เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑ มิ.ย. ๒๕๕๘

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๘
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

อ้าว ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ โยมอุตส่าห์ขวนขวายมานะ โยมอุตส่าห์ขวนขวายมามันเป็นการแสดงออกว่าเราเป็นชาวพุทธ พุทธศาสนา พุทธศาสนา วันสำคัญทางพุทธศาสนา ถ้าเราไม่แสดงออกความเป็นชาวพุทธของเราเลย เราจะมีอะไรเป็นสมบัติของเรา คนเกิดท้องถิ่นใด เวลาเขามีวันนักขัตฤกษ์ของเขา เขาจะกลับท้องถิ่นของเขา เพื่อความเจริญพัฒนาในท้องถิ่นของเขา ใครมีพ่อ มีแม่ ถึงวันสำคัญเขาจะไปเยี่ยมพ่อเยี่ยมแม่ของเขา

นี้เราเป็นชาวพุทธนะ วันนี้วันสำคัญทางพุทธศาสนา ถ้ามันดูดายเกินไปมันก็เป็นคนที่ใจจืดใจดำเกินไป ถ้ามันไม่ใจจืดใจดำเกินไปมันเป็นการประกาศนะว่าเราเป็นชาวพุทธ ชาวพุทธวันนี้วันสำคัญทางพุทธศาสนา วันนี้วันวิสาขบูชา วันนี้เป็นวันเกิดขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นวันตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเป็นวันปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงมีศาสนาพุทธ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขวนขวายมา ถึงได้มีมรรคญาณเพื่อค้นคว้าให้ลูกศิษย์ลูกหาได้พ้นจากทุกข์ไง

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนามารื้อสัตว์ ขนสัตว์ ถ้ามารื้อสัตว์ ขนสัตว์ ปรารถนามารื้อสัตว์ ขนสัตว์ คนที่ปรารถนามา ดูเป็นพ่อ เป็นแม่คน ถ้าเป็นพ่อแม่คนต้องการให้ชาติตระกูลนั้นมั่นคง เราต้องมีอาชีพ เราต้องมีความมั่นคงในครอบครัวของเรา เราถึงจะเอาครอบครัวของเราไปรอดใช่ไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วปรารถนามาก็มีแต่ตัวมาใช่ไหม มีแต่ตัวมาเราก็จะมารื้อสัตว์ขนสัตว์ เอาแต่ความรู้ของตัวมารื้อสัตว์ขนสัตว์อย่างไร

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนาถึงสร้างสมบุญญาธิการมาเป็นพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์คือเสียสละมามหาศาล ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย จนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อนพยากรณ์ว่าต่อไปนี้จะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงจะเข้าถึงการสร้างบารมีมา การสร้างบารมีอันนั้นมามันทุกข์ มันยากมหาศาล มหาศาลเวลาทำมา ทำมาเพื่อหัวใจอันนั้น ทำมาเพื่อความพร้อมอันนั้น ทำมาเพื่อหัวใจที่เข้มแข็งอันนั้น จะมารื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อสัตว์ขนสัตว์ต้องมีอำนาจวาสนาบารมี

คำว่ามีอำนาจวาสนาบารมี ดูสิคนที่มีบารมีเราเข้าไปใกล้คนๆ นั้นเรายังไม่กล้าโต้แย้งสิ่งใดเลย เขาต้องมีอำนาจวาสนาของเขา ถ้าเขามีอำนาจวาสนาของเขาเขาต้องสร้างมา ถ้าสร้างมา เราบอกวันนี้วันเกิด วันตรัสรู้ วันปรินิพพานเราก็คิดแค่นั้นแหละ แต่ที่มาล่ะ ที่มา ที่มาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผ่านสิ่งนั้นมาถึงได้สอนพวกเราไง สอนพวกเรา ถ้ามีวันสำคัญให้นึกถึงๆ ถ้านึกถึงก็นึกถึงเราไง

วันนี้วันสำคัญทางพุทธศาสนา โลกเขาก็มีความรื่นเริงกัน โลกเขาก็มี รัฐบาลเขาหยุดงานให้เพื่อให้เราสร้างสมบุญญาธิการ สร้างสมบุญบารมี สร้างสม สร้างสมขึ้นมาให้หัวใจมีความสุข อย่าให้มันทุกข์ยากจนเกินไปนัก เวลาเศรษฐกิจไม่ดีตำรวจเขาต้องตั้งด่านตรวจเลย เพราะอะไร เพราะเศรษฐกิจไม่ดีคนจะฉกชิงวิ่งราว นี่ก็เหมือนกัน ถ้าหัวใจมันทุกข์มันยากนัก หัวใจทุกข์ยากมันแสวงหาแต่ความพอใจของมัน ถ้าหัวใจที่มันไม่ทุกข์ไม่ยากจนเกินไป การปกครองมันก็สะดวกสบายมากขึ้น เขาให้คนไปทำบุญกุศลให้สำนึกบุญบาปมันจะได้ไม่ไปสร้างบาปอกุศลให้กับตัวเอง

อันนี้พูดถึงว่าวันสำคัญทางพุทธศาสนา แต่วันสำคัญทางพุทธศาสนาเราทำเพื่อบุญเพื่อกุศลนะ ถ้าบุญกุศลทำเพื่อเรา ทำเพื่อเรา แต่เวลาหลวงปู่ฝั้นท่านบอก สำคัญทุกวัน พระกรรมฐานเราสำคัญทุกวัน เวลาคนเจ็บไข้ได้ป่วยนะ คนเจ็บไข้ได้ป่วยทุกวินาทีมีค่าหมด หายใจเข้าแล้วไม่หายใจออกก็ตาย เราจะรอแต่วันสำคัญทางพุทธศาสนาแล้วเราค่อยขวนขวายมาทำบุญกุศลกันใช่ไหม เราต้องมีวันสำคัญเท่านั้นเราถึงทำคุณงามความดีใช่ไหม ถ้ามันไม่ใช่วันสำคัญเราจะไม่ทำสิ่งใดเลยหรือ

พระกรรมฐานเราถึงบอกว่ามันสำคัญทุกวัน สำคัญทุกวัน ไม่มีวันไหนไม่สำคัญเลย เพราะสำคัญทุกวัน ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกก็สำคัญ ถ้าลมหายใจสำคัญ ความสำคัญอันนั้นมันจะทำให้เราสำนึกได้ พอสำนึกได้ ทำความดีต่อเนื่องไป เวลาคนที่ประพฤติปฏิบัติแล้วไม่ได้ผลๆ เราร้องเรียนกันตลอดว่าเราทำความดีแล้วไม่ได้ดี ทำดีไม่ได้ดี แล้วไอ้ที่ทำความชั่วไม่พูดบ้างล่ะ ไอ้ทำความดีแล้วไม่ได้ดี ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว แน่นอนๆ แต่ความดีของใครล่ะ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมามันมหัศจรรย์ๆ นะ มหัศจรรย์เพราะคนมีดีกับชั่ว มีสุขกับทุกข์ เวลาสุขกับทุกข์อย่างนั้น เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนถึงมัชฌิมาปฏิปทา ทางสายกลางๆ ความสมดุล ความปรับสมดุลของใจ ถ้าใจมันปรับสมดุลของมัน ดูสิเวลาอุเบกขาๆ คำว่าอุเบกขา อุเบกขาธรรมมันก็จะลงไปซ้ายและขวานะ ความปรับสมดุลของธรรม ความปรับสมดุลของธรรมนะ แล้วความปรับสมดุลของใคร

คนเรานิสัยแตกต่างกัน ถ้าความปรับสมดุล มัชฌิมาปฏิปทาความสมดุลๆ ทางสายกลางๆ ทุกคนก็ทางสายกลางก็แบ่งครึ่งกันแล้วก็ไป แบ่งครึ่งกันมันก็ยังเลวอยู่อย่างนั้นแหละ ไอ้ดีก็ไปทางดี ไอ้เลวก็ไปทางเลว ไอ้เอาดีๆ มาเถียงกันมันก็ตั้งป้อมสู้กัน แต่ความปรับสมดุล ความปรับสมดุลของมัน ความปรับสมดุลของใจเรา วันสำคัญทุกวันๆๆ ทุกวันเพราะเราหายใจเข้าและหายใจออก ทุกวันเพราะเราทุกข์ ในสโมสรสันนิบาตทุกดวงใจว้าเหว่ เราอย่าคิดว่าเรามีความสุข เราเอาตัวเรารอดแล้ว เพราะว่าตายไปก็ไปเกิดใหม่ ผลของวัฏฏะๆ ไง

ถ้าผลของวัฏฏะ ถ้าในสโมสรสันนิบาตทุกดวงใจว้าเหว่ ถ้าทุกดวงใจว้าเหว่ แล้วทุกดวงใจจะเอาอะไรเป็นที่พึ่งล่ะ พุทธศาสนาสอน วันนี้ถ้าวันสำคัญทางพุทธศาสนาเป็นประเพณีวัฒนธรรม เราก็มีน้ำใจต่อกัน เรามีน้ำใจต่อกัน เรามีเสียสละต่อกัน เรามีความดีต่อกัน ถ้าสังคมสงบร่มเย็น สมณะ ชี พราหมณ์ได้ประพฤติปฏิบัติ สังคมเขาจะรบราฆ่าฟันอยู่ สมณะ ชี พราหมณ์จะมานั่งหลับหูหลับตาอยู่จะเป็นอย่างไร

สมณะ ชี พราหมณ์ขึ้นมา ถ้าที่ไหนในสังคมนั้นมีผู้ที่มีศีล มีธรรมขึ้นมา ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ถ้าฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ความเป็นอยู่ การกสิกรรม อาหาร ปัจจัย ๔ เราก็สมบูรณ์ ถ้าอาหารปัจจัย ๔ สมบูรณ์เราจะไปแย่งชิงอะไรกันไหม แต่ถ้ามันขาดแคลนขึ้นมาเราก็จะแย่งชิงๆ กัน ถ้ามันขาดแคลนขึ้นมา ถ้าเรามีหัวใจเราแบ่งปันกัน ถ้าเราแบ่งปันกันนะ สิ่งที่เราจะมีการรบราฆ่าฟันกัน เราเจือจานกันด้วยน้ำใจไม่ดีกว่าหรือ แต่มันทำใจอย่างนี้ได้อย่างไร เพราะคนเรามันไม่ยอมใคร กิเลสตัณหาความทะยานอยากในหัวใจมันจะขี่หัวคน มันจะไปนั่งบนหัวคน มันต้องการให้คนยอมรับ แล้วตัวมันเองมันยังยอมรับตัวมันเองไม่ได้

ในตัวมันเอง ดูสิสิ่งที่อยู่ในหัวใจมันยังควบคุมไม่ได้ แล้วมันจะให้คนอื่นยอมรับ ใครจะยอมรับ มันไม่มีใครยอมรับหรอก ถ้าไม่มีใครยอมรับมันก็ให้กันไม่ได้ไง ให้กันไม่ได้เพราะมันเกิดทิฐิมานะในหัวใจนี้ไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงสอนที่ไง ให้ฝึกหัดๆ เพราะเราดูถูกนะว่าระดับของทาน ทาน ศีล ภาวนา ระดับของทานพวกนี้ยังระดับที่ต่ำกว่าเรา ระดับของทาน ดูสิหลวงตาท่านเป็นพระอะไร เวลาท่านพูด ใครจะดี ใครจะเลวเรื่องของเขา เราจะทำคุณงามความดีกันว่ะ ท่านพาพวกเราเสียสละๆ เสียสละเพื่อความมั่นคงของชาติ

ถ้าความมั่นคงของชาติ คนที่เห็นด้วยเขาก็เห็นด้วย คนที่ไม่เห็นด้วยเขาก็บอกว่ามันไม่ใช่กิจของสงฆ์ ไม่ใช่กิจของสงฆ์ แล้วกิจของสงฆ์อะไรล่ะ กิจของสงฆ์ก็จะกว้านมาเป็นสมบัติของคนเดียวใช่ไหม กว้านมาขนาดไหนมันก็เอาไปไม่ได้หรอก มันไปได้แต่คุณงามความดีเท่านั้นแหละ สิ่งนี้ ใครจะดีเรื่องของเขา เราจะทำคุณงามความดี เราเสียสละกัน เสียสละเพื่ออะไรล่ะ เสียสละเพื่อน้ำใจของเขา ถ้าเสียสละเพื่อน้ำใจของเขา ดูสิเราเราทนทุกข์ทนยาก เราจนตรอก เราอยากให้คนหันหน้ามามองก็ยังดีเนาะ เราจะทุกข์จะยากเนาะให้คนเห็นใจเราหน่อยหนึ่งก็ยังดี

ถ้ามีคนเขาเห็นน้ำใจต่อเรานะ ไอ้ที่ว่ามันจะทุกข์มันจะยาก เออ เราก็มีคนเห็นเนาะ เราก็อยากมีที่พึ่ง กำลังใจมันมานะ ถ้ากำลังใจมันมานะ ไอ้สิ่งที่มันเป็นอุปสรรคๆ เราแก้ไขได้ทั้งนั้นแหละ อุปสรรคๆ อุปสรรคเขามีไว้ให้แก้ไข เวลาพระนั่งสมาธิ ภาวนา เวลามันเจ็บปวดขึ้นมา มันทุกข์มันยากขึ้นมาใครจะแก้ไข เรานั่งอยู่โคนไม้ นั่งอยู่ในป่า อยู่คนเดียว เวลามันทุกข์ มันยากใครจะเห็นน้ำใจฉันบ้าง หลวงตาท่านบอก ๙ ปีท่านอยู่ในป่าของท่าน มีใครเห็นท่านบ้าง ท่านทุกข์ท่านยากอยู่ในป่าของท่าน ท่านทุกข์ท่านยาก ไม่ใช่มาอวดว่าทุกข์ยากแล้วจะมาทวงบุญทวงคุณ

คนทุกข์คนยากดูชาวเขาสิ ชาวเขาอยู่ในป่า ดูสิเขาก็ทุกข์ยากของเขา แต่เวลาเราไปเห็นนะเรามองว่าเขาทุกข์ยาก แต่เขาพอใจของเขา ชีวิตของเขาเขาพอใจนะ คนในที่ราบสูงเขาบอกไอ้คนพื้นราบกินแต่น้ำใต้ศอกเขา กินแต่ของที่เหลือจากเขา เขามีความสุขของเขา คือเขาพอใจไง เขาพอใจความเป็นอยู่พอเพียงของเขา เขามีความสุขของเขา แต่เราจะไปพัฒนาเขาๆ

นี่ก็เหมือนกัน เวลาเราทุกข์ยากอยู่ในป่าเราพอใจๆ บวชมาเพื่อค้นคว้ามันมีความสำคัญทุกวัน พระกรรมฐานเขาพยายามค้นคว้าในเรื่องของหัวใจของเขา ถ้าค้นคว้าหัวใจของเขา ถ้ามีอำนาจวาสนา มีคนมาเจือจาน อันนั้นมันเป็นบุญของคนๆ นั้น ถ้ามันไม่มีใครมาเจือจาน ไม่มีใครเจือจาน เราอดอาหาร ๓ วัน ๔ วัน บิณฑบาตฉันสักหนหนึ่งมันก็พอใจ เราต้องการความสงัดความวิเวกอย่างนั้นเป็นการดัดแปลงหัวใจของเขา เพียงแต่เวลาทุกข์ยากมันทุกข์ยากอย่างนั้น เพราะว่ามันมีความเข้มแข็งอย่างนั้น มีการกระทำอย่างนั้นถึงได้เป็นบุคคลที่มีคุณธรรมในใจไง

ถ้าเป็นบุคคลที่มีคุณธรรมในใจ โอ๋ย ต้องทำขนาดนั้นเชียวหรือ เรามาทำบุญกุศลกันเราก็ต้องการประสบความสำเร็จทั้งหมด ถ้าประสบความสำเร็จ ถ้าใครไม่ได้ฝากเงินในธนาคารไปเบิกไม่ได้ ใครฝากเงินในธนาคารไว้มียอดเท่าไรก็เบิกเท่านั้น อำนาจวาสนาบารมีที่เราได้สร้างสมมา ถ้ามันแห้งแล้งมา แห้งแล้ง ดูสิทุคตะเข็ญใจ ในพระไตรปิฎกทุคตะเข็ญใจนะไม่เคยฉันอาหารอิ่มเลย ไม่เคยกินข้าวอิ่ม คนเราเกิดมาไม่เคยอิ่มท้องมันมีความสุขไหม ทุคตะเข็ญใจเขาก็พยายามขวนขวายของเขาจนสิ้นสุดแห่งทุกข์ไปได้เหมือนกัน

นี่ไงเขาสร้างของเขามาอย่างนี้เพราะมันมีเหตุการณ์อย่างนี้ เขาจะไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ อำนาจวาสนาบารมีเป็นถึงพระอรหันต์นะ ทำไมไม่เคยกินข้าวอิ่มสักมื้อเดียวเลย กิตติศัพท์มันร่ำลือไปจนพระสารีบุตรไปเยี่ยมนะ พระสารีบุตรถามว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือ จริง พระสารีบุตรเป็นอัครสาวกเบื้องขวา ด้วยอำนาจวาสนาบารมีไง ท่านเห็นใจมากท่านก็เลยจับบาตรไว้ ฉัน ฉันให้อิ่ม ถ้าพระสารีบุตรปล่อยอาหารจะหายไปทันที

เพราะบารมีของเขา เขาสร้างของเขามาอย่างนั้น แต่ด้วยอำนาจวาสนาของพระสารีบุตร พระสารีบุตรจับบาตรไว้ ฉัน ฉันให้อิ่ม ฉันอิ่มมื้อเดียวเกิดมาชาติหนึ่งได้กินข้าวอิ่มมื้อเดียว อิ่มมื้อนั้นแล้วก็ตาย เขาทำของเขามา แต่พระสารีบุตรอยากจะช่วยเหลือ อยากจะเจือจาน จับบาตรไว้เลย ปล่อยบาตรไม่ได้นะ ปล่อยบาตรไปเลยหายไปเลย เพราะเขาทำของเขามาอย่างนั้น นี่ไงใครไม่ฝากธนาคารไว้จะไปเบิกเอาอะไร

ที่เรามาทำบุญกุศลอยู่นี้ฝากธนาคารไว้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไว้ว่าเราหาเงินมาบาทหนึ่ง เราจะใช้สอยตัวเอง ๑ สลึง เลี้ยงดูพ่อแม่ในครอบครัวเรา ๑ สลึง ลงทุนลงแรงอีก ๑ สลึง เหลืออีก ๑ สลึงฝังดินไว้ วันนี้วันสำคัญทางพุทธศาสนา โยมมาทำบุญกุศลฝังดินไว้ ฝังไว้ที่ไหน ฝังไว้ในใจของโยมเอง วันนี้ใครได้ขวนขวายเอาสิ่งใดมาทำบุญ คนๆ นั้นเป็นคนแสวงหามา คนๆ นั้นได้เห็นสิ่งที่เราถือมา มันฝังลงอยู่ในใจนั้น อีก ๑๐ ปี ๒๐ ปีมันยังนึกถึงสิ่งที่มันถือมาใส่บาตรวันนี้ได้

ฝังลงไปในใจนั้น ฝังดินไว้ๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกอุบายไว้ให้เราสร้างเนื้อสร้างตัวโดยที่เราไม่รู้ตัวเลย ไอ้พวกพาลมันก็บอกว่าพวกนี้ไม่รู้จักเก็บมัธยัสถ์ พวกนี้ไม่รู้จักเอาไปเสียสละๆ ก็เขาฉลาด เขาไม่ได้โง่เหมือนเอ็ง โง่คิดว่าเป็นของเราๆ ขวนขวายว่าเป็นของเรา แล้วมันเป็นของเราไหมล่ะ มันไม่เป็นของเราเลย เพราะ เพราะสิ่งนั้นมันจะเป็นสมบัติสาธารณะ มันจะตกอยู่ที่โลกนี้ สมบัติสาธารณะ ดูสิถนนหนทางใครใช้สอยเท่าไรก็ได้ใช้สอยเท่านั้น ใครไม่ใช้สอยถนนก็อยู่อย่างนั้นแหละ

นี่ก็เหมือนกัน มันเป็นสมบัติสาธารณะ มันเป็นแร่ธาตุ มันเป็นของอยู่กับโลกนี้ ใครที่ขวนขวายมาด้วยอำนาจวาสนาบารมี มีวาสนามามันถึงแสวงหาสิ่งนั้นมาเป็นของเราได้ คนที่ไม่มีวาสนาขึ้นมา ทำอย่างใดมันก็หลุดไม้หลุดมือไป มันไม่เป็นจังหวะและโอกาสของเรา แล้วไอ้คนโกงล่ะ โกงมันโกงมาๆ โกงมานั่นมันสร้างอกุศล มันสร้างอกุศลมันก็ต้องแบกอกุศลนั้นไป

สิ่งที่ใครทำมา ความลับไม่มีในโลก ใจดวงใดทำใจดวงนั้นรู้ ใจดวงใดเป็นคนแสวงหามาด้วยกุศลและอกุศลใจดวงนั้นรู้ ใจดวงใดที่ทำมาสิ่งใดใจดวงนั้นรู้ แล้วใจที่ตั้งสติแล้วทำความสงบมาให้เป็นสัมมาสมาธิใจนั้นก็รู้ แล้วถ้าใครทำสมาธิไม่ได้มันบอกว่างๆๆ ของมันมันก็รู้ แต่รู้ด้วยอวิชชา รู้ด้วยความหลงใหล รู้ด้วยไม่มีเหตุมีผล แต่คนที่ทำความสงบขึ้นมาถ้าเขารู้ของเขา เขารู้ด้วยมีหลักมีเกณฑ์ของเขา เขารู้ด้วยมีองค์ความรู้ของเขา เขารู้ด้วยกำลังจิตของเขา จะเกิดพายุลมแรงขนาดไหนความรู้อันนี้มันก็อยู่กับใจดวงนั้น ถ้าใจดวงนั้นทำความสงบแล้วยกขึ้นสู่วิปัสสนา มันเกิดปัญญาขึ้นมามันจะสำรอก มันจะคายอวิชชาออกไป

ถ้ามันคายอวิชชาออกไป วันนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมๆ มัชฌิมาปฏิปทา มัชฌิมาปฏิปทาโดยความเป็นจริง ด้วยความสมดุล ปรับสมดุลของมรรค ความดีชอบ ความเพียรชอบ ระลึกชอบ ความต่างๆ ชอบมันปรับสมดุลของมัน มัชฌิมาปฏิปทามันรวมตัวมันสมุจเฉทปหาน มันสำรอกคายอวิชชา อวิชชาคือความไม่รู้จักมัน อยู่กับเรา หัวใจดวงนี้แบกมันมา อยู่ด้วยกันมาไม่เคยรู้จักมันเลย ไม่เคยเห็นสิ่งใดในหัวใจมันเลย เวลามันสำรอกมันคายออกมามันคายกลางหัวใจ มันเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก

นี่ไงความลับไม่มีในโลกไง ถ้าคนรู้จริงมันก็รู้จริงวันยังค่ำ จะไปอยู่ที่ไหนมันก็รู้จริงของมัน คนไม่รู้จริงไปอยู่ไหนมันก็ไม่รู้จริงของมันอยู่วันยังค่ำ แต่ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเป็นปริยัติ ปริยัติเป็นทางวิชาการ ไม่มีทางวิชาการ เราห่วงนักว่าเราอยากมีวิชาการ เราอยากมีความรู้ ความรู้เพื่อประพฤติปฏิบัติ ความรู้ของเรา เรารู้มาเพื่อวิเคราะห์วิจัยเพื่อให้เป็นความจริงขึ้นมาอีกชั้นหนึ่งไง

แต่ของเราคิดว่าเราเป็นความรู้แล้ว เรามีความรู้ เราแบกความรู้นี้ไป เราถือตัวถือตนว่าเรามีความรู้ไง แต่ความรู้นี้เขาให้ประพฤติปฏิบัติไง ปริยัติแล้วนิพพานไม่มี ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ต้องปฏิบัติมันถึงจะมีมรรค มีผล ต้องปฏิบัติมันถึงนิพานได้ นิพพานมันอยู่ที่การประพฤติปฏิบัตินั้น แล้วการประพฤติปฏิบัตินั้น ห้องทำงานของนักวิทยาศาสตร์เขาจะไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง เพราะมันจะทำให้เชื้อโรคเข้าไป

นี่ก็เหมือนกัน ศีล สมาธิ ปัญญาในใจของเรามันต้องมีการปฏิบัติ เขาจะสงวน เขาจะรักษา ครูบาอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติจริงๆ นะ ท่านสงวนรักษาสิ่งนี้มาก วันนี้วันสำคัญทางพุทธศาสนา เรามาทำบุญกุศลกันเราถือตัวถือตนว่าเราเป็นชาวพุทธ เราเป็นคนดีมาก หลวงปู่ฝั้นท่านบอกว่าสำคัญทุกวัน ไม่ใช่เฉพาะวันสำคัญทางพุทธศาสนา สำคัญทุกวัน ในเมื่อมีชีวิตอยู่ มีชีวิตอยู่ มีความรู้สึกอยู่ ความรู้สึกนี้สำคัญ ความรู้สึกนี้มันรับรู้ตลอดเวลา แล้วความรู้สึกอันนี้มันทำให้มีสติปัญญา

นี้คือสัจธรรม สัจธรรมว่าเรามองกันแต่สมบัติภายนอกไง สมบัติภายนอกทุกคนก็ต้องแสวงหานะ เราเกิดมามีปัจจัย ๔ พระบอกว่าให้ละให้วาง พระก็ต้องบิณฑบาต ไปเอาเข้ามาเมื่อกี้นี้ เดินมาเอามาหลายถุงเลย ทำไมพระไม่ปล่อยวางล่ะ มันปัจจัยเครื่องอาศัย นี้เป็นวิทยาศาสตร์นะ เราพูดกันโดยข้อเท็จจริงนะ เพราะอะไร เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกเองว่าปัจจัย ๔ ปัจจัย ๔ ขาดไม่ได้ ชีวิตนี้ขาดปัจจัย ๔ ไม่ได้ ถ้าขาดปัจจัย ๔ ชีวิตนี้อยู่ไม่ได้แล้วเอาอะไรไปปฏิบัติล่ะถ้าไม่มีชีวิต

เกิดมาก็เพราะมีชีวิต ถ้าชีวิตนี้มันอยู่ได้เพราะปัจจัย ๔ ถ้าปัจจัย ๔ เพื่อดำรงชีวิต กินเพื่อดำรงชีวิต ไม่ใช่กินเพื่อเกียรติ ไม่ใช่กินเพื่อศักดิ์ศรี ไม่ใช่กินเพื่อกาม ไม่ใช่กินเพื่อความอยากใหญ่ กินเพื่อดำรงชีวิต รักษาชีวิตนี้ไว้เพื่อประพฤติปฏิบัติไง รักษาชีวิตนี้ไว้เพื่อเป็นหลักชัย นี่พูดถึงสัจจะความจริงเป็นแบบนั้น ปัจจัย ๔ ปัจจัย ๔ เราแสวงหาเราก็ต้องทำของเรา มันเป็นสมบัติสาธารณะ แล้วสมบัติของเราจริงๆ ก็คือความรู้สึกภายใน ความรู้สึกภายในถ้ามันหลงใหลไปมันก็หลงใหลไปนะ แล้วถ้าเชื่อใคร สายบุญสายกรรม ธาตุ แร่ธาตุที่มันแร่ธาตุหนักมันจะตกหนัก สารตะกั่วมันจะตกหนัก และสารที่มันเบามันจะลอย

แร่ธาตุคือความพอใจ คืออำนาจวาสนาของจิต มันชอบ มันชอบๆ จะดีจะชั่วกูชอบน่ะทำไม กูชอบ แต่ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่ ธรรมะเขาเอาสัจจะ ธรรมและวินัยนี้เข้าไปกรอง แล้วเถียงกันว่าเป็นคนดีๆ อย่าเถียงกัน ศีล ๕ เป็นตัวจับ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ศีลนี้เป็นสมบัติกลาง ใครไม่ว่าจะดีไม่ว่าจะเลว มันก็ดีเลวด้วยความคิดของเราเองไง แล้วก็เถียงกันใครดีกว่า ใครชั่วกว่า ใครดีกว่า ใครชั่วกว่าก็ปัจจัตตังสมบัติของเขา

แต่ถ้าสมบัติของเรานะ เราจะบอกว่าโยมขวนขวายกันมา หวังมรรค หวังผล หวังบุญกุศล บุญกุศลคือปัญญา บุญกุศลคือปัญญาหัวใจที่มันผ่องแผ้วที่เรามีปัญญาให้เราเป็นไทกับความไม่รู้ในใจเรา ความไม่รู้ เพราะความไม่รู้ ความโลภถึงเป็นเหยื่อ ชีวิตเราทุกข์ยากเพราะให้เขาชักนำกันไป ชีวิตเรา ดูสิองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์ โคนต้นโพธิ์นั้นคนเดียว ครูบาอาจารย์เราอยู่ในป่าในเขาประพฤติปฏิบัติด้วยหัวใจของท่าน ค้นคว้าบากบั่นในใจนั้น ในใจนั้นผ่องแผ้ว

นี่ก็เหมือนกัน มาวัดมาวาเพื่อให้มันฉลาดขึ้นมาไง ฉลาดกับอารมณ์ ฉลาดกับความรู้สึกนึกคิด แล้วเราดูแลหัวใจของเราเพื่อความสุขของเรา บุญ บุญคือปัญญา ปัญญาที่เอาตัวรอดได้โดยไม่ทุกข์เกินไป แต่ถ้าว่าไม่ทุกข์เลยไม่มี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องปรินิพพาน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีหมอชีวกเป็นหมอประจำพระองค์ ร่างกายนี้ต้องชราคร่ำคร่าเป็นธรรมดา ใครเกิดมาแล้วร่างกายนี้ต้องชราคร่ำคร่า เราก็ต้องดูแลกันไป แต่หัวใจล่ะ หัวใจ

หัวใจที่มันผ่องแผ้ว ร่างกายนี้ชราคร่ำคร่า เราก็มองดูความชราคร่ำคร่าด้วยความเท่าทัน ด้วยปัญญา มันไม่ตีโพยตีพายไง แต่ถ้าไม่มีปัญญามันตีโพยตีพายแล้วทุกข์มาก ฉันเป็นคนเดียวๆ ไม่มีใครเป็นอย่างฉันเลย แล้วมันมีใครไม่เป็นบ้างล่ะ เกิดมามันตายหมด แต่ตัวเองก็ตีโพยตีพายไปโดยที่ไม่มีปัญญา ทุกข์มากนะ ปัญญารักษาหัวใจเรา บุญกุศลนี่ไงให้เราฉลาด ชาวพุทธ พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เอวัง