เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๑ มิ.ย. ๒๕๕๘

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๘
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

อ้าว เราตั้งใจฟังธรรมะกัน เราอุตส่าห์มาขวนขวายมาทำบุญกุศล มนุษย์มีกายกับใจๆ ไง มนุษย์มีกายกับใจ เวลาที่ว่าเราทำบุญแล้วเป็นทิพย์ๆ เทวดา อินทร์ พรหมเขาก็เป็นทิพย์ เป็นทิพย์เพราะว่าเขาเป็นโลกของจิตวิญญาณ โลกของจิตวิญญาณมันเป็นภพนะ โลกของจิตวิญญาณเราก็จินตนาการ มันเป็นภพ เพราะอะไร กามภพ รูปภพ อรูปภพ ผลของวัฏฏะเวียนว่ายตายเกิดเขาก็เป็นทิพย์ แต่เราเกิดเป็นมนุษย์มีกายกับใจ

ใจเป็นทิพย์ ใจเป็นทิพย์เพราะเป็นความรู้สึกนึกคิด แต่มันเป็นทิพย์ไปไม่ได้ เป็นทิพย์ไปไม่ได้เพราะสถานะของเราความเป็นมนุษย์ไง มนุษย์มีกายกับใจไง เพราะต้องมีสิ่งมีชีวิตมันถึงเกิดสิ่งมีชีวิตได้ ปฏิสนธิจิตๆ เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ถ้าเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมนุษย์มีกายกับใจ ถ้าคนเกิดมามีร่างกายสมบูรณ์ ร่างกายแข็งแรง จิตใจแข็งแรง มันแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ จิตใจอ่อนแอ จิตใจที่เข้มแข็ง ร่างกายก็เหมือนกัน ร่างกายคนเกิดมา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

คำว่าความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ เวลามันมีโรคมีภัยขึ้นมามันทุกข์มันยากไปทั้งนั้นแหละ สิ่งใดที่เราแสวงหามามันจะไม่มีค่าเลย เพราะความเจ็บไข้ได้ป่วยมันบีบคั้นเรามา แต่เวลาเรารักษา เรารักษาของเราในทางโลก รักษานั่นก็รักษาร่างกายของเรา แต่ไม่ให้หัวใจเราเจ็บไข้ได้ป่วยไปด้วย ถ้าหัวใจเราเจ็บไข้ได้ป่วยไปด้วย เวลาร่างกายเป็นโรคเป็นภัยขึ้นมาหัวใจมันก็เศร้าสร้อย มันก็หงอยเหงา มันมีความทุกข์มีความยากไปด้วย แต่เวลาพูดถึงเราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพุทธศาสนา พุทธศาสนาสอนเรื่องการภาวนาๆ ภาวนาก็เอาหัวใจไง

ภาวนาเอาหัวใจ แต่คนเกิดมาสิ่งมีชีวิตมันต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัย ถ้ามีปัจจัยเครื่องอาศัยเราต้องแสวงหาสิ่งนั้นเป็นเครื่องอาศัยเพื่อความมั่นคงของชีวิต ถ้าความมั่นคงของชีวิตนะ ถ้าคนทุกข์ คนเข็ญใจ ถ้าเราจะมาประพฤติปฏิบัติกันมันต้องแบ่งเวลา การแบ่งเวลา แบ่งเวลาของเรา แบ่งเวลาเพื่อเอาหัวใจของเราไง ถ้ามีสติมีปัญญามันแบ่งเวลาได้ มันมีความสดชื่น มันมีความพอใจ มีอยากกระทำ แต่ถ้าจิตใจมันมีแต่เรื่องของโลก มีแต่เรื่องของกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันจะบ่นว่ามันไม่มีเวลา มันต้องทำมาหากิน ต้องทำสิ่งนั้นมา

เวลาทำมาหากินเรามีความจริงใจหรือเปล่า ถ้าเรามีความจริงใจหรือเปล่าเราเสียสละทางโลกมาบวชเป็นพระ ถ้าบวชเป็นพระ พระเป็นทางกว้างขวาง ทางกว้างขวางปฏิบัติ ๒๔ ชั่วโมง ๒๔ ชั่วโมงนะตั้งแต่บิณฑบาตมา ฉันข้าวเสร็จแล้ว ๒๔ ชั่วโมงเราประพฤติปฏิบัติแล้วกำหนดในหัวใจเราตลอดเวลา มันเป็นทิพย์ๆ เป็นทิพย์เพราะเป็นหัวใจของเราไง ใครจะมารู้ความรู้สึกนึกคิดของเรา ความรู้สึกนึกคิดของเราเราดูแลรักษาของเราอยู่

ความรู้สึกนึกคิดของเรา ถ้าบวชเป็นพระทางกว้างขวาง แต่มันก็มาไม่ได้ มันมาไม่ได้มันผลบุญผลกรรม ว่าบวชเป็นพระสบาย บวชเป็นพระสบาย คนว่าบวชเป็นพระสบาย คนทุกข์คนจนถ้าบวชเป็นพระสบายมันไม่มาบวชล่ะ เวลาบวช ดูสิ ในปัจจุบันนี้เขาแสวงหา แสวงหาผู้สืบทอดศาสนา ผู้สืบทอดศาสนา ถ้าเรามีบุญกุศลนะ เรามีความรู้สึกนึกคิดอย่างนี้ เวลาเราบวชเป็นพระมา ถ้าบวชเป็นพระนะ บวชเป็นพระ ทุกคนบอกบวชเป็นพระแล้วสุขสบายๆ สุขสบายทางปัจจัยเครื่องอาศัยพอเป็นไป แต่ทุกข์ในหัวใจมหาศาล ทุกข์ในหัวใจมหาศาลเพราะมันขีดวงไง เหมือนคนติดคุก เวลาคนติดคุกขังได้แต่ร่างกาย จิตใจมันคิดไปข้างนอก

นี่ก็เหมือนกัน บวชเป็นพระแล้วต้องอยู่วัดอยู่วา เพราะพระเราต้องอยู่ในอาวาส พระไปอยู่ในบ้านในเรือนไม่ได้ ในบ้านในเรือนนั่นเป็นเรื่องของคฤหัสถ์เขา พระต้องอยู่วัดอยู่วา พอพระอยู่วัดอยู่วาขึ้นมา เวลาเอามาขังมันไว้ เวลาจิตใจมันขังได้ไหม จิตใจมันขังไม่ได้ จิตใจมันคิดไปร้อยแปด มันจะไปนิพพานนู่นน่ะ นิพพานไปในความคิดของมัน เวลาเกิดมาร่างกายแข็งแรง ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ แต่เวลาเกิดมาเกิดโดยอวิชชา มันมีกิเลสตัณหาความทะยานอยาก แต่ถ้ามันเป็นบุญกุศล ร่างกายแข็งแรง จิตใจแข็งแรง

จิตใจแข็งแรงมันมีสติมีปัญญาของมัน มันมีความรู้สึกนึกคิดของมัน มันฟื้นฟูหัวใจของมันขึ้นมาได้ ถ้าจิตใจอ่อนแอ จิตใจอ่อนแอมันมีแต่กดทับกดถ่วงหัวใจของเราทั้งนั้นแหละ หัวใจของเรามันมีโรคมีภัย ถ้ามีโรคมีภัย ดูสิ มีโรคมีภัย ถ้าคนมีสติปัญญา มีสติปัญญาเขาจะรักษาโรคในใจของเขา ถ้ารักษาโรคในใจของเขาเขาต้องมีสติ พอมีสติมีความฝึกหัดของเราขึ้นมา ฟื้นฟูมันขึ้นมาให้ได้ ถ้าฟื้นฟูขึ้นมามันก็เป็นสมาธิ ถ้ามีสมาธิมันเกิดปัญญา ปัญญาธรรมโอสถ

เวลาเขาประพฤติปฏิบัติกัน เขาบอกปฏิบัติแล้วเป็นโรคภัยไข้เจ็บหายหมด เป็นความมหัศจรรย์ ครูบาอาจารย์เราก็ทำ หลวงปู่ฝั้นท่านมีโรคประจำตัวของท่าน เวลาท่านจะไปอุปัฏฐากหลวงปู่มั่นท่านไปไม่ทันหมู่หรอก หมู่ไปก่อนทุกที ท่านเสียใจมากท่านเป็นโรคท้องร่วง โรคถ่ายท้อง ท่านมีโรคประจำตัวของท่าน สุดท้ายแล้วท่านเสียสละเลย คืนนี้นั่งตาย นั่งอยู่บนตอไม้เลย เสียสละตายเลย

เวลาพุทโธ พุทโธไป ใช้ปัญญาไล่ไปๆ เวลามันลง ธรรมโอสถท่านบอกว่าเห็นเหมือนกวาง เป็นนิมิตไง เวลาธรรมโอสถมันไปฟอก ไปฟอกธาตุขันธ์นี้แหละ จิตใจที่มีกำลังไปฟอกธาตุขันธ์ ฟอกธาตุขันธ์จนโรคประจำตัวนั้นหายไป ยังเห็นเป็นนิมิตนะ เห็นกวางตัวหนึ่งวิ่งออกไปจากร่างกายเรา วิ่งออกไปเลย โรคภัยไข้เจ็บจบกันที ตั้งแต่นั้นมาโรคประจำตัวของท่านหายไปนะ ธรรมโอสถ

ธรรมโอสถมันเป็นการรักษา แต่การรักษาอย่างนี้มันต้องมีความเข้มแข็ง จิตใจเข้มแข็งจะรักษาของมันได้ แต่เวลาธรรมจักร เวลามรรคญาณมันทำลายอวิชชามันไม่เป็นอย่างนี้ มันไม่เป็นอย่างนี้หรอก ไอ้นี่มันพลังของใจ มันอภิญญา อภิญญาเวลาเรารับรู้สิ่งใด ส่งออกไปมันรู้สิ่งต่างๆ รู้มาทำไม รู้มาสงสัยไง รู้มาแล้วก็มาถามครูบาอาจารย์ไง มันคืออะไร มันคืออะไร แต่ถ้าคนหูตาเขาสว่างนะเขารู้เห็นสิ่งใดเขารู้หมดแหละ ภพใด สวรรค์ชั้นใด ภูมิใดมันรู้หมดแหละ มันเข้าใจหมดแหละ เพราะอะไร เพราะมันไม่มีความสงสัยในใจไง นี้พูดถึงอภิญญา

ฉะนั้น เวลาธรรมโอสถส่วนธรรมโอสถนะ ธรรมโอสถ ธรรมโอสถรักษาร่างกายก็ได้ ถ้าธรรมโอสถ ถ้าเป็นธรรมจักรถ้าเราจะเข้าไปทำลายกิเลสในหัวใจของเรา อ้าว เพราะคำว่ามันเป็นทิพย์ๆ มันเป็นทิพย์อย่างไร เวลาเป็นทิพย์ กวฬิงการาหารอาหารเป็นคำข้าว อาหารของมนุษย์ วิญญาณาหารอาหารของเทวดา ผัสสาหารอาหารของพรหม มโนสัญเจตนาหาร อาหารที่เชื่อมต่อวัฏฏะ อาหาร ๔ อาหาร ๔ เกิดภพใด ชาติใด กินอาหารอย่างใด อยู่อย่างใด เกิดเป็นมนุษย์ต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัย เกิดเป็นเทวดา อินทร์ พรหมเขากินอย่างไร อยู่อย่างไร เกิดเป็นเทวดาเขากินอย่างไร อยู่อย่างไร

ผลของวัฏฏะๆ อาหาร ๔ ในวัฏฏะไง การเวียนว่ายตายเกิดของเราไง ถ้ามันเป็นทิพย์ๆ เป็นทิพย์อย่างไร ว่าเป็นทิพย์ๆ เป็นทิพย์ความรู้สึกคิดเอา จินตนาการเอา คนไม่เคยทำจินตนาการไม่ได้ คนไม่เคยทำไม่มี แต่ถ้าเคยทำมาแล้วมี แต่เวลามันส่งต่อภพต่อชาติกันไป บุพเพนิวาสานุสติญาณ ย้อนอดีตชาติไป ถ้ามันทับซ้อนไปๆ อดีตชาติไป ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าย้อนอดีตชาติไป การย้อนอดีตชาติไป การซับสมมา พันธุกรรมของจิตสร้างสมมาเป็นพระโพธิสัตว์

เวลาโพธิสัตว์จำอะไรได้ไหม จำสิ่งใดไม่ได้ แต่สิ่งนั้นมันสร้างสมมาเป็นบารมี อำนาจวาสนาบารมี อุทกดาบส อาฬารดาบสมีความรู้เหมือนเรา มีความเห็นเหมือนเรา สอนได้เหมือนเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เอาๆ ฌานสมาบัติเป็นฌานสมาบัติไง มันไม่เกิดมรรค เกิดผลไง พอไม่เกิดมรรค เกิดผล เวลาย้อนกลับมา ย้อนกลับมารื้อค้นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง เพราะตรัสรู้เองโดยชอบ โดยไม่ชอบ โดยไม่ชอบคิดเอา จินตนาการเอาโดยไม่ชอบ ไม่ชอบธรรมความเป็นไปไม่ได้

ถ้าโดยความชอบธรรม ชอบธรรมเกิดจากไหน ชอบธรรมเกิดจากเราเสียสละ คนเราเกิดมามีกายกับใจๆ เทวดา อินทร์ พรหมเขาเป็นทิพย์ คำว่าเป็นทิพย์ของเขานะเขาไม่มีร่างกายอย่างนี้มาบีบคั้น เขาก็เพลิดเพลินในทรัพย์สมบัติของเขา ทรัพย์สมบัติคือบุญกุศลของเขาเป็นทิพย์ แต่เวลาจะหมดอายุขัย สิ่งที่เป็นทิพย์นั้นหายไปก่อน จางไปก่อนเพราะอะไร เพราะสิ่งมีชีวิตต้องมีอาหาร ถ้าอาหารไม่มี อาหารของเราไม่มี อาหารของเราจบไปเราจะอยู่ได้อย่างไร มันต้องดับขันธ์ พอดับขันธ์ สิ่งที่ว่าเป็นทิพย์ๆ มันต้องเวียนว่ายตายเกิดไง

สิ่งที่ว่าเป็นทิพย์ๆ ทิพย์อย่างไร แต่ของเราเวลาเอาจริงเอาจังของเราขึ้นมาเรามีความรู้สึก ความรู้สึก พุทโธ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พุทโธ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แต่โดนกิเลสตัณหาความทะยานอยากครอบงำไว้ มีแต่เศร้าสร้อยหงอยเหงา ทั้งๆ ที่เกิดมามีสติมีปัญญา มีความตั้งใจจริงอยากจะขวนขวาย แต่ขวนขวายไปตามกระแสโลก กระแสโลกส่งออก ความส่งออกมันเป็นโลกทั้งนั้นแหละ ที่ไหนมีความเจริญ ที่ไหนประสบความสำเร็จมันอยู่ไม่ได้หรอก มันต้องแปรสภาพหมด

การก่อสร้างทุกๆ ชนิดเขาต้องมีงบบำรุงรักษาตลอดไป สร้างเสร็จแล้วก็ต้องดูแลรักษากันตลอดไป ไม่มีสิ่งใดคงที่เลย แต่เวลาความรู้สึกของเราที่มันเปลี่ยนแปลง มันเรรวนอยู่ ถ้าเรามีสติมีปัญญาเข้ามา จิตถ้ามันสงบเข้ามา สงบมันมีความสุขแล้ว สงบมีความสุข สิ่งที่เป็นความสุข ความสงบของเรา สิ่งที่เป็นทิพย์ๆ สิ่งที่เป็นทิพย์ถ้ามันสงบเข้ามามันรู้ของมันไง แต่เป็นทิพย์ก็คือทิพย์ สิ่งที่จิตวิญญาณก็คือจิตวิญญาณ สิ่งที่เวียนว่าย เพราะคนเราเกิดมีกายกับใจ ขอนไม้ ท่อนไม้มันไม่มีความรู้สึกหรอก คุยกับมันไม่ได้ สัตว์มันมีชีวิตเหมือนกัน แต่มันเป็นสัตว์เดรัจฉานมันเป็นอบายภูมิ

สัตว์ ดูสิ สุนัขมองตากันมันเศร้าสร้อยเลยล่ะ มองตากันมันเรียกร้องเลยล่ะ มันซาบซึ้งบุญคุณถ้าคุ้มครองมัน ดูแลมัน สิ่งมีชีวิตมันสืบต่อกันได้ หัวใจเรามีชีวิต จิตวิญญาณของเรา สิ่งที่มีชีวิตไง สิ่งนี้สัมผัสธรรมได้ๆ ถ้าจิตมันสงบเข้ามามันรู้ของมัน ถ้าจิตมันคึกคะนองนะมันส่งออกมันรู้ไปร้อยแปดพันเก้าเลย แต่ถ้ามีครูบาอาจารย์ เวลาพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาล เวลาไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถามว่าใครทรมานมา ใครทรมานมา

คำว่าทรมานคือครูบาอาจารย์เขาชี้นำไง ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์ชี้นำมันแถของมันไปอย่างนี้ จิตวิญญาณเวลาออกไปมันอยู่ที่อำนาจวาสนาของจิตไง ถ้าอำนาจวาสนาของจิต ถ้ามันมีอำนาจวาสนามันคึกคะนอง คือว่าคึกคะนองมันมีคุณสมบัติ คุณสมบัติที่มันจะไปรู้ไปเห็นอะไรต่างๆ คุณสมบัติอย่างนั้น ถ้ามีครูบาอาจารย์เขาต้องให้ระงับไว้ก่อน ชักนำเข้ามาไม่ให้ส่งออก ให้กลับมาพุทโธของมัน แล้วเวลามันจะเป็นประโยชน์ๆ มันยกขึ้นสู่สติปัฏฐาน ๔ สติปัฏฐาน ๔ มันเป็นที่ ดูสิ นายพรานเขาล่าสัตว์เขาจะค้นคว้าตามรอยสัตว์ รอยสัตว์เขาจะตามรอยมันไป แล้วจะไปยิงมัน

นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่ว่าเวลากาย เวทนา จิต ธรรมมันเป็นร่องรอยไง กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันเป็นนามธรรมไง มันก็อาศัยกาย อาศัยเวทนา อาศัยจิต อาศัยธรรม สักกายทิฏฐิทุกคนทิฐิยึดมั่นถือมั่นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา เกิดมาเป็นเราไหม เป็น มันเป็นเรามันเป็นโดยสมมุติไง มันเป็นโดยสมมุตินะ ดูสิ เชื้อโรค เชื้อโรคมันเกิดมาจากไหนล่ะ ก็เกิดมาจากร่างกายนี้ กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันเกิดมาจากไหนล่ะ มันก็เกิดมาจากภพ เกิดมาจากหัวใจเรา ถ้ามันเกิดมาจากหัวใจเรา แล้วมันนอนเนื่องมากับใจนะ มันส่งออกมา

ไอ้นี่ก็เหมือนกัน กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันอาศัยกาย อาศัยเวทนา อาศัยจิต อาศัยธรรม เวทนา สุข ทุกข์มันชอบใจ มันพอใจ อาศัยสิ่งนี้ แล้วเราจับสิ่งนี้ตามรอยมัน ย้อนกลับมันไป ถ้าย้อนกลับมันไป สติปัฏฐาน ๔ การค้นคว้า การรื้อค้นมัน กิเลสมันคืออะไร กิเลสมันอยู่ไหน ไม่มีใครเคยเห็นกิเลส ไม่มีใครรู้จักกิเลส ฆ่ากิเลสไม่ได้ แต่ถ้าจิตสงบแล้ว จิตสงบแล้วไม่ถือมานะ ไม่มีตัวมีตน จิตสงบแล้วอยู่กับความสงบของเรา จิตไม่สงบมีความทุกข์ ความฟุ้ง ความซ่าน มันแบกหามไปหมดเลย เวลามันสงบเข้ามาเป็นอิสระนะ เราอยู่กับโลกโดยไม่ติดโลก

เรื่องของชุมชน เรื่องของชาวบ้าน จิตสาธารณะเราก็รับรู้ เราก็ช่วยเหลือเจือจานเขาอยู่ แต่ความคิดของเขา ถ้าเรามีปัญญาคุยกันจนความคิดของเขาเห็นโทษเห็นภัย เขาจะแก้ไขของเขา แต่ถ้าเขาไม่เห็นโทษเห็นภัย เขาว่าเขาถูกต้อง เขาดีงามของเขา เขาไม่ฟังเราหรอก เรื่องของชุมชน เรื่องของชุมชน นี่ก็เหมือนกัน ถ้าจิตมันสงบแล้ว จิตสงบแล้วมันเป็นเอกัคคตารมณ์ มันตั้งมั่น มันเป็นอิสระ แต่อิสระอย่างนี้อิสระในอวิชชา อิสระโดยมีกิเลสตัณหาความทะยานอยากครอบงำกิเลสมันสงบตัวลง

สงบตัวลง จิตสงบแล้วยกสู่วิปัสสนา ถ้าไม่ยกขึ้นสู่วิปัสสนามันเป็นไปไม่ได้ เพราะสิ่งมีชีวิต ดูสิ เราล่าสัตว์ สัตว์มันจะวิ่งมาให้เราล่าไหม สัตว์มันก็ต้องหลบหลีก สัตว์มันก็ต้องเอาชีวิตมันรอด กิเลสมันฉลาดกว่านั้น หลวงตาท่านสอนว่ากิเลสมันฉลาดมาก เรามันโง่ เราอยู่ใต้อำนาจของมัน แต่ตอนนี้เราฝึกหัดๆ ขึ้นมาให้จิตใจเราเป็นอิสระ อิสระแล้วเราจะค้นคว้ามัน จะค้นหามัน แล้วถ้าไปเห็นมัน ไปหามัน เจอมัน เจอหน้ากิเลสปะทะกันระหว่างกิเลสกับธรรมต่อสู้กันกลางหัวใจ

เวลากิเลสกับธรรมนะ กิเลสไม่ต้องไปส่งเสริมมัน มันมีของมันอยู่แล้ว เพียงแต่มันเอาลูกเอาหลานมาแหย่เราเฉยๆ เวลาถ้ามันเพลี่ยงพล้ำไป เดี๋ยวปู่ เดี๋ยวย่ามันมานะมันเอาเราตายเลย แต่ปัญญาที่เราฝึกฝน วิปัสสนาอ่อนๆ วิปัสสนาอ่อนๆ พอไปเห็นหน้ามันวิปัสสนาอ่อนๆ ฝึกหัดใช้ปัญญาล้มลุกคลุกคลาน เวลาวิปัสสนาอ่อนๆ ดูสิ มันครอบงำได้ก็ภูมิใจว่านิพพานๆ มันอ่อนด้อย มันไร้เดียงสา นักปฏิบัติไร้เดียงสา แต่ครูบาอาจารย์ของเราท่านรู้จักกิเลส มันต้องต่อสู้กับมัน ไปเผชิญมากับมัน ตั้งแต่ลูกหลานมัน จนพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยายของมัน

โสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตตมรรคมันตั้งแต่พยายามส่งเสริม พยายามพัฒนาขึ้นไป จากสติเป็นมหาสติ จากปัญญาเป็นมหาปัญญา เป็นปัญญาอัตโนมัติ เป็นปัญญาญาณ เวลาเข้าไปชำระล้าง นี่ไงมนุษย์มีกายกับใจ ร่างกายนี้มันเป็นการยืนยันว่าเราเป็นมนุษย์ เราเห็นกันได้ แต่หัวใจ หัวใจที่มีคุณธรรม หัวใจที่ต่ำต้อย หัวใจที่สูงส่งเราวัดกันที่ไหน เห็นหน้า รู้จักกัน แต่ไม่รู้เรื่องความรู้สึกนึกคิดของกัน แต่คนอยู่ด้วยกันนะ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าการไปมาหาสู่กัน การมีน้ำใจต่อกัน สนิทชิดเชื้อยิ่งกว่าญาติ

ญาติเรานะ ญาติโดยสายเลือดเขามาคุ้นเคยกับเราขนาดนี้ไหม แต่ถ้าเรามีความคุ้นเคยกัน เรามีน้ำใจต่อกัน สนิทยิ่งกว่าญาติ ถ้ายิ่งกว่าญาติ นี่ไงเวลาคนมีกายกับใจๆ ใจเขาเรารู้ได้อย่างไร รู้ได้โดยการแสดงออกไง ศีลรู้ได้ต่อเมื่ออยู่ด้วยกัน คนอยู่ด้วยกันมีความเข้มแข็ง มันมีความเข้มแข็งไม่อ่อนแอ ไม่ทำอะไรผิดศีล

เราจะรู้ได้ว่าใครมีศีล ธรรมะๆ เวลาเราธมฺมสากจฺฉา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ เวลาสนทนาธรรมกัน เวลาคุยกันคนมีปัญญาหรือคนโง่มันพูดออกมาหมดแหละ ถ้ามันมีปัญญามันส่งเสริมคุณงามความดีทั้งนั้นแหละถ้ามันมีปัญญา ถ้ามันโง่มันก็แสดงความโง่ๆ มันออกมานั่นไง นี่ไงธรรมะจะรู้ได้ต่อเมื่อเวลาเทศนาว่าการ เวลาชักนำ สนทนาธรรมจะเห็นหมดเลย มีเท่าไรพูดได้เท่านั้น มีเท่าไรก็รู้ได้แค่นั้น แต่คนมีความจริง มีความจริงสูงส่ง มีความจริงเหนือฟ้า แต่เราฟังแล้วไม่เข้าใจ เราฟังไม่รู้เรื่องหรอก

เราฟังไม่รู้เรื่อง เราฟังได้นิยายธรรมะ โลกนี้ฟังนิยายธรรมะ นิยาย เขียนจินตนาการกัน โอ๋ย ชอบ แต่เป็นความจริงมันจืดชืด มันไม่มีรสชาติ วิมุตติสุขนะ วิมุตติสุข สุขเหนือโลก เหนือโลก เหนือสงสาร เหนือทุกอย่าง แต่เราไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเพราะว่าธาตุมันยังเข้ากันไม่ได้ เวลาธาตุมันเข้ากันได้นะโสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล เวลาธาตุมันเข้ากันได้ เข้ากันได้มันเชื่อมโยงกันได้ ชัดเจนมากอยู่ในหัวใจนั้น

ฉะนั้น เราเกิดมามีกายกับใจๆ นะ กายกับใจ เราเกิดมาแล้วถ้าพูดถึงในทางธรรมคนมีสติปัญญามันมีคุณค่ามาก เพราะ เพราะร่างกายที่มันต้องการอาหารมันเตือนเราตลอด มันเตือนตลอดให้เราดิ้นรน แต่เทวดา อินทร์ พรหมเขาสุขสบายของเขา มันต่างกันตรงนี้ไง เทวดา อินทร์ พรหมเขาเสวยภพเสวยชาติ เขารอหมดอายุขัยของเขา ไอ้เรามนุษย์หาอยู่หากินมันทุกข์ ไอ้ทุกข์มันเตือนใจเรา มึงจะเกิดอีกหรือ จะมาทุกข์อย่างนี้อีกหรือ ไอ้ร่างกายมันเตือนเรา ดูสิ มันชราคร่ำคร่ามันต้องแปลงไปอย่างนั้น แล้วจิตใจล่ะ แล้วเราจะพ้นอย่างไรล่ะ มันเตือนนะ

มนุษย์สมบัติมันมีค่าตรงนี้ ถ้าเรามีสติปัญญามันเตือนเลยนะ เดี๋ยวลุกก็ไม่ได้ เดี๋ยวก็โอดโอย เจอแน่นอน มันรออยู่ข้างหน้า มันเตือนตลอด มนุษย์สมบัติมีค่าตรงนี้ไง มีค่าตรงไอ้ธาตุ ๔ มันเตือนตลอด เตือนว่ามันชราคร่ำคร่านะ มันชราคร่ำคร่านะ แล้วถ้ามันมีสติปัญญา มันดิ้นรนแล้ว มันค้นคว้าแล้ว แสวงหาแล้ว จิตมันจะหมุนแล้ว ถ้ามันพัฒนาของมันนะมันมาของมันแล้ว ร่างกายเราก็หาปัจจัยเครื่องอาศัย จิตใจเราก็หาของเรามา ถ้าจิตใจเราสูงส่งเราทำได้ แต่โลกเขาจะบอกว่าเห็นแก่ตัวๆ

ปากสกปรก ปากของโลกเป็นอย่างนั้น เขาต้องการดึงเราไว้ให้จมอยู่กับสังคมอย่างนั้น แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดึงเราขึ้นมา ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา จะให้มีคุณธรรมในหัวใจ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังกราบธรรมๆ นะ เราแสวงหาธรรมเพื่อให้หัวใจนี้พ้นจากกิเลส เอวัง