เทศน์เช้า วันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ เราขวนขวายกันมาเพื่อหาสัจจะในหัวใจของเรานะ เราเป็นคนฉลาด เราเป็นคนฉลาด เราจะหาความสุขในใจของตน ถ้าความสุขในใจของตน ใจของตนมันต้องการธรรม ธรรม สัจธรรมๆ
ธรรมทางโลกๆ เขาเรียกสมมุติ มันเป็นสมมุติคือสามารถสร้างสรรค์ปั้นแต่งได้ ธรรมทางโลกๆ คือสามารถสร้างธรรมปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อเชิดหน้าชูตากัน แต่สัจธรรมๆ ของเรานะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์นั้น ในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง
นี่ไง ในพระพุทธศาสนาสอนเรื่องปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ไม่ให้เชื่อสิ่งใดทั้งสิ้น เชื่อในการประพฤติปฏิบัติของเรา เชื่อความสุขความทุกข์ในใจของเราไง ความสุขความทุกข์ที่มันเป็นความจริงอันนี้ เป็นความจริงอันนี้ไง ถ้าเป็นความจริงอันนี้ ดูสิ ครูบาอาจารย์ของเราถ้าท่านเป็นสัจจะความจริงแล้ว ท่านอยู่ของท่านด้วยความสงบระงับของท่าน นี่มันมีค่า สัจธรรมนี้มันมีค่ามากนะ ถ้ามันมีค่า ดูสิ เราเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เราไม่รู้ต้นรู้ปลายไง เราเกิดมา เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนานี่ประเสริฐมาก การเกิดเป็นคนมีค่ามาก มีค่ามากเพราะการเกิดเป็นคนมันขวนขวายได้ไง คนมีปัญญา คนที่มีปัญญาสร้างผลประโยชน์กับทางโลกเขามหาศาลเลย คนที่เกิดมามีปัญญาเหมือนกัน แต่ปัญญาคดโกง ทำลายสังคม ทำลายตัวเองทั้งสิ้น มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ ประเสริฐตรงนี้ไง ประเสริฐที่มีอำนาจวาสนาไง
เราเกิดมาเป็นชาวพุทธ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพระพุทธศาสนาสอนเรื่องสัจธรรม เราเกิดมาเป็นคน เราเกิดเป็นคน...ใช่ เกิดมาเป็นคน พระเรา เวลาเทียบมาในทางธรรมๆ พระสีวลีเป็นพระที่มีลาภมากที่สุด ท่านไปไหนอุดมสมบูรณ์ของท่านๆ ใครเห็นก็ชื่นชม ตามวัดตามวาจะมีรูปปั้นของพระสีวลีไว้ให้คนไปเคารพบูชากัน เพราะทุกคนอยากจะสมบูรณ์พูนสุขไง ทุกคนไม่อยากมีความทุกข์ความยาก
แต่เวลาในสมัยพุทธกาล พระอรหันต์ที่ตกทุกข์ได้ยาก ตกทุกข์ได้ยากทางโลกนะ ฉันอาหารไม่เคยอิ่ม ท่านก็เป็นพระอรหันต์ของท่าน คำว่า เป็นพระอรหันต์ ความสุขอันนั้นๆ ความสุขที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายอันนั้นมันมีคุณค่ามาก ถ้ามีคุณค่า ที่เราขวนขวายกัน เรามาวัดมาวา เรามาแสวงหาสิ่งนี้กันไง ถ้ามาแสวงหาสิ่งนี้ เราต้องมีสติมีปัญญาใช่ไหม ถ้าเรามีสติปัญญาเหมือนทางโลกเขา หน้าที่การงานของใคร ใครมีหน้าที่การงานอย่างใด หน้าที่ของตนๆ หน้าที่ของเด็กเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมามีพ่อมีแม่ พ่อแม่เลี้ยงดูอุ้มชูมา
เรามีหน้าที่ของเรา เราก็มีหน้าที่ของเรา มีการศึกษา มีการเล่าเรียนของเรา เราช่วยงานการของบ้าน เราเป็นเด็กที่ดีให้พ่อแม่ชื่นใจของเรา เราโตมามีหน้าที่การงานของเรา เราก็ขวนขวายหน้าที่การงานของเรา ถ้าเราเห็นภัยในวัฏสงสาร เรามาวัดมาวากันก็เพื่อเหตุนี้ หน้าที่ของเราๆ ไง
ใช่ มันจะขาดตกบกพร่องในสิ่งใดไปบ้าง มันเป็นเรื่องธรรมดา ฤดูกาลๆ ฝนตกแดดออก เวลาฝนตกต้องตามฤดูกาล ชาวไร่ชาวนาเขามีความชื่นใจมาก เวลามีภัยแล้งๆ มา ฝนมันไม่ตกต้องตามฤดูกาล หน้าที่ฤดูกาลแล้ว ทำไมฝนยังไม่ตกต้อง มีแต่ภัยแล้ง เวลาฝนตกมากเกินไป น้ำท่วมน้ำหลากขึ้นมามันทำลายความเสียหายไปหมดเลย อะไรสิ่งใดที่มันเกินไปมันก็ไม่มีความพอดี มันไม่ดีทั้งนั้นน่ะ
แต่ความพอดี ความพอดีของใคร ถ้าความพอดีของกิเลส มันก็เกียจคร้านของมันไง มันเกียจมันคร้าน มันเกี่ยงงอนของมัน มันเกี่ยงงอนไปตลอด เกี่ยงงอนให้วันเวลามันล่วงไปๆ ไง พอเกี่ยงงอนถึงชราภาพขึ้นมาแล้วมันจนตรอกไง พอจนตรอกขึ้นมา มีความเหงา มีความว้าเหว่ไง
เวลาผู้เฒ่าผู้แก่ เวลาคนคิดถึงความตายแล้วมีแต่ความเศร้าความเหงาหงอย ผู้ที่เขามีบุญกุศลของเขา จิตตคหบดี เวลาเขาจะตายของเขา เทวดาเอารถสวรรค์มารับเลย มันเหมือนไปปิกนิก เวลาคนตายมันเหมือนไปเที่ยวมีความสุข มันจะสุขขนาดไหน แต่ของเรา เราจะไปไหนกัน มืดบอดๆ นี่พูดถึงผลของวัฏฏะๆ นะ เราทำบุญกุศลก็เพราะเหตุนี้
ใช่ คนเราต้องมีหน้าที่การงาน คนต้องขวนขวาย ต้องทำงานของเรา เราก็ทำ เราทำทั้งนั้นน่ะ ทำหน้าที่ทางโลก ทางโลกมันได้ผลแค่นี้ ถ้าได้ผลแค่นี้คือผลที่อุดมสมบูรณ์ในชีวิต มีความสุขของเรา เราเกิดมามีอำนาจวาสนา เราเกิดจากพ่อแม่ที่มั่งคั่ง เราก็มีความสุขของเรา
เราเกิดมา ความทุกข์ความยากขึ้นมา เราก็เกิดมาเป็นคนเหมือนกัน แต่จิตใจของเด็กน้อย จิตใจของเด็กน้อยถ้าจิตใจเขามีอำนาจวาสนาของเขา จะเกิดในสถานะไหนของเขา เขาก็มีความอบอุ่นในใจของเขา เด็กน้อยเกิดมาแล้วจะมีสถานะสูงส่งขนาดไหน ถ้าจิตใจเขาขาดแคลนขึ้นมา เขาก็ขาดความอบอุ่นของเขา มันเกิดจากในใจของเขาด้วย แล้วมันเกิดจากการเลี้ยงดูของพ่อของแม่ด้วย นี่พูดถึงจิตใจที่มันมีอำนาจวาสนามาอย่างนั้น
เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนถึงสัจธรรมๆ เราต้องแสวงหาสิ่งนี้ไง เราเสียสละทานๆ ขึ้นมา มันเป็นหน้าที่ของเรา หน้าที่นี้คือประเพณีวัฒนธรรม แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเจตนาของเรา มันเป็นสิ่งที่เรามีอำนาจวาสนาหรือไม่ เรามีความรู้สึกนึกคิดอย่างนี้หรือไม่ ของเราหามาด้วยหยาดเหงื่อของเรา เราจะมาเสียสละทำไม ของของเรา เราก็เก็บไว้สิ
ถ้าเก็บไว้ในทางโลก เก็บไว้เป็นสมบัติของเขา มันก็เป็นสมบัติประจำโลกใช่ไหม เขาจะไม่ได้สิ่งใดเลย แต่ถ้าใครมีสติมีปัญญาของเขา เขาเสียสละของเขาออกไป ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าบ้านเรือนของเรา ถ้าเกิดมันไฟไหม้เรือนของเราขึ้นมา ใครขนทรัพย์สมบัติออกจากเรือนได้มากน้อยขนาดไหน จะได้ทรัพย์สมบัติของเขาขนาดนั้น
ชีวิตของเรา เราหาทรัพย์สมบัติของเรามา วันเวลามันเผาไหม้ไปตลอด ชีวิตเราจะมีการพลัดพรากเป็นที่สุด เราต้องจากบ้านนี้ไปเป็นธรรมดา เราเกิดมาเราได้บ้านมาหลังหนึ่ง แล้วกาลเวลาก็เผาไหม้ไป เผาไหม้ มันเสื่อมสภาพของมันไปไง ใครมีสติมีปัญญา เขาก็เสียสละของเขาออกไป ก็เหมือนกับขนของออกจากบ้านนั้น ก็เป็นสมบัติของคนคนนั้น มันไม่โดนไฟนั้นไหม้เผาไป เราสะสมไว้ๆ เป็นของเราๆ เวลามันไฟไหม้เผาไป หมดอายุขัยไป มันจะไม่เป็นสมบัติของเราเลย มันจะเป็นเชื้อไฟเฉยๆ
แต่ถ้าใครฉลาด เขาขนของออกไปๆ นี่ไง คนที่จะมาเสียสละทานๆ ถ้าเขามีสติปัญญาของเขา เขาจะทำของเขา เขาทำหน้าที่ของเขา หน้าที่ของเขานี่วัฒนธรรมประเพณี แต่ถ้ามีอำนาจวาสนานะ เขาทำของเขา ทำของเขาแล้ว ทำแล้วมันมีความพอใจของเรา ชีวิตนี้มันมีค่าอะไร ฟังธรรมๆ เพื่อตอกย้ำขึ้นไป ของของเราเก็บไว้มันเป็นสมบัติประจำโลก เราได้เสียสละออกไป ใครจะได้ใช้สอยก็แล้วแต่ มันเป็นสมบัติของเราทั้งนั้นน่ะ
ทีนี้เวลาทำบุญกุศลนะ เทวดามาถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำบุญควรทำที่ไหน ทำบุญแล้วได้บุญอย่างไร
ท่านบอกเนื้อนา เราจะหว่านพืชหวังผลของเราก็ต้องมีเนื้อนาที่ดี นั่นก็แสวงหากันไป ถ้าคนเห็นภัยในวัฏสงสาร เราจะประพฤติปฏิบัติของท่านตามหน้าที่ พระเราเวลาอยู่ทางโลกก็เป็นฆราวาสเหมือนเรานี่แหละ แต่ท่านขวนขวายของท่าน ความสุขทางโลกๆ กินอิ่มนอนอุ่นแล้วจะเป็นความสุขๆ มันเป็นความสุขจริงหรือไม่ เวลากิเลสมันดิ้นรนในหัวใจล่ะ
เห็นไหม ในสโมสรสันนิบาตทุกดวงใจว้าเหว่ ทุกดวงใจว้าเหว่ แต่ความว้าเหว่นี้มันก็ไม่ได้ติฉินนินทาใครทั้งสิ้น มันเป็นสัจจะ มันเป็นสัจจะ มันเป็นความจริงอย่างนี้ ความจริงอย่างนี้เพราะจิตใจของคนมันเป็นแบบนี้ จิตใจของคนเกิดมาในวัฏฏะ มันมีพร่องอยู่เป็นนิจ มันเป็นเรื่องธรรมชาติของมัน ถ้าธรรมชาติของมัน
เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาพยายามประพฤติปฏิบัติขึ้นมา แสวงหาเป็นพระโพธิสัตว์ขึ้นมา ปากกัดตีนถีบนะ พยายามสร้างสมบารมีขึ้นมานะ พอสร้างสมบารมีขึ้นมา เขามีแต่ความสุขกัน ท่านเสียสละราชบัลลังก์ออกไป ออกไปแสวงหาของท่าน ถ้าไม่เสียสละ ใครจะไปค้นคว้า ถ้าไม่มีใครไปค้นคว้า ไม่มีใครไปปฏิบัติ ธรรมะมันจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
ธรรมะมีอยู่โดยดั้งเดิม ธรรมะมีอยู่โดยดั้งเดิม แล้วของใครล่ะ เป็นของเราหรือ นี่ไง ธรรมะเป็นธรรมชาติ ธรรมชาติก็เป็นสัจธรรม ดูสิ โลกนี้เป็นของใครล่ะ จักรวาลนี้เป็นของใครล่ะ แต่ชีวิตมนุษย์มันเวียนว่ายตายเกิดในจักรวาลนี้ มันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มันของใครล่ะ ธรรมะมีอยู่โดยดั้งเดิม ดั้งเดิมแล้วมันเป็นของใครล่ะ
ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างสมบุญญาธิการมา เวลาตรัสรู้มาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เอกํ นาม กึ มีหนึ่งเดียวเท่านั้น เพราะการเกิดเป็นพระพุทธเจ้านี้แสนยาก แสนยากเพราะอะไร แสนยากเพราะดูความคิดเราสิ ความคิดเรามันเห็นแก่ตัวทั้งนั้นน่ะ ความคิดเรามันจะแสวงหาแต่ผลประโยชน์ทั้งนั้นน่ะ แล้วผลประโยชน์มันเป็นประโยชน์จริงหรือเปล่าล่ะ เรามีสติปัญญาแค่นี้ แต่คนที่มีอำนาจวาสนาขึ้นมา เขาจะเห็นถึงสัจธรรม สัจธรรม การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ
เราชื่นใจ ปลื้มใจกันนะ ยิ่งประเพณีคนจีน ลูกเกิดขึ้นมาต้องมีไข่แดง ต้องมีอะไร โอ๋ย! มันรับขวัญกัน มีแต่ความรื่นเริงทั้งนั้นน่ะ เวลามา เวลามาร้องแรกแหกกระเชอ กำไว้ ของกูๆ ไง เวลาจะจากไป แบมือหมดเลย คนตายแบหมด เขาต้องจับมือมาพนมไว้ไง เอาดอกไม้ธูปเทียนยัดใส่มือไว้ นี่ไง เราก็เห็นได้แค่นั้นเองไง
แต่ถ้าเราเห็นได้แค่นั้น เวลานักปฏิบัติเขาให้ไปเที่ยวป่าช้า เวลาเราไปโรงพยาบาล ไปเห็นคนเจ็บไข้ได้ป่วย มันสลดใจ มันสลดใจ มันมรณานุสติ มันให้การระลึกถึงไง ระลึกถึงว่าชีวิตเราต้องมีพลัดพรากเป็นที่สุด เราเกิดมามีชีวิตนี้เรามีโอกาสนะ ปากกัดตีนถีบทำหน้าที่การงานนั้นมันเป็นประจำหน้าที่ แล้วถ้าใครมีสติปัญญาขึ้นมาจะแสวงหาโภคทรัพย์ของเรา
เรานั่งสมาธิภาวนาขึ้นมาก็เป็นหน้าที่ นี่ไง เวลามาปฏิบัติมันทุกข์ไหม ทุกข์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ภาวนาแดดเปรี้ยงๆ นะ บางทีตามฤดูกาล ตามแต่ฤดูใช่ไหม ฤดูฝน ฤดูหนาว ฤดูร้อน มันเป็นฤดูกาลของเรา แต่การปฏิบัติมันทุกวินาทีไง
ถ้ามันฤดูหนาว เราปฏิบัติขึ้นมา เราก็อบอุ่นหน่อย มันไม่ทุกข์ไม่ยากจนเกินไป ฤดูร้อนมันมีแต่ความเร่าร้อน ร้อนทั้งข้างนอก ร้อนทั้งข้างใน เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา เราจะปล่อยไว้ไม่ได้เลย เราจะภาวนาแต่ฤดูหนาว ฤดูร้อนจะนอนพักผ่อนก่อน กิเลสมันตัวพองๆ เลย พอฤดูหนาวมา ภาวนาไม่ได้แล้ว จิตมันเสื่อมหมดไง
เวลาฤดูหนาว เราก็ภาวนาของเรา ฤดูร้อน เราก็ภาวนาของเรา ฤดูฝน เราก็หาหลบหลีก หาที่ร่มพักภาวนาของเรา การภาวนาของเราจะไม่มีเว้นวรรคเลย เราจะดูแลรักษาใจของเราตลอดไป แล้วรักษาใจตลอดไปมันจะเป็นความทุกข์ไหม มันเป็นความทุกข์ทั้งนั้นน่ะ แต่ทำไมเราพอใจล่ะ เราพอใจ เรารื่นเริง เราอาจหาญ เพราะอะไร เพราะเราปรารถนาสัจจะความจริงไง มันต้องแลกมาด้วยความเพียรชอบไง ความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะ
ดูทางโลกเขาสิ เขาปากกัดตีนถีบของเขา เขาหาทรัพย์สมบัติของเขา เขายังเสียสละของเขา นั่นเป็นระดับของทานใช่ไหม ระดับของศีลขึ้นมา ความปกติของใจ คนที่สงบระงับ คนที่น่าไว้ใจ มีศีลมีธรรม เราอบอุ่น เราเข้าอยู่ใกล้ชิดแล้วเราสบายใจไง
คนที่มีคุณธรรมในใจ คุณธรรมในใจมันเกิดมาจากไหน คุณธรรมจะเกิดมาจากฟ้าหรือ ธรรมะมีอยู่โดยดั้งเดิม ธรรมะมีอยู่โดยดั้งเดิม คนเรามีอำนาจวาสนาขนาดไหน ถ้ามันไม่ได้ทำต่อเนื่องไป มันก็เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ
เรามาเกิดเป็นมนุษย์ ดูสิ เทวดา อินทร์ พรหมเขาเกิดเป็นเทวดา อินทร์ พรหมของเขา เวลาเขาจะหมดอายุขัยของเขา เราเห็นคนใกล้ตายไหม คนใกล้ตาย เราจะให้สติปัญญาเขา คนโบราณ ใครจะหมดอายุเขาบอกว่าให้นึกถึงพุทโธนะ ให้นึกถึงพระก่อนนะ ให้นึกถึงคุณงามความดี ให้เสวยอารมณ์นั้นก่อน เวลาจิตออกจากร่างนี้ไป มันก็เสวยอารมณ์นั้น ได้ภพได้ชาตินั้น
นี่ก็เหมือนกัน เทวดา อินทร์ พรหมของเขา เวลาหมดอายุขัยของเขา เขาอวยพรกัน เขารู้ว่ามันจะหมดอายุขัย เขาต้องตายจากการเป็นเทวดา ตายจากการเป็นพรหมลงมา ขอให้เธอไปเกิดเป็นมนุษย์เถิด ให้พบพระพุทธศาสนา ให้ทำบุญกุศลขึ้นมาจะได้มาเกิดเป็นเทวดาอีก ก็เวียนไปอีก นี่ไง เทวดา อินทร์ พรหมเขาอวยพรกันอย่างนั้น
แต่ถ้าเรามีสติมีปัญญาของเรา เราก็มีสติปัญญาของเรา เราจะค้นคว้าของเรา เราก็ต้องประพฤติปฏิบัติของเรา มันจะทุกข์มันจะยากขนาดไหน มันทุกข์มันยาก ฤดูกาลก็เรื่องของฤดูกาล หนาวนักก็อ้างว่าไม่ทำงาน ร้อนนักก็อ้างว่าร้อนนัก อ้างไปเรื่อย นี่ไง นี่มันของใครล่ะ มันกิเลสเราทั้งนั้นน่ะ
แต่ถ้าครูบาอาจารย์ของเราท่านมีสติปัญญาทันมันนะ เราดูแลรักษาของเรา มันจะทุกข์มันจะยากอย่างไร เราก็ทำความเพียรของเรา นี่เป็นหน้าที่ ถ้าปฏิบัติเป็นหน้าที่ พอจิตมันสงบระงับเข้ามา มันไม่ใช่หน้าที่แล้วล่ะ มันเป็นสัจจะเป็นความจริง เป็นสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าระลึกถึงตั้งแต่เป็นราชกุมาร พระเจ้าสุทโธทนะพาไปทำแรกนาขวัญ ท่านให้นั่งอยู่โคนต้นไม้ เวลาจิตมันสงบ มันมีความสุข มันระลึกถึงอันนี้ได้ อานาปานสติ กำหนดลมหายใจเข้าและลมหายใจออก มีสติรับรู้อยู่ตลอดเวลา งานอันละเอียดไง
งานทางโลกปากกัดตีนถีบ เราก็ว่าเราทุกข์เรายากของเรา พอมานั่งภาวนามันยิ่งทุกข์ยากมากกว่านะ คนเรามันเคย ทำงานจนเคย ทำงานจนเคย อยู่นิ่งๆ มันก็แปลกๆ แล้วนะ แล้วจะเอาใจให้มันนิ่งมันยิ่งยากกว่าอีก พอมันยากกว่า จิตสงบแล้ว จิตสงบ เวลาคนเคลื่อนไหวอยู่ เห็นสิ่งใดไม่ชัดไม่ถนัด ถ้าจิตมันสงบแล้วเราเห็นสิ่งใดชัดเจนขึ้นมา ถ้ามันเห็นสติปัฏฐาน ๔ ตามความเป็นจริง ถ้ามันเกิดปัญญาขึ้นมา แล้วเกิดปัญญาขึ้นมา ปัญญาอย่างนั้นที่มันเกิดขึ้น มันชื่นบาน ทั้งแช่มชื่น ทั้งสดชื่น ทั้งแจ่มใส ทั้งมหัศจรรย์ ทั้งเห็นคุณค่า เห็นคุณค่าจิต เห็นคุณค่านามธรรม
ทั้งๆ ที่เราเห็นว่าสิ่งที่มีคุณค่าคือแก้วแหวนเงินทอง ชื่อเสียง อำนาจวาสนา เราชอบสิ่งนั้นไง แต่เรายังไม่เห็นคุณค่าของหัวใจจริงๆ ของเราไง ถ้าเราเห็นคุณค่าจริงๆ ของหัวใจของเรา นี่ไง ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก
นี่ไง เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนาไง ถ้าสิ่งนี้มีคุณค่าๆ แสวงหาสัจธรรม สัจธรรมอันนี้ไง ถ้าแสวงหาสัจธรรม มันมีเหตุมีผลของมัน แล้วถ้าเราไม่มีเหตุมีผล เราก็ฟังมาๆ ฟังมา มีครูบาอาจารย์ท่านเทศนาว่าการของท่าน ท่านพูดถึงความสุขความสงบระงับในใจของท่าน ท่านพูดถึงทรัพย์สมบัติของท่าน เราฟังแล้วเราอยากได้ เราชื่นบานไง แล้วเราก็ประพฤติปฏิบัติกัน ผิดๆ ถูกๆ ก็ว่ากันไปตามกิเลสของคน
แต่ถ้าเราเอาจริงเอาจังขึ้นมา สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี ถ้าจิตสงบระงับขึ้นมาแล้วมันเป็นสัจจะเป็นความจริง ความจริงคือธรรมะสัจธรรม สัจธรรมมันจัดสรรให้ ธรรมะจัดสรรให้ มันก็มีชัยภูมิอย่างนี้ไง มันมีแต่ป่าเขาลำเนาไพร เราแสวงหาธรรมชาติๆ กัน เวลาวันหยุดราชการ เราก็ไปเที่ยวที่สงบสงัดกัน เราไปหาทำไมล่ะ เราก็รู้ว่ามันดี แล้วใจของเราๆ ถ้ามันสงบระงับเข้ามามันยิ่งกว่านั้นอีก มันเห็นสัจจะความจริงอย่างนั้น มันจะมหัศจรรย์ขนาดไหน แล้วมหัศจรรย์นี้มันเกิดจากใครล่ะ เกิดจากภายใน เกิดจากที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะที่มันมืดบอด แล้วมันตื่นขึ้นมา มันรู้ของมัน มันเห็นของมัน มันจะมหัศจรรย์ขนาดไหน
นี่ไง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันอยู่ที่นี่ไง ฟังธรรมๆ เพื่อเหตุนี้ เราไม่ตะครุบเงา ไม่ตื่นเงาทั้งสิ้น เราจะหาหัวใจของเรา สัจธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมะเป็นธรรมชาติๆ นี่ก็เป็นสัจธรรมอันหนึ่ง แต่ถ้าเป็นธรรมะของเราไง เป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก เป็นมรรคเป็นผลของใจดวงนั้น ใจดวงไหนล่ะ ก็ใจดวงทุกข์ๆ ยากๆ นี่ไง ใจดวงที่มันร่ำร้องหาคนช่วยเหลือมันนี่ไง ใจที่มันทุกข์มันยากนี้ ฟังธรรมๆ เพื่อย้อนกลับมาที่ตนไง เรื่องของตนทั้งนั้น เรื่องของใจเราทั้งนั้น แต่เราส่งออกไปรับรู้เรื่องของคนอื่นหมดเลย แล้วเวลาจะหาสมบัติก็ไปหาแต่แร่ธาตุ มันเป็นแร่ธาตุประจำโลกนะ แล้วถ้ามันเป็นการชื่นชมกัน มันก็เป็นโลกธรรม ๘ ตัวเองชมตัวเองได้ไหม ตัวเองเข้าใจตัวเองได้ไหม ตัวเองเห็นสัจจะความจริงของเราไหม ถ้ามันเห็นสัจจะความจริง ทำเพื่อเหตุนี้
ฟังธรรมๆ เพื่อเหตุนี้ไง มันจะทุกข์มันจะยากขึ้นมา เราทำของเรา งานทางโลกก็ทำแล้ว งานอื่นเราทำได้ทั้งนั้นน่ะ เราเป็นคนขยันหมั่นเพียรทำได้ทุกๆ อย่างเลย แต่เราเอาใจของเราไว้ในอำนาจของเราไม่ได้ แล้วถ้าเอาใจไว้ในอำนาจของเรา แล้วมันเกิดมรรคเกิดผลขึ้นมา นี่! สุดยอดอยู่ตรงนี้ เอกบุรุษ บุรุษอาชาไนย เราเป็นเอกบุรุษ เอกสตรี เอกในหัวใจของเรา ให้เป็นอาชาไนย ให้มีมรรคมีผลในใจของเราเพื่อประโยชน์กับใจดวงนี้ เอวัง