เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๘ ก.ค. ๒๕๔๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต. คลองตาคต อ. โพธาราม จ. ราชบุรี

 

นี่เวลาธรรมะไง ธรรมะ เห็นไหม ธรรมะคือยา ถ้าใครได้กินยา เห็นไหม เวลาเขาบอกนี่ ธรรมะพระพุทธเจ้านี่ประเสริฐที่สุดเลย แล้วพระอยู่ในธรรม พระปฏิบัติ พระบวชแล้วนี่พระต้องดีหมดสิ

เราบอกว่าผลไม้นะ ถ้าผลไม้มันแช่ลงไปในน้ำแช่อิ่ม เห็นไหม ที่เขาดองผลไม้นี่ ถ้าผลไม้แช่แล้วผลไม้นั้นจะไม่เสีย แต่ถ้าผลไม้นั้นนะ ลองเขาไปแช่ในโอ่งในน้ำนั้นมันค้างอยู่ มันไม่โดนถึงน้ำแช่ไง นี่ก็เหมือนกันถ้าใจเราจะประพฤติปฏิบัติ มันจะไปฝืนความจริงอันนั้นไม่ได้ ถ้าฝืนความจริงอันนั้นนะ ฝืนความจริงอันนั้น อันนั้นคือว่ากิเลสถ้ามันมีอยู่ มันจะแทงใจ มันจะทำให้เราพลิกแพลงออกไป เห็นไหม แล้วถ้าเอาน้ำแช่ น้ำแช่หมายถึงธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง “ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม”

ตอนมาใหม่ๆ นะ พวกนี้ห่วงมาก เราเข้ามาอยู่ที่นี้นะ โยมช่อนี่เป็นคนบอกเลย หลวงพี่ขอร้องได้ไหมว่าไม่ต้องบิณฑบาต เพราะว่าอาหารมันเหลือเฟืออยู่แล้ว ใครๆ ก็มาถวายทำไมต้องบิณฑบาตอีก ขอร้องได้ไหมว่าอย่าบิณฑบาต เพราะบิณฑบาตมันอันตรายมาก

เราบอกไม่ได้ ไม่ได้หรอก จะขอร้องอย่างนี้ไม่ได้ เขาจะเอาปิ่นโตมามากขนาดไหน นั่นเป็นเรื่องของเขา หน้าที่ของเราต้องบิณฑบาต เห็นไหม เราออกไปบิณฑบาตครั้งแรกนะ เขาขวางถนน เขาไม่ได้เดินเลยพวกชาวบ้านนี่ ขวางไว้ไม่ให้เดินเลย เราก็หลบหลีกไป พอเราบิณฯออกไปนะ เขาขวางนะ เขาเอามีดฟัน เราก็หลบเอานะ

นี่เราทุกข์เราร้อนอยู่นี่เราไม่พูดให้ใครฟังนะ เพราะไม่ให้ใครยุ่งกับเราเลย ไม่ให้ใครมาเดือดร้อน ไม่ให้ใครมาแบกหามเรา เราต้องอยู่ของเราได้เพราะอะไร ? เพราะเราเชื่อมั่นว่า “ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ธรรมะนั้นย่อมคุ้มครองคนนั้น” เราบอกไอ้โตนี้ประจำ ไม่ตาย ไม่ต้องห่วง เขาจะทำขนาดไหน ไม่ต้องห่วง ไม่ตาย ตายไม่ได้ เพราะอะไร เพราะมันมีสิ่งที่จะต้องกระทำอยู่ข้างหน้า เราจะตายไม่ได้ ในเมื่อยังทำงานไม่จบ มันยังตายไม่ได้ มันต้องทำงานให้จบ เห็นไหม

ถ้าผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไง เขาจะทำอย่างไร เราก็หลบเอาหลีกเอา หลบเอาหลีกเอาไง แต่ข้างนอกเขารู้อะไรกับเราล่ะ เขาไม่รู้อะไรกับเราแล้วนะ เขายังชักม้านะ ถ้าเรามีโยม เห็นไหม โยมใครเข้ามาอุปัฏฐากอุปถัมภ์นะ เขาก็บอกว่าพระองค์นี้ดูให้ดีๆ ก่อนนะ พระองค์นี้มานี้มาแอบอ้างนะ พระองค์นี้จะมาแสวงหาผลประโยชน์นะ ระวังพระองค์นี้ให้ดีนะระวังพระองค์นี้ให้ดีนะ นี่ดีนะท่านเป็นคนโพธาราม ถ้าเป็นคนที่อื่นนะท่านจะเป็นคอมมิวนิสต์

นี้เพราะมันมีที่เกิดไง เราเกิดมาจากพ่อจากแม่ เขาเห็นบ้านเราอยู่ไง เขาบอกว่านี่ท่านเกิดโพธาราม ถ้าท่านไม่เกิดโพธารามนะ เราต้องดูท่านให้ดี นี่มันเป็นขนาดนั้น แล้วคนของเราก็ช่วยกันกระหน่ำๆ กระหน่ำไปกันกับเขา เห็นไหม

อันนั้นเป็นเรื่องของเขา มันเป็นอดีต เห็นไหม พระพุทธเจ้าบอก อดีตอนาคตอย่าเอามาเป็นอารมณ์ อารมณ์ของเราตั้งแต่อดีตมาเหมือนกับน้ำเสลดที่เราคายทิ้งไปแล้ว เราอย่าไปเลียกินขึ้นมา เลียกินขึ้นมามันก็จะเจ็บปวดอีก เห็นไหม ไม่ให้เลียกินสิ่งที่เป็นอดีตให้อยู่กับปัจจุบัน ปัจจุบันนี้ก็ดีอยู่แล้วไง แต่การเข้ามาอย่างนั้นนะ

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกคนเราเข้ากันโดยธาตุ ธาตุของลูกศิษย์พระสารีบุตรนี่เป็นพวกปัญญาทั้งหมด มันจะเข้ากันด้วยมีปัญญา ลูกศิษย์ของพระโมคคัลลานะมันจะมีฤทธิ์ทั้งหมดเลย พวกชอบฤทธิ์ไง จะเข้าทางนั้น แต่ถ้าลามกนะจะเป็นลูกศิษย์ของพระเทวทัตลามกทั้งหมด เห็นไหม สิ่งที่ลามกมันเห็นการทำบาปอกุศลนั้นเป็นคุณงามความดีไง เพราะอะไร? เพราะกิเลสมันมีอยู่ในหัวใจใช่ไหม ถ้าเราแพ้เขา เราไม่ทำอย่างนี้ เราจะไม่มีโอกาสชนะเขา เห็นไหม ต้องการชนะอย่างที่หลวงตาว่า “บวชมาหาลาภ หายศ หาสรรเสริญ”

นี้ก็เหมือนกัน ทำเพื่อหน้าฉากไง หน้าฉากฉันเป็นคนดี ฉันอุปัฏฐากอุปถัมภ์ ฉันเป็นคนดี แล้วพูดออกมาได้อย่างไร ในเมื่อการกระทำเหยียบย่ำทำลายขนาดไหนนั้นนะ แต่หน้าฉากว่าฉันเป็นคนดูแลอยู่ๆ เรานี่รู้สึกสะเทือนใจมาก แต่ก็พูดออกไปมันก็เหมือนกับพระนี่ไปตบมือต่อล้อต่อเถียงกับเขา เห็นไหม เราก็ไม่สนใจของเรา เราอยู่ของเรา อยู่ของเราแล้วนี่ เราอยู่ของเราเพื่อเป็นของเรา มันเป็นธาตุอย่างนี้ไง

ในเมื่อของเขาเป็นอย่างนั้นก็ให้เขาเป็นอย่างนั้น ถึงไม่ค่อยอยากให้เข้ามายุ่ง ไม่อยากให้เข้ามายุ่ง ถ้าจะเป็นนะ เป็นปู่ ย่า ตา ยาย เป็นคนอื่นไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นตัวเขา เรารับไม่ได้ รับไม่ได้คือไม่ให้เขาเข้ามายุ่งไง เพราะถ้าเขาเข้ามายุ่งนะ ธาตุล่ะ น้ำมันเราจะกลั่นให้มันเป็นน้ำได้อย่างไร ในเมื่อเป็นน้ำมันก็ให้เขาเป็นน้ำมันไป

เราเป็นน้ำเราก็อยู่กับน้ำของเราขึ้นมา เราจะร่มเย็นเป็นสุข เขาจะทำบุญกุศล เขาก็ทำบุญกุศลก็เรื่องของเขา แต่จะเข้ามาจัดการไม่ได้ ถ้าเข้ามาจัดการมันต้องเป็นอย่างนั้น เพราะมันเป็นธาตุ ธาตุมันเป็นอย่างนั้นถึงกันไว้ไม่ให้เข้ามา ไม่ให้เข้ามา อย่างไรก็ไม่ให้เข้ามา เราต้องอยู่ประสาของเรา ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม สมควรแก่ธรรมถ้าใจของเราสมควรแก่ธรรม เห็นไหม เขาจะดีจะชั่วก็แล้วแต่ เห็นไหม

พระฉันนะเป็นพระที่มีทิฏฐิมานะมาก เพราะอะไร? เพราะเป็นคนที่เอาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกบวช แล้วพระองค์ไหนสอนก็จะไม่ฟัง เห็นไหม ไม่ฟังใครเลยเพราะอะไร? เพราะพระทุกองค์เข้ามาหาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็คือสมบัติของเขา เขาเป็นคนเอาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกบวช เขามีประโยชน์มาก เขาจะไม่ฟังใครเลย จนองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนจะปรินิพพานนะ พระอานนท์ถามเลยว่า พระฉันนะนี่เป็นปัญหามากเพราะเป็นคนหัวดื้อ เป็นคนขวางหมู่ขวางคณะอยู่อย่างนี้ แล้วหมู่คณะก็จะไปไม่ได้ไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วนี่ให้ลงพรหมทัณฑ์ไง ให้ลงพรหมทัณฑ์พระฉันนะ แล้วสมัยนั้นคนโบราณเขาจะถือเรื่องนี้มาก ถือเรื่องหน้าเรื่องตาไง ถ้าลงพรหมทัณฑ์หมายถึงว่าหมู่คณะไม่พูดด้วยนี่ พอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วไง พระอานนท์เป็นผู้ไปลงพรหมทัณฑ์พระฉันนะ เห็นไหม นี่ดื้อขนาดไหนนะ พอลงพรหมทัณฑ์เสร็จๆ พระฉันนะสลบเลยนะ เพราะเสียหายมากไง สลบจากนั้นนะ เพราะถ้าลงพรหมทัณฑ์แล้วถ้ายอมจำนน เห็นไหม ถ้ายอมต้องขอขมากับสงฆ์ ต้องสวดต้องขอขมา ต้องเปลี่ยนทิฏฐินั้น แล้วถอนมันก็จบ เห็นไหม มันเหมือนเพราะสงฆ์ประกาศแล้วเป็นสังฆาทิเสสไง

นี่หลบเข้าป่าเลย ไปประพฤติปฏิบัตินะ จนถึงที่สุดพ้นจากกิเลส กลับมาหาพระอานนท์ มาหาพระอานนท์บอกว่านี่จะมาแก้อาบัติอันนี้ มาขออยู่สังฆาทิเสสไง พระอานนท์บอกไม่มี ในเมื่อจิตนี้พ้นจากกิเลสนั้น เห็นไหม พ้นจากกิเลสนั้น อาบัตินั้นไม่มี พ้นออกไปแล้ว เพราะพ้นออกไปจากกิเลสสิ่งที่เป็นทิฏฐิมานะที่จะมาทำลายหมู่คณะมันก็ไม่มีใช่ไหม

แต่นี่พูดถึงธาตุไง ว่าน้ำจะกลั่นเป็นน้ำมันได้ไหม แม้พระฉันนะจะมีทิฏฐิมานะขนาดนั้น ท่านก็เปลี่ยนของท่านได้ นี่พระเทวทัต เห็นไหม ถึงที่สุดแล้วท่านก็เปลี่ยนของท่านได้ แต่ เปลี่ยนของเขาได้นี่มันก็ต้องให้เห็นการกระทำ แต่นี้มันซ้ำเติมเข้าไปนี่ ซ้ำเติมการกระทำนั้นนะ นี่เข้ามาสอดมาแทรกทำให้เป็นอย่างนั้น เห็นไหม มันไม่ได้เปลี่ยน ไม่ได้เปลี่ยนทิฏฐิมานะ มันกลับมีทิฏฐิมานะเพิ่มสุดขอบฟ้า แล้วจะเข้ามาบัญชาการไง จะไม่บัญชาการไม่ได้ คนอย่างนี้จมไม่ลงไง ถ้าจมไม่ลงเข้ามาไม่ได้ ถ้าเข้ามาไม่ได้ เราถึงไม่ให้เข้ามาเพราะมันจะเป็นปัญหาไปหมด แล้วเราต้องรักษาของเราด้วย รักษาของเราเพื่อความสงบ

หลวงตาบอกว่าท่านดุ ท่านคอยดุคอยว่า คอยกล่าวตักเตือนญาติโยมเพราะอะไร? เพราะท่านเปรียบเหมือนว่าวัดป่าบ้านตาดนี่มันเหมือนกับแหล่งน้ำ ถ้าใครหิวกระหายมานี่เข้ามาถึงแหล่งน้ำ แหล่งน้ำนั้นตักกินได้ เขาจะบรรเทาความหิวกระหายของเขาได้ เขาหิวกระหายมามากแล้วไปเจอแหล่งน้ำนั้น แหล่งน้ำนั้นมีแต่ของสกปรกมีแต่สิ่งที่มีแต่มูตรแต่คูถอยู่ในแหล่งน้ำนั้น เขาจะเอาแหล่งน้ำเพื่อประโยชน์ประทังความหิวกระหายของเขาได้ไหม เพราะอะไร ?

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าการประพฤติปฏิบัติของเรา ความเป็นอยู่ของพวกเรามันไปขัดกับความเป็นจริงนี่แหล่งน้ำนั้นไม่เป็นประโยชน์หรอก ถ้าเราจะรักษาแหล่งน้ำนั้นได้สิ่งที่ถ้าเขาเป็นมูตรเป็นคูถขึ้นมา เราต้องสลัดออกไป เราต้องกันไว้ไม่ให้สิ่งนั้นเข้ามาในแหล่งน้ำเราได้ แหล่งน้ำนี้ต้องเป็นแหล่งน้ำที่สะอาด แหล่งน้ำนี้ต้องเป็นแหล่งน้ำที่เขาเอาใช้ดื่มกิน เป็นประโยชน์ของเขาได้

แต่ถ้าเป็นมูตรเป็นคูถเราต้องกันออกไป เขาว่าเขานะ เห็นไหม คนที่ว่าเขามีความผิด เขาต้องถูก ไม่มีใครบอกหรอกว่าตัวเองมีความผิด เขาก็ต้องว่าเขาบริสุทธิ์ เห็นไหม เขาสะอาดบริสุทธิ์ขนาดนี้ทำไมเรากันเขา เราไม่ให้เขาเข้ามา

เขาไม่รู้ไง นี่มิจฉาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิ ความเห็นผิดความเห็นถูกต้อง ถ้าความเห็นถูก เห็นไหม สัมมาทิฏฐิ ความประพฤติปฏิบัติมันก็จะเกิดขึ้น เห็นไหม ถ้ามิจฉาทิฏฐิมันเอาความแข็งกระด้างอย่างนั้นเข้าไปทำลายคนอื่น แล้วมันว่าเป็นความถูกต้องของเขา

นี่มันเกิดโดยธาตุ ถ้าธาตุอย่างนั้นแล้วเราก็ไม่รับผิดชอบ ธาตุอย่างนั้นให้ไปอยู่ข้างนอก เข้ามาหาเราไม่ได้ ฉะนั้นแหล่งน้ำของเรา เราต้องสงวนรักษาแหล่งน้ำของเรา ถ้าเป็นสัมมาทิฏฐิเราก็เห็นว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้องต้องเป็นการแสดงก่อน ต้องทำให้เห็นว่าเป็นความเห็นถูกต้อง นี้การแสดงออกมามันเป็นมิจฉาทิฏฐิทั้งหมด มิจฉาทิฏฐิเพราะอะไร?

เพราะเข้ามานี่มันก็มีความอำนาจบาตรใหญ่ เห็นไหม

๑. ต้องเคารพสถานที่ก่อน

๒. ต้องเคารพ เห็นไหม เคารพครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์เวลาบริหารทิศ ครูบาอาจารย์อยู่ข้างบน เห็นไหม พ่อแม่อยู่ข้างหน้า นี่เพื่อนฝูงอยู่ซ้ายขวา บ่าวไพร่อยู่ข้างล่าง ถ้าเข้ามาไม่เคารพครูบาอาจารย์ ไม่เคารพครูบาอาจารย์ของเรา ไม่เคารพอย่างนั้นแล้วมันจะเป็นความถูกต้องไปได้อย่างไร

ในเมื่อมันเป็นความถูกต้องนี่พฤติกรรมมันการแสดงออกทั้งหมด ถ้าพฤติกรรมแสดงออกอย่างนี้ นิสัยเป็นอย่างนี้ แล้วการกระทำกันมาจากอดีตมันเป็นอย่างนี้ มันเป็นไปไม่ได้ ที่เราจะว่าสิ่งนี้ถูกต้องๆ ถึงต้องกันออกไปไง

ถ้ากันออกไป เห็นไหม พระที่กันออกไปเป็นผู้ที่มีทิฏฐิมานะ ถ้าเป็นทิฏฐิมานะมันก็เป็นสัมมาทิฏฐิ ถ้าเป็นสัมมาทิฏฐิ ดูสิ ดูอย่างครูบาอาจารย์เรา เห็นไหม หลวงตานี่ท่านยืนโต้กระแสโลกอยู่นี่เป็นทิฏฐิไหม เขาว่าหลวงตานี้มีทิฏฐิมีความเห็นผิดเพราะมีกิเลสในหัวใจ นั้นเป็นสิ่งที่ว่าเขาจาบจ้วง เขาโจมตี เขาว่าไป แต่สัมมาทิฏฐิทิฏฐิที่ถูกต้องต้องยืนอยู่ ถ้าทิฏฐิที่ถูกต้องยืนอยู่ไม่ได้ เห็นไหม ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากังวานไม่ได้

ถ้าธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากังวานออกมาไม่ได้ เห็นไหม เราไปดูกันนะ เราเห็นว่า เห็นไหม นี่เราไปดูสิ่งที่ว่าเป็นอภิญญาต่างๆ เราไปชอบใจสิ่งนั้น เดี๋ยวนี้พระเขาปฏิบัติ เห็นไหม เขามีเทคโนโลยีเขาแสดงฤทธิ์ปาฏิหาริย์ออกมาให้เราเห็นได้ แล้วเราก็ไปเชื่อสิ่งนั้น เรานี่ความเห็นของเราผิดพลาด ความเห็นของเราไม่เข้าใจถึงหลักธรรม เห็นไหม

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกเลยนะ “ผู้ที่บันลือสีหนาทเหมือนราชสีห์แสดงธรรม” นี้ต่างหากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องการตรงนี้ ต้องการตรงนี้เพราะอะไร? เพราะสิ่งนี้มันเป็นเรื่องของธรรมโอสถ มันเป็นสิ่งที่ว่าเป็นสื่อความหมาย อันนี้เข้าไปถึงหัวใจไง

เราถึงบอก เห็นไหม ที่ว่าพระปฏิบัติเข้าไปนี่เหมือนกับผลไม้ที่เขาไปดองน้ำดองผลไม้ นี้ก็เหมือนกัน ถ้าบันลือสีหนาทนี่การแสดงธรรมอย่างนี้มันเข้าไปถึงใจดวงนั้น เวลาแสดงธรรมนะ แล้วผู้ที่ฟังธรรมแล้วขนลุกขนพองนะ การที่ขนลุกขนพองธรรมะมันสะเทือนใจ ถ้าธรรมะสะเทือนใจดวงนั้น ใจดวงนั้นมีโอกาสแก้ไขนะ

เวลาบรรดาครูบาอาจารย์บันลือสีหนาท ทำไมเขาพูดอะไรกัน ทำไมเราไม่รู้เรื่องเลย ทำไมเราไม่เข้าใจเลย เห็นไหม นี่มันดองสิ่งนั้นไม่ได้ มันเข้ากันไม่ได้ เห็นไหม ธรรมะเข้ากับใจของเราไม่ได้เพราะใจของเราหยาบเกินไป ถ้าใจของเราหยาบเกินไป สิ่งที่เป็นประโยชน์มันจะไม่เข้ากับใจของเราเลย

แต่ถ้าเราพัฒนาใจของเราเข้ามา เห็นไหม เริ่มจากทาน แล้วก็เริ่มจากมีศีลทำให้ใจปกติขึ้นมา ใจดวงนี้มันเริ่มปรับพื้นที่ เห็นไหม เอกัคคตารมณ์จิตนี้ตั้งมั่น ถ้าฟังธรรมแล้วมันสะเทือนใจมาก พอมันสะเทือนใจมาก เห็นไหม ถ้าสะเทือนใจสิ่งนั้นนี้มันเป็นธรรม “จากใจดวงหนึ่งจากของครูบาอาจารย์ถึงใจดวงหนึ่งใจของเรา”

แต่ถ้าเราประพฤติปฏิบัติเกิดขึ้นมาจากใจของเรา เห็นไหม ถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นมาจากใจของเรา นี่เจตนาเป็นอย่างไร นี่สีลัพพตปรามาสความลังเลสงสัยเราไม่มีอีก สีลัพพตปรามาสความ ลูบคลำในศีลของเราไม่มี วิจิกิจฉาความสงสัย เห็นไหม สงสัยในอะไร สงสัยในธรรมนี่ไง ถ้าใจนี้เป็นธรรมขึ้นมา มันเห็นธรรมอันนี้ขึ้นมาแล้วมันยิ่งสงวนยิ่งรักษานะ

ถ้าเป็นเรื่องของธรรม ถ้าเขาไม่เห็นคุณประโยชน์ของเรา เราก็เฉยเสีย เพราะใจเขาใจเรา ใจของเรา เห็นไหม กิเลสเกิดในใจของเรา ให้ดูใจ ครูบาอาจารย์สอนให้ดูใจของตัวเอง ธรรมะนี้เข้ามาถึงใจของเราแล้วรักษาใจของเราเอง ถ้ารักษาใจของเราเอง เห็นไหม เขาไม่สนใจก็กรรมของสัตว์ อยู่ที่เรา เรารักษาใจของเราได้ เรารู้ใจของเราดีหรือชั่ว เรารู้ตลอดใครจะรู้ยังไงเรื่องของเขา แต่ใจของเรานี่เรารู้ ถ้ารู้ขึ้นมาถ้ามันไม่เป็นประโยชน์เราก็สงวนรักษา แต่เมื่อเราเป็นผู้บริหารไง เราเป็นหัวหน้าไง เราจะไปจัดการสิ่งนั้นไง เราต้องสละตัวออกไป เห็นไหม

นี่สละตัวออกไปแม้จะมีบาดแผลขนาดไหน เขาจะว่าพระองค์นี้มีทิฏฐิมานะมาก พระองค์นี้ไม่ยอมรับสิ่งใดๆ เลย ขวางสังคมไปทั้งหมดเลย ก็ต้องขวาง เจ็บก็ต้องเจ็บ เห็นไหม สละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต สละชีวิตเพื่อรักษาธรรม ธรรมอันนี้ให้มันกังวานตลอดไป สิ่งที่กังวานมันถึงสละสิ่งนี้ได้ไง นี่เรื่องของเขา โลกเป็นใหญ่ จะเอาโลกเข้ามาเหยียบย่ำไม่ได้ ฉันมีศักยภาพ ฉันมีอำนาจ ฉันมีเงินมีทอง ฉันมีพรรคพวกมาก ฉันจะทำอย่างไรมาก

นั่นเรื่องของคุณ คุณเก็บไว้ที่บ้านของคุณนะ คุณบริหารของคุณไปเถิด คุณทำของคุณไปเถิด ฉันไม่ต้องการ ถ้าเป็นมิจฉาทิฏฐิไม่ต้องการ ฉันจะตายเดี๋ยวนี้ ต้องกินน้ำแก้วนี้ ถ้าฉันไม่กินน้ำแก้วนี้ฉันต้องตาย ถ้าเป็นของมิจฉาทิฏฐิฉันก็จะไม่กิน ฉันจะตายต่อหน้าให้ดู ฉันจะตายไปพร้อมกับความสุขในใจของฉัน ฉันปฏิเสธสิ่งต่างๆ ที่มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ ที่เป็นความเห็นที่จะต้องเข้ามาควบคุมเข้ามามีอำนาจบาตรใหญ่ เรื่องของโลกไง โลกต้องการความมีอำนาจ ต้องการมีหน้ามีตา ต้องการใหญ่ โลกเป็นของโลกไม่ให้เข้ามา

ถ้าเรื่องของธรรม เห็นไหม อ่อนน้อมถ่อมตน เราทำกันมาด้วยเจตนาด้วยความเห็นของเรา เราจะรักษาของเรากันมา เพื่ออะไร เพื่อให้ใจดวงนี้มันเปิดกว้างไง รักษากันมาเพื่อให้เปิดใจกัน ถ้าใจมันมีอำนาจวาสนามันประพฤติปฏิบัติขึ้นมา มันจะเข้าถึงใจดวงนั้น นี่คุณประโยชน์เกิดจากตรงนี้ไง ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ธรรมนั้นจะเข้าถึงใจดวงนั้น แล้วใจดวงนั้นจะมีความสุข ความสุขของใจดวงนั้น เอวัง

.