เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒ ต.ค. ๒๕๕๙

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมะ ธรรมะคือสิ่งที่หัวใจโหยหา เวลาร่างกายของเรา หัวใจ สติปัญญาของเราทำหน้าที่การงานของเราขึ้นมาเพื่อหาปัจจัยเครื่องอาศัย ถ้ามีปัจจัยเครื่องอาศัย คนเรามีอำนาจวาสนานะ ทำสิ่งใดจะประสบความสำเร็จ ทำสิ่งใด เห็นไหม สภาคกรรมๆ คือกรรมร่วมสมัยไง ถ้ากรรมร่วมสมัยกับใคร เราเกิดรอบข้างใคร ในชุมชนนั้น ในรอบข้างนั้น คนเกิดมามีแต่คนคิดดีๆ มีแต่สังคมที่ดีๆ เราเกิดร่วมสมัย เกิดในประเทศอันสมควร นี่สภาคกรรมๆ กรรมร่วมสมัยๆ ไง

ถ้ากรรมร่วมสมัย เราเกิดมา ถ้าสังคมที่ร่มเย็นเป็นสุข สมณะชีพราหมณ์จะได้มีโอกาสประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม เกิดศึกเกิดสงคราม สมณะชีพราหมณ์ก็ต้องออกรบด้วย ดูในประวัติศาสตร์สิ ในประวัติศาสตร์ สมณะชีพราหมณ์ก็ออกรักษาชาติเหมือนกัน การออกรักษาชาติอย่างนั้นออกรักษาชาติไว้ ไว้เพื่ออะไร เพื่อความเป็นอยู่ในความสงบร่มเย็นของเราไง

ฟังธรรมๆ สิ่งที่ใจเรียกร้อง ใจต้องการ ใจต้องการเหตุผล ธรรมะคือเหตุและผล เหตุผล เหตุผลโต้แย้งกับกิเลสของเรา กิเลสมันไม่มีเหตุผล กิเลสมันพาล มันเอาสีข้างเข้าถู มันเรียกร้องอย่างเดียว เรียกร้องอย่างเดียวในหัวใจนี้ แล้วเรียกร้องในหัวใจ ดูสิ ถ้าเรามีศรัทธาความเชื่อที่ไหน ถ้าเขาได้หัวใจเราไปแล้ว คนได้หัวใจ หัวใจมันต้องเอาไว้ในหัวอกเรานี่ หัวใจนี้เราไม่ไปฝากไว้กับใคร ถ้าไปฝากไว้กับใคร เขาปอกลอก เขาปอกลอก เขาปลิ้นปล้อนหมดล่ะ

ถ้าจิตใจของเรา จิตใจเราไปไว้กับเขา จิตใจของเราเรียกร้องความเป็นธรรมๆ สัจธรรมๆ ในหัวใจของเราไง ถ้าสัจธรรมมีในหัวใจของเรา ให้ธรรมเป็นทานๆ ให้ธรรมเป็นทาน พ่อแม่ให้ลูกอยู่นี่ ให้การศึกษา ให้การคุ้มครอง ให้การดูแล ให้ธรรมเป็นทานๆ ให้ธรรมเป็นทานขึ้นมา ให้เขาฉลาด ให้เขารอบคอบ ให้เขามีสติปัญญาของเขา ถ้าเขามีสติปัญญาของเขา เขาจะเอาชีวิตของเขารุ่งโรจน์ได้ ถ้ารุ่งโรจน์ได้นี่เป็นความสุขของพ่อของแม่ไง ถ้าความสุขของพ่อของแม่ นี่ถ้าพูดถึงหัวใจต้องการอย่างนี้

ที่ว่าหัวใจเรียกร้องความเป็นธรรม ธรรมมันคืออะไร ธรรมมันคืออะไร ถ้าเป็นผู้ที่ปฏิบัตินะ สติธรรม สมาธิธรรม ปัญญาธรรม มันเกิดขึ้นจริงๆ นะ มันเกิดขึ้นกลางหัวใจนะ เกิดขึ้นจนหัวใจคนที่เกิดขึ้นยังแปลกใจเลย โอ้โฮ! โอ้โฮ! เลยนะ ถ้าจิตมันสงบเข้ามา จิตมันสงบเข้ามา

แต่สิ่งที่มันทำไม่ได้ๆ เพราะอะไร ทำไม่ได้เพราะมันติดอดีตอนาคตไง ถ้าเคยได้สิ่งใดมามันก็เป็นอดีตไปแล้ว โหยหาๆ ไง อนาคตยังไม่มา อยากเป็นพระอรหันต์ๆ อยากจะเป็นพระอรหันต์ในอนาคต อยากจะตายไปแล้วไปเกิดพบพระศรีอริยเมตไตรย เพราะว่าการประพฤติปฏิบัติจะง่ายไง

เอาปัจจุบันนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้เอาที่ปัจจุบันนี้ ปัจจุบันของเรานี่ ในปัจจุบันนี้ ถ้าทำที่ปัจจุบันทำดี ทีนี้มันไม่อยู่กับปัจจุบันไง เข้าสัมมาสมาธิมันเป็นปัจจุบัน ไม่ลอกแลก ไม่ไปทางซ้ายทางขวาทั้งสิ้น มันอยู่กับปัจจุบันตลอด แล้วมีสติควบคุมของมัน มันจะเป็นสัมมาสมาธิ ถ้ามันอยู่กับปัจจุบันๆ ถ้าอยู่กับปัจจุบัน

เราก็เรียกร้อง ดูสิ อยากจะเป็นพระอรหันต์ในอนาคต อันนี้ก็เหมือนกัน อนาคตของเรามันจะทุกข์ยากขนาดไหน เราก็อยากให้ความมั่นคงในชีวิตๆ ถ้าเราอยากมั่นคงในชีวิต เราก็ทำปัจจุบันเราให้ดีไง ทำปัจจุบัน สภาคกรรมๆ เราอยู่กับหมู่อยู่กับคณะ อยู่กับเพื่อนฝูง เรามีน้ำใจต่อกันๆ เรามีน้ำใจต่อเขา เขาจะมองด้วยสายตาอย่างไรมันก็เรื่องของเขา มันเรื่องของเขานะ เราไม่สามารถจะไปบังคับให้คนคิดเห็นเหมือนเราได้หรอก เป็นไปไม่ได้ แต่เราต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ของเรา เราอยู่ในศีลในธรรมของเราไง ถึงจะมีสิ่งใดที่มันจะต้องมีแรงเสียดสีขนาดไหน เราก็จะอยู่ของเราๆ ถ้าอยู่ของเรา มันทนต่อการพิสูจน์ไง ถ้ามันทนต่อการพิสูจน์ เวลามันล่วงเลยไปแล้ว ล่วงผ่านไปแล้ว ล่วงผ่านไปแล้วเราอยู่กับปัจจุบันที่ดี ปัจจุบันดี อนาคตมันก็ต้องดีไง คนที่เสียดสีขนาดไหน เราไม่มีสิ่งใดมีผลกระทบต่อเขา เวลาเขาไประลึกได้ เขาไปคิดได้นะ เขาจะมาขอโทษ เขาจะมา อืม! เราไม่น่าเลย เราไม่น่าเลย นี่ไง ถ้าปัจจุบันมันดี อนาคตมันเป็นอย่างนี้ แต่นี่เราไปห่วงอนาคต แล้วปัจจุบัน ห่วงแต่เราจะได้เมื่อไหร่ เราจะดีเมื่อไหร่ แล้วปัจจุบันนี้ทำอย่างไร

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเรื่องปัจจุบันธรรมนะ ปัจจุบันธรรมๆ ธรรมที่มันเกิดขึ้น ถ้าปัจจุบันมันดี ในปัจจุบันนี้ดี อนาคตไม่ต้องพูดถึงมันหรอก อนาคตมันต้องดีแน่นอน ไอ้นี่เราต้องการอนาคตนะ ขวนขวายไปอนาคต แล้วปัจจุบันทิ้งมันเลย คนที่เขารับงานเขาก็ไม่รับเข้าหรอก เพราะว่าอะไร เพราะว่าเขาไม่รับผิดชอบในปัจจุบันนี้ เขาจะไปอนาคต อนาคตของใคร อนาคตมันยังมาไม่ถึง อนาคตก็ต่างคนต่างพูดกันไปนี่ไง ต่างคนต่างว่ากันไปทั้งนั้นน่ะ แต่นี่เอาที่ปัจจุบันนี้

ถ้าปัจจุบันนี้ ในปัจจุบันนี้เราไม่ต้องมาคิดว่าอายุมากอายุน้อยทั้งนั้น หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ นี่ปัจจุบัน เพราะธรรมชาติของเรา เราต้องมีลมหายใจอยู่แล้ว ถ้าลมหายใจ ดูสิ เวลาพายุมาก็ลมทั้งนั้นน่ะ แต่ลมพายุมันทำลายนะ มันกวาดทำลายบ้านเรือนของคนไปทั้งนั้นน่ะ

แต่ลมของเราๆ มันมีจิต มันมีความรับรู้สึก หายใจเข้าก็รู้ว่าหายใจเข้า หายใจออกก็รู้ว่าหายใจออก กำหนดพุทโธขึ้นมา นี่ปัจจุบันๆ ปัจจุบันนี้ แล้วปัจจุบันที่นี่แล้วมันไม่วิตกอะไรเลย อดีตอนาคตจะมาตรงไหน อนาคตอะไรจะมา มา ไม่สน มันยังไม่ถึงเวลา อดีต อดีตก็ผ่านมาแล้ว ถ้าอดีตผ่านมาแล้ว เรามีสติปัญญาของเรา ถ้ามีสติปัญญาของเรา นี่ไง ใจที่เรียกร้อง ใจที่มันโหยหาๆ โหยหาเพราะมันไม่รู้ โหยหาเพราะมันวิตกกังวล โหยหาเพราะมันจะตะครุบเงา โหยหาเพราะมันหลักลอย โหยหาเพราะมันไม่มีอะไรเป็นหลักเลยไง

ตั้งสติหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ

“หลวงพ่อ คนเรามันต้องทำมาหากินนะ มันต้องมีหน้าที่การงานนะ จะมาพุทโธๆ อยู่ได้อย่างไร”...นี่ไง เวลากิเลสมันเริ่มแถแล้วนะ พุทโธมันก็พุทโธที่ลมหายใจเรานี่ มือไม้มันก็ทำงานได้ สมองก็มี ก็ทำไปสิ คิดงานก็คิดไป เวลาคิดงานคิดจบแล้วก็กลับมาพุทโธไง คนเราไม่ทิ้งบ้านทิ้งเรือนของเรา คนเราบ้านเรือนอบอุ่น ทุกคนก็อยากกลับบ้านใช่ไหม คนเราในบ้านของเรามันเดือดร้อน เวลากลับบ้าน ทุกข์มากเลย ไม่อยากกลับบ้าน กลับบ้านมันมีแต่ความเร่าร้อน มีแต่ความทุกข์รออยู่ที่บ้าน เรื่องปัญหาต้องไปแก้ไขที่บ้าน

นี่ก็เหมือนกัน เราทำงานก็ทำงานไง บ้านเราก็หัวใจของเรานี่ไง ถ้าหัวใจของเรา พอเสร็จจากงาน เรากำหนดพุทโธของเรา

เสร็จจากงาน เสร็จจากงานจะนินทาเขาแล้ว ที่ทำงาน เสร็จจากงานก็สุมหัวนินทากัน

เสร็จจากงานเราก็กำหนดลมหายใจของเรา บ้านเรา รักษาบ้านเรา ดูแลบ้านเรา ทำความสะอาดบ้านเรา มันน่าอยู่ ออกไปทำงาน ออก คิดงานก็ออกจากใจ ออกไปทำงานไง ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน ทำงานเสร็จ กลับบ้าน รักษาหัวใจของเราไว้ๆ นี่ไง เวลาพุทโธๆ ถ้ามันฉลาด มันทำได้อย่างนี้

แต่ถ้ามันไม่ฉลาดไง อ้างเล่ห์ไปเรื่อย หนาวนักก็ไม่ทำงาน ร้อนนักก็ไม่ทำงาน ตอนนี้ยังเด็กน้อยอยู่ แก่เฒ่าแล้วก็ทำไม่ได้ มันอ้างไปหมดแหละ พอมันอ้างแล้วไม่ทำอะไรเลย นั่นแหละมันว่ามันดี แต่ถ้าทำงาน โอ๋ย! อ้างไปหมดเลย จะต้องทำงานๆ

งานก็คืองาน งานอะไรในโลกนี้นะ คน ครูบาอาจารย์เราที่ประพฤติปฏิบัติมาแล้ว ใครที่ว่าทุกข์ยากๆ ทุกข์ยากในการดำรงชีพ การทุกข์ยากในการดำรงชีพ กับการทุกข์ยากในการประพฤติปฏิบัติ ครูบาอาจารย์ท่านพูดประจำ ไม่เห็นงานสิ่งใดที่ต้องเสียสละชีวิตเลย ไม่เห็นมีงานสิ่งใดต้องเสียสละชีวิต

แต่เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นไป ไม่จำเป็นว่านักปฏิบัติต้องประกาศว่าเราจะสละชีวิตนะ ไม่ใช่ เวลากิเลสมันมาหลอกมาล่อ เวลากิเลสมันพลิกมันแพลง เวลากิเลสมันเอาความตายมาอ้าง มันทำให้เราล้มลุกคลุกคลาน มันจะทำให้เราไปไม่ได้ การว่าสละๆ สละเวลาจำเป็น ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ “ฉันสละชีวิต”...ไม่ใช่ๆ จะสละต่อเมื่อกิเลสมันมาแอบอ้าง กิเลสมันมาต่อรองกับเรา การต่อรองกับเรา ถ้าเราพ่ายแพ้มัน กิเลสมันก็ครอบงำเราต่อไป ถ้าเราจะพิสูจน์กับมัน เราจะพิสูจน์กับมัน อะไรตายก่อนๆ การเกิดและการตายมันอยู่ที่อำนาจวาสนาของคนนะ คนเวลานอนตายไปด้วยความปกติ มันก็ประสบอุบัติเหตุ เจ็บไข้ได้ป่วยตาย การตาย ตอนตายมาถึงเราเมื่อไหร่เราไม่รู้ไง

นี่ก็เหมือนกัน ไอ้นู่นมันจะตายๆ...มันไม่มีอะไรตายเลยน่ะ การตายจะมาถึงเราเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่กิเลสมันไปเอามาต่อรองอยู่นี่ ตายๆๆ ถ้าเราจะพิสูจน์กับมัน ธรรมะอยู่ฟากตายๆ การเสียสละมันจะเสียสละต่อเมื่อไปเผชิญหน้ากับมันไง ถ้าเวลาเผชิญหน้ากับมัน ตอนนั้นน่ะ

คนเจ็บไข้ได้ป่วยไปหาหมอ หมอต้องจะมียารักษาใช่ไหม ธรรมโอสถๆ ที่จะปราบปรามกิเลสมันเป็นขั้นเป็นตอนใช่ไหม คนเรามันไม่ใช่ทุกข์ขนาดนั้น มันไม่ต้องเข้าห้องผ่าตัดหรอก เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา หาหมอ หมอให้ยามาก็จบ ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ถ้าเวลาคนจำเป็นต้องผ่าตัด จำเป็น เขาเป็นโรคร้ายมา เขาต้องผ่าตัดก็ต้องผ่าตัด

นี่ก็เหมือนกัน เวลากิเลสที่มันโต้แย้ง กิเลสที่มันพลิกแพลง เวลาเราจำเป็นต้องใช้กับมัน นี่ไง ปัจจุบันๆ คำว่า “ปัจจุบัน” ปัจจุบันที่เราจะใช้อะไรกับกิเลสของเรา เราจะเอาธรรมโอสถ เอาสติปัญญาของเรา เราเป็นชาวพุทธๆ ชาวพุทธที่ว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา ปัญญาที่จะชนะตนเองไง ไม่ใช่ปัญญาอยู่ใต้กิเลสไง ปัญญาอยู่ใต้กิเลสมันเอาปัญญามาอ้างอิง ถ้ามันต้องการปรารถนาสิ่งใด โอ้โฮ! สุดยอด แต่ถ้ามันไม่ชอบใจ ถ้าเป็นธรรม ถ้าเป็นธรรมโอสถที่จะไปปราบปรามมัน มันบอกว่านี่ไม่ใช่ๆ แต่ถ้าอะไรไปเสริมมันนะ สุดยอดๆ นี่ไง ปัญญาของกิเลสไง ภาวนา ปัญญาพระพุทธศาสนาไม่ใช่ปัญญาอย่างนี้ ถ้าไม่ใช่ปัญญาอย่างนี้มันก็ต้องมีสติปัญญา

สติก็เริ่มต้นทำความสงบของใจเข้ามาให้ได้ก่อน ถ้าทำความสงบของใจเข้ามาได้ เวลามันจะเกิดสิ่งใดขึ้น ถ้าเราฝึกหัดของเรา วิปัสสนาอ่อนๆ วิปัสสนาอ่อนๆ ฝึกหัดใช้ปัญญาอ่อนๆ ปัญญาอย่างนั้นขนาดว่าอ่อนๆ นะ มันยังได้ประโยชน์ขนาดนั้น ขนาดว่าอ่อนๆ เรายังมหัศจรรย์เลย คนที่ไปรู้ไปเห็นมหัศจรรย์ เหมือนนักวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์คิดค้นสิ่งใด ถ้าประสบความสำเร็จสิ่งใด เขาจะภูมิใจของเขามาก เขาทำวิจัยแล้วเขาประสบความสำเร็จของเขา เขาจะได้รางวัลตอบแทนจากสังคม เพราะอำนวยความสะดวกคุณภาพชีวิตก็เพื่อสังคมนี้

ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติๆ ถ้ามันเกิดภาวนามยปัญญา เกิดมรรคเกิดผลในหัวใจ นั่นน่ะอริยสัจ มันเกิดขึ้นมา ดูสิ เรามาวัดมาวา เรากราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เรามีธรรมะเป็นที่พึ่ง แล้วเรามีธรรมะเป็นที่พึ่งเราก็กราบ มันก็กราบอยู่ข้างนอกใช่ไหม อ้อนวอนเหมือนกับที่พึ่งที่อาศัย

เวลาที่มันเกิดกับเราๆ ดูสิ บ้านเราทั้งที่มันรกรุงรัง บ้านเราที่มันทุกข์มันยากอยู่ เรารักษามัน เราดูแลมันด้วยพุทโธ ด้วยทำความสะอาดของบ้านเรา ทำความสะอาดคือสัมมาสมาธิ เวลามันเกิดปัญญาขึ้นมา ความมหัศจรรย์ มหัศจรรย์จนฝังใจ มหัศจรรย์จนเป็นสมบัติของใจ ดูสิ ครูบาอาจารย์ของเรา ธมฺมสากจฺฉา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ เวลาสนทนาธรรมกัน ถ้าใครไม่เคยรู้ ใครไม่เคยเห็น เวลาจะเข้าบ้านมันโดดขึ้นทางหลังคาอย่างนี้ มันจะเข้าบ้านได้อย่างไร บ้านเขามีประตูมีหน้าต่างนะ บ้านเขามีทางเข้าทางออกนะ บ้านเขาการเข้าการออก ออกอย่างไร ถ้าพูดเหมือนกัน ทำเหมือนกันน่ะใช่

ให้ไปเปิดประตู นไปไหนก็ไม่รู้ หาประตูไม่เจอ แล้วประตูเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้จักนะ ไอ้ที่คำพูดประตู หน้าต่าง ติ๊ต่างทั้งนั้นน่ะ ติ๊ต่างให้เห็นเป็นรูปธรรมไง แต่ความจริงๆ ทำอย่างไร ความจริงมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าความจริงเกิดขึ้น ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา แล้วปัญญาที่มันเกิดขึ้น ดูสิ นักวิทยาศาสตร์ที่เขาคิดค้นสิ่งใด วิจัยสิ่งใด โรคร้ายสิ่งใด เขาคิดค้นยาที่ปราบโรคนั้นได้ โอ้โฮ! เขามีชื่อเสียง สังคมโลกได้พึ่งพาอาศัย

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา ธรรมโอสถๆ ปราบปรามกิเลส ชำระล้างพิษไข้อวิชชาพญามารในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสำเร็จแล้ว แล้วเราส่งทอดทางวิชาการมาเป็นธรรมและวินัยให้เราฝึกหัดๆ ค้นคว้าๆ กันอยู่นี่ ทดสอบกันอยู่นี่ ห้องทดลองก็คือหัวใจของเรานี่ หาทางทดลอง หาทางพิสูจน์กันนี่ พระพุทธศาสนาสอนตรงนี้ไง สอนตรงนี้ไง จิตใจที่มันโหยหา จิตใจที่มันทุกข์มันยากไง ธรรมโอสถๆ เข้าไปดูแลรักษาอย่างนี้ไง ถ้าดูแลรักษาอย่างนี้เพื่อหัวใจดวงนี้

ธรรมโอสถๆ ธรรมโอสถไปหาซื้อที่ไหนก็ไม่ได้ ร้านขายยาก็ไม่มี หมอคนไหนก็เพียงแต่บอกวิธีการไปหาเอา ถ้าหาเอาก็ต้องหาเอาเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา เออ! หาเอา แล้วถ้าหาเจอ หาเจอนะ เป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามอบไว้ให้กับปัจจัตตัง คือเข้าไปเผชิญความจริงไง เข้าไปเผชิญ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคตไง มอบไว้ให้กับความจริงอันนั้น มอบไว้ให้กับหัวใจที่จริง มอบไว้ให้หัวใจที่จริง แสวงหาเข้าไปสู่ความจริง ถ้าเข้าไปสู่ความจริงแล้วกิเลสมันยอมจำนน ถ้ากิเลสมันสำรอกมันคายแล้ว มันจะมีอะไรเหนือความจริงอันนี้ มันจะมีอะไรเหนือจริงอันนี้ไง เหนือจริงอันนี้ แล้วมันเหนือจริง ด้วยความมหัศจรรย์ มหัศจรรย์ที่ไหนล่ะ มหัศจรรย์ที่คนรู้ไง ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก กังวานกลางหัวใจนะ ถ้าไม่กังวานกลางหัวใจ ตรงนั้นเป็นที่กิเลสอาศัยอยู่ แล้วที่กิเลสอาศัยอยู่ เราจะสำรอก เราจะคายมันออก สิ่งนั้นสำคัญมาก สำคัญมาก จิตใจที่โหยหาๆ จิตใจที่มันทุกข์มันยาก เวลาฟังธรรมๆ เพื่อเหตุนี้ไง

ธรรมะคืออะไรๆ วิ่งไปทั่ว ธรรมะคืออะไร ตะครุบแล้วตะครุบอีก หาภาชนะจะไปบรรจุกลับมาไง เวลาไปบรรจุก็ได้คัมภีร์มา ได้คัมภีร์มาแล้วเราก็ต้องมาศึกษา ศึกษาคัมภีร์เสร็จแล้วก็ต้องมาปฏิบัติ ศึกษาคัมภีร์แล้วก็ต้องปฏิบัติ เวลามาปฏิบัติขึ้นมามันเกิดขึ้นกลางหัวใจนั่นน่ะ สัจธรรม สัจธรรมอันนี้ที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นตรงนี้ เกิดขึ้นจากการกระทำของเรา ถ้าเกิดขึ้นจากการกระทำของเรา สัจธรรม สัจธรรมที่มันเป็นจริงๆ เป็นจริงที่เรา ถ้ามันมีความเชื่อ ถ้าเรามีความเชื่อมีศรัทธาแล้วทำได้ทั้งนั้นน่ะ

คนเราจะทำนะ ถ้าใจลงธรรม ครูบาอาจารย์เราท่านลงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาเราสวดมนต์ ทุกคนท่องได้หมดนะ ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นโม ตัสสะฯ นอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...นอบน้อมเวลามันพูดไง แล้วใจมันจริงหรือเปล่า แต่ถ้าปฏิบัติ ถ้าไม่นอบน้อม ทุกข์มาก กิเลสมันฝืนในใจนี่ทุกข์มาก พอทุกข์มากขึ้นมา เวลาที่จำเป็นๆ ขึ้นมา เวลามันเอาไม่ได้ อดนอนผ่อนอาหารกันทำเพื่ออะไร ของไม่มีใช่ไหม บิณฑบาตมาล้นฟ้า แล้วทำไมต้องมาประชดประชันหรือ มีอะไรฝังใจต้องประชดชีวิต...ไม่ใช่ ไม่ใช่

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไว้ ธุดงควัตร ให้มักน้อย ให้สันโดษ ให้แนวทางไว้ แล้วกำลังทดสอบๆ อยู่นี่ไง นักวิทยาศาสตร์เขาทดสอบกันในห้องแล็บไง ไอ้นี่จะทดสอบในหัวใจของเรานี่ไง แล้วหัวใจมันสู้ได้สู้ไม่ได้ ถ้ามันสู้ของมันได้นะ ไม่ได้ประชดชีวิตใครทั้งสิ้น ไม่ได้ประชดกิเลสด้วย ไม่ได้ประชดใคร แต่ต้องการสัจจะ ต้องการความจริง ต้องการพิสูจน์ๆ นักวิทยาศาสตร์กำลังจะพิสูจน์ พิสูจน์หัวใจของตน เอวัง