ถาม-ตอบปัญหาธรรมะ

กุศลธรรม

๑๔ ก.พ. ๒๕๕๘

กุศลธรรม

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) .หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

 

ถาม : เรื่องอะไรคือเครื่องคุ้มครอง

หนูขอกราบเรียนหลวงพ่อ ตัวหนูนับถือสายพระป่าเป็นหลัก แต่ครอบครัวหนูชอบเล่นหวย ชอบเครื่องรางของขลัง เข้าทรงต่างๆ เพื่อให้กิจการร่ำรวย ซึ่งหนูไม่ชอบเลย แต่ต้องโดนแม่ลากไปเสมอๆ เลี่ยงไม่ได้

มีครั้งหนึ่ง แม่พาไปกราบพระ พอสนทนากับท่าน หนูรู้สึกว่าพระองค์นี้ต้องมีพวกเมตตามหานิยมแน่ๆ รู้สึกมีอะไรเคลือบที่หน้าตัวเอง ทำให้หนูรู้สึกเคลิ้มๆ ตัวอ่อน นึกถึงแต่หน้าท่าน หนูเลยรีบเผ่น กว่าอาการนี้จะหายไป หลายวัน

มีอีกครั้ง แม่พาไปเข้าร่วมพิธีหลวงพ่อองค์หนึ่งแบบเปิดบุญ มีข่าวโด่งดังมาก หนูก็ไม่ศรัทธา ไม่ค่อยเชื่อ ก็ปรากฏว่าอยู่ดีๆ รู้สึกว่ามีแมงป่องเกาะขา ตกใจมาก รู้ตัวว่าคงโดนดีแน่ๆ

หนูเรียนถามหลวงพ่อดังนี้

. ทำไมหนูนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว หนูยังโดนของไม่ค่อยดีล่ะคะ หรือว่าหนูทำบุญยังไม่พอ

. ถ้าทำอย่างไรถึงจะมีเกราะป้องกันสิ่งไม่ดีทั้งหลายที่เข้ามาหาเรา เพราะต้องโดนครอบครัวลากไปตลอด

. บางครั้งหนูเจอพระที่มีเจโตปริยญาณอ่านใจหนูได้ แต่หนูรู้สึกว่าท่านเน้นหาเงิน ดูหมอ หนูไม่ศรัทธา ทำอย่างไรท่านถึงไม่สามารถอ่านใจหนูได้คะ

ตอบ : นี่เขาเชื่อนะ นี่ข้อที่ ๓. ปัญหาสังคม ปัญหาชาวพุทธ

เอาอารัมภบทก่อนนะหนูนับถือสายพระป่า แต่ครอบครัวของหนูมีความเห็นต่าง

นี่มันก็เป็นปัญหานะ ปัญหาว่าความเห็น ทีนี้เขาบอกว่าถ้าเป็นศรัทธา เราศรัทธาด้วยกันไง เพราะเราเป็นชาวพุทธ เราศรัทธาสายพระป่า เพราะสายพระป่านะ ในสายพระป่า ว่าพระป่าเป็นพระปฏิบัติ แต่เวลาเมื่อก่อนมีคนไปหาหลวงตา บอกว่าเขาอ่านประวัติหลวงปู่มั่นแล้วเขาศรัทธามาก เขาบอกว่าเขานับถือพระสายหลวงปู่มั่นมาก

ท่านพูดเองนะ บอกในสายหลวงปู่มั่นก็มีทั้งดีและไม่ดี

นี่ก็เหมือนกัน หนูนับถือสายพระป่าค่ะ หนูชอบพระป่า แต่ครอบครัวหนูท่านไม่ชอบ ท่านชอบเล่นหวย ท่านชอบเครื่องรางของขลัง ท่านชอบไปเข้าทรง

นี่เราก็ว่าเราดีกว่าเขา แต่เราถือว่าสายพระป่ามันพระป่าอย่างไรล่ะ

พระป่านะ ดูสิ เวลาครูบาอาจารย์ของเรา ดูหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านไม่เคยออกมาจากเมืองเลย เวลาหลวงปู่มั่นท่านอยู่ในป่าอยู่แล้วนะ เวลาท่านเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านเข้าป่าลึกไปกว่านั้นอีก

หลวงตาท่านบอกว่า เวลาท่านอยู่วัดนะ ท่านอยู่โดยปกติ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านเข้าป่าลึกไปกว่านั้น

อยู่ปกติคือว่าบิณฑบาตแล้วฉันอาหารโดยปกติ เวลาท่านเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านเข้าป่าไปนะ ท่านฉันข้าวต้มกับเกลือ

พวกเราเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยนี่ต้องบำรุง แต่หลวงปู่มั่นเวลาท่านเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านยิ่งเข้าป่าลึกเข้าไปอีก ท่านยิ่งฉันข้าวต้มกับเกลือเท่านั้นน่ะ แล้วท่านใช้ธรรมโอสถรักษาท่าน นี่พระป่า

ไอ้ของเรานะ หลวงตาบอกว่า ไอแค็ก ก็จะไปโรงพยาบาล เดินพอมันปวดเมื่อย ก็จะไปโรงพยาบาล มันจะเข้าเมืองอยู่ตลอดเวลา

ถ้าหนูชอบสายพระป่า พระป่ามันก็ต้องมีกฎมีกติกานะ มีธรรมเนียมของเขา ถ้ามีธรรมเนียมของเขานะ เขาหาที่สงัดที่วิเวก แล้วอย่างที่ว่าเขาต้องการความสงบสงัด เขาต้องการกาลเวลาปฏิบัติ

เวลาหลวงตาท่านธุดงค์ไป ท่านบอกว่าหาบ้านน้อยๆ ๒ หลัง ๓ หลัง พอให้ได้รับบิณฑบาต ให้มีอาหารตกถึงบาตรก็พอ แต่ถ้าบ้านใหญ่ บ้านใหญ่มันก็สังคมใช่ไหม เขาก็ต้องมาสนทนาธรรม เขาก็ต้องอยากจะฟังเทศน์อย่างนี้ มันเสียเวลาปฏิบัติ นี่ถ้าสายพระป่าจริง เขามีวัฒนธรรม เขาต้องการความสงบ เขาต้องการความสงัด เขาต้องการความปลีกความวิเวก

สังคมก็ว่าเห็นแก่ตัว เป็นพระก็ต้องช่วยสังคมสิ ต้องคลุกคลีกัน

คลุกคลีกัน เวลาพระไม่ดีก็บอกว่าพระไม่ดี

อ้าว! ถ้าพระดีมันมาจากไหนล่ะ

นี่พูดถึงว่าสายพระป่านะ สายพระป่า เราก็ต้องหมั่นสังเกตเหมือนกัน เราต้องวินิจฉัยว่ามันจริงหรือไม่จริง มันเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ เพราะหลวงตาท่านพูดเอง ในลูกศิษย์หลวงปู่มั่นมีทั้งดีและไม่ดี มีทั้งถูกและไม่ถูก ไอ้นี่เป็นเรื่องธรรมดา ในสังคมทุกสังคมเป็นอย่างนั้น

ถ้าเขาบอกว่า เรานับถือสายพระป่าแล้วก็มีอีโก้เลยว่าสายพระป่ามันต้องดีกว่าเขา มันต้องดีกว่าเขา

มันดีตรงไหนล่ะ มันมีอะไรดี

อ้าว! ถ้ามันมีดีมันก็ต้องมีดีจากภายใน มีดีจากหัวใจ มีดีจากข้อวัตรปฏิบัติ อันนั้นถึงจะเป็นดีจริง

. ครอบครัวของหนูชอบเล่นหวย ชอบเครื่องรางของขลัง ชอบไปหาเข้าทรงเพื่อให้กิจการร่ำรวย

คำว่ากิจการร่ำรวยใครก็อยากร่ำรวย ใครก็อยากจะอุดมสมบูรณ์ ใครก็อยากจะมีความสุขทั้งนั้นน่ะ โดยธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตต้องการความดีทั้งนั้นน่ะ ทีนี้ความดี ความดีมันดีเพื่ออะไรล่ะ

แต่ถ้าเป็นครูบาอาจารย์ของเรา ไม่ให้เชื่อมงคลตื่นข่าว ถ้าเราอยากร่ำรวย เราก็ต้องทำอาชีพของเรา เราก็มีหน้าที่การงานของเรา เราอยากเป็นคนดี เราก็ต้องขยันหมั่นเพียร เราอยากมีอะไร

หลวงปู่ฝั้นท่านก็สอน ให้มีผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ให้มีสติมีปัญญา ใครจะมาหลอกเราได้ หลวงปู่ฝั้นท่านพูดประจำ ครูบาอาจารย์เราถ้าเป็นสายพระป่านะ ท่านให้ขยัน ท่านให้หมั่นเพียร เพราะอะไร เพราะคนเราจะล่วงพ้นทุกข์ด้วยความเพียร

พระยังต้องขยันหมั่นเพียรเลย พระยังต้องเข้าทางจงกรมเลย พระต้องนั่งสมาธิภาวนา พระต้องหมั่นใช้ปัญญา ถ้ามันไม่หมั่นใช้ปัญญา ปัญญาไม่ฝึกขึ้นมา สมาธิแก้กิเลสไม่ได้ แต่สมาธิเป็นที่สงบระงับขึ้นมาแล้วมันเกิดปัญญาขึ้นมา พอเกิดปัญญาขึ้นมา เรามีปัญญา เราทำอะไรก็สำเร็จถ้ามีปัญญานะ เว้นไว้แต่มันมีกรรม กรรมที่หนักหน่วง กรรมที่มันทำให้ผิดพลาด อันนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง

ฉะนั้นว่า ถ้าอยากจะร่ำรวย คำว่าอยากจะร่ำรวยร่ำรวยมันก็ต้องขยันหมั่นเพียร ร่ำรวยมันก็ต้องมีสติปัญญา คำว่าสติปัญญาเจรจาค้าขายธุรกิจต่างๆ เราก็ต้องมีปัญญาว่ามันเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ ทำหน้าที่การงาน เราก็มีความขยันหมั่นเพียร เราก็มีสติปัญญาของเรา เจอหมู่คณะที่ดี เจอพรรคพวกที่ดี เขาก็ชักจูงกันไปที่ดี เจอพรรคพวกที่เขาเห็นแก่ตัว เราก็ทำความดีของเรา เพราะเราเลือกไม่ได้ เราเกิดมาเจอสภาพแบบนี้ไง

นี่พูดถึงว่าถ้าเราอยากจะร่ำอยากจะรวย คำว่าอยากจะร่ำจะรวยไม่ใช่ว่าไปอยู่พระป่ามีแต่จนๆ ทั้งนั้นน่ะ ไปอยู่พระป่าแล้วจะทำมาหากินไม่เจริญ...ไม่ใช่

จะอยู่ที่ไหนมันก็เจริญถ้าเรามีสติปัญญา เพราะธรรมะนี้เป็นของกลาง ธรรมะนี้เป็นของกลาง เห็นไหม อากาศเป็นของกลาง ใครมีจมูกก็หายใจเข้าไป มันเป็นของกลาง แต่ใครมีสติมีปัญญา เราจะหายใจอากาศที่บริสุทธิ์ ถ้าอากาศที่ไหนไม่ดี เราก็หลบหลีก หลีกเร้นซะ เราก็ไม่ไปที่นั่น นี่ก็เหมือนกัน เราขยันหมั่นเพียรของเรา เราทำของเราขึ้นมา

ไอ้ความร่ำรวยเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าไปว่า เขาชอบเล่นหวย เล่นหวยก็เล่นการพนันแล้ว การพนันก็ผิดศีลน่ะ ถ้ามันผิดศีล

เครื่องรางของขลัง เราต้องเอาชีวิตไปฝากไว้ที่นั่นใช่ไหม ชีวิตของเราก็เป็นชีวิตของเราไง สิ่งต่างๆ ถ้าเขาชอบ ถ้าเขาชอบก็เรื่องของเขา ถ้าเขาชอบ เพราะจริตนิสัยของคน เราจะไปเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดของคนไม่ได้ แต่เราก็ต้องมีจุดยืนของเรา

เขาบอกว่า คำถามว่าจะมีอะไรคุ้มครอง

ก็มีคุณธรรม กุศล ความถูกต้องดีงามเป็นการคุ้มครอง ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ถือศีล ศีลธรรมจะคุ้มครองเรา คุ้มครองเพราะเราทำด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ไง มันทำด้วยความถูกต้องไง นี่กุศลธรรม

อกุศลธรรม อกุศล อกุศลคือทำความผิด ทำความเศร้าหมอง ทำให้มันผิดพลาดไป ทำเหมือนกัน แต่ทำแล้วมันเป็นอกุศล อกุศลมันก็ทำให้เราล้มลุกคลุกคลานไง

แต่ถ้าเป็นกุศลๆ เห็นไหม ทีนี้เขาบอกว่าโดนแม่ลากเสมอๆ เลี่ยงไม่ได้

โดนแม่ลากไป ธรรมดาแม่ แม่ยังกลัวเลย แม่ยังต้องลากลูกไปเป็นเพื่อน ถ้าความดีก็ไปโกยเอาคนเดียวเลย ทำไมต้องเอาลูกไปด้วย อ้าว! ก็มีเมตตาก็อยากให้ลูกได้ด้วย

แม่ลากไป เราต้องมีสติ เราต้องมีสตินะ เพราะธรรมดานะ ลูกจะพูดให้แม่เข้าใจได้ยาก เพราะแม่ถือสิทธิ์ ถ้าแม่ถือสิทธิ์ เวลาไปแล้วเราก็ต้องตั้งสติ กุศลธรรม กุศลไง เราไม่เชื่ออยู่แล้ว นี่ไม่เชื่อ

มีครั้งหนึ่งพาไปหาพระ พระองค์นี้เราว่ามีพวกเมตตามหานิยม เพราะรู้สึกว่ามันมีอะไรเคลือบที่หน้าตัวเอง เคลิ้มๆ เลย นึกถึงหน้าท่าน

กรณีนี้ถ้าพูดถึงโดยพระป่า โดยสัจจะ เห็นไหม โดยสัจจะนะ เขาไม่ถือมงคลตื่นข่าว ให้ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

พระพุทธคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

พระธรรม พระธรรมคือสัจธรรม อริยสัจ สัจจะ สติปัฏฐาน ๔ อริยสัจ ๔ มรรค ๘ สัจธรรม ให้เชื่อที่นี่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

พระสงฆ์คือพระอริยสงฆ์ พระอริยสงฆ์คือหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเรานะ ท่านพา พาให้ขยันหมั่นเพียร

แม้แต่พระนะ หลวงปู่เสาร์ท่านพาพระสร้างเสนาสนะ ท่านพาพระทำแต่สิ่งที่ดีๆ ให้มีบุญกุศลติดตัวไป

เวลาหลวงปู่มั่นบอกกับหลวงตาว่ามหา มหามีพรรษาเยอะแล้ว ไม่ต้องขึ้นมาหรอก ให้พระใหม่ๆ พระฝึกหัดมันขึ้นมา มันจะได้มีข้อวัตรปฏิบัติติดหัวมันไป ติดหัวใจมันไป

ถ้ามันมีข้อวัตรปฏิบัติใช่ไหม มันรู้สูงรู้ต่ำใช่ไหม อาวุโส ภันเตใช่ไหม ครูบาอาจารย์อุปัฏฐากท่าน ได้ฝึกหัดนิสัย มันจะได้มีข้อวัตรปฏิบัติติดหัวมันไป นี่เวลาครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ที่เป็นอริยสงฆ์

เราถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าเราถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สิ่งนี้ถ้าเราเป็นชาวพุทธไง ถ้าเป็นชาวพุทธ เราถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระป่าเขาถือกันอย่างนี้ พระที่ประพฤติปฏิบัติเขาจะซื่อสัตย์ เขาจะสะอาดบริสุทธิ์ซื่อสัตย์กับธรรมะ

ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม สิ่งที่เราทำมันจะสมควรแก่เราเพราะมันเป็นความจริง เราซื่อสัตย์ ซื่อสัตย์กับความจริงนั้น แล้วมีความเพียร มีขันติธรรม มีความอดทนประพฤติปฏิบัติให้เป็นความจริงนั้น

ฉะนั้น พอบอกว่า ไปหาพระองค์หนึ่ง ท่านมีเมตตามหานิยม

ถ้าพระป่า พระป่าโดยศรัทธาโดยความเชื่อไม่เชื่อเรื่องนี้ ให้เชื่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่เรื่องนี้มีอยู่ไหม มี ไสยศาสตร์มี ไสยศาสตร์ พระที่ทำอย่างนี้มี ที่ว่านี่ เวลาไปไหนนะ ยิ่งให้เป่าหัวด้วย พรมน้ำมนต์ เคลิบเคลิ้มเลยล่ะ มันเป็นไป สิ่งนี้มี แต่มีนี่มันเป็นไสยศาสตร์ มันเป็นเรื่องไสยศาสตร์ เป็นเรื่องติรัจฉานวิชา วิชาทำให้เนิ่นช้าที่เราจะเข้าสู่สัจธรรม แล้วมันมีอยู่ไหม

เพราะมันมีอยู่ไง แล้วมันมีอยู่ เขาถือ ดูเขาถือเคร่งของเขา เขาทำของเขา พวกอภิญญาเขาทำ แล้วเราไปหาอย่างนั้นเพราะว่าเริ่มต้นไง ก็พ่อแม่อยากร่ำอยากรวย ชอบเล่นหวย ชอบหาหวย...ก็เราไปหาเขา

ถ้ามันเป็นกุศล กุศล ดูสิ เวลาครูบาอาจารย์ท่านบอกเลย เช้าขึ้นมาขอให้ได้ทำทานตักบาตรพระสักวันละองค์สององค์ก็ยังดี ถึงเวลาเราสวดมนต์ของเรา เราเข้าห้องพระของเรา เรากำหนดพุทโธ เราภาวนาของเรา เราจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานในหัวใจของเรา เราจะหาความจริงของเรา เราไม่ต้องไปหาใคร

ไอ้นี่อกุศล เราไปหาเขาเอง พอไปหาเขาเอง มันเคลิบเคลิ้ม

อ้าว! ก็แม่ลากหนูไป หนูไม่ได้ไป ก็แม่ลากไป

แม่ลากไป เราก็ต้องมีสติปัญญา นี่พูดถึงข้อเท็จจริง

ฉะนั้น เวลาเขาพูดมาเขาก็ว่าอย่างนั้น

มีครั้งหนึ่งพ่อแม่พาไปที่เขาทำบุญที่มีชื่อเสียงมาก

อันนี้ก็เรื่องของเขานะ นี่เป็นเรื่องกระแสโลก เป็นเรื่องกระแสโลก แต่เขาบอกว่าพอไปแล้วทำไมอยู่ดีๆ มีแมงป่องมาเกาะขาเขา มีแมงป่องมาเกาะขา เขาตกใจมาก

ไอ้เรื่องนี้เพราะใจเรามันตกอยู่แล้ว พอมีอะไรขึ้นมามันก็คิดไปเองไง สัตว์มันก็มีของมันอยู่แล้ว สัตว์ก็มีอยู่แล้ว แมงป่องมาเกาะขาก็คือแมงป่อง แล้วเวลาเราหายใจ จุลินทรีย์เข้าไปในจมูก มันเข้ามาได้อย่างไรล่ะ สิ่งต่างๆ มันเข้ามา ไอ้อย่างนี้มันก็เรื่องหนึ่ง ฉะนั้น กรณีนี้มันเป็นกรณีหนึ่ง ยกไว้

นี่เข้าคำถามแล้ว. ทำไมหนูนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้วหนูยังโดนของที่ไม่ค่อยดีคะ หรือว่าหนูยังทำบุญไม่พอ

ทำบุญนะ ถ้าไปเจอแบบหลวงพ่อที่ทำบุญที่มีชื่อเสียงดังๆ เวลาบอกว่าใช่ โยมยังทำบุญไม่พอ แล้วทำอย่างไรถึงให้พอล่ะ ทำบุญอย่างไรให้พอ

หนูนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เวลานับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นะ เราก็ตั้งพุทธมามกะ เขาต้องให้เราระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เวลาจะขอศีล เขาถือไตรสรณคมน์แล้วขอศีล เราถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

แล้วถ้าทำบุญไม่พอ แล้วขนาดไหนถึงจะพอล่ะ

ทำบุญร้อยหนพันหนไม่เท่ากับถือศีลบริสุทธิ์หนหนึ่ง ถือศีลบริสุทธิ์ร้อยหนพันหนไม่เท่ากับทำสมาธิได้หนหนึ่ง ทำสมาธิได้อีกร้อยหนพันหนไม่เท่ากับเกิดปัญญาขึ้นมาหนหนึ่ง

แล้วบุญที่ไหนมันมา

บุญก็นั่งสมาธินี่ไง ถ้าบุญ ถ้าเรามีบุญนั่งสมาธิ พอนั่งสมาธิมันเกิดปัญญานะ พอมันเกิดปัญญา เราทบทวนได้เลย นั่งสมาธิไป วันนี้ไปทำอะไรมาผิดบ้าง ที่ทำมามีอะไรถูกบ้าง มีอะไรผิดบ้าง ถ้ามีอะไรถูกอะไรผิด นี่ฝึกหัดแล้ว มันก็เหมือนคนไปทำอะไรกลับมาแล้วมาทบทวนตัวเองว่าถูกหรือผิด

นี่ก็เหมือนกัน ถ้ามันถูกหรือผิด อะไรถูกหรือผิด วันหลังเราเจออีก เราก็จะได้แยกแยะได้ เราก็มีสติปัญญาทันเขาได้ เพราะว่าเราภาวนานี่แหละมันจะเกิดปัญญา ถ้าเกิดปัญญา บุญพอหรือไม่พอล่ะ

เขาบอกว่า ทำไมถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว หนูยังโดนอย่างนี้อีก

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดาของเรา ทำไมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงเจอพวกโยมเขาจ้างคนมาด่า เออ! พระพุทธเจ้าโดนคนจ้างมาด่านะ

นางจิญจมาณวิกาที่ว่าไปชี้หน้าพระพุทธเจ้าเลยนะ เดินเข้าไปแล้วก็เดินออกมา เดินเข้าไปวัดพระพุทธเจ้า เดินออกมา สวนกับโยมตลอด แล้วพอพระพุทธเจ้าเทศน์อยู่ ไปชี้หน้าพระพุทธเจ้าเลยดีแต่สอนคนอื่น ทำดิฉันท้องอยู่นี่ ทำไมไม่ยอมรับ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดต่อหน้าโยมเลยนะน้องหญิง เธอกับเราสองคนรู้กันอยู่สองคนถ้ามันจะท้องได้ มันต้องคนสองคนมันถึงจะท้องได้ใช่ไหม เธอกับเราสองคนรู้กันว่าทำให้เธอท้อง

เทวดาทนไม่ไหวนะ เทวดาแปลงร่างเป็นหนูนะ เพราะเขาจะมากล่าวตู่ไง เขาเอาหมอนผูกไว้ที่ท้อง เอาเชือกผูกไว้ แล้วเขาแกล้ง นี่อยู่ในธรรมบท พวกเดียรถีย์เขาบอกว่าลาภ เสื่อมลาภไปหมดเลย เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ธรรมแล้วธรรมะเจริญรุ่งเรือง เขาไปทำบุญกันหมด ไม่ทำบุญกับพวกเดียรถีย์เลย แล้วก็ปรึกษากับลูกศิษย์เขาว่าจะทำลายชื่อเสียงอย่างไร ปรึกษาลูกศิษย์ เขารับอาสา

เวลากลางคืน เวลาโยมไปวัดตอนเช้าใช่ไหม เขาก็เดินสวนออกมา เวลาโยมจะกลับก็เดินสวนเข้าไปกลางคืน เขาถือว่ากลางคืนอยู่กับพระพุทธเจ้าไง พออยู่ไปสักพักหนึ่ง พอพระพุทธเจ้าเทศน์อยู่ เขาก็เอาหมอนผูกไว้ที่ท้อง แล้วก็เอาเสื้อคลุมไว้ พอพระพุทธเจ้าเทศน์ก็บอกว่าดีแต่สอนคนอื่น ทำดิฉันท้องอยู่นี่ ทำไมไม่รับผิดชอบ

เทวดาทนไม่ได้ เทวดาแปลงร่างเป็นหนูไต่เข้าไป ไปกัดเชือกนั้นขาด พอเชือกนั้นขาด หมอนตกลงมา ผู้หญิงคนนั้นโดนรุมประชาทัณฑ์เลย สุดท้ายออกมาธรณีสูบเลย

นี้พูดถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาวาระแห่งกรรมมา พระพุทธเจ้าบอกเราเคยทำกรรมอย่างนั้นๆ อดีตชาตินานมาแล้วมันมา

นี่พูดถึงว่า ถ้าเราคิดว่า ทำไมหนูนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้วเราจะไม่โดนอะไรกระทบกระเทือนเลย ลอยมาจากฟ้า มีอะไรก็โดนเราไม่ได้เลย...มันไม่มีอยู่ในโลกนี้ไง

เรานับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้วใช่ไหม จะไปไหนก็มีแต่คนยกย่องสรรเสริญนะ หลวงตานี่พระอะไร ออกมาโครงการช่วยชาติฯ สังคมเสียดสีแรงขนาดไหน เขาบอกไม่ใช่กิจของสงฆ์ คนนู้นก็โจมตี คนนั้นก็โจมตี

หลวงตาท่านเป็นพระอะไร แล้วท่านทำเพื่อสังคมขนาดนั้น ลูกศิษย์ที่เชื่อถือศรัทธาอย่างพวกเราก็ชื่นชม ชื่นชมว่าครูบาอาจารย์ของเราท่านเป็นสัตบุรุษ ท่านเป็นผู้นำที่ดี ทางโลกก็นำทางถูกต้อง ทางธรรมก็ชักนำให้พวกเราปฏิบัติให้ถูกต้อง ท่านทำแต่สิ่งดีงามทั้งนั้นเลย แต่อีกฝ่ายหนึ่งเขาบอกไม่ใช่กิจของสงฆ์ ไม่ใช่หน้าที่ของพระ พระไม่ควรมาทำ หลวงตาท่านโดนขนาดนั้นน่ะ

ทีนี้กลับมาที่ผู้ถามทำไมหนูนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้วหนูยังโดนของที่ไม่ดีอย่างนี้ล่ะคะ หรือว่าหนูทำบุญไม่พอ

ถ้าเราเป็นพวกต้องการนะ เราจะบอกว่า ใช่ ทำบุญไม่พอ ให้ขนมาได้เลย เปิดบัญชีก็ได้ โอนมาเยอะๆ จะได้ทำบุญให้พอไง...แต่นี่มันไม่ใช่

ทำบุญร้อยหนพันหนไม่เท่ากับถือศีลบริสุทธิ์หนหนึ่ง ถือศีลบริสุทธิ์ร้อยหนพันหนไม่เท่ากับทำสมาธิหนหนึ่ง ทำสมาธิได้ร้อยหนพันหนไม่เท่ากับเกิดภาวนามยปัญญาขึ้นมาหนหนึ่ง

นั่งสมาธิภาวนาทำให้เกิดปัญญา ทำให้เกิดฉลาด ทำให้เกิดไม่เป็นเหยื่อใคร นั่งสมาธินี่ มาทบทวนว่าวันนี้โดนหลอกมากี่หนแล้ว วันนี้โดนใครหลอกบ้าง ทบทวนเลย เออ! วันนี้โดนเขาหลอกทีหนึ่งนะ โอ๋ย! อันนี้ไม่น่าให้โดนหลอกเลย ก็โดนหลอกไปแล้ว มันจะทบทวนขึ้นมานี่ เห็นไหม มันจะแก้ที่นี่ไง

ไม่ใช่ว่า นับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์สุดยอด สุดยอด แต่วุฒิภาวะของเรายังอ่อนแอ เราก็คิดว่าคิดอย่างนั้น เพราะพระบวชใหม่ๆ คิดอย่างนี้หมดแหละ เพราะมีลูกศิษย์หลายองค์บอกว่า เขาอยากภาวนา ถ้าภาวนาเสร็จแล้ว เขามีคุณธรรมแล้วมันจะเหมือนหนังจีนเลย เขาจะเหาะเหินเดินฟ้าได้ เขาว่าอย่างนั้นนะ แล้วพอมาภาวนาหลายๆ ครั้งเข้ามันไม่ใช่

ถ้าเหาะเหินเดินฟ้าอย่างนั้นได้จริงมันเป็นอภิญญา พอเป็นอภิญญาปั๊บ เราจะไม่ได้เข้าถึงสัจธรรมเลย เราภาวนากันเพื่อเข้าถึงสัจธรรม เข้าถึงอริยสัจ เราไม่ได้ภาวนาด้วยหายตัวได้ ภาวนาด้วยเหาะเหินเดินฟ้าได้ การภาวนาเหาะเหินเดินฟ้าได้เป็นอภิญญา เทวทัตได้อภิญญา ปลอมตัวเป็นงูไปพันหัวอชาตศัตรู ยังทำลายพระพุทธเจ้า

แต่เวลาคนไม่เข้าใจว่าถ้าเราภาวนาแล้วเราจะเหาะเหินเดินฟ้าได้แบบหนังจีนเลย เพราะลูกศิษย์พระมาถามบอกว่าเมื่อก่อนคิดอย่างนี้ไง คิดว่าจะภาวนา อยากจะเหาะเหินเดินฟ้า อยากจะเป็นแบบหนังจีนน่ะ แต่สุดท้ายพอมาบวชเข้าจริงๆ มาภาวนาจริงๆ เข้า ความคิดมันต่างเลย อ๋อ! เข้าอริยสัจมันเป็นแบบนี้ มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดทีแรก เราคิดทีแรกว่าเราภาวนาไปแล้วเราจะมีฤทธิ์มีเดช เราจะรู้ไปทุกเรื่องเลย รู้นั่นส่งออก รู้ เดี๋ยวนี้มีเครื่องจับเท็จ รู้ เดี๋ยวนี้มันมีเครื่องยนต์กลไก เขาดีกว่าเราอีก

ฉะนั้น ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราถือ แต่การถือของเรา เราถือแล้วเราต้องปฏิบัติให้เราฉลาดขึ้นมา ให้เรามีหลักมีเกณฑ์ขึ้นมา ถ้ามีหลักมีเกณฑ์ขึ้นมา ไอ้คำถามที่ถามๆ มานี่ตกไปหมดเลย นี่ข้อที่ ๑.

. ทำอย่างไรจะมีเกราะป้องกันสิ่งไม่ดีทั้งหลายที่จะเข้ามาหาเรา เพราะต้องโดนครอบครัวลากไปตลอด

ถ้าโดนครอบครัวลากไปตลอด เราก็รู้อยู่แล้วใช่ไหม สิ่งนั้นเวลาเราไปไหนก็แล้วแต่ ถ้ามันเป็นสังคมของผู้ที่เป็นปัญญาชน เราก็สบายใจได้ ในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มงคล ๓๘ ประการ อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา เราจะไม่คบคนพาล เราจะคบบัณฑิต เราเป็นสังคมที่เป็นบัณฑิต สังคมที่เป็นบัณฑิต เราเข้าไปแล้วเราสบายใจได้เลย

ดูสิ ที่เขาบอกว่า เวลาเขาไปทำบุญที่ไหน ของตก มีคนเก็บได้ก็มาคืนให้ ไปทำบุญกับหลวงตา มีโรงทาน มีการอำนวยความสะดวก แต่ถ้าไปที่อื่นล่ะ ไปที่อื่นเขาก็มีเหมือนกัน มีเหมือนกัน แต่เบื้องหน้าเบื้องหลังเขามีน่ะ

ฉะนั้น สิ่งที่ว่าเราบอกว่า จะทำอย่างไรมีสิ่งป้องกันตัว เพราะโดนครอบครัวลากไป

เพราะลากไปในสังคมอย่างนั้นน่ะ ลากไปสังคมอย่างนั้น ประสาเรานะ ถ้าจะบอกว่าล่อนจ้อนไปเลยมันก็น่าเกลียดใช่ไหม จะต้องไม่มีอะไรติดตัวไปเลย มีแต่ตัว มีเสื้อผ้าไปด้วย คือว่าไม่มีอะไรให้หลอก แต่จะมีอย่างเดียวก็เซ็นให้เขาอีกแหละ เดี๋ยวก็จะเซ็นให้เขาอีก

ถ้าไปอย่างนั้นแล้ว เพราะเราไปสังคมอย่างนั้นนี่ เราไปสังคมอย่างนั้น สังคมที่ว่าเขาเป็นเรื่องทางโลกหมดแหละ เป็นเรื่องทางโลก อยากร่ำอยากรวย มันมีแต่ความฉ้อฉล เราก็อยากรวย พระก็อยากรวย ถ้าเราอยากรวย พระเขาไม่ให้เราหรอก เขารวยก่อน เขาอยากรวยก่อน นี่เราไปหาเขาอย่างนั้นไง ทำบุญแล้วร่ำแล้วรวย ถ้าไม่ร่ำไม่รวยก็ตั้งพระนั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเลย ประเทศไทยจะได้ร่ำรวยทั้งประเทศ

มันจะร่ำมันจะรวยมันอยู่ที่สติปัญญาของคน เราจะทำของเรา เห็นไหม ถ้าครอบครัวลากไป จะบอกว่า กุศล อกุศลไง ถ้ามันเป็นที่อกุศล มันเป็นเรื่องสังคมของคนพาล ว่าอย่างนั้นเลย สังคมของคนที่ไม่จริงใจต่อกัน

สังคมที่จริงใจต่อกันนะ เขาบอกถึงความบกพร่อง เขาบอกถึงทุศีล เขาบอกถึงศีลที่ผิดปกติ เขาจะบอกถึงศีล อธิศีล ศีลที่เป็นปกติทำอย่างไร

สิ่งใด เวลาเราประพฤติปฏิบัติกัน เราจะสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ เราจะสละอวัยวะรักษาชีวิต เราจะสละชีวิตรักษาธรรม ธรรมะสัจธรรมที่เราแสวงหา เขาก็ว่าอย่างนั้น เราจะสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ เราจะสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต

ไอ้นี่ก็เหมือนกัน เวลาเราจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เราปฏิบัติไปแล้วมันมีอุปสรรคมีอะไร เราก็ต้องมีความเข้มแข็ง เราก็ต้องมีความอดทนของเรา เพราะเราจะถอดถอนกิเลสนะ เราจะเอาคุณงามความดีนะ

ถ้าเราอยากจะร่ำอยากจะรวย อยากจะรวยทางโลก เรายังไม่มีอำนาจวาสนาจะปฏิบัติถึงที่สุดแห่งทุกข์ เราก็ทำหน้าที่การงานของเราด้วยมีสติด้วยมีปัญญาของเราเพื่อประโยชน์กับเราไง

ทีนี้ทางบ้านเขามีความเห็นอย่างนั้น เขาต้องลากเราไปอีก เราจะมีเกราะอะไรป้องกันตัว

พุทโธไว้ ต่อไปถ้าเขาจะลากไปนะ ตั้งสติไว้เลย ตั้งสติไว้ พุทโธไว้ อะไรมา ไม่ให้เชื่อ กาลามสูตรเลย ไม่เชื่อทั้งนั้น ถ้าเราไม่เชื่อ แม่จะเชื่อล่ะ แม่ชอบ แม่จะยัดเยียดความเชื่อให้เรา อันนั้นมันก็ต้อง หาทางหลบหลีก

ไอ้นี่มันแบบว่าเราอยู่ในสังคมใดไง เรื่องสังคมมีปัญหามาก วุฒิภาวะของคนมันสูงมันต่ำ ถ้ามันสูงนะ มันสูงขึ้นมานะ แล้วอย่างต่ำๆ อย่างพวกเราล่ะ

ก่อนบวชเราก็แค่นี้แหละ ความรู้ก็เข้าสังคมนี่แหละ มันจะดีอะไรไปกว่าเขา ก็มองสังคมอย่างนี้เหมือนกัน แต่พอบวชไปแล้ว บวชไปแล้ว พอภาวนาไปแล้ว เพราะมันเคยผิดมาก่อน พอมันถูกมันถึงอ๋อ! นี่ผิด พอผิด มันก็ปล่อยวางละทิ้งความผิดนั้นทำดีขึ้นมา

แต่นี้สังคมเขาเชื่อกันอย่างนั้น สังคมเขาเป็นทางโลกไง ถึงอยากได้ลาภ

ครอบครัวจะลากไป แล้วจะมีอะไรป้องกัน

ป้องกันก็ตั้งสติไว้แล้วพุทโธ พุทโธไว้เท่านั้นน่ะ เพราะว่าอย่างที่ว่าเรื่องภายในบ้าน

อันนี้สิน่าคิด. บางครั้งหนูเจอพระที่มีเจโตปริยญาณอ่านใจหนูได้ แต่หนูรู้สึกว่าท่านเน้นการหาเงิน ดูหมอ หนูไม่ศรัทธา ทำไมท่านถึงไม่สามารถอ่านใจหนูได้คะ

มันขัดแย้งกันไง มันขัดแย้งทีแรกว่าเขาอ่านใจหนูได้ พออ่านใจหนูได้ เราคิดอะไร เขารู้บางเรื่องไง แต่ไอ้เรื่องที่เราไม่ต้องการให้เขามาเอาเงินเรา เขาไม่รู้

ทำไมเขาถึงไม่สามารถอ่านใจหนูได้

ทีแรกว่าอ่านใจได้ อ่านใจได้ เขาต้องรู้สิว่าเราไม่ชอบ เราไม่ชอบแล้ว สิ่งใดที่ว่าเราคิดอยู่ เขาต้องทำตรงข้ามกับนี่สิ นี่ทำไม เพราะว่าเราไปให้ค่าเขาเองไง

ทำไมเขาไม่อ่านใจหนูได้

อ่านใจหนูได้ ก็สิ่งที่เขาพูดมาตรงกับความคิดเรา แต่ไอ้ที่เราไม่ต้องการ เราไม่ชอบไง เราไม่ชอบว่าเป็นหมอดู เป็นการหาเงิน เราไม่ชอบเลย ทำไมเขาอ่านใจเราไม่ได้

เขาอ่านได้ แต่เขาจะเอาสตางค์ เขาจะเอาเงินนั้นน่ะ เขาก็ทำไขสือ ทำไม่รับรู้ ถ้าเขาอ่านได้จริงนะ

เราไม่เชื่อว่าอ่านได้จริงไง ถ้าอ่านได้จริง เจโตปริยญาณ สิ่งที่รู้วาระจิตเขาต้องมีศีล เขาต้องมีศีล เขาต้องมีสมาธิ มันถึงมีญาณหยั่งรู้อย่างนั้น ถ้าญาณหยั่งรู้อย่างนั้นมันต้องมีพื้นฐานมาจากศีล

แล้วศีล ดูสิ เขาจะหาเงินหาทอง เขาเป็นหมอดู เขาจะหาเงินหาทอง เขาทุจริตตลอด อกุศลตลอด ถ้าอกุศลตลอด จิตเขาจะสงบไหม เขาจะสามารถเกิดญาณหยั่งรู้อย่างนี้ได้ไหม เราไม่เชื่อไง แต่พอคนมันพูดมากไง พูดมาก บางอย่างมันก็โดนใจเราสักคำสองคำก็ว่าเขารู้ไง

ถ้าเขารู้ ก็คนถามเขาถามเองแต่รู้สึกว่าท่านเป็นหมอดู ท่านเป็นพระหาเงิน หนูไม่ศรัทธา

แล้วเราก็เห็นๆ อยู่ แล้วเราเห็นอยู่ แล้วที่เขาทายเขาพูดมาตรงกับความคิดเรา

ตรงกับความคิดก็ไม่เห็นเป็นอะไร ก็เราคิดอย่างนั้นจริงๆ ตรงกับความคิดของเรา เราก็มีปัญญาของเราไง

แล้วก็สรุปว่า แล้วทำไมเขาไม่สามารถรู้ใจเราที่เราไม่ชอบล่ะ

นี่มันก็ขัดแย้งกันแล้ว ขัดแย้งกับที่ว่าเขารู้ไง เพราะเขาไม่รู้หรอก มันเป็นวิชาชีพเขา วิชาชีพมันเป็นสถิติ เขาทำบ่อยๆ เขามีปฏิภาณ เขาพูดดักหน้าดักหลัง เดี๋ยวนี้มีพระอย่างนี้เยอะ พูดดักหน้าดักหลังนะ บางคน จิตวิทยามันมี ศึกษาจิตวิทยาก็ได้ พูดทางจิตวิทยานะ พูดจิตวิทยาพยายามให้เขาสื่อสาร พอเขาสื่อสาร จับคำพูด แล้วพูดน้อมนำไป

มีคนมาพูดอย่างนี้เยอะ บอกเขารู้วาระจิตๆ เราไม่เชื่อหรอก ถ้าเขารู้วาระจิตนะ เขาไม่มาหาเงินอย่างนี้หรอก ถ้าเขารู้วาระจิต เขาจะไม่มาสุมหัวกันอยู่ในกรุงเทพฯ นี้หรอก เขาไม่มาสุมหัวในกรุงเทพฯ มาหาสตางค์กันอย่างนี้หรอก เพราะอะไร เพราะคุณธรรม หัวใจ มันมีค่ากว่าเงิน มีค่ากว่าเยอะ

ธรรมะมีค่าสูงส่ง ธรรมะมีค่ามาก แต่ทำไมคนที่มีธรรมะมาหาสตางค์ โอ๋ย! มันงง เออ! ทำไมคนที่มีธรรมะกลับโน้มลงมาหาอสรพิษ เงินนี้เป็นอสรพิษเพราะมันทำให้คนผิดใจกัน เงินทำให้คนเจ็บปวดนะ ทำให้คนเจ็บช้ำน้ำใจ ทำให้คนมีผลกระทบกระเทือนกัน แล้วคนที่มีคุณธรรมกลับไปหาสิ่งที่เป็นอสรพิษ มันเป็นไปได้อย่างไร เราถึงไม่เชื่อไง เราไม่เคยเชื่อเรื่องอย่างนี้เลย

ถ้าคนที่มีคุณธรรม หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นเรานี่ หลวงตาเรารวยมากเป็นหมื่นๆ ล้านเลย แต่ท่านก็ให้คลังหลวงหมด ท่านให้คลังหลวงหมด เงินทองท่านให้คนอื่นหมด ท่านเอาหัวใจท่านไว้ ท่านเอาธรรมของท่านไว้ ท่านไม่เอาอย่างอื่นเลย แต่ในเมื่อจะช่วยโลกมันต้องช่วยกันด้วยเงินด้วยปัจจัย ท่านก็หาสิ่งนั้นช่วยโลก เพราะโลกต้องอาศัยสิ่งนั้นเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน เพื่อเป็นการปลดหนี้ ท่านก็หาสิ่งนั้นมาช่วยโลก แต่ท่านก็รักษาคุณธรรมในใจท่าน ท่านก็รักษาหัวใจท่านให้สูงส่งไว้ ท่านไม่ลงมาเกลือกกลั้ว แต่ที่ลงมาเกลือกกลั้วเพราะความจำเป็นจะช่วยโลก ถ้าจิตใจคนมีธรรมนะ ธรรมะมันสูงส่ง สูงส่งกว่าอสรพิษ

แล้วถ้าเขาเป็นพระหมอดู พระหาสตางค์ หนูไม่ชอบเลย บางครั้งหนูเจอพระที่มีเจโตปริยญาณ

ไม่ต้องเชื่อ ไม่เชื่อเลย แล้วถ้าไม่เชื่อ มันมีอะไรคุ้มครอง

นี่ไง ข้อที่ ๑. ไง หนูนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าหนูนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพราะเรานับถือพระพุทธ พระพุทธคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรานับถือพระธรรม พระธรรมคือสัจธรรม คืออาสวักขยญาณที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม พระสงฆ์ พระสงฆ์ตั้งแต่พระอัญญาโกณฑัญญะเป็นสงฆ์องค์แรกของโลก

เรามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง มีแก้วสารพัดนึกเป็นที่พึ่ง แล้วเราไปเจอเจโตปริยญาณของใคร เราจะไปกลัวเจโตปริยญาณของใคร ถ้าเราไปกลัวเจโตปริยญาณนะ ก็กลัวแสงเลเซอร์เวลาเขาผ่าตัดสิ แสงเลเซอร์ที่เขาผ่าตัด เขาใช้แสงเลเซอร์ผ่าตัดเดี๋ยวนี้ แสงเลเซอร์มันผ่าเนื้อได้ มันทำอุตสาหกรรมได้ อันนั้นเป็นวิทยาศาสตร์

ไอ้นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเรามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นรัตนตรัย เรามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งแล้ว เจโตปริยญาณของใคร

เราจะบอกว่า เราไม่เชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงไง เราไม่เชื่อ ไม่เชื่อๆ ถ้าคนที่ได้อย่างนี้จริงเขาจะมีคุณธรรมในใจของเขา เพราะเขาต้องมีคุณธรรมในใจของเขา เขาถึงจะได้สิ่งที่เป็นสัจธรรม สิ่งที่ดีงามประดับหัวใจของเขา

แต่คนที่หัวใจของเขา เขาคิดแต่เรื่องเงินเรื่องทอง เรื่องทางโลก เขาจะมีสิ่งนี้ไม่ได้เลย มันไม่มีสิ่งนี้ในหัวใจของเขาหรอก แต่เขามีปฏิภาณ เขามีปฏิภาณ เขามีการฝึกฝน เขามีปฏิภาณของเขา เขาใช้สิ่งนี้จนมีความชำนาญ แล้วก็มาดักความคิดของคน ดักหน้าดักหลัง ไอ้คนที่ไปโดนเขาทักเข้าไปก็ตื่นเต้น เขาทัก

ดูสิ เวลาหลวงตาท่านเล่า เวลาหลวงปู่ขาวกับหลวงปู่แหวนท่านไปหาหลวงปู่มั่น ท่านเดินไปด้วยกันนะ ท่านเดินไปด้วยกัน ธุดงค์ไปหาหลวงปู่มั่น แล้วท่านก็คุยกัน หลวงปู่ขาวกับหลวงปู่แหวนท่านคุยกันเราจะไปหาหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นท่านจะรู้ไหมว่าเราคิดอะไรหลวงปู่ขาวท่านว่านะ

นี่แหละเจโตปริยญาณ ท่านธุดงค์ไง แล้วจะไปกราบหลวงปู่มั่น แล้วก็คุยกันไปตลอดทาง ๒ องค์คุยกันไปถ้าเราไปหาหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นจะรู้วาระจิตเราไหม หลวงปู่มั่นจะรู้ว่าเราคิดอะไรไหม๒ คนคุยกันไปนะ

พอเข้าไปหาหลวงปู่มั่น ไปกราบหลวงปู่มั่นนะ หลวงปู่มั่นท่านใส่เอาเลยนะใจตัวล่ะไม่ดู อยากแต่ให้คนอื่นมาดูใจของตัว เวลาใจของตัว ผู้ที่ปฏิบัติมันก็ต้องรักษาใจของตัว มรรคก็เกิดในใจนั้นน่ะ เวลาใจของตนล่ะไม่ดู แต่จะให้คนอื่นมาดูเห็นไหม นี่ของจริงเป็นแบบนี้

ไปด้วยกัน ๒ องค์ ก่อนไปคุยกัน ๒ คน คุยกันไปเรื่อย ท่านจะรู้วาระจิตเราไหม ท่านจะทักเราไหม ท่านจะรู้เรื่องเราไหมคุยกันไป ๒ คน รู้กัน ๒ คน พอไปกราบท่าน ทั้ง ๒ คนหน้าหงายเลย ใจของตัวล่ะไม่ดู ใจของตัว

ธุดงค์มา หลวงตาท่านพูด ธุดงค์ไปก็เร่งความเพียรไป เดินจงกรมไป เดินจงกรมก็ใช้ปัญญา ปัญญาก็เป็นมรรค เป็นมรรคมันก็เข้ามาดูใจของตัว เพราะมรรคมันก็จะเข้ามารื้อค้นในใจของตัวใช่ไหม

แต่นี่บอกว่าหลวงปู่มั่นจะรู้ของเราไหม เราไป หลวงปู่มั่นจะทายถูกไหม๒ คนคุยไปตลอดทาง

ใจของตัวไม่ดู จะให้คนอื่นมาดูตัวแทน

นี่ก็เหมือนกัน ของจริงเป็นแบบนั้น ถ้าของจริงท่านรู้จริงของท่านแล้วทำเพื่อประโยชน์ ประโยชน์ที่ไหน ประโยชน์เพื่อสร้างมนุษย์ให้เป็นพระอริยเจ้า สร้างมนุษย์ให้เป็นพระอริยเจ้า สร้างมนุษย์ขึ้นมาให้มีคุณธรรมในใจ

ถ้ามนุษย์มีคุณธรรมในใจ คุณธรรมอันนั้นน่ะสำคัญมาก เพราะอะไร เพราะมนุษย์มีคุณธรรมในใจ มันต้องมีวิธีการ ต้องมีมรรค เขาจะเอาประสบการณ์ เอามรรคนั่นน่ะมาสอนคน เอาวิธีการที่เราทำได้นั่นน่ะมาเป็นคติ แล้วมั่นใจด้วย เพราะเราทำแล้วประสบความสำเร็จ เราทำแล้วมันมีเหตุมีผล เขาเอาเหตุเอาผลมาสอน

ครูบาอาจารย์เราที่ท่านสอนได้ที่เป็นคุ้งเป็นแควเพราะท่านมีคุณธรรมในใจ ท่านมีวิธีการของท่าน ท่านมีเหตุมีผลของท่าน ท่านเอาเหตุเอาผลของท่านมาสอนเรา แล้วเราทำจะได้ไม่ได้ เราก็พยายามทำของเรา

ถ้าเราทำแล้วถ้ามันมีเหตุมีผลของเรา นี่ปัจจัตตัง เราจะมีปัจจัตตัง มีสันทิฏฐิโก มีข้อเท็จจริงในใจของเรา ถ้ามีอันนั้น เห็นไหม เพราะศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล ถ้ามีมรรคมีผลขึ้นมาในใจเรา เราจะรู้จริงเห็นจริงตามสัจธรรมนั้นเลย นั่นน่ะเป็นมรรคผลของเรา อันนี้เป็นคุณธรรมของเรา นี่แหละพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ที่จะคุ้มครองไง มันเป็นกุศล

กุศลกับอกุศล ถ้ามีกุศลธรรม กุศลธรรมจะคุ้มครองเรา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ที่เป็นกุศลธรรมจะคุ้มครองเรา

อกุศลอ้างพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เหมือนกัน ลัทธิใดก็ว่าเป็นพุทธะ ลัทธิใดก็เอาพระพุทธรูปไปตั้งไว้ จะทำพิธีกรรมอะไรก็เอาพระพุทธรูปไปตั้งไว้ กลัวว่าไอ้พวกเหยื่อมันจะไม่เชื่อ เอาพระพุทธรูปไปตั้งไว้ก่อน ให้คนเห็นพระพุทธรูปแล้วก็ยอมจำนนไง นี่ไง เขาก็ว่าเขาถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เหมือนกัน แต่เป็นอกุศลไง เป็นทุจริตไง เป็นการหาผลประโยชน์ไง

แต่ของเรา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นกุศลไง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อยู่ที่ใจ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อยู่ที่ความสะอาดบริสุทธิ์ไง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ กุศลธรรมจะคุ้มครอง

ทำไมเราถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้วไม่คุ้มครองเรา

ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราก็ตั้งไว้ไกลๆ นั่นไง แล้วก็คิดไปร้อยแปดเลย

ถ้าเราถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ในหัวใจของเรา เราอยู่กับพุทธะ เราอยู่กับสัจจะ เราอยู่กับคุณธรรมของสังฆะ มันจะมาหลอกอย่างไร กูก็ไม่เชื่อมึง กูไม่กลัวด้วย ไม่หลอกด้วย

ไอ้นี่อะไรก็สั่นไหวไปหมดเลย เขาอ้างอะไร เขาดักหน้าดักหลังล้มเลย

แต่ถ้าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ในหัวใจแล้วไม่กลัวอะไร ไม่หวั่นไหวไปกับอะไร แล้วจะคุ้มครองเราได้จริง

เขาถามว่า จะมีสิ่งใดเป็นเครื่องคุ้มครองใจเรา

กุศลธรรม คุณงามความดี อำนาจวาสนาบารมีของครูบาอาจารย์ ให้ปกเกล้าดูแลคุ้มครองใจเรา เอวัง