เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๙ ก.พ. ๒๕๔๙

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

นี่พูดเป็นเรื่องเทคนิคนะ เวลาช่างเทคนิคเขาพูดถึงสถานีวิทยุนี่ พูดถึงคลื่นไง คลื่นของสถานีวิทยุมันคลุมหมด คลื่นสวนแสงธรรมนี่นะ เพชรบุรีเขาบอกเลย สถานีวิทยุนครชัยศรีกับเพชรบุรีแทบจะไม่มีความหมายเลย เพราะคลื่นของสวนแสงธรรมมันคลุมไปได้หมดเลย ถ้าคลุมไปได้หมดทางนี้มันไม่ต้องตั้งสถานีวิทยุ เพราะอะไร? เพราะเวลาเราเปิดคลื่น ๑๐๓ มันจะรับได้ ของเพชรบุรี ๙๐ กว่า ของนครชัยศรี ๑๐๖ เขาไม่เห็นรับได้เลย

คลื่นนี่มันไปกันทั่ว เพราะอะไร? เพราะตัวที่เราตั้งนี่ ตัวนี้ ๑๐ กิโล แต่ตัวนี้ ๑๐ กิโล แล้วมันไปได้ใช่ไหม แล้วทีนี้พอเสร็จแล้ว คลื่นมันดีอยู่แล้วก็จะเปลี่ยนตัวใหม่ จะเปลี่ยนเป็น ๑๐ กิโล แต่เป็นของนอก ถ้าเป็นของนอกมันไม่มีขาย เมื่อก่อนมันไม่มีขายในเมืองไทย คือเครื่องวิทยุนี่เขาจะซื้อมาเฉพาะสถานีวิทยุไง เขาไม่มีขายในท้องตลาด มันก็เลยซื้อตัวนี้ไม่ได้ ตอนนั้นเลยกลายเป็นมือสมัครเล่น

ก่อนหน้านี้พวกเราทำสมัครเล่น สมัครเล่นหมายถึงว่า หลวงตาท่านอยากได้คลื่นวิทยุมาก ท่านอยากได้คลื่นวิทยุมาก เพราะอะไร? เพราะว่ามันเป็นน้ำใจไง ธรรมมันไปทันโลก ท่านบอกเลยว่า “การช่วยชาตินี่มันได้เรื่องเงินเรื่องทอง เรื่องชาติ เรื่องวัตถุ แต่ธรรมะมันเข้าไปในหัวใจ” แล้วนี่ผู้คนนะ เวลาฟังสถานีวิทยุ คนจากเหงา คนจากไม่มีเพื่อน มันก็มีเพื่อน มีเพื่อนเพราะอะไร? เพราะมันเป็นอาหารของใจ นี่สถานีวิทยุท่านต้องการมาก ท่านอยากได้มากเพราะอะไร? เพราะเหมือนกับดูสิ เวลาเราทำอุตสาหกรรมเราใช้ดำรงชีวิตนี่ ถ้าขาดน้ำเราดำรงชีวิตได้ไหม?

นี่ก็เหมือนกัน เวลาคนทุกข์คนยาก คนเหงาคนหงอยนี่ มันจะเอาอะไรเป็นที่อาศัย มันก็เอา ธรรมเป็นที่อาศัย ท่านต้องการทำสิ่งนี้ไว้ให้ชาวไทยเรามันมีที่พึ่งอาศัย ท่านถึงต้องการตรงนี้ แต่มันทำไม่ได้ แล้วไม่มีใครทำให้ ก็เลยทำเป็นมือสมัครเล่น พอสมัครเล่นทำมามันก็มีปัญหา นี่วิทยุของเมืองไทยตัวนี้ตัวประกอบในนี่ เวลาพลังงานเข้าไปมันพลังงาน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ มันไปทำให้เครื่องร้อนเฉย ๆ อีก ๕๐ เปอร์เซ็นต์มันถึงจะใช้พลังงาน มันจะทำให้เครื่องร้อน มันไม่มีประโยชน์เลย เขาถึงถ้าเอาเครื่องนอกมานี่มันจะได้ประโยชน์ทั้งหมด ถึงจะบอกว่าไอ้ค่าใช้จ่ายมันจะหายไปเลยครึ่งหนึ่ง

๑. ค่าใช้จ่ายก็น้อยลง

๒. คลื่นมันก็ชัดเจนขึ้น มันคงที่ของมันไง ไม่ไปกวนคนอื่น ไม่รังแกเขา

แต่ที่เราทำมา มันวางมาอย่างนี้มันมีปัญหา แล้วถ้าเอาอย่างนี้ไว้อยู่นี่ การทำต่อไปมันก็จะพิการไปตลอด ทุกคนมันพิการหมด เราทำให้สมบูรณ์ไง นี้ทำสมบูรณ์ขึ้นมานี่มันก็ติดขัดตรงนี้ แล้วติดขัดตรงที่หลวงตา หลวงตาท่านบอกว่า “ประหยัดมัธยัสถ์ ของนี่ซื้อมาจากเงินทองของประชาชน” แล้วเราจะมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนี่ท่านรับไม่ได้ ท่านไม่ยอม แล้วท่านไม่ยอม ท่านบอกให้แก้ไขใช้อย่างนี้ไป

พอใช้อย่างนี้ไป พระถึงบอกว่า “ถ้าอย่างนี้แล้วจะต้องมีคนเอาปัญหาตรงนี้ออกมา” เราถึงต้องไปขอ ดูสิ คลื่นนี่มันคลุมหมดแล้ว ทางราชบุรีเราก็คลุมหมดแล้ว แล้วจะมาตั้งอะไรกันอีก มันเอามานี่ขอมาเฉย ๆ ขอมาเพื่อจะทำใหม่ไง สิ่งที่ทำใหม่ อันนี้ถ้ามีปัญหาขึ้นมา เขาบอกเลยว่า “อันนี้ถ้าเราจะตั้งกันจริง ๆ มันตั้งแล้วค่าใช้จ่ายมันจะสูงมาก ถ้าจะเป็นไปได้ให้ไปแลกเป็นเครื่องใหม่ หรือถ้าเราไม่ทำก็ขอให้ขอไปก่อน แล้วเอาเครื่องนี้เอาไปขายก็ได้ แล้วเอาเงินนี่ไปถวายท่าน” เพียงแต่ตรงนี้ เราต้องแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าไป อันนี้หนึ่ง

แล้วก็เรื่องกฐิน เรื่องกฐินเราบอกว่า “ชาวโพธารามจองกฐิน” แล้วท่านก็พะวักพะวงว่า จองกฐินแล้วนี่เอาจริงหรือไม่เอาจริง เราบอก “เอาจริง” ต้องขึ้นไปตอกย้ำ นี่คนจริงจังมันพูดแล้วต้องเข้าไปเอาความจริง เวลาเราขึ้นไปขอ พอขอเรื่องกฐินท่านพูดเลย “อ้าว! กฐินก็ให้ไปแล้ว” ให้ไปแล้วแสดงว่าท่านให้โดยหัวใจแล้ว แต่เรื่องข้อตกลงยังไม่มี

แต่เวลาขอวิทยุ ท่านบอกว่า “ขออะไรกันอีก” เพราะใจท่านไง นี่เราบอกเราจะชี้ให้เห็นน้ำใจของท่าน อันหนึ่งคือท่านให้โดยหัวใจแล้ว คือกฐินนี่ให้กับชาวโพธารามแล้ว ถ้าชาวโพธารามมาก็ให้อยู่แล้ว แต่ในเรื่องวิทยุของท่านท่านไม่ให้ พอท่านไม่ให้เราไปขอท่าน พอขอท่านทีแรกท่านบอกว่า “จะมาขออะไรกันมันไม่มี มันไม่มีหรอก” พอไม่มีเราก็ต้องอธิบายกัน อธิบายจนท่านบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ยกให้เลย” พอยกให้เลยมันก็จบ พอสิ่งที่จบ อันนี้ที่จบเพราะมันก็เป็นการแก้ปัญหา นี้พูดถึงเรื่องโลกนะ

แล้วเราจะพูดเรื่องของธรรมสิ พูดเรื่องของธรรม คลื่นที่มันคลุมคลื่นเล็ก บารมีธรรม เห็นไหม พระโพธิสัตว์สร้างสมบุญญาธิการมา ๔ อสงไขย แสนมหากัป กว่าจะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูสิ พระอรหันต์ พระอัครสาวกต่าง ๆ ก็ปรารถนาสร้างบารมีกันมา นี่คลื่นเล็กคลื่นใหญ่ แต่คลื่นก็ส่งกำลังวิทยุไปได้ใช่ไหม คลื่นนี่ก็เป็นธรรมะเหมือนกันใช่ไหม แต่คลื่นเล็กคลื่นใหญ่มันก็ปกครองกันอยู่นะ นี่ในวัฏฏะเป็นอย่างนี้

ถ้าเราเกิดขึ้นมา พ่อแม่นี่คลื่นใหญ่คลุมดูแลลูกทั้งหมดเลย แต่ลูกถ้ามันไปประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ลูกที่ประกอบสัมมาอาชีวะจะร่ำรวยหรือจะมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงกว่าพ่อแม่ก็ได้ สิ่งที่สูงกว่าพ่อแม่อันนั้นมันเป็นการสร้างสมบุญญาธิการของเขา สิ่งที่สร้างสมบุญญาธิการของเขา นี่มันเป็นการกระทำของเรา ถ้าเราทำมันเป็นเพื่อใครล่ะ? ถ้าเราทำเพื่อเรา เราจะได้เฉพาะเรา

ดูสิ เวลาการทำบุญกุศล ถ้าเราเป็นหัวหน้าแล้วเราชักนำให้บุคคลทำบุญกุศลไปกับเรา เวลาเราไปเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม จะมีบริษัทบริวารไง ดูในสมัยพุทธกาลนะ กษัตริย์มีทรัพย์สมบัติมากแต่ไม่มีเวลาทำบุญทำกุศล ให้ข้าทาส...ข้าทาสเขาไม่มีอะไรเลย แต่เขามีหัวใจไง เขาจะทำบุญกุศลนะ หน้าที่ของเขาคือเอาสมบัติของกษัตริย์นี่ไปทำกุศล ไปทำบุญตักบาตร แต่เขาตักบาตรเขาตักด้วยความชุ่มชื่นหัวใจของเขา

เวลาตายไปนะ กษัตริย์ก็ไปเกิดเป็นเทวดาเหมือนกัน ข้าทาสบริวารก็ไปเกิดเป็นเทวดาเหมือนกัน แต่กษัตริย์ไปเกิดอยู่คนเดียว คนเดียวคือไม่มีบริษัทบริวารไง เพราะเขาทำของเขาด้วยความแกน ๆ เขาทำ เขาไม่มีเวลา เขาไม่มีความดูดดื่มในหัวใจ แต่ขณะที่สมบัติไม่ใช่เป็นของทาสนะ แต่ทาสเวลาทำทำด้วยความดูดดื่มในหัวใจ นี่บริษัทบริวารเต็มไปหมดเลย เกิดเป็นเทวดา

นี่พูดถึงค่าของน้ำใจกับเรื่องของวัตถุเรื่องของสมบัติ สมบัติพัสถานไม่ใช่ของเราเลย แต่เราทำด้วยความดูดดื่ม เราทำด้วยชุ่มชื่น เราทำด้วยเจตนาของเรา ประโยชน์มันเกิดตรงนี้ นี่จะบอก เรื่องของนามธรรม เรื่องของใจ ค่าของน้ำใจมากกว่าค่าของข้างนอก ดูสิ เวลาเราช่วยเหลือกัน เราเจือจานกัน เราช่วยเหลือคนตกยาก ทรัพย์สมบัติที่เราสละไปมันมีแค่ไหน แต่น้ำใจสิ น้ำใจของเรา ดูเขารับจากมือเราไปเขามีความสุข เขามีความสดชื่น หัวใจของเขาเขารู้สึกบุญรู้สึกคุณของเขา ค่าน้ำใจนี่มันจะผูกพันกันไป

แล้วเวลามนุษย์เกิดมา มนุษย์มีกายกับใจ ไอ้หัวใจในร่างกายนี่ สิ่งที่หัวใจในร่างกายนี่ สิ่งนี้มันพาเกิดพาตาย คำว่า “พาเกิดพาตาย” เราว่าตายแล้วก็สูญ ตายแล้วไม่มีหรอก คนเราเกิดมาเท่านี้ ถ้าเกิดมาเท่านี้ทำไมความรู้สึกอันนี้มันฆ่าได้ไหม เวลาคนเราตายไป หรือวัตถุอันหนึ่งมันย่อยสลายไปธรรมชาติของมัน เวลาคนตายไปร่างกายนี่มันต้องย่อยสลายกลับไปธรรมชาติของมัน แต่ความรู้สึกนี่มันย่อยสลายได้ไหม ถ้าความรู้สึกย่อยสลายได้นะ

ดูสิ คนเกิดมาเป็นพัน ๆ ล้าน สิ่งที่เป็นพัน ๆ ล้าน ความรู้สึกอันนี้เวลาทุกข์สุขมันต้องดับได้สิ มันต้องมีคนทำได้บ้าง เพราะอะไร? เพราะมันเป็นพัน ๆ ล้านคน หนึ่งในพัน ๆ ล้านมันต้องทำได้บ้าง แต่นี่ทำไม่ได้เลย สิ่งที่ทำไม่ได้มันยืนยันคือว่าตัวหัวใจตัวนี้มีอยู่ ตัวนี้มันต้องเกิดต้องตายไป

ถ้าทำบุญกุศลสร้างคุณงามความดี คำว่า “บุญกุศล” ถ้าทำบุญกุศลเราจะต้องสละอย่างเดียวเหรอ? แล้วเวลาภาวนานี่ เวลาเราทำความสงบของใจนี่มันจะไปสละอะไรล่ะ? มันสละความทุกข์ความโศกในหัวใจไง มันสละความทุกข์ร้อนในหัวใจ ถ้ามันสละอย่างนี้ได้ มีสติเข้ามายับยั้งมันไป แต่กว่าที่มันจะสละได้ กว่าที่จะทำได้นี่ มันก็ต้องมีจากข้างนอกเข้ามา จากศรัทธา จากความเชื่อ จากเป้าหมาย ถ้ามีเป้าหมายจะย้อนกลับมา งานมันละเอียดไง เรื่องของใจงานมันละเอียด

ถ้าทำตรงนี้ได้ ความสุขอย่างโลกเขาเป็นอามิส เป็นสิ่งที่เกื้อกูลกันมันก็เจือจานกันไปแล้วแต่เวรแต่กรรมของสัตว์โลก นี่คนเกิดมามีเวรมีกรรมนะ เกิดในยุคใดสมัยใด ยุคหนึ่งคราวหนึ่งของเขา เขาจะทำประโยชน์ของเขาได้ขนาดไหน? ดูสิเวลาโลกเจริญ เวลาโลกเสื่อม มันก็เป็นยุคหนึ่งคราวหนึ่งของเขา เวลาจิตเกิดสภาวะแบบนั้นมันจะทุกข์ยากมากนะ นี่เกิดในประเทศอันสมควร เกิดในประเทศอันสมบูรณ์

ดูสิ ขนาดเกิดในประเทศที่ว่าทางตะวันออกของเรา ดูสิ ดูภูมิประเทศสิ แล้วเราไปเกิดที่เขาแห้งแล้งเขาอัตคัดขัดสน เขาต้องอยู่กัน ดูเขาเกิดในขั้วโลกสิ เขาก็ต้องอาศัยดำรงชีวิตของเขาไป นี่ประเทศอันสมควร นี่บุญพาเกิดกรรมพาเกิดทั้งนั้น จิตนี่มันเป็นไปทั้งนั้นล่ะ แล้วเวลาเกิดขึ้นมาแล้วนี่ เราพบพระพุทธศาสนา แล้วศาสนาย้อนกลับมาเรื่องหัวใจ เรามีโอกาสไง ถ้าเราแก้ไขได้ตรงนี้เราแก้ไขได้ เหมือนกับสิ่งที่เป็นวัตถุที่ยังไม่สำเร็จรูปขึ้นมานี่ เราจะทำเป็นอย่างไรก็ได้ แต่ถ้ามันสำเร็จรูปไปแล้ว มันก็เป็นสภาวะแบบนั้น

นี่ก็เหมือนกัน เวลาตายไปแล้วมันก็เป็นสถานะแบบนั้น ในปัจจุบันนี้เราทำได้ เพราะอะไร? เพราะมันมีกายกับใจไง มีกายกับใจทุกคน สัตว์ก็มีกายกับใจ สิ่งที่มีกายกับใจ แต่ถ้าไม่มีธรรมล่ะ ไม่มีธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมและวินัยนี่มันมาจากไหน? คำว่า “สติ” ทางยุโรปเขาว่ามีสติเขาต้องระลึกรู้เหมือนกัน เวลาทางการแพทย์เขายังบอกเลย “สติสั้น” เด็กสติสั้น เด็กสมาธิสั้น เด็กสมาธิยาว นี่มันยังมีสมมุติบัญญัติขึ้นมาได้

แต่ถ้าธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันมีสติ มหาสติ สติอัตโนมัติ นี่มันละเอียดอ่อนเข้าไป มันจะเคลื่อนไหวตามตัวจิตอันนั้นทัน ถ้าตามตัวจิตอันนั้นทัน มันไปแก้ไขด้วยมรรคญาณ คือการภาวนาไง งานของผู้ที่ประพฤติปฏิบัตินะ งานของศากยบุตรผู้ที่ออกนักรบ มันจะแก้ไขหัวใจตรงนี้ไง คำว่า “ค่าน้ำใจ” การสละเจือจานกันเป็นค่าน้ำใจมหาศาลเลย แต่ตัวมรรคญาณเข้าไปนี่ ตัวค่าน้ำใจตัวใจเองเข้าไปชำระใจตัวเอง ตัวนี้มันสำคัญมาก

แล้วสำคัญมันมาจากไหน? มันก็มาจากเราสละทานนี่ เราสละทานถึงจะเกิดพละ เกิดอินทรีย์ เกิดความแก่กล้า เกิดพลังงานขึ้นมา ถ้าเราไม่เคยสละ เราไม่เคยเจือจานไว้เลย เหมือนกับนิสัยคน ดูนิสัยคนบางคนเกเรมาก บางคนเป็นเด็กดีมาก เพราะเขาฝึกฝนของเขามา เพราะจิตเขาสะสมของเขามา เรื่องของจิตของเขานี่บุญอำนาจวาสนาของเขามี ของเขามาอย่างนั้น

แล้วทำไมเวลาคนเขาเกิดในฐานะเศรษฐี เกิดในต่าง ๆ ทำไมนิสัยเขาเป็นอย่างนั้นล่ะ? เป็นอย่างนั้นเพราะอะไร? เพราะกรรมมี ก็ทำบุญกุศลเคยทำความดีก็มี แต่นิสัยก็ส่วนนิสัย กรรมดีกรรมชั่วที่มันให้ผลตอบสนองก็เหมือนกัน เหมือนเราเกิดมาเป็นคน มีคนเกิดมาแล้วรูปร่างสวยงามต่าง ๆ หรือว่าขี้เหร่ นี่มันเป็นการกระทำ มันเป็นการสะสมอันนั้นมา แต่ความรู้สึกหัวใจต่างกันนะ พระอรหันต์สมัยพุทธกาล เป็นง่อยเปลี้ยเสียขา เป็นบาดแผลเต็มตัวเลยก็มี นี่สิ่งที่อย่างนี้มันเป็นเรื่องของกรรมจากการกระทำ

แต่ถ้าศรัทธาอีกตัวหนึ่งคือตัวหัวใจ แล้วตัวมรรคญาณเกิดขึ้นมา มันจะย้อนกลับมาตรงหัวใจ แล้วทำอันนี้จบสิ้นกระบวนการตรงนี้ เห็นกระบวนการตรงนี้ แล้วมันจะเห็นค่าของน้ำใจ เหมือนกับสิ่งที่ว่าใครมีวิชาชีพอย่างใดก็เห็นวิชาชีพของตัวสำคัญ เพราะอะไร? เพราะตัวเองเข้าใจสภาวะแบบนั้น

นี่ก็เหมือนกัน ธรรมและวินัยเป็นเรื่องของค่าน้ำใจ ครูบาอาจารย์ถึงเห็นผลตรงนี้ ท่านถึงรักสถานีวิทยุ วิทยุเกิดขึ้นมานี่ ใช่! มันมีรายจ่าย มันมีทุกอย่าง แต่รายจ่ายแบบนี้มันเป็นค่าใช้จ่ายทางโลก แต่ความสุขความทุกข์น่ะมันเป็นรายจ่ายของการบีบคั้นของใจ ถ้าบีบคั้นของใจแล้วมียา มีเครื่องรักษาหัวใจอันนั้นให้มีความสุขความทุกข์อันนั้นนะ สิ่งนี้ผลตอบสนองอย่างนี้ มันมีคุณค่าเหลือล้นจนนับค่าประมาณไม่ได้ไง

การลงทุนอย่างนี้ลงทุนเพื่อประโยชน์ของหัวใจสัตว์โลก ค่าใช้จ่ายอย่างนี้ถ้าเราใช้จ่ายได้มันก็เป็นการสละทานออกไป แล้วเขาได้รับประโยชน์ทางโลกใช่ไหม นี่ที่ว่าการให้ธรรมเป็นธรรมทานเป็นบุญกุศลอย่างยิ่ง ให้วิชาการ ให้สิ่งต่าง ๆ ให้คนพ้นจากทุกข์นี่เป็นบุญกุศลอย่างยิ่ง

สิ่งนี้ท่านรักษา ท่านสงวนเพราะอะไร? เพราะสิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่เป็นคลื่น เป็นสิ่งที่ไม่มีใครเห็นตัวตนมัน แต่มันมีคุณค่ามหาศาลกับหัวใจไง กับผู้รับรู้ไง กับคนที่พ้นจากทุกข์ไง สิ่งที่ทำกันอย่างนี้มันจะเป็นประโยชน์กับเรา ถึงต้องทำ ทำเพื่อครูบาอาจารย์ ทำเพื่อตอบสนองของโลก ทำเพื่อให้โลกเขามีความร่มเย็นเป็นสุข เอวัง