เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๓ ต.ค. ๒๕๕o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ในสมัยพุทธกาลนะ เวลากษัตริย์ไปเที่ยวสวน ไปเห็นต้นมะม่วง ไปกับมหาอำมาตย์เต็มเลย ไปถึงในสวน ไปเที่ยวสวน แล้วพอไปเจอมะม่วง จะกลับมากินมะม่วง แล้วอำมาตย์เห็นมะม่วง เด็ดมะม่วง เอาไม้ปามะม่วง สอยมะม่วง จนต้นมะม่วงนั้นเละหมดเลย แล้วกษัตริย์ก็เดินกลับมาถามอำมาตย์ว่า “ต้นนี้เป็นอย่างไร?” เพราะต้นนี้มันมีผลมาก พอมีผลมากคนแย่งกันสอย แย่งกันเอา เห็นไหม ทำร้ายต้นมะม่วงทั้งต้นเลย “แล้วต้นนี้ทำไมไม่เป็นอะไรเลยล่ะ?” ต้นนี้ไม่มีลูกมะม่วง มะม่วงไม่มีลูกมีแต่ใบ ไม่มีใครสนใจมันเลย ผลประโยชน์นี่ไม่ได้เลย เห็นไหม คนเรานี่คิดแต่ตรงนั้น

ของเราเหมือนกัน นี่คติโบราณ มีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรือนไหว แล้วเราไปนอนสะดุ้งอะไรกับมัน ก็ทองแค่หนวดกุ้งไง แต่มันเป็นผลประโยชน์ใช่ไหม ผลประโยชน์เขาแย่งชิงกัน เรามีของเรา เพราะอะไร? เพราะเราคนทุกข์คนจน พอมีทองแค่หนวดกุ้ง เราจะนอนสะดุ้งจนเรือนไหว เพราะกลัวเขาจะมาแย่งจะมาชิง เขามาแย่งชิงเพราะอะไร? เขาแย่งชิงเพราะเขาต้องการผลประโยชน์ของเขา เขาไม่หาของเขาโดยสัมมาอาชีวะของเขา เขาจะแย่งชิงเอาโดยอำนาจของเขา นี่นอนสะดุ้งจนเรือนไหว เพราะอะไร? เพราะเรามันไม่มี เรามันคนทุกข์คนยาก เรามีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรือนไหว

แล้วถ้าเป็นธรรมล่ะ ถ้าเป็นธรรมมันมีความเมตตากัน ถ้ามีความเมตตามีความกรุณาต่อกันนะ สังคมนั้นจะมีความร่มเย็นเป็นสุข ของนี้เป็นของหยาบๆ เราไปติดกันของที่หยาบๆ ของที่เป็นของที่ละเอียดขึ้นไปนี่ศีลธรรมจริยธรรมมันเป็นนามธรรม ดูสิ มรรคหยาบฆ่ามรรคละเอียด ครูบาอาจารย์ท่านสอนอย่างนี้ มรรคหยาบฆ่ามรรคละเอียด แล้วเวลาศรัทธาใหม่เข้ามานี่ เราเห็นขึ้นมาเราก็ว่าสิ่งนี้เป็นคุณงามความดีแล้ว นี่จะทำคุณงามความดี มันหยาบๆ เห็นไหม

เวลาบิณฑบาตกันถ้าเราเดินเร็วเกินไป อาจารย์ท่านบอกว่า “เดินเหมือนม้าแข่ง” มันก็ดูไม่สุภาพเรียบร้อยใช่ไหม เดิน... เดินจนย่อง เดินจนเหมือนภิกษุป่วย ภิกษุก็ไม่ใช่ป่วย คนเราเดินป่วยเหรอ ต้องป่วยใช่ไหม เดินกันแบบสำรวมระวังจนเดินกันไม่ออกนี่มันก็ไปเดินป่วย เห็นไหม มัชฌิมาปฏิปทาความสมควร เราต้องกระฉับกระเฉงเพื่ออะไร? เพื่อจะไม่ให้รากมันงอกไง ต้นไม้รากแก้วมันดีนะ มันยึดต้นไม้ไว้ไม่ให้ล้ม แต่การชินชากับกิเลสเราจะอยู่กับกิเลส กิเลสมันจะชินชาหน้าด้าน แล้วเราก็อยู่แต่กิริยามารยาทจากภายนอก

ถ้ากิริยาจากภายในนะ ถ้าเป็นจริตนิสัย คนเราน่ะจริตนิสัยเร็วไม่ได้ก็ให้ตื่นตัวตลอดเวลา การกระฉับกระเฉงมันเป็นการตื่นตัวนะ เป็นการตื่นตัว เป็นการไม่ให้เราจมกับกิเลส ถ้าเราจมกับกิเลส สิ่งใดก็แล้วแต่คุ้นชิน ความคุ้นเคยความคุ้นชินของความสนิทชิดเชื้อ กิเลสมันเอาตรงนี้ไปออกหาเหยื่อ

ดูสิ ครอบครัวในบ้านเรานี่ไม่ค่อยเกรงอกเกรงใจกัน คิดว่าเป็นคนกันเอง แต่ถ้ามีแขกมา เห็นไหม โอ้โหย! มารยาทสังคมนะ ต้องต้อนรับเขาอย่างดี แต่คนในบ้านไม่เคยสนใจเลย คนในบ้านคิดว่าเป็นคนของเราไง แต่คนในบ้านนี่สะเทือนใจมาก สะเทือนใจเพราะอะไร? เพราะคนใกล้ชิดไง เรารักเขา เราดูแลเขา เราปรารถนาดีกับเขา ทำไมเขาทำกับเราแรงขนาดนี้ เห็นไหม แต่อีกคนคิดว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ คนใกล้ชิดกันเป็นคนกันเอง นี่ความคุ้นชิน

ความคุ้นเคยกับความคุ้นชินนี่ สิ่งนี้ครูบาอาจารย์ท่านระวังมาก ต้องมีระยะห่างไง ระยะห่างเราต้องรักษาตรงนี้ไว้ ฉะนั้นเวลาพวกเรานี่พระปฏิบัติต้องกระฉับกระเฉง เพื่ออะไร? เพื่อตั้งสติ เพื่อฝึกฝนตัวเองตลอดเวลา การฝึกฝนตัวเองตลอดเวลาไม่ให้มรรคหยาบๆ มันฆ่ามรรคละเอียดไง ความประพฤติอย่างนี้มันของหยาบๆ นะ

เวลาของที่ละเอียดขึ้นมา สตินะ เวลาเราไปตั้งสติ ดูสิ เรานั่งสมาธิภาวนากันนี่ เผลอไม่ได้เลย เผลอหัวตกทันทีเลย เผลอสัปหงกทันทีเลย แล้วการฝึกจากภายนอกเข้ามา ถ้าภายนอกไม่มีการฝึกฝนเข้ามามันจะเป็นความละเอียดจากภายในได้อย่างไร ถ้าความละเอียดจากภายใน มันจะเห็นสิ่งต่างๆ เป็นของที่ไร้สาระมาก สิ่งที่ว่ามีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรือนไหว เป็นของไร้สาระ

ทองคำนี่นะ ดูสิ เหมืองทองคำมันมีเป็นร้อยๆ เป็นพันๆ ตัน สิ่งที่มันยังไม่ได้ขุดขึ้นมา แล้วทำไมไม่ขุดขึ้นมา ใครเป็นเจ้าของมันล่ะ มันเป็นสมบัติสาธารณะใช่ไหม มันเป็นสมบัติของโลกใช่ไหม แร่ทองคำก็เหมือนกัน มันเป็นสมบัติสาธารณะ เพียงแต่ว่าเป็นสิทธิที่เราไปถือสิทธิของมันเท่านั้นเอง แล้วสิทธิมาจากไหน? สิทธิมาจากเรามีชีวิตนะ ตายเดี๋ยวนี้ทองคำในตู้เซฟเรานี่กี่ร้อยกิโลมันก็อยู่ในตู้เซฟนั่นนะ เป็นมรดกตกทอดกับคนอื่นไป มันเป็นของเราเหรอ มันเป็นของสาธารณะเหมือนกันนั่นน่ะ

แต่ความยึดมั่นของเรา ความยึดมั่นของหัวใจนี่ไปยึดมันเองว่าเป็นของของเรา ก็ของเราจริงๆ เราซื้อหามา เรารักษามา เป็นของเราจริงๆ นี่ล่ะ แต่ของเรามันจริงโดยสมมุติไง สมมุติเพราะอะไร? เพราะสิ่งที่จริงกว่าคือความรู้สึก ความรู้สึกคือหัวใจนี่มันมีความรู้สึก แล้วหัวใจอันนี้ถ้ามันรักษาของมันเอง มันไม่ต้องไปยึด ดูสิ รูป รส กลิ่น เสียง เป็นบ่วงของมาร เป็นพวงดอกไม้แห่งมาร... รูป รส กลิ่น เสียงนะ ทองคำมันมีแต่รูปอันหนึ่ง เป็นรูปเป็นแร่ธาตุอันหนึ่ง เป็นบ่วงของมาร จิตไปแบกมัน จิตไปยึดมัน เช้าเช็ดเย็นเช็ด เช้าถูเย็นดูแล เป็นทุกข์เป็นร้อนเลยว่าสมบัติของเรา เวลาตายไปดูแลมันไหม

ถ้าตายไป ถ้าจิตมันไปข้องเกี่ยวนะ ดูสิ โตเทยยพราหมณ์ พระพุทธเจ้าไปบิณฑบาตไง เขาเกิดเป็นเศรษฐีมาก แล้วสมัยโบราณมันไม่มีธนาคาร ทองคำเป็นไหๆ ไปฝังไว้ๆ นะ แล้วนี่เป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว รักมาก สงวนมาก ไม่บอกใครเลย เวลาตายไปไปเกิดเป็นสุนัขไปเฝ้าอยู่อย่างนั้น เวลาพระพุทธเจ้าบิณฑบาตไป สุนัขออกมาเห่าอีก เห็นไหม พระพุทธเจ้าบอก “โตเทยยพราหมณ์เธอเป็นมนุษย์เธอก็ตระหนี่ เธอเป็นสุนัขเธอก็ตระหนี่” คนใช้ได้ยินไปบอกลูกชาย ลูกชายโกรธมากหาว่าไปเรียกพ่อว่าเป็นสุนัข

เอ้า! พิสูจน์กัน พึ่งชาติที่แล้วเป็นโตเทยยพราหมณ์ พอตายแล้วไปเกิดเป็นสุนัขนี่ มันใกล้มาก ให้ไปเรียกเลยว่าพ่อ ให้เรียกสุนัขว่าพ่อ แล้วก็เลี้ยงดูเลี้ยงอย่างดี ลูบคลำอย่างดี โอบอ้อมอารีอย่างดี แล้วบอกขอ ขอสมบัตินั้น สุนัขนั้นมันพึ่งเกิดจิตมันยังมีความรู้สึกอยู่ โอ้โหย! มันสะเทือนใจไง พอลูกเอาอาหารมาให้กินแล้วลูบหน้าลูบหลังแล้วขอนะ สุนัขนั้นจะวิ่งไปที่ๆ ฝังไหทองคำไว้ แล้วเอาเท้าตะกุย พอตะกุยลูกชายก็สั่งให้คนใช้ขุด ขุดไปทองคำ ทองคำ ทองคำ ดูสิ ไปยึดไหม

แล้วเราเป็นขี้ข้ามัน ในตู้เซฟเราเราไปยึดมันๆ ยึดมันโทษมันเกิดอย่างไร โตเทยยพราหมณ์นี่ยึดอยู่แล้วนะ แล้วไปเกิดเป็นสุนัขด้วย มาเฝ้าสมบัติอันนั้น แต่ถ้าเราเป็นเจ้าของมันแล้วเราใช้ประโยชน์กับมัน เราไม่ยึดติดมัน นี่บ่วง บ่วงของมารมันรัดคอ สมบัติมันรัดคอเรานะ ถ้าเรามีสมบัติของเรา เราใช้สมบัติของเราเป็นประโยชน์ ถ้าจิตเรา หัวใจของเราประเสริฐ สิ่งนั้นมันเป็นเครื่องใช้ไม้สอยทั้งนั้น คนดีมีสุขมันสุขที่หัวใจ คนทุกข์คนจนเข็ญใจอยู่โคนไม้ก็มีความสุข คนมั่งมีศรีสุขถ้าจิตใจเขาเป็นสุขก็เป็นความสุข ถ้าจิตใจเขายึดติดของเขามั่งมีศรีสุขทุกข์มาก แบกภาระมาก ตึงเครียดมาก ประสาทแทบขาดนะ นี่ความทุกข์ของเขา

ถ้าเป็นความทุกข์อย่างนี้มันเกิดมาจากไหน มองไปสิ ทางโลกเขานี่เขาไม่เข้าใจเรื่องอย่างนี้นะ เขาเข้าใจแต่ว่าเขามีผลประโยชน์ของเขา เขาหาผลประโยชน์ของเขา เพราะสิ่งนี้มันเกิดจากธรรมชาติ เหตุมันเกิดจากธรรมชาตินะ ใครไปพบเข้าก็เป็นของเขา นั่นเป็นของเขา นั่นมันเปลือกภายนอก

แต่ถ้าเป็นของเราล่ะ สิ่งนี้ถ้าเราพบมันเป็นของเรามันก็เป็นอำนาจวาสนา ถ้าเราไม่พบมันก็เป็นของคนอื่นไป แต่ถ้าเราไม่พบมันก็ทุกข์ร้อนไป ถ้าไปยึดมันทุกข์หมดเลย ถ้าไม่ยึดนะมันก็เป็นธรรมดา สิ่งนี้เป็นธรรมดานะ ของเขาเป็นธรรมดา ธรรมดาจากภายนอก เห็นไหมว่าธรรมะเป็นธรรมชาติ เฮอริเคนก็ธรรมชาตินะ พายุก็ธรรมชาติ การเกิดก็ธรรมชาติ แล้วธรรมชาติมันพัดคนตายเป็นร้อยๆ คน คลื่นความร้อนก็ทำให้คนตายไปโดยธรรมชาติ คลื่นความเย็นก็ทำให้คนตายเป็นธรรมชาติ ธรรมะทำให้คนตายเหรอ

แต่ถ้าธรรมแท้ๆ ในหัวใจล่ะ ธรรมแท้ๆ ในหัวใจเรานี่ เรามีความรู้สึก มันมีความคิดไง ถ้าใจเป็นธรรมนะ เวลามันคิดออกมามันคิดแต่เป็นธรรม นี่เมตตาธรรม ความรัก... ที่ไหนมีความรักที่นั่นมีความทุกข์ รักนี่เป็นความทุกข์ทั้งหมดล่ะ เพราะรักมันเกิดความผูกมัด รักเห็นไหม เขาไม่รักเรา เราทำให้เขาแล้วเขาไม่เห็นความดีของเรา เรารักเขาเข้าแล้วทำไมเขาพูดกับเราอย่างนั้น เพราะรักไง

ถ้าเมตตาเขานะ เรามีเมตตา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีเมตตามหาการุณิโก นาโถมาก เมตตาสัตว์โลกนะ สัตว์โลกจะร้ายขนาดไหน เห็นไหม องคุลิมาลน่ะฆ่าคน ๙๙๙ ศพ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไปโปรดมาเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาได้ คนเรามันมีความผิดพลาดได้ ความผิดพลาดอันนั้นมันเกิดขึ้นมาจากปัจจุบัน เกิดจากความคิดชั่วแล่น ถ้ามีสติสัมปชัญญะ สิ่งใดที่ทำแล้วเสียใจภายหลังสิ่งนั้นไม่ดีเลย แต่ขณะที่จะกระทำมันไม่มีสติ

ถ้ากิเลสมันมีอยู่ นี่สนิมเกิดในเหล็ก เหล็กเราสนิมเต็มไปหมดเลยเวลาจับไปสนิมเขรอะเลย แต่เหล็กเขาไม่มีสนิม เขารักษาของเขาดี ดูสิ เขาเอาน้ำมันชุบ เขาเช็ดของเขา เขาดูแลของเขา ใจของเรานี่ถ้าเราดูแลของเรานะไม่เกิดสนิม มันก็ไม่ขาดสติ จับไปมือมันก็ไม่เลอะ ความคิดมันก็จะสะอาดขึ้นมาเรื่อยๆ นี่สิ่งที่เกิดจากภายในไง

ผลประโยชน์ภายนอกทุกคนก็ต้องหา หาอยู่หากินทุกคนต้องทำทั้งนั้นแหละ เกิดมามีชีวิตมีปากมีท้อง ไม่มีอาหารเข้าไปจะเลี้ยงชีวิตได้อย่างไร นี่อาหารของกาย อาหารของใจวิญญาณาหาร วิญญาณาหารน่ะความรู้สึก กินวิญญาณาหาร สัมมาอาชีวะนี่คิดดีคิดชั่ว อเสวนา จพาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา ความคิดชั่วๆ นั่นน่ะคิดคบโจร เราคิดปล้นคิดชิงเขานั่นน่ะคบกับโจร โจรมันพาเราไปทุกข์แล้ว

เราคิดถึงบัณฑิต เห็นไหม คิดถึงความเมตตากรุณา คิดถึงชีวิตของเราชีวิตของเขา เราไม่ต้องการสิ่งใด เราเกลียดสิ่งใด เขาก็เกลียดเหมือนเรา เราไม่ต้องการให้ใครมาปล้นชิงเรา เขาก็ไม่ต้องการให้ใครปล้นชิงเขาเหมือนกัน ของของเราเราสงวนรักษา เขาก็สงวนรักษาเหมือนกัน เหมือนกันทั้งนั้นน่ะ นี่คบบัณฑิต ถ้าคบบัณฑิตแล้วมันก็เป็นความสุขไปทั้งหมด นี่อาหารของใจ

ถ้าอาหารของใจ อาหารของกาย มีก็ได้ไม่มีก็ได้นะพอทนได้ อาหารของใจล่ะ อาหารของใจนี่มันทุกข์หมดนะ มั่งมีศรีสุขนั่งอยู่บนกองเงินกองทองมันก็ทุกข์ ทุกข์ทั้งนั้นแหละ เพราะอะไร? เพราะจิตใจมันดิ้นรน แต่เรารักษากันตรงนี้ไง นี่มรรคหยาบฆ่ามรรคละเอียด มรรคละเอียดเป็นอย่างนี้ มรรคหยาบๆ ที่มองกันนั่นน่ะจำเป็น ยอมรับว่าจำเป็น แต่จำเป็นโดยส่วนหนึ่งเท่านั้น จำเป็นโดยส่วนหยาบๆ

แล้วส่วนที่ละเอียดล่ะ ถ้าจำเป็นโดยส่วนอย่างนั้นมันก็ต้องแย่งชิงกันอย่างนั้นตลอดไปเชียวเหรอ แล้วดูสิครูบาอาจารย์เรานะ เกิดถ้าโลกนี้วิกฤตทันที พระนี่จะอยู่รอดได้ก่อน อดอาหาร ๗ วันนี่พระอยู่ได้นะ โยมนี่ตายหมดเลย พระอยู่ ๗ วันอดอาหารนี่อยู่ได้ก่อนเลย เห็นไหม เพราะอะไร? เพราะได้ฝึกฝนมา เพราะได้ทำมา เพราะเข้าใจไง สิ่งที่เข้าใจมาแล้วฝึกฝนนี่มันเป็นความละเอียด มันเป็นความเมตตากัน มีการช่วยเหลือกัน

เห็นแล้วมันสังเวชนะ ออกไปมองวันนี้บิณฑบาตไปสลดสังเวชมาก โอ้โฮ! ตื่นได้ขนาดนั้นนะ ตื่นเหมือนคนตื่นทอง โบราณเขาตื่นทองกัน เขาไปขุดทองกัน เขาไปแสวงทองกัน เขาตื่นทองกัน ไอ้นี่ตื่น ตื่นกันไปหมดเลย ได้ไม่ได้ไม่รู้ตื่นกันไปอย่างนั้นน่ะ แต่ถ้ามีสติสัมปชัญญะ ถ้าจำเป็นต้องหา เพราะเราต้องหาอยู่หากินมันก็เป็นตามเขา แต่ไม่ตื่นสภาวะแบบนั้น

ชีวิตพระเราก็เหมือนกัน ดูสิ ถ้าพวกเราไม่พอใจในการที่ต้องตื่นตัวตลอดเวลา ทำไมต้องเข้มข้น ทำไมต้องรีบด่วนขนาดนั้น ทำไมไม่ทำให้สำรวมระวัง สำรวมระวังมันไม่ใช่ภิกษุไข้เว้ย เอาเปลมาหามไปเหรอ บิณฑบาตไปก็เอาเปลหามไปใช่ไหม คนไข้เดินไม่ไหวอย่างนั้นเหรอ คนไข้มันเดินไหวมันก็เดินพอสมควรใช่ไหม ให้มันกระฉับกระเฉง ให้มันสร้างสติขึ้นมา ให้ตัวเองตื่นตัวตลอดเวลา การตื่นตัวตลอดเวลา แล้วพอไปภาวนาขึ้นมามันก็ง่ายขึ้นมาๆ สิ่งที่ง่ายขึ้นมา ครูบาอาจารย์ส่งเสริมเปิดช่องทางให้ตลอดเลย ถ้าครูบาอาจารย์ที่เป็นนักปฏิบัตินะ จะส่งเสริมลูกศิษย์ให้มีช่องทางเข้าไป

แต่ถ้าครูบาอาจารย์ไม่เคยประพฤติปฏิบัตินะ ภิกษุบวชแล้วก็มานั่งอัด... นี่เจริญพรๆ คลุกคลีไง มันคลุกคลีมันก็คุ้นชิน พอคุ้นเคยกันคุ้นชินกันจะเรียกร้องอะไรมันต้องไปตามเขา นี่ประทุษร้ายสกุล ประทุษร้ายสกุลของคฤหัสถ์ด้วย เพราะเขาหมดโอกาสจะทำประพฤติปฏิบัติของเขา ประทุษร้ายสกุลของสมณะศากยบุตรพุทธชิโนรส เป็นบุตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นบุตรของกษัตริย์ แล้ววางตัวเป็นคนใช้ของเขานี่มันไร้สาระมาก เห็นไหม ประทุษร้ายไปหมดเลย

ถ้าหัวหน้าไม่เป็นก็เป็นการประทุษร้ายกันไปหมด แต่ถ้าเป็นขึ้นมานี่แบ่งแยกขึ้นมา เห็นไหม เขาบอกเวลาไปที่วัดพระปฏิบัติแล้วไม่เห็นเจอพระเลย เงียบไปหมดเลย อ้าว! ก็เขาทำงานภายในของเขา มีธุระอะไรล่ะ มีธุระอะไรก็ว่ากันไปตามธุระนั้นสิ พระไม่ใช่มีหน้าที่ไว้คอยต้อนรับโยมนะ ไม่เกี่ยวกันหรอก บริษัท ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา หน้าที่ของใครก็หน้าที่ของเขาสิ เวลามีธุระขึ้นมาก็ตอนนี้ก็มาสิ เวลาพระเขาต้องการเวลาของเขาบ้าง เขาต้องการทำเรื่องส่วนตัวของเขาบ้าง เขาจะภาวนาของเขาบ้าง แล้วพระมันจะเข้าไปถึงแก่นของศาสนาได้อย่างไร นี่ถ้าเอาธรรมวินัยเป็นใหญ่...อยู่ได้

แล้วถ้าเขาเข้าใจแล้ว เห็นไหม มรรคหยาบๆ เขาไม่เคยเข้าไปวัด ถ้าไปวัดที่ไหนต้องมีการต้อนรับขับสู้กันว่าวัดนั้นดี ถ้าไปที่วัดไหนเขาไม่สนใจเราเลย ถ้าเราศึกษาเข้าไป อ้อ! ความจริงมันเป็นอย่างนี้ ความจริงมันเป็นความรู้สึก ความจริงมันไม่ใช่บรรจุภัณฑ์ที่ว่าหีบห่อที่เขาเอามา พิธีกรรมที่มาต้อนรับกันหรอก ความจริงมันเป็นเนื้อหาสาระของความสุขและความทุกข์ ความจริงมันเกิดขึ้นมาจากใจ

แล้วเขาแสวงหาสิ่งนี้อยู่ เพื่ออะไร? เพื่อเป็นศาสนทายาท เพื่อการจรรโลงศาสนากันต่อไป ถ้าเขาจะจรรโลงศาสนากันต่อไป กำลังฝึกฝนกันอยู่ เราจะเชิดชูเขาไหม นี่โยมได้บุญ ได้บุญเพราะอะไร มาทำบุญกุศลกันนี่ ทำบุญกุศลเป็นปัจจัยเครื่องอาศัย ปัจจัยให้ดำรงชีวิต ให้ภิกษุได้ค้นคว้าได้พยายามศึกษาขึ้นมา

แล้วดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกจากราชวังมา พระเจ้าพิมพิสารให้ทหารครึ่งหนึ่งไปเอาเมืองคืนเลย ...ไม่ใช่ ออกมาเพื่อโพธิญาณจริงๆ ถ้าอย่างนั้นแล้วถ้าถึงบรรลุธรรมแล้วให้มาสอนด้วย เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาแล้วกลับไปสอนพระเจ้าพิมพิสารเป็นพระโสดาบัน

เราก็เหมือนกัน เราทำบุญกุศลกันเพื่ออะไร? ก็เพื่อให้ภิกษุค้นคว้า เพื่อให้เข้าให้ถึงธรรมอันนั้น ถ้าถึงธรรมอันนั้นแล้วใจบริสุทธิ์อย่างนั้นแล้วจะกลับมาเป็นประโยชน์กับเราไง นี่ผู้นำที่ดี หมอที่แท้จริงจะรักษาโรคได้ หมอที่ไม่แท้จริงจะรักษาโรคไม่ได้

ภิกษุก็เหมือนกัน ถ้าเข้าถึงหัวใจแล้วนี่ใจของเราทุกข์ๆ ถ้าใจที่มันไม่ถึงความจริงมันแก้ทุกข์อันนี้ไม่ได้ ถ้าแก้ทุกข์นี้ไม่ได้มันก็ตาบอดคลำกันไปไง เป็นบรรจุภัณฑ์ เป็นกรอบของศาสนา เป็นพิธีกรรมกันเท่านั้น เข้าไม่ถึงหัวใจ นี่คบบัณฑิตคบพาลจากข้างนอก คบบัณฑิตคบพาลจากข้างใน แล้วเราคบ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้เป็นแก้วสารพัดนึกของเรา เอวัง