เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒ เม.ย. ๒๕๔๙

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๔๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ธรรมะไง ธรรมะสอนคนให้เป็นคนดี นี่สัตว์สังคมนะ มนุษย์ตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไปมีปัญหากัน เวลาสัตว์ของมันมันยอมรับกัน สมัยโบราณนะ สมัยโบราณเรา มนุษย์ถ้ำใครมีกำลังกว่าเป็นหัวหน้า เป็นผู้ปกครอง เป็นผู้ดูแลไง นั้นใช้กันด้วยธรรมชาติมันบีบบังคับ แต่ปัจจุบันนี้พอสังคมมันเจริญขึ้นมา คำว่าเจริญขึ้นมา เห็นไหม สมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกนะ อนาคตต่อไปข้างหน้าจะมีฝนเหล็ก จะมีสิ่งต่างๆ นี่ไม่มีใครรู้หรอก

ดูสิดูอย่างวงการแพทย์เขาจะทึ่งมาก ทำไมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกถึงว่ากาละ ตั้งแต่เด็กเริ่มเกิดขึ้นมาในครรภ์ของมารดา ๒,๕๐๐ กว่าปีมาแล้ววงการแพทย์ไม่เข้าใจนะ ถ้าเป็นสภาวะแบบนี้ นี่รู้โลกนอกโลกในไง รู้โลกนอกคือว่ารู้แจ้ง คนรู้จริง แต่คนกล้า ในร้อยพันคนจะมีคนกล้าคนหนึ่ง ถ้าคนกล้าคนนั้นทำคุณงามความดีก็เป็นคุณงามความดีไป คนกล้านะ ดูสิเราจะยืนอยู่ในสังคม เราจะกล้าในจริยธรรมไหม? เวลาเรามีสิ่งที่ว่าเป็นลาภมา ลาภที่ไม่ควรได้เราจะเอาไหม?

นี่มันอ่อนแอทางหัวใจไง อ่อนแอมาก เพราะอะไร? พอเห็นลาภสักการะมันจะเอาให้ได้เลย แต่คนมีศีลมีธรรม ดูสิเขาบอกเงินนี่ซื้อได้ทุกอย่าง ซื้อได้ทุกอย่าง แต่เว้นไว้คนที่เข้มแข็งในศีลธรรมนะ ซื้อไม่ได้เป็นบางคนนะ แต่ซื้อได้ ส่วนใหญ่เขาซื้อได้ เขาก็เชื่อว่าเงินนี่ซื้อได้ทุกอย่าง เห็นไหม นี่คนกล้า ถ้าคนกล้าเป็นความจริงอันหนึ่ง ถ้ากล้าด้วยนะ ในร้อยคนพันคนมีคนกล้าคนหนึ่ง ในคนหมื่นคนแสนคนจะมีคนจริงคนหนึ่ง คนจริงเพราะตรงไหนล่ะ? กล้าในความเป็นจริงด้วย ไม่ใช่กล้าโดยความเป็นเท็จไง ถ้ากล้าโดยความเป็นเท็จมันเป็นคนหน้าด้านนะ เพราะอะไร? เพราะมันไม่ยอมรับความเป็นจริง

คนหน้าด้านกับคนมียางอายต่างกัน แม้แต่ความกล้ามันก็ยังแยกแยะออกไปอีก กล้าสิ่งที่ผิดและถูก เห็นไหม ในมรรคญาณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไว้เลยเป็นสัมมาทิฏฐิ เป็นความเห็นชอบมันถึงจะเป็นประโยชน์ขึ้นมา ถ้าเป็นความเห็นของเรา ดูสิเวลาเราใช้ปัญญากัน เราบอกอันนี้เป็นมรรคๆ มันเป็นมิจฉานะ ถ้าเป็นมิจฉามรรค เราเองไม่รู้จริง พอไม่รู้จริงเราจะเข้าไปถึงจุดความจริงได้ไหม? เหมือนเป้าหมาย ถ้าเราเข้าใจว่าเป้าหมายผิด เราจะเดินไปเป้าหมายถูกได้อย่างไร?

ในความเป็นไปของโลก เวลาเราศึกษาธรรมะกัน ต้องให้เชื่อธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่าเชื่อบุคคลๆ ...ก็บุคคลอย่างหลวงปู่มั่นท่านได้ทดสอบมาแล้ว ท่านได้แก้ไขของท่านมาแล้วไง นี่ธรรมะมันอยู่ในหัวใจของครูบาอาจารย์ของเรา ในเมื่อครูบาอาจารย์ของเรารู้จริง ถ้าคนรู้จริงต้องมีความกล้าหาญด้วย ถ้าคนรู้จริง มีครูบาอาจารย์มหาศาลเลยที่รู้แล้วอยู่ในป่าในเขา ไม่ออกมาสังคมโลกเพราะอะไร? ดูสิดูองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม นี่พอตรัสรู้ธรรมขึ้นมา จะสอนใครได้? จะสอนใครได้? ทั้งๆ ที่ตั้งปฏิญาณมาว่าจะมารื้อสัตว์ขนสัตว์นะ

แต่เวลามารื้อเข้าจริงๆ เพราะเราต้องสร้างสมบุญญาธิการมหาศาล เครื่องมือก็พร้อมหมดเลย ดูสิดูอย่างอภิญญา ๖ หูทิพย์ ตาทิพย์ ไอ้นี่มันไม่ใช่ตัวธรรมะนะ มันเป็นเครื่องมือ เครื่องมือสื่อสารที่จะสื่อความจริงออกมา ในอภิญญา ๖ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพร้อมหมดเลย เครื่องมือมีพร้อมทุกอย่างที่จะทำอะไรก็ได้ จะเนรมิตอะไรก็ได้ จะทำอย่างไรก็ได้ แต่! แต่ถ้าเนรมิตอย่างนั้นขึ้นไปมันจะเป็นการสอนคน กลับทำให้คนมาติดในสิ่งที่เปลือกๆ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่ใช้ฤทธิ์หรอก เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายกย่อง เห็นไหม เวลายกย่องเรื่องการเผยแผ่ธรรม เรื่องการเทศนาว่าการ บันลือสีหนาท เวลาเทศนาว่าการเพราะอะไร? เพราะเป็นวิชาการไง จะทำให้คนเข้าใจด้วยต้องสื่อความหมายกันให้เขาเข้าใจเรื่องธรรมะ เรื่องธรรมะ นี่เครื่องมือสื่อสารพร้อมหมดเลยก็ยังท้อใจ เพราะอะไร? เพราะมันเป็นความละเอียดลึกซึ้งมาก แล้วครูบาอาจารย์ของเราค้นคว้าขึ้นมาอยู่ในใจของครูบาอาจารย์ของเราขึ้นมา มันมีพร้อมไง มีพร้อมเหมือนคนรู้จริง คนรู้จริงดูสิจะถามอะไรมาไม่เคยตกใจเลย คนที่ประสบการณ์ต่างๆ เข้ามา เขาทำของเขามาได้ ให้ถามมาเถอะจะไม่มีความตื่นเต้นตกใจกับสิ่งใดเลย

แต่คนถ้าจำมา คนที่ไปจำมา ไปก๊อบปี้มา...อย่าถามฉันนะ ถามฉันก็ถามที่ฉันจำได้นี้เท่านั้นแหละ ถ้าถามนอกที่ฉันจำได้ฉันงงนะ ฉันงง นี่คนไม่รู้จริง แล้วจะกล้าหาญขนาดไหน กล้าหาญด้วยทิฏฐิมานะของตัวเองเข้าไปอีก เป็นคนหน้าด้าน คนที่มียางอาย คนกตัญญูกตเวทีเป็นสิ่งที่ดี แต่กตัญญูของเขามันเป็นพื้นฐานของเขาใช่ไหม? แล้วคนที่มาบริหารจัดการตรงนี้ มาหลอกใช้อย่างนี้ มาใช้เอาอย่างนี้ไปเป็นฐานของตัวเอง เป็นคนดีหรือคนเลวล่ะ?

ถ้าคนเขาเป็นคนดีนะ ดูสิดูอย่างในหลวงของเรา เห็นไหม จะต้องพัฒนามาจากตรงนั้น ชาวเขาเมื่อก่อนเริ่มหัดพัฒนาก็เอาของไปแจกเขา ให้เขายืนของเขาได้ก่อน พอยืนของเขาได้แล้วต้องพัฒนาจากความเห็นของเขา พัฒนาจากความรู้ของเขา นี่มันไม่มีที่ไหนหรอกที่ป่าเขาจะไม่มีคนอยู่ ป่าไหนก็มีคนอยู่ คนก็เหมือนสัตว์ตัวหนึ่งนะ สัตว์มันอยู่ในป่าในเขาเหมือนกัน คนโบราณจะอยู่ลึกลับขนาดไหนมันก็มีสัตว์ ดูสิดูในถ้ำนะที่ไม่มีทางเข้าทางออก ไม่มีแหล่งน้ำเข้าไป เขาเจาะเข้าไป สำรวจเข้าไป ก็ยังมีสัตว์น้ำอยู่ในนั้นเลย นี่ก็เหมือนกัน ในป่าในเขามันก็มีมนุษย์เข้าไปอาศัยอยู่ ดูสิสมัยโบราณ เห็นไหม เขาไปทำข้าวกัน ไปทำไร่กันในป่าในเขา เขาไปทำของเขามา

นี่ก็เหมือนกัน เวลาบอกว่ามนุษย์ที่อยู่ในป่าในเขา มนุษย์อยู่ในที่สูง เขาก็มีของเขาขึ้นมา แล้วเราจะพัฒนาอย่างไร? ไม่ใช่ไปบังคับเขา ไม่ใช่ไปเปลี่ยนวิถีชีวิตของเขา การเปลี่ยนชีวิตของเขา นี่การพัฒนามันก็ต้องใช้ความคิดของเขาอย่างนี้ แต่ก็ว่าอีกแหละ เห็นไหม ส่วนมาก ถ้าส่วนมากต้องการอย่างนี้ กฎหมายเป็นอย่างนี้ ส่วนมากก็เป็นส่วนมาก แต่ก็ต้องฟังเสียงส่วนน้อย ส่วนน้อยเขาก็ดำรงชีวิตของเขา

นี่ถ้าคนรู้จริงมันจะเข้าใจสภาวะแบบนั้น แล้วพอถึงที่สุดแล้ว ถ้าถึงที่สุดการกระทำอย่างนี้มันเป็นไปไม่ได้ เพราะอะไร? เพราะสังคมต้องอาศัยอย่างนี้ ต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่ เสียงส่วนใหญ่ถ้ามันเป็นเสียงเป็นธรรมมันก็น่าฟังนะ ถ้าเสียงส่วนใหญ่เป็นความเห็นผิด สิ่งที่เห็นผิดมันก็ทำให้เป็นไป นี่โลกเป็นแบบนี้ มันถึงว่าเป็นเรื่องของกรรมนะ เราถึงว่าเราต้องเป็นคนกล้าด้วย แล้วเราต้องเป็นคนจริงด้วย ถ้าความกล้าหาญของเรา การกระทำของเราเป็นความที่ผิดพลาด มันก็ทำให้เป็นปัญหาขึ้นมานะ ปัญหาจะเกิดข้างหน้าแน่นอน

ดูสิดูอย่างรัฐบุรุษเขาทำในปัจจุบันนี้ เขาจะโดนสังคมติเตียนขนาดไหนก็แล้วแต่เขาจะยืนของเขา แล้วพอไปถึงที่สุดแล้วนะ ไปถึงอนาคตนะจะไปเห็นความดีของเขา นี่รัฐบุรุษ แต่คนที่เห็นแก่ตัว เห็นไหม อนาคตจะเป็นอย่างไรช่างหัวมัน ขอให้ในปัจจุบันนี้ฉันได้ประโยชน์ของฉันขึ้นมา คนอย่างนี้เห็นแก่ตัวมาก การเห็นแก่ตัวแล้วเอาความเป็นไปของประเทศชาติ เอาความเป็นไปของสังคม นี่ถ้าประเทศชาติล่มจมไปมันจะมีปัญหามากนะ

ถ้ามีปัญหามาก เห็นไหม ล่มจม อะไรล่มจม? ระบบล่มจมเท่านั้น ประเทศชาติล่มจมมาจากไหน? ที่ดินก็อยู่ที่นั่น แหล่งน้ำก็อยู่ที่นั่น สังคมก็อยู่อย่างนั้น แต่เราทุกข์เรายากไง เราทุกข์เรายาก เห็นไหม นี่การเกิด โลกนี้เป็นอจินไตย อจินไตยคือสัตว์เกิดตายๆ ตลอดไป เกิดมาแล้วตายไปนะ โลกเขาอยู่สภาวะแบบนี้ นี่เพราะมันเป็นอย่างนั้น แต่โลกก็แปรสภาพไปตลอดเวลานะ ดูสิดูอย่างอินเดียปัจจุบันนี้ ดูสิสภาพภูมิศาสตร์แย่ไปหมดเลย แต่ต่อไปโลกจะปรับตัวขึ้นมา แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระศรีอริยเมตไตรยจะมาตรัสรู้ขึ้นมาอีก พระพุทธเจ้าทุกองค์จะตรัสรู้ที่ชมพูทวีปนี้

นี่มันจะปรับตัวมันเองไปเป็นอจินไตยอย่างนี้ มันแปรสภาพของมันไป เราก็เดือดร้อนกัน เราก็ตื่นเต้นกันว่าโลกจะเป็นสภาวะแบบนั้น เป็น เป็นเพราะทำกันไปไง นี่โลกเราคิด ความคิดของเราจะไปแก้ไขกรรมไม่ได้ แก้ไขสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ ความเป็นไป เห็นไหม นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพยากรณ์สิ่งนี้ไว้แล้ว โลกเป็นสภาวะแบบนี้ แต่คนที่รู้เข้าใจแล้ว แล้วเราจะบริหารจัดการมันอย่างไร ด้วยความเสียสละ ไม่ใช่ด้วยความมักมากอยากใหญ่ แล้วทำให้มันมีความเสียหายออกไป

นี่ความเป็นจริง ถ้าความเป็นจริงจากใจครูบาอาจารย์นะมันไม่มีความเห็นแก่ตัว ใจของคนทุกๆ คนต้องมีกิเลส ความที่มีกิเลสเป็นการเห็นแก่ตัว แต่ถ้าคนที่เขามีจุดยืนของเขาไม่ใช่เห็นแก่ตัว แต่เห็นแก่ส่วนรวม ความเห็นแก่ส่วนรวมนี้ก็ต้องยืนในหลักการ หลักการนี่ทุกคนต้องมี แต่หลักการนั้นถูกหรือผิด เห็นไหม ถึงว่าเป็นความจริงไง

ดูสิในการประพฤติปฏิบัติ ในการทำสัมมาสมาธิ ตกภวังค์นะ นี่เวลาตกภวังค์ไปก็นึกว่าเป็นสมาธินะ เวลาดับหายไปเลย แล้วรู้สึกตัวตอนจะออกจะลุกจากสมาธินี่ภวังค์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เลย แต่มันก็เป็นความเข้าใจผิดว่าอันนี้เป็นสมาธิ อันนี้เป็นสมาธิ มันตกภวังค์ไปเป็นพรหมลูกฟักมันยังไม่รู้ตัวมันเลย แล้วถ้าการแก้ไขเข้ามา นี่แก้ไขให้มาเป็นสัมมา มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ แล้วปฏิบัติกันอยู่นี่เป็นสัมมาหรือเป็นมิจฉาล่ะ? เป็นสัมมาหรือเป็นมิจฉามันก็อยู่ที่ตัวเรานี่เรารู้

อาหารที่เรากินเข้าไป ถ้ามันเป็นประโยชน์กับร่างกาย ร่างกายจะแข็งแรง ร่างกายจะเจริญเติบโตขึ้นมา ถ้ามันเป็นสารพิษขึ้นมานะ ต่อไปพอโตขึ้นมาแล้วมันก็เป็นเนื้อร้าย เป็นมะเร็ง เป็นต่างๆ ในร่างกายของเรา

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราทำสัมมาสมาธิทำไมมันไม่มีกำลังของมัน? ทำไมมันยกขึ้นวิปัสสนาไม่ได้? ทำไมมันไม่มีฐานของมัน? ทำไมไม่มีเอกัคคตารมณ์จิตเป็นหนึ่ง จิตนี้ตั้งมั่น จิตนี้คือพลังงาน เหมือนเงิน เราสะสมเงินไว้ สะสมเงินไว้จนล้นเซฟล้นไหออกมา จนล้นบ้านออกมา เราไม่เห็นว่าเงินล้นบ้านออกมา เงินนี่ล้นออกจากหน้าต่าง ล้นออกมาเลยเป็นเพราะอะไร? เพราะสมาธิมันเข้มแข็งขึ้นมาไง แต่นี้สะสมกันไป สะสมเงินเข้าไป เงินไม่มีสักบาท เงินหายไปหมดเลย ถมไว้ในบ้านก็ไม่เห็นเลย เป็นภวังค์ไง ถ้าภวังค์นะ เป็นภวังค์ขึ้นมา ในบ้านเรา ในเก๊ะก็ไม่มีตังค์นะ สะสมก็ไม่มีตังค์ เพราะอะไร? เพราะมันเป็นนามธรรม มันจับต้องไม่ได้ มันไม่มีสติไง

นี่มิจฉา-สัมมาเป็นแบบนี้ แม้แต่เป็นมิจฉาสมาธิก็ยังเข้าใจว่าเป็นสัมมาเลย เพราะอะไร? เพราะความเห็นผิด นี่ความจริงเป็นอย่างนี้ แล้วเราทำไปมันก็ไม่มีสิ่งใด กลวงหมดนะ ไม่มีสิ่งใดเป็นหลักเป็นเกณฑ์เลย แต่ถ้าเป็นสัมมา เห็นไหม มันจะมีพลังงานของมันขึ้นมา สิ่งที่เป็นพลังงานของมัน มันจะมีความสุขของมันขึ้นมา แล้วสิ่งนี้มันจับต้องได้ เพราะอะไร? เพราะมีสติไง นี่ว่านามธรรม จิตจับต้องไม่ได้ จับต้องไม่ได้ ถ้าจับต้องไม่ได้ สมาธิเกิดขึ้นมาได้อย่างไร? เวลาเกิดเป็นขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ มันแค่ไหนของมัน? ขอบเขตมันแค่ไหน? ทำไมเขาสื่อความหมายกันได้ล่ะ?

ถ้าสื่อความหมายไม่ได้ ขอบเขตมันเหมือนวัดได้ ชั่งตวงได้ไง วัดได้ ชั่งตวงได้ นี่สภาวะของใจนะ ขนาดว่าสภาวะของใจ ใจนี้ถมไม่เต็มๆ แต่เวลาเข้าไปถึงที่สุดมันทำได้ ถ้าถมไม่เต็ม จับต้องไม่ได้ แล้วมันวิปัสสนาอย่างไร? มันฆ่ากิเลสอย่างไร? กิเลสอยู่ตรงไหนของหัวใจ? แล้วทำลายกิเลสอย่างไร? นี่มรรคญาณมันเกิดสภาวะแบบนี้ ถ้าเป็นสัมมา แม้แต่ความเป็นไปของใจ ของธรรมะก็เป็นแบบนี้ ความเป็นไปของโลกก็เป็นเหมือนกัน ความเป็นไปของโลก เห็นไหม เพียงแต่ว่ามันเป็นสมบัติของโลก

สมบัติข้างนอก สมบัติของโลก สมบัติของโลกสมบัติผลัดกันชม ใครมีปัญญามาก ใครมีต่างๆ ก็เอาสิ่งนี้เป็นสมบัติของตัว โทษนะ ชั่วคราว ชั่วคราวทั้งนั้นเลย เพราะเป็นสมบัติโลกไม่ใช่สมบัติเรา เราแค่อาศัยมัน แต่เพราะว่าเราคิดแต่ว่าเราจะอาศัยมันในอายุขัยของเรา ๑๐๐ ปี แต่เวลาเราดับขันธ์ไปแล้ว จิตที่มันไปเกิดตาย มันไม่มีที่สิ้นสุด ผลต่างขนาดไหน แต่สติยับยั้งได้ไหม? คิดได้ไหม? คิดเป็นไหมว่าอะไรเป็นประโยชน์ อะไรเป็นโทษไง

พวกเราเกิดมามีโอกาส ๑๐๐ ปีของเรา เราจะสร้างประโยชน์ของเรา จะทุกข์จะยากนะ เราจะไม่มีเงินเหมือนเขา เราจะไม่มีสถานะเหมือนเขา แต่เราทำคุณงามความดีของเรา ความลับไม่มีในโลก จิตนี้เป็นจิตที่ทำคุณงามความดี เราจะตักตวงแต่สิ่งที่เป็นคุณงามความดีของเรา เพื่ออะไร? เพื่อสัตว์โลกมีความสุขจากเรา เราป้องกันลูกหลานเราไม่ให้ไปเกิดภาวะที่เดือดร้อนขึ้นมา เราเป็นคนเสียสละในการกระทบกระเทือนกับเรา เราเสียสละจากกระแสที่เราโดนเบียดเบียนขึ้นมา สิ่งนี้เรายอมเสียสละ เห็นไหม

เราไม่ได้เหมือนเขา เราไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่เหมือนเขา เราไม่มีทรัพย์สินเงินทองเหมือนเขา แต่เราได้บุญกุศลของเราไป ในช่วง ๑๐๐ ปีนี้เราลำบาก เราทุกข์ยาก ทุกข์ยากแต่เราภูมิใจทำ เพราะอะไร? เพราะเราเป็นคนจริง เรารู้จริง เรารู้ถึงเรื่องของโลก แล้วเราสละสภาวะแบบนี้ เราตายไป เราตายไปมันก็สะสมขึ้นมา แล้วถ้ามาเกิดใหม่ เกิดใหม่จิตมันก็พัฒนาขึ้นมาเป็นพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ จิตที่ได้อธิษฐานมา เวลาเกิดขึ้นมามันจะมีความมั่นคงมาก

ดูสิดูอย่างพระโพธิสัตว์ เห็นไหม เป็นเตมีย์ใบ้ เชือดหู เชือดจมูกยังไม่สะเทือนเลย เพราะอะไร? เพราะจิตใจมั่นคงมาก ความที่จิตใจมั่นคงเพราะอะไร? เพราะการสะสมที่เราทำกันอยู่นี้ เราเกิดมาแล้วเรามีโอกาส เรารู้จริง เราทำจริงจากธรรมที่ครูบาอาจารย์ของเรามา เวลาครูบาอาจารย์ของเราอยู่ในป่าในเขานะ เวลามันจะตายขึ้นมา สละตายๆๆ สละตายทำไม?

คนเราจะตายมันก็ต้องแก้ไขให้เรามีชีวิตรอดสิ แต่เราจะชำระกิเลส เวลามันจะตายขึ้นมาก็ไม่สน อะไรตายก่อน? ขอดูความตายก่อน สละตายๆ ขึ้นมา ท่านถึงได้เป็นธรรมมาสอนพวกเรานี่ไง แล้วเรามีครูบาอาจารย์เป็นอย่างนี้ เป็นผู้ชี้นำอย่างนี้ แล้วเราจะหวั่นไหวไปทำไม? นี่มีคนกล้าด้วย เป็นคนจริงด้วย แล้วคนจริงชี้นำเราด้วย เราต้องภูมิใจในการเกิดของเรา เอวัง