เทศน์เช้า วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรม ตั้งใจฟังธรรมเพราะว่าเราเกิดมาเป็นชาวพุทธไง เกิดมาเป็นชาวพุทธก็เกิดเป็นมนุษย์ทั้งนั้นน่ะ เขานับถือลัทธิศาสนาใดๆ ก็แล้วแต่ เขามีความเชื่อของเขาแต่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนานะ เรามีพ่อมีแม่ พ่อแม่พาเข้าวัด มันเป็นประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธ ถ้าชาวพุทธเรา วันพระ วันโกนเขาจะไปวัดไปวาของเขา ไปวัดไปวาของเขา มันเป็นวันของโลกกับวันของธรรม
ถ้าวันของโลกนะ วันของโลกก็วันขวนขวาย วันขวนขวายการกระทำงานของเรา นั่นวันของโลก ถ้าวันของธรรมๆ ถ้าเป็นสมัยโบราณเขาวางเลย วันโกนวันพระ เขาเตรียมตั้งแต่วันโกนวันพระ เขาจะไปจำศีลของเขาจำศีลของเขา ถ้ามันเป็นวันธรรมไงวันธรรมคือเราอยู่ในที่ความสงบ อยู่ในที่ความสงัดไงให้หัวใจของเราได้รับรส ได้รับรสของสัจธรรม
ว่าธรรมะเป็นธรรมชาติๆเวลาวันของโลกเราขวนขวาย เรามีการกระทำ เราเหนื่อยยาก เราทุกข์เรายากในใจของเรา มันก็คิดนะวันไหนวันพระวันโกน มันจะได้ไปวัดไปวา ไปจำศีลไปจำศีล ไปประพฤติพรหมจรรย์ ถ้าประพฤติพรหมจรรย์นะ ให้หัวใจของเราให้มันผ่อนคลาย ให้หัวใจของเราได้รสสัจธรรม นี่มันเป็นโลกกับธรรม
ถ้าโลกเราก็ขวนขวาย การขวนขวายของเรามันมีความเพียรชอบ ความเพียรความวิริยะ ความอุตสาหะ ความเพียร ความวิริยะความอุตสาหะความอุตสาหะในทางศีลทางธรรมในทางศีลทางธรรมคือความสุจริตไง มันได้มาโดยสุจริต โดยธรรมมาภิบาล สิ่งที่ใดได้มาด้วยความเพียร ความวิริยะความอุตสาหะของเรา มันเหนื่อยมันยากไง ความเหนื่อยความยากนี้มันเป็นสุจริต ความสุจริตมันมีความอบอุ่น
ถ้าเป็นทางกิเลสตัณหาความทะยานอยาก มันฉ้อมันโกง มันปล้นมันชิงมาอย่างนี้ สิ่งนี้มันก็ขวนขวายเหมือนกัน แต่ขวนขวายมาเพื่อความบาปความกรรม มันเป็นบาปเป็นกรรมของเขาได้มาแล้วมันก็หวาดระแวงไปทั้งนั้นน่ะ แต่คนเราเกิดความจำเป็นขึ้นมา เวลาคนจำเป็นขึ้นมา ต้องเอาตัวรอดให้ได้ๆ
ความเอาตัวรอดให้ได้ ถ้าคนมีศีลมีธรรม มีศีลมีธรรม เอาตัวรอดได้มันก็ด้วยความวิริยะ ความอุตสาหะของเราความวิริยะ ความอุตสาหะของเราคนทำบุญกุศลมีบุญของเรา มันมีคนช่วยเหลือเจือจานของเรา ถึงเวลาแล้วมันไปเจอสิ่งที่เป็นผลประโยชน์กับเราได้แต่ถ้ามันมีบาปอกุศล ทำสิ่งใดไม่มีคนช่วยเหลือเจือจานเรา มีแต่ความทุกข์ความยาก นี่วันของโลก วันของโลกกับวันของธรรม
ถ้าวันของธรรม เรามาวัดมาวาของเรา มาวัดใจของเรา ใจของเรามันคัน มันคัน มันมีแต่ความทุกข์ แล้วความทุกข์ ทุกข์ที่ไหนมันก็พาลความทุกข์อันนี้มันไปทุกข์ที่ข้างนอกข้างใน ถ้ามันทุกข์อยู่ข้างในแล้ว ไปไหนมันก็มีความทุกข์ไปทั้งนั้นน่ะ
แต่ถ้าเรามาวัดใจของเรา วัดใจของเราด้วยอะไรด้วยศีล ด้วยสมาธิด้วยปัญญา ด้วยศีลด้วยความปกติของใจ ใจมันจะปกติได้อย่างไรล่ะ เวลาศีลศีลก็อยู่ในตำราไงศีลก็อยู่ที่พระ เวลาไปวัดก็ไปขอศีลไงขอศีลมาแล้วก็โยนทิ้งไง เวลาโยนทิ้งกูจะทำตามใจกู ขอมาเป็นพิธีไง ก็เชื่อกันว่ามันจะได้บุญๆไง แต่ศีลมันเกิดได้ที่ไหนล่ะ เกิดได้จากการงดเว้น เรางดเว้น งดเว้นอะไรศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ไง สิ่งที่เรางดเว้นงดเว้นเพราะอะไรล่ะ งดเว้นเพราะว่าเราต้องการหัวใจของเราไง หัวใจของเราที่มันดิ้นรนอยู่นี่ ดิ้นรนอยู่นี่เพราะไม่มีใครควบคุมดูแลมัน
ไม้บรรทัดๆจะไปวัดใครไม้บรรทัดเขาไว้วัดหัวใจของเรานี่ไงถ้าวัดหัวใจของเราศีล สมาธิ ปัญญาศีล ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล๒๒๗ เขาไว้วัดหัวใจของเราไง ถ้ามันวัดหัวใจของเราใจของเรามันก็ไม่ดิ้นรนจนเกินไป ถ้ามันมีทาน มีศีล มีภาวนาของมันจิตใจมันก็จะเกิดขึ้นไง นี่วันของธรรมๆ ที่เขาไปวัดๆเขาไปวัดตรงนี้ เขาไปวัดกัน เขาไปวัดใจของตน เขาไปวัดว่าใจของเรามันจะดีขึ้นมากน้อยขนาดไหนถ้ามันมีข้อวัตรปฏิบัติ
ดูสิ คนเรามันมีเครื่องประดับๆ หัวใจของเราก็มีศีลมีธรรมเป็นเครื่องประดับ ถ้ามีศีลมีธรรมเป็นเครื่องประดับขึ้นมา เราก็เทียมหน้าเทียมตาเขา เทียมหน้าเทียมตาที่ไหน เทียมหน้าเทียมตาในหัวใจของเรานี่ไง มันรู้เรารู้ของเรานะ ถ้าเรารู้ของเราเพราะอะไร เพราะมันอบอุ่น มันอบอุ่นมันไม่ว้าเหว่ใช่ไหม ดูทางโลกสิ ที่มันทุกข์มันยากกันอยู่นี่เพราะมันว้าเหว่ไง
เราเกิดมาจากพ่อจากแม่ แล้วพ่อแม่ก็ไม่ให้ความอบอุ่นเราเลย แล้วถ้าพ่อแม่ถึงเวลาแล้วพ่อแม่ก็ต้องจากไปก่อน แล้วเราก็ต้องเป็นปู่เป็นย่าเป็นตาเป็นยายเหมือนกัน แล้วความเป็นปู่เป็นย่าเป็นตาเป็นยาย เราเอาประสบการณ์ของหัวใจที่ไหน ถ้าเอาประสบการณ์ของหัวใจ
ดูสิ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวิชชา ๓ บุพเพนิวาสานุสติญาณ อดีตชาติมันมาจากไหนจุตูปปาตญาณเวลาตายไปแล้วไปเกิดอย่างไร อาสวักขยญาณ ชำระล้างกิเลสสิ้นไป สิ้นไปด้วยความสามารถขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมขึ้นมาอริยสาวกต่างๆประพฤติปฏิบัติตามธรรมนั้น ก็ได้อริยสัจในหัวใจดวงนั้นขึ้นมา
ไอ้ของเราเป็นชาวพุทธๆเวลาเราเชื่อๆเพราะเรายังมีศรัทธาความเชื่อของเราอยู่ ถ้าเรามีความเชื่อของเราอยู่ เราก็เชื่อปัญญาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง บุพเพนิวาสานุสติญาณ ย้อนตั้งแต่พระเวสสันดรไปจุตูปปาตญาณ ถ้าไม่สำเร็จเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะเกิดต่อหน้าไป เราเชื่อการเวียนว่ายตายเกิดไง ถ้าเราเชื่อการเวียนว่ายตายเกิด แต่เราไม่มีสติปัญญาสามารถชำระ
อาสวักขยญาณ ทำอวิชชาในหัวใจเราสิ้นไป ถ้าอวิชชาในหัวใจเราสิ้นไป เพราะอวิชชาความไม่รู้ในใจของเรา ความไม่รู้ไม่รู้รอบขอบชิด ถ้าไม่รู้รอบขอบชิดมันก็ต้องกระเสือกกระสนของมันไปมันต้องกระเสือกกระสนไปเพราะมันมีกรรมดีกรรมชั่ว
ใครบ้างไม่เคยมีการกระทำแม้แต่คิดมันก็ทำแล้ว มโนกรรมน่ะเวลาจิตมันคิดขึ้นมา จิตมันวิตกวิจารณ์ขึ้นมามโนกรรมมันเกิดแล้ว ถ้ามันเกิดแล้วก็สงสัย สงสัยก็ต้องค้นคว้า ค้นคว้าก็ไป ไปเกิดเถอะ เกิดเพราะมันจะค้นคว้าไง มันก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะไง เพราะมันยังสงสัยอยู่ เพราะมันเป็นอวิชชา ถ้ามันเป็นอวิชชา ที่เรามาวัดมาวากันถ้าเราทำของเราได้เราก็ทำบุญกุศลของเรา ถ้าบุญกุศลบุญกุศลเป็นอามิสอามิส รถที่มาได้ต้องเติมน้ำมันน้ำมันหมดก็จอดอยู่ข้างทางนั่นล่ะ
นี่ก็เหมือนกัน บุญกุศล คุณงามความดีของเราส่งเสริมหัวใจนี้มันเวียนว่ายตายเกิดไป แต่รถไปถึงแล้วรถมันเสีย รถ ยางมีอุบัติเหตุ นี่ก็เหมือนกัน เวลาเจอบาปอกุศล ชีวิตนี้มันไม่ราบรื่น ชีวิตนี้ ชีวิตนี้มันควรจะราบรื่นชีวิตนี้มันควรจะร่มเย็นเป็นสุข มันมีแต่อุปสรรค รถเรามีแต่ความชำรุด รถเรามีแต่ความเสียหาย เสียหายเพราะอะไร เสียหายเพราะเราไม่ได้ดูแลรถของเราให้มันดีถ้าดูแลรถของเราดีนี่ไง ที่เรามาเสียสละกันอยู่นี่ก็จะมาปะผุๆ กัน เสียสละทานๆ สละทานมันมีประโยชน์ตรงไหน
ของของเราเราหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง น้ำพักน้ำแรง แล้วเราเสียสละ เสียสละให้ผู้ทรงศีล ผู้ทรงศีลดูองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางไว้ วางธรรมวินัยนี้ไว้ ภิกษุให้ภิกขาจารภิกขาจารเลี้ยงชีพชอบ เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง เลี้ยงชีพด้วยร่างกายนี้ แล้วบริษัท ๔ อุบาสกอุบาสิกา ให้รู้จักให้ฝึกหัด ให้เสียสละ
วันๆ หนึ่งมันมีแต่กิเลสตัณหาความทะยานอยากบีบคั้นหัวใจ เช้าขึ้นมาหุงหาอาหารแล้ว ข้าวปากหม้อ ก่อนจะกินอาหาร เราก็ตักบาตรให้ผู้ทรงศีลไปก่อน ผู้ทรงศีลเขาไม่มีอาชีพผู้ทรงศีลเขาไม่มีหน้าที่การงานของเขา ผู้ทรงศีลเขาเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้งของเขา เขาเลี้ยงชีพของเขาเขาจะประพฤติปฏิบัติของเขาเพื่อค้นคว้าหาสัจธรรมความจริงในใจของเขา ถ้าเขาทำของเขาได้ เขาเป็นผู้ที่มีคุณธรรมในหัวใจมีคุณธรรมในหัวใจเทวดา อินทร์ พรหมท่านจะอนุโมทนาไปกับเขา ทำให้สังคมร่มเย็นเป็นสุข ฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล
ดูภัยแล้งๆภัยแล้งใครเป็นคนทำ ก็มนุษย์ทั้งนั้นน่ะ มนุษย์เป็นคนทำ มนุษย์เห็นแก่ตัว นี่วันของโลกๆวันของโลกกับวันของธรรม
ถ้าวันของธรรม ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นมนุษย์เหมือนกันองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดูสิ เวลาญาติข้างพ่อญาติข้างแม่แย่งน้ำกัน ไปถามเลยว่าน้ำมีคุณค่ากว่าชีวิตหรือไม่
ชีวิตนี้มีคุณค่ากว่าน้ำไง
พอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปห้ามครั้งที่ ๑ ห้ามครั้งที่๒ ห้ามครั้งที่ ๓ แล้วก็รบราฆ่าฟันกันเพราะแย่งน้ำทำนากันน่ะ เวลาโลกโลกก็แย่งชิงกันไงแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขนาดญาตินะเพราะอะไร เพราะมันเป็นความเห็นเพราะมันบอกว่าโลกๆ ไง เพราะมันจำเป็น ปัจจัยเครื่องอาศัยมันจำเป็นไงชีวิตมันอยู่ได้มันต้องมีอาหาร ไม่มีอาหารมันจะอยู่ได้อย่างไร ถ้ามันไม่มีน้ำจะทำนาอย่างไรถ้าไม่ทำนาขึ้นมาจะมีข้าวกินอย่างไรถ้าไม่มีข้าวกิน มันวิตกกังวลไปหมดเลย
แต่ถ้ามันปรึกษาหารือกันด้วยสัจธรรม ด้วยความเป็นธรรมๆนะ เราก็เป็นญาติกัน เราก็ดองกัน เราจะแบ่งปันกันไม่ได้หรือ ถ้าเราแบ่งปันกันได้ แต่ถ้าพูดอย่างนั้นไปแล้วลูกน้องมันไม่ยอมไงหัวหน้าไม่ศักดิ์สิทธิ์ผู้นำเราไม่เข้มแข็งมันทำอะไรมันติดขัดไปหมดล่ะถ้ามันติดขัดไปหมดนะ พอมันติดขัดไปหมด อยู่ที่เวลามีสติปัญญาแค่ไหน
ถ้ามีสติปัญญา ถ้าเป็นธรรมๆ นะ วันของโลกก็แสวงหาของเรามาด้วยความสุจริตด้วยสัจธรรม ถ้าวันของธรรมๆ ไปวัดไปวาแล้ววางเลยสิ่งที่เราต้องแบกรับภาระ วางไว้ก่อนๆเดี๋ยวออกไปแล้วค่อยไปทำต่อ ตอนนี้เวลามันวาง เรามาปฏิบัติที่วัด เวลามันวิตกกังวล ที่บ้านเราทำอะไรยังไม่เสร็จ ที่บ้านเราทำไม่เรียบร้อย นี่ตัวมันอยู่ที่วัด ใจมันอยู่ที่บ้านน่ะทั้งๆ ที่เรามาวัดทั้งๆ ที่เรานั่งอยู่ที่นี่แต่หัวใจไม่อยู่กับเราเลย เห็นไหม มันส่งไปที่บ้าน ส่งไปข้างนอกหมดเลยถ้ามันส่งไปๆ ก็จะมาวัด ก็จะมาวัดแล้วหัวใจมันอยู่ที่ไหน หัวใจมันอยู่ที่บ้านนู่น นี่ไง มันส่งออกๆ
ถ้าวันของธรรมๆ ทั้งๆ ที่เราเจตนา เราปรารถนาหัวใจของเรา ที่มาวัดๆ ก็มาค้นคว้าหัวใจนี่แหละ ถ้ามาวัดมาค้นคว้าหัวใจเพื่ออะไร ดูสิ ตบะธรรมๆ เขาประพฤติปฏิบัติกัน ศีล สมาธิปัญญา มันเกิดที่ไหนล่ะ มันก็เกิดที่หัวใจไง
เวลาอยู่ที่บ้านฉลาดนักปัญญาเยอะนัก ไอ้นั่นมันโลกียปัญญาทั้งนั้นน่ะ ปัญญามันเกิดจากความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวว่าตัวจะรู้ ตัวจะเห็นตัวจะเป็นไง แล้วไม่มีอะไรเป็นสักอย่าง เพราะอะไรเพราะมันรู้มันเห็นมันเป็นสัญชาตญาณ ก็ความเป็นมนุษย์นี่ไง เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนาไง เวลาศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ว่าปัญญาๆ กันอย่างที่เราคิดเอานี่ไงอย่างที่เราคิด เราก็เป็นความคิด ความคิดเป็นสัญชาตญาณ
แต่ถ้าเราไปวัดไปวา ครูบาอาจารย์ท่านจะสอนทำความสงบของใจเข้ามาก่อนทำความสงบของใจเข้ามาเพราะเหตุใด ปฏิสนธิจิตปฏิสนธิจิต ปฏิสนธิอันนั้นน่ะ จิตอันนั้นจิตอันนี้มันเป็นจิตเดิมแท้ ฐีติจิตมันอยู่ในหัวใจของเราเพราะไม่มีปฏิสนธิจิตก็ไม่มีชีวิต
สิ่งที่มานั่งกันอยู่นี่ ที่มีชีวิตนี้มันเพราะอะไรล่ะ ก็เพราะเวรเพราะกรรม เพราะเราสร้างคุณงามความดีมา มันถึงปฏิสนธิในไข่ ในครรภ์ ในน้ำครำ ในโอปปาติกะ ถึงเกิดเป็นมนุษย์ พอเกิดมาแล้ว เกิดมา พอเกิดมาในวัฏฏะ ผลของวัฏฏะก็คือสถานะนั้นน่ะ สถานะก็ความคิด ความรู้สึกอันนั้น สถานะนั้น ถ้าสถานะนั้นก็คิดแบบโลกๆ ไง นี่วันของโลกๆ ไง
ถ้าจะเป็นวันของธรรมๆ ถ้าไปวัดไปวาแล้วต้องพยายามทำความสงบของใจเข้ามาสิ่งที่ทำความสงบของใจเข้ามาก็จะเข้าไปสู่เนื้อของใจถ้าเนื้อของใจก็ไปปฏิสนธิจิต ปฏิสนธิอันนั้นน่ะ ปฏิสนธิสังโยชน์มันอยู่ที่นั่น ความผูกมัดทิฏฐิความเห็นผิดมันเกิดที่นั่น
แต่เวลาปัญญามันเกิดๆปัญญานี้ปัญญาข้างนอก ปัญญาข้างนอกถ้ามีสติปัญญา เราศึกษาแล้ว ครูบาอาจารย์ท่านใช้คำว่าปัญญาอบรมสมาธิ ปัญญาอย่างนี้ปัญญามันเท่าทันอารมณ์ มันวางอารมณ์ๆ ถ้าวางอารมณ์ก็เป็นตัวตนของมัน ถ้าเป็นตัวตน จิตมันสงบก่อน แล้วถ้าฝึกหัดใช้ปัญญาขึ้นมา นี่ปฏิสนธิจิตเนื้อของจิตๆ มันไปแก้กันที่นั่น ถ้ามันไปแก้กันที่นั่น ที่มาวัดๆ ก็มาค้นหาอย่างนี้ ถ้ามาวัดก็มาค้นหาใจเรานี่แหละ
เวลาไปวัดกันก็ไปขอเครื่องรางของขลังขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอสิ่งที่มันจะคุ้มครองโลก...ตายหมดไม่มีใครเหลือ
แต่ถ้ามันมาวัดหัวใจของตน มาวัดหัวใจของตน สิ่งที่มันจะคุ้มครองหัวใจ ใครจะคุ้มครองหัวใจ ถ้าเรามีสติมีปัญญาภิกษุทั้งหลายเธอจงพิจารณาสังขารด้วยความไม่ประมาทเถิด
ด้วยความประมาทนะ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ความหายใจทุกลมหายใจต้องมีสติปัญญาพร้อมนะเพราะว่าประมาทกับชีวิตนี้ไม่ได้นะ นี่ไง ถ้ามันมีสติปัญญา นี่ไง ที่ว่าจะคุ้มครองๆ ชีวิตคุ้มครองด้วยสติด้วยปัญญา ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมา ถ้ามันจะผิดพลาดด้วยเวรด้วยกรรมนะ คนมีเวรมีกรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาท่านป่วย ดูสิ หมอชีวกฯ เป็นหมอประจำองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังเจ็บไข้ได้ป่วยนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาเวรกรรม เศษของกรรม พระโมคคัลลานะเขามาทุบมาตีนั่นน่ะ นั่นก็เศษของกรรมทั้งนั้นน่ะเศษของกรรมก็คือร่างกายนี้ไง
ดูสิ เราเกิดมาเป็นคน สูง ต่ำดำ ขาว ไม่เหมือนกันเลย โรคภัยไข้เจ็บแต่ละคนไม่เหมือนกันเลย มันเป็นพันธุกรรมที่มันมีมา นั่นน่ะๆ เวรกรรมทั้งนั้นน่ะ เวรกรรมที่ทำมาทั้งนั้นน่ะ ถ้าเวรกรรมที่ทำมา เขาจะรักษาอย่างนั้น เขาจะดูแลอย่างนั้น ถ้ามันดูแลรักษาอย่างนั้น นี่เป็นเรื่องของโลกไง
ถ้าเรื่องของธรรม วันของธรรมๆ ก็มาวัดหัวใจก็มาค้นคว้าหัวใจถ้าหัวใจมันเจอหัวใจ ถ้ามันเจอนะจิตมันสงบได้ ถ้าจิตสงบได้ ชาวพุทธมันถึงได้มั่นคงไง มันมั่นคงกับศาสนาศาสนามันอยู่ที่ไหนไปอินเดียกัน ไปค้นคว้ากัน ไปค้นหา หาไม่เจอ ถ้าหาเจอ พุทโธหายใจเข้าและหายใจออก หัวใจนี้ถ้ามันเจอขึ้นมาโอ้โฮ!
เวลาเขาไปกัน อู๋ย! เมื่อก่อนนับถือศาสนาแล้วมันก็จืดๆ พอไปสังเวชนียสถานทั้ง๔ โอ้โฮ! มันซาบซึ้งมันซาบซึ้ง
ซาบซึ้งก็ไปกี่รอบล่ะ ไปกี่รอบก็ต้องหาเงินไปนั่นไงแต่ถ้าพุทโธๆ อยู่ที่ไหนก็ได้ จิตสงบเข้ามายิ่งซาบซึ้งใหญ่ นี่พุทธะศาสนาๆ อยู่ที่นี่ ไปวัดๆ ไปวัดที่นี่ วัดหัวใจของเราไง
วันของโลกเราก็แสวงหา เราก็มีการกระทำ แต่เรามีการกระทำ ถ้ามันมีวัฒนธรรม มันมีจริตนิสัย มันก็ทำแต่คุณงามความดีเพราะเราจะต้องค้นคว้าหาใจของเรา ถ้าเราค้นคว้าหาใจของเรา ศีลสมาธิ ปัญญา ถ้าเป็นสัมมาทิฏฐิ มันเป็นศีลที่ถูกต้อง ถ้ามันจะเป็นสมาธิลงมันก็เป็นสัมมาสมาธิ
ถ้ามันเป็นทุศีล มันเป็นความโลภ มันต้องการสิ่งต่างๆ เวลามันเป็นสมาธิไปมันก็เป็นมิจฉา พอเป็นมิจฉาขึ้นมา มันจะเข้าเครื่องรางของขลังแล้ว จะเอาไอ้นู่น จะเอาไอ้นี่ จะปกป้อง
ปกป้องอะไร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังปรินิพพานเลย ทุกคนตายหมด ทุกคนตายหมด จะปกป้องอะไร อริยสัจที่ไหนมีการเกิดการแก่ การเจ็บการตาย มันต้องมีฝั่งตรงข้าม ไม่เกิดไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายทำไมถึงไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายถ้าไม่เกิด ไม่แก่ไม่เจ็บ ไม่ตาย มันก็ต้องทำอวิชชาทำอาสวักขยญาณ ทำลายสำรอกคาย คายเวรคายกรรมอันนั้นพ้นไป ถ้ามันพ้นไป มันจะไปเกิด ไปแก่ ไปเจ็บไปตายที่ไหนเพราะมันไม่มีเชื้อ
ที่เราทำ บุญกุศลก็เป็นเชื้ออันหนึ่ง บาปอกุศลก็เป็นเชื้ออันหนึ่ง ถ้าเรามีเชื้ออยู่นี่ มันต้องไปแน่นอน ถ้าไปแน่นอน แต่เราก็ขอเชื้อดีไง เราขอเชื้อบวกเชื้อบุญเกิดก็ให้บุญพาเกิดเกิดแล้วขอให้เจอสังคมที่สงบระงับเกิดแล้วขอให้มีแต่คุณงามความดี เราก็อยากขอที่ดีๆ ทั้งนั้นน่ะ แต่ผลของวัฏฏะ เราคนดี ดูสิขับรถอยู่กลางถนนขับรถเสียดีเลย ไม่รู้รถมันมาจากไหนมันชนโป้ง เราไม่รู้เรื่องเลย นี่เวลามันให้ผล เราระวังเรียบร้อย ระวังดีหมดเลย แต่เวลามันให้ผลล่ะ กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กันนะ
นี่พูดถึงว่าวันของโลกและวันของธรรม ถ้าวันของโลก เราก็ต้องมีสติปัญญารักษาค้นคว้าหาประโยชน์กับเราหาประโยชน์นะเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว มนุษย์มีสติปัญญา มนุษย์ต้องหาแต่สิ่งดีๆเพื่อชีวิตของเราเวลาวันของธรรมวันของธรรมเราก็แสวงหา สัมมาทิฏฐิความเห็นที่ถูกต้องดีงาม เพื่อให้จิตใจของเราให้เข้าสู่สัจธรรม
ไม่ต้องว่าให้คนนู้นมาตัดสินคนนี้มาตัดสิน ดูสิลัทธิศาสนาอื่นต้องให้พระเจ้าตัดสินวันโลกแตกต้องให้เขามาตัดสิน
ปัจจัตตังใครต้องตัดสินกิเลสในใจของคนใครต้องตัดสิน เจ้าชายสิทธัตถะ อาฬารดาบส อุทกดาบสรับประกันเลยบอกว่าเป็นศาสดาเหมือนเรา นี่เขาตัดสิน เขาเชิดชูเขายกย่องเลยยกย่องให้เจ้าชายสิทธัตถะเป็นอาจารย์เหมือนกับอาฬารดาบส อุทกดาบส
พระพุทธเจ้าบอกไม่เอา เพราะหัวใจมันยังไม่ตัดสิน ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก มันรู้อยู่ในหัวใจ เรารู้ๆ อยู่ มีแต่คนมายกย่องสรรเสริญ อาจารย์ยกเลย เจ้าชายสิทธัตถะไม่เอาปฏิเสธ แล้วเจ้าชายสิทธัตถะมาค้นคว้าเอง มันเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโกมันเป็นปัจจัตตังมันเป็นสิ่งที่เราประสบ สิ่งที่เราทำของเราเอง เวลาถ้ามันเป็นอาสวักขยญาณ มันก็สำรอกคายกิเลสเอง แล้วใครตัดสิน ใครตัดสิน
แต่เวลาลัทธิศาสนาอื่นโลกแตก เดี๋ยวพระเจ้าตัดสิน เราทำอะไรก็แล้วแต่ ก็ติดสินบนไง ติดสินบนพระเจ้าตัดสินดีๆ เนาะ ติดสินบนเลย แต่ของเราทุศีล
สัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องมันต้องถูกต้องดีงามของมัน ต้องทำของเรา เราจะทำของเราเพื่อประโยชน์กับเราถ้าเพื่อประโยชน์กับเรา ถ้าเป็นวันทางโลกเราก็ทำของเราเพื่อประโยชน์ทางโลกประโยชน์ทางโลกคือเรื่องของโลกๆเราก็อยู่กับโลกด้วยสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องประโยชน์ของธรรมนะ ประโยชน์ของธรรมคือจิตใจของเราเอง เราจะเอาตัวรอด
หลวงตาท่านสอนประจำใครจะดีจะชั่วเรื่องของเขา เราจะทำความดีว่ะ ใครเขาจะโลดเต้นเผ่นกระโดดไปไหนก็แล้วแต่ เราจะกำหนดพุทโธ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธว่ะเพราะหัวใจของเรา เราเป็นคนคุ้มครองดูแลมันเอง ของของเราเราต้องปกป้องรักษาของเราเองใครจะดีจะชั่วเรื่องของเขา เรื่องของเขา เรื่องของเราคือคุณงามความดีของเรา สัจธรรมในใจของเรา วันของธรรมค้นคว้าหาที่นี่
แล้วค้นคว้าที่นี่ เวลาครูบาอาจารย์ท่านแสวงหา หลวงตาท่านจบถึงมหาท่านจะปฏิบัติก็สงสัยๆ เราจะมีความรู้ขนาดไหนก็สงสัย เพราะเรามีกิเลส ท่านถึงดั้นด้นไปหาหลวงปู่มั่นไงทีนี้หลวงปู่มั่นท่านเป็นคนชี้นำๆ
นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราจะประพฤติปฏิบัติ เราจะมีเป้าหมายของเรา ถ้ามีครูบาอาจารย์ ถามท่านเลย ก็เป็นอาจารย์ของเรา อาจารย์เขาไว้ไต่ถาม ไม่ใช่จานข้าวเอาไว้ใส่ข้าวกิน ครูบาอาจารย์ต้องตอบปัญหาเราได้ ครูบาอาจารย์ต้องชี้นำเราได้ ครูบาอาจารย์ต้องชักนำเราได้ ไม่อย่างนั้นจะไปเรียกว่าครูบาอาจารย์ทำไม ถ้าเรามีปัญหาในใจถามท่านเลย ถามท่านเลย เพื่อประโยชน์กับเราเพื่อทางลัดทางสั้นเพื่อให้หัวใจเราเข้าสู่สัจธรรมอันนั้น
เกิดเป็นชาวพุทธไง หลวงตาท่านสอนประจำ จิตที่สูงกว่าจะดึงจิตที่ต่ำกว่า ครูบาอาจารย์เรา จิตที่สูงกว่า ท่านก็ชักนำครูบาอาจารย์ของเราเป็นขั้นเป็นตอนมาจนกรรมฐานเรามั่นคง มั่นคงเพราะอะไรกรรมฐานมั่นคงเพราะการประพฤติปฏิบัติกรรมฐานมั่นคงเพราะมันเกิดมรรคเกิดผลกรรมฐานมันเกิดจากศีล สมาธิปัญญา มันเกิดความจริงขึ้นมา
คนมีปัญญาๆ ใครจะมาหลอก ไอ้คนที่โดนหลอกก็เพราะคนมันโง่ ถ้าคนมีปัญญา ใครจะมาหลอก เราฝึกฝนๆปัญญา มหาปัญญาเกิดปัญญาจริงในหัวใจของเราขึ้นมาประสบการณ์อันนี้ไม่ต้องให้ใครตัดสิน ไม่ต้องความจริง ความถูกความผิดในใจมันตัดสิน ความดีงามในใจนี้ตัดสิน ศีลสมาธิ ปัญญามันตัดสิน ถ้ามันตัดสินขึ้นมาแล้ว นี่วันธรรมๆ วันพระไงวันพระเป็นวันธรรม
ถ้าวันปกติเป็นวันทางโลกทางโลกเราก็ทำของเราด้วยสัมมาอาชีวะ เราทำของเราด้วยความถูกต้องดีงามของเราถ้าวันธรรมๆ นะ เราค้นคว้าหานามธรรม ค้นคว้าหาความรู้สึกค้นคว้าหาคุณธรรมประพฤติปฏิบัติขึ้นมา พยายามต่อสู้กับมัน ต่อสู้กับสิ่งที่มันต่อต้าน แล้วพยายามต่อต้านนั่นคือกิเลสตัณหาความทะยานอยากถ้ามันทำความจริงขึ้นมา วันธรรมๆ ไงวันแสวงหาธรรมเราจะได้คุณธรรมเอวัง