เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๘ มิ.ย. ๒๕๕๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ฟังธรรมเนาะ ให้ทานนะ นี่การเสียสละ การให้ทาน เห็นไหม ทาน ศีล ภาวนา การให้ทานนี่มันเป็นการพัฒนาใจ เป็นการพัฒนานะ ถ้าจิตใจเราอ่อนแอนะ ดูทางโลกสิ เวลาอยู่ทางโลกจิตใจเราอ่อนแอมันเชื่อคนง่าย มันเป็นเหยื่อของเขาหมดนะ ถ้าจิตใจเราเข้มแข็งขึ้นมาเราจะไม่ให้เขาชักจูงเราได้ง่าย

การชักจูง เห็นไหม โลกเวลาเขาชักจูงกันไปนี่ตื่นคนนะ ตื่นคนน่ากลัวมาก สัตว์มันตื่นนะยังเอามันอยู่ ถ้าคนมันตื่นเอาไม่อยู่หรอก ถ้าเราไม่มีจุดยืนของเรา เพราะเราอ่อนแอของเรา เราอ่อนแอเพราะอะไร? เพราะเราไม่มีการศึกษา เราไม่มีการเข้าใจ การศึกษา เห็นไหม ปริยัติการศึกษาธรรม เวลาการศึกษาธรรมเห็นไหม ถ้าเราไปอยู่ทางโลก การประกอบสัมมาอาชีวะเราก็จะมีจุดยืนของเรา เราจะไม่ทุกข์ยากจนเกินไปนะ

เครื่องใช้ไม้สอยในโลกนี้ มันพอใช้สอยเป็นปัจจัยเครื่องอาศัย แต่ตัณหาความทะยานอยากเราแสวงหามาจนเกินความจำเป็น พอเกินความจำเป็นของเรา ค่าใช้จ่ายเรามันสุรุ่ยสุร่ายไปตรงนั้นหมดนะ แต่ถ้าเรามีจุดยืนของเราจิตใจมันเข้มแข็งไง มันไม่เชื่อตามโลกเขา ไอ้นู่นก็จำเป็น ไอ้นี่ก็จำเป็น มันจำเป็นทั้งนั้นแหละถ้ากิเลสนะ ดูพระเรา เห็นไหม พระมีผ้า ๓ ผืนนะ ผ้าจีวรผืนหนึ่งใช้ได้ ๓ ปี ชุดหนึ่ง ๓ ปีใช้ได้สบายๆ เลย นี่ผ้าผืนหนึ่งห่มตั้ง ๓ ปี เสื้อผ้าเราใช้เท่าไหร่?

ถ้าเรามีจุดยืนของเรา สิ่งที่ว่าใช้ความจำเป็น เห็นไหม นี่เวลาพระห่มผ้าต้องปฏิสังขาโย เพื่อความป้องกันเหลือบ ยุง ลิ้น ไร เพื่อกันความอับอายขายขี้หน้าเท่านั้นแหละ เรามีเสื้อผ้าเพื่อไม่ให้มันล่อนจ้อน ไม่ให้มันอายเขา แต่ถ้าเป็นแฟชั่นมันเป็นตามโลกไป เห็นไหม นี่เพราะเราไม่มีจุดยืนโลกมันถึงชักจูงเราไป เพราะจิตใจเราอ่อนแอ อ่อนแอทางโลกเราจะพึ่งตัวเองไม่ได้เลย ต้องอาศัยรัฐสวัสดิการ รัฐบาลต้องดูแล แล้วรัฐบาลถ้ามันเห็นแก่ตัว รัฐบาลต้องการให้ประชาชนอยู่ในอำนาจนะ จะให้ประชาชนโง่อยู่ตลอดเวลา เพราะคนโง่มันปกครองง่าย

การปกครองง่ายนะ แค่ให้อาหาร ให้ที่อยู่ มันเหมือนสัตว์เลย เห็นไหม มนุษย์ว่าสัตว์ประเสริฐ สัตว์ประเสริฐนะ มนุษย์โง่กว่าสัตว์ เพราะสัตว์มันมีอิสรภาพของมัน มันจะบินไป นกมันบิน มันอยู่อาศัยของมัน มันบินไปตามอิสรภาพของมัน มนุษย์เป็นสัตว์สังคมนะ ต้องตั้งกติกาขึ้นมา เอาโซ่ตรวนร้อยตัวเองไว้ เอาโซ่ตรวนผูกตัวเองไว้ สิทธิเสรีภาพเราจะไม่รอนสิทธิ์คนอื่น

การรอนสิทธิ์คนอื่น เราทำอะไรด้วยสิทธิเสรีภาพของเรา แต่เราไปกระทบกระเทือนคนอื่น มันไปรอนสิทธิ์ของเขา ถ้ารอนสิทธิ์ของเขา เราจะทำอย่างนั้นไม่ได้ เราจะทำตามอิสรภาพของเราไม่ได้ มันกระทบกระเทือนคนอื่น เห็นไหม นี่สัตว์ประเสริฐมันจะมีคุณธรรมของมัน มันจะเข้าใจของมัน ถ้ามีที่อาศัยของเรา เราจะอาศัยของเรา ศึกษาจากข้างนอก ถ้าข้างนอกมีจุดยืนของเราขึ้นมาแล้ว ถ้าเรามาบวชเป็นพระ เรามาเป็นนักปฏิบัติแล้วมันก็จะไม่ตื่นไปในโลกไง

ตื่นในโลกคืออะไร? โลกคือจิตวิญญาณ เห็นไหม ภูต ผี ปิศาจ ไปเชื่อผีเชื่อสาง เชื่อเทวดา อินทร์ พรหม เทวดา อินทร์ พรหม นี่เราเป็นนะ นี่ไปจากมนุษย์ มนุษย์เป็นสถานะกลาง มนุษย์ถ้าทำคุณงามความดีจากมนุษย์ไปเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม ถ้าทำความชั่วลงไปทางต่ำ

มนุษย์นี่เป็นสมบัติกลาง เป็นที่กลางที่เราจะทำคุณงามความดีก็ได้ ทำความชั่วก็ได้ แต่เราไปตื่นเพราะอะไร? เพราะจิตใจเราอ่อนแอ จิตใจอ่อนแอมันเลยไม่มีจุดยืน เห็นแต่จิตวิญญาณขึ้นมา ถือผีๆ เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ให้ถือผีนะ เพราะผีตัวใหญ่คือจิตวิญญาณของเรา ความรู้สึกของเราคือผีตัวหนึ่ง ถ้ามันทำคุณงามความดีมันจะเป็นเทวดาของมัน ถ้ามันทำความชั่วมันจะตกนรกอเวจีของมัน ไอ้ผีตัวนี้ทำไมไม่กลัว? กลัวแต่ผีข้างนอก นี่เทวดา อินทร์ พรหม ไปพึ่งพาอาศัยเขา ไปพึ่งพาอาศัยแต่สิ่งภายนอก ทำไมไม่พึ่งพาอาศัยใจของเรา?

นี่ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ตรงนี้ไง ผู้ที่มีคุณธรรมในหัวใจ เห็นไหม นี่เราเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม ถ้าเราทำคุณงามความดีของเราเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม ถ้าเราทำความชั่วของเราจะตกนรกอเวจี แล้วสิ่งนี้มันเป็นวัฏฏะ มันเป็นอดีต-อนาคต มันทำให้ส่งออก เห็นไหม บุพเพนิวาสานุสติญาณ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าย้อนอดีตชาติไปไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีต้น ไม่มีปลาย เพราะเป็นพุทธวิสัย

ถ้าของเรา ถ้าเราสร้างคุณธรรมนะเราจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ไหม? ได้ ถ้าเราปรารถนาเป็นพุทธภูมิแล้วเราสร้างบุญญาธิการไป เห็นไหม ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย สร้างแต่คุณงามความดีต่อเนื่องตลอด สร้างมาต่อเนื่องตลอด ถึงสร้างพละ สร้างอินทรีย์ สร้างบารมีธรรมขึ้นมา แต่ถ้าอินทรีย์ของเราไม่แก่กล้าขนาดนั้น เราย้อนอดีตชาติได้ขนาดไหน มันก็ไม่เท่ากับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ย้อนได้ลึกซึ้งกว่าเรา

นี่จุตูปปาตญาณ วิชชา ๓ ถ้าคนยังมีแรงขับอยู่มันต้องเกิดแน่นอน จิตนี้ตายไปต้องเกิดแน่นอน ต้องเกิดแน่นอน เกิดไปๆ เพราะมันมีแรงขับของมัน มันมีสถานะของมัน มันต้องมีเหตุ มีปัจจัย มันต้องเป็นไปตามธรรมชาติของมัน เห็นไหม นี่เราเป็นสถานะของมนุษย์ เราทำคุณงามความดี นี่จุตูปปาตญาณมันมีคุณงามความดีมันต้องพาเกิด ชั่วก็พาเกิด

บุพเพนิวาสานุสติญาณรื้ออดีต อดีต-อนาคตมันแก้ไม่ได้ แล้วเราก็ไปตื่นเต้นกับมัน เพราะจิตวิญญาณนี่เขาไม่รู้เรื่องปัจจุบันธรรม เขาไม่รู้เรื่องอริยสัจ อริยสัจมันเรื่องปัจจุบัน แล้วปัจจุบันอยู่ที่ไหนล่ะ? ปัจจุบันนี้เราเป็นมนุษย์อยู่นี่ไง มนุษย์ที่มันสามารถทำได้ไง เทวดา อินทร์ พรหม มันเป็นอดีต-อนาคตไป มันไม่สามารถย้อนกลับมาที่นี่ได้ เว้นไว้แต่เทวดาที่มีคุณธรรม

คุณธรรมคืออะไร? คุณธรรมคือรู้สำนึกตัว นี่มีความสำนึก สำนึกว่านี่มันเวียนตายเวียนเกิด มันทุกข์มันยาก มันรู้สึกของมัน แม้แต่เป็นเทวดาก็ทุกข์ ทุกข์เพราะอะไร? เพราะว่ามันต้องมีการเปลี่ยนแปลง มันเป็นอนิจจัง เห็นไหม เทวดาที่เขามีสติสัมปชัญญะเขาถึงได้มาฟังธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมแต่ละครั้ง เทวดา อินทร์ พรหม สำเร็จเป็นแสนๆ

นี่ว่าทำบุญกับเทวดาไม่ได้ สิ่งที่ทำได้มันต้องมีคุณธรรมเหนือเทวดา เหนือเทวดา เหนือเทวดาที่ไหน? เหนือเทวดาที่ความเป็นมนุษย์นี่ไง เวลาเทวดา อินทร์ พรหม มาฟังเทศน์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นมนุษย์หรือเปล่า? เวลามาฟังเทศน์ครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์เป็นมนุษย์หรือเปล่า? มนุษย์ทั้งนั้นเลย

มนุษย์นี่มีคุณค่ามากกว่าเทวดา อินทร์ พรหม มากกว่านรกอเวจี มากกว่าทุกๆ อย่างเลย แต่เวลาเราเป็นมนุษย์ในปัจจุบันนี้ ด้วยความอ่อนแอของจิตใจ เราว่าเป็นมนุษย์นี่คือมนุษย์ที่สามัญสำนึก ที่วิทยาศาสตร์สามารถจะเห็นสุขเห็นทุกข์ได้ แต่เทวดา อินทร์ พรหม เราเห็นว่าคุณค่าสูงส่งไง เราลืมตัวเอง เราไม่รู้จักตัวเอง เราเหยียบย่ำตัวเอง เราไม่เห็นคุณค่าของจิตใจ ไม่เห็นคุณค่าในปัจจุบันธรรม ปัจจุบันธรรมที่ไหน?

ปัจจุบันธรรม เห็นไหม ถ้าเราศึกษาอริยสัจ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค อริยสัจมันอยู่ที่ไหน? มรรคญาณมันอยู่ที่ไหน? แต่เราไม่ได้ศึกษาตรงนี้ไง เรามาศึกษาแต่ว่าความเป็นไปของมนุษย์ มนุษย์ต้องมีอาชีพ มนุษย์ต้องมีศักดิ์ศรี มนุษย์ต้องมีโลกธรรม ๘ เห็นไหม มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ แล้วเราก็ตื่นไปกับสิ่งที่เป็นความเป็นอยู่ ตื่นไปก็เหมือนที่ว่าถ้าอ่อนแอทางโลก เราก็ตื่นแต่เครื่องอยู่อาศัย สร้างวัตถุกัน สร้างสิ่งที่พึ่งพาอาศัย แล้วมันมีความสุขจริงไหม?

มันมีความสุขตามตัณหาความทะยานอยาก ตัณหาความทะยานอยากมันว่าอยากได้ อยากดี อยากเด่น อยากเป็นไป แล้วพอมันเป็นไปตามสภาวะที่อยากได้แล้วมันพอหรือยัง? มันไม่มีวันพอหรอก มันจะอยากได้ต่อๆ ไป อยากได้ต่อไป แล้วมันมีความสุขที่ไหน? แต่ถ้ามีคุณธรรมจิตใจมันเข้มแข็งนะ เราจะไม่เป็นเหยื่อของโลก เรามีตามวาสนาของเรา เรามีตามเหตุและปัจจัยที่เราสร้างของเรามา ถ้ามันเป็นเหตุปัจจัยที่เราสร้างขึ้นมาโดยคุณธรรม อย่างนี้ไม่เป็นกิเลส ไม่เป็นกิเลสเพราะอะไร?

เพราะถ้าเราทำบุญมา คนทำบุญมาบุญมันส่งเสริมมา อำนาจวาสนา บุญคืออะไร? บุญคือโอกาสและจังหวะ ดูคนทำธุรกิจสิ จังหวะของเขาพอดีลงตัว เขาจะทำทุกอย่างสมประโยชน์ของเขาทั้งหมดเลย แต่จังหวะของเรานะทำแล้วผิดพลาดไปตลอดเลย เห็นไหม บุญมันอยู่ตรงนี้ ทำเหมือนกัน กาลเวลามันต่างกัน กาลเวลาที่มันจะเป็นไปมันต่างกัน นี่อำนาจวาสนามันต่างกัน

การสร้างมา อันนี้มันมาจากไหน? มันมาจากกรรม กรรมคืออะไร? กรรมคือสถานะที่การเกิดมาเป็นมนุษย์ไง อันนี้มันกรรมเก่า กรรมเก่าคือสิ่งที่ทำมาจากอดีต กรรมที่เราทำกันอยู่นี่ กรรมคือการกระทำ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ถ้าทำสิ่งที่ดีๆ แล้ว มันจะสร้างสิ่งที่ดีในปัจจุบัน แต่สิ่งที่เป็นมนุษย์มันต้องมีสิ่งที่ส่งเสริมมา สิ่งที่เป็นฐานมา ฐานคือกรรมเก่า กรรมเก่ามันสร้างให้เรามาเป็นมนุษย์อยู่นี่

มนุษย์ที่มีทัศนคติ มนุษย์ที่มีโลกทัศน์ มนุษย์ที่มีความคิดลึกซึ้ง มนุษย์ที่มีความอ่อนแอ นี่สิ่งนี้มันมาจากพื้นฐานคือกรรมเก่า แล้วถ้ากรรมมันบังคับมาตายตัว ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรรม ถ้าเป็นไปตามกรรม กรรมบังคับตายตัว ทุกคนเกิดมาแล้วต้องขับเคลื่อนไปข้างหน้าเป็นตามกรรม มันจะสิ้นสุดไม่ได้ สิ้นสุดได้ที่ไหน? สิ้นสุดได้ที่อริยสัจนี่ไง อริยสัจที่มันสิ้นสุดได้เพราะมันทำลายพื้นฐาน ทำลายถึงสภาวะภพ ภพที่กรรมเป็นที่ตั้ง

กรรมตั้งอยู่บนอะไร? กรรมตั้งอยู่บนสถานะที่รองรับ โพธิสัตว์เกิดได้อย่างไร? พระโพธิสัตว์เวลาตายแต่ละภพแต่ละชาติมา ๑๐ ชาติ นี่พระโพธิสัตว์ทำต่อเนื่อง เราทำความดีในปัจจุบันนี้แล้วเราไปเกิดในอนาคต แล้วความดีมันตามเราไปไหม? ความดีตามเราไป เพราะความดีมันตัดแต่งพันธุกรรมของจิต จิต ภวาสวะตัวเกิดนี่มันตัดแต่งพันธุกรรมด้วยบุญกุศล บุญกุศลมันหล่อหลอม มันทำให้สิ่งที่ดี

นี่ตรงนี้มันเป็นพื้นฐานของกรรม กรรมที่ทำดีขึ้นไปมันมาเกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์สมบัตินี่มันให้เราหายใจ ให้เราได้ตั้งสติ ให้เราได้นึกคิดนี่คือกรรมเก่า กรรมใหม่ กรรมใหม่คือในปัจจุบันนี้ สิ่งที่มันสร้างขึ้นมาแล้วกรรมใหม่ กรรมใหม่คือว่าสิ่งที่เราสร้างสม เราทำแล้วมันประสบความสำเร็จเราก็ภูมิใจ เพราะสิ่งที่เราสร้างมาเราทำมากับมือ ถ้าสิ่งใดที่เราทำมาแล้วมันไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ประสบความสำเร็จเราก็มีโอกาส เรามีโอกาสทำ เรามีโอกาสขวนขวาย

ทุกข์ไหม? ทุกข์ ทุกข์ทั้งนั้นแหละ ทุกข์เป็นอริยสัจ ทุกข์เป็นความจริง คำว่าทุกข์ แต่ถ้ามันเป็นความพอใจมันทุกข์ไหม? ถ้าเราทำทุกอย่างประสบความสำเร็จ ทุกอย่างเราทำแล้วได้หมดเราทุกข์ไหม? ไม่ทุกข์หรอก มันพอใจ มันอิ่มใจ

นี่เหมือนกัน กิริยาเดียวกัน แต่กิริยาอันหนึ่งมันคิดแล้วมันทุกข์ กิริยาอันหนึ่งมันคิดแล้วมันเป็นความสุข ความสุขเพราะอะไร? เพราะมุมมอง เพราะจุดยืนของใจ เพราะกรรมเก่า นี่กรรมเก่ามันแสวงหา มันพอใจ มันพอใจนะ งานอย่างหยาบ งานอย่างละเอียดนะ ดูสิดูบริษัทของเรา เห็นไหม ผู้ที่ทำหน้าที่การงานอาบเหงื่อต่างน้ำแบกหาม นั่นก็เป็นงานที่ชอบของเขาอันหนึ่ง เราเป็นเจ้าของบริษัท เราผู้บริหารจัดการ เราก็บริหารอันหนึ่ง

นี่ก็เหมือนกัน จิตใจที่มันสูงส่ง จิตใจที่มันพัฒนาการขึ้นมา ดูสิ ดูอย่างนักธุรกิจ เขามีลูกมีเต้าขึ้นมาเขาต้องให้ฝึกงาน ฝึกงานตั้งแต่พื้นฐานขึ้นมา จะให้ลูกมาบริหารบริษัทเลยมันบริหารไปไม่ได้ เห็นไหม ตั้งแต่งานอาบเหงื่อต่างน้ำให้มันรู้จักขึ้นมา เป็นชั้นเป็นตอนขึ้นมา

จิตใจก็เหมือนกัน จิตใจถ้ามันเห็นคุณงามความดี นี่มันไม่อ่อนแอ มันเห็นคุณงามความดีจากคฤหัสถ์ เห็นไหม พอบวชเป็นพระขึ้นมานี่ พอจิตสงบเข้าไป เห็นเทวดา เห็นอินทร์ เห็นพรหม มันเรื่องนอกๆ มันส่งออก ส่งออกเพราะอะไร? เพราะจิตรู้ จิตมันออกรู้นะ จิตมันออกเห็น จิตมันออกเห็นแล้วมันเป็นคุณประโยชน์อะไร? เพราะมันไม่ใช่จิตใช่ไหม? แต่อริยสัจมันเข้ามาในตัวจิต มาที่ผู้รู้ มันทำลายที่ผู้รู้ ทำลายตัวภวาสวะ มันไม่ใช่ออกรู้

ออกรู้สิ่งนั้นมันออกรู้จากภายนอก นี่มันส่งออก เห็นไหม มันส่งออกไปแล้วมันจะเป็นประโยชน์อะไร? แล้วเวลาจิตมันสงบคนเห็นคุณงามความดี ดูสิดูอย่างพระเจ้าพิมพิสาร ทำบุญกุศลขึ้นมานี่เทวดามาอนุโมทนา มาขอบุญ เห็นไหม นี่แล้วตกอกตกใจ นี่เห็นเปรตเห็นผี พอเห็นแล้วไปถามพระพุทธเจ้าว่า

“นั่นอะไร? ทำบุญแล้วทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ?”

พระพุทธเจ้าบอก “นี่ญาติของเธอ ญาติของเธอเขารอมานานแล้ว”

นี่สายบุญสายกรรม สายของญาติ ถ้าได้อุทิศส่วนกุศลไปนี่เขาจะได้บุญกุศล เขารออยู่ เห็นไหม รออยู่ แล้วจะให้ทำอย่างไรล่ะ? ให้ถวายสังฆทาน ถวายสังฆทานเสร็จแล้วเขายังมาอีก มาอีกก็ถามพระพุทธเจ้าอีก

“ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ?”

“เป็นอย่างนี้เพราะเธอถวายสังฆทาน แต่เธอไม่ได้ถวายเสื้อผ้า”

เขากินอิ่มนอนอุ่น เขามีความสุขของเขา แต่เขายังไม่มีปัจจัยครบเครื่องของเขา นี่สายบุญสายกรรม เห็นไหม พระเจ้าพิมพิสารเวลาทำบุญกุศลไปแล้ว ญาติพี่น้อง ญาติในอดีตชาติ ญาติตั้งแต่เก่าๆ มา นี่สายบุญสายกรรมมันมีมา แล้วเขาอาศัยเรา เขามาขอผลบุญจากเรา ขอผลบุญจากพระเจ้าพิมพิสาร เขามาขอผลบุญจากมนุษย์

นี่ถ้ามนุษย์เข้ามามันส่งออก มันออกรู้ จิตมันออกรู้ จิตมันต่างๆ นี่มันเป็นเรื่องของวัฏฏะไง ถ้าเป็นเรื่องของวัฏฏะมันก็ขับเคลื่อนไปเป็นอดีต อนาคต แต่ถ้าศึกษาธรรมนะ ความสำคัญของเราคือจิตใจของเรา ถ้าจิตใจเข้มแข็งขึ้นมา นี่ในคฤหัสถ์มันก็มีปัจจัยเครื่องอาศัย ไม่ไปตามกระแสโลก ไม่เป็นเหยื่อของสังคม เวลาบวชเป็นพระขึ้นมาก็มีสิ่งดีขึ้นมา ไม่ไปตื่นเต้นกับสิ่งที่เป็นวัฏฏะ

สิ่งที่เป็นผลของวัฏฏะคือจิตวิญญาณ คือสายบุญสายกรรมของเราที่สร้างสมมันมา แต่ถ้าเราย้อนกลับมาในปัจจุบันธรรมไม่มีในวัฏฏะ ที่ไหนก็ไม่มี มันมีในหัวใจของเรานี่ไง มันมีจากความรู้สึกนี่ไง ภพ ภพคืออะไร? ความคิดมาจากไหน? ความคิดมาจากภพ ภพคืออะไร? ภพคือนามธรรมที่เราไม่รู้เรื่อง

นี่ภพ ชาติ โลก เห็นไหม เป็นภพ เป็นพื้นแผ่นดินเราเหยียบมา แล้วพื้นแผ่นดิน ฐานะของใจมันอยู่ที่ไหน? ถ้าจิตสงบเข้ามามันจะเห็นสภาวะแบบนั้น นี่ไงอริยสัจมันเกิดที่นี่ ทุกข์มันเกิดอย่างไร? แล้วสมุทัยควรละ ละอย่างไร? ละด้วยอริยสัจ อริยสัจอย่างไร? มรรคญาณมันเกิดอย่างไร? อริยสัจนี่ไง สิ่งนี้ถ้าจิตใจมันเข้มแข็งขึ้นมา สิ่งนี้สำคัญมาก

อริยสัจ เห็นไหม เวลาพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ศาสนานี้อยู่ถึง ๕,๐๐๐ ปี ๕,๐๐๐ ปียังไม่เชื่อนะ ในปัจจุบันนี้ปฏิบัติกัน ปฏิบัติแล้วไม่มีผลหรอก ปฏิบัติไม่มีผล ปฏิบัตินี่สร้างอำนาจวาสนา สร้างบารมีกัน แล้วไม่มีความจริง ไม่มีความจริงทุกข์ทำไม? ไม่มีความจริงร้องไห้ทำไม? ไม่มีความจริงมันสุขมันทุกข์เกิดมาได้อย่างไร? มันเกิดตายได้อย่างไร? ถ้ามันไม่มีจริงมันต้องไม่เกิดไม่ตายสิ มันต้องอยู่ตามธรรมชาติของมันสิ ทำไมมันเกิดมันตายล่ะ?

มันมีจริงของมันแต่มันโง่ จิตมันโง่ จิตมันอ่อนแอ จิตมันไม่มีจุดยืน เห็นไหม จิตเลยตามกระแสกิเลสไป ให้กิเลสมันชักนำไป ถ้าจิตมันมีคุณธรรมของมันย้อนกลับมาที่นี่ นี่เห็นว่าจิตใจมันอ่อนแอ อ่อนแอตั้งแต่คฤหัสถ์นะ บวชพระขึ้นมาก็โลเล อ่อนแอ ไปเชื่อแต่ข่าวลือ เชื่อแต่สังคมโลก เชื่อแต่นิทาน เชื่อแต่ชาดก เชื่อแต่สิ่งต่างๆ แต่มันย้อนกลับเข้ามาไม่ได้

นี่ไงจิตใจมันอ่อนแอ อ่อนแอว่าสิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิต สิ่งที่พิสูจน์ทางจิตมันจับไม่ได้ แต่สิ่งที่เป็นข่าวเล่าลือ สิ่งที่เป็นการกระทบ สิ่งที่เพ้อเจ้อเพ้อฝัน มันเห็นมันรู้ มันไปหมด นี่มันเป็นผลของวัฏฏะไง นี่มันอ่อนแออ่อนแออย่างนี้ อ่อนแอจากข้างนอก อ่อนแอจากข้างใน แล้วมันจะเอาตัวรอดไม่ได้นะ แล้วศาสนาเสื่อม เสื่อมที่ไหนล่ะ? ศาสนาเสื่อมที่ความเชื่ออันนี้ไง เสื่อมที่จิตใจของคนอ่อนแอ

พระไตรปิฎกพิมพ์ได้ จะสลักไว้บนหินอ่อน สลักไว้บนเพชร นิล จินดา ให้มันอยู่ตลอดไปก็ได้ แต่คนอ่านมันอ่านไม่ออกหรอก เหมือนกับภาษาที่เราไม่เข้าใจ ตัวอักษรเขาเราอ่านแล้วทับศัพท์เรารู้เรื่องไหม?

นี่ก็เหมือนกัน อ่านพระไตรปิฎกอ่านเข้าไปเถอะ แต่จิตใจมันเสื่อม จิตใจเสื่อมเพราะมันไม่มีสถานะของมัน จิตใจไม่รู้สถานะของจิตใจนะ ไม่รู้สัญชาตญาณของความเป็นมนุษย์ ไปตื่นเต้นกับเทวดา อินทร์ พรหม ไปตื่นเต้นกับผลของจิตวิญญาณจากภายนอก ไม่เคยเห็นคุณค่าของใจเลย ถ้าเห็นคุณค่าของใจ นี่ศาสนาสำคัญที่นี่ ถ้ามันยืนขึ้นมาได้อริยสัจมันเกิดที่นี่ หน้าที่การงานเป็นหน้าที่การงาน สิ่งต่างๆ ปัจจัยเครื่องอาศัยมันต้องอาศัย ในเมื่อชีวิตมันต้องมีอาหารดำรงชีวิตทั้งนั้นแหละ

อาหารของพรหม อาหารของเทวดา อาหารของมนุษย์ อาหารของวัฏฏะ อาหารของนรกอเวจี ต้องมีอาหารดำรงชีวิตนะ ชีวิตนี้อยู่ได้ด้วยอาหาร นี่แล้วอยู่ด้วยอาหาร แล้วเราเกิดมาเรามีชีวิตอยู่ เราจะไม่หามาสืบต่อแล้วชีวิตเรามีคุณค่าไว้ทำไม? ในเมื่อชีวิตนี้มีคุณค่ามาก คุณค่าเพราะมันศึกษาธรรม นี่ศึกษาธรรม ทำทาน ศีล ภาวนา นี่แล้วได้ฟังธรรม ฟังแล้วมันสะเทือนหัวใจ มันช็อกหัวใจนะให้เราสะเทือนใจ ให้เราเห็นคุณค่าของชีวิต ให้เราเห็นคุณค่าของความรู้สึก

วัตถุเครื่องอาศัยนี่อาศัยของร่างกาย ร่างกายต้องอาศัยวัตถุเพื่อดำรงชีวิตไป แล้วหัวใจมันมีจุดยืนไหม? ถ้าหัวใจมีจุดยืนนะหัวใจมีคุณค่ามาก เพราะเพชร นิล จินดา มันยังไว้ในภพชาตินี้ หัวใจมันเกิดตายๆ ไป เกิดตายๆ ไปแล้วก็จะกลิ้งไปกับวัฏฏะอย่างนี้ ถ้าไม่มีจุดยืนมันจะหมุนไปอย่างนี้ หมุนไปติ้วๆ หมุนไปตลอดเลย แต่ถ้ามีธรรมะเข้าไปนี่ให้มันหยุดหมุน หยุดหมุนแล้วดับมันให้ได้ด้วย แล้วมันจะไม่หมุนอีก แล้วมันจะไม่เกิดไม่ตายอีก ไม่เกิดไม่ตายนี่ทำได้

ศาสนาสุดยอดมาก สุดยอดมากเลย แต่คนมองข้าม มองข้ามเรื่องธรรมดาไปเป็นเรื่องอภินิหารจิตวิญญาณภายนอก ไม่เห็นคุณค่าของความเป็นธรรมดาในหัวใจเลย ธรรมดาที่สุดยอดของธรรมดาคือชีวิตของเรา เอวัง