เทศน์เช้า วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๔๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ.วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
วันนี้วันทอดกฐินนะ เราจะมาทอดกฐิน ทอดกฐินกับสังฆะกับสงฆ์ พระสงฆ์เป็นหนึ่งเป็นพระสงฆ์ สังฆะคือสงฆ์รวมกัน ๕ องค์ขึ้นไปถึงเป็นสงฆ์ใช่ไหม สงฆ์เกิดขึ้นที่นี่
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้วเผยแผ่ธรรมนะ เวลาพระกัจจายนะไปอยู่ในชนบทประเทศ เวลาจะบวชพระ พระโสณะ เวลาพระกัจจายนะเป็นพระอรหันต์ ออกไปเผยแผ่ธรรมในชนบทประเทศ จะบวชพระโสณะ บวชลูกศิษย์องค์หนึ่ง แต่สงฆ์ไม่ครบ รอถึง ๓ ปีกว่าจะบวชพระได้องค์หนึ่ง เพราะสมัยนั้นจะบวชพระต้องพระ ๑๐ องค์ขึ้นไป
จนพระกัจจายนะให้พระโสณะไปขอกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ชนบทประเทศ ขอให้พระแค่ ๕ องค์ให้บวชพระได้ ให้พระ ๕ องค์ ให้เป็นสงฆ์
สังฆะคือองค์ประกอบของสงฆ์ สังฆะคือสงฆ์ที่รวมตัวกัน สมมุติสงฆ์คือพระสงฆ์ พระสงฆ์กับสังฆะต่างกัน แต่เมื่อเป็นสังฆะสงฆ์เกิดขึ้นที่นี่ ชนบทประเทศ เราเผยแผ่ธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาเผยแผ่ธรรมให้พระออกไปนะ พระอรหันต์ ๖๑ องค์ พ้นจากบ่วงของมารและบ่วงที่เป็นทิพย์ ให้เธอไปต่างคนต่างไป อย่าไปซ้ำทางกัน มันเสียโอกาส
ผู้ที่มีธุลีในตาเบาบางเขาจะมีโอกาสได้ เขามีโอกาสจะเห็นธรรมได้ เห็นการเคลื่อนไหวไปของพระสงฆ์ พระสงฆ์ดำรงชีวิตได้อย่างไร พระสงฆ์อยู่ได้อย่างไร? อยู่โดยการภิกขาจาร ปัจจัย ๔ เครื่องอาศัยหาได้ในโลก โลกมีอยู่แล้ว แต่เรื่องความเป็นธรรมในหัวใจต่างคนต่างไม่มีนะ ปัจจัย ๔ ในสถานที่อย่างใดเขาอาศัยสิ่งใดหากินเขาก็หากินของเขาตามสภาวะแบบนั้น แต่ทุกหัวใจทุกข์หมด คนเกิดมาในโลกนี้ การเกิด การเกิดคือ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา เป็นตัณหาความทะยานอยากในหัวใจนั้นมันอยากเกิด
เราว่าเราไม่อยากเกิด เพราะเกิดมาแล้วเราทุกข์ไง แต่สิ่งที่ว่าตัณหาความทะยานอยากคือยางเหนียวในหัวใจนั้นมันต้องเกิด มันเป็นธรรมชาติของมัน ในเมื่อเมล็ดพันธุ์พืชมันมีชีวิตของมัน มันตกในพื้นที่ใดมันต้องเกิดของมันโดยธรรมชาติของมัน จิตนี้ก็เหมือนกัน จิตนี้ก็เป็นเมล็ดพันธุ์อันหนึ่ง เป็นพุทธะ เป็นจิตวิญญาณ วิญญาณปฏิสนธิไม่ใช่วิญญาณรับรู้ที่เรารับรู้กันอยู่นี้ วิญญาณที่รับรู้กันอยู่นี้ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจนี้เป็นเปลือกไม่ใช่วิญญาณปฏิสนธิ วิญญาณปฏิสนธิคือตัวธาตุรู้เฉยๆ ตัวนั้นมันเป็นเมล็ดพันธุ์ของจิต จิตตัวนี้จะต้องตก ต้องเกิดต่อไปๆ การเกิดและการตายของจิตดวงนี้มันถึงให้ทุกข์กับทุกดวงใจ
ถ้าทุกดวงใจมีการเกิดขึ้นอยู่ มันต้องมีความทุกข์ในหัวใจโดยธรรมชาติของมัน ในเมื่อการเกิดนั้นความทุกข์ตามมากับการเกิด แต่ว่าการเกิดนั้น ในเรื่องของหัวใจมันมีความทุกข์อยู่สภาวะแบบนั้น ถึงว่าการเกิดถึงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง แล้วจะดับการเกิด เห็นไหม ที่ว่าพระเขาดำรงชีวิตอย่างไร ปัจจัย ๔ เครื่องอาศัยมันมีการอาศัยอยู่ โลกนี้อาศัยเจือจานกันได้ เราทำบุญกุศลทำทานก็ตรงนี้
แล้วพระนักรบที่ออกประพฤติปฏิบัติ ในสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ธรรมไป ให้พระไปคนละทาง ให้พระออกไปในชนบท ให้พระออกไปเผยแผ่เพื่อให้สังคมสงฆ์ สังคมของชาวพุทธได้ลิ้มรสของธรรมใช่ไหม ไม่ใช่รวบยอดอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ไม่ใช่รวบยอดอำนาจไว้ที่ไหน
เวลาสังฆะ เวลาสงฆ์ในพระพุทธศาสนาเจริญขึ้นมา นาลันทาไง พระทั้งหมดไปรวมศึกษากันอยู่ที่นั่น เพราะที่นั่นเป็นแหล่งการศึกษา เป็นมหาวิทยาลัยแรกของโลก พระสงฆ์ไปรวมกันอยู่ที่นั่น นักปราชญ์ราชบัณฑิตจะไปรวมกันอยู่ที่นั่น เวลาเกิดเพศภัยขึ้นมาล้ม นาลันทาหมด ศาสนาพุทธก็คว่ำไปจากอินเดีย
แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ธรรมนี่ให้พระออกไปประพฤติปฏิบัติตามชนบทประเทศ ให้ยึดพื้นที่ให้ออกไปให้กว้างไกลที่สุด เพราะกว้างไกลที่สุด ในเมื่อในหัวใจของสัตว์โลกได้ลิ้มรสของธรรม เขาจะปกป้องศาสนาของเขาด้วยชีวิตของเขาเอง เพราะเขาพบได้ลิ้มรสของธรรม เพราะสิ่งนี้มันมีคุณค่ามหาศาล
ในเมื่อสังฆะ สงฆ์เกิดขึ้นที่นี้ ในธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปัจจัย ๔ เครื่องอาศัย กฐินทานคือผ้าขาวผืนเดียว ผ้าขาวผืนเดียว ให้สงฆ์นั้นร่วมกันทอดกฐิน กฐินหมายถึงว่าผ้าที่จะเย็บมาเป็นกรานกฐิน เป็นสะดึง แล้วเย็บนั้นขึ้นมา
เราเห็นสงฆ์เกิดขึ้นที่นี่ สงฆ์การประพฤติปฏิบัติที่นี่ เราต้องการบุญกุศลจากสงฆ์ที่นี่
บุญกุศลพาเกิด พาดวงใจนี้เกิดนะ เกิดตายๆ ใครจะปฏิเสธหรือไม่ปฏิเสธว่ามีชาตินี้ชาติเดียว ตายแล้วตายเปล่า ไม่มีสิ่งใดๆ จะต้องไปเกิดอีก ก็ให้ถามหัวใจเรานี่แหละ เราลบความรู้สึกของเราได้ไหม แผลของใจนี้สำคัญมากนะ ใครมีแผลใจที่ใดก็แล้วแต่ มันจะเกิดขึ้นมาตลอดเวลา แล้วจะให้ผลกับใจดวงนั้นตลอดไป แล้วสิ่งนี้มันย่อยสลายนะ
ฟังสิ ฟังว่าสิ่งที่เป็นแผลใจในปัจจุบันนี้ ภพชาติต่างๆ เวลาพุทธภูมิเกิดมาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดเป็นสัตว์ เกิดเป็นต่างๆ แต่ละชาติเป็นหัวหน้าสัตว์ เป็นผู้ที่เผยแผ่ เป็นผู้ที่ให้เมตตารื้อสัตว์ขนสัตว์ตลอดไปนะ สิ่งนี้มันย่อยสลายเข้าไปในดวงใจดวงนั้น เมล็ดพันธุ์นี้มันได้ปรับ ปรับสภาวะแบบนี้ไง ปรับสภาวะแบบนี้ให้มันสูงขึ้น
ใจของคนที่ดี ลูกของเราเกิดมานี่เกิดมาสว่าง อย่างไรๆ ใจดวงนี้มันก็ดี มันดีของมันไป มันจะอยู่สังคมไหน จะสิ่งแวดล้อมไหนมันก็ดีนะ แต่ถ้าพูดถึงถ้ามันปรับแล้วมันมีกิเลสตัณหาความทะยานอยากแต่ละชาติหนึ่งๆ มันอาจจะซัดไพล่ออกไปทางอื่นก็ได้ เห็นไหม บุญกุศลสภาวะแบบนั้น ซ้อนลงไปที่นี่ไง
สัญญาความจำได้หมายรู้ย่อยสลายลงไป จากขันธ์ ๕ เข้าไปเป็น อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สงฺขาราปจฺจยา วิญฺญาณํ จิตปฏิสนธิคือที่ว่า อิทปฺปจฺจยตา นั่นคือปฏิจจสมุปบาท สิ่งที่ปฏิจจสมุปบาทนั้นคือจิตปฏิสนธิ จะภพชาติ จะทำคุณงามความดีขนาดนั้น ทำความชั่วขนาดไหน มันจะย่อยสลายไปอยู่กับจิตดวงนั้น มันถึงพัฒนาให้ใจดวงนี้ พุทธภูมิ ทำคุณงามความดีไม่เสียเปล่า
ไม่มีสิ่งใดเป็นของฟรี ไม่มีสิ่งใดที่ไม่มีเหตุมีผล สิ่งใดที่ทำก็แล้วแต่มันจะสะสมลงที่ใจดวงนี้ นี่เป็นสิ่งที่มันย่อยสลายไปสู่จิตดวงนี้ จิตดวงนี้ถึงพาเกิดพาตาย สิ่งที่พาเกิดพาตาย เพราะอำนาจวาสนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้สิ่งนี้ ถึงจะบอกว่าตายแล้วตายสูญ สูญนั้นเป็นความคิด สูญนี้คืออวิชชา คือความลังเลสงสัยของเราเป็นคนบอก แต่สัจจะความจริง สัจจะความจริงของพวกเรา พวกที่ประพฤติปฏิบัติ หรือพวกผู้ที่ใหม่ มันก็ไม่เห็นสิ่งนั้นนะ แต่ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ ผู้ที่มีอำนาจวาสนา แม้แต่ไม่ใช่พระอรหันต์นะ
ในสมัยพุทธกาล กาฬเทวิล ก่อนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ ระลึกอดีตชาติได้ ๔๐ ชาติ ระลึกอนาคตได้ ๔๐ ชาติ กาฬเทวิลอยู่ในพระไตรปิฎก แล้วทำสมาบัติ สามารถเอาตัวขึ้นไปอยู่บนพรหมได้ จนเจ้าชายสิทธัตถะคลอดออกมา เทวดาฟ้าดินเขาอนุโมทนากัน ลงมาดูนะ ลงมาดูเจ้าชายสิทธัตถะ ดีใจมาก ดีใจว่าเจ้าชายสิทธัตถะเกิดแล้ว มันจะมีวิชาการ คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดแล้ว จะตรัสรู้ขึ้นมา จะมีมรรคญาณ จะทำลายกิเลสได้ แต่ตัวเองดีใจมากเพราะสิ่งที่รอมาขนาดนี้นะ แล้วก็ร้องไห้ไง เวลาเขาถามว่าดีใจเพราะเหตุใด
เพราะว่าทำสมาบัติ สมาบัติความละเอียดของใจขนาดไหน ระลึกอดีตชาติได้ ๔๐ ชาติ ระลึกอนาคตได้ ๔๐ แต่ไม่สามารถชำระกิเลสได้ การระลึกอดีตได้นี้มันเป็นอภิญญา สิ่งที่เป็นอภิญญานี่เป็นฌานโลกีย์ สิ่งที่เป็นฌานโลกีย์เป็นเรื่องของโลกเขา ถ้าไม่มีสติไม่มีสัมปชัญญะจะเชื่อว่าสิ่งนั้นเป็นธรรมไง กาฬเทวิลเคยได้มาก่อนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว แล้วก็ร้องไห้ ร้องไห้เพราะเหตุใด พระเจ้าสุทโธทนะถามว่าเพราะว่าเป็นเพื่อนกัน ถามว่าร้องไห้เพราะเหตุใด
ร้องไห้นะ คนทำได้ขนาดนี้ รู้ว่าเกิดขนาดไหน แล้วจะตายวันไหนก็รู้ด้วย รู้ว่าตัวเองจะต้องตายก่อนเจ้าชายสิทธัตถะจะตรัสรู้ธรรม ถึงร้องไห้ ร้องไห้เพราะว่าไม่มีโอกาส โอกาสของเราที่จะใช้ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าชำระกิเลสที่จะไม่ต้องให้เกิดให้ตายอีก มันไม่มีโอกาส นี่มีบุญกุศลสร้างบารมีของตัวเองมาระดับที่ระลึกชาติได้ ๔๐ ชาติ อนาคตได้ ๔๐ ชาติ การเกิดและการตายเห็น ๔๐ หน
การเกิดและการตาย จุตูปปาตญาณเห็นจิตดวงนี้ตายแล้วเกิดๆ ผู้ที่ภาวนาไปเห็นอย่างนี้มันจะสลดสังเวช สังเวชว่าทำไมมันเป็นอย่างนี้หนอ เหมือนกับเรานี่ถ้าถึงเมืองอ๋อเมื่อไหร่ อ๋อ! เป็นอย่างนี้หรือ ชีวิตเป็นอย่างนี้หรือ จิตนี้เป็นอย่างนี้หรือ วัฏฏะเป็นอย่างนี้หรือ การเวียนตายเวียนเกิดของใจเป็นอย่างนี้หรือ
แล้วก็เวียนเกิดเวียนตายกันเป็นปัจจุบันนี้ เกิดมาๆ เราถึงต้องมาสร้างกุศลกัน สร้างกุศลถ้ามันเวียนตายเวียนเกิดก็ขอให้มันเกิดดี เกิดขึ้นมาแล้วให้มีความสุขพอสมควรกับการเกิดนั้น แล้วเกิดแล้วให้เกิดพบพระพุทธศาสนา กาฬเทวิลเขาทำได้ขนาดนั้น แต่เขาไม่เจอศาสนา เขายังต้องร้องไห้นะ แล้วเราเราระลึกอดีตชาติได้ไหม เราทำสมาธิเราได้ไหม เราสามารถควบคุมใจเราได้ไหม
เราทำอะไรไม่ได้เลย แต่เรามีอำนาจวาสนา เพราะเราเกิดท่ามกลางพระพุทธศาสนา ท่ามกลางยา เราไม่เป็นโรค แต่ยามีอยู่แล้ว แต่กาฬเทวิลเขารู้ว่าเขาเป็นโรคอะไร โรคการเกิดและการตาย แต่เขาไม่มียา แต่เราไม่มีโรค เราเข้าใจว่าไม่มีโรค แต่ทุกดวงใจทุกดวงจิตที่เกิดและตายนี้มีโรคทั้งหมด เพราะจิตที่ขับเคลื่อนนั้นคือโรค โรคของกิเลสตัณหาความทะยานอยาก โรคของการที่เศรษฐีมั่งมีมหาศาลขนาดไหนแต่ก็อาลัยอาวรณ์ในชีวิต สมบัติของเราใครจะดูแลรักษา ลูกหลานของเรา ญาติโยมของเรา ใครจะเป็นคนดูแลรักษา เราจะเป็นผู้ที่ปกป้องเขาตลอดไป เป็นไปไม่ได้
สิ่งนี้สัจธรรมมันเป็นความจริงแล้ว ดวงอาทิตย์ขึ้นต้องตก ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วจะอยู่ค้ำฟ้าไป เป็นไปไม่ได้ ชีวิตนี้เกิดขึ้นมาแล้วจะอยู่ค้ำฟ้า เป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่เป็นไปได้คือธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้กิเลสนี้ดับออกไปจากใจ จิตดวงนี้ต้องตายต้องเกิดโดยธรรมชาติแล้วเป็นสสารที่ใครทำลายมันไม่ได้ จิตดวงนี้ต้องตายต้องเกิดตลอดไป มันถึงสร้างสมไป คนทำบาปอกุศลแล้วได้เกิดเป็นผีเป็นเปรตเที่ยวหลอกหลอนเขา เที่ยวขอส่วนบุญเขา คนที่ทำคุณงามความดีเกิดเป็นเทวดา อินทร์ เป็นพรหม มหาศาลเลย
แล้วธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมโอสถ เข้ามาทำลายกิเลสตรงนี้ เข้ามาทำลายใจดวงนี้ แล้วเข้ามาทำลายอย่างไร เข้ามาทำลายต้องมีครูมีอาจารย์ ทำไมพระเราออกมาอยู่ป่าอยู่เขาเพราะเหตุใดล่ะ เพราะอยู่ในเมืองอยู่ที่ไหน รูป รส กลิ่น เสียงมันเย้ายวนกิเลสเหลือเกิน ถึงต้องหาที่เป็นชัยภูมิที่ควรแก่การงาน
ในเมื่อควรแก่การงาน การเป็นอยู่มันก็ต้องเป็นธรรมชาติของสถานที่นั้น ในเมื่อเราอยู่สถานที่ใด เราจะปฏิบัติที่ใด เราต้องเข้าสถานที่นั้น สถานที่นั้นบังคับจิตใจของเรา เวลาเราอยู่ในเมืองนะ สิ่งต่างๆ มี รูป รส กลิ่น เสียงเย้ายวนมาก แล้วกิเลสมันก็นอนใจเพราะมันอบอุ่น เวลาเข้าไปในป่านะ รูป รส กลิ่น เสียงมันไม่มี มันเป็นธรรมชาติอันหนึ่ง แล้วกิเลสมันโดนตัดอาหารของมันนะ มันจะดิ้นร้นมาก ในเมื่อเราไปอยู่ในป่ามันจะมีความคิดของเราขึ้นมาหลอกตัวเองตลอด คิดถึงเขาไปหมด ห่วงเขาไปหมด เวลาอยู่ในเมืองไม่เคยสนใจใครเลย เวลาออกไปอยู่ป่านะ รักคนโน้น ห่วงคนนี้ หวังคนนั้น นี่กิเลสมันขับเคลื่อนไป แต่ลืมห่วงตัวเอง
ถ้าห่วงตัวเองนะ ทำไมเมื่อก่อนเราไม่คิดอย่างนี้ นี่ปัญญามันจะเกิดหมุนเข้ามา มรรคหยาบๆ มันจะไล่ความคิดเข้ามาแล้ว เมื่อก่อนเราอยู่กับเขา เราอยู่ในบ้านในเมือง เราเคยเผื่อแผ่ใคร เราเคยเมตตาใคร เราเคยสงสารใคร เราก็จะเอาเปรียบจะเอาชนะเขาตลอดไป แต่บัดนี้เรามาอยู่ป่า เพราะอะไร เพราะเราไม่มีโอกาสได้เอาเปรียบใคร แต่ตัวเองมันก็เอาเปรียบตัวเอง ทำลายโอกาสของตัวเอง
ในเมื่อเราอยู่ในที่สงัด ความสงัดของสถานที่ แต่ทำไมหัวใจไม่สงัดล่ะ ทำไมหัวใจไม่สงบวิเวกตามสถานที่ล่ะ? หัวใจไม่สงบวิเวกตามสถานที่เพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันขับเคลื่อน แล้วเราเริ่มปิดประตูตีแมว เราดับสิ่งล่อทั้งหมด ในเมื่อเราดับสิ่งล่อทั้งหมด ดวงใจมันอยู่ที่ไหน ความรู้สึก พลังงานนั้นอยู่ที่ไหน สัมมาสมาธิมันเกิดขึ้น นี่คือยาไง ธรรมโอสถเกิดตรงนี้
เกิดถ้าเรามีสัมมาสมาธิ สมาธิเกิดขึ้นมา ใจมันสงบเข้ามา ใจดวงนี้สงบเข้ามา แล้วใจดวงนี้ตั้งมั่น แล้วใจดวงนี้ยกวิปัสสนา ยกวิปัสสนาด้วยวิธีการใดล่ะ ถ้าไม่มีเจ้าชายสิทธัตถะมาตรัสรู้สิ่งนี้ จะไม่มีใครสามารถรู้สิ่งนี้ได้เลย เพราะมันเป็นความลึกลับมหัศจรรย์ เพราะอะไร เพราะอาฬารดาบสเข้าสมาบัติได้แล้วว่าสิ่งนี้เป็นธรรม เพราะมันว่างหมด มันพอใจหมด เป็นธรรมเพราะความเห็นของเขา
เจ้าชายสิทธัตถะไปเรียนกับเขาแล้วปฏิเสธสิ่งที่ว่าเป็นความว่างนะ ความว่างโดยธรรมดานี่เป็นสมาธิอันหนึ่ง มันไม่ใช่มรรค มรรคมันเป็นความว่างด้วย มันต้องมีปัญญาด้วย มันต้องมีสติด้วย มันต้องมีงานชอบด้วย งานชอบอันนี้สำคัญที่สุด เพราะงานชอบของกิเลสมันก็เอาแต่ความพอใจของมัน มันพอใจสิ่งใดมันก็ว่าสิ่งนั้นสมกับกิเลส สมกับตัณหาความทะยานอยาก มันว่าสิ่งนี้ถูกต้อง
ความถูกต้องของเราไม่ใช่ความถูกต้องขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความถูกต้องของเราคือความถูกต้องของตัวตนของเรา จากความถูกต้องของความพอใจของใจของเรา แต่ความจริงของมันไม่ใช่ความพอใจของเรา เพราะมันจะทำลายตัวเรา มันจะทำลายตัวตนของเรา มันจะทำลายความเห็นของเรา มันจะทำลายสิ่งที่ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความคิด เห็นไหม มรรคญาณมันเกิดอย่างนี้ เกิดเพราะมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมไว้ก่อน แล้วครูบาอาจารย์ที่จะค้นสิ่งนี้ ใครจะค้นได้ล่ะ
เพราะในเมื่อใครเป็นคนเห็น ใครเป็นคนคิดก็มีตัวตน สิ่งที่มีตัวตนนี้มันต้องเข้าข้างตัวเอง มันถึงเป็นอุปกิเลสไง ความว่าง ความผ่องใสต่างๆ เป็นอุปกิเลสทั้งหมดเลย เพราะความว่างนั้นว่างด้วยสมถะ มันไม่ใช่ว่างด้วยปล่อยวางด้วยปัญญาญาณ ด้วยปัญญาญาณเข้ามาชำระอย่างนี้ นี่สังฆะเกิดจากตรงนี้ ถ้าสังฆะเกิดจากตรงนี้ ปัญญาญาณเกิดขึ้นแล้วทำลายกิเลสขาดออกไปเป็นชั้นเป็นตอนเข้าไป องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า นี่พ้นจากบ่วงของมาร
บ่วงของมารคือบ่วงความคิดภายในเรา อยู่ในเมือง อยู่ในบ้านเมืองก็ติดข้องไปกับเขา อยู่ในป่าก็ไปติดข้องกับความรู้สึกสัญญาเดิม ติดข้องไปหมดเลย แต่ถ้ามันไปทำลายตรงนี้หมด สิ่งนี้มันเกิดดับแต่ตัวใจไม่ดับ สิ่งที่เกิดดับคืออาการของใจ คือตัวเงา สิ่งที่ตัวใจของเรามันจะสะอาดเข้ามาเป็นชั้นเป็นตอนเข้ามา ถ้ามันสะอาดเข้ามา มันจะปล่อยวางเข้ามา นี่สังฆะเกิดขึ้นตรงนี้ แล้วภิกษุอยู่ในป่าในเขา เขาทำเพื่อเหตุนี้ งานของเขาคืองานเดินจงกรมและนั่งสมาธิภาวนา งานของพระต้องทำงานตรงนั้นนะ งานการปลูกสร้าง งานการประกอบสิ่งต่างๆ นั้นเป็นเรื่องของโลกนะ
ในสมัยพุทธกาล นางวิสาขาอยากสร้างวัด องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พระโมคคัลลานะเป็นผู้ไปคุมนะ พระโมคคัลลานะเป็นผู้ที่ไม่มีกิเลส มันจะไม่บานปลาย เพราะมันไม่มีตัณหาความทะยานอยาก ทำแต่ความจำเป็น สิ่งใดจำเป็น สิ่งใดเป็นเครื่องอยู่อาศัย นกเขาก็มีรังของเขา มนุษย์อยู่ที่ไหนก็มีบ้านมีเรือนของเขา พระอยู่ที่ไหนก็ต้องมี อยู่ในเรือนว่าง ความเป็นไปของพระที่พออยู่ได้ สิ่งนี้เป็นเรื่องของโลกนะ
ความเจริญของศาสนามันเจริญที่ใจของพระ มันเจริญที่ใจของบริษัท ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ถ้าจิตใจนี้สำคัญ จิตใจนี้มีธรรมในหัวใจนะ จิตใจนี้จะหวงแหนธรรมและวินัย
ธรรมและวินัย เราจะประกอบกฐินกัน ทำบุญกฐิน วินัยให้ว่าสงฆ์เกิดขึ้นที่ไหนให้ทอดกฐิน เพราะกฐินคือผ้า ผ้าบังสุกุล ผ้านี้ใช้เป็นปัจจัย ๔ เครื่องอาศัย ถ้าภิกษุ การประพฤติปฏิบัติ ภิกษุนะ ในสมัยพุทธกาลกษัตริย์เขาจะขึ้นปกครองราชของเขา เขาบอกเลยว่า น้ำ หญ้านี้ให้กับสมณะ น้ำ หญ้านี้ให้สมณะ เพราะสมณะที่มีความละอายนี่ไม่กล้าใช้นะ
เพราะน้ำ หญ้า น้ำ ต้นไม้ มันเป็นป่า มันเป็นสิ่งที่มีเจ้าของ กษัตริย์เป็นผู้ปกครอง จะมีเจ้าของ ของที่มีเจ้าของ ภิกษุจะไปจับต้องไม่ได้ น้ำ หญ้านี้ให้กับภิกษุ เพราะภิกษุมีความละอาย แม้แต่ของที่มีเจ้าของก็ไม่ไปหยิบของเขา ในเมื่อปัจจัย ๔ ผู้ที่มีความละอายเขาเป็นอย่างนั้น ถึงจะให้ทอดกฐินกับพระผู้ที่มีความละอายต่อบาป ความเกรงกลัวต่อบาป
เวลาทอดกฐิน ผ้านี้ตกมาจากฟากฟ้า เป็นของที่บริสุทธิ์มาก เพราะไม่ใครเป็นเจ้าของ ตกอยู่ท่ามกลางสงฆ์นี้ แล้วสงฆ์นี้จะยกให้กับผู้ใดเป็นผู้ที่กรานครองกฐิน มันเป็นบุญกุศลขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมวินัยนี้ไว้อย่างนี้ ให้กับผู้ที่ทอดกฐินได้บุญกุศล เพราะเป็นสังฆะ โอกาสสงฆ์รวมกันเป็น ๕ องค์ ทอดกฐินนี้ถึงเป็นความยากอันหนึ่ง แล้วให้กาลเวลาภายในเดือนหนึ่ง ๑ เดือนเท่านั้น จะทำบุญอย่างอื่นมันทำได้ทั้งปีทั้งชาติ แต่กฐินคราวหนึ่งปีหนึ่งได้แค่ ๑ เดือน แล้วสงฆ์ส่วนหนึ่ง สงฆ์ที่มารวมตัวกัน ถ้ากรานกฐินแล้ว เสร็จจากกฐินแล้วก็แยกกันไป แล้วสงฆ์จะรวมตัวอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วเวลาสงฆ์รวมตัวขึ้นมานี่เป็นวินัยกรรม
กฐินนี้เดาะหรือไม่เดาะ กฐินเดาะหมายถึงผ้านั้นตัดผ้ากฐินไม่ได้ ผ้านั้นไม่พอ จะหวังว่าจะได้จากใครได้มาเพิ่มเติมให้ได้ผ้าตัดจีวรได้ ๑ ผืน ให้มีความหวังได้แค่ ๑๐ วัน เกิน ๑๐ วันไปแล้วให้หมดความหวัง เห็นไหม กฐินเดาะก็ได้ เดาะคือไม่สามารถตัดผ้านั้นได้ ผ้านั้นไม่พอกรานกฐินนั้น นี่วินัยเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไป
พระนี้รับผ้าบังสุกุลแล้วตัดได้ไม่ได้ ตัดได้ถึงได้ตัด ถ้าตัดต้องตัดเสร็จภายในวันนั้น เพราะเป็นนโยบายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ต้องการให้ภิกษุนี้สามัคคีกัน ความเป็นอยู่ของการที่ทิฏฐิเสมอกัน ความเห็นเสมอกัน สงฆ์นั้นจะมีความสุขมาก การเย็บผ้าจีวรด้วยมือ สมัยพุทธกาลเย็บด้วยมือ ต้องเย็บให้เสร็จภายในวันเดียว ถ้าไม่มีความสามัคคีสิ่งนั้นจะเสร็จไม่ได้
๑. ความเป็นไปของกิเลสมันก็ขับเคลื่อนอยู่แล้ว
๒. มนุษย์เมื่ออยู่ด้วยกัน ๒ คน ๓ คนขึ้นไป ทิฏฐิความเห็นมันต้องต่างกัน
ถึงต้องมีธรรมวินัยเพื่อสมาน เพื่อขับไสนี้ให้สงฆ์นี้ได้ขับเคลื่อนไป ๕,๐๐๐ ปี สิ่งที่ ๕,๐๐๐ ปีเพื่อให้ศาสนานี้เจริญมั่นคง ถ้ามั่นคง สิ่งที่ไม่มีตัวตนเลย ประเพณีวัฒนธรรม ที่ไหนมันฝังไปในสายเลือด กฎหมายเปลี่ยนไปตลอด แต่ประเพณีวัฒนธรรมมันอยู่กับใจของมนุษย์ มนุษย์รื้อฟื้นขึ้นมา มันก็จะเป็นสิ่งที่ว่าเป็นกรณีต่างๆ ขึ้นมา
นี่ก็เหมือนกัน ประเพณี สิ่งที่เป็นประเพณีกฐิน กรานกฐินนี้ก็เป็นประเพณีอันหนึ่ง แล้ววินัยกรรมที่มันถูกต้องอันหนึ่ง แล้วเรามาประพฤติปฏิบัติกัน เราทำ เราทอดกฐินเพื่อบุญกุศลของเรา เพื่อสังฆะ เพื่อจรรโลงธรรมและวินัย เพื่อจรรโลงศาสนา เพื่อจรรโลงพระผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ เพื่อจรรโลงหัวใจของเราเอง เพราะหัวใจของเราปรารถนาทำบุญกุศล บุญกุศลนี้เกิดจากเจตนา บุญกุศลนี้เหมือนกับเราเปิดบ้านขึ้นมาต้อนรับแสงแดด ต้อนรับอากาศเข้ามา
นี่ก็เหมือนกัน เราเปิดหัวใจของเราขึ้นมาด้วยเจตนาที่ทำบุญกุศล สละสิ่งที่เป็นทานออกไป สิ่งที่เป็นวัตถุออกไป แล้วเปิดเอาบุญเข้ามาสู่ใจของเรา สุดท้ายแล้วเพื่อเราทั้งหมด ธรรมและวินัย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางไว้เพื่อให้ใจสัตว์โลกได้ดื่มกินธรรมอันนั้น แต่ถ้าเราเปิดใจของเรา เราเข้าใจธรรมและวินัยเราจะซึ้งใจมาก
แต่ถ้าเราไม่ตามธรรมวินัย มีแต่กิเลสตัณหาความทะยานอยาก คนโน้นก็ได้ประโยชน์ คนนี้ก็ได้ประโยชน์ มันทำอะไรไม่ได้เลย เพราะกิเลสมันตระหนี่ถี่เหนียว แล้วมันไม่ยอมฟังใคร มันจะเอาตัวมันชนะเขาแล้วมันจะแพ้ตลอดไป เพราะมันไม่สามารถชนะใครได้เลย เพราะมันแพ้ตัวมันเอง
แต่ถ้าเราทอดกฐิน เราวางธรรมไว้เป็นบุญกุศลของเรา เราจะได้บุญกุศล เราจะได้หลักการของเรา หลักใจของเรา เพราะเราชนะตัวใจเราเอง ในเมื่อเราชนะหัวใจของเราเอง เราเป็นผู้ที่ว่าผู้นำเขา ทรัพย์สมบัติของเรา เราทานให้เขาได้ทั้งหมดเลย แล้วผู้ที่เราทานให้เขา เขาจะช่วยเหลือเราทั้งหมดเลย เขาจะแบกเราข้ามภพข้ามชาติ เขาจะแบกเราข้ามไปถึงมรรคผลนิพพานได้
นี้คือบุญการทอดกฐินนะ ถ้าเราทอดกฐิน ถึงให้ตั้งใจตรงนี้ นี้เป็นการที่ว่าพูดธรรมให้ฟังเพื่อจะให้มีเจตนาให้ตั้งใจทอดกฐิน มันจะได้เป็นบุญกุศลเต็มหัวใจ เอวัง