เทศน์เช้า วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
อ้าว! ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ ธรรมะเป็นสัจธรรม สัจจะความจริง นี่เป็นอริยสัจ สิ่งที่มันเป็นสิ่งที่คงที่ตายตัว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเรื่องอนิจจัง คำว่า อนิจจัง นะ สรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง สิ่งใดเป็นอนิจจัง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
คำว่า เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เพราะว่ามันเป็นทุกข์ ทุกข์นี้ยึดมั่น เวลาสรรพสิ่ง เวลาความสุขเรา เราพยายามยึดมั่น เราพยายามจะมีความสุข ความสุขมันไม่อยู่กับเรานานเลย แต่มันมีความทุกข์ขึ้นมา ความทุกข์นั้นเราไปยึดมั่นมัน เพราะเราทุกข์ พอเราทุกข์ขึ้นมา มันชอบคิดแต่เรื่องความทุกข์ความยากอันนั้นน่ะ ความทุกข์นั้นเป็นอนัตตา เป็นอนัตตาเพราะว่าจริงๆ แล้วมันเป็นอนิจจัง มันเปลี่ยนแปลงตลอด คือมันไม่คงที่หรอก ความทุกข์ก็ไม่คงที่หรอก ความทุกข์มันก็ไม่อยู่กับเราหรอก แต่มันชอบ มันชอบคิด ชอบไขว่คว้า ไขว่คว้าแต่ความเป็นทุกข์นั่นน่ะ แล้วมันเป็นอนัตตา อนัตตาคือว่ามันไม่คงที่หรอก มันแปรสภาพของมันไปอย่างนั้นน่ะ ถ้ามันมีสติมีปัญญา มันก็จะผ่านวิกฤติอันนั้นไป สัจจะๆ มันเป็นอย่างนั้น ถ้าสัจจะเป็นอย่างนั้น ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตามความเป็นจริงขึ้นมาแล้ว มันจะมีสัจธรรมในหัวใจ ถ้ามีสัจธรรมในหัวใจนะ ยิ้มแย้มแจ่มใส จะทำสิ่งใดมันก็มีธรรมะไปหล่อเลี้ยงในใจ ธรรมะหล่อเลี้ยงในใจ
หลวงตาท่านพูดบ่อย สิ่งที่สัมผัสธรรมได้ๆ คือความรู้สึกของคน ความรู้สึกของจิตที่มันสัมผัสธรรมได้ สิ่งอื่นสัมผัสไม่ได้ ศึกษามาขนาดไหนก็สัมผัสไม่ได้ ดูสิ ศึกษามาจนมีความรู้ท่วมหัว สัมผัสธรรมะไม่ได้ สัมผัสธรรมะไม่ได้ตรงไหนล่ะ? ตรงที่มันยังทุกข์ไง ความรู้เยอะแยะ เจ็บช้ำน้ำใจไปหมด แต่ถ้าคนที่มีคุณธรรมในหัวใจ มันผ่อนคลาย มันผ่อนคลายเป็นสัจธรรมอันนั้น ถ้าสัจธรรมอันนั้น ครูบาอาจารย์ของเราท่านประพฤติปฏิบัติแล้วท่านมีคุณธรรมอย่างนั้น
ฉะนั้น เราจะโฆษณา หนังสือ หนังสือนี้สวยมาก หนังสือนี้สวยมาก แต่มันไม่ใช่สวยแต่รูปไง หนังสือนี้สวยมาก เนื้อหาสาระมันก็เข้มข้น เนื้อหาสาระมันก็เต็มจำนวนของมัน เพราะครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นเจ้าของประวัติ ท่านได้ประพฤติปฏิบัติของท่าน ท่านรู้จริงของท่าน มันสวยทั้งรูป กลิ่นก็หอม คุณธรรมก็ขจรขจายไปทั่ว
เวลาเราทำประวัติของหลวงปู่ตื้อ เพราะหลวงปู่ตื้อ ถ้าคนคนนั้นเป็นคนดี เขาเป็นลูกใคร เขาชาติตระกูลอะไร ทำไมเขาเป็นคนดีอย่างนั้น นี่ก็เหมือนกัน เด็กคนนี้เป็นคนดี เป็นลูกใคร พ่อแม่ใครเป็นคนสอน สอนมาแล้ว พ่อแม่ดีสอนให้ลูกเป็นคนดี นี่ก็เหมือนกัน หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่ตื้อ เกียรติศัพท์เกียรติคุณของท่านขจรขจายไปทั่ว ๓ แดนโลกธาตุ ใครเป็นคนสอนล่ะ? ก็หลวงปู่มั่น
หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ท่านมา เพราะหลวงปู่ตื้อ ประวัติหลวงปู่ตื้อ ท่านแสวงหาของท่าน ท่านบวชเป็นมหานิกายมาก่อน ท่านเป็นคนที่มีอำนาจวาสนา ท่านก็แสวงหาของท่าน แล้วแสวงหาของท่านไปถึงสุดล่าฟ้าเขียว สุดท้ายก็ไปหาหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นก็ญัตติเป็นธรรมยุต แล้วหลวงปู่มั่นเป่ากระหม่อมมา นี่ประวัติหลวงปู่ตื้อ ประวัติอาจารย์สิงห์ทอง เกียรติศัพท์เกียรติคุณของท่านหอมทวนลม แล้วลูกใครล่ะ แล้วใครอบรมมาล่ะ
เวลาหลวงตาท่านพูด ท่านพูดบอกว่า หลวงปู่มั่นเป่ากระหม่อมเรามา หลวงปู่มั่นเป่ากระหม่อมท่านมา ครูบาอาจารย์อบรมสั่งสอนมา เลี้ยงดูรับผิดชอบมา
นี่ก็เหมือนกัน เราพิมพ์หนังสือๆ พิมพ์เจ้าของประวัติด้วย พิมพ์ผู้ที่อบรมสั่งสอนมาด้วย ถ้าเราไม่มีหลักมีเกณฑ์ เราจะอบรมสั่งสอนใคร เราไม่รู้ถูกรู้ผิด เราจะไปชักนำใคร คนที่เขาจะสั่งสอนคนอื่น เขาต้องมีความรู้ของเขา เขาต้องมีความจริงในหัวใจของเขา
นี่ไง เวลาพิมพ์ หนังสือสวย รูปก็สวย คุณธรรมในหัวใจก็มี ในปัจจุบันนี้โลกเขาบอกว่าสวยจากภายใน โลกเขาบอกสวยจากภายใน สวยจากภายในก็สวยจากการบ่มเพาะของศีลของธรรม ถ้าของศีลของธรรม กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมหอมทวนลมๆ สัจธรรมมันเป็นแบบนั้น
ฉะนั้น เวลาเราทำแล้วมันชื่นชม มันชื่นชมตั้งแต่ผู้ที่บุกเบิก ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ เจ้าของประวัติแต่ละท่าน ท่านต้องทำของท่าน ท่านทำของท่าน ท่านต้องขวนขวายของท่าน เหมือนเรา เราทำหน้าที่การงานของเรา เราสมบุกสมบันแค่ไหน ปัญหาสังคมมากน้อยขนาดไหน บวชเป็นพระมาแล้ว บวชเป็นพระ ปัญหาสังคมของสังคมสงฆ์ แล้วปัญหากิเลสในหัวใจของเราล่ะ ปัญหาสังคม
ครูบาอาจารย์ เราเคารพบูชาท่าน เราก็ต้องอุปัฏฐากอุปถัมภ์ท่าน แล้วครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ทุกคนก็เข้าไปหาท่าน แล้วมันก็จริตนิสัยของคน ร้อยพ่อพันแม่ ความเห็นเด็กแตกต่างกันมหาศาล ปัญหาสังคมๆ มันก็บีบคั้นในหัวใจเราอยู่แล้ว แล้วยังปัญหากิเลสอีก ปัญหากิเลสที่มันต่อต้านในหัวใจ แล้วปัญหากิเลสนะ ทำไปแล้ว ทำไปแล้ว อยู่กับสังคมสงฆ์ สังคมสงฆ์ก็ไม่เห็นคุณงามความดีของเราเลย ประพฤติปฏิบัติไปแล้วสมาธิก็ไม่ได้สักที ปัญหาก็ไม่เห็นเกิดสักที เวลาครูบาอาจารย์ท่านเทศน์ก็เทศน์ธรรมเหนือโลกๆ ไอ้เรา กิเลสเรามันกดหัวใจอยู่ใต้โลก มันทุกข์มันยากขนาดไหน นี่มันต้องบุกบั่นไปอย่างนี้ แล้วเอาใครเป็นหลังอิงล่ะ เอาใครเป็นคนคอยชี้นำล่ะ
การประพฤติปฏิบัติ มันความจริง ความจริงเป็นอย่างนี้ ถ้าคนที่ปฏิบัติมามันมีการกระทำอย่างนั้นมา ฉะนั้น สิ่งที่ว่าจะรอดตาย รอดตายมาแต่ละดวงใจ ที่ว่าจิตสัมผัสธรรมๆ ความเป็นจริงในหัวใจนั้นมันมาจากไหนล่ะ? มันมาจากการกระทำของท่าน ถ้าไม่มีการกระทำของท่าน หัวใจสัมผัสธรรมๆ ถ้าเป็นสมาธิก็รู้ว่าเป็นสมาธิ ถ้าคนที่ไม่รู้สมาธิก็คิดว่าสมาธิเป็นนิพพาน เวลาคนที่ใช้ปัญญาไปแล้ว ปัญญาที่เราพยายามฝึกฝนของเราขึ้นมาเป็นภาวนามยปัญญา ภาวนามยปัญญามันเทียบเคียงกับอะไรล่ะ สุตมยปัญญา จินตมยปัญญา
สุตมยปัญญา เวลาเราพลั้งเผลอขึ้นมา เราจำไม่ได้ เราก็ไปเปิดตำรามันก็ยังเจอ
จินตมยปัญญา จินตนาการไป จินตนาการให้เหมือนได้ เดี๋ยวพยายามจินตนาการเอา
แต่ภาวนามยปัญญาเวลามันเกิด มันเกิดขึ้นมานะ ถ้าเราไม่ควบคุมดูแลรักษา แล้วเวลากิเลสมันพลิกแพลง มันบังเงา มันอ้างธรรมะนั้นน่ะ เราเชื่อมันเลย เราเชื่อมัน มันก็ล้มลุกคลุกคลานอยู่อย่างนั้นน่ะ นี่ไง เวลาครูบาอาจารย์ท่านปฏิบัติ ท่านปฏิบัติของท่านอย่างนั้นน่ะ ท่านต้องทำความจริงของท่านขึ้นมา ฉะนั้น เวลาเป็นจริงขึ้นมา มันต้องมีอำนาจวาสนา มันต้องมีสัจจะ มันต้องมีความเข้มแข็งในใจ มันถึงจะก้าวเดินไปได้
สิ่งนั้นเวลาพิมพ์หนังสือ พิมพ์มาให้เป็นกำลังใจพวกเราไง พิมพ์มาเพื่อเชิดชูครูบาอาจารย์ของเราไง พิมพ์มาเพราะว่า ดูสิ คนคนหนึ่งเวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น เวลาเทวดา อินทร์ พรหม เทวดา อินทร์ พรหม เขาก็มีฤทธิ์มีเดชของเขา ทำไมเขาไม่รู้เรื่องอริยสัจล่ะ เวลาเทวดาจะมาฟังเทศน์หลวงปู่มั่น จะฟังเทศน์เรื่องอะไร อยากรู้เรื่องอะไร ถามเทวดาเลย ภาษาใจ นึก พอนึกขึ้นมา ทางนู้นก็ตอบ อยากรู้อยากเข้าใจอะไร
นี่คนคนหนึ่งเวลาทำขึ้นมาแล้วมันวิเศษขนาดนั้นน่ะ ถ้ามันวิเศษขนาดนั้นมันเป็นที่ไหนล่ะ เวลามันเป็นขึ้นมา ดูสิ เวลาหลวงตาท่านพูดถึงหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่น ถ้าพูดถึงทางโลก เหมือนผ้าขี้ริ้ว ไม่มีค่าเลย ท่านทำตัวของท่านไม่มีค่าเลย แต่ถ้าพูดถึงทางธรรม สุดยอด เพราะว่าถือธุดงควัตร ศีลในศีล เชิดชูองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งสอนสิ่งใด ท่านประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กระทำความจริงขึ้นมาในหัวใจของท่าน ถ้าพูดถึงทางธรรม สุดยอดๆ เลย แต่ถ้าพูดถึงทางโลก เศษผ้า ผ้าขี้ริ้วเลย
นี่ไง ถ้ามีคุณธรรมในหัวใจ คุณธรรมในหัวใจมันเหนือโลก เหนือโลกจนปัจจัยเครื่องอาศัยวัตถุทางโลกไม่มีค่า มันไร้ค่า สิ่งที่ไร้ค่าเลยล่ะ แล้วหัวใจนี้มันมีค่า คุณค่าของมันสูงส่งขนาดนั้นน่ะ แต่เวลาความสูงส่งขนาดนั้น เวลาดำรงชีพ เป็นเศษผ้า ผ้าขี้ริ้ว เป็นพระธรรมดา นี่ครูบาอาจารย์เราที่เป็นธรรมท่านเป็นอย่างนั้น พระที่มีคุณธรรมขึ้นมาก็พระธรรมดานี่แหละ พระพื้นๆ นี่แหละ ไม่ใช่เหาะเหินเดินฟ้ามาจากไหน ไม่ใช่ อู้ฮู! จะขี่จรวดดาวเทียมมา อู้ฮู! จะน่าเคารพบูชา ไม่ใช่หรอก แต่โลกคิดกันอย่างนั้นไง โอ้โฮ! จะต้องมหัศจรรย์พรรค์ลึก
มหัศจรรย์พรรค์ลึก มหัศจรรย์พรรค์ลึกเกิดที่เวลาเกิดมรรค เวลาเกิดศีล สมาธิ ปัญญาขึ้นมา มหัศจรรย์พรรค์ลึก มหัศจรรย์พรรค์ลึกขึ้นมา สิ่งที่ไม่คาดไม่ฝันว่ามันจะเป็นไปได้ มันเป็นไปได้อย่างไรในหัวใจนี้ หัวใจที่มันเกิดมรรคเกิดผลขึ้นมา มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
มันเกิดขึ้นมาได้จากความเพียรของเราไง เกิดขึ้นมาจากเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาไง เกิดขึ้นจากสติ เกิดขึ้นจากศีล เกิดจากปัญญาของเราไง เกิดขึ้นจากความล้มลุกคลุกคลาน เกิดขึ้นจากคนไม่เอาไหน เกิดขึ้นจากคนที่น้อยเนื้อต่ำใจ เกิดขึ้นจากคนที่มันทุกข์มันยาก แต่เพราะมันมีครูมีอาจารย์คอยถางทางให้ไง เพราะมันมีสัจจะมีความจริงขึ้นมาไง พยายามกระทำของเราขึ้นมาไง มันถึงมีองค์ความรู้ขึ้นมาไง มันมีสัจจะความจริงขึ้นมาไง มันมีสติ มีสมาธิ มีปัญญาตามความเป็นจริงขึ้นมา เห็นไหม
แล้วเวลามันจับต้องสติปัฏฐาน ๔ ตามความเป็นจริงของมันขึ้นมา เวลามันแยกแยะของมันขึ้นมา ดูสิ ดูความมหัศจรรย์ของมันสิ อกาลิโก ไม่มีกาลไม่มีเวลา เรียกร้องสัตว์ทั้งหลายมาดูธรรม เอ็งมาดูหัวใจของข้า หัวใจที่มันเกิดมรรคเกิดผล มันกำลังบดขยี้กิเลสอยู่นี่ มันกำลังเหยียบย่ำไอ้ครอบครัวของมาร นี่เวลามันเกิดขึ้น เวลาครูบาอาจารย์ที่ประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ท่านจะรู้จะเห็นของท่านนะ
เวลากิเลสที่มันฟูขึ้นมา มันมีกำลังขึ้นมา มันทำให้ศีล สมาธิ ปัญญาเราอ่อนด้อย อู๋ย! มันทุกข์จนเข็ญใจ มันจนตรอก มันไม่มีทางออก มันไปไม่ได้ มันมีแต่ความทุกข์ นี่เวลากิเลสมันฟูขึ้นมา เวลาเรามีสติมีปัญญาขึ้นมาด้วยการชักนำของครูบาอาจารย์ของเรา ด้วยการดูแลรักษา เราก็มีสติมีปัญญา เราขวนขวายของเรา เราทำของเราขึ้นมา เวลาเกิดสมาธิขึ้นมาก็มีความสุขของมันขึ้นมา ความสุขนั้นอย่าให้ติดนะ ความสุขนั้นมันเป็นพื้นฐานนะ ฐานที่ตั้งแห่งการงานนะ งานจะเกิดบนความสุขนั้น งานจะเกิดบนภวาสวะบนภพนั้น สัมผัสได้ที่ใจนั้น ถ้าใจนั้นเป็นขึ้นมา มันเกิดมรรคเกิดผลขึ้นมา มันเกิดความมหัศจรรย์ ถ้าความมหัศจรรย์เกิดขึ้นมา ภาวนามยปัญญาเกิดขึ้นมาจากในหัวใจนั้น นี่เวลาความมหัศจรรย์มันเกิด มันเกิดอย่างนี้ เกิดจากสัจธรรม เกิดจากอริยสัจ เกิดจากสัจจะความจริง
ถ้าความจริงมันเกิดขึ้นมาในหัวใจ แล้วมันเกิดมาได้อย่างไรล่ะ
มันก็เกิดมาจากครูบาอาจารย์ของเราคอยชี้คอยนำไง เกิดจากการขวนขวายของเราไง เกิดจากความเพียรของเราไง ความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะไง ความเพียรของเรา เรามีหน้าที่การงานทางโลก เราทำสิ่งใดแล้วเราก็พยายามของเราขึ้นมา ทำเพื่อความเป็นอยู่ของเรา ทำเพื่อความมั่นคงของชีวิต ชีวิตนี้เกิดมามันต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัย นั่นก็งานอันหนึ่งที่ทุกข์ๆ ยากๆ อยู่ ทุกข์ๆ ยากๆ อย่างนี้เป็นงานสาธารณะ เป็นงานของโลก เป็นงานของภพชาตินี้ เราเกิดมาเป็นใคร เกิดมาเป็นคนคนนั้นก็ใช้ชีวิตจนหมดชีวิตนั้นไป พอหมดชีวิตนั้นไป งานของโลกนี้ งานของคนคนนั้น แต่จิตดวงนั้นเกิดจากนาย ก. ไปเกิดเป็นนาย ข. จากนาย ก. สมบัติของนาย ก. ไปอยู่บนภพชาตินี้ ไปเกิดเป็นนาย ข. นาย ข. อำนาจวาสนาที่ทำคุณงามความดีไปเกิดเป็นนาย ข. สมบัติของนาย ก. นาย ข. มาเอาไม่ได้ สมบัติของนาย ข. กับนาย ก. เกี่ยวพันกับเรื่องเวรเรื่องกรรม เกี่ยวกับเรื่องคุณงามความดีของหัวใจที่เราทำบุญกุศลที่มันเป็นสมบัติของเรา ไปเกิดเป็นนาย ข. นาย ข. ก็ต้องขวนขวายกระทำไป
ถึงว่าสมบัตินี้เป็นสมบัติประจำภพประจำชาติ สมบัติประจำโลกนี้ สมบัติสาธารณะไม่ใช่ของเรา แต่บุญกุศล คุณงามความดี จากนาย ก. นาย ก. ทำคุณงามความดีของเรา เวลานาย ก. ตายไป นาย ก. ตายไป ทรัพย์สมบัติในโลกนี้ที่เป็นแร่ธาตุวัตถุธาตุเป็นของนาย ก. เป็นของชาติตระกูลของนาย ก.
นาย ก. ตายไป ไปเกิดเป็นนาย ข. นาย ข. ทำอย่างไรต่อไป นาย ข. ทำอย่างไรต่อไป นาย ข. ก็ต้องขวนขวายไป ถ้านาย ข. เกิดมายังมีสติปัญญาอยู่ ถ้านาย ข. เกิดขึ้นมา นาย ข. น้อยเนื้อต่ำใจ นาย ข. เกิดมาแล้วบอกมีความทุกข์ความยาก นาย ข. ประชดชีวิตไป นาย ข. ก็ทุกข์ยากของนาย ข. นั้นไป
จิตดวงเดียว นี่ไง ถ้าเป็นสมบัติของเราๆ สมบัติของเรา เราทำบุญกุศลอย่างนี้มันจะเป็นสมบัติของเรา ของจิต จิตเกิดจะเป็นนาย ก. นาย ข. นาย ง. ก็จิตดวงนั้น เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะไม่มีต้นไม่มีปลาย แล้วแต่บุญกุศลมันขับส่งไป
แต่ถ้าเราเชื่อธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่ไง หนังสือสวย สวยด้วยรูปเล่ม อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาสาระ เนื้อหาสาระ มนุษย์คนหนึ่งได้ประพฤติปฏิบัติขึ้นมา จนมีครูบาอาจารย์ชักนำขึ้นมา จนถึงที่สุดแห่งทุกข์ แล้วที่สุดแห่งทุกข์มีการกระทำอย่างนั้นน่ะ
นี่ไง ถ้าเรามีอำนาจวาสนา มันจะคิดเลย งานทางโลก เราต้องรับผิดชอบ คนเรา คนดีคนชั่วเขาดูที่ความรับผิดชอบของคน ถ้ารับผิดชอบ คนที่รับผิดชอบ คนมีสัจจะของเขา เขารับผิดชอบของเขา ถ้าเขาจะมาประพฤติปฏิบัติ เขาจะรับผิดชอบเรื่องนามธรรม รับผิดชอบนะ เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาได้อะไร? ได้เวลา เวลาที่ล่วงไป ๗ ปี ๘ ปี ปฏิบัติมาทั้งชาติ แล้วได้อะไร ได้เวลานั้น เพราะมันไม่มีวัตถุสิ่งใดที่ทุกคนจะตรวจสอบได้ แต่ครูบาอาจารย์ของเราตรวจสอบได้ เวลาไปหาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์เราท่านถามว่าภาวนาเป็นอย่างไร นี่ไง ภาวนาเป็นอย่างไร เคยเป็นสมาธิไหม เคยเกิดปัญญาไหม
ถ้าเราโง่ๆ เซ่อๆ เราก็บอก โอ้โฮ! เคยเกิดปัญญา ปัญญา อู้ฮู! ยอดเยี่ยม
ท่านบอกไม่ใช่ ปัญญาอย่างนี้ปัญญาของโลก เคยเกิดปัญญาไหม ปัญญาเกิดจากสัมมาสมาธิเคยเกิดไหม ถ้าไม่เคยเกิด ไม่รู้ว่าปัญญาที่เกิดภาวนามยปัญญาเป็นอย่างไร เห็นไหม ครูบาอาจารย์ท่านรู้
ที่บอกตรวจสอบไม่ได้ๆ ครูบาอาจารย์ที่เป็นจริงตรวจสอบได้ ถ้าตรวจสอบไม่ได้ อริยสัจมันเป็นอย่างไร ความจริงมันเป็นอย่างไร ความจริงต้องเป็นความจริง ความจริงเป็นความจริงวันยังค่ำ ถ้าความจริงอันนั้นเกิดจากครูบาอาจารย์ของเรา
ฉะนั้น ถ้าเรามีสติมีปัญญา มีสติปัญญานะ หน้าที่ปัจจุบันนี้เราก็ทำ ต้องทำ แล้วเราทำเพื่ออะไร เพราะต้องอยู่ต้องกิน เราต้องทำ ทำของเราไง แต่สมบัติจริงๆ ล่ะ สมบัติจริงๆ อย่าเขียนเสือให้วัวกลัว นรกสวรรค์ไม่มีหรอก ตายแล้วก็จบ ไม่มีหรอก
ถ้านรกสวรรค์ไม่มี สรรพสิ่งไม่มี ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด คนเราเกิดมาเป็นมนุษย์มันจะมีค่าเท่ากัน สรรพสิ่งในโลก วัตถุมันจะเหมือนกัน ทำไมจริตนิสัยไม่เหมือนกัน ทำไมความเห็นของคนไม่เหมือนกัน ทำไมคนคิดดี คิดดีมหาศาลเลย เวลาคนคิดชั่ว คิดชั่วมันร้ายแรงนัก นี่มันมาจากไหนล่ะ นี่ไง นาย ก. นาย ข. ไง จากนาย ก. ไปเกิดเป็นนาย ข. นาย ก. ทำสิ่งใดแล้วมีความฝังใจก็ไปเกิดเป็นนาย ข. นาย ข. เจ็บช้ำน้ำใจก็เกิดเป็นจริตนิสัย นาย ข. ก็ไปทำลายคนอื่นต่อไป
แต่ถ้าเราทำของเรา นี่ไง อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เราทำสิ่งใดเป็นสมบัติเราทั้งนั้น เราทำคุณงามความดีฝึกฝนขึ้นมาเป็นความดีของเรา เด็กของเรา เราฝึกฝน มันจะเป็นคนดีขึ้นมา เราจะไปปล่อยที่ไหนมันก็เป็นคนดี
นี่ก็เหมือนกัน หัวใจที่เราฝึกฝนขึ้นมาแล้วมันจะพัฒนาขึ้นมา มันเป็นความดีของมัน ถ้าความดีของมัน เป็นของใจดวงนั้นของเรา เป็นของของเรา ของของเราคือจริตนิสัยของเรา ของของเราคือมุมมองของเรา ของของเราคือความเห็นของเรา แล้วถ้ามันไปรู้ไปเห็นเข้า บุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกอดีตชาติได้ตลอด จุตูปปาตญาณ อนาคตระลึกได้ อาสวักขยญาณ ทำกิเลสให้สิ้นไป นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้เองโดยชอบ เราจะว่ามีหรือไม่มีนั้นแขวนไว้ก่อนถ้าไม่เชื่อ แล้วเราทำของเราไป ถ้าปฏิบัติไปไม่รู้ไม่เห็นอย่างนี้ มันสงสัย ความสงสัยมันปิดกั้นสมาธิ ความสงสัยทำให้เราปฏิบัติเนิ่นช้า
ฉะนั้น ถ้าเราทำจริงขึ้นมา มันจะไปแก้ความลังเลสงสัย ที่มันจะแก้ความลังเลสงสัยได้มันต้องรู้จริงเห็นจริง แล้วถ้าไปรู้จริงเห็นจริง รู้จริงเห็นจริงเอง มันจะไปเถียงกับใครล่ะ มันจะเถียงกับใคร
ตอนนี้เถียงกับตัวเองอยู่นี่ไง เถียงกับความไม่เชื่อ แต่ถ้าเวลามันรู้เองเห็นเอง มันประจักษ์แล้วมันจะเถียงใคร มันจะเถียงใครถ้าเราไปรู้ประจักษ์ แต่นี่มันยังไม่ประจักษ์ไง ต้องเถียงไปก่อน เถียงไปเรื่อยๆ เถียงไปจนกว่ามันจะรู้จริงเห็นจริงตามความเป็นจริงกับใจดวงนี้ เอวัง