เทศน์เช้า วันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ สัจธรรมเป็นสัจธรรม ใครที่มีอำนาจวาสนาเท่านั้นที่จะแสวงหาสัจธรรมสิ่งนั้นได้ถ้าแสวงหาสัจธรรมสิ่งนั้นได้ก็แสวงหาในใจของตนเท่านั้น ในใจของตนเท่านั้นนะ
นักศึกษาเห็นไหม นักเรียนนักศึกษาไปศึกษามาเพื่อความรู้ เราศึกษากัน ศึกษาเพื่อเอาความรู้ เอาความรู้แล้วต้องเป็นวิชาชีพ วิชาชีพเราต้องพยายามฝึกหัดของเราเพื่อประกอบสัมมาอาชีวะ ถ้าใครประกอบสัมมาอาชีวะขึ้นมาเพื่อเป็นประโยชน์กับชีวิตนี้ ถ้าชีวิตนี้มันมีประโยชน์ มีประโยชน์เพื่ออะไรประโยชน์เพื่อชาติเพื่อตระกูลเท่านั้น
แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมา รื้อภพรื้อชาติ รื้อภพรื้อชาติ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้วสิ้นแล้ว แล้วจบแล้ว นี่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีคุณค่ามหาศาล แต่พวกเรามันไปคุ้นชินไงพอคุ้นชินขึ้นมา สิ่งสัจธรรมอันนั้นมันก็ด้อยค่าลงไป ด้อยค่าลงไปที่ไหน ที่ว่าฉันรู้แล้วๆ ไง ฉันรู้แล้ว ฉันเข้าใจทั้งนั้นน่ะ แต่เข้าใจขึ้นมาสิ่งใดมีแต่ความทุกข์ในหัวใจทั้งนั้นน่ะ
ดูสิ นักวิทยาศาสตร์สภาวะแวดล้อมเขาศึกษาอากาศนะอากาศมันให้อาหาร ถ้าสภาวะอากาศที่ดีจะให้อาหารของคน คนเราอยู่ได้ สภาวะอากาศสมบูรณ์อากาศที่ดี อากาศที่ดี สภาวะแวดล้อมๆเวลานักวิทยาศาสตร์เขาศึกษาทิศทางของลมทิศทางของอากาศว่าสภาวะแวดล้อมมันจะให้ผลประโยชน์หรือจะให้โทษกับสิ่งมีชีวิตเขาค้นคว้าของเขาๆ ถ้าใครค้นคว้าของเขาใครคุมความรู้นั้นเขาคาดการณ์ล่วงหน้าได้หมดเลย พอเขาคาดการณ์ล่วงหน้า เขาเป็นคนกำหนดความเป็นไปของโลก นี่พูดถึงนักวิทยาศาสตร์เขาคิดของเขานะ
แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมา นี่สภาวะแวดล้อมในหัวใจ การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะที่เรามืดบอด ที่เราไม่เข้าใจ แล้วไม่มีใครเข้าใจได้ ถ้าไม่มีใครเข้าใจได้ เราเข้าใจได้อย่างไรถ้าเข้าใจได้ เรามาวัดมาวากันมาเพื่อสิ่งใดมาเพื่อเสียสละทานการทำทานของเรานี้ทำทานเพื่อให้จิตใจมันเข้มแข็งขึ้นมา ถ้าจิตใจเข้มแข็งขึ้นมา มันมีเหตุมีผลไง
ทุกคนบอกเป็นคนดี แล้วทุกคนต้องไปวัดๆ ไปทำไมไปทำไม ไปวัดทำไมอยู่บ้านเมียก็ด่าอยู่แล้ว ไปวัดก็ให้พระด่าซ้ำเข้าไปอีก แล้วมันจะมีความหมายอะไร นี่ไง เวลาคิดคิดไปอย่างนั้นน่ะอยู่ที่บ้าน เมียครอบครัวมีปัญหานั้น เพราะมันเป็นความเข้าใจผิดกันมันเป็นความไม่ลงรอยกัน
ไปวัดไปวาเวลาจะชี้เข้ามา ชี้ขุมทรัพย์ๆ แต่ถ้าเราชี้ขุมทรัพย์ เราไม่รู้จักขุมทรัพย์ขึ้นมา ไปวัด เวลาเทศน์เทศน์คือการสั่งสอนการสั่งสอนขึ้นมาก็ว่าติว่าเตียน ว่าติว่าเตียนแล้วก็มีความรู้ๆ ความรู้ที่ไหน
อเสวนา จพาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา ไม่คบคนพาล ถ้าคบคนพาล คนพาลพาลพาไปหาผิด เวลาคบเพื่อน เพื่อนพาไปก็พาไปแต่สิ่งทางโลกของเขา แล้วทางโลกของเขายิ่งส่งออกเท่าไร ยิ่งขวนขวายเท่าไร ยิ่งว่าเป็นสมบัติของตน แล้วมันได้สิ่งใดมา
ถ้ามันเป็นความถูกต้องดีงามเขาเรียกว่าบารมีธรรม ถ้ามีคุณธรรมธรรมาภิบาล ได้มาถูกต้องดีงามขึ้นมามันก็เป็นความถูกต้องดีงามของโลกถ้าได้มาด้วยอกุศลขึ้นมา ด้วยความทุกข์ความยากขึ้นมา มันได้แต่บาปแต่กรรมทั้งนั้นน่ะไปกว้านเอาสิ่งนั้นมาเผาตนเอง
เวลาความรับรู้ในหัวใจขึ้นมาเวลาอวิชชา ดูสิเวลาคบมารๆ มารจากในหัวใจไงสภาวะแวดล้อมภายในไง ถ้าสภาวะแวดล้อมภายใน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมารื้อค้น จะรื้อค้นที่นี่ไง
เวลาเข้าใจคนเราเวียนว่ายตายเกิด เพราะเราเวียนว่ายตายเกิดเพราะทรมานตนๆอยู่นั่นน่ะ การทรมานก็ทรมานโลก ทรมานร่างกาย ทรมานสมบัติที่เราได้มาเป็นมนุษย์ การเกิดเป็นมนุษย์เป็นอริยทรัพย์ เวลาบอกการเกิดเป็นมนุษย์นี้เป็นอริยทรัพย์ มันเป็นอริยทรัพย์ตรงไหนล่ะ เราเกิดเป็นมนุษย์มันเป็นอริยทรัพย์ตรงไหน
อริยทรัพย์โดยการเกิดนั่นแหละ เพราะเกิดขึ้นมาได้ภพได้ชาติมาได้ภพได้ชาติมาทำไม ได้ภพได้ชาติมา ดูสิ ได้ภพได้ชาติมาก็เป็นทารกไร้เดียงสา ถ้าพ่อแม่ไม่คุ้มครองดูแล ตายหมด เวลาสัตว์มันเกิดขึ้นมา มันเกิดขึ้นมามันเลี้ยงชีพได้เป็นบางชนิด ไม่ต้องอาศัยพ่ออาศัยแม่ มันเลี้ยงชีพมันได้เลย
ไอ้นี่เกิดมาพ่อแม่ไม่เลี้ยง ตายหมดแหละ แล้วพ่อแม่ต้องเลี้ยงมาเลี้ยงมาเพราะสายบุญสายกรรมไงเพราะเราเกิดมาอภิชาตบุตร บุตรที่ดีกว่าพ่อกว่าแม่ไงสิ่งที่เกิดมาแล้วทำลายครอบครัวของตนไง นี่ไง นี่มันมาจากไหนล่ะ มันมาจากไหน ใครไปสร้างให้ กรรมทั้งนั้นน่ะ การกระทำของเรานั่นล่ะมันสร้างมา สายบุญสายกรรมขึ้นมาไงพอเกิดขึ้นมาแล้วพ่อแม่เลี้ยงดูฟูมฟักมา ถ้าฟูมฟักขึ้นมาพ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูกเพราะให้ชีวิตนี้มานี่ไง มันมีค่าไง
เวลาอยู่ในท้อง ๙ เดือนก็มีค่าแล้ว คลอดออกมาให้มีชีวิตมาก็มีค่าแล้ว เวลาดื่มกินเลือดในอกก็มีค่าแล้ว แล้วยังให้มีการศึกษามาอีก ให้ศึกษามาแล้วให้มีอาชีพขึ้นมา ถึงว่าเป็นพระอรหันต์ของลูกไง เป็นพระอรหันต์ของลูก แต่เป็นพระอรหันต์ของลูกก็เป็นพระอรหันต์ในวัฏฏะไง ก็เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะไง เพราะเราก็เป็นพ่อเป็นแม่คนทั้งนั้นน่ะ
เราเกิดมาเป็นลูก เพราะเรามีพ่อมีแม่ แล้วถ้ามีครอบครัวขึ้นมา เราก็จะเป็นพ่อเป็นแม่เขา แล้วมันก็เป็นสายเวรสายกรรมมันก็จะต่อเนื่องกันไป นี่ไง มันต่อเนื่องกันไป การเกิดเป็นมนุษย์มันมีคุณค่ามันมีคุณค่าตรงไหนเพราะเกิดเป็นมนุษย์มันมีร่างกายนี้ไง
เกิดเป็นเทวดา อินทร์ พรหมนะ เขากินทิพย์สมบัติ ทิพย์สมบัติคือว่ามันไม่มีตลาดไม่มีการแลกเปลี่ยนไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้น มันเกิดมาจากบุญกุศลถ้าเกิดเป็นเทวดาอินทร์ พรหม ถึงเวลาแล้วเทวดา อินทร์พรหมเขาวัดกันด้วยสมบัติ เวลาพระอินทร์ก็ปกครองเทวดา มาใส่บาตรพระกัสสปะเพราะอะไรเพราะว่าเทวดาของเขา แสงเขามากกว่าคือทรัพย์เขามากกว่า ผู้ปกครองทรัพย์น้อยกว่า
นี่ไง เวลาพระกัสสปะเวลาเข้าฌานสมาบัติ ออกจากฌานสมาบัติมาจะไปโปรดคนจนๆไง จะไปโปรดช่างทอหูก พระอินทร์ปลอมเป็นคนจนไงปลอมเป็นนายช่างทอผ้า ทำเป็นทุกข์เป็นยาก พระกัสสปะมาก็จะไปโปรดไงเวลาใส่บาตรมาแล้ว พระอินทร์น่ะปลอมอย่างไร ของจากเทวดามาใส่บาตรมันก็คุณค่าแตกต่างกับเขาเวลาแตกต่างกับเขา พระกัสสปะกำหนดจิตดูเลยมหาบพิธ มหาบพิธอย่าขี้โกงสิ เขาจะโปรดคนทุกข์คนยาก
ข้าพเจ้านี่แหละคนทุกข์คนยาก พระอินทร์นี่แหละคนทุกข์คนยาก ยากเพราะอะไร ยากเพราะเราด้อยกว่าเขา มันมาใส่บาตรก็เพราะต้องการบุญอันนี้เพื่อจะเอาแสงไง
เวลาทิพย์สมบัติๆ เขาอยู่กันอย่างไร เวลาโลกโลกเขาอยู่อย่างไรทิพย์สมบัติของเขาเขาไม่ต้องแลกเปลี่ยนของเขา เขามีทิพย์สมบัติของเขา แต่เวลาเขาหมดอายุขัยของเขา เขาหมดอาหารของเขา เวลาเขาตายไป เขาตายไปเขาไปเกิดที่ไหนเพราะเขาใช้บุญกุศลของเขาไปแล้วจะไปเกิดที่ไหน
นี่ไง เราเกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์มันมีร่างกายร่างกายมันบีบคั้นมา ถ้าร่างกายบีบคั้นมา ด้วยความเสมอภาคๆ โลกธรรม๘ มีลาภเสื่อมลาภมียศเสื่อมยศ ความเสมอภาคกับเขาเราก็ปากกัดตีนถีบเพื่อความเสมอภาคกับมนุษย์ ประชาธิปไตยๆ แต่ทำอะไรไม่ประสบความสำเร็จสักทีเพราะมันไม่มีบุญกุศลของมันไง
แต่เราเกิดเป็นมนุษย์ เรามีสิทธิมีเสรีภาพ มีการกระทำ ถ้าใครมีสติปัญญา เวลาทำมาหากิน เราทุกข์เรายาก ทำไมต้องมาบากบั่นอยู่อย่างนี้ บากบั่นอยู่อย่างนี้แล้วทำคุณงามความดี สร้างคุณงามความดี เกิดเป็นเทวดา อินทร์ พรหมก็แล้วแต่ หมดอายุขัยก็ต้องเวียนมาเกิดอีก เกิดเป็นมนุษย์สร้างทรัพย์สมบัติไว้มหาศาลเลย เพราะใช้จ่ายเฉพาะปัจจัย ๔ เราเท่านั้น ทำไมเราต้องมาตรากตรำอยู่อย่างนี้ ทำไมเราต้องตรากตรำอยู่อย่างนี้ ถ้ามีสติมีปัญญามันคิดไง นี่ไงสมบัติทางโลกๆ
อำนาจวาสนาบารมี เห็นไหม คนเราคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เกิดมาเพราะบุญกุศลพาเกิด คนเกิดมาด้วยความทุกข์ความยาก เวลาดูเด็กกตัญญูๆ สิ มันบากบั่นของมัน มันเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ มันมาเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวปู่ย่าตายายของมัน มันทำอะไร เพราะจิตใจเขาสูงส่ง จิตใจเขาดี เด็กกตัญญูๆ เขาทำของเขาๆ เพื่อประโยชน์กับเขา นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเรามีความรู้สึกนึกคิดของเรา เราจะเอาประโยชน์กับเรามันอยู่ที่ไหนล่ะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมโดยชอบโดยสภาวะแวดล้อมภายในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สัญญาอารมณ์ที่มันเกิดขึ้นมามันเป็นกิเลสทั้งนั้น กิเลสเพราะอวิชชามันพาคิดพาทำ ใครจะมีความรู้ความเห็นมากน้อยขนาดไหนมันเป็นโลกียปัญญา ปัญญาของโลกทั้งนั้นน่ะปัญญาของโลกคือทรัพย์สมบัติแสวงหามาเพื่อตนๆ เพื่ออยู่กับโลกนี้ไง ใครเกิดมา เกิดมาก็อยากมีศักยภาพ อยากเป็นจักรพรรดิ จะเป็นผู้ที่สูงส่ง...ตายหมดเลย
แล้วเกิดเป็นมนุษย์มีคุณค่าคุณค่าตรงนี้ไงคุณค่าตรงที่เรามีการกระทำนี่ไง ถ้าคุณค่าที่มีการกระทำ คุณค่าที่มันมีสติปัญญา เราเกิดมาเป็นมนุษย์ มนุษย์เวลาเกิดมา พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะได้เฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการจนเป็นพระอรหันต์ไปทั้งหมด
เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นมนุษย์ไง เพราะมนุษย์มีธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ธาตุ ๔ และขันธ์ ๕มันบีบคั้น คนเกิดมาต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัย มันต้องมีอาหารการกิน สิ่งนี้มันเตือนเราตลอดเวลา มันทุกข์ๆๆ มันเตือนเราตลอดเวลาแต่เราไม่รู้ เราจะเอาสุขๆๆ แล้วเราก็บอกทำบุญกุศลแล้วก็ให้ร่ำให้รวย ให้มันมากมาย
ร่ำรวยนี่มันเป็นพาหะ มันเป็นเครื่องดำเนินน่ะชีวิตของคนเรา เราก็ยังมีความสุขความสงบ ความระงับใช่ไหม พระเราบวชมา พระมีอำนาจวาสนาบารมีไปอยู่ที่ไหน ปัจจัยเครื่องอาศัยมันก็ไม่ขาดไม่แคลนจนเกินไป พระเราบางองค์ถ้ามันไม่มีอำนาจวาสนาอำนาจวาสนาเขาแค่นี้ มันก็แล้วแต่อำนาจวาสนาของเราไง มันจะมีสิ่งใดเราก็พอใจ พอใจกับความเป็นไปของเรา เพราะเราสร้างมาอย่างนี้ๆ
เราเป็นคนสร้างมา เราทำมาทั้งนั้น แล้วถ้าเราทำมาทั้งนั้น เราไม่มีบุญกุศลขึ้นมา ดูสิเขาใส่บาตรอยู่ทุกวัน เวลาเป็นพระมาเราบิณฑบาตพรุ่งนี้ก็ได้อยู่แล้ว บังเอิญพรุ่งนี้เขาไปธุระ เขาไม่อยู่ นี่เขาทำของเขาอยู่ ถ้าเป็นอำนาจวาสนามันทำให้คลาดเคลื่อนไปตลอด มันทำให้เปลี่ยนแปลง ทำให้ขาดแคลนไปตลอดถ้าคนไม่มีอำนาจวาสนา คนที่สร้างบุญกุศลมาอย่างนั้น
แต่คนที่เขาสร้างอำนาจวาสนามานะ ไม่รู้มาจากไหน วันนี้เขาอยากทำบุญของเขา วันนี้เขาอยากจะมาใส่บาตร มันได้ไปทั้งนั้นน่ะ แต่ถ้าไม่มีอำนาจวาสนา เขาจะตั้งใจจะใส่ เขาใส่ทุกวัน วันนั้นบังเอิญเขาติดธุระไม่ใส่ มันเกิดจากอะไรล่ะ มันเกิดจากอะไร ใครไปบังคับบัญชามัน ใครไปบงการมันล่ะ มันเกิดขึ้นเองๆ ความเกิดขึ้นเองอันนั้นมันมีเหตุมีปัจจัยของเขา ฉะนั้น มันเป็นเรื่องของโลก เราไม่ไปสนใจ เราสนใจสภาวะแวดล้อมในใจของเราไง ทุกข์ไหม
เพราะทุกข์อยู่นี่ไง เราเกิดเป็นมนุษย์ไง สัตว์ประเสริฐมีสติปัญญาไง เราถึงแสวงหาของเราไงเราเชื่อธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเราให้เสียสละๆ ความเสียสละนี้มันเป็นธรรมะที่จะออมชอมสังคมให้ร่มเย็นเป็นสุขไงไม่เห็นแก่ตัวไง คนที่ไม่เห็นแก่ตัวอยู่ร่วมกันมันมีความสุขไหม
ทุกคนมีแต่เห็นแก่ตัว ทุกคนต่างเม้มไว้ ทุกคนต่างซ่อนเร้นไว้ ทุกคนมีแต่ได้ แล้วก็ให้คนทุกข์คนยาก แล้วของก็กองไว้อยู่นั่นน่ะ ให้มันเน่าให้มันเสียอยู่นั่นน่ะ
แต่ถ้ามันมีการเสียสละขึ้นมามีน้ำใจ มีน้ำใจขึ้นมา มันเกิดอำนาจวาสนาบารมีขึ้นมาแล้ว เราก็ยังมีน้ำใจต่อเขา พอมีน้ำใจต่อเขา เขาไว้วางใจต่อเรา มันพูดคุยสิ่งใดมันก็ราบรื่นไปหมด มันจะพูดคุยสิ่งใดมันก็เข้าใจกันทั้งนั้นน่ะ แต่ถ้ามันระแวงต่อกัน มันไม่ไว้ใจต่อกัน พูดสิ่งใดมันก็ไม่เข้าใจกันทั้งนั้นน่ะ
นี่ไง การเสียสละทานก็เพื่อสังคมถ้าสังคมสงบร่มเย็นนะ สมณะชีพราหมณ์จะได้มีโอกาสประพฤติปฏิบัติ ถ้าเกิดศึกเกิดสงครามเกิดการแย่งชิงกัน จะมานั่งพุทโธๆ อยู่หรือ จะพุทโธๆ อยู่ต่อเมื่อสังคมมันสงบระงับ สังคมร่มเย็นร่มเย็นมาจากไหนล่ะ
นี่ร่มเย็นสหชาติ ใครเกิดพร้อมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกอย่างจะดีงามไปหมด ถ้าดีงามไปหมดนะขนาดดีงามไปหมดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทิ้งพระไปจำพรรษาอยู่กับช้างอยู่กับลิงเพราะมนุษย์ คน คนมีปัญหาไปทั้งนั้นแล้วทุกคนก็มีปัญหาไปทั้งนั้นน่ะ ทีนี้ปัญหาของเราไง ถ้าปัญหาของเรา เราจะแก้ไขของเราไง นี่ไงอตฺตา หิ อตฺตโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐตรงนี้ไง
ลัทธิศาสนาอื่นเขาจะเชื่อพระเจ้า เชื่อคนบงการ เชื่อคนชี้นำอย่างนั้นเราไปเข้าเจ้าเข้าทรงเขาก็พ่วง! เหมือนกันทุกข์ขนาดไหนมาพ่วง! ลูกช้างมีความสุขไหม
มี
กลับไปยิ้มมีความสุข เขาบังคับให้มันสุข
แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถตนเป็นที่พึ่งแห่งตนทำคุณงามความดีจะได้ไปเกิดเป็นพระเป็นเจ้า ไปเกิดเป็นสูงเป็นส่งขึ้นไปเพราะคุณงามความดีของเรา ทำบาปอกุศลจะตกนรกอเวจีจะลงไปต่ำต้อยของเรา ถ้าทำคุณงามความดีของเรา บุญกุศลของเรา เรามาเกิดเป็นมนุษย์ เป็นมนุษย์ขึ้นมาก็เป็นมนุษย์ที่ต่ำต้อย ถ้าเป็นมนุษย์ที่สูงส่งมนุษย์สูงส่งต่ำต้อยตรงไหน ตรงที่หัวใจนี่ไง ตรงที่ความคิดดีงามนี่ไง
ความคิดที่ดีงามๆ คนเราจะแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างด้วยปัญญา คนมีสติมีปัญญามันแก้ไขของมัน มีเหตุขัดข้อง มันแก้ไขได้จะทำสัมมาอาชีวะมันก็มีสติมีปัญญาของมันทั้งนั้น จะทำสิ่งใด ปัญญาๆ นี่แหละ แล้วปัญญาอย่างนี้เป็นปัญญาโลกียปัญญาปัญญาทางโลกไง
แต่ถ้าจะประพฤติปฏิบัติต้องทำความสงบของใจเข้ามาก่อนถ้าใจสงบระงับขึ้นมามันพ้นจากอวิชชา พ้นจากการเห็นแก่ตัว พ้นจากตัวตนของตนไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ใช่เราไม่ใช่เขา แล้วมันคืออะไรล่ะ? สัมมาสมาธิ
ถ้าสัมมาสมาธิมันฝึกหัดของมัน มันเกิดปัญญาขึ้นมา จะเกิดภาวนามยปัญญาขึ้นมา ถ้าเกิดภาวนามยปัญญาขึ้นมาภาวนาเกิดขึ้นจากสติปัฏฐาน ๔ คำว่าสติปัฏฐาน ๔ เกิดจากสัมโพชฌงค์เกิดจากต่างๆธรรมะมันเป็นขั้นเป็นตอนของมันขึ้นไป ถ้าเป็นขั้นเป็นตอน มันจะเป็นความจริงขึ้นมาอย่างนี้ ถ้าเป็นความจริงขึ้นมาอย่างนี้ ที่เรามาวัดมาวากัน มาเพื่อตรงนี้ มาวัดมาวาเพื่อหัวใจของเราให้มันเข้มแข็งขึ้นมา เพื่อหัวใจให้มีหลักขึ้นมา
แล้วถ้ามันเกิดปัญญาขึ้นมาให้มันเกิดเป็นปัญญาจากมรรคจากผล ไม่ใช่เกิดจากสัญญา เกิดจากความจำ เกิดจากขี้โกง เห็นธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าธรรมะเป็นธรรมชาติๆ ฉันก็รู้หมด นี่ไงสภาวะธรรมชาติไงสภาวะแวดล้อมของโลกไง ทุกคนเกิดมาก็ใช้ร่วมกันไงอากาศหายใจหายใจร่วมกันไงเวลาเป็นสารพิษมันเป็นคาร์บอนไดออกไซด์หายใจเข้าไปสิ วิ่งหนีทำไมล่ะ
นี่ก็เหมือนกัน ธรรมะเป็นธรรมชาติๆ มันก็เป็นสัจจะความจริงอันนั้นน่ะ แต่เวลามันเกิด มันเกิดในใจเรานะ ถ้าจิตมันสงบแล้วมันเกิดมรรคเกิดผลขึ้นมา มันเกิดภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการภาวนา
ฉะนั้น เวลาสูงส่งขึ้นมา ศีลสมาธิ ปัญญา ทานศีล ภาวนา เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านถึงสอนให้โยมบากบั่นกันมาเสียสละกันมา เสียสละเพื่อทาน แล้วถ้ามีความปกติของใจมันก็มีศีลในใจของตน แล้วถ้าเกิดมีภาวนามยปัญญาปัญญาที่รื้อถอนนะ
เห็นไหมเรียนกันอยากจบดอกเตอร์ เวลาภาวนามยปัญญา เวลาเกิดขึ้นน่ะ เอโก ธมฺโม ธรรมอันเอกปักอยู่กลางหัวใจ หน่อของพุทธะ เวลามันเกิดขึ้นมาแล้วมันต้องไปแสวงหาใครเราทำของเราขึ้นมาเองทั้งนั้นน่ะ ที่มาฟังธรรมๆ เพื่อเหตุนี้ฟังธรรมเพื่อย้อนกลับมาที่หัวใจเรานี่แหละ
ครูบาอาจารย์ขึ้นมาก็สาธุ เคารพบูชานะเพราะท่านประพฤติปฏิบัติของท่านมา พอประพฤติปฏิบัติของท่านมา ท่านมีหลักมีเกณฑ์ของท่าน ท่านถึงพยายามโน้มน้าวชี้นำเราอยู่นี่ไงหัวใจที่สูงส่งพยายามจะชักนำให้เราสูงขึ้นไปนะสูงขึ้นไปในสัจธรรม ไม่ใช่สูงขึ้นมาจากธาตุ จากวัตถุ จากชื่อเสียงเกียรติศัพท์เกียรติคุณ เราทิ้งมันมาทั้งนั้นน่ะ เราทิ้งมันมาแล้วกลับไปหามันนี่น่าเศร้า
เราทิ้งโลกมา แล้วมาบวชเป็นพระ แล้วแสวงหาอะไรถ้าไม่แสวงหาสัจธรรม ไม่แสวงหาสัจธรรมธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอโก ธมฺโม ธรรมอันเอก แล้วสั่งสอนเราๆ ทุกคนเป้าหมายอยู่ที่นั่น แต่มันไพล่ไปทำอะไรกัน
นี่พูดถึงเวลาถ้าเรามีสติมีปัญญาขึ้นมา มันเตือนตนได้ทั้งนั้นน่ะ ถ้ามันเตือนตนได้ เตือนตนได้นี่เรื่องของสัญญาอารมณ์นะ แล้วเกิดมรรคเกิดผลในใจขึ้นมา อันนี้ประเสริฐมาก แล้วประเสริฐขึ้นมา มันเกิดขึ้นมาจากหัวใจของตนธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงว่าให้เป็นปัจจัตตังเป็นสันทิฏฐิโก ไม่เชื่อใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ให้เชื่อแม้แต่ครูบาอาจารย์ของเราสอน ถ้าจิตมันมีสติปัญญาขึ้นมาแล้ว แต่เริ่มต้นเราก็เชื่อฟังไปก่อนเชื่อฟังไปก่อนแล้วฝึกหัดๆ
พอฝึกหัดถ้ามันตามทันแล้วนะ ถ้าอาจารย์โกหกนะ โอ้โฮ! อาจารย์โกหกกูว่ะถ้าเราเป็นจริงมันเทียบได้เลย มันรู้ทันที มันรู้หมด ถ้ามันไม่รู้มันจะเป็นวิชชา เป็นสัจธรรมขึ้นมาได้อย่างไร ถ้ามันรู้ขึ้นมา เป็นความจริงขึ้นมา อันนั้นน่ะ สัจธรรมอันนั้นน่ะที่เราแสวงหากัน แสวงหาเพื่ออันนี้ เพื่อประโยชน์กับใจของเรา
วันนี้วันพระพระเป็นผู้ประเสริฐพุทธะอยู่กลางหัวใจของเรา พุทธะอยู่กลางหัวอกนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสถิตอยู่กลางหัวใจเรานี่ ถ้าเรารื้อค้นเจอพุทธะของเราเจอธรรมะของเราเจอสังฆะของเราเราจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในหัวใจของเรา เอวัง