เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๙ ก.พ. ๒๕๕๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

วันนี้วันพระ วันพระวันเจ้านะความจริงมันเป็นวันที่สดชื่นรื่นเริง วันหยุดนะ เราหยุดจากงานจากการเพื่อ... สมัยโบราณของเราหยุดวันพระ แล้ววัฒนธรรมประเพณีไม่เหมือนกัน เห็นไหม ศาสนาต่างๆ แต่ละศาสนาวันหยุดไม่เหมือนกัน นี่เป็นสากลๆ เราก็เห็นแก่เรื่องปากเรื่องท้อง เศรษฐกิจไง ไปหยุดเสาร์อาทิตย์แล้วนี่มันเป็นสากล เราไปพร้อมเขา แล้วมันก็แห้งแล้ง มันก็เลยมองข้ามกันไปเรื่อยๆ ไง

กฎหมายนี่บริหารกันที่กฎหมาย กฎหมายบังคับคนเฉยๆ นะ แต่กฎหมายมันหลีกเลี่ยงกันขนาดไหน แต่ถ้าศีลธรรมมันบังคับหัวใจ ถ้าเราไม่คิดชั่ว เราไม่ทำความชั่วจากใจนี่กฎหมายมันเป็นเรื่องปลายๆ นะ เขาบริหารกันที่กฎหมาย แล้วกฎหมายเอาคนไม่อยู่หรอก แต่ถ้าความละอายนี่เอาคนอยู่นะ ความละอายใจ เราเกรงกลัวต่อบาป เกรงกลัวต่อบาปออกมาจากใจนะ กฎหมายนี่เราไม่ทำผิดกฎหมายกฎหมายก็อยู่แค่นั้นนะ แต่นี่บริหารกฎหมายกันแล้วก็อ้างว่ากฎหมาย กฎหมายส่วนกฎหมาย กรณีกฎหมายผิดหรือไม่ผิดอีกเรื่องหนึ่ง

นี่ศีลธรรม กรณีศีลธรรมการผิดถูกอีกเรื่องหนึ่ง เห็นไหม แล้วเราเป็นพระกัน เราเป็นพระนะ เราเป็นพระนี่เราเป็นผู้นำเขา เวลาเราให้ศีลให้พร เห็นไหม ให้ศีลเขาเราเอาอะไรไปให้เขา ในเมื่อพระยังกะล่อน พระยังกะล่อนนะ พระยังมีเล่ห์เหลี่ยมอย่างนี้แล้วเอาศีลอะไรไปให้เขา เพราะอะไรรู้ไหม เพราะประเพณีวัฒนธรรม เห็นไหม รากเหง้าของสังคม สังคมของเราอยู่กับศาสนามา มันแต่ละบุคคล ในบริษัท ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา

ในเมื่ออุบาสก อุบาสิกา ดูสิ ดูพระเรา เห็นไหม ศาสนทายาท เราสร้างพระกัน เห็นไหม มีพระ มีเณร เอาเณรเข้ามาบวชเอามาศึกษาให้เข้าไปในหัวใจของเขา เพื่อเป็นศาสนทายาทสืบต่อศาสนากันมา เพราะศาสนา เห็นไหม ภิกษุเป็นผู้จรรโลงศาสนา เป็นผู้เฝ้าศาสนา เห็นไหม มดแดงเฝ้าพวงมะม่วง เวลาเรามีลูกมีเต้าขึ้นมา ลูกเต้ามาบวชนี่พ่อแม่ได้ ๑๖ กัป เพราะอะไร เพราะเราเอาไข่ของแม่เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วเอาเลือดเนื้อเชื้อไข เพราะเกิดมาเป็นมนุษย์กินน้ำนม กินเลือดกลางหัวอกของแม่ แล้วเอาลูกมาค้ำศาสนาไว้ ๓ เดือน ๖ เดือน ๘ เดือน แล้วแต่ใครมาค้ำศาสนาไว้

มดแดงเฝ้ามะม่วง ถ้ามดแดงเฝ้ามะม่วง เห็นไหม มันหวงว่ามะม่วงเป็นของมัน แล้วใครฉลาด มนุษย์ที่ฉลาดสอยมะม่วงมา แล้วได้ปลอกมะม่วงนั้นกิน มะม่วงนั้นเป็นประโยชน์ไหม ศาสนธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตัวศาสนาคือตัวธรรมะ พระเข้ามาศึกษา ปริยัตินี่เข้ามาศึกษา ศึกษาแล้วได้กินมะม่วงไหม ได้ปลอกมะม่วงไหม ได้รสชาติของมะม่วงไหม ถ้าได้รสชาติของมะม่วงนะ รสชาติของมะม่วงใจเป็นธรรม ถ้าใจเป็นธรรมนะมันจะเคารพ มันจะมีความละอาย มีความเกรงกลัว มันมีความเกรงกลัว การกระทำมันจะแสดงออกมาจากใจ ถ้าแสดงออกจากใจมันจะไม่มีการขัดแย้งหรอก

กฎหมายนะสมมุติทั้งนั้นนะ วินัยนี่สมมุตินะ สมมุติไง เพราะวิมุตติมันพ้นจากพระธรรมและวินัยนี้ไป แล้วใจที่มันพ้นจากธรรมวินัยไป มันจะมาทำสิ่งที่ชั่วช้าอย่างนี้ไม่ได้หรอก ความสิ่งชั่วช้ามันทำได้หลายๆ อย่าง หลายอย่างเพราะอะไร เพราะมันปรารถนาลาภสักการะไง ถ้าปรารถนาลาภสักการะเพื่ออะไร ก็เพื่อตัวเขา ถ้าในเมื่อตัวเขาเป็นสภาวะแบบนั้น ในเมื่อตัวเขามันปรารถนาลาภสักการะ มันก็ทำทุจริตได้ทุกๆ อย่าง พอทำทุจริตได้ทุกๆ อย่าง สิ่งนี้มันไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย เพราะมันสร้างบาปสร้างกรรม

สร้างบาปสร้างกรรมนี่มหาโจร มหาโจรต่างคนต่างยกย่องกัน เห็นไหม เอ็งก็เป็นขั้นนั้น ข้าก็เป็นขั้นนี้ ขั้นอะไร? ขั้นบ้า ขั้นหาลาภสักการะ โลกธรรม ๘ เห็นไหม โลกเป็นสภาวะแบบนั้น ถ้าโลกเป็นสภาวะแบบนั้นโลกเป็นใหญ่ ถ้าธรรมเป็นใหญ่นะทำอย่างนี้ไม่ได้หรอก สิ่งนี้ที่ทำมันเป็นสองกรณี กรณีหนึ่งคือว่าในเมื่อต้องการชื่อเสียงสักการะ อีกกรณีหนึ่งคือกลัวมาก เห็นไหม

นี่ไปโป่งกระทิงมา เห็นไหม นี่ข้างหนึ่งส่งคนมารับ ข้างหนึ่งจะมาเยินยอ ข้างหนึ่งก็จะมาช่วยเหลือจะมาเจือจานกัน อีกข้างหนึ่งก็ขู่เข็ญ นี่มันเป็นปัญหาของการเมืองนะ การเมือง เห็นไหม ถ้าเอาเป็นพวกกูไม่ได้.. ซื้อมัน ซื้อไม่ได้.. ฆ่ามัน นี่ก็เหมือนกัน ต้องเอาเป็นพวกให้ได้ ถ้าเอาเป็นพวกได้มันก็ไม่มีคนมาชี้ถูกชี้ผิด เกรงอกเกรงใจกัน เห็นไหม นี่อย่างครูบาอาจารย์ท่านว่า ขออนุญาตกิเลสก่อนค่อยเทศน์นะ เพราะเดี๋ยวมันพูดแล้วไปขัดใจเขา มันขัดใจคือขัดกิเลสนะ เพราะกิเลสมันอยู่ในหัวใจใช่ไหม ก็พูดทิ่มเข้าไปที่กิเลสนั่นล่ะโว้ย! พูดทิ่มเข้าไปที่ใจมันน่ะ

ถ้ามันทุจริตคือทุจริต ถ้ามันสุจริตเป็นสุจริต อธรรมกับธรรมมันอยู่ในหัวใจ เห็นไหม ธรรมและวินัยเวลาเราสร้างขึ้นมามันอยู่ในหัวใจ มันผลัดกันนั่ง ถ้าอธรรมนั่งนะมันก็ใส่หน้ากากเข้าหากัน แล้วก็ทำลูบหน้าปะจมูก ถ้าเป็นพวกกูถูก ถ้าเป็นพวกมึงผิด แต่ธรรมะไม่เป็นอย่างนั้นหรอก ไฟใครจับมันก็ร้อน น้ำอยู่ที่ไหนมันก็ร่มเย็นเป็นสุข ความจริงมันเป็นความจริงวันยังค่ำ มันไม่มีพวกใครพวกเราหรอก นี่พวกเราผิดก็คือพวกเราผิด ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก ธรรมะต้องเป็นอย่างนั้น

แต่ถ้าสภาวะแบบนี้มันใช้ไม่ได้หรอก มันใช้ไม่ได้ ไม่มี เราไม่เคยไปขอขมาใครหรอก เราขอขมาแต่ครูบาอาจารย์ของเรา ครูบาอาจารย์ของเรา เราเคารพบูชาเพราะอะไร เพราะอุปัชฌาย์ นี่อุปัชฌายวัตร อาจริยวัตร เราเกิดมาจากท่านพ่อแม่ครูจารย์ พ่อแม่ครูจารย์ พ่อแม่เลี้ยงเรามาเลี้ยงแต่ร่างกายนะ ลูกเราเกิดมานะเลี้ยงแต่ร่างกาย หัวใจเลี้ยงมันได้ไหม ครูบาอาจารย์เลี้ยงทั้งร่างกายและจิตใจนะ ไปอาศัยกับท่าน เราไม่มีกิน ท่านก็ไม่มีกิน

พ่อแม่เวลาหาอาหารมานี่ ลูกเราเล็กๆ นะเราจะให้ลูกกินก่อนไหม เราห่วงลูกเราไหม เราต้องให้ลูกเราอยู่เย็นเป็นสุขก่อนใช่ไหมแล้วพ่อแม่ถึงสบายใจ ครูบาอาจารย์ก็เป็นอย่างนั้นนะ ท่านอดอิ่มอย่างไรก็ได้ ท่านให้เรามีอาหารเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง แล้วยังเลี้ยงใจอีกนะ ใจคิดดีคิดไม่ดี อาหารกินอย่างนี่ทำไมมันไม่กิน คนเขากว่าจะได้มาเขาหาทุกข์เขายาก เขาทำหน้าที่การงานของเขามากว่าจะได้เงินได้ทองมา เขาจะหามา เขาจะเอามา แล้วอุตส่าห์เอามาทำให้มันเป็นอาหารขึ้นมากว่าเขาจะถวายพระนี่ มันมาอย่างนี้กว่าจะมาได้ขนาดไหน มันอยู่ที่เราหรอก

เราเกิดมานี่เราอยู่ในสังคมที่ในเมือง เห็นไหม ตลาดราชบุรีมันมีนะ อยู่ในป่าไม่มีหรอก เขาได้สิ่งใดมาเขาต้องไปหา ตลาดก็ไม่มี ทุกอย่างก็ไม่มีนะ ต้องไปหาของป่าของเขามา แล้วเขาก็มาทำอาหาร แล้วมาใส่บาตร นี่กว่าเขาจะทำของเขามามันลงทุนลงแรงขนาดไหน เราไปบิณฑบาตของเขามา เราฉันของเขาไปแล้วเรามีน้ำใจให้เขาไหม นี่เขาให้อาหารเป็นทานใช่ไหม เราก็ให้ธรรมะเป็นทานเขาใช่ไหม

นี่สอนโดยไม่ต้องสอน ชีวิตของเรานี่ไม่ต้องสอน ชีวิตเราเป็นพระเป็นเจ้า ความเป็นอยู่ในสังฆะในสงฆ์นี่ ชีวิตของเรา ความเป็นอยู่ของเรามันสอนเขา นี่กินมื้อเดียว ถึงอดอาหารด้วย เขาอยู่กันได้อย่างไร ไอ้เรากินยี่สิบมื้อสามสิบมื้อยังหิวยังโหย หัวใจต้องการตลอดไป ทำไมท่านฉันของท่าน ท่านอยู่ของท่าน ท่านมีความสุขของท่าน ท่านอยู่โคนไม้นะฝนตกแดดออก ดูสิ อยู่ในป่าธุดงค์ไปนี่ฝนตกแดดออก ลมพัดกลดกล๊ดนี่ลอยไปหมดนะ แล้วเราอยู่กระต๊อบห้องหอ เห็นไหม เรายังมีที่หลบฝน แล้วเขาทำไมอยู่ได้ นี่สอนโดยไม่ต้องสอน ชีวิตของเรานี่ไม่ต้องสอนเขาหรอก ถ้าพระที่ดีๆ นะนี่

พระที่ดีคือพระธรรมดา ธรรมดานี่แหละพระที่ดี ธรรมดาไม่ธรรมดาไง แต่พระที่มีฤทธิ์มีเดช มีอวดอ้างอิทธิพล นั่นโกหกทั้งนั้นนะ ความจริงมันไม่หิวไม่บกไม่พร่อง หัวใจที่มันเต็ม หัวใจที่มันดี ยอดของธรรมนะคือสุดยอดสู่สามัญ มันเป็นสามัญ มันเป็นสามัญ ชีวิตธรรมดาเรานี่แหละ แต่ชีวิตธรรมดามันรู้จริงนะ มันรู้จริง มันเข้าใจจริง

ชีวิตนี้มาจากไหน เกิดมานี่อะไรพาเกิด แล้วเกิดมาทุกข์ยาก ทุกข์ยากเพราะอะไร แล้วทุกข์ยากกรรมเก่ากรรมใหม่ กรรมสะสมมา สะสมแล้วมันจะสิ้นสุดกรรมได้อย่างไร พอสิ้นสุดกรรมแล้วจิตนี้จะไปเกิดอีกไหม จิตไปเกิดอีกไหม เกิดมาเอาอะไรมาเกิด มันเกิดจากท้องพ่อท้องแม่ วิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ได้แค่นี้

ธรรมะนะ ปฏิสนธิจิตมาจากไหน กรรมมาจากไหน มันเกิดมานี่ปฏิสนธิจากครรภ์มารดาแล้ว ๙ เดือนออกมา ออกมาแล้วมาทุกข์มายาก ทุกข์ยากมาทำไม ทำมาหากินก็ทุกข์ยากอยู่แล้ว แล้วปฏิบัติมันทุกข์ยากเข้าไปอีก ยังอดนอนผ่อนอาหาร เขามีแต่เสพถึงมีความสุข ไอ้นี่มันผ่อนมันมีความสุขได้อย่างไร ความสุขสิโว้ย! ความสุขเพราะมันขัดแย้งกับกิเลส ขัดแย้งกับความต้องการ พอมันขัดแย้งกับความต้องการ เพราะขัดแย้งกับกิเลสก็ขัดแย้งกับความรู้สึก ขัดแย้งกับมัน เราต่อสู้กับมัน แล้วถ้ามันหมดไป ความพร่องในหัวใจหมดไป มันจะมีความสุขขนาดไหน

อันนี้มันพร่องตลอดเวลา มันต้องการทั้งนั้นนะ ทุกอย่างมันต้องการแสวงหา แล้วเราโต้แย้งกับมัน เราขัดแย้งกับมัน นี่มันต่อสู้กัน การต่อสู้กัน โลกเขาทำมาหากินเขาต้องทุกข์ยากของเขา ไอ้เรานี่เราต่อสู้กิเลสมันต้องทบ ๒ เท่า ๓ เท่าเข้าไป เพราะอะไร เพราะเขาตายเปล่านะ เขาได้บุญกุศล บุญกุศลก็พาเขาไปเกิดเป็นเทวดา อินทร์ พรหม มันก็เวียนตายในวัฏฏะ มันเป็นผลของวัฏฏะ มันก็หมุนเวียนอย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ในการประพฤติปฏิบัติมันต้องสิ้นสุด ถ้าสิ้นสุดมันต้องมีความซื่อสัตย์กับตัวเอง มันต้องมีศีลมีธรรมขึ้นมาก่อน

ศีลธรรมคืออะไร ศีลธรรมคืออกุศล – กุศลในหัวใจมึงน่ะ กุศล – อกุศลในใจนั่นนะ นั่นนะตัวศีลธรรมออกมาจากตรงนั้น นี่ภวาสวะ ตัวภพ ถ้ามันเป็นกุศลของมัน มันไม่มีอกุศลมันจะออกมาเป็นความชั่วได้อย่างไร ถ้ามันมีอกุศลอยู่ เห็นไหม เพราะมันอกุศลอยู่มันก็เกิดมาจากใจนั่นนะ เกิดมาจากใจก่อน ใจมันเป็นตัวคิดตัวปรุงออกมาก่อน แล้วมันก็เป็นเล่ห์เป็นเหลี่ยม เป็นวิชามารออกไป วิชามารเพื่อผลประโยชน์ เห็นไหม อย่างนี้หรือเป็นพระ ทุจริตอย่างนี้หรือเป็นพระ แล้วเป็นพระอริยบุคคลด้วยนะ ไร้สาระ! ไร้สาระมากๆ เป็นพระนี่เป็นพระธรรมดา

ถ้าเป็นพระอริยบุคคลขึ้นมานี่สีลัพพตปรามาส ไม่ลูบคลำในศีล ศีลนี่ไม่ผิดเลย เจตนาไม่มี ความผิดไม่มี พระโสดาบันไม่ทำความผิดอีกแล้ว แล้วนี่มันทิ่มมันแทงอย่างนี้มันจะมีอะไรล่ะ ไม่มีหรอก อย่ามาอวด ไม่มี ไม่มี เป็นไปไม่ได้ ตอหลดตอแหลไปวันๆ หนึ่งเท่านั้นนะ ตอหลดตอแหลไปเพื่อลาภสักการะไง ไม่มีประโยชน์อะไรเลย แต่ถ้าของเราอดๆ อยากๆ อยู่โคนไม้นี่เราไม่ต้องการสิ่งใดเลย ไม่ต้องการสิ่งใดๆ เลย ต้องการแต่ความสงบของใจ ถ้าใจสงบขึ้นมาจะมีประโยชน์กับเรา

นี่วันพระนะ อุปัฏฐากกันที่นี่ ถ้าพระเกิดที่นี่แล้วนะ ข้างนอกเป็นเรื่องไร้สาระมาก มันเป็นเรื่องไร้สาระนะ ไร้สาระจริงๆ นี่มันไม่มีสิ่งใดเลยที่จะเป็นประโยชน์อะไรขึ้นมาได้ ดูสิ สมบัติของเขา เราไปดูสมบัติของเขาไหม เราไปหาครูบาอาจารย์น่ะสมบัติครูบาอาจารย์ทั้งนั้นนะ แล้วสมบัติของเราเกิดขึ้นมาหรือยัง แต่เราอาศัยท่านเพราะเป็นเนื้อนาบุญของโลก เป็นเนื้อนาบุญ เห็นไหม เราทำบุญกับท่าน ทำบุญกับท่านเพราะเราลงใจ ที่ไหนเราชื่นชมของเรา เราทำแล้วเราจะมีความสุขไหม ที่ไหนที่มันมีกระด้างที่ใจเราไม่ต้องการเลย แล้วไปทำเรามีความสุขไหม นี่เราแสวงหาตรงนั้น เราแสวงหาเนื้อนาบุญของเรา

แต่สมบัติของท่านเป็นสมบัติของท่านนะ เพราะท่านมีสมบัติใช่ไหมเราถึงต้องการเป็นเนื้อนาบุญของเรา ถ้าเนื้อนาบุญเราทำขึ้นมาก็เป็นผลประโยชน์ของเรา ผลประโยชน์ของเราคืออามิส อามิสคือบุญ บุญกุศล นี่เวลาปฏิบัติเข้าไปข้ามพ้นบุญและบาป บุญก็ต้องข้ามมันไป เพราะบุญไม่ข้ามมันไปมันนะเป็นสมบัติ ดูสิ สมบัติของโยมอยู่ที่บ้านมีเท่าไร แล้วย่อยออกมามันเป็นสิทธิออกมานี่ มันอยู่ในใจเราใช่ไหม แต่ถ้าเอาสมบัติมาด้วยแบกมาได้ไหม บุญก็เหมือนกัน มันเป็นนามธรรม มันอยู่ที่ใจ มันเป็นทิพย์ มันถึงมาเกิดที่นี่ มันเป็นสมบัติของใจแล้วใจเวียนตายเวียนเกิด มันก็เวียนตายเวียนเกิดเป็นสภาวะแบบนั้น

แต่เอาสิ่งนั้นนะ ศีล สมาธิ ปัญญา มันเกิดความอิ่มใจ มันก็เกิดปกติของใจก็เป็นศีล ศีลก็เกิดเป็นสมาธิขึ้นมา ถ้าเกิดเป็นสมาธิก็รู้จักตัวตน รู้จักเรา รู้จักเจ้าของ รู้จักตัวเริ่มต้นทำงาน รู้จักการชำระกิเลส ถ้ารู้จักตน ตนออกวิปัสสนาด้วยธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเรายังสร้างของเราขึ้นมาไม่ได้ แต่ถ้าเราสร้างของเราขึ้นมาได้ สมาธิก็ของเรา สติของเรา ปัญญาของเรา มันของเราทั้งนั้นนะ ถ้าไม่ใช่ของเรา เราจะแก้เขาได้อย่างไรไม่ใช่ของเราไปเอาของเขามานี่ทุจริตอย่างนั้นได้อย่างไร ปัญญาของครูบาอาจารย์จำมา เวลาเทศน์ขึ้นมา สัญญาขึ้นมาก็แค่นั้นแหละ

แต่ถ้าเป็นของเรา มันเกิดจากใจยังไงมันก็ไม่หมดหรอก เพราะมันเป็นของของเรา เราสร้างขึ้นมา มันเป็นขึ้นมามันก็ชำระเราได้ ของของเราเราถึงใช้ประโยชน์ของเราได้ ถ้าไม่ใช่ของเรา ธรรมะส่วนบุคคล ธรรมะของเรา เห็นไหม ถ้าธรรมะของเราต้องเป็นธรรมะจริงๆ ไม่ใช่ธรรมะที่เราจะเป็นแฟชั่นนะ แฟชั่นเราออกแบบมา เราทำอะไรมัน.. ไม่ใช่หรอก อันนั้นเป็นธรรมะตบแต่ง ธรรมะเสกสรร ธรรมะเป็นไปไม่ได้ ถ้าธรรมะความเป็นจริงธรรมะจะเกิดขึ้นมา เห็นไหม

นี่วันพระ ถ้าพระที่นี่เกิดขึ้นมาแล้วพระนี่ประเสริฐมากนะ นี่พระที่ไหน เวลาไปกราบ เห็นไหม กราบพระพุทธรูป กราบพระสงฆ์ พระสงฆ์มันเป็นรัตนตรัย เป็นที่พึ่ง เป็นแก้วสารพัดนึก แต่ถ้าเรากราบขึ้นมา เราพิจารณาขึ้นไป พุทโธ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน มันก็อยู่ที่ใจของเรา อุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็อุปัฏฐากใจของเรา ถ้ารักษาใจของเรา ใจของเราเป็นพุทธะ ใจของเราไปถึงที่สุดแล้วนะ โอ้! ครอบโลกธาตุ ไร้สาระ เรื่องโลกนี่สมมุติชั่วคราว เกิดมากันชั่วคราวนะ ทุกคนต้องตายหมด ทุกอย่างสมมุติเลย ของที่มันเป็นอนิจจัง ของที่มันแปรปรวน ใครยึดมันคนนั้นไม่มีสตินะ

คนมีสติเขาไม่ยึดของไม่คงที่หรอก เขาจะหาของของเขา หาสิ่งที่มันไม่แปรปรวน แล้วที่ไม่แปรปรวน นามธรรมนี่แปรปรวนตลอดเวลา ถ้ามันคงที่แล้วนามธรรมกลับไม่แปรปรวน ของที่เป็นวัตถุทุกอย่างไม่มีอะไรคงที่เลย เว้นไว้แต่ธรรมะ อกุปปธรรม โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี พระอรหันต์ ขึ้นมาในหัวใจนี่ไม่มีการแปรสภาพอีกแล้ว

แล้วของที่ไม่แปรสภาพโลกนี้มีไหม... ไม่มีหรอก

ปรมัตถธรรมนี่มี ใจนี่มี ใจนี่มันไม่แปรปรวนได้ สิ่งที่แปรปรวนที่เรรวนมาก เพราะเรรวนถึงทุกข์ เพราะมันเป็นไปถึงทุกข์ แล้วสิ่งที่เรรวนที่มันเคลื่อนไหวตลอดเวลา นี่มันคงที่ได้ มันเป็นสมาธิได้ชั่วคราว แล้วถ้าเกิดปัญญาขึ้นมาท้ายที่สุดมันอกุปปธรรมเกิดขึ้นมาได้นี่ ของจริงๆ มีอยู่ที่นี่ ถ้าของจริงๆ ที่มีแล้วนี่วัตถุหรือพยานหลักฐานข้างนอกไร้สาระมากเลย เพราะมันเป็นสันทิฏฐิโก เป็นอกุปปธรรม เป็นความจริงที่มันประจักษ์กับเรานะ แล้วของคนอื่นมันไร้สาระ ไร้สาระมาก

นี่ธรรมในหัวใจของเรา ถึงอยู่ที่เรานี่ สร้างมาที่นี่แล้วจะเป็นสมบัติของเรา โลกเป็นโลก โลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ มีแต่ลาภ หวังแต่ลาภ หวังแต่สิ่งต่างๆ ไป ธรรมะหยาบมาก ธรรมะแท้ๆ อยู่ในใจของเรา เราย้อนกลับมาที่นี่นะ ดูสิ ความเป็นไป เห็นไหม ถ้าเขารู้จักนิสัยเราเสียหน่อยหนึ่งเนาะ ไม่เคยไปไหนเลย! แล้วไม่เคยลงใครเลย แล้วกูไปขอขมามึงได้อย่างไร เอวัง