เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๗ พ.ค. ๒๕๕๕

 

เทศน์เช้า วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เวลาคนเรา เห็นไหม เวลาคนเราต้องพักผ่อนใช่ไหม? พักผ่อนนอนหลับเพื่อกลับมาทำงาน การพักผ่อนนั้นพักผ่อนเพื่อบรรเทาความทุกข์ แต่เวลาจิตของเราถ้ามันพักผ่อน มันพักผ่อนอย่างใด? มันไม่ได้พักผ่อนเลย ตั้งแต่เกิดมามันคิดตลอด เวลาหลับก็ฝัน มันไม่ได้พักไม่ได้ผ่อนของมัน เราถึงพยายามจะมาภาวนา ภาวนาเพื่ออะไร? เวลามาภาวนาของเรานะให้มันพักผ่อน ให้มันพักได้ ถ้ามันพักเครื่องได้ คือจิตมันลงสู่ความสงบได้ ถ้าใครจิตลงสู่ความสงบได้ คนนั้นจะเห็นคุณค่าของจิตนะ

ดูสิเราไม่เคยมีแบงก์จริง เราใช้แต่ของปลอม พอเราได้ของจริงขึ้นมาเราจะตื่นเต้นมาก จิตก็เหมือนกัน มันอยู่กับเรา แต่เราไม่เคยเห็นมัน ไม่เคยรู้จักมัน แต่ถ้าเราทำความสงบของใจเข้ามานะ ไปเห็นจิตเข้ามานะ เวลาคนเห็นขึ้นมาแล้ว เห็นไหม ถ้าเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก มันเอามาเปิดเผยกันไม่ได้ เวลาเปิดเผยกันมันเป็นปัจจัตตังอยู่ในหัวใจนะ วิทยาศาสตร์ก็บอกว่าต้องพิสูจน์สิ ต้องพิสูจน์สิ ก็ต้องพิสูจน์ แล้วก็ท้าพิสูจน์กัน ต้องการให้พิสูจน์ เพราะใครได้พิสูจน์ คนนั้นจะได้สัมผัส “รสของธรรมชนะซึ่งรสทั้งปวง”

ถ้าได้สัมผัสเองแล้วนะ พูดกันง่าย แต่ถ้าไม่ได้สัมผัสนะ เขียนเสือให้วัวกลัว นรกสวรรค์ไม่มี สรรพสิ่งนี้ไม่มีทั้งนั้นแหละ ไม่มีเพราะอะไรล่ะ? ไม่มีเพราะว่าความลังเลสงสัยไง แต่จริงๆ แล้วจิตมันก็สงสัยว่ามีหรือไม่มี แต่มีหรือไม่มีมันก็เข้าข้างกิเลสก่อนว่าไม่มี ไม่มีเพราะอะไร? ไม่มีเพื่อปลอบใจตัวเองไง เวลาเรานอนหลับพักผ่อนนะ จิตใจของเรา เวลาเราตื่นขึ้นมาสดชื่นมาก นี่ถ้านอนหลับพักผ่อนก็เพื่อการดำรงชีวิตของเราไปข้างหน้า

จิตของเรามันแบกรับภาระตั้งแต่อดีตชาติมา ว่าเลยบุพเพนิวาสานุสติญาณ ตั้งแต่ภพชาติที่นับไม่ได้ แล้วปัจจุบันนี้มาเกิดเป็นมนุษย์ พอมาเกิดเป็นมนุษย์เราพบพุทธศาสนา พบพุทธศาสนาเราอยู่ในสังคมของชาวพุทธ เราก็เห็นพระเห็นเจ้าที่ทำกันไป ทำตัวกันอย่างนั้น เราก็เบื่อหน่าย ความเบื่อหน่ายขึ้นมามันจะเป็นจริงหรือ? จนเขาพูดกันนะ บอกว่า “ไปไหว้พระก็ไหว้ลูกชาวบ้าน” ...ก็ลูกชาวบ้าน ถ้าไม่มีพ่อ ไม่มีแม่จะเกิดมาได้อย่างไร? แต่เกิดมามีพ่อ มีแม่แล้วมาบวชก็เป็นพระจริงๆ

ถ้าเป็นจริงขึ้นมาแล้ว เราจะไหว้พระ เห็นไหม เราไหว้พระ ไหว้พระเพราะอะไรรู้ไหม? เพราะศาสนทายาท ถ้าไม่มีพระ ไม่มีเณรบวชใหม่ ศาสนานี้ใครจะดูแลล่ะ? แล้วบวชขึ้นมาแล้วเขาก็ต้องขวนขวายของเขา ฝึกฝนของเขา ถ้าเขาฝึกฝนของเขา เขาได้รสของธรรมขึ้นมา เขาจะดีโดยตัวของเขาเอง ถ้าจิตใจเขาดีเขาจะต้องดีของเขาขึ้นมาเอง ดีเพราะดีจากภายใน ดีจากภายในหมายความว่าความคิด เห็นไหม มโนกรรม ถ้าจิตใจมีสติปัญญานะ เรามีสติขึ้นมา เวลาจะคิดมันรู้ตัวตลอด ถ้ารู้ตัวมันยับยั้ง อย่างเช่นเราคิดสิ่งใด เราจะทำสิ่งใดเป็นความผิด เรามีสติเราละอายนะ เราหยุดเลย เรายับยั้ง

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าจิตใจเขาดูแลของเขา นี่เขาจะยับยั้งของเขา ฉะนั้น ถึงจะมีพระมีเณรบวชใหม่ บวชใหม่ขึ้นมา ถ้าเราเป็นธรรมนะเราก็ส่งเสริมด้วยปัจจัยเครื่องอาศัย ด้วยสมณสารูปที่ความสมควรนั้น นี่เขาว่าไหว้พระก็ไหว้ลูกชาวบ้าน เพราะอะไร? เพราะเราเห็นสังคมแบบนั้นไงเราเลยเบื่อหน่าย ความเบื่อหน่ายของเรา สิ่งที่เบื่อหน่ายนั้น เพราะพระก็มาจากคน ในเมื่อคนมีกิเลส พระก็มีกิเลส เวลาบวชขึ้นมาแล้วมันบวชแต่ร่างกายไง

นี่บวชขึ้นมาเป็นพระเป็นสมมุติสงฆ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางไว้ เวลาจะเผยแผ่ธรรม นี่จะเผยแผ่ธรรม เห็นไหม ใครจะรู้ได้หนอ? ใครจะรู้ได้หนอ? นี่ขณะที่บรรลุธรรมขึ้นมาเป็นวิมุตติสุขแล้ว ใครจะรู้ได้หนอ? เวลาเผยแผ่ธรรมไป นี่ปัญจวัคคีย์เป็นพระไหม? ไม่ได้เป็น แต่ปัญจวัคคีย์เป็นนักพรต แต่ยังไม่ได้บวชพระ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการจนเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา เอหิภิกขุ จงเป็นภิกษุมาเถิด

นี่เวลาบวชพระขึ้นมา ก็บวชขึ้นมานี่ไง บวชขึ้นมาเพื่อให้มีศาสนทายาท นี้มีศาสนทายาทขึ้นมาเพื่อสังคมใช่ไหม? แต่ถ้าเป็นเราล่ะ? เราเกิดมาเป็นชาวพุทธ พบพุทธศาสนา พุทธศาสนาอยู่ที่ไหน? ทำไมเราต้องไปวัดไปวา ไปวัดไปวาเพื่อมันเป็นสถานที่ที่เราจะบำเพ็ญบุญกุศลของเรา เป็นสถานที่ที่เราจะประพฤติปฏิบัติของเรา แต่เราประพฤติปฏิบัติมาเท่าไหร่ ก็ปฏิบัติมาเพื่อหัวใจของเรา พระเวลาบวชแล้ว นี่เข้าป่าเข้าเขา บุกป่าฝ่าดงมา บุกป่าฝ่าดงเพื่อเหตุใด? ก็เพื่อหาใจของตัว บวชเป็นพระแล้วทำไมไม่อยู่วัดล่ะ? บวชเป็นพระแล้วทำไมต้องออกธุดงค์ล่ะ? ทำไมเข้าป่าล่ะ? เข้าป่าก็เพื่อฝึกฝนหาใจของตัว

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราไปวัดไปวา เห็นไหม เขาไปพักผ่อนกันตามที่ทางโลกเขาชอบใจ เราก็มาของเราเพื่อให้จิตใจนี้ตื่นตัว ถ้าจิตใจมันตื่นตัวขึ้นมานะ มันจะทำให้เราตื่นตัวขึ้นมา ถ้าจิตใจมันตื่นตัวขึ้นมานะ คนหลับ คนหลับเราจะไปนั่งคุยกับคนหลับสิ เราพูดไปกี่คำ คนหลับมันก็นอน มันไม่ได้ยินหรอก นี่จิตใจถ้ามันหลับใหลนะ ฟังธรรมะมันก็ฟังไม่รู้เรื่อง นี่ไปวัดไปวาไปทำไม? เวลาเหลือเฟือนักใช่ไหม? ทำมาหากินจนทุกข์ยากขนาดนี้ยังต้องไปวัดอีกใช่ไหม?

นี่เวลาจิตใจมันหยาบ แต่ถ้าจิตใจมันละเอียดรอบคอบขึ้นมานะ เราไป เห็นไหม ไปเพื่อตื่นตัว ให้จิตใจมันตื่นขึ้นมา แล้วจิตใจมันไม่ตื่นซักที นี่เวลาปฏิบัติไม่ตื่นซักที เราก็พยายามสิ ไม้ดิบ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกให้เราถือศีล ไม้สดเราจุดไฟมันจะติดไหมล่ะ? เวลาเขาตัดไม้สดแล้วเขาก็ตากแห้ง ตากให้มันแห้งก็เก็บไว้มาเป็นฟืน เป็นฟืนเพื่อเอามาใช้สอยในการทำอาหาร

นี่ก็เหมือนกัน เรามีศีล เรามีตบะธรรมก็แผดเผามัน แผดเผาหัวใจที่มันดิบๆ หัวใจที่มันหลับใหลไปกับโลกให้มันตื่นตัวขึ้นมา ถ้ามีสติปัญญามันจะตื่นขึ้นมานะ ถ้ามันตื่นขึ้นมาแล้ว ถ้าจิตมันตื่นแล้ว คนที่ภาวนาเป็นแล้วนะจะเห็นคุณค่า เห็นคุณค่าสิ่งนี้ เวลาครูบาอาจารย์ท่านพูด ดูสิพระกัสสปะเป็นเศรษฐี นี่แจกจนหมด

หลวงปู่พรหม สมัยปัจจุบันหลวงปู่พรหมก็เป็นเศรษฐีเหมือนกัน เป็นนายร้อย นายร้อยหมายถึงว่านายฮ้อย นายฮ้อยหมายถึงว่าเป็นผู้ค้าขาย เป็นผู้ค้าขายจนสถานะมั่นคง แล้วก็เป็นสามี ภรรยาไม่มีบุตร ตกลงหันหน้าคุยกันว่าเราจะทำอย่างไรกัน ไม่มีบุตรสืบต่อตระกูล ตกลงกันว่าเราจะออกบวชทั้งคู่ แจกอยู่ ๗ วันเหมือนกัน สุดท้ายแล้วสำเร็จเป็นพระอรหันต์เหมือนกัน

นี่เวลาสิ่งที่วัตถุเราอยู่กับโลก เราก็ต้องแสวงหาของเรา แต่ขณะที่เราเห็นโทษของมัน เห็นโทษของมันเขาเสียสละนะ แจกจนหมดเลย แล้วออกไปนะ ออกไปเพื่อประพฤติปฏิบัติ ก็เหมือนเรานี่แหละ เราต้องการให้จิตใจเราตื่นขึ้นมา เรามาปฏิบัติกันเพื่อปลุกใจให้เราตื่นขึ้นมา ถ้าตื่นขึ้นมา เห็นไหม เราคุยกับคนตื่น คนหลับนี่คุยกับมันพูดอย่างไรก็ไม่รู้เรื่องหรอก คุยกับคนหลับ เราพูดแล้วนะ เตือนอย่างไรเขาก็หลับของเขาอยู่อย่างนั้นแหละ แล้วเขาฟังไม่เป็น เขาฟังไม่เข้าใจ

ถ้าจิตใจมันตื่นขึ้นมานะ เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านประพฤติปฏิบัติ วิ่งหานะ วิ่งแสวงหาครูบาอาจารย์ เวลาหลวงปู่มั่นอยู่ที่ไหน เห็นไหม หลวงปู่มั่นอยู่เชียงใหม่นะ หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่ขาว หลวงปู่แหวน ครูบาอาจารย์เรากระเสือกกระสน เดินธุดงค์ขึ้นไปหาหลวงปู่มั่น เพื่อต้องการให้คนชี้ทาง ต้องการให้คนบอกให้คนแนะ นี่เวลาคนตื่นขึ้นมาแล้ว เขาต้องการคนที่ชี้ทางถูก คนที่คุยกันรู้เรื่อง แต่ถ้าจิตใจมันหลับใหล ใครพูดสิ่งใดก็เชื่อ ใครพูดสิ่งใดก็เชื่อ

ในกาลามสูตรเขาไม่ให้เชื่อนะ ไม่ให้เชื่อเพราะเราไม่มีวุฒิภาวะที่จะเชื่อได้หรือเชื่อไม่ได้ เพราะเราแยกแยะไม่เป็น เวลาหลวงปู่ขาว หลวงปู่แหวน ท่านประพฤติปฏิบัติขึ้นมา หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่อ่อน นี่ท่านต้องเดินธุดงค์ขึ้นไปหาหลวงปู่มั่นนะ เวลาปฏิบัติอยู่ภาคอีสาน ปฏิบัติไปแล้วนี่คนตื่นไง พอคนตื่นมันเห็นคนหลับใหล คนตื่นไปคุยกับคนหลับมันก็ไม่รู้เรื่อง แล้วจะหาคนตื่น คนตื่นก็อยู่เชียงใหม่

นี่ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ต้องกระเสือกกระสนขึ้นไปหาหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นท่านรับไว้นะ รับไว้ เวลาท่านให้ยา เห็นไหม ท่านสนทนาธรรมเสร็จแล้วนะท่านก็ให้ออกไปเดินธุดงค์ ให้ออกไปอยู่ข้างนอก หลวงปู่มั่นท่านจะอยู่องค์ ๒ องค์ของท่าน แล้วไปปฏิบัติมา พอปฏิบัติมา ติดขัดอย่างไรให้เข้าไปหาท่าน ท่านจะแก้ไขของท่าน นี่เวลาคนตื่นกับคนตื่นเขาคุยกัน จิตใจของเราถ้ามันหลับใหล เวลามันจะมาวัด น่าเบื่อ โอ๋ย ไม่มีเวลา เวลาไปวัดแล้วกระเสือกกระสนกันไป เวลาไปแล้ว ปฏิบัติแล้วก็ไม่ได้ผล คอตกนะ

ถ้าไม้มันยังดิบ เราจุดไฟมันไม่ติด เราต้องมีศีลมีธรรม ตบะธรรมแผดเผาขึ้นไป ถ้าไม้มันแห้ง ถ้ามันจุดติดนะ จุดติดนะ เพราะมีคนมาภาวนาที่นี่บ่อย เวลามันลงนะปล่อยโฮๆ เลยล่ะ เวลาจิตมันลงนะปล่อยโฮๆ เลย มันตื่นเต้น มันปลื้มใจของมัน เราหาเงินหาทองมาขนาดไหน เราจะซาบซึ้งขนาดนั้นไหม? เวลาจิตมันลงนะ มันไปสัมผัส ปล่อยโฮๆ เลยแหละ ปล่อยโฮๆ กับใครล่ะ?

นี่ธรรมะกับหัวใจเขาคุยกัน จิตมันสัมผัสนะ นี่สันทิฏฐิโก พอเขาได้สัมผัสของเขานะ เขารู้สึกของเขา เขาซาบซึ้งของเขา นี่ปัจจัตตัง ปล่อยโฮของเขานะ แล้วถ้ามันตื่นขึ้นมาแล้วใครจะหลอกล่ะ? นี่เพราะความจริงมันเป็นแบบนี้ เวลาจิตมันตื่นขึ้นมามันเป็นแบบนี้ สิ่งที่เราทำมานี่เราหลับใหลกันมา นี่เป็นสัญญาอารมณ์ทั้งนั้น พอสัญญาอารมณ์นะ เวลาพูดกันไปคุยกันไปมันเข้าใจกันได้เพราะเป็นเรื่องโลกๆ มันเป็นนิยายธรรมะ มันไม่เป็นสัจธรรม ถ้าเป็นสัจธรรมนะ สัจธรรมมันอยู่ที่ไหนล่ะ? สัจธรรมมันพูดออกมา พูดออกมาก็เป็นนิทาน เล่าเรื่อง

นี่ไงเวลาเล่าออกไป พระไตรปิฎกก็กิริยาของธรรม กิริยาของความรู้สึกอันนั้น เพราะกิริยาความรู้สึกอันนั้นใช่ไหม คนที่ปล่อยโฮๆ เขารู้เขาก็ปล่อยโฮๆ เพราะอะไร? เพราะจิตมันลงมันสัมผัสอย่างไร? สัมผัสมันเกิดมาอย่างไร? เกิดมาจากเขาตั้งสติของเขา เขามีคำบริกรรมของเขา เขาใช้ปัญญาอบรมสมาธิของเขา แล้วถ้าจิตเขาลงแล้วลงอย่างไร? ลงก็ปัจจัตตังไง นี่ลงปัจจัตตังมันเป็นอย่างนั้น ถ้ามันเป็นแบบนั้น เห็นไหม นี่เรามาแสวงหากันเพื่อเหตุนี้ไง

โลกเขานอนหลับพักผ่อนก็เรื่องของเขานะ แต่ของเรา เราจะมาปลุกใจเราให้มันตื่นขึ้นมา ถ้ามันตื่นขึ้นมา เราเกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนลงที่นี่ เราทำมาหากินนะ มันจะทุกข์จนเข็ญใจ ปากกัดตีนถีบนะ ถ้าจิตใจเราเป็นธรรมนะมันมีความละอาย มันมีความเกรงกลัว มันทำสิ่งใดมันก็รักษาของเราไป นี่คนเรามีเวรมีกรรม ทำไมมันจับพลัดจับผลูต้องเป็นเราล่ะ? ทำไมไม่เป็นคนอื่นล่ะ? คนอื่นเวลาเขาทำแล้วทำไมเขาประสบความสำเร็จล่ะ?

นี่มันอยู่ตรงนี้ ตรงที่เวลาไปวัด เอ็งไปนะข้าไม่ไป เอ็งทำนะข้าไม่ทำ โอ๋ย ข้าได้เปรียบ เอ็งทำแล้วเอ็งเสียหาย ข้าทำข้าเป็นคนดี ข้ามีแต่ความสุข เวลาไปเจอเหตุการณ์ขึ้นมา อ้าว ความสุขก็คอตกไง เพราะอะไร? เพราะเวลากรรมมันให้ผลไง แต่ถ้าเราทำบุญของเรา นี่เวลามันเกิดสิ่งนั้นนะ มันจะมีเหตุการณ์ให้บุญนั้นจะเข้ามาเกื้อกูลให้มันมีทางออก แล้วมันมีทางออกมันจะพิจารณาของมันไป แล้วถ้ามันไม่มีทางออกนะมันก็จิตใจของเราไง

จิตใจของเราถ้าเข้มแข็งขึ้นมานะ เหตุการณ์จะใหญ่โตขนาดไหนเล็กนิดเดียว แต่จิตใจของเราอ่อนแอ เหตุการณ์เล็กนิดเดียวนะใหญ่โตเท่าฟ้า มันอ่อนแอ มันรับไม่ไหว พอรับไม่ไหวก็ล้มลุกคลุกคลานไง ถ้าจิตใจของคนเข้มแข็งนะ ปัญหามันจะใหญ่ขนาดไหนเราเคลียร์ได้ทั้งนั้นแหละ ปัญหามีทุกคน เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เผยแผ่ธรรมไป นี่เขาจ้างคนมาด่า เขาทำมาทั้งนั้นแหละ เขาทำเพราะอะไร? เพราะไปขัดผลประโยชน์เขา นี่เขาเชื่อของเขาอย่างนั้น เขามีความพอใจของเขาอย่างนั้น แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ธรรมไป มันไปขัดแย้งกับเขาทั้งนั้น

ดูสิในพราหมณ์ เขาเคารพบูชากัน เขาเชื่อถือกันไป นี่เวลาตื่นเช้าขึ้นมา ในสมัยพุทธกาลนะแบบว่าเขาเป็นพราหมณ์ เช้าขึ้นมาเขาก็กราบทิศๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเจอเข้านะ บอกว่าเราก็กราบเหมือนกัน แต่เราไม่กราบแบบนี้ ไอ้กราบที่เขาว่าตามทิศๆ กราบทิศของเขาเพื่ออ้อนวอนเทวดาของเขา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกเรากราบทิศ ทิศของเรานะ ถ้าเรากราบทิศของเรา ทิศเบื้องบนเป็นสมณะ ชี พราหมณ์ที่เคารพนับถือ ทิศเบื้องหน้าคือพ่อ แม่ ทิศเบื้องข้างคือมิตรหมู่สหาย ข้างล่างของเราคือบ่าวไพร่ที่เราดูแล เรากราบทิศคือเราบริหารครอบครัวของเรา เราบริหารสังคมของเรา

เรากราบทิศอย่างนี้ พราหมณ์มันทึ่งมากนะ เห็นไหม เวลาล้างบาปๆ เวลาล้างบาปในแม่น้ำกัน เขาบอกว่าถ้าล้างบาปในแม่น้ำนะ เขาบอกว่ากุ้ง หอย ปู ปลามันก็ล้างบาปทั้งนั้นเลย ฉะนั้น กุ้ง หอย ปู ปลามันไปสวรรค์หมดเลย มนุษย์ตกนรกหมดเลย เพราะมนุษย์ไม่ได้แช่น้ำ ไม่ได้เหมือนกุ้ง หอย ปู ปลาที่มันอยู่ในน้ำ นี่พระพุทธเจ้าไปแสดงธรรมแบบนี้ แสดงธรรมแบบนี้มันก็มีแบบเราจะเอาคนไง จะเอาให้คนหูตาสว่างขึ้นมา จะปลุกใจคนให้ตื่นขึ้นมา แต่เวลาคนใจตื่นขึ้นมาก็ได้ประโยชน์ แต่ผู้ที่หลับใหลเขาก็เห็นโทษ เขาบอกไม่เป็นความจริง เขาก็มีปัญหากัน

ฉะนั้น เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนาดี รื้อสัตว์ขนสัตว์ ยังมีคนมากล่าวโจมตี กล่าวว่าร้าย แล้วเราเป็นใคร? เราเป็นใคร? ชีวิตเราจะต้องมีโลกธรรม ๘ เข้ามาเสียดสีแน่นอน ถ้าโลกธรรม ๘ จะมาเสียดสีชีวิตเรา เราปลุกใจให้เราตื่นไว้ ให้เรามีหลักมีเกณฑ์ไว้ เราจะบุกบั่นสู้กับชีวิตนี้ไป สู้เพื่ออะไร? สู้เพื่อความเข้าใจ เพื่อความรู้แจ้งในหัวใจนี้ ถ้าจิตใจมีหลักมีเกณฑ์นะ ปัญหาจะใหญ่โตขนาดไหนมันก็เล็กน้อย ชีวิตนี้มีค่ามาก แต่เวลาคนเห็นว่าปัญหานี้มันทับถมชีวิต จนทำลายชีวิตนะ

ชีวิตนี้มีค่ามาก กว่าจะเกิดจะตายชาติหนึ่งไม่ใช่ของง่ายๆ นะ แล้วเราเกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วกว่าจะฝึกฝนกันจนมีสติปัญญา เราจะเห็นค่าทรัพย์อันละเอียด ทรัพย์คือหัวใจนะ โลกเขาเห็นทรัพย์แต่ที่เป็นแก้ว แหวน เงิน ทอง เห็นทรัพย์แต่ภายนอก เราเห็นทรัพย์ภายใน แล้วเราแสวงหากัน ดูจิตใจมันกี่ชั้นล่ะ? จิตใจเราสูงส่งขึ้นมากี่ชั้น? แล้วเราจะมาน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ทำไม? เราน้อยเนื้อต่ำใจเพราะเราทำไม่ได้อย่างที่เราคาดหวัง

ตัณหาความทะยานอยาก เห็นไหม เราทำเพื่อพอที่มันจะเป็นอำนาจวาสนาที่เราทำได้ เราขยันหมั่นเพียรของเรา เราทำของเรา เราอย่าน้อยเนื้อต่ำใจ เราต้องมั่นคงของเรา ให้จิตใจของเราตื่นตัวขึ้นมาเพื่อประโยชน์กับเรานะ เราอย่าให้กิเลสมันเหยียบย่ำหัวใจของเรา ทั้งๆ ที่อยู่ข้างในหัวใจ เรายังแยกแยะไม่ถูก เราต้องแยกแยะได้ด้วยสติ ด้วยปัญญาของเรา เพื่อประโยชน์กับเรา เอวัง