เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๒ ก.พ. ๒๕๕๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

อายุคนนะ เราเกิดมาอายุขัยหนึ่งเรามีโอกาสแค่อายุขัยหนึ่งแค่นั้นนะ ดูสิ เกิดร่วมสมัย เห็นไหม เกิดร่วมสมัยกับในหลวงสังคมร่มเย็นมาก ถ้าใครมีปัญญาใช้ความคิดนะ ดูสังคมรอบประเทศเราสิ แล้วดูสังคมไทยสิ สังคมไทยจะมีวิกฤติขนาดไหนมันก็ผ่านวิกฤตินั้นไป ไม่ถึงกับว่ามีปัญหาในสังคมนั้นนะ นี่เกิดกับคนมีบุญ คนมีบุญเกิดนะบารมีของท่านแผ่คลุมมา

อย่างพวกโยมนะ มีคนๆ เดียวมีบุญมาก แต่พอไปในบ้าน เห็นไหม บุญมันต้องเจือจานกันไง ปู่ย่าตายายมันไปหมดไง ฉะนั้นอยู่คนเดียวนี่ทำอะไรคนเดียวก็ทำได้ เวลาคิดคนเดียวทำอะไรได้หมดเลย แต่พอไปทำในสังคมไปได้ไหม ติดขัดไปหมดเลย นี่สภาคกรรม เราเกิดร่วมกันมา การเกิดร่วมมันมีผลกระทบนะ เราเกิดสังคมไหน ถ้าสังคมที่ดีเราจะมีประโยชน์มากเลย ถ้าเวลาสังคมวิกฤติขึ้นมาล่ะ

นี่อายุขัยเรามีโอกาสตรงนี้ ถ้ามีโอกาสตรงนี้เรื่องของสังคมก็เรื่องของสังคม มันเป็นเรื่องวัฏฏะ เวลาพระอรหันต์มีปัญหา พระอรหันต์ก็มี ไม่ใช่ใจพระอรหันต์มีปัญหานะ คือสังคมมีปัญหาไง สังคมมีปัญหา ดูสิ มันมีปัญหา พระอรหันต์บอกว่าสิ่งนี้เป็นผลของวัฏฏะ คือเราเกิดมาร่วม เหมือนกับเราขึ้นไปบนรถเมล์นี่บนรถเมล์มีใครบ้าง ในขบวนรถไฟหนึ่งมันมีใครบ้างที่ขึ้นไปบนขบวนรถไฟนั้น พอร่วมขบวนรถไฟนั้นไป มันก็เหมือนขบวนรถไฟนี้มันต้องผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน

นี่ก็เหมือนกัน การเกิดมาในวัฏฏะ เกิดมาในชีวิตหนึ่ง เราเกิดมาร่วมในวัฏฏะกัน มันเกิดมาพบกันนะ เป็นลูก เป็นพ่อ เป็นแม่ ผลัดกันไปผลัดกันมานะ ผลัดกันไปผลัดกันมาวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้อย่างไร วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ วิทยาศาสตร์ทางจิตไง วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ด้วยสสาร สสารนี่ตรวจด้วยดีเอ็นเอ ดีเอ็นเอจะตรวจได้ เป็นเครือญาติกันมา เป็นสัตว์สปีชีส์เดียวกันมา เป็นต่างๆ กันมา วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้แค่นี้

แต่เวลาจิตมันพิสูจน์มันนะ บุพเพนิวาสานุสติญาณ มันย้อนอดีตชาติไปไม่มีที่สิ้นสุดนะ จิตดวงเดียวที่นั่งอยู่นี้มันเกิดตายเกิดตายมันซับซ้อนขนาดไหน แล้วในปัจจุบันนี้ ถ้าธรรม ธรรมะที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมมานี่ เพราะอะไร เพราะกว่าที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมานะ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย แล้วสร้างบุญกุศลขนาดไหน

พระโพธิสัตว์สละชีวิตมาขนาดไหน กระโดดเข้ากองไฟ เป็นกระต่ายนะ นายพรานเขาหลงป่ามา เขาจุดกองไฟ นี่เขาผิงไฟอยู่กระโดดเข้ากองไฟสละชีวิตเลย เพราะการสละชีวิตอย่างนั้นมันถึงเพิ่มบารมีขึ้นมา พอเพิ่มบารมีขึ้นมาสังเกตได้ไหม สังคมเราบางคนจะมีจุดยืนมาก บางคนจะไม่ตามกระแส บางคนนี่มีข่าวลือไปกับเขาหมดเลย นี่แล้วมันเป็นอย่างนี้เพราะอะไรรู้ไหม เพราะว่ามันสืบเนื่องไง เราเกิดตายเกิดตายนี่

ดูสิ ทำไมองค์หลวงปู่มั่นเป็นพระโพธิสัตว์ ทำไมลาพระโพธิสัตว์ล่ะ ถ้าไม่ลาพระโพธิสัตว์ต้องไปข้างหน้า เห็นไหม ต้องตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ลาพระโพธิสัตว์ นี่เวลาตั้งปรารถนากันนี่เป็นล้านๆๆๆ เลย แล้วผลประสบได้สักกี่องค์ เห็นไหม สิ่งว่าได้สักกี่องค์แล้วกาลเวลา นี่การสะสมของธรรม การสะสมของธรรมมันสะสมวุฒิภาวะ วุฒิภาวะเกิดขึ้นมามันจะมีเชาว์ปัญญามาก เห็นไหม

นี่เวลาพระอรหันต์แต่ละประเภท เห็นไหม ปฏิสัมภิทา สุกขวิปัสสโก นี่มันอยู่ที่กาลเบื้องหลังไง ไอ้อย่างนี้มันเหมือนโรคภัยไข้เจ็บนี่ มันมีที่มาของไข้ ถ้าเหตุการณ์เขาดำรงชีวิตมาอย่างไร ไข้มันจะออกมาเป็นสภาวะแบบนั้น จิตก็เหมือนกัน การเกิดและการตาย การสร้าง การสร้างการกระทำมันเป็นจริตนิสัย มันสะสมมาที่นี่แล้วมันจะแปรสภาพนี้ไป ถ้าแปรสภาพนี้ไปมันมา แล้วพอถึงเวลามันไม่เหมือนทางโลกนะ

ทางโลกทางการศึกษา เห็นไหม เวลาเราสอบคัดเลือกเราต้องยกชั้นๆ แต่ในการปฏิบัติไม่มีหรอก มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะในขณะยกชั้นขึ้นมานี่คะแนนก็ไม่เท่ากัน ความเห็นก็ไม่เท่ากัน แต่เวลาพระอรหันต์หรือพระอริยบุคคลความเห็นมันไม่เท่ากัน บารมีไม่เท่ากัน เป็นไปได้ แต่เวลาถึงที่สุดแล้วมันต้องเข้าอริยสัจเหมือนกัน ต้องกลั่นมาจากอริยสัจ จิตนี้มันกลั่นออกมาจากอริยสัจ

ดูสิ ห้องทดลอง เห็นไหม เราเข้าห้องทดลองกัน เราวิจัยกันนะ เราออกจากห้องทดลองมามันมีค่าออกมา แต่ขณะที่จิตนี้มันกลั่นออกมาจากอริยสัจ อริยสัจมันมาจากไหน ห้องทดลองมันมี เราสร้างห้องทดลองขึ้นมาแล้วอริยสัจมันอยู่ที่ไหน แล้วอริยสัจมันอยู่ที่ไหน ฐานมันอยู่ที่ไหน ภวาสวะอยู่ที่ไหน ภพมันอยู่ที่ไหน จิตมันอยู่ที่ไหน กิเลสมันอยู่ที่ไหน ทำความมันสะอาดมันทำได้ตรงไหน แล้วความสะอาดของคนแต่ละคน ห้องทดลองของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เพราะสมาธิ ค่าของสมาธิไม่เท่ากัน ปัญญาก็ไม่เท่ากัน ความเห็นต่างๆ ก็ไม่เท่ากัน

ถ้าพูดถึงว่ามันจะเป็นสูตรสำเร็จมันเป็นไปไม่ได้หรอก มันไม่มี ไม่มีหรอก แม้แต่พิจารณากายด้วยกัน ครูบาอาจารย์พิจารณากายมาด้วยกัน นี่เจโตวิมุตติ พิจารณากายมาด้วยกัน ยังมีค่าแก่-อ่อนต่างกันเลย คำว่าค่าแก่-อ่อนต่างกันเหมือนรสชาติอาหารไง รสชาติอาหารอย่างนี้พอดีของเรา กลมกล่อมของเรา แต่คนอื่นบอกว่าเข้มไปหน่อย เค็มไปหน่อย อย่างนี้มันรสชาติอาหาร ถ้ารสชาติอาหารมันไม่ถูกปากปั๊บนี่กิเลสมันไม่พอใจแล้ว แล้วมันจะสมดุลได้อย่างไร? มรรคสามัคคีได้อย่างไร?

มรรคสามัคคีมันสมดุลของมันนะ สติ สมาธิ ปัญญา มันสมดุลของมัน แล้วมันรวมตัวของมัน พอรวมตัวของมันสมุจเฉทปหาน มันทำลายกิเลสเป็นชั้นๆๆ เข้ามา สิ่งนี้มันเกิดมาจากไหน แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไง เวลารวมตัวสมุจเฉทปหานมันเป็นอย่างนั้นหมด เพราะรวมตัวแล้วเหมือนกันหมดเลย

แต่ก่อนที่จะรวมตัว แต่ละจิต แต่ละนิสัย ความเป็นไป เห็นไหม อำนาจวาสนา แล้วผู้ที่ปฏิบัติ ครูบาอาจารย์เห็นลูกศิษย์จะทำอะไรขึ้นมานี่ เราจะสงสารนะ เราสงสารขึ้นมานี่แล้วเราไปทำการบ้านให้ เราไปให้คะแนนเขาได้ไหม ให้คะแนนเขา เขามีปัญญาไหม ทางโลกเขาทำกันได้ มันทุจริตได้ไง แต่ทางมรรคญาณเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ทั้งนั้นเลย มันต้องเป็นสัจธรรม ไม่อย่างนั้นมันจะสันทิฏฐิโกได้อย่างไร

สันทิฏฐิโกหมายถึงรู้ด้วยตนเอง ถ้าเราไม่ได้ทำ เราไม่รู้จริงขึ้นมา เราจะรู้ได้อย่างไร เหมือนเราไม่มีการศึกษา เราจะรู้ได้อย่างไร เราไม่ทดสอบจะรู้ได้อย่างไร คนอื่นทำให้เราจะทำได้ไหม แต่โลกเขาช่วยเหลือเจือจานกันได้ แต่กิเลสไม่ได้ ไม่ได้ มันต้องทำความสะอาดของมันเอง ตัวเราสกปรก เขาไปอาบน้ำให้คนอื่น เขาไปอาบน้ำของเขา แล้วเราไม่ได้อาบ มันจะสะอาดได้ไหม เราอาบแทนนะ แล้วตัวเราก็มูตรคูถเต็มตัว แล้วเราไม่ได้ทำความสะอาด มันจะสะอาดได้อย่างไร นี่สันทิฏฐิโกเป็นอย่างนี้

พระพุทธเจ้าถึงทำให้ไม่ได้ไง ทุกคนทำให้ไม่ได้ มันต้องเกิดมาจากใจ ธรรมะมันต้องเกิดมาจากใจ เราเกิดมาเป็นญาติธรรมกัน ญาติธรรมกันหมายถึงว่า เรามีปากมีท้องเหมือนกัน เรามีความนึกคิดเหมือนกัน เราทุกข์เหมือนกัน เราเป็นญาติกันโดยธรรม นี่เกิดมาเป็นญาติกันโดยธรรม แต่ถ้าในโลกเราเป็นญาติกันโดยสายเลือด เราเป็นญาติกันโดยชาติตระกูล แต่ถ้าธรรมะมันมีค่าเท่ากันหมดเลย มีสิทธิเท่ากัน มีเสมอกัน

นี่โอกาสของการมีชีวิตไง หนึ่งชีวิตของเรามันจะหมดไปนะ ถ้าหนึ่งชีวิตหมดไป การเกิดมาแล้วนี่ เกิดมาทางโลกเราก็ต้องอยู่ ทุกคนต้องมีหน้าที่การงานมันเรื่องธรรมดา แต่หน้าที่การงานถ้าเราทำของเราโดยหน้าที่การงานมันพออยู่พอไปนะ แต่นี่มันไปแบกรับภาระการกดถ่วงของใจไง มันไม่ได้ดั่งใจสักอย่างหนึ่งเลย

สิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจนี่ทุกข์ คนจนก็ทุกข์ประสาคนจน คนรวยก็ทุกข์ประสาคนรวย คนมั่งมีศรีสุขก็ทุกข์ประสาคนมั่งมีศรีสุข เพราะใจไม่เคยเต็ม ไม่เคยมีคนรวย มันต้องการตลอดไป มันไม่มีที่สิ้นสุดหรอก ไม่มี แต่ถ้าเราอยู่โคนต้นไม้ เราอยู่พอใจของเรานะ นี่มันรวยที่นี่ รวยที่เราพอ เราพอปัจจัยเครื่องอาศัยเท่านั้นล่ะ ดูสิ เศรษฐีมหาเศรษฐีเขาใช้สอยมากกว่าเราเหรอ มันก็เท่ากันนะ เท่ากันทั้งนั้น แต่เพราะเราโดนกิเลสตัณหาความทะยานอยาก

โลกนี้พร่องอยู่เป็นนิจ โลกนี้พร่องอยู่เป็นนิจเพราะใจมันพร่อง พอใจมันพร่องมันก็เป็นทุกข์ของเรา เห็นไหม นี่ธรรมะเติมตรงนี้ไง ที่เรามาศึกษาธรรมศึกษาตรงนี้ไง โลกนี้พร่องอยู่เป็นนิจ ไม่มีอะไรเต็มหรอก แต่ถ้าใจมันอิ่มเต็มนะมันพอ พอแล้วมันอิ่มเต็มตรงนี้ แล้วชีวิตเรานะ นี่คิดดูสิสิ่งที่มันพร่องอยู่เสียงมันดัง เวลาจิตไปเกิดมันก็ไปสภาวะของมัน เห็นไหม

แต่ถ้าจิตเรามันอิ่มเต็มของมัน ถ้ามันเกิดอีกมันก็ไปเกิดสิ่งที่ดี ถ้ามันถึงที่สุดแล้วมันไม่เกิดอีก เกิดเป็นอย่างไร เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่น่าพิสูจน์มากนะ อะไรเกิด แล้วอะไรไม่เกิด แล้วอะไรไม่เกิด แล้วอะไรเป็นคนรู้ มันรู้หมด ถ้าไม่รู้หมดเราสงสัยเป็นพระอรหันต์ได้ไง ถ้าไม่รู้ก็คือนั่นน่ะมันเกิดแล้ว เกิดเพราะไอ้วิชาก็คือไม่รู้นั่นมันเกิด ไอ้รู้สิมันไม่เกิด ไอ้ไม่รู้นั่นมันเกิด แล้วเรารู้ไหม รู้ รู้จินตนาการไง นี่ฟังเทศน์รู้ไปหมด เก่งไปหมดเลย พอเสียงเทศน์จบนึกไม่ออก นี่มันมีที่เกาะ

ครูบาอาจารย์ท่านเป็นหลักชัยของเรา เป็นอย่างนี้ไง ครูบาอาจารย์เป็นหลักชัยของเรา เป็นที่พึ่งของเรา เวลากระแส เห็นไหม ในสังคม เห็นไหม ในร้อยคนมีคนกล้าหนึ่งคน ในพันคนแสนคนจะมีคนจริงสักหนึ่งคน แล้วมีคนรู้จริงสักกี่คนในสังคมนี่ ในสังคมถ้ารู้จริงสักคนหนึ่ง เห็นไหม ร่มโพธิ์ร่มไทร ศากยบุตรพุทธชิโนรส นี่เราเป็นบริษัท ๔ เราลูกศิษย์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

แต่ถ้าเราปฏิบัติของเราขึ้นมานะ ธรรมมันเข้ามาในหัวใจของเราแล้วใจเราเป็นธรรมเสียเอง ในทางธรรม เห็นไหม อย่าให้เชื่อบุคคล ให้เชื่อธรรมะ ให้เชื่อธรรมะแล้วทิฏฐิมานะมันก็สูงท่วมฟ้าจะไม่ฟังใครเลย จะฟังธรรมะ รื้อค้นในตำรับตำรา ตำรับตำรามันเป็นวิธีการ ผลไม่มีหรอก ผลมันอยู่ในใจของครูบาอาจารย์ของเรา ธรรมนี่พระไตรปิฎกเคลื่อนที่ เคลื่อนที่คือจิตมันเคลื่อนที่ เคลื่อนที่มันรู้จริงขึ้นมา เคลื่อนที่ ความอันนี้ต่างหากผลมันเป็นอันนี้

วิธีการทั้งนั้น ทุกอย่างเป็นวิธีการทั้งหมด ผลของมันคือความเป็นจริงในหัวใจ แล้วผลที่เป็นจริงเห็นปัญหามันรู้เลยล่ะ เหมือนหมอเลย ถ้ามึงดำรงชีวิตอย่างนี้ มึงจะมีโรคภัยไข้เจ็บอย่างนี้ ดำรงชีวิตที่ถูกต้องมา ผลจะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ เหมือนกันเลย การปฏิบัติก็เหมือนกัน ทำสมาธิหรือไม่ทำสมาธิ มีปัญญาหรือไม่มีปัญญา ได้แต่จินตนาการเอากันเอง แล้วธรรมะก็ธรรมะจัดตั้งไง ธรรมะออกแบบ กิเลสมันออกแบบให้ มันเป็นสิ่งที่มันสร้างขึ้นมา แล้วก็ว่าเป็นธรรมๆ กัน แล้วกระแสมันมาก คนมากใช้ๆ กันหมดเลย ถึงที่สุดตายเปล่า ถ้าตายเปล่ามันจะคอตกนะ พอถึงที่สุดคอตกเพราะอะไร เพราะกลัวตาย เก่งนักเวลามีชีวิตอยู่นี่เก่งนัก แต่เวลาจะเข้าถึงที่ตายมันจะกลัวของมัน นั่นเป็นธรรมะเหรอ

ธรรมะมันไม่มีอะไรตายไง การเกิดและการตายไม่มี ถ้ามีการเกิดต้องมีการตายทั้งหมด แล้วถ้ามันไม่เกิดจะเอาอะไรมาตาย ในเมื่อมันทำลายภพ ทำลายที่ตั้ง ทำลายข้อมูล ทำลายความรับรู้หมด ความรับรู้ไม่มีจะเกิดจากอะไร อารมณ์มันจะเกิดจากอะไร มันไม่มีอะไรเกิดแล้วอะไรมันจะตาย มันไม่เห็นมันก็ตกใจ แต่ถ้ามันเห็นมันเข้าใจแล้วมันจะไม่ตกใจเลย จะสิ้นกระบวนการของมรรคญาณนะ

นี่เรามีโอกาสแล้วชีวิตนี่ หน้าที่การงานก็ต้องทำไป ทำหน้าที่การงานเพราะเลี้ยงพาหะ เลี้ยงเรือ เลี้ยงพาหนะ เลี้ยงเรือเลี้ยงรถพาเราเข้าฝั่ง การเลี้ยงพาใจเข้าฝั่ง ถ้าใจเข้าฝั่งได้ เราขึ้นจากเรือได้นะ นี่จิตนี้สุดยอดเลย สมบัติของโลกนี้เป็นสมบัติประจำโลก ในความรู้สึกนี่อริยทรัพย์ทรัพย์จากภายในนี่มันรู้ของมันตลอด ปิดกันไม่ได้นะ นี่เทวดา อินทร์ พรหม เขาก็รู้ แล้วเทวดา อินทร์ พรหม เป็นความรู้สึกทั้งหมด แล้วครูบาอาจารย์น่ะ ธมฺมสากจฺฉา เอตมฺมงคลมุตฺตมํ การแสดงออกมันมองออก การแสดงออก เห็นไหม ดูสิ เวลาคนชำนาญการคนไข้เดินมาเขารู้ว่าคนไข้เป็นอะไรแล้ว

นี่การแสดงออกของธรรมมันรู้หมดล่ะ พูดออกมามันเปิดหัวใจ มันเอาหัวใจมาตีแผ่ให้ชาวบ้านเขาดูนะ ถ้าความถูกต้องมันมีนะ มันตีแผ่ขนาดไหนเขายิ่งเป็นคุณประโยชน์ เห็นไหม ฝนตกฟ้าร้องขึ้นมา นี่พืชไร่ได้ความชุ่มชื่นมันจะเจริญงอกงาม มีแต่ฝนพิษฝนกรดขึ้นมาพืชไร่มันจะเสียหายหมดนะ นี่ธรรมะมันต้องเป็นอย่างนั้น มันสะอาดบริสุทธิ์ สิ่งที่เป็นประโยชน์กับเรามันมีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราใช้ดุลยพินิจ อย่าเชื่อกาลามสูตรอย่าเชื่อใครทั้งสิ้น เชื่อเราทำแล้วได้ประโยชน์หรือไม่ได้ประโยชน์ แล้วจะเป็นจริงหรือไม่เป็นจริง ชีวิตเราจะไม่สูญเปล่า เอวัง