เทศน์เช้า วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๔๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดสันติธรรมาราม ต. คลองตาคต อ. โพธาราม จ. ราชบุรี
เวลาเราเกิด เห็นไหม เกิดในประเทศอันสมควร ถ้าประเทศอันสมควรความเป็นอยู่ของเราจะมีความสุข ความสุขคือว่ามันดีกว่าทางอื่นไง แต่ถ้าพูดถึงความทุกข์ในหัวใจ ที่ไหนมันจะมีความสุขมันก็มีความทุกข์ในหัวใจทั้งนั้น เพราะมันเป็นความจริง โลกนี้มันเร่าร้อนไปด้วยไฟ
เวลาศาสนาพุทธเราสอนต้องมีปัญญา ต้องมีปัญญานะ เวลาถือศีลต้องมีปัญญาในการถือศีล ถ้าเราไม่มีปัญญาในการถือศีลเราก็ถือศีลไม่ถูก ต้องมีปัญญานำหน้าตลอด แล้วโลกปัจจุบันนี้ต้องสู้กันด้วยข้อมูลข่าวสาร สู้กันด้วยข้อมูลข่าวสารนะ ผู้ที่มีปัญญาจะปกครองโลก จะต้องชนะทุกๆ อย่างเพราะมีปัญญา แต่ถ้ามีปัญญานี่ ดูลัทธิก่อการร้ายสิ ลัทธิก่อการร้อยเขาก็ใช้ความคิด เห็นไหม ขนาดว่าเขามีการสืบราชการลับ มีการต่อสู้กันด้วยความคิดด้วยการดักฟังต่างๆ เขาก็ต้องอยู่ที่ลึกกว่า
ถ้าได้ความปลูกฝัง ได้มิจฉาทิฏฐิ ความปลูกฝังเป็นมิจฉาทิฏฐิ ความเห็นของเขามันก็ยิ่งลึกลับเข้าไป ถ้าเป็นปัญญามันต้องเป็นสัมมา สัมมาเห็นไหม ความดำริชอบ ปัญญาชอบ ถ้าปัญญาไม่ชอบเราเห็นผิดเราก็ทำความผิดของเราตลอดไป ถ้าเราทำความผิดของเรา ทำความผิดแต่เราเข้าใจว่าถูก เราเข้าใจว่าถูกแล้วเราพอใจ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาถึงบอกว่า เราเป็นพระอรหันต์ บอกปัญจวัคคีย์ พระปัญจวัคคีย์นี่ไม่เชื่อ ไม่อยากฟังเพราะอะไร เพราะทรมานตนมาขนาดนี้ยังทำไม่ได้ แล้วกลับไปฉันอาหารกลับไปมักมากนั้น มันจะเป็นไปได้อย่างไร
นี่ความเห็นของโลกต้องอย่างนั้น ต้องเคร่งครัดไง การเคร่งครัด การดัดตนข้างนอกมันเป็นการดัดตนเพื่อจะเข้าไปทรมาน เพื่อจะทำให้กิเลสมันเบาบางลง เพื่อจะเข้าไปในการที่ว่าไม่ให้กิเลสมันครอบงำใจจนเกินไปนัก แต่ในการต่อสู้กันแล้วมันต้องเป็นมรรคญาณจากภายใน มรรคญาณคือการแก้กันจากภายใน เห็นไหม เป็นปัญญาชอบ เป็นปัญญาจากภายใน ปัญญาจากภายในมันถึงว่าเป็นปัญญาชอบไง
ถ้าเป็นปัญญาไม่ชอบเห็นไหม ลัทธิก่อการร้ายนี่เขาก็เชื่อมั่นของเขานะว่าเขาทำถูกต้อง เขาทำแล้วได้บุญกุศลของเขา เห็นไหม ความเชื่อของเขานี่เป็นการทำความเดือดร้อนจากภายนอก มันจะเป็นความสุขได้ยังไง เวลาโลกของภายนอก เห็นไหม มีการแข่งขัน โลกของปัญญาต้องมีการแข่งขันกัน ต้องรู้ทันข้อมูลข่าวสาร ต้องมีการตัดสินใจ ต้องเป็นโอกาส ต้องเป็นความเห็นของการต่อสู้กัน อันนั้นเป็นเรื่องของภายนอก
สิ่งที่ภายนอก ความคิดของเรา เห็นไหม ถ้าเราคิดฟุ้งออกไปข้างนอก เราคิดไม่มีวันที่สิ้นสุดเลย เราจะคิดขนาดไหนเราคิดของเราไปได้ คิดขนาดไหน เห็นไหม คิดจนเสียสติก็ได้ สตินี่เบลอเลย เพราะความคิดของเราคิดมาก คิดออกไปจากภายนอก เราต้องสงบความคิดเข้ามา การชนะของเราคือการชนะตนเอง การชนะจากภายใน ถ้าการชนะจากภายในจะเกิดขึ้นมา มันต้องทำความสงบของใจขึ้นมา ถ้าความสงบของใจขึ้นมานี่ มันก็เป็นความคิดออกไปข้างนอก แล้วมันยับยั้งความคิดเข้าได้เท่านี้เอง
การต่อสู้ การช่วงชิงด้วยข้อมูลข่าวสารนั้นมันเป็นการเอารัดเอาเปรียบ การรู้ออกไป เห็นไหม แต่ผู้ที่อยู่ป่าอยู่เขาไม่ต้องรับรู้สิ่งต่างๆ เลย ไม่รับรู้สิ่งต่างๆ แต่มันทำไมรู้มาก รู้มากเพราะอะไร เพราะเข้าใจตนเองไง สรรพสิ่งต่างๆ ที่เขาหามา ดูอย่างวิทยาศาสตร์ที่เขาทดลองกันอยู่นี้ เขาก็เอาร่างกายมนุษย์เป็นตัวตั้ง กล้องถ่ายรูปก็เกิดมาจากตาของมนุษย์ จากเลนส์ของตา ความคิดออกมา นี่สมองกลๆ ความว่าสมองกลก็มนุษย์คิดขึ้นมา สิ่งที่มนุษย์คิดขึ้นมา คิดขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับตัวเอง
แต่ถ้าใจมันสงบเข้ามา เรื่องของร่างกายของเรา เรื่องของความพอใจของปัจจัย ๔ มันก็อาศัยสิ่งออกนี้ออกไปเพื่อสนองกลับเข้ามา เพื่อประโยชน์ของมัน สิ่งที่ประโยชน์ของมันนี่ แล้วมันเป็นประโยชน์ไหม ถ้ามันเป็นประโยชน์ มันต้องอาศัยว่าเราต้องมีความสุขของเราสิ อันนี้มันเป็นการพึ่งพาอาศัย จะว่าไม่เป็นประโยชน์มันก็พึ่งพาอาศัย มันเป็นปัจจัย ๔ เครื่องอาศัย เห็นไหม แต่มันก็หลอกเรา
เหรียญมี ๒ ด้านตลอด มันมีประโยชน์มันก็ต้องมีโทษในตัวของมันเอง สิ่งใดที่มีโทษในตัวเองก็ต้องมีประโยชน์ แต่ใครจะใช้ประโยชน์อะไรกับมัน สิ่งที่มีประโยชน์ เห็นไหม เราติดมัน เราว่าอันนี้เป็นประโยชน์ แล้วโลกเป็นประโยชน์ก็เคลื่อนไปตามโลกทั้งหมด มันไปเหรียญด้านเดียว เห็นไหม ถ้าเหรียญด้านเดียวมันจะให้โทษกับหัวใจที่เร่าร้อนมาก หัวใจที่เร่าร้อนมาก
แต่ถ้าสิ่งนั้นเป็นปัจจัย ๔ เครื่องอาศัย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ปฏิเสธสิ่งนี้ ถ้าปฏิเสธสิ่งนี้ เห็นไหม ทำไมมีความเพียรชอบ คนเราเกิดมาต้องมีการงาน ต้องมีความเพียรชอบ สิ่งที่เป็นความเพียรชอบ ชอบอะไร ชอบ เห็นไหม ความว่าชอบเพราะมันจะย่อยสลายขึ้นไปจากมรรคหยาบเป็นมรรคละเอียดก็ได้
ถ้าความไม่ชอบ เห็นไหม ความเพียรแต่เป็นความไม่ชอบ ติดคาอยู่สิ่งนั้น เราแบกสิ่งใด ติดทิฏฐิอยู่สิ่งใดอยู่ เรายึดมั่นสิ่งใดอยู่ เรามีศรัทธามีความเชื่อมาก เราสละทานมาก เราอยากทำทานของเรา เราก็ทำทานของเราตลอดไป แล้วเราทำทาน เราทำทานให้มากขึ้นๆ แล้วทำไมไม่ให้มันย่อยสลายเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญาขึ้นมาล่ะ
เห็นไหม มรรคหยาบๆ อย่างนี้มันก็เป็นไป ความคิดก็เหมือนกัน ความคิดขึ้นมา เราใคร่ครวญของเราขึ้นมา มันออกจากว่าการประพฤติปฏิบัติ ทำทานร้อยหนพันหนไม่เท่ากับมีศีลบริสุทธิ์หนหนึ่ง มีศีลบริสุทธิ์ร้อยหนพันหนไม่เท่ากับเกิดปัญญาในการชำระกิเลสหนหนึ่ง เห็นไหม เกิดสัมมาสมาธิหนหนึ่ง สมาธินี้ทำให้เกิดปัญญา ทำให้ใจนี้วิมุตติหลุดพ้นไปได้
ความเพียรชอบ ถ้ามันชอบแล้วมันจะละเอียดเข้ามาเป็นชั้นเป็นตอนเข้ามา ถ้ามันไม่ชอบ มันยึดไง ยึดว่าอันนี้เป็นความถูกต้องของเรา เห็นไหม ดูที่ว่าทางฆราวาสเขา เราทำความดีอยู่แล้ว เราไม่เคยทำความผิดพลาดสิ่งใดๆ เลย ทำไมเราต้องทรมานตน ทำไมเราต้องทรมาน เราต้องไปวัดไปวาเพื่อสิ่งใด เราอยู่บ้านของเราก็มีความสุข มันมีความสุขต่อเมื่อเรามีความพอใจ แต่มันจะมีความทุกข์ขึ้นมาต่อเมื่อเราต้องพลัดพราก สิ่งใดเกิดมาในโลกนี้ต้องพลัดพรากทั้งหมด
ถ้าเป็นปัญญานี่ ปัญญาการเอาชนะตนเอง เห็นไหม ถ้าปัญญาเอาชนะตนเอง เอาตนของตนไว้ในอำนาจของตน มันจะคิดฟุ้งซ่านไปไหน มันต้องการสิ่งใด เราไม่ต้องคิดมากออกไปขนาดนั้น เราบริหารของเรา ผู้ที่เขาเป็นผู้อำนวยการ เขานั่งอยู่ในห้องของเขานะ เขาบัญชาการได้หมดเลย เพราะเขามีคนทำงานแทนของเขา
นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราควบคุมจิตของเราได้ เราจะบัญชาของเราได้ แล้วเราจะควบคุมเราได้ สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์กับเรามาก เพราะเราควบคุมเราได้ เราชนะของเราได้ ถ้าเราชนะตนเอง เราจะเบียดเบียนใคร
ลัทธิก่อการร้าย ลัทธิธรรมต่างๆ เห็นไหม ต้องทำให้คนอื่นมีความเห็นเหมือนเรา ถ้านับถือความคิดความเห็นผิด เราทำลายเขาแล้วจะเป็นบุญกุศลของเรา นี่มันเป็นการทำลายคนอื่น ปาณาติปาตา เวรมณี เห็นไหม การฆ่าสัตว์นี้ผิดศีลแล้วเป็นบาปอยู่แล้ว การฆ่าสัตว์เป็นผิดศีล เห็นไหม แล้วการจาบจ้วง คนเกิดมามีปากหนึ่ง หนึ่งปากก็มีขวานเล่มหนึ่ง ถากถางคนอื่นไปตลอดไป แต่ทำไมไม่ถากถางใจของตัวล่ะ ทำไมไม่คิดอย่างนี้เข้ามาเบียดเบียนตนล่ะ เบียดเบียนตนนะ เบียดเบียนตนเท่ากันเบียดเบียนกิเลส
เรากินอิ่มนอนอุ่น เห็นไหม ต้องกินอิ่มนอนอุ่น นี้เป็นความเชื่อของว่าเรามีอยู่มีกินตามประสาโลกของเขา แต่ทำไมเราถือศีลขึ้นมา เราต้องถือศีล ๘ ไม่ฉันข้าวเย็น เห็นไหม พระปฏิบัติถือธุดงควัตร ฉันมื้อเดียว ทำไมดัดแปลงตนล่ะ ทำไมต้องทรมานตน ทำไมไม่กินอิ่มนอนอุ่นล่ะ กินอิ่มนอนอุ่นขนาดไหน จิตมันก็มีความเร่าร้อนของมันตลอดไป ถ้าเราไม่ดัดแปลงตน การดัดแปลงตน การฝืนตนนี้เป็นการฝืนกิเลส กิเลสมันมีความพอใจของมันอยู่แล้ว มันต้องคิดของมันตามอำนาจของมัน คิดตามอำนาจของมันนะ แล้วยังคิดออกไปทำลายเขา เห็นไหม
ทำลายตนเองก่อน เพราะตนเองไม่มีความสงบสุขในหัวใจของตนเอง ถ้าไม่มีความสงบสุข เห็นไหม จะเห็นว่าภาวะของใจเป็นอย่างไร ถ้าคนไม่เคยเห็นใจของตัว ไม่เคยเห็นสัมมาสมาธิ มันจะคิดมีปัญญาขึ้นมาได้อย่างไร ถ้ามีสัมมาสมาธิจะมีพื้นฐานของปัญญา ปัญญาอันนี้ การแก้กิเลสปัญญาอันนี้ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา แต่ปัญญาจากภายใน ปัญญาจากภายในทำลายกิเลสของตัว ตัวเองร่มเย็นขึ้นมามันไม่เบียดเบียนตนแล้วมันจะไปเบียดเบียนใครล่ะ มันจะไปก่อการร้ายได้ยังไง มันจะก่อการร้ายกับกิเลสของตัวเองเท่านั้น
ก่อการร้ายคือพยายามตั้งถึงว่า สิ่งที่เป็นกิเลสทำลายมันให้ได้ ถ้าทำได้สงบเย็นจากภายใน แล้วมันจะลึกลับมหัศจรรย์นะ จากใจดวงนี้เข้าใจดวงนี้ แล้วใจดวงอื่นที่เขาจะประพฤติปฏิบัติมันก็ต้องมีความเห็นผิด มันต้องมีล้มลุกคลุกคลานมา มันสลดสังเวช สงสารเขามากนะ
แต่อันนั้นไม่เป็นอย่างนั้น ถ้าความเห็นของเขา ปัญญาของเขา คือว่าปัญญาต้องการทำลายคนอื่น เบียดเบียนคนอื่น ถ้าเบียดเบียนคนอื่นมันเป็นไปไม่ได้หรอก เราจะดึงไว้ไม่ให้พระอาทิตย์ขึ้น เป็นไปไม่ได้ พระอาทิตย์ขึ้นแล้วไม่ให้มันตกก็เป็นไปไม่ได้ สิ่งนี้มันเป็นธรรมชาติของมัน
ความเห็นของคน ทิฏฐิมานะ ความเห็นของแต่ละบุคคลมันจะเหมือนกันมันเป็นไปไม่ได้ แล้วเราจะไปให้มันเป็นไปมันเหมือนกันอยู่ในแนวทางเดียวกัน มันสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ไง
สิ่งที่เป็นไปได้ ถ้าเอ็งจะเป็นไปได้ ทำไมเอ็งไม่กลับมาดูตัวของเอ็งล่ะ ไม่ดูความคิดของเราล่ะ ความคิดของเราที่ให้ความทุกข์กับเรา ถ้าเรามีความทุกข์ของเรา เราแก้ไขความทุกข์ของเรา เรามีความสุขของเราขึ้นมา แล้วมันจะเป็นอำนาจวาสนา เราจะสั่งสอนใคร เราจะบอกใครนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง สิ่งที่เรื่องหนึ่งนี่มันจะเป็นประโยชน์ๆ อย่างนี้
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาชนะตนเองได้ก่อน เป็นเทวดาของหมู่สัตว์ เป็นสัตถาเทวมนุสสานัง เป็นครูของเทวดา เป็นครูของทุกๆ อย่าง เป็นครูนะ เพราะเข้าใจใจดวงนี้ เราว่าเราอยากจะมีศักยภาพมาก อยากมีฤทธิ์มีเดชมาก เทวดาเขามี เขามีเป็นไปตลอด แต่ทำไมเขามีความทุกข์ล่ะ ทำไมพระอินทร์ยังต้องมาใส่บาตรพระกัสสปะล่ะ เพราะอะไร เพราะตัวเองควบคุม เห็นไหม มันยังต้องการสิ่งที่ว่าควบคุมเขา ต้องการมีพลัง ต้องการลำแสง ต้องการมีบุญมากกว่าเขา ยังต้องมาทำบุญกับพระกัสสปะ มาใส่บาตรพระกัสสปะ เพราะต้องการแสง ต้องการพลังงานอันนี้ ทำไมสิ่งที่ว่ามีฤทธิ์มีเดชอย่างนั้นทำไมไม่มีความสุขล่ะ แล้วเราเป็นมนุษย์อยู่นี่เราจะไปมีฤทธิ์มีเดชด้วยศักยภาพ ด้วยเทคโนโลยีไง มีฤทธิ์มีเดชได้ การดักเสียง ดักฟังต่างๆ เครื่องเทคโนโลยีดักฟังต่างๆ มันก็เหมือนกับมีฤทธิ์มีเดชนั่นล่ะ
นี่รู้ไปรอบโลกนะ การเคลื่อนไหวไปรอบโลก แต่เห็นแต่โลกบนผืนดิน แต่โลกในหัวใจคนคิดอย่างไรนี่ไม่รู้ไง คนเห็นแต่หน้า เห็นแต่คำพูดที่หวานหู แต่เขาคิดอย่างไร เขาจะเชือดคอเราอย่างไร เขาทำลายเราอย่างไร เราก็ไม่รู้สิ่งนี้ เห็นไหม นี่รู้แต่โลกภายนอก ไม่รู้โลกของใจ ถ้าไม่รู้โลกของใจ ใจมันมีสภาวะแบบนั้น มันเบียดเบียนตนก่อน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้รู้โลกภายใน ให้รู้จากความคิด ถ้าความคิดดับจากใจของเรา ความคิดอันนี้มันทำลายใจของเรา ปัญญาอันนี้ปัญญาประเสริฐ ปัญญาอย่างนี้ไม่มีในโลกนี้ เพราะเป็นภาวนามยปัญญา ปัญญาอย่างนี้เกิดขึ้นจากการหลับหูหลับตาที่ว่าเอาตัวรอด เห็นแก่ตัวๆ นั่นล่ะ จะเกิดสิ่งที่เป็นมหัศจรรย์ สิ่งที่เป็นมหัศจรรย์ เห็นไหม สิ่งนี้คือปัญญา เป็นวิชาขึ้นมา จะทำลายกิเลสอันนี้
ถ้าเป็นปัญญาอันนี้ ถูกต้อง แต่ว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา เราก็ติดอาวุธทางปัญญากัน ถ้าไม่มีศีลธรรมนะ นี่ทำลายกันขนาดนี้ ถ้ามีศีลธรรมขึ้นมา มันจะเข้ามาจากภายใน จะทำลายตัวเองก่อน ถ้าทำลายตัวเองก่อน ทำลายกิเลสของตัวเองก่อน ปัญญาอันนี้จะเป็นคุณมาก จะมีความสุขไง ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา แต่ปัญญาอย่างนี้โลกเขามองไม่เห็นกัน ถึงต้องมีทาน มีศีล มีภาวนา เพื่อจะย้อนกลับเข้ามาให้เห็นว่า ธรรมนี้มีอยู่ไง สัจธรรมมีอยู่ ความเป็นจริงมีอยู่ ความสุขมีอยู่หาได้จากใจดวงนี้ ไม่ต้องไปหาจากข้างนอก เขาหาได้จากข้างนอก เขาถึงต้องการแย่งชิงกัน ต้องการทำลายกัน เพราะต้องการยึดพื้นที่ ต้องการสิ่งที่ว่าการค้าที่มีปัญหากันก็เกิดสงครามตลอดไป สิ่งนี้จากภายนอก
แต่ถ้ามีศีลธรรมในหัวใจนะ มีการแบ่งปันกันนะ นี่เป็นธรรมนะ แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง แล้วจะเจือจานกัน โลกนี้พออยู่พอกินนะ แต่นี้เพราะว่าส่วนหนึ่งอาศัยสิ่งที่ว่าเป็นประโยชน์กับตัวเองจนไม่เห็นอีกส่วนหนึ่ง มันก็ต้องมีการเบียดเบียนกันตลอดไป แล้วจะเป็นอย่างนี้ เป็นอย่างนี้เพราะอะไร เพราะมันเป็นกรรม เพราะเป็นกรรมถึงความเห็นผิดไง แต่คนที่มีความเห็นถูก พระอรหันต์ทำไมไม่เกลี่ยพวกนี้ให้เสมอกันล่ะ เพราะมันเป็นกรรมของเขา มันเป็นสิ่งที่สุดวิสัยของเขา อย่างที่ว่าเขาถึงเวลาของเขา เขาก็ต้องไปของเขา เราจะฝืนอย่างไร แต่ถ้าเราสามารถบอกให้เขาเข้าใจในหัวใจนั้น การจะไปจะมานี่ ถ้ามันมีสิ่งที่ว่าร่มเย็นเป็นสุขไป มันก็ไปดีไง มันต้องไปโดยธรรมชาติ แต่จะไปดีหรือไปทุกข์เท่านั้น
แต่ถ้าพูดถึงเราชำระกิเลสแล้วมันจะดับที่นี่ แล้วจะไม่ต้องไปอีกเลย ถึงมีอยู่ก็มีอยู่ธรรมชาติ แต่หัวใจดวงนั้นพ้นไปแล้ว แล้วหัวใจจะถึงที่สุด นี้คือปัญญาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี้คือปัญญาของศาสนาพุทธ เอวัง