เทศน์เช้า

เทศน์เช้า-1

๑ พ.ค. ๒๕๔๕

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๔๕
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

แรงงานมันเป็นแรงงานภายนอก แรงงานเกิดขึ้นมา มันต้องเกิดขึ้นมาตามปกติ แรงงานเกิดมาโดยธรรมชาติ คนมีแรงงาน มีแรงก็ต้องทำมาหากิน แต่หัวใจล่ะ แรงใจมันไม่เกิดขึ้น ถ้าแรงใจเกิดขึ้นนะ มันมีความศรัทธาเกิดขึ้น ถ้าความศรัทธาเกิดขึ้น เห็นไหม ชักลากหัวใจออกไป ถ้าชักลากหัวใจออกไป ชักลากหัวใจออกจากกิเลสได้ มันจะไม่ต้องมาเกิดเป็นแรงงานซ้ำซาก มันมาเกิดเป็นแรงงานซ้ำซากซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น ซ้ำตลอดไปนะ

ชีวิตต้องหมุนเวียนไปตามขั้นตอนไปอย่างนั้น แล้วพอมีนักขัตฤกษ์ทีก็หยุดกันทีหนึ่ง มีความสดชื่นใจ นักขัตฤกษ์ มีการหยุดงานขึ้นมาเพื่อระลึกถึงวันแรงงานแห่งชาติ วันแรงงานคือนึกถึงเรา แล้วนึกถึงว่าผู้สร้างแรงงานเป็นผู้สร้างโลก แต่ไม่ได้บอกว่ากิเลสที่มันสร้างหัวใจขึ้นมา หัวใจที่มันโดนกิเลสสร้างขึ้นมามันสร้างโลกขึ้นมาขนาดไหน โลกในวัฏฏะนี่มันสร้างมาตลอด แล้วมันสร้างไม่มีวันจบสิ้น มันสร้างไปอย่างนั้น

ถ้าพูดถึงย้อนกลับเข้ามาตรงนี้ มันจะเห็นแรงของใจ ถ้าแรงของใจขึ้นมานะ มันทำออกไปได้มันจะพลิกออกจากกิเลสได้ ถ้าพลิกออกจากกิเลสได้ คนเราออกจากกิเลสได้ เห็นไหม มีความทุกข์ในหัวใจ ในหัวใจมีความทุกข์จะมีความทุกข์ความสุขขนาดไหน มันก็ต้องเป็นไปในโลกนี่ โลกนี่เป็นวัฏฏะ เป็นที่อยู่อาศัย เป็นภพที่อยู่อาศัยของร่างกายและของจิตใจ แต่เราเห็นเฉพาะร่างกายเป็นสิ่งที่สำคัญ เราเห็นความเป็นอยู่นี้สำคัญ เรามองไม่เห็นคุณค่าของใจ

ถ้าเราไม่เห็นคุณค่าของใจ เรามองข้ามของใจไปนี่ เราก็เกิดเราก็จับแก้ไขที่ไม่ถูกต้อง แก้ไขเรื่องอะไร? เวลาเหนื่อยงาน เห็นไหม เหนื่อยงานขนาดไหน? เหนื่อยกายขึ้นมาพักผ่อนมันก็หาย เวลาเหนื่อยใจ เวลาใจมันสะสมสิ่งที่ว่าขัดข้องหมองใจไว้นี่ ไม่เห็นมันปลดเปลื้องออกไปจากใจเลย คิดทีไรก็เจ็บทุกที ๆ ถ้าคิดถึงเรื่องของใจที่มันฝังใจอยู่ในหัวใจนี่ คิดทีไรมันเจ็บทุกที ๆ มันเป็นเพราะอะไร?

มันเป็นเพราะฝังสิ่งเหล่านั้น นี่สัญญา สัญญาอย่างหยาบ ในอายตนะ ๖ วิญญาณอย่างหยาบ แล้ววิญญาณอย่างละเอียดที่มันสะสมนี่ สิ่งนี้มันต้องสะสมไป ๆ ถ้าเราสะสมคุณงามความดีไป สะสมคุณงามความดีไป มันก็เกิดเป็นสิ่งที่ดี เกิดในสิ่งที่ดี ในความสิ่งที่ดีมันก็พ้นออกไป

เหมือนกับสิ่งที่ว่าเกลืออยู่ในน้ำ ถ้าน้ำส่วนมากขึ้นไปเกลือมันก็จะอ่อนลงไป อันนี้ก็เหมือนกัน ทำคุณงามความดีส่วนใหญ่ส่วนมากขึ้นไป ในเกลือนั้นจะออกไป น้ำในเกลือนั้นจะเจือจางลงไป ชีวิตนี้ก็มีความสุขขึ้นมา ไม่เข้มข้นมากนัก ถ้าเข้มข้นไปด้วยทุกข์ ทุกข์ฝังใจออกไป แล้วก็หมุนเวียนออกไป ใครก็แก้ไขให้เราไม่ได้

ทุกคนมองตากัน อยากจะแก้ไข อยากจะช่วยเหลือกัน เห็นคนที่ว่าเขาทุกข์ยากเขาลำบากไป มองเห็นแล้วน่าสงสารมาก แต่จะแก้ไขได้อย่างไรในเมื่อใจเขามืดบอด ใจเขาไม่เปิด ใจเขาไม่รับเลย เราเห็นเขาทุกข์เขายากอยากจะแก้ไขเขา อยากจะช่วยเหลือเขา อยากจะทำให้เขาให้ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องของวัตถุ เรื่องของความหนักหน่วงนี่ เรายกให้เขาก็ได้ สิ่งใดกดทับอยู่ อย่างเช่นรถประสบอุบัติเหตุทับคนอยู่ เราสามารถจะยกขึ้นได้ เพื่อเอาคนไข้ออกมารักษาให้หายได้

แต่เรื่องอย่างนี้ เรื่องของใจนี่ ถ้าลองเขาไม่เปิดใจขึ้นมา พูดขนาดไหนไปนี่ เราสลดสังเวชขนาดไหน เขาก็อยู่ของเขาอยู่อย่างนั้น เขาไม่คิดพัฒนาใจของเขาหรอก เขาพัฒนาของเขาไม่เป็น ถ้าเขาพัฒนาของเขาไม่เป็นเพราะใจเขามืดบอด เขาไม่สนใจ แล้วจะช่วยเหลือใครเขาได้ นี่ ช่วยเหลือได้ก็ตรงนี้ ตรงที่ว่าให้ธรรมะเป็นทาน ถ้าให้ธรรมเป็นทาน เขาเปิดใจขึ้นมาเขายอมรับสิ่งนั้นขึ้นมา เขายอมแก้ไขขึ้นมา มันเปิดใจขึ้นมามันก็แก้ไขได้ ถ้าไม่เปิดใจขึ้นมาก็แก้ไขไม่ได้

ถ้าแก้ไขได้เขาก็จะเริ่มทำคุณงามความดีของเขาเอง เขาต้องทำคุณงามความดีของเขาเอง คุณงามความดีนั้นสะสมลงไปที่ใจของเขาเอง ถ้าคุณงามความดีของเขาเกิดขึ้นมาขนาดไหน เขาจะทำสะสมใจของเขาได้ ถ้าคุณงามความดีของเขามากขึ้นไป ๆ มากขึ้นไปจนเกลือนั้น จนเป็นน้ำมากจนน้ำเป็นแม่น้ำเลย เกลือเม็ดเดียวมันจะไม่มีรสชาติในเกลือนั้นเลย นี่พูดถึงเกลือมันสสาร มันหมดไปไม่ได้

แต่อวิชฺชาปัจฺจยา สงฺขารา ในหัวใจมันหลุดออกไปจากใจได้นะ มันพ้นออกไปจากใจได้ มันเป็นสิ่งที่เหมือนกับสุดวิสัย เหมือนกับทำไม่ได้ มันทำไม่ได้มันเป็นเรื่องที่ว่าเราทำยากทำลำบาก เวลาทำปฏิบัติขึ้นมามันแสนยากแสนลำบาก ทุ่มกายไปขนาดไหน ทุ่มกายเข้าไปเพื่อเป็นโลกียะ โลกีย์อารมณ์ เพื่อจะเอาหัวใจ เราประพฤติปฏิบัติไม่ใช่เอานาฬิกา เอาเวล่ำเวลา ไม่ใช่เอาร่างกาย เอาท่าสวยท่างาม เดินจงกรมหรือนั่งสมาธิภาวนาต้องให้มันสวยงามขนาดไหน เรานั่งขนาดไหนก็แล้วแต่เพื่อจะเอาใจของเราต่างหาก เพื่อให้ความสงบของใจเกิดขึ้น

ถ้าใจมันสงบเกิดขึ้นมานี่ แรงใจมันจะเกิดจากตรงนี้ แรงงานจะเกิดขึ้นมาจากที่ว่าใจมันสงบขึ้นมาแล้วมันจะเป็นแรงงานในโลกุตตระ ไม่ใช่แรงงานในโลกเขา แรงงานคิดอยู่นี่แรงงานโลกียะ แรงงานทำงานน่ะ พลังงานสมอง สมองทำงาน ผู้บริหารต้องได้เงินเดือนมากได้สิ่งตอบแทนมากเพราะว่าบริหารด้วยสมอง บริหารด้วยแรงงานสมอง แรงงานสมองกับแรงงานของร่างกายต่างกัน

นี่ก็เหมือนกัน แรงงานของใจถ้ามันไม่เกิดขึ้นนะ มันแรงงานของใจ แรงงานทางโลก แรงงานทางคิดนี่แรงงานสมอง แรงงานทางคิด อะไรมันเคยผ่านสมองมันไป แต่ถ้าเวลามันสงบขึ้นมามันไม่ผ่านสมองสิ มันผ่านแรงงานของใจ แรงงานของขันธ์ ขันธ์มันคิดขึ้นมามันไม่ผ่านสมอง สมองเป็นความจดจำของมัน มันจดจำขนาดไหนมันก็จดจำของมันไว้ หมุนเวียนไปในความเห็นของมัน

แรงงานของใจเกิดขึ้นมา พยายามทำความสงบของใจขึ้นมา ต้องทำความสงบของใจขึ้นมา ต้องทำสมาธิไง หัดภาวนา ภาวนาเพื่อประโยชน์อะไร? เพื่อประโยชน์ตนไง เพื่อประโยชน์ให้เกิดแรงใจขึ้นมา ถ้าแรงใจเกิดขึ้นมาได้ แรงใจเกิดขึ้นมาจากความสงบของใจ ใจสงบขึ้นมามันจะย้อนกลับมาเพื่อพัฒนาใจของมันขึ้นมา พัฒนาใจของมันขึ้นมา มันก็เป็นคนขึ้นมา เป็นมนุสสเปโต มนุษย์เปรตที่ว่าคนมันทุกข์ยาก มนุสสติรัจฉาโน มนุษย์สัตว์ เป็นมนุสสเทโว มนุษย์เป็นเทวดา ใจมันเป็นเทวดา ร่างกายอย่างนี้มันเป็นเทวดาได้อย่างไร?

ใจมันมีความสุข ใจมันเข้าใจสรรพสิ่งทั้งหมด เข้าใจเรื่องชีวิต เข้าใจเรื่องของหน้าที่การงาน เข้าใจเรื่องของทุกข์ เข้าใจแล้วพอความเข้าใจมันก็ปล่อยวาง วางไว้ตามความเป็นจริง มันมีเกิดขึ้นอยู่ มันก็ตั้งอยู่ของมันอยู่เก้อ ๆ เขิน ๆ อย่างนั้น แล้วมันก็ต้องดับไปเป็นธรรมดาของมัน มันไม่สามารถเข้าไปทับถมใจของเราได้ ถ้าเราไม่เข้าใจมันเลย มันเป็นเรา มันเกิดขึ้นจากเรา มันเกิดขึ้นจากภายใน

ดูเวลาไปหาหมอ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา เชื้อโรคเกิดขึ้นมาจากภายใน อันนี้มันเกิดขึ้นมาจากความคิดของเราเลย เราคิดของเราเองมันก็ยึดมั่นถือมั่น เราต้องคิดถูก ยิ่งยึดมั่นเข้าไปขนาดไหนมันยิ่งร้อนขนาดนั้น มันยิ่งทำให้ใจเร่าร้อนขนาดนั้น มันไม่ปล่อยวางตามความเป็นจริงเพราะแรงงานใจมันไม่เกิด

ถ้าแรงงานใจมันเกิดขึ้นมา มันทำงานขึ้นมา มันจะปล่อยวางสิ่งนั้นเข้าไป สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนี้มันเกิดโดยธรรมชาติของมัน แล้วมันมีสิ่งที่ผูกมัดขึ้นไป มันมีกิเลสในหัวใจผูกมัดเข้าไป กิเลสในใจผูกมัดมันต้องปล่อยวางกิเลสนั้นออกไป พยายามปล่อยวางกิเลสสิ่งนั้นออกมาให้ได้ ถ้าปล่อยวางกิเลสออกไปได้ แรงงานใจมันเกิดมันถึงจะทำได้

ถ้าแรงงานใจมันไม่เกิดทำไม่ได้หรอก มันเป็นเรื่องที่ว่าเหมือนกับที่ว่าสุดวิสัย เราทำไม่ได้เราปลดเปลื้องไม่ได้ มันก็เป็นการสุดวิสัยของมันอยู่อย่างนั้น ถ้ามันสุดวิสัยอยู่อย่างนั้น มันก็เป็นอยู่อย่างนั้นตลอดไป แต่ถ้ามันไม่สุดวิสัยของมันนะ มันทำของมันได้ มันต้องทำได้ สิ่งที่ทำได้มันต้องเป็นประโยชน์กับใจ เป็นประโยชน์กับเราขึ้นมา

ถ้าเป็นประโยชน์กับเราขึ้นมา มันเป็นประโยชน์กับสารประโยชน์ของเรา ถ้าเป็นสารประโยชน์ของเราขึ้นมา มันเป็นแรงใจเกิดขึ้น ถ้าแรงใจเกิดขึ้นมานี่ธรรมชาติของใจเกิดขึ้น ธรรมชาติของมันที่เป็นสิ่งที่เป็นทุกข์ ทุกข์นี้มันเกิดขึ้นมาจากใจเป็นธรรมดาของมัน ทุกข์นี้เกิดขึ้นเป็นธรรมดา ทุกข์นี้ต้องดับไป

ดับไปเพราะการกระทำของเรา ดับไปเพราะธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม ดับไปได้ ถ้ามันดับไปไม่ได้มันจะเป็นทุกข์ขนาดไหน? มันจะเป็นทุกข์ตลอดไป มันดับไปได้มันก็จบสิ้นของมันออกไป จบสิ้นออกไปจากใจ เอวัง