เทศน์เช้า วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ทุกคนเกิดมาปรารถนาความสุข เกลียดความทุกข์นะ ไม่ต้องการเจอความทุกข์ ปรารถนาแต่ความสุข คนเกิดมามีอำนาจวาสนา มีอำนาจวาสนาจริงๆ นะ เพราะไม่มีอำนาจวาสนา ดูสิ เราเกิดเป็นสัตว์ ถ้าเกิดเป็นสัตว์ เขาบอกว่าหลวงพ่อเอาอะไรมาพูด มันเป็นไปได้อย่างไรคนจะเกิดเป็นสัตว์
เวลาสัตว์มาเกิดเป็นมนุษย์ ไปเกิดเป็นเทวดา ท้าวโฆสกะ เห็นไหม แล้วเวลาโตเทยยพราหมณ์เขาเป็นพราหมณ์ เขาเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบิณฑบาตไปเขาไม่สนใจเลย แล้ววันนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบิณฑบาตผ่านไปเพื่อจะโปรดเขานะ เขาตายไปแล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไปโปรดเขาเลย ไปโปรดเขานะ มันไม่มีใครใส่บาตรไง เขาก็นิมนต์ผ่านไปก่อน นิมนต์ไปก่อน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าโตเทยยพรามณ์ ถึงเวลามีชีวิตอยู่ก็ตระหนี่ ตายไปแล้วก็ยังตระหนี่นะ
ลูกชายได้ยินไงว่าพ่อเกิดเป็นหมา ไม่พอใจ ไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าให้พิสูจน์นะ ให้พิสูจน์เลย บอกว่าให้กลับไปเรียกนะ เรียกหมาตัวนั้นบอกว่าพ่อๆ พ่อๆ เลี้ยงดูให้สำราญเลย แล้วขอสมบัติจากพ่อ
มันตระหนี่ไง เป็นโตเทยยพราหมณ์ เป็นพราหมณ์ ตระหนี่ เอาทองใส่ไหแล้วก็ไปฝังดินไว้ ฝังดินไว้ เวลาตายไปไม่มีใครรู้ นี่พระพุทธเจ้ารู้นะ พระพุทธเจ้ารู้ว่าเขาซ่อนไว้ เขาไม่ให้ใครรู้ แล้วพอตายไปแล้วไปเกิดเป็นสุนัขมาเฝ้าสมบัตินั้น เวลาลูกชายไปเลี้ยงดู เลี้ยงดู เลี้ยงอย่างดี แล้วเรียกพ่ออย่างเดียวเลย บอกขอสมบัติๆ ไอ้สุนัขตัวนั้นมันวิ่งไปนะ มันไปตะกุย มันไปตะกุยตรงนั้นน่ะ สั่งให้ขุด สั่งให้ขุด ทองคำทั้งนั้น
เวลาว่าคนเกิดเป็นสัตว์ได้หรือ สัตว์มันเกิดเป็นคนได้หรือ
ฉะนั้น เวลาการเวียนว่ายตายเกิด เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เรามีศักยภาพมาก แล้วพอเกิดเป็นมนุษย์ เด็ก เด็กๆ อยากจะเป็นอิสระเป็นเสรี จะไม่ให้มีใครครอบงำเลย ไม่ให้มีใครมาบังคับบัญชาเลย อยากจะเสรี มันเสรีได้ไหมล่ะ ความเสรี ดูสิ เวลานักบริหารจัดการเขาบอกว่าทรัพยากรมนุษย์ เขาคิดคำนวณเลยว่าในประเทศใด วัยทำงานมีเท่าไร เขาจะไปตั้งโรงงานที่นั่น เขาจะใช้แรงงานจากเรา เขาจะใช้แรงงานจากมนุษย์นั่นน่ะ เวลานักธุรกิจเขามองการลงทุน เขามองถึงแรงงาน เราจะมาแรงงาน
เราเกิดมา เราต้องมีหน้าที่การงานของเรา แล้วผู้ที่มีอำนาจวาสนา ผู้ที่เขาเป็นนายทุน เขาวางแผน ทรัพยากรมนุษย์ เราก็เป็นส่วนหนึ่งของทรัพยากรนั้น เราก็หมุนไปในวัฏฏะ มนุษย์เกิดมาอยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยพึ่งพากัน ต้องอาศัยพึ่งพากัน มีหน้าที่การงานแตกต่างกันไป แล้วอยากเป็นอิสระ พอเป็นอิสระ ทุกคนอยากเป็นอิสระ มาบวชพระก็อยากจะมีอิสระ พอบวชพระแล้วต้องมีความสุขมีความสบายแน่นอนเลย
บวชพระ เห็นไหม โยมมีศีล ๕ เณรมีศีล ๑๐ พระมีศีล ๒๒๗ ยิ่งมาบวชพระยิ่งขยับไม่ได้เลย อ้าว! ก็อิสระไง อิสระไง
ความว่าจะเป็นอิสระมันก็ต้องมีความเริ่มต้นก่อน เห็นไหม เด็กที่จะเป็นอิสระ เด็กก็มีการศึกษาเชื่อฟังพ่อแม่ พ่อแม่ก็ส่งให้มีการศึกษา พอศึกษาแล้วมันมีหน้าที่การงานเข้ามา ทำงานขึ้นมาแล้วถ้าเรามีอำนาจวาสนา นั่นล่ะงานของเรา
เวลาเขาทำงานกันเขาบอกว่าไม่เอางานมาไว้ในบ้าน ทำงานเสร็จไว้ที่ทำงาน ไม่เอางานมาไว้ทำต่อที่บ้าน เพราะในบ้านของเรา เราต้องการความสงบ เราต้องการมีความสุขความอบอุ่นในบ้านของเรา หน้าที่การงานก็เป็นหน้าที่การงาน นี่หน้าที่การงาน เราอยากจะมีอิสระ อิสระที่ไหนล่ะ ในเมื่อผลของวัฏฏะ การเวียนว่ายตายเกิด คนเรามันเป็นสัตว์สังคม มนุษย์ต้องอยู่ด้วยกัน ถ้ามนุษย์อยู่ด้วยกัน พึ่งพาอาศัยกัน การพึ่งพาอาศัยกันเขาก็ต้องการศีลธรรมจริยธรรม ธรรมาภิบาลๆ ทำอะไรก็ให้จิตใจเป็นธรรมๆ จะว่าความอิสระมันอิสระที่ไหน มันก็มีกฎกติกา เครื่องหมายของคนดี ความกตัญญูกตเวที คนดีก็ต้องมีความกตัญญูกตเวที ใครมีบุญคุณต่อเรา ใครช่วยเหลือเจือจานเรา ถึงคราวที่เรามีกำลังที่เราตอบแทนเขาได้
การส่งเสริมกัน คุณงามความดีส่งเสริมกันไง คบบัณฑิตไง เขาไม่คบคนพาล คนพาลมันคนเห็นแก่ตัว นี่คนพาล บัณฑิตมีความทุกข์มากเลยอยู่ใกล้คนพาล คนพาลมันพาล ทำอะไรมันก็พาลไปหมด เราทุกข์มากเลยอยู่ใกล้คนพาล สิ่งที่เป็นความทุกข์ของบัณฑิตคืออยู่ใกล้คนพาล ถ้าเป็นบัณฑิตด้วยกันมันคุยกันรู้เรื่องไง คุยกันโดยบริหารจัดการสิ่งต่างๆ ไปให้ได้ดี
เราว่าเราต้องการความเป็นอิสระ เด็กทุกคนก็อยากต้องการความอิสระ ต้องการเสรีภาพ แล้วเราจะหาเสรีภาพมาจากที่ไหน เราก็บอกว่าในพระพุทธศาสนา ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา บริษัท ๔ เจ้าของศาสนา พอบวชพระไปแล้ว บวชพระเพื่อค้นหาความอิสระ ทีนี้บอกว่าเพื่อค้นหาความอิสระให้พ้น
ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย ผลของวัฏฏะ การที่จิตนี้ไม่เป็นอิสระ มันอยู่ใกล้กฎของกรรม ทำดี-ทำชั่ว ทำคุณงามความดีมันส่งเสริมๆ มันเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม ดูพระอินทร์สิ เวลาพระอินทร์มาใส่บาตรพระกัสสปะ ปลอมเป็นคนทุกข์คนยากมาว่ามาใส่บาตรพระกัสสปะ พระกัสสปะเข้าฌานสมาบัติ เวลาออกจากสมาบัติ ใครใส่บาตรจะได้บุญมาก ท่านปรารถนาจะไปโปรดคนจนไง พระอินทร์ก็ปลอมตัวเป็นคนจนมาใส่บาตร
ทีนี้พอใส่บาตร พระอินทร์ คนรวยมันปลอมตัวอย่างไรมันก็ปลอมตัวไม่แนบเนียนหรอก เวลาใส่บาตรไป อาหารที่ตกบาตร เฮ้ย! คนจนใส่บาตร ไม่ใช่ อันนี้ไม่ใช่ ไม่ใช่ ก็กำหนดจิตดู มหาบพิตร มหาบพิตรอย่าขี้โกงสิ เขาจะโปรดคนทุกข์คนยาก มหาบพิตรมาแย่งชิงสมบัติของเขา
โอ๋ย! นี่คนจน เราจนมาก
จนอย่างไรล่ะ เป็นพระอินทร์จนได้อย่างไร
อ้าว! เพราะเป็นพระอินทร์นะ ว่าเป็นพระอินทร์ แต่เวลาปกครองเทวดา เทวดาที่เขาทำบุญกุศลของเขามา ทรัพย์สมบัติของเทวดาเขาวัดกันด้วยแสง ด้วยคุณภาพแสงของเขา เขาสว่างไสวกว่า เขาทำบุญมากกว่า เป็นพระอินทร์มีทรัพย์น้อยกว่าเขา มันเป็นความทุกข์ มันทำบุญ สร้างบุญขึ้นมาเพื่อจะได้บุญกุศล เพื่อจะมีอำนาจเหนือกว่าที่เราจะปกครองเขา เราปกครองเขา แต่เขามีอำนาจเหนือกว่า เราปกครองเขา ปกครองเพราะอะไร เพราะเกิดเป็นพระอินทร์ไง
เทวดามาถามว่าทำอย่างไร เวลาโยมถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่ามันมีจริงหรือ เทวดา อินทร์ พรหมมีจริงหรือ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเธออย่าถามนะว่ามันมีจริงหรือไม่มีจริง วิธีการที่จะไป มันต้องมีวิธีการ มันต้องมีเหตุไง คนจะเป็นพระอินทร์ได้ ดูสิ รัฐบาล สิ่งที่เป็นรัฐบาล สาธารณูปโภคเป็นพระอินทร์ สร้างถนนหนทาง แหล่งน้ำ สร้างศาลาโรงธรรม เพราะเขาได้ใช้ได้สอยไง เพราะบุญกุศลๆ ไปเกิดเป็นหัวหน้า พระอินทร์ไง
เขาเป็นพระอินทร์เพราะเขาทำของเขาได้เป็นพระอินทร์ เขาได้เป็นผู้ปกครองเทวดา เราทำของเรา เราทำส่วนตัวของเรา เราทำบุญกุศลของเรา เราก็ได้เกิดเป็นเทวดาเหมือนกัน แต่เราไม่มีสถานะ เหตุของเราไม่ได้เป็นหัวหน้า เราปกครองใครไม่ได้ แต่เราอยู่ใต้อำนาจปกครองของเขา นี่ว่าคนจนๆ ไง แม้แต่พระอินทร์เวลาเขาจนเขายังเดือดร้อนเลย เขายังอยากจะสร้างบุญกุศลของเขาเลย นี่การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เห็นไหม
ทุกคนต้องการเป็นอิสระ บวชเป็นพระก็อยากจะบวชพระเพื่อจะเป็นอิสระ บวชเป็นพระขึ้นมาศีล ๒๒๗ ต้องมีข้อวัตรปฏิบัติ อิสระตรงไหนล่ะ การที่มันอิสระนะ เขาต้องมีขอบรั้วกั้น หัวใจเวลามันเป็นนามธรรม มันส่งออก มันจินตนาการไปไม่มีที่สิ้นสุด แล้วถ้าไม่มีที่สิ้นสุด เวลาทางวิชาการเขาบอกว่าเขาทำวิจัยกัน เขาบอกว่ามันก็ต้องมีจินตนาการด้วย ถ้าคนมีจินตนาการด้วย ทางวิชาการมันจะเสริมมา เห็นไหม จินตนาการ จินตนาการเพื่อการวิจัยให้ไปถึงจุดนั้นไง
นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่ว่าจิตมันไปไม่มีขอบไม่มีเขต แล้วจินตนาการไป จินตนาการเพื่อมรรคเพื่อผล อยากอิสระ อยากจะพ้นจากทุกข์ อยากจะไม่เกิด แก่ เจ็บ ตาย ถ้าไม่เกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้วจะทำอย่างไรล่ะ ทำอย่างไร ทำอย่างไรก็เริ่มต้น สิ่งที่ว่าเราพยายามหลีกหนีสิ่งที่เป็นขอบกติกามาเพื่อความอิสระๆ ยิ่งบวชพระมา ๒๒๗ เลย แล้วยังมีข้อวัตรปฏิบัติอีกต่างหาก ถ้าข้อวัตรปฏิบัติ ถ้ามันควบคุมได้ เพราะจิตที่เป็นนามธรรมมันจะควบคุมได้ยากนัก สิ่งที่เราทำบุญกุศลอยู่ แม้แต่เราตั้งใจอยากจะอิสระ อยากจะมีเสรีภาพ อยากจะมีทรัพย์สมบัติ เราทำบุญของเรา
บุญเป็นบุญ บุญคือความสุขใจ ความอบอุ่นของเราว่าเราทำของเรา แล้วสิ่งที่คุณงามความดี ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้นั้น เราถือศีล ศีลธรรมให้ความคุ้มครองเรา คุ้มครองนะ ถ้าถือศีล ๕ เรามีแต่คุณงามความดี มีแต่คุณงามความดีทั้งนั้น กลิ่นของศีลหอมทวนลม เขาบอกคนนี้เป็นคนดี
คนเขาจะทำร้ายกัน บอกทำเขาไม่ได้นะ คนนี้เป็นคนดี เห็นไหม มันคุ้มครอง ความดีมันคุ้มครอง ศีลธรรมมันคุ้มครองเรา ถ้าคุ้มครองเรา แล้วคนทำคุณงามความดีทำไมเขาโดนทำร้ายๆ
อันนั้น คำว่ากรรมนะ คำว่า กรรม เราทำมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดูสิ ถ้าคำว่า กรรม พระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย มีฤทธิ์มีเดชมาก แล้วพอมันถึงเวลา เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ธรรมไป มีคนศรัทธา ศาสนาเจริญมากเลย ไอ้พวกลัทธิต่างๆ เขาต้องการกีดขวาง ต้องการทำลาย เขาปรึกษากันว่าถ้าจะเจาะยางพระพุทธศาสนาต้องเจาะยางที่ใครก่อน? พระโมคคัลลานะ พระโมคคัลลานะนั่นล่ะผู้มีฤทธิ์มีเดช ผู้ที่เผยแผ่ธรรมไป ต้องเจาะยางก็ต้องทำลายตรงนั้นก่อน จ้างคนมาฆ่านะ จ้างคนมาฆ่า เห็นไหม เหาะหนีๆ เพราะเขารู้
สุดท้ายมาถึงเวลาไง อ๋อ! มันเป็นกรรมของเรา ปล่อยให้เขาทุบ ให้เขาทุบจนแหลกเลย ทุบแหลกเพราะมีฤทธิ์ ด้วยฤทธิ์ รวมร่างกายนั้นกลับมาเป็นปกติ เหาะไปลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วกลับมาที่เดิม คลายฤทธิ์ออก เละอยู่นั่นน่ะ สิ่งที่มีฤทธิ์มีเดชขนาดนั้น มันเรื่องของกรรมไง กรรมที่ว่าเศษกรรมไง
แล้วเขาก็ไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อู้ฮู! ลูกศิษย์อัครสาวกเบื้องซ้ายมีฤทธิ์มีเดชขนาดนั้นเลย ทำไมให้โจรกระจอกๆ มาทุบจนตายเลย ทุบตายเลย ก็เขารับจ้างมาไง พอเขาทุบพระโมคคัลลานะเขาก็ไปคุยอวด เขาไปกินเหล้าอวดกัน แหม! เขาได้ทำผลงานมหาศาล ปากทำแล้วก็ไปคุยโม้ เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่จับหมด นี่ไง เวลาเวรกรรมมันให้ผลนะ
ว่าคนทำความดีแล้วมันก็ต้องธรรมะคุ้มครองๆ
คนดีมันดีอยู่แล้ว ความดีมันดีในตัวมันเองอยู่แล้ว แล้วมีคุณงามความดีอยู่แล้ว แต่เวลาเวรกรรมของคน เราทำของเรามาเอง เราทำของเรามาเอง ดูสิ พระโมคคัลลานะ มันเป็นเพราะอะไร ทำไมเขาจะมาจองเวรจองกรรม มาฆ่าเราล่ะ เหาะหนีก็ได้ ทำอย่างไรก็ได้ ดูสิ คนที่มีคุณธรรมมีฤทธิ์ มีฤทธิ์ เขาจะมายิง ทำอย่างไรให้เขาประสบอุบัติเหตุได้ทั้งนั้นแหละ แต่ไม่ทำ ไม่ทำ ยอมรับตามความเป็นจริง เห็นตามความเป็นจริงอันนั้น
ถ้าพูดถึง เราทำความดีแล้วทำไมเรายังตกระกำลำบากอยู่ ถ้าไม่ทำมันก็ตกระกำลำบากยิ่งกว่านี้ ยิ่งกว่านี้แล้วสิ่งที่ว่าเขายังซ้ำเติมกว่านี้ แต่เราทำคุณงามความดี มันจะตกระกำลำบากก็ทำความดี ถ้าตกระกำลำบาก สิ่งที่ว่าถ้าตกระกำลำบาก ถ้าทุกคนเห็นใจ ทุกคนช่วยเหลือเจือจาน
อันนี้ก็เหมือนกัน เวลาพระเราจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านอยู่ในป่าในเขาตกระกำลำบากไหม เวลาหลวงตาท่านเล่าถึงประวัติหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นท่านเล่าด้วยประสบการณ์ของท่าน ท่านเล่าเรื่องปกตินะ เล่าเรื่องธรรมดา แต่คนฟังน้ำตาไหลนะ หลวงตาท่านบอกว่าหันหน้าเข้าข้างฝาน้ำตาไหลๆ เลย สงสารท่าน
แต่ท่านบอกว่าเป็นปกติ เพราะอะไร เพราะท่านดำรงชีวิตท่านเป็นแบบอย่างไง มันเป็นเรื่องธรรมดาของท่าน สิ่งนี้มันเป็นปัจจัยเครื่องอาศัย มันไม่มีอำนาจเหนือหัวใจของเราได้หรอก ถ้าหัวใจของเรามีคุณธรรม เห็นไหม เราปรารถนาความสุข ปรารถนาความสงบระงับ เราปรารถนาสมาธิ ปัญญา เราไม่ได้ปรารถนาสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างนี้ ความอำนวยสะดวกโลกเขาก็มีกัน เดี๋ยวนี้เข้าสปาเขาบริการขนาดไหน ก็ไปอยู่ที่นั่น เข้าสปาไปแล้วเป็นพระอรหันต์ออกมาจากสปานั้นเลย มันไม่มี
มันต้องไปขัดเกลา เพราะกิเลส เห็นไหม เราอยากเป็นอิสระ เราอยากเป็นอิสระจากหัวใจไง ถ้าหัวใจมันเป็นอิสระได้มันต้องมีศีล สมาธิ ปัญญาไง ฉะนั้น คนที่มีศีล สมาธิ ปัญญามันต้องเตรียมความพร้อมไง หัวใจมันควรแก่การงาน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการกับพวกคฤหัสถ์ พูดถึงเรื่องอนุปุพพิกถา เรื่องของทาน เรื่องการเสียสละก่อน เตรียมความพร้อมของหัวใจก่อน ถ้าหัวใจมันเตรียมความพร้อมแล้ว เสียสละทานขึ้นไปแล้ว ทำคุณงามความดี
ทานคือการเสียสละ คือคุณงามความดี ความดีจะให้ผลเกิดเป็นเทวดา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ถือเนกขัมมะ เนกขัมมะคือถือพรหมจรรย์ พอถือพรหมจรรย์แล้วเราจะแสวงหาปัญญาของเรา สิ่งที่มันจะเตรียมความพร้อมๆ เรื่องเตรียมความพร้อมของหัวใจ ถ้าหัวใจมันพร้อมแล้ว ถ้าเกิดมันพร้อมแล้ว สิ่งที่ว่าศีล ๒๒๗ ศีล ๒๑,๐๐๐ ข้อ มันเป็นของเล็กน้อย เพราะรักษาหัวใจอย่างเดียว ถ้าจิตมันสงบแล้วมันจะทำความผิดไหม จิตสงบแล้ว ถ้าไม่มีสิ่งใด ไม่มีขอบเขตเลย แล้วเราจะหาหัวใจเราได้อย่างไร หัวใจมันอยู่ที่ไหน หัวใจมันอยู่ที่ไหน
ครูบาอาจารย์ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านอยู่ในป่าในเขาท่านก็หาหัวใจของท่าน ธุดงค์ไป ธุดงค์ไปเพื่อขัดเกลามัน เพื่อไม่ให้มันเกาะเกี่ยวสิ่งใด เห็นไหม มันคิดไปร้อยแปด รั้งร่างกายอยู่ หัวใจมันคิดไปร้อยแปด ถ้ามีสติปัญญารั้งไว้ๆ มันก็กลับมาสู่ตัวมัน พอจิตมันสงบเข้ามามันมหัศจรรย์นะ มหัศจรรย์อย่างไร
สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี ความสุขสงบระงับของใจสำคัญมากเลย แต่เราไม่เคยเห็นไง ดูสิ เราแสวงหา เราประกอบธุรกิจอย่างใดก็แล้วแต่ ประสบความสำเร็จเรามีความสุขไหม เรามีความสุขนะ เรามีความสุขเพราะมันเกิดจากผลงานของเราไง
แล้วเราศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านปฏิบัติมาขนาดไหน แล้วพอเรามาประพฤติปฏิบัติ สาวก-สาวกะได้ยินได้ฟังแล้ว มีช่องมีทางแล้วพยายามฝึกฝน พยายามบังคับของเราขึ้นไปเอง พยายาม มันลงใจ มันลงใจมันพอใจจะทำ พอใจจะทำ พอจิตมันเป็นจริง เป็นจริงโดยข้อเท็จจริง ไม่ใช่จินตนาการ
จากจินตนาการ จากการศึกษาค้นคว้า จินตนาการแล้วมันไม่เป็นความจริง มันไม่มีความตกผลึกในใจ พอมันสงบเข้ามามันมหัศจรรย์แล้ว จากศรัทธาเป็นอจลศรัทธาแล้วกัน อจลศรัทธาว่ามันมีอยู่จริง ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่จริง ทรัพย์สมบัติที่มีคุณค่า ทุกคนต้องการทรัพย์สมบัติอันนั้น ถ้าได้ทรัพย์สมบัติอันนั้นขึ้นมา ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก แล้วทรัพย์สมบัติอันนั้นมันเป็นอย่างไรล่ะ
เวลาเราแสวงหาทรัพย์มา เราได้ทรัพย์มา เรารู้ว่าทรัพย์สมบัติมันเป็นแบบนี้ แล้วเวลาได้มรรคได้ผล อัตตสมบัติมันเป็นอย่างไรล่ะ? ก็มันเป็นกลางหัวใจนั่นไง เวลามันรู้ มันรู้แล้วมันก็ไม่หมุนไปไง ไม่หมุนไปมันก็ไม่เข้าไปนอนอยู่ในครรภ์ไง มันก็ไม่เกิด
เกิดภพ เกิดชาติ อารมณ์ความรู้สึกหนึ่งก็เกิดอารมณ์หนึ่ง อารมณ์หนึ่งก็ภพหนึ่ง ภพหนึ่งก็เป็นความรู้สึกหนึ่ง ความรู้สึกหนึ่งมันก็มีสุขมีทุกข์หนึ่ง แล้วมันรู้เท่ารู้ทันเข้ามาถึงมัน ถ้ามันจะเป็นอิสระ มันจะเป็นอิสระที่นี่ มันจะเป็นอิสระในหัวใจไง ถ้าหัวใจเป็นอิสระแล้ว หัวใจมันปล่อยวางหมดแล้ว ถ้ามันปล่อยวางได้ อยู่กับโลกโดยไม่ติดโลก ก็อยู่กับโลกนั่นแหละ เพราะยิ่งอยู่มันยิ่งเข้าใจไง ยิ่งเข้าใจว่ามันเป็นผลของวัฏฏะ มันเป็นผลของเหตุและผล มันมีที่มาที่ไป ก็เราทำมาอย่างนี้ เราทำมาอย่างนี้ เราปฏิเสธสิ่งที่มีอยู่ไม่ได้ เราปฏิเสธสิ่งที่มีอยู่ไม่ได้ แต่ในปัจจุบันนี้เราได้ทำลายภวาสวะ ทำลายภพทำลายชาติแล้ว สิ่งนี้มันเศษ เศษ สอุปาทิเสสนิพพาน ยังมีเศษส่วนอยู่ เห็นไหม
พระโมคคัลลานะเป็นพระอรหันต์ เป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายมีฤทธิ์ขนาดนั้น เศษมันมีอยู่ สิ่งที่เขาจับต้องได้ ร่างกายจับต้องได้ แต่เขาเห็นหัวใจอันนั้นไม่ได้ เวลาพระในสมัยพุทธกาล เวลาสิ้นกิเลสไป มารก็พยายามค้นหาๆ พระพุทธเจ้าบอกเลย มารเอย เธอไม่ต้องค้นหรอก หาไม่เจอ ไม่มีภวาสวะ ไม่มีสถานที่ ไม่มีที่กระทบ ไม่มีใดๆ ทั้งสิ้น แล้วจะหาอย่างไร มารจะหาอย่างไร หาไม่เจอ เห็นไหม อย่างนี้ถึงจะเป็นอิสระ ถ้าอิสระอย่างนี้เราทำได้อย่างไร
ทุกคนปรารถนา ยิ่งเด็กไม่ต้องการให้ใครบังคับเลยล่ะ มนุษย์ทุกคนอยากมีอิสรเสรีภาพ แต่ไม่รู้หรอกว่าการติดข้องจากกฎกติกาจากข้างนอกทางโลก การติดข้องในหัวใจ หัวใจเราเองมันติดมันข้อง มันมีเป้ามีหมายของมัน ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ประพฤติปฏิบัติ ให้ชำระล้าง เวลาถึงที่สุดแล้วมันอิสระได้ ความอิสระจริงอยู่ภายในใจของเรา เอวัง