เทศน์เช้า วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
อ้าว ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ วันนี้วันพระ ประเพณีของชาวพุทธ วันพระวันโกนเขาจะไปวัด ไปวัด ไปวัดเพื่อทำบุญกุศล ทำบุญกุศลเพื่อเหตุใด ทำบุญกุศลเพราะว่าการเกิดไง เราเกิดมาเป็นมนุษย์นี่บุญพาเกิด ถ้าบุญพาเกิดนะ ถ้าบาปอกุศลพาเกิด ดูสิ เวลาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เกิดในนรกอเวจี การเกิด การกำเนิด กำเนิด ๔ จิตมันต้องเกิดโดยธรรมชาติของมัน โอปปาติกะเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม
เกิดเป็นมนุษย์ เกิดในครรภ์ เกิดในไข่ เกิดในน้ำครำ เกิดในโอปปาติกะ การกำเนิด เกิดแล้วต้องมีอาหาร ต้องมีอาหาร ต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัยดำรงชีวิต เกิดมาเป็นสิ่งมีชีวิต แล้วสิ่งมีชีวิตจะดำรงชีวิตได้อย่างไร
ฉะนั้น วันนี้วันพระ เราทำบุญกุศลเพื่อตัวเราเอง เพื่อหัวใจนี้ หัวใจที่มันกำเนิด กำเนิดเป็นมนุษย์นี่เป็นอริยทรัพย์ เป็นอริยทรัพย์แล้วทำไมมันทุกข์มันยากขนาดนี้ การกำเนิดเป็นคน เกิดเป็นคนเกิดมาจากใคร? เกิดจากพ่อจากแม่ พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก พระในบ้านๆ ถ้าพระในบ้าน พ่อแม่ที่เป็นพ่อแม่ที่ดี เวลาลูกเกิดมา ลูกก็มีสูงมีต่ำ อภิชาตบุตร บุตรที่ดี พ่อแม่ที่ดีพาลูกพาเต้า พ่อแม่ที่ดี ขอให้ลูกมีความสุข ลูกจะทำสิ่งใดก็ได้ขอให้มีความสุขเถอะ ขอให้เป็นคนดีพอ เห็นไหม เราไม่บีบคั้น เราพยายามให้ลูกเรามีความสุขความเป็นมนุษย์ ถ้าความเป็นมนุษย์
พ่อแม่ในบ้าน ลูกที่ดีๆ พ่อแม่เป็นตัวอย่าง ครูคนแรกของโลกคือพ่อแม่ของเรา พ่อแม่ให้ทั้งชีวิตนี้มา ให้ชีวิตนี้มา แล้วเราเติบโตมา เราแสวงหาทรัพย์สมบัติของเรามากน้อยขนาดไหน ใครเป็นคนไปแสวงหา เพราะเราเป็นคนแสวงหา เพราะความรู้สึกนึกคิดของเรา จิตของเราแสวงหา สิ่งที่แสวงหาๆ มา ได้ร่างกายนี้มา ได้ชีวิตนี้มา เราถึงแสวงหาสิ่งนี้ได้ ทรัพย์สมบัติ หน้าที่การงาน ถ้าบอกเป็นของพ่อแม่ก็ได้ เพราะอะไร เพราะพ่อแม่ให้สิ่งเริ่มต้นมา ให้สิ่งมีชีวิตนี้มา ชีวิตนี้มา ชีวิตนี้มาแสวงหา พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก ให้ชีวิตนี้มา
ฉะนั้น เราคิดสิ่งใด เราทำสิ่งใด เราต้องคิดถึงพ่อถึงแม่ คิดถึงพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่ที่ดีก็ชักนำมา พ่อแม่ เห็นไหม ดูสิ เวลาเราเกิดมาในวัฏฏะ เราเกิดมาในประเทศอันสมควร เกิดมาเป็นชาวพุทธ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พ่อแม่ก็พาเข้าวัดเข้าวา พ่อแม่ก็รู้จักให้เสียสละ เวลาลูกเราไปโรงเรียน ลูกอย่าเอาเปรียบเพื่อนนะ มีสิ่งใดเราก็เจือจานกันนะ สิ่งใดถ้าเพื่อนเอาเปรียบ โดนรังแก เราก็ให้เมตตาเขา นี่เราสั่งเราสอนของเรา พระพุทธศาสนาไง
แล้วถ้าศาสนาอื่นเขาก็สอนเหมือนกัน เขาก็สอนเหมือนกัน เขาก็สอนให้จาคะ สอนให้เสียสละ สอนให้เป็นคุณงามความดีเหมือนกัน บอกพูดถึงธรรมะๆ ทุกศาสนาก็มีธรรมะเหมือนกัน แต่ธรรมะของใคร ธรรมะของใคร
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า ศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล
เวลามรรคผลของเขา มรรคผลของเขาในระดับของทาน ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี คนดีก็ดีแต่ในภพชาตินี้ไง ถ้าภพชาตินี้ สายบุญสายกรรม ผลของวัฏฏะ การเวียนว่ายตายเกิด ทำบุญกับใคร เรานับถือสิ่งใดมันก็เวียนไปตามนั้น นี่พระในบ้าน
ทีนี้พระในใจล่ะ พระในใจ วันนี้วันพระๆ ถ้าพระในใจของเรา ในใจของเราเกิดมา ดูสิ ฤดูกาลมันเปลี่ยนแปลงของมันไป ดูสิ เดี๋ยวก็ร้อน เดี๋ยวก็หนาว มันก็อากาศนี่แหละ ทำไมมันเปลี่ยนแปลงของมันตลอดเวลาล่ะ
เราเกิดเป็นคนๆ เป็นอริยทรัพย์แล้ว เราเกิดมาเป็นสิ่งมีชีวิต เราแสวงหา มันมีตัณหาความทะยานอยาก มันแสวงหามาเพื่อจะตอบกิเลสตัณหาความทะยานอยากไง แต่เราเกิดมาเป็นชาวพุทธพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนไง สอนไม่ให้เชื่อใครทั้งสิ้น
เทวดา อินทร์ พรหมเราก็เคยเป็น เราก็เป็นเทวดา อินทร์ พรหมมาแล้ว เราเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เราไม่เคยเป็นสิ่งใดหรือ แต่ในปัจจุบันนี้เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์เกิดมาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในบรรดาสัตว์ ๒ เท้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด ประเสริฐที่ไหนล่ะ
ประเสริฐเพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีสติมีปัญญา มีสามัญสำนึก เห็นไหม เวลาไปเที่ยวสวนเห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย เราก็ต้องเป็นอย่างนี้หรือ ถ้าเป็นอย่างนี้หรือ มันต้องมีฝั่งตรงข้าม ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย แต่เวลาเราไปงานศพ เขาเวียนรอบเมรุ ๓ รอบ กามภพ รูปภพ อรูปภพ เขาเอาน้ำมะพร้าวล้างหน้า บอกให้มึงมีสติปัญญา ให้มันตื่นตัวขึ้นมา ให้มันรู้จักชีวิตของมึงบ้าง
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเที่ยวสวน เห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตายโดยธรรมชาตินะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้คิดเลย นี่เราไปงานศพ งานศพเวลาเขา กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา ทำดีหรือทำชั่วมา เราทำอะไรของเรามา แล้วทำมานี่มันตายแล้ว ถ้าตายแล้วมันต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ผลบุญผลกรรมมันจะส่งมันไปแล้ว แล้วคนที่เป็นอยู่ๆ เอ็งได้คิดไหม เอ็งได้คิดไหม นี่ขนาดเตือนขนาดนั้นนะ
เวลาเราชาวพุทธไง เราชาวพุทธไม่ให้เชื่อสิ่งใดๆ เลย ไม่ให้เชื่อ เทวดา อินทร์ พรหมเราก็เป็นมาแล้ว ตกนรกอเวจีเราก็เป็นมาแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดเลยในพระไตรปิฎกว่าเราเคยเกิดในนรกอเวจี เวลาจะเป็นพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์นะ ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ได้พยากรณ์มันยังเปลี่ยนแปลงได้ การเปลี่ยนแปลงได้ การสร้างบุญญาธิการมาขนาดนั้น
การสร้างบุญญาธิการขนาดนั้นนะ ดูสิ เราอ่านพระไตรปิฎกกัน เราศึกษากันมา เราซาบซึ้งไหม เวลาเป็นหัวหน้าสัตว์ เสียสละชีวิตเพื่อหมู่คณะ เพื่อฝูงสัตว์ เป็นหัวหน้าสัตว์นะ เวลา ๑๐ ชาติ ทศชาติ ๑๐ ชาติสุดท้าย พระเวสสันดรต้องมาเสียสละขนาดนั้น ความเสียสละ เสียสละทำไม เสียสละทำไม เสียสละแล้วไม่เห็นได้อะไรเลย เสียสละแล้วมีแต่ความทุกข์ความยาก
การเสียสละนั้นเพราะจิตใจมันเข้มแข็ง จิตใจมันมีคุณธรรมมันถึงเสียสละได้ เสียสละให้พันธุกรรมของจิต จิตมันได้เปลี่ยนแปลง มันมีคุณค่า เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ มีหนึ่งเดียวเท่านั้นแหละ ไม่มีใครทำได้ขนาดนั้น ถ้าไม่มีใครทำได้ขนาดนั้น ไม่มีใครขวนขวาย ตรัสรู้เองโดยชอบ เป็นไปไม่ได้
พระปัจเจกพุทธเจ้าก็สร้างมามหาศาล พระปัจเจกพุทธเจ้าตรัสรู้เองโดยชอบ แต่ยังสอนใครไม่ได้ ยังเอาความรู้ความเห็นออกมาบัญญัติให้เป็นศาสนธรรมอย่างนี้ไม่ได้ แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำได้ ทำได้เพราะ นี่ไง ทำทำไมๆ? ก็ทำเพื่ออันนั้นไง ทำเพื่อหัวใจอันนั้น หัวใจที่มันเข้มแข็ง หัวใจที่มันมีคุณธรรม พระในใจๆ พระในใจ ถ้ามีพระในใจอย่างนี้มันมีความกตัญญูกตเวทีกับพ่อแม่อยู่แล้วแหละ
พ่อแม่ คนที่มีสำนึกดี ความคิดดี ทำไมมันคิดเรื่องดีๆ ล่ะ คนที่คิดดี คิดเรื่องดีๆ แต่คนที่คิดร้าย คิดทุกข์ยาก เกิดมาทุกข์ยาก สังคมรังแกเรา เราต้องประชดสังคม เราทำไปเพื่อต่อต้าน เสร็จแล้วใครได้ผลนั่นน่ะ
นั่นน่ะ มันไปเอาฟืนเอาไฟมาเผาตัวเองไง แล้วเผาแล้วกระทำ กรรม ที่ว่า กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา มันก็เรื่องทำดีทำชั่วมา แล้วถ้ามันทำแล้วใครได้ล่ะ เวลาไปทำแล้วใครมันได้
ก็เราประชดไง เรามีความเห็นผิดแล้วเราทำมา นี่กรรม กรรมคือการกระทำ แล้วเราไปน้อยใจนะ อู๋ย! เราทุกข์จนเข็ญใจ เรามีความน้อยใจ...ก็ทำมา แต่ไม่ได้ทำตอนนี้ เคยทำสิ่งนั้นมา เราไม่ทำสิ่งใดมาจะไม่ได้สิ่งนั้นตอบสนอง
พระพุทธศาสนาเขาว่าอ้อนวอนขอเอา ไอ้นั่นวุฒิภาวะเขาต่ำต้อย เขาคิดได้อย่างนั้น
แต่ถ้าเราเป็นชาวพุทธ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งเหตุและผล ใครทำอย่างไรได้อย่างนั้น แล้วได้อย่างนั้นได้ตอนนี้เลยหรือ แล้วทำอย่างไรได้อย่างนั้น เราก็บอกว่าตอนนี้คนเกิดมานะ เขาทำดีหมดเลย เราก็ทำคุณงามความดี ทุกคนจะบ่นว่าทำดีมหาศาลเลย ทำไมมันทุกข์ยากขนาดนี้ ทำไมมันทุกข์ยากขนาดนี้
เวลากรรมเก่ากรรมใหม่ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พราหมณ์นิมนต์ไว้ให้ไปเผยแผ่ธรรม พราหมณ์นิมนต์ไว้ เขาลืมใส่บาตร เขาลืมใส่บาตรนะ จนพระโมคคัลลานะทนไม่ไหวนะ เพราะมันเกิดภัยพิบัติไง แล้วประชาชนก็มีความทุกข์ความยาก ไปบิณฑบาตมาไม่ได้สิ่งใดมาเลย พอดีมีพ่อค้าโคต่างเขาค้าโคสมัยโบราณ เขารอนแรมไป แล้วเขาก็ไปมีที่พักไว้ เวลาเขามีอาหารของโคของเขาด้วย เขาค้าโคต่าง ค้าม้า เขาใช้ข้าวกล้อง ฉะนั้น เขาให้อาหารสัตว์เขาตัวละเท่าไหร เวลาพระบิณฑบาตเขาก็ให้เท่านั้น ให้เท่านั้น นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ
เราศึกษาว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐมาก เวลากษัตริย์เขารบกันนะ เขาฆ่ากัน เขาฆ่าทำร้ายกัน ยึดเมืองกัน เวลาเขาชนะศึกกลับมาเขาขออะไรรู้ไหม เขาขอได้อังคาสองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยมือ เขาอยากได้บุญกุศลจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เวลาปกติสุข ทุกคนแสวงหาเพราะอะไร เพราะพระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าปเสนทิโกศล พระเจ้าอะไร พระเจ้าทุกพระเจ้าเป็นลูกศิษย์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหมดเลย กษัตริย์ทั้งนั้นในแว่นแคว้นเป็นลูกศิษย์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คิดดูสิว่าลูกศิษย์เป็นกษัตริย์ทั้งนั้น ทำไมคนจะไม่เชิดชูบูชาขนาดนั้น แต่เวลากรรมมันให้ผล เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะนิพพาน เวลาบอกพระอานนท์ อานนท์ เรากระหายน้ำเหลือเกิน เรากระหายน้ำเหลือเกิน หิวกระหาย พระอานนท์ก็อยากจะให้ไปข้างหน้า เพราะข้างหน้ามันยังมีลำธารอีก ลำธารนี้ใส อานนท์ เราหิวเหลือเกิน เรากระหายน้ำเหลือเกิน
นี่เขาว่าอย่างนั้น ไอ้นั่นมันเป็นเวรเป็นกรรม เวลาพระอานนท์ไปตัก ใสหมดเลยเฉพาะตรงนั้น นี่อำนาจวาสนาของพระพุทธเจ้า อำนาจวาสนาบารมีที่ได้สร้างมา เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดื่มน้ำนั้น พระอานนท์บอก มันเป็นเหตุมหัศจรรย์มาก หวั่นไหวไง มหัศจรรย์คือว่ามันเห็นแล้วมันแปลกประหลาด
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านิ่งเลย มันเป็นเช่นนั้นเอง อานนท์ มันเป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นเช่นนั้นเองเพราะบุญบารมี นี่พูดถึงว่าทำมาๆ เวลาทำมา สิ่งที่ทำของเรามา ถ้าเราเสียสละของเรามา พูดถึงว่าใครทำสิ่งใดได้อย่างนั้น แล้วถ้า กุสลา ธมฺมา ทำคุณงามความดีสิ่งใดมามันก็เป็นกุศลของเรา
อกุสลา ธมฺมา เราประชด เราประชด ดูสิ เราบอกว่าฤดูกาลมันเปลี่ยนแปลงๆ ความคิดคนมันก็เปลี่ยนแปลงไง เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ความคิดมันมีเหมือนกันทุกๆ คนแหละ แล้วพันธุกรรมของจิตๆ มันมีจุดยืนไหม ถ้ามีจุดยืนมันจะไม่หวั่นไหวไง
ในปัจจุบันนี้สังคมที่เขาโดนหลอกโดนอะไร แชร์ลูกโซ่ พยายามหลอกลวงกัน แล้วคนหลอกลวงไม่ใช่ใครนะ เพื่อนเรียนมาด้วยกันทั้งนั้นแหละ ไว้ใจทั้งนั้นแหละ ไว้ใจเขาๆ เพราะอะไรล่ะ เพราะไม่มีจุดยืนไง ถ้ามันมีจุดยืนมันต้องมีเหตุมีผลสิ เรามีเหตุมีผลมันจะเป็นอย่างนั้นได้จริงหรือเปล่าล่ะ มันเป็นอย่างนั้นไม่จริงทำไมไม่คิดล่ะ
คำว่า มีเหตุมีผล นี่ไง บารมี การทำบุญกุศลเพื่อพันธุกรรมของจิต จิตที่มันเข้มแข็งขึ้นมา แต่เข้มแข็งมันก็ไปเชื่อเขา สิ่งที่ไปเชื่อเขา
แต่ถ้าเราจะค้นคว้าตัวเราเองแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ให้เชื่อใครทั้งสิ้น เวลามีศรัทธาความเชื่อ พระพุทธศาสนาเวลาเทศนาว่าการเผยแผ่ศาสนาก็ให้เขามั่นคงของเขา ให้เขาทำเพื่อประโยชน์ของเขาถ้าเขาทำของเขาได้ แต่เวลาจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่ให้เชื่อแล้ว เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปฏิบัติมาก็เป็นทรัพย์สมบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะประพฤติปฏิบัติมาด้วยการชักนำ ด้วยความแก้ไขมาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตรก็สำเร็จเป็นขององค์พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะนั้น
เวลาเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมามันต้องเป็นสมบัติของเราไง มันต้องเป็นความจริงขึ้นมาในหัวใจนี้ หัวใจนี้ที่มันหวั่นไหวอยู่นี่ ที่มันทุกข์มันยากอยู่นี่ ที่มันทุกข์มันยากอยู่นี่เพราะเราทุกข์เรายาก เราถึงพยายามแก้ไข
พระในบ้านๆ เราก็มีความกตัญญูกตเวที ถ้าเราไม่มีความกตัญญูกตเวที เราจะระลึกถึงตัวเราไหม ถ้าเราไม่ระลึกถึงตัวเรา เราน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมา เราปฏิเสธทั้งนั้นแหละ แล้วมันก็เหยียบย่ำหัวใจของตัว ถ้ามันไม่เหยียบย่ำหัวใจ พ่อแม่ของเรา พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก เพราะพ่อแม่ที่ดี พ่อแม่ก็พาลูกเข้าวัดใช่ไหม พ่อแม่ที่ดี เห็นไหม ดูสิ พระเจ้าอโศกสร้างวัด ๘๐,๐๐๐ วัด ไปถามอาจารย์ของตัวว่าเป็นญาติกับศาสนาหรือยัง
อาจารย์ของตัวพระโมคคลีบุตรติสสเถระบอกว่า ยังๆ
ถ้าจะเป็นญาติกับศาสนาต้องทำอย่างไร
ต้องเอาลูกมาบวช
ไปขอร้องนะ ไปขอร้องพระมหินท์ ไปขอร้องลูกสาว ลูกชายมาบวช พอลูกสาว ลูกชายมาบวช ลูกสาว ลูกชายมาบวชแล้ว ด้วยอำนาจวาสนาบารมีเป็นพระอรหันต์ทั้งคู่เลย แล้วเวลาเข้านิโรธสมาบัติ เวลาเข้าไปพักในหัวใจ เข้าไปสู่สัจธรรมในใจ มันสุขหนอๆ ความสุขนี้มันได้มาจากไหนล่ะ ความสุขนี้มันได้มาจากไหน มันได้มาจากพ่อแม่ขอร้องให้บวช ตัวเองไม่ได้คิดว่าจะบวชนะ แต่พ่อแม่มาขอร้อง พ่อแม่ขอร้อง พอมาปฏิบัติแล้วมันได้จริง เห็นคุณของพ่อ เห็นคุณของพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่ที่ดี พ่อแม่ที่ดี พ่อแม่ที่ชักนำขึ้นมา ทำแต่สิ่งที่ดีมันก็ดีต่อเนื่องกันไป
ในพระพุทธศาสนามีเยอะมากเลยในพระไตรปิฎก พระรัฐปาลอยากบวชมาก มีลูกอยู่คนเดียว พ่อแม่อย่างไรก็ไม่ได้ ไปบวชกลับมาแล้วนะ เวลาบวชกลับมาแล้ว เวลาจะบวชไม่ให้บวชๆ ก็อดอาหาร อดอาหารก็ไปชวนเพื่อนมาอะไรมา เพราะพ่อแม่ก็รักลูกมาก สุดท้ายแล้วเพื่อนก็บอกพ่อแม่บอกว่าอยากเห็นหน้าลูกไหม ถ้าอยากเห็นหน้าลูกก็ต้องให้บวชไป ถ้าไม่อยากเห็นหน้าลูกมันอดข้าวจนตาย เพราะเพื่อนกับเพื่อนมันรู้นิสัยกัน ก็อนุญาตให้ลูกบวชไป
พอบวชไป บวชไปแล้วกลับมาที่บ้านนะ กลับมาเยี่ยมบ้าน พ่อแม่เอาเงินเอาทอง ทรัพย์สมบัติมากองไว้เลย กองไว้เต็มเลย ถามลูกว่าทรัพย์สมบัติทำอย่างไร พ่อแม่ก็แก่เฒ่าไม่มีใครดูแล
ลูกชายตอบว่าให้เอาทรัพย์สมบัตินั้นใส่ล้อเกวียน แล้วไปที่แม่น้ำแล้วดัมป์มันทิ้งไป ไม่ให้พ่อแม่ไปห่วงทรัพย์สมบัตินั้น เพราะอะไร เพราะเขาได้อริยทรัพย์จากภายใน เห็นไหม มันมีไปหมดแหละ เราจะบอกว่าสายบุญสายกรรมมันจะไม่ได้ความปรารถนาเราหรอก พ่อแม่ที่ดี พ่อแม่ที่เป็นธรรม พ่อแม่ที่ทำใจได้ท่านก็เชิดชูบูชา ถ้าพ่อแม่ พระอรหันต์ของลูก แต่ก็อยากได้ลูกไว้เป็นที่พึ่งอาศัย เราก็ดูแล
พระกัสสปะกับภรรยา พระกัสสปะอยากบวชมาก แล้วบังเอิญทั้ง ๒ ตระกูล ลูกสาวก็อยากบวช สะใภ้ก็อยากบวช ลูกก็อยากบวช พออยากบวช พ่อแม่ก็อยากให้ลูกเป็นฝั่งเป็นฝา ก็ตกลงว่าแต่งงานกัน ๒ คน พระกัสสปะกับภรรยาอธิษฐานกันว่าเราจะอยู่พรหมจรรย์ คือแต่งงานแต่ในนาม แล้วก็เลี้ยงดู ออดอ้อน เลี้ยงดูจนพ่อแม่ทั้ง ๒ ฝ่ายเสียหมด สมบัติทั้งหมดแจกๆๆ แจกเสร็จแล้วต่างคนออกบวช พระกัสสปะบวชแล้วก็บวชเป็นภิกษุ ภรรยาก็บวชเป็นนางภิกษุณี สำเร็จเป็นพระอรหันต์ทั้งคู่นะ ถ้ามันเป็นสายบุญสายกรรม คนที่มีบุญมีกรรมมา นี่พูดถึงสายบุญสายกรรมนะ
เราจะบอกว่าเวลาทางโลกเขาบอกว่าเวลาไปวัดไปวาเราเป็นคนดีแล้ว พระในบ้านทำไมไม่ดูแล
พระในบ้านเราก็ดูแลนะ พระในบ้านเราก็ดูแล แล้วเรามีสติปัญญา พระในใจสูงส่งกว่า เพราะพระในใจ มันเป็นพระในใจได้ มันชำระล้าง มันสำรอกมันคายอวิชชาความไม่รู้ พ่อแม่ของเรา พ่อแม่ที่ดีก็เป็นพ่อแม่ที่ดี เป็นพระอรหันต์ของลูกจริงๆ ท่านให้ชีวิตนี้มา แต่พ่อแม่ที่ดี ถ้าพ่อแม่ที่ยังเป็นทางโลกอยู่ เราก็ดูแล ก็เป็นพระอรหันต์จริงๆ นั่นแหละ พระอรหันต์เฉพาะของเรา
แต่ถ้าเราดูแลใจของเรา มันมีเหตุผลนะ มันมีมรรคไง มันมีสัจจะ มันมีความจริง มันมีปัญญา มันได้แยกได้แยะ เพราะมีปัญญาอย่างนั้นเราถึงได้ดูแลพ่อแม่เราได้ เพราะมีปัญญาอย่างนั้น เหมือนกับเราบริหารความคิดพ่อแม่เราเลยล่ะ ถ้าเรามีสติปัญญา เราทำ เพราะเรามีสติมีปัญญา อภิชาตบุตร บุตรที่สูงกว่าพ่อกว่าแม่ เราทำของเรา ดูแลของเรา เพื่อประโยชน์กับเรา
วันพระ ให้มันได้ทั้งหมด ได้ทั้งพระข้างนอก พระข้างใน ถ้าใครมีสติปัญญานะ ใครมีสติปัญญาพยายามดูแลของเรา ทำของเรา มันเป็นความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี แค่เครื่องหมายของคนดีเท่านั้นเอง เวลาเราประพฤติปฏิบัติขึ้นไปแล้วความดีก็ต้องทิ้ง เราเป็นคนดีมาแล้ว แล้วมาปฏิบัติแล้วจะให้คนยกย่องเชิดหน้าชูตา ไอ้นั่นมันธรรมะเก่าแก่ โลกธรรม ๘ สรรเสริญนินทา
แต่ถ้าเราจะข้าม เราข้ามทั้งสรรเสริญทั้งนินทา ใครจะว่าดีว่าชั่วนั่นปากของเขา ความจริงเป็นสมาธิ เป็นสมาธิในใจของเรา ถ้าเกิดปัญญา เกิดปัญญาของเรา แล้วเกิดภาวนามยปัญญา เกิดความมหัศจรรย์ขึ้นมามันจะเห็นเลยล่ะ นี่มรรค เห็นมรรคแท้ๆ แล้วมรรคนี้มรรคของเราด้วย มรรคญาณ เวลามันชำระล้าง มันสำรอกมันคาย เราจะหาพระในใจๆ เราทำเพื่อประโยชน์กับเรา เอวัง