เทศน์เช้า วันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
อ้าว! ตั้งใจฟังธรรมะนะ เราอุตส่าห์แสวงหาสัจธรรม แสวงหาความเป็นจริงนะ เวลาอยู่ทางโลก เวลาทุกข์เวลายากขึ้นมาจะมาบวชพระ เวลาบวชพระขึ้นมาแล้ว บวชพระเป็นลูกของใคร เวลาอยู่บ้านอยู่เรือนมีพ่อมีแม่มีลูกมีเต้า ก็จะต้องปกครองดูแลกัน พอบวชเป็นพระแล้วใครจะดูใครจะแล
เวลาบวชมา อุปัชฌาย์ยกเข้าหมู่มา ให้บิณฑบาตเป็นวัตร ให้บิณฑบาตเลี้ยงชีพ ให้ใช้ผ้า ๓ ผืน ให้ใช้ยาน้ำมูตรเน่า เวลาอยู่ก็อยู่เรือนว่าง ปัจจัย ๔ เวลามียาอยู่แล้ว น้ำดองมูตรเน่ามันจะเป็นยาประจำพระอยู่แล้ว พระเขามียาประจำของเขาอยู่แล้ว
ฉะนั้น พระเรามาออเซาะกันไง พอบวชเรียนขึ้นมาแล้วเจ็บไข้ได้ป่วย เวลาภาวนาขึ้นมา มาตรฐานของธรรมๆ ไง พระจะมีอะไรเป็นคุณธรรม ก็ต้องมีศีลมีธรรมในหัวใจเป็นคุณธรรม เป็นทรัพย์สมบัติ
โยมเขาจะมีอะไร เขาก็มีทรัพย์สมบัติของเขา พระก็จะมีทรัพย์สมบัติก็ต้องมีคุณธรรมในใจ ถ้ามีคุณธรรมในใจ มาตรฐานของใจ มาตรฐานของการประพฤติปฏิบัติมันอยู่ตรงไหน ถ้ามาตรฐานการประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เขาแสวงหาคุณธรรมของเขา ถ้าแสวงหาคุณธรรมของเขา เขาได้ความร่มเย็นเป็นสุขของเขา เขาจะไม่มาวุ่นวายเรื่องอย่างนี้เลย วุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ถ้าวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ถ้าใจวุ่นวายนะ ขอให้มีน้ำใจกับพ่อกับแม่ ที่บ้าน พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก ลูกดูแลพ่อดูแลแม่ พี่ป้าน้าอาดูแลให้ดี เวลาพี่ป้าน้าอาพ่อแม่ของเราในบ้านเคยดูแลไหม แล้วจะวุ่นวายไปนอกบ้านนอกเรือน ไอ้นอกบ้านนอกเรือนมันเป็นเรื่องของกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ไอ้หน้าที่ของตัวไม่ทำ ไอ้จะมาทำ มาทำเรื่องของพระ พระเราเจ็บไข้ได้ป่วยมันเรื่องธรรมดา ดูสิ ยาในคลัง โอ้โฮ! มหาศาลเลย
ฉะนั้น จะประกาศเลยล่ะ ถ้าใครเอายามาๆ วางไว้นะ อย่ามาวุ่นวายนะ พอวุ่นวายแล้วไม่ไหว มาออเซาะอะไรกันอยู่อย่างนั้นน่ะไม่จบไม่สิ้น เขาไม่ได้บวชมาเอายา เขาบวชมาเพื่อคุณธรรมในใจของเขา แล้วถ้าพระเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไปโรงพยาบาล ถ้าโรงพยาบาล มันก็เรื่องบุรุษพยาบาลกับนางพยาบาล ถ้าบุรุษพยาบาลกับนางพยาบาล เราก็ไปเคลียร์กับเขาเอง เวลาพระเขามีโรคฟันก็ไปคลินิก เขาไปหาหมอ มันก็จบไง ถ้าไปหาหมอ ร่างกายนี้ป่วย จิตใจมันไม่ป่วย
หลวงตาพูดประจำ ไอแค่กหนึ่ง ไปโรงพยาบาล มดแดงกัดก็จะไปโรงพยาบาล
ในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ถ้าเธออยากจะอุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เธอจงอุปัฏฐากภิกษุป่วยเถิด เวลาภิกษุป่วยนะ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วย คนทิ้งขว้างไม่ดูแล อันนั้นเราก็น่าเห็นใจ ไอ้นี่พูดถึงนะ แต่เวลาคนเราเจ็บไข้ได้ป่วยมันเจ็บไข้ได้ป่วยที่ไหน เป็นห่วงเป็นใยกันนักไอ้เรื่องสุขภาพกายๆ ไอ้สุขภาพจิตไม่เคยเป็นห่วงเลย แล้วสุขภาพจิตมันเป็นห่วง มันดู นี่มาตรฐานๆ มันอยู่ตรงนั้นไง ฉะนั้น มาตรฐานอยู่ตรงนั้นมันเป็นความจริง
ประกาศเลยเราไม่ได้เคยอ้อนวอน ไม่ได้ขอใคร ไม่ได้ใดๆ ทั้งสิ้น แล้วไม่มีใครไปซุบซิบๆ กัน ไม่เอา ไอ้ซุบซิบๆ กันแล้วเอามาให้ ไม่ต้อง
มันจะมีมันก็มีเรื่องร่างกายอ่อนเพลีย มันชราภาพ มันก็เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเรื่องธรรมดานะ มันได้พักผ่อนแล้วมันก็หาย ถ้ามันพักได้ผ่อนขึ้นมามันก็สดชื่นขึ้นมา มันไม่ต้องมาดูแลกันจนขนาดที่ว่ามัน อู้ฮู! เอาอกเอาใจอะไรขนาดนั้น เอาอกเอาใจกัน
เวลาหลวงตาท่านพูดนะ มันมีพระไง บอกไปที่นั่นอากาศไม่ดีๆ หลวงตาท่านสวนกลับเลย เอ็งไปได้ธาตุขันธ์มาจากไหนวะ มึงจะเอาอากาศที่ไหน จะเอาอากาศบนดวงจันทร์ใช่ไหม ดวงจันทร์ไม่มีอากาศนะมึง นี่ไง ธาตุขันธ์ไม่ดี นู่นไม่ดี
เวลาเราไปภาวนา เราไปวิเวก เราก็แสวงหาของเรา ที่ไหนมันพอพักอาศัยได้ที่มันปลอดโปร่ง ที่นั่นมันควรแก่การภาวนา เราจะอยู่ที่นั่น ที่ไหนอากาศมันอับมันชื้น เราก็หลีกเร้นเสีย ถ้าหลีกเร้นแล้วมันจะต้องไปเรียกร้องอะไรกันมากมายขนาดนั้น ถ้าเรียกร้องมากมายขนาดนั้น
ธุดงควัตร อยู่ในเรือนว่าง เรือนว่าง อากาศมันปลอดโปร่งมาก เราก็อยากจะมีบ้านทรงสเปนไปปลูกในทุ่งนา แล้วให้น้ำท่วมหลังคา แล้วเราก็ไปซ่อมแซมกันไง นี่เราเห่อไปกับเขา เราเห่อไปกับกระแสโลก แต่มาตรฐานของใจมันไม่ดูแลรักษากัน ถ้าดูแลรักษามาตรฐานของใจนะ สิ่งนั้นเป็นเครื่องอาศัยเท่านั้นน่ะ
การเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเรื่องธรรมดานะ ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด ถ้าชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด ถ้าจิตใจที่มันมีคุณธรรมในใจแล้วอะไรมันจะมาพลัดพราก เพราะว่าเวลาโยมทำบุญกุศล สิ่งที่ว่าเป็นทิพย์ๆ มันไปกับใจดวงนี้ ใจดวงนี้ทำสิ่งใดนะ กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน ความเกิดมา เกิดมาเพราะจริตนิสัย เกิดมาเพราะได้สร้างบุญสร้างกรรมมา เกิดมามันถึงมีจริตนิสัย มีความคิดแตกต่างกันมา เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนเรื่องคุณธรรม คุณธรรม เรื่องศีล เรื่องสมาธิ เรื่องปัญญา เรื่องความปกติของใจ ถ้าใจมันปกติขึ้นมาแล้วมันไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทำร้ายใคร ถ้าจิตมันเป็นสมาธิขึ้นมาแล้วมันมีความสุขในหัวใจนั้น ถ้าเกิดภาวนามยปัญญาขึ้นมามันมหัศจรรย์ๆ แล้วสิ่งนี้มันเกิดที่ไหน มันเกิดที่ใจดวงนั้น ใจดวงนั้น ปฏิสนธิจิตเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เพราะมันมีอวิชชา เพราะมีความมืดบอด มันถึงเวียนว่ายตายเกิดของมัน ถ้าเวียนว่ายตายเกิดของมันนะ เกิดมายังมีอำนาจวาสนา ยังมีศรัทธามีความเชื่อในพระพุทธศาสนา มีความเชื่อในคุณงามความดี
จะลัทธิศาสนาใดก็แล้วแต่ ทำดีก็คือทำดี ทำชั่วก็คือทำชั่ว แต่ทำดี ทำดีในวัฏฏะไง ทำดีในวัฏฏะ การเสียสละ การทำคุณงามความดีมันเป็นผลของวัฏฏะ เพราะทำดีต้องมีผลใช่ไหม เราเรียกร้องกัน ทำดีแล้วไม่ได้ดี ทำดีแล้วไม่ได้ดี
ทำดีต้องได้ดีสิ แต่มันได้ดีตรงไหนล่ะ ถ้ามันได้ดี ดูสิ ภาชนะของเรา ถ้าภาชนะของเราที่เราดี เราใส่วัตถุที่มีคุณค่าที่ดีมันก็ดีไปหมด ภาชนะของเราที่มันมีแต่ความสกปรกโสโครก ไปใส่ที่มันมีคุณภาพเท่าไร มันก็ทำให้สกปรกโสโครกไป มันมองไม่เห็นวัตถุนั้น เห็นแต่ความสกปรกโสโครกในภาชนะนั้น
จิตใจของคนๆ ถ้าจิตใจของคนมันดี สิ่งที่มันดี ทำคุณงามความดีๆ ว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี มันต้องได้ดีของมัน คำว่า ภาชนะๆ ก็คือจริตนิสัย ภาชนะๆ ก็คือเวรกรรมของเก่าไง กรรมเก่าขึ้นมา เขาปรารถนาดี พ่อแม่ปรารถนาดีกับลูกขนาดไหน ลูกก็บอกว่าพ่อแม่ลำเอียง พ่อแม่ไม่รักของเรา มันต้องการของมัน ต้องการตามใจของมัน แต่เวลาพ่อแม่คนไหนที่ไม่รักลูกบ้าง แต่อำนาจวาสนาของพ่อของแม่ใช่ไหม อำนาจวาสนาของพ่อของแม่ที่เขามีอุดมสมบูรณ์ เขาก็ดูแลลูกของเขาได้เต็มไม้เต็มมือของเขา ถ้าพ่อแม่อัตคัดขัดสนขึ้นมาก็ดูแลด้วยน้ำใจ ดูแลด้วยความจริง เพราะมันเวรไง กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กันไง ก็มาเกิดเป็นพ่อเป็นแม่กันอย่างนี้ไง เวลาร่ำรวย ทำไมไม่ไปเกิดกับพ่อแม่ที่ร่ำรวยล่ะ ทำไมเกิดกับพ่อแม่ที่ขัดสนล่ะ พ่อแม่ที่ขัดสนเพราะมันมีเวรมีกรรมต่อมาด้วยกันไง ถ้ามันมีเวรมีกรรมมาด้วยกัน กรรมที่ทำดีทำชั่ว สิ่งที่ทำดีทำชั่วมันพาเกิดไง ถ้ากรรมพาเกิดๆ
ทีนี้มันเกิดมาแล้ว เกิดมาเพราะเวรเพราะกรรม แต่ปฏิสนธิจิต เวรกรรมจะเกิดจากการกระทำ มโนกรรมคือความรู้สึกนึกคิด พอมันคิดสิ่งใดๆ แล้วความคิดมันเสมอกัน ความคิดมันเท่ากัน มันจะไปเกิดที่ตรงนั้นไง ถ้าความคิดที่สูงส่ง ความคิดที่เลื่อนลอย เราจะเขย่งเท้าขึ้นไปให้เกิดสูงส่งอย่างนั้นได้ไหม นี่ไง สิ่งที่เป็นทิพย์ๆ ถึงแย่งชิงกันไม่ได้ไง ความรู้สึกนึกคิดนี้แย่งชิงกันไม่ได้ไง เพราะความรู้สึกนึกคิดมันคุ้นชินกับใจอันนั้นไง ถ้าความคุ้นชินกับใจอันนั้น เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนเรื่องอะไร พอสอนแล้วให้ทำดีๆ ทำดีก็ไม่ได้ดีสักที
ทำดี ทำดีก็นี่ไง ทำดี ถ้ามันมีผลคุณงามความดี มันก็เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะไง ถ้าเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ใครเป็นคนไปเกิดล่ะ จิตนี้พาเกิดๆ จิต ตัวจิต ตัวเรานี่แหละ แต่เราไม่เคยเห็นเรา เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนอย่างนี้ สอนให้สร้างคุณงามความดีกับใจดวงนั้น ถ้าใจดวงนั้นสร้างคุณงามความดี กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมหอมทวนลมนะ
เวลาครูบาอาจารย์เรานั่งสมาธิภาวนาอยู่ในป่า เทวดามาอุปัฏฐากอุปถัมภ์เลยล่ะ เพราะเทวดาเขาต้องการให้จิตนั้นสงบ ต้องการให้จิตนั้น ดูสิ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศน์ธัมมจักฯ ขึ้นไป เทวดาส่งข่าวเป็นชั้นๆๆ ขึ้นไปเลย มนุษย์ยังไม่รู้เรื่องเลย เทศน์ปัญจวัคคีย์ พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรมองค์เดียว แต่เทวดาส่งข่าวเป็นชั้นๆ ขึ้นไป เพราะอะไร เพราะเขาปรารถนา เขารอสัจธรรม รอสัจธรรม
ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ทุกข์ดับ วิธีการดับทุกข์ เทวดา อินทร์ พรหม เขาอยู่ของเขาด้วยความสุขของเขา เขาอยู่ด้วยทิพย์สมบัติของเขา ทำไมเขายังทุกข์ล่ะ ทิพย์สมบัติมีทุกข์ไหม ทิพย์สมบัติของเขามันสมบูรณ์ทั้งนั้นแหละ แต่มันทุกข์สิ ทุกข์เพราะมันต้องตายไง การเกิดที่ไหนไม่มีการตาย สถานะของคนที่สูงส่งขนาดไหน แล้วถ้ามันต้องพลัดพราก มันจะทุกข์ขนาดไหน ถ้ามันทุกข์ขนาดไหน แล้วทำอย่างไรที่มันจะไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย นี่เวลาต้องการสิ่งนั้นไง
ฉะนั้น เวลาครูบาอาจารย์เราท่านอยู่ในป่าในเขา เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นไปไง ถ้าจิตมันสงบ จิตมันจะทำคุณงามความดี เขาส่งเสริม ทีนี้พระเราๆ นี่ไง เวลาพระเราไปอยู่ในป่าในเขา ถ้ามันทุกข์มันยาก ไม่ไป ไปก็กลัวผี ไปแล้วเดี๋ยวอากาศมันจะไม่ดี เดี๋ยวจะไม่มีคนอุปัฏฐากยา เดี๋ยวไม่มีคนมาส่งของ มันก็ไปห่วงนั่น แล้วมันจะได้อะไรล่ะ มันก็ได้ความรู้สึกนึกคิดอย่างนั้นแหละ
แต่ถ้าเป็นความจริงๆ เขาไปของเขาเพื่อเหตุนั้น เพื่อประโยชน์อย่างนั้น ถ้าเพื่อประโยชน์อย่างนั้น ทำความดีอย่างนั้น ถ้าทำความดีอย่างนั้นนะ เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนเรา สอนเราให้ทำคุณงามความดี เราจะเรียกร้องกันว่าทำดีไม่ได้ดี...ได้ ทำดีได้ดี ทำดีได้ชั่ว แต่คุณงามความดีของเรา เราทำของเรา ปัจจุบันนั้นเป็นความดีของเรา ถ้าเราไม่ทำความดีของเรานะ ไฟกิเลสในใจมันแผดเผา การทำคุณงามความดีมันกระเสือกกระสน มันหาไง ดูสิ เวลาเขาทุกข์เขายาก เขาก็ต้องหาที่หลบภัย หลบร้อนของเขา
นี่ก็เหมือนกัน ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมโอสถ สัจธรรมอันนี้มันเป็นที่พึ่งที่อาศัยทั้งนั้นน่ะ ทีนี้เป็นที่พึ่งที่อาศัย คนมันร้อนมา คนร้อนมา พอเข้ามาแล้วมันจะให้หายร้อน เอ็งก็ต้องผ่อนคลายสิ ผ่อนคลายให้ความร้อนมันกระจายออกสิ แล้วความร้อนจะกระจายออกด้วยสิ่งใดล่ะ ก็ด้วยธรรมโอสถไง ด้วยธรรมโอสถ การกระทำของเรานี่ไง
ถ้าการทำคุณงามความดี ดูสิ เราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ หายใจเข้านึกพุธ หายใจออกนึกโธ
นึกพุทโธมันจะมาช่วยอะไรได้
ก็มันทุกข์อยู่นี่ มันร้อนอยู่นี่ เอ็งหายใจเข้านึกพุท แล้วหายใจออกโธสิ ถ้าหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ความรู้สึกนึกคิดมันไปเกาะที่พุทธานุสติ ถ้าความรู้สึกนึกคิดไปเกาะที่พุทธานุสติ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็คุ้มครองเอ็งไง ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคุ้มครองด้วยพุทธานุสติ พุทธะ ถ้าจิตมันอยู่กับพุทธะมันก็อบอุ่นไง แต่เวลาจิตมันไม่อยู่ที่พุทธะ มันไปอยู่ที่ความเครียด มันไปอยู่ที่ความทุกข์ความยากอันนั้นไง มันทิ้งพุทธะ มันทิ้งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วมันไปอยู่กับกิเลสตัณหาความทะยานอยากที่แผดเผาในใจของมัน แล้วมันบอกว่ามันทำดีแล้วไม่ได้ดี ทำดีแล้วไม่ได้ดี
ทำดี เอ็งก็มาอยู่กับพุทธะสิ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ถ้าความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดมันไปอยู่กับพุทโธแล้ว พุทโธคุ้มครองแล้วมันจะคิดได้ไหม มันจะมีความทุกข์ในหัวใจไหม แต่มันหวงไง มันหวงว่าสิ่งนี้เป็นของฉันๆ ฉันคิดขึ้นมาแล้ว ยิ่งใครติฉินนินทา มันซับไปที่ใจ มันคิดแต่เรื่องนั้นน่ะ เคยทำความดีเอาไว้ ทำดีแล้วไม่ได้ดี ใครทำความดีแล้วนึกไม่ถึง นึกไม่ได้ นิดเดียว แค่ตักบาตรไปทัพพีหนึ่ง โอ้โฮ! ไปฟังเทศน์พระ พระก็มาด่ามาเมื่อวาน เบื่อมากเลย นี่ความดีมันก็ไม่คิดถึง มันก็ไม่เอาไง แต่ถ้าใครติฉินนินทานะ อู๋ย! เขาด่าเรา เขาด่าเรา มันทุกข์อยู่นั่นน่ะ
นี่ไง ถ้ามันมาอยู่กับพุทโธๆๆ พุทธะคุ้มครอง แล้วถ้าระลึกถึงสัจธรรม สัจธรรมก็นี่ไง เมื่อกี้มันยังร้อนๆ อยู่เลย ทำไมมันเย็นได้ล่ะ เมื่อกี้มันยังเครียดอยู่เลย เวลามันอยู่กับพุทโธแล้วทำไมมันหายได้ล่ะ
เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด สัจธรรมมันเกิดขึ้นด้วยเหตุและปัจจัย ถ้าเหตุมันถูกต้องดีงามขึ้นมา สัจธรรมอันนั้นมันจะไปไหน แต่เรามันตื่นเงาไง ตื่นแต่เงา ตื่นแต่กระแสสังคม สังคมก็กระแสสังคม กระแสสังคมนั้นสร้างขึ้นนะ ศีล สมาธิ ปัญญามันจะเกิดในใจ ใครจะสร้างขึ้น เราทำของเราขึ้นมาทั้งนั้นน่ะ ถ้าเราทำของเราขึ้นมาทั้งนั้น แล้วถ้าเราทำได้ไง กว่าที่จะทำได้มันก็ต้องเข้มแข็งอย่างนี้ เวลาเข้มแข็งขึ้นมานะ ดูสิ ไปวัดไปวามันก็ต้องกระเสือกกระสน กระเสือกกระสนจริงๆ นะ อยู่บ้านของเรา อยู่บ้านเราร่มเย็นเป็นสุข แล้วมันร่มเย็นเป็นสุขไหมล่ะ เวลามันจะไป มันอ้างว่าอยู่แล้วร่มเย็นเป็นสุข เพราะอะไร มันขี้เกียจ แต่เวลามันอยู่จริงๆ แล้วพอมันจำเจขึ้นมา พอมันอยู่คุ้นชินมันก็เดือดร้อน มันเดือดร้อนไปหมดไอ้ใจดวงนี้ ใจดวงนี้อยู่ไหนก็เดือดร้อน แต่ทำความดีมันอ้างเล่ห์ไปหมดเลย แต่ถ้ามันจะทำความที่มันพอใจนะ มันตะครุบไปหมดเลย แล้วมันก็ทำของมันอยู่อย่างนั้นน่ะ นี่สัจธรรมๆ อันนี้ไง
เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด เธออย่ามีอย่างอื่นเป็นที่พึ่งเลย แต่ธรรมมันเกิดตรงไหนล่ะ สิ่งที่เราไปศึกษาๆ นั่นเป็นทฤษฎี เป็นธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นวิธีการทั้งนั้นน่ะ แล้วเอาวิธีการมาเถียงกันนะ มันยังไม่เข้าสู่ผลนั้น เวลาวิธีการไม่ถึงเป้าหมาย ถ้าถึงเป้าหมายมันก็รู้แจ้ง ถ้ารู้แจ้งขึ้นมา ใครบอกทำดีแล้วไม่ได้ดี มันเป็นไปไม่ได้หรอก มรรคผลนิพพาน อาศัยคุณงามความดีทั้งนั้นน่ะ ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ เวลามันมีศีลแล้วพยายามทำให้ใจสงบเข้ามา พอใจสงบแล้วมันยกขึ้นสู่วิปัสสนา มันเกิดวิปัสสนาญาณ
วิปัสสนาญาณ วิปัสสนาคือความรู้แจ้ง ญาณที่รู้แจ้ง แล้วรู้แจ้งใครล่ะ ไปรู้แจ้งเรื่องของใคร ก็รู้แจ้งเรื่องที่ไอ้โง่ๆ ไอ้จิตที่ว่าเก่งนัก มีปัญญาเยอะ อู้ฮู! มีศักยภาพ...ตายหมด ไอ้เก่งๆ เห็นตายเกลี้ยงเลย แต่ครูบาอาจารย์ของเราท่านอยู่ของท่านโดยมีสติปัญญาของท่าน ท่านอยู่ในที่สงบสงัด ในที่วิเวกนั้น กิเลสมันตายไปหมดแล้ว เพราะกิเลสมันไม่อยากอยู่ กิเลสมันอยากไปคลุกคลี อยากจะมีศักยภาพ อยากจะให้เขารู้จัก เพราะถ้ามันมีสติมีปัญญาชำระล้างได้ กิเลสตายหมด กิเลสตายหมด
อยู่โคนไม้ อยู่ในที่สงบสงัด อยู่ในเรือนว่าง อยู่ในถ้ำคูหา มีความสุข ทีนี้มีความสุขนะ กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมมันหอมทวนลม คนได้เกียรติศัพท์เกียรติคุณก็ไปหาท่าน ไปหาท่าน หาท่านแล้วเปิดไหม เปิดหัวใจไหม รับรู้สิ่งนั้นไหม ถ้าเปิดหัวใจขึ้นมาก็จะเอาโลกเข้าไปไง โลกก็ความสะดวกสบายทั้งนั้น ขนกันเข้ามา ไอ้คนที่เขาอยู่ๆ เขาต้องการอยู่ด้วยความสงบสงัดของเขา ไอ้ขนเข้ามาก็เป็นภาระไปทั้งนั้นน่ะ
ทีนี้เวลาคนมาที่ไหนก็แล้วแต่ จะมีสังคมที่ไหนเกิดขึ้นมันก็มีความวุ่นวายทั้งนั้นน่ะ แล้วถ้าคนที่มีหลักมีเกณฑ์จะบริหารจัดการมันไหม ถ้าบริหารจัดการขึ้นมา เขาบอกว่าวัดไง บวร บ้าน วัด โรงเรียน
อ้าว! วัดก็เป็นวัด วัดเป็นวัด ให้เป็นบ้านหรือ เวลาอยู่บ้าน สร้างห้องพระไว้ที่บ้านก็อยู่บ้านสิ เดี๋ยวนี้เอาวัดไปไว้ในห้างสรรพสินค้าก็ไปเดินตากแอร์กันไง นี่มันดึงลงต่ำหมด ถ้าดึงลงต่ำ ดึงลงต่ำด้วยความสะดวกด้วยความสบายไง
ถ้าความสะดวกสบายมันเป็นความจริงขึ้นมาได้นะ ก็ให้มันเป็นความจริงขึ้นมาสิ แต่ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาแล้ว คนที่ฆ่ากิเลสตายแล้ว ไม่มีสิ่งใดเลยยิ่งสะดวกสบาย ไม่ต้องไปวุ่นวายกับสิ่งใดๆ เลย ไม่ต้องไปบริหารจัดการ ไม่ต้องยุ่งอะไรกับมันเลย สบาย
ไอ้อย่างนั้นมันสบายได้อย่างไร ไม่มีอะไรเลย
มันมีหลักในใจอันนั้น ถ้าหลักใจอันนั้นนะ มาตรฐานอันนั้นไง ถ้ามาตรฐานอันนั้น มาตรฐานของคุณธรรมมันมีของมันนะ แต่นี้ของเรา เราพยายามจะไปดึงมาตรฐานนั้นลงมาให้เป็นโลก โลกมีแต่ความครึกครื้น มีแต่ความวุ่นวาย แต่กิเลสมันชอบ มันเข้ากันได้ แต่ถ้ามันสงบสงัดแล้วมันเข้ากันไม่ได้ กลัวผี มันวิเวก
สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่ดี ฉะนั้น ประกาศ อย่าเอาอะไรเข้ามาให้วุ่นวายนะ ให้มันจบเสียที พอกันทีเบื่อเหลือเกิน เอวัง