นอานาปานสติ การหายใจไม่หายใจทิ้งเปล่าๆ นี่ไง ทำบุญ ทำบุญมีค่ามากกว่า เพราะอะไร เพราะคนที่จะหันเข้ามาศาสนานี้มันแสนยาก

นี่ก็เหมือนกัน คนที่ไปซื้อหวย แล้วบอกไปทำบุญจะได้บุญหรือเปล่า มันไปทำบุญมันกะจะถูกคราวหน้าไง ถ้าไม่ทำ เดี๋ยวมันไม่ถูก แต่ทำบุญแบบได้บุญ มันไม่ได้คิดหรอก

บุญมันคืออะไร บุญคือความสุขใจ บุญมันคือความพอใจ บุญคือเป็นอิสระ บุญคือหัวใจเราไม่โดนใครกดขี่ข่มเหงโดยกิเลส นั่นคือบุญ บุญคือความอิสระเสรีภาพ อิสระเสรีภาพด้วยสติด้วยปัญญานะ ไม่ใช่อิสระเสรีภาพด้วยคนบ้าศรีธัญญา อิสระโดยงงๆ อิสระโดยไม่มีสติ อิสระโดยตาเหม่อลอย...ไม่ใช่

อิสระอยู่บ้าน อยู่ที่ไหนด้วยความสงบระงับ อยู่ในวิกฤติยังยิ้มได้เลย อยู่ในมรณานุสติ อยู่ในมรณภัย อยู่ในขณะที่จะต้องตาย ชีวิตจะออกจากร่างอยู่แล้วมันยังยิ้มเลย เห็นไหม บุญ ถ้ามีบุญนะ มีบุญต่อเมื่ออยู่ต่อหน้ามรณานุสติ ต่อหน้ากำลังจะเป็นจะตายยังยิ้มๆ เลย บุญ ไม่ต้องเอาเงินเอาทองมาประเคน ไม่ต้อง เอาหัวใจมึงมา แล้วค้นหาหัวใจมึงให้เจอ แล้วทำของเอ็งให้ได้ความจริง นี่พระพุทธศาสนา

แต่ในสังคมโลก มองไปในสังคมสิ สังคมมันก็เหมือนเด็กๆ เด็กๆ ที่มันอ่อนแอมันได้เข้าวัดเข้าวา แค่ยกมือไหว้มันก็อู้ฮู! ยากแล้วนะ เด็กๆ เวลามันยกมือไหว้นี่บอกเหนื่อยมากเลย เด็กๆ ให้มันยกมือไหว้สิ โอ้โฮ! ยกมือไหว้นี่เก่งเลยนะ มันยังไม่ทำอะไรเลย แต่ผู้ใหญ่กว่าจะทำได้

นี่ก็เหมือนกัน หัวใจกว่ามันจะเชื่อถือ กว่ามันจะลงใจ กว่าจะทำได้ ภาวนาเดี๋ยวก็จะบ้า ไม่มีครูมีอาจารย์ ภาวนาไปเดี๋ยวไปเจอผี วิตกวิจารณ์ไปหมด แต่เวลาทุกข์มันไม่ได้คิดเลยนะ จะเป็นจะตาย มันไม่รู้จักเลยนะ จะทำความดี ไม่ได้สักอย่างหนึ่ง แต่ถ้ากิเลสมันลากไปนี่ถูกต้องดีงามหมด ถูกไปหมดเลย

ฉะนั้นบอกว่า ทำบุญได้บุญหรือไม่

ได้

ไอ้บาป ได้ตั้งแต่เริ่มเล่นการพนันแล้วแหละ แล้วถ้ามันจะเป็นบาป อะไรมันเป็นบาป เพราะเราเจตนาทำคุณงามความดี เพียงแต่ของนั้นมันได้มาจากไม่สะอาดบริสุทธิ์เท่านั้นน่ะ แต่ถ้ามันได้สะอาดบริสุทธิ์ มันก็ไม่อยากทำอีก เก็บไว้ เพราะมันลงทุนลงแรงมายาก ทำมายาก ไอ้เล่นหวยมันได้มาแล้วทำบุญเลย ไอ้เราทำงานทั้งเดือนเลย เก็บซ่อนมันไว้เลย แล้วมันไปเที่ยวหมด มันเที่ยวหมด

เราจะบอกว่า เรื่องอย่างนี้มันเรื่องปลีกย่อย เป็นเรื่องปัญหาสังคม แต่ถ้าเป็นชาวพุทธจริง ถ้ามีศรัทธาความเชื่อแล้ว ปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด

คนเราเกิดมานะ ต้องมีออกซิเจน ต้องหายใจอาหารอันละเอียด แล้วถ้ามีสติ มีสติคือมีจิตใจที่เข้มแข็ง จิตใจที่รู้คุณงามความดี แค่กำหนดลมหายใจเข้าและลมหายใจออก แล้วถ้าสติมันสมบูรณ์ดีงามนะ ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ ถ้าเหตุมันสมบูรณ์ขึ้นมา สมาธิมันต้องเป็นไปตามความเป็นจริงแน่นอน เป็นความสัตย์ เป็นวิทยาศาสตร์

แต่ไอ้นี่มันสักแต่ว่าทำไง เขาว่าพุทธ กูก็พุทธด้วย พุทธอะไรก็ไม่รู้ พุทธอะไรก็ไม่รู้ พุทโธ่เลย เขาพุทโธ ไม่ใช่ตกใจ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ พุทโธคือพุทธะ พุทธะคือพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าคือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พระพุทธเจ้าคือสัจจะคือความจริง เขาพุทโธๆ อย่างนั้น เขาไม่ใช่พุทโธ่ กูไม่น่าทำเลย

เขาพุทโธ พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แล้วถ้ามันเป็นความจริงขึ้นมานะ ถ้าจิตใจมันมีสติมีปัญญาขึ้นมามันทำอย่างนั้น มันก็เป็นประโยชน์นะ นี่ไง นี่กุศล

ไอ้นั่นเขาว่าเงินบาป แต่ถ้ามันเป็นกุศล เป็นกุศลนะ แล้วหัวใจคนมันแตกต่างหลากหลาย จะบอกว่าให้คนสะอาดบริสุทธิ์ทั้งหมดไม่มีหรอก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แล้วอารมณ์ของคน โลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ ติฉินนินทาร้อยแปดพันเก้า แต่ถ้าเอาจริงๆ เราพยายามทำของเราให้เข้าสู่สัจจะให้เข้าสู่ความจริง อันนั้นจะเป็นกุศลของเราเพื่อบุญกุศลของเรา

ไอ้นี่เป็นคำถาม อันนี้เป็นปัญหาสังคม แต่เราก็อยากจะพูด เราพูดเพราะมันเป็นมุมมองของสังคมไง มันไม่ใช่มุมมองของชาวพุทธ

ชาวพุทธนะ หลวงปู่แหวนว่า กระดาษ เงินน่ะ ไอ้หลังลาย ท่านเผาทิ้งด้วย จุดเผาทิ้งเลย เพราะอะไร เพราะมันเป็นสื่อให้คนไปติดพันมันน่ะ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ถ้าคนมันเป็นจริงนะ เรื่องนี้ไร้สาระมาก เพราะเขาหวังมรรคผลนิพพาน เขาไม่หวังอย่างนี้

แต่ก็ดีแต่พูดตอนนี้ พอโยมกลับหมดเลย เดี๋ยวเราจะปลิ้นปล้อนแล้ว ไอ้เวลาพูด ดีแต่พูดต่อหน้าโยม เวลาลับหลังขึ้นมายิ่งกว่าโจร อันนั้นเวลาพูดถึงว่าความเหลวไหลของผู้ที่ขาดสติ

แต่ถ้ามันมีสติมีปัญญาขึ้นมานะ เขาจะรักษาตัวเขา เพราะการเกิดนี้แสนยาก แล้วเกิดแล้วจะได้บุญกุศลมากน้อยแค่ไหน แล้วทำให้มันสมกับว่าเราได้เกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เอวัง