เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๕ ม.ค. ๒๕๖o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรม เราประพฤติปฏิบัติกันเพื่อหาสัจธรรม ถ้าหาสัจธรรมความจริงได้นะ เราจะมีความสุขของเรา ความสุขความสงบความระงับในหัวใจสำคัญมาก ถ้าหัวใจมันมีกิเลสตัณหาความทะยานอยากกระตุ้นอยู่ไงแต่กิเลสๆ ถ้าความอยากๆถ้าความอยากทำคุณงามความดี เราก็พยายามขวนขวายสร้างคุณงามความดีของเรา การสร้างคุณงามความดีของเรานะ ถ้าทางโลกเขาเรียกว่าสร้างบารมี แต่ทางหัวใจ ทางหัวใจ จริตนิสัยจริตนิสัยมันไม่มีสิ่งใดหรอกไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นที่พึ่งได้หรอกในโลกนี้ในโลกนี้ ปัจจัยเครื่องอาศัยๆไง 

คำว่า“ปัจจัยเครื่องอาศัย” คนเกิดมาด้วยบุญกุศลเขาก็ประสบความสำเร็จในชีวิตของเขา คำว่า “ประสบความสำเร็จในชีวิตของเขา”ประสบความสำเร็จนะ แต่คนที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิตที่เป็นธรรมๆ เขาพยายามช่วยเจือจานโลกไงเขาเสียสละเพื่อโลกๆ เห็นมีน้ำใจต่อกัน ถ้ามีน้ำใจต่อกันการว่ามีน้ำใจต่อกัน เขาสร้างอำนาจวาสนาบารมีของเขาแต่ในหัวใจของเรา เวลาหัวใจของเขา จริตนิสัยของเขาเพราะจริตนิสัยของเขาเป็นคุณงามความดีของเขา เขาถึงได้คิดได้อย่างนั้นไง เขาคิดของเขา เขาทำเพื่อประโยชน์ๆ ไง 

ดูสิ เวลามีการพลัดพราก ถ้าการพลัดพรากโดยปัจจุบันทันด่วนมันกระชากหัวใจไป มันมีความทุกข์ความยากมากไอ้ของเราวันคืนล่วงไปๆ มันก็มีการพลัดพรากเป็นที่สุด ถ้ามีการพลัดพรากเป็นที่สุด ขณะที่จะพลัดพราก เราได้เตรียมตัวเตรียมหัวใจของเราไงการเตรียมตัวเตรียมหัวใจของเรา ถ้าศึกษาธรรมะๆถ้ามันมรณานุสติ ถ้าเราระลึกถึงความตายของเรานะ เราจะไม่ไปคลุกกับทางโลกจนเกินไป เพราะเราไปคลุกกับทางโลกจนเกินไปมันเป็นของมันอยู่อย่างนี้กระแสลมไงมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันเป็นอนิจจัง 

มันเป็นอนิจจัง สิ่งที่ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน มันไม่แน่นอนของมันแต่ความไม่แน่นอนของมันมันเปลี่ยนแปลงของมันอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าคุณธรรมๆมันจะเปลี่ยนแปลงขนาดไหนเราก็เป็นคนเดิม มันจะเปลี่ยนแปลงขนาดไหน เราก็มีสติปัญญาไงมันจะเปลี่ยนแปลงขนาดไหน เราก็เท่าทัน คำว่า“เท่าทัน” คนที่มีธรรมๆ มันเป็นแบบนี้ไง เรามีธรรมในหัวใจของเราไงสรรพสิ่งในโลกนี้มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทั้งนั้นน่ะ แต่การเปลี่ยนแปลงไปเปลี่ยนแปลงโดยที่เรามีสติปัญญาที่เราควบคุมได้ กับเปลี่ยนแปลงไปโดยที่เราทุกข์เรายากไปกับมันไง เราทุกข์เรายากไปกับมัน เราทุกข์เรายากนะ การเปลี่ยนแปลงอย่างนั้นมันเปลี่ยนแปลงแบบโลก เห็นไหม

แต่การเปลี่ยนแปลงแบบธรรมๆสรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง สิ่งใดเป็นอนิจจังสิ่งนั้นเป็นทุกข์เป็นทุกข์เพราะสิ่งที่มันทนไม่ได้ ไม่ใช่ว่ามันเป็นอนิจจังแล้วจะไปทุกข์กับมันไง ความทุกข์คือความที่ทนไม่ได้ เราทนไว้ไม่ได้นี่ความทุกข์ ถ้ามันอนิจจัง มันเปลี่ยนแปลงอยู่แล้วมันถึงเป็นทุกข์ เพราะมันไม่คงที่ไง มันมีความเปลี่ยนแปลงความเปลี่ยนแปลงคือมันไม่คงที่มันเปลี่ยนแปลงถ้าความเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา 

ถ้าเรามีสติมีปัญญา เราศึกษา เราพยายามศึกษาเราฝึกหัดประพฤติปฏิบัติของเรา เราต้องประพฤติปฏิบัติของเรานะ เราต้องทำของเราเองไง เราต้องทำของเราด้วยตัวของเราเองถ้าเราทำด้วยตัวของเราเองเรามีประสบการณ์เรามีความเข้าใจ เราฟังธรรมๆ ยื่นมาจากครูบาอาจารย์จากใจดวงหนึ่งสู่ใจดวงหนึ่งจากใจดวงหนึ่งไง แต่ใจดวงนั้น ใจดวงนั้นใจของครูบาอาจารย์เราที่ท่านประพฤติปฏิบัติแล้วท่านมั่นคงนะ ท่านมั่นคง ท่านไม่หวั่นไหวกับสิ่งใดๆ ในโลกนี้ความมั่นคงอันนั้น เพราะมันเหนือโลก

สิ่งที่มันเปลี่ยนแปลงๆมันเปลี่ยนแปลงมันก็เหมือนของเล่น แล้วนี่มันของจริง ของเล่น ของจริงของเล่นมันสู้ของจริงได้อย่างไร มันเป็นของเล่น แต่เราก็เป็นของเล่นอันหนึ่งเหมือนกัน เพราะชีวิตของเราไงเพราะชีวิตเรามันก็เหมือนของเล่นอันหนึ่ง แต่จิตใจของเราถ้ามันอยู่ในอนิจจังมันก็เหมือนของเล่นอันหนึ่ง ของเล่นมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาไงแต่มันสามารถทำให้เป็นของจริงได้ ที่เรามาวัดมาวากัน เรามาสร้างอำนาจวาสนาบารมีเราจะทำหัวใจเราให้เป็นของจริงขึ้นมา 

ถ้าเป็นของจริง ไม่ใช่ของเล่นนะเพราะของจริงมันไม่เปลี่ยนแปลงไงเพราะของจริงโลกนี้ สรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง มันไม่มีอะไรคงที่ทั้งหมด แล้วหัวใจเรามันก็ไม่คงที่เพราะมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่เพราะการฝึกฝน ด้วยหัวใจ ด้วยความมั่นคงของเรา ด้วยการกระทำของเรา เราทำของเราจนมันไม่เปลี่ยนแปลงมันไม่เปลี่ยนแปลงมันต้องมีเหตุมีผลสิ มันไม่ใช่ไม่เปลี่ยนแปลงโดยที่เราคิดเอา เรานึกเอาแล้วเราจินตนาการเอาเรานึกเอา เราคิดเอาในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง เวลาศึกษามาปรัชญาเราเข้าใจไปหมดเข้าใจว่า ถ้ามันไม่เปลี่ยนแปลงมันจะเกิดได้อย่างไรๆ แล้วเราก็เข้าใจว่าเราทำได้ๆ ไงแต่เราทำได้ แต่มันไม่จริงไง

ถ้ามันจริงขึ้นมา มันจริงขึ้นมา เราต้องจริงจังของเราขึ้นมา พอจริงจังขึ้นมาก็บอกว่า ชีวิตนี้เกิดมาก็ทุกข์ยากอยู่แล้วทำไมต้องมาทุกข์ยากเพิ่มขึ้นอีก

ความทุกข์อย่างนั้นความทุกข์ที่ไม่มีต้นไม่มีปลาย ความทุกข์อย่างนั้นเป็นความทุกข์ที่ไม่จบไม่สิ้นแต่ความทุกข์ความทุกข์ของเรา ความลงทุนลงแรงที่มากขึ้นเราต้องทำมาหากินใช่ไหมเราต้องมีหน้าที่การงานใช่ไหมแล้วเวลาเรามาควบคุมใจของเรา มันก็เป็นงานอันหนึ่งเหมือนกัน มันต้องทำงานมากขึ้น พอทำงานมากขึ้น มันต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น มันก็ว่าเป็นความทุกข์ไง เราก็มีความทุกข์อยู่แล้ว เราทำไมต้องมาทุกข์อีกล่ะ

ทุกข์อย่างนี้ทุกข์เพราะเราพอใจไง ทุกข์เพราะเราตั้งใจของเราไง ทุกข์อย่างนี้ทุกข์จะสิ้นจากทุกข์ไงการลงทุนลงแรงมันก็เป็นความทุกข์อันหนึ่ง การกระทำนี้ก็เป็นความทุกข์อันหนึ่งแล้วทำไมจะต้องไปทุกข์มากอีกล่ะ การทุกข์อย่างนี้เพราะเราเกิดเป็นมนุษย์ไงเกิดเป็นมนุษย์มนุษย์มีสติปัญญาไงเพราะมีสติปัญญามันถึงขวนขวายไงคนที่เขาไม่มีสติไม่มีปัญญา เขาคิดอย่างนี้ไม่ได้เขาทำอย่างนี้ไม่ได้ ดูสิ เวลาพราหมณ์พราหมณ์วรรณะต่างๆของเขาก็หน้าที่ของเขา แล้วเขาก็ไปยอมอยู่กับพระเจ้า แล้วแต่พระเจ้าจะบัญชาการ มันทำของเขาอยู่อย่างนั้นไม่จบไม่สิ้น เห็นไหม

แต่ของเรามันจบมันสิ้นถ้ามันจบมันสิ้นมันจบสิ้นอย่างไร ถ้ามันจบสิ้นอย่างนี้ว่าเป็นของเล่นๆ มันเป็นของเล่น แล้วของเล่นไม่ใช่ธรรมดานะ เหมือนเด็กๆ เวลาของเล่นมันโดนลักไป โดนแย่งไป ร้องไห้ ไอ้นี่ก็เหมือนกันเวลาชีวิตมันพลัดพรากมันก็ร้องไห้เจ็บช้ำทั้งๆ ที่มันเป็นความจริง มันเป็นความจริงว่าเราต้องพลัดพรากแน่นอน แต่พลัดพรากแน่นอน แต่เรามีสติปัญญาแล้วเราสร้างสมของเรา ถึงมีชีวิตอยู่ก็มีชีวิตอยู่ของเราเพื่อพอบรรเทาไปพอบรรเทาชีวิตของเราให้มันอยู่ได้ แล้วถ้ามีสติปัญญา เขาไม่ใช้สอยฟุ่มเฟือยของเขา เขาประหยัดมัธยัสถ์ไง

ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี ความรู้จักประหยัดมัธยัสถ์ทำให้สุขภาพแข็งแรงจิตใจก็ไม่รั่ว ไม่ตามกิเลสมันไปจิตใจไม่รั่ว หาปัจจัยเครื่องอาศัยมาพอเสมอ พอไปหมดเลย ถ้าจิตใจมันรั่ว ตัวเองก็ไม่พอใช้แล้วยังวุ่นวายกับคนอื่นอีก 

ถ้าเราฝึกหัดๆ เป็นอย่างนี้ ถ้าฝึกหัดแล้วจิตใจเราดีขึ้นรู้จักประหยัดมัธยัสถ์ขึ้นมามันดีทั้งภายนอกและภายในภายนอกร่างกายก็แข็งแรง มันไม่ฟุ่มเฟือย ความแสวงหามาเพื่อร่างกายก็ไม่ต้องลงทุนลงแรงจนเกินไป

แต่ถ้าจิตใจของเราจิตใจมันก็พัฒนาของมันขึ้น จิตใจไม่รั่วไหลเพราะมันไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนเป็นจริตเป็นนิสัยจริตมันรู้จักประหยัดมัธยัสถ์ พอประหยัดมัธยัสถ์ ของมันใช้แล้วใช้เล่า

เวลาหลวงปู่มั่น เวลาท่านถือผ้าบังสุกุลอยู่แล้วท่านไม่ใช้คหบดีจีวรเลยแล้วเวลาท่านใช้แล้วยังประหยัดมัธยัสถ์ ปะชุนอยู่อย่างนั้นน่ะแล้วชื่อเสียงคับฟ้า หลวงตาท่านอยู่ของท่าน ท่านบอกทำไมต้องประหยัดขนาดนั้น 

ความคิดไง แล้วไอ้คนไม่ได้ใช้สอยยังทุกข์ยากแทนเลยแต่ของท่านสบายๆ สบายเพราะอะไรสบายเพราะคุณธรรมมันสูงส่ง คำว่า“คุณธรรมสูงส่ง” ความประหยัดมัธยัสถ์ ปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เคารพธรรมวินัยเคารพธรรมวินัยแล้วบูชาธรรม เราปฏิบัติธรรมวินัย ปฏิบัติเพื่อความประหยัดมัธยัสถ์ ปฏิบัติเพื่อคุณงามความดี มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งที่จิตใจมันดีอยู่แล้ว จิตใจมันดีอยู่แล้วมันยังทำให้ดีมากขึ้นๆ ขนาดว่าผู้ที่อุปัฏฐากอยู่ยังสลดสังเวชหลวงตาท่านเป็นผู้อุปัฏฐากอยู่นะ ท่านสลดสังเวชของท่านท่านอยากจะให้ได้ดิบได้ดีขึ้นมาบ้าง ดูสิ ดูเวลาหลวงปู่เจี๊ยะท่านพูดถึงระลึกถึงหลวงปู่มั่นทีไรร้องไห้ทุกทีเลย ท่านไม่เคยได้ฉันภัตตาหารที่ทางโลกเขาว่าดีๆ เลย ท่านฉันอาหารของท่าน

เจ็บไข้ได้ป่วยของเรา เราต้องไปโรงพยาบาล พอเวลาท่านเจ็บไข้ได้ป่วยนะ อยู่ในป่า เจ็บไข้ได้ป่วย เข้าป่าลึกเข้าไปอีกธรรมดาปกติก็ฉันอาหารปกติเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย ฉันข้าวต้มกับเกลือ หลวงปู่เจี๊ยะท่านเล่าให้ฟังประจำ

เวลาคนเจ็บคนป่วยขึ้นมา เราต้องบำรุงใช่ไหมท่านยิ่งเจ็บยิ่งป่วยท่านยิ่งเข้าป่าลึกเข้าไปอีกยิ่งเจ็บยิ่งป่วยฉันข้าวต้มกับเกลือเลย ท่านทำของท่านอยู่อย่างนั้นน่ะ นั่นน่ะมันเป็นตัวอย่างไง

ฉะนั้นเวลาพระที่ไปอยู่กับท่าน ท่านถึงพยายามปฏิบัติให้เป็นธรรมทายาทถ้าธรรมทายาทมันมีธรรมในหัวใจนะ มันรู้จักประหยัดรู้จักมัธยัสถ์โดยธรรมชาติของมัน ใช้สอยอย่างไม่มีฟุ่มเฟือยเด็ดขาด

ความฟุ่มเฟือยเป็นการแสดงออกของกิเลส มันเป็นกิริยาของกิเลสกิเลสมันแสดงออกอย่างนั้น มันฟุ่มเฟือยในหัวใจ ข้างนอกมันก็ฟุ่มเฟือย ข้างนอกมันทำอะไรก็ไม่มีหลักมีเกณฑ์ไง

ถ้าจิตใจมันมีสติมีปัญญา มันมีสติปัญญามาจากหัวใจ มันประหยัดมัธยัสถ์มาตั้งแต่หัวใจประหยัดมัธยัสถ์ขึ้นมาอารมณ์ก็เข้ามาไม่ได้ เพราะประหยัดมัธยัสถ์ ไม่ยอมรับอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้ามันฟุ่มเฟือย สิ่งใดก็จรมา ก็ไปคลุกคลีกับมันไง ไปคลุกเคล้ากับมันแล้วก็มีความทุกข์ความยาก เวลามันทุกข์มันยากในหัวใจ หน้าชื่นอกตรมไงหน้าชื่นบาน มีความสุข แต่ในหัวใจมันดิ้นโครมๆ อยู่นั่นน่ะ

แต่ถ้าเราทำความจริงของเรา เราปฏิบัติของเราปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์ท่านปฏิบัตินะ ท่านปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประหยัดมัธยัสถ์ประหยัดมัธยัสถ์มันเป็นคุณธรรม แล้วคนที่มันอยู่กับคุณธรรมมันจะเร่ร่อนได้อย่างไร มันจะออกนอกลู่นอกทางได้อย่างไรก็มันอยู่กับคุณธรรม

แต่ของเรามันดีแต่ปากหัวใจมันเร่ร่อนไปหมด หัวใจมันออกนอกลู่นอกทางไปหมด มันดีแต่ปากไง นี่ไง การศึกษา ศึกษามาแล้วมีความรู้เยอะมาก แต่ความรู้เยอะมาก เวลาปฏิบัติขึ้นมามันต้องปฏิบัติมาด้วยตัวของเราเอง ด้วยจิตใจของเราเอง จริตนิสัยๆ มันถึงบอกเวลาปฏิบัติแล้วจะเป็นความทุกข์ไง เวลาพูดถึงโอ๋ย! มันก็ทุกข์อยู่แล้ว ทำไมต้องมาทุกข์ซ้ำทุกข์ซาก 

ไอ้ทุกข์อยู่แล้วมันทุกข์ด้วยเวรด้วยกรรม เพราะว่าสายบุญสายกรรม กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กันมันทุกข์มันยากอย่างนั้น แต่เวลามันทุกข์มันยากอย่างนั้นแล้ว เวลาประพฤติปฏิบัติไอ้นี่มันเป็นการกระทำ กระทำแบบบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความทุกข์อย่างนี้ทุกข์เพราะเราพอใจเวลามันกำหนดพุทโธ ใช้ปัญญาอบรมสมาธิ ถ้าสติปัญญามากขึ้นมันจะเกิดความมหัศจรรย์ขึ้นมาแล้ว 

สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี ความสุขในโลกนี้ใครๆ ก็แสวงหาได้ถ้ามีปัจจัย ธุรกิจบริการ จะไปฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อขนาดไหน เลอเลิศขนาดไหนถ้ามีตังค์ ทำได้ทั้งนั้นน่ะ แต่ถ้าจิตสงบ มีตังค์มากน้อยขนาดไหนก็ซื้อไม่ได้ความสงบระงับในหัวใจคุณธรรมซื้อไม่ได้ ใครจะมีตังค์มากน้อยซื้อไม่ได้

เวลาคนที่มีสติมีปัญญาเขาจะทุกข์จนเข็ญใจ เขาจะมั่งมีศรีสุขขนาดไหน ถ้าเขาทำของเขาถ้าจิตมันสงบเข้ามา สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี ความสุขความสงบอย่างนี้มันสุขสงบเท่ากับอยู่ในวัฏฏะ อยู่ในโลกธาตุนี้เลยมันแสวงหาได้เลย ไม่ต้องไปหาจากสินค้าทางโลก 

สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี จิตใจของเราแท้ๆเลย อยู่กับเราแท้ๆ เลย ถ้ามันสงบระงับเข้ามา สงบระงับเพราะอะไร ถ้าไม่มีสติ เป็นการเพ้อเจ้อ ความสงบระงับแบบมิจฉาทิฏฐิ นั้นคือการมอมเมามอมเมาหัวใจของตนว่าว่างๆว่างๆ อันนั้นเป็นการมอมเมามอมเมาด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก มันเป็นมอมเมาตัวเอง

แต่ถ้ามันเป็นสัจจะความจริง มันมีสติของมัน มีคำบริกรรมของมันมีปัญญาอบรมสมาธิของมันแล้วมันสงบเข้ามา มันละเอียดเข้ามา ละเอียดก็มีสติควบคุมดูแลรักษา เวลามันสงบขึ้นมาโอ้โฮ! มันแจ่มแจ้ง มันชัดเจน

นี่ไง คนที่มีองค์ความรู้มีคุณธรรม เขาต้องมีองค์ความรู้ของเขาสิ เขาต้องมีปัญญาของเขาคนที่มีปัญญาเวลาพูดออกมามันมีปัญญาใช่ไหม คนที่ไม่มีปัญญาพูดสิ่งใดออกมามันก็ไม่มีปัญญาใช่ไหม

จิตใจของคนก็เหมือนกัน จิตใจของคนที่มันสงบระงับเข้ามาด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา ถ้ามันมีความรู้จริง มันมีความจริงของมัน มันต้องมีองค์ความรู้ของมัน มันต้องมีเหตุมีผลของมันถ้ามีเหตุมีผลของมัน มันถึงว่าเป็นข้อเท็จจริงไง

สิ่งใดที่ได้มาโดยไม่มีเหตุมีผลไงว่างๆ ว่างๆมอมเมามอมเมาหัวใจของตน แล้วอ้างอิงว่าเป็นธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศึกษาธรรมศึกษาธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามา แต่เวลาพูด พูดมอมเมามอมเมาว่า พูดด้วยกิเลสไงพูดโดยสัญญาไง มันไม่เป็นความจริงขึ้นมาไง

ถ้าเป็นความจริงขึ้นมาเราต้องทำอย่างนี้ มันถึงว่ามันเป็นความทุกข์ไง ไอ้ที่ว่าไม่มีความทุกข์ มีแต่ความสบายๆ มาถึงนั่งพับหลับไปตื่นขึ้นมาว่างๆ...มีเหตุมีผลที่ไหน มันมาที่ไหน มันเป็นปัจจัตตัง สันทิฏฐิโกอย่างไรมันเป็นสมาธิอย่างไร มันมีเหตุอย่างไรมันถึงเป็นสมาธิขึ้นมา 

สมาธิมันต้องมีที่มาที่ไปสิ หัวใจของเรามันทุกข์มันยากขึ้นมา พอกิเลสมันกระตุ้นน่ะไม่เห็น เวลากิเลสมันกระตุ้นกิเลสมันครอบงำ ไม่รู้จักเวลากระทำขึ้นมาก็ไม่มีเหตุมีผลสิ่งใดเลยแล้วกิเลสในหัวใจก็มามอมเมาตัวเองอีก

กิเลสของเราเป็นกิเลสทิฏฐิมานะมันเกิดตัวตนของมัน มันเกิดอหังการอยู่แล้วเวลาไปท่องจำธรรมะมาก็อ้างอิงตรงนั้นว่าเป็นคุณธรรมๆ มันมอมเมาสองชั้นสามชั้นนะกิเลส กิเลสมันแผดเผาตัวมันเองอยู่แล้ว มันยังไปอ้างอิงบังเงาเอาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาอ้างอิงอีก มันเลยไม่เป็นความจริงๆขึ้นมาไง 

แต่ถ้าเป็นความจริงๆขึ้นมา มันต้องมีคำบริกรรมสิบริกรรมพุทโธๆๆ พอพุทโธแล้ว เพราะพุทธานุสติ มันมีสติมีปัญญาของมัน รักษาหัวใจของมันเข้ามา ละเอียดระงับเข้ามาเวลามีความสุขมีความมหัศจรรย์นะ นี่ไง ลงทุนลงแรงมาแล้วมันคุ้มค่าไง ลงทุนลงแรงด้วยความทุกข์ความยาก

เราบอกเราทุกข์อยู่แล้วทำไมต้องมาทุกข์อีก

เพราะเราจะมาทุกข์อย่างนี้ เพราะเรามาแสวงหาอย่างนี้ เพราะเราต้องการทรัพย์สมบัติอย่างนี้ที่ไม่มีใครซื้อหาได้เศรษฐีมันจะมีเงินมากน้อยขนาดไหนมันก็หาสมบัติอย่างนี้ไม่ได้ แล้วเรามาหาของเราๆเราหาของเราด้วยการนั่งสมาธิ ด้วยการเดินจงกรม มันจะทุกข์มันจะยากขนาดไหนสาธุ ทำบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นถึงกษัตริย์นะ ท่านถึงลงทุนลงแรงขนาดนั้น แล้วเรา ด้วยความเคารพบูชาของเรา พระพุทธพระธรรม พระสงฆ์ แก้วสารพัดนึกรัตนตรัยของเรา เราพยายามสร้างขึ้นมา ทำบุญกุศลก็เพื่อบุญทำเพื่อความสบายใจ ทำเพื่อมีอำนาจวาสนาในวัฏฏะเวลาปฏิบัติปฏิบัติเพื่อชำระล้างกิเลส เวลาปฏิบัติขึ้นมาเพื่อคุณธรรมในหัวใจ มันเป็นชั้นเป็นตอนเข้ามา

เรามีสติปัญญามากน้อยแค่ไหน เรามีเป้าหมายกับชีวิตของเราอย่างไร เวลาปัจจุบันทันด่วนเขาต้องพลัดพรากจากกัน เขาร้องไห้คร่ำครวญกันอยู่นั่น เห็นไหมเรามีเวลานะเรายังมีเวลาที่จะแก้ไข ถึงวาระเราต้องสิ้นชีวิตนี้ไปเป็นเรื่องธรรมดาเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องข้อเท็จจริงเลย

แต่เวลาที่เหลืออยู่นี้เราควรสร้างสมสติปัญญาของเราเราควรสร้างคุณธรรมในใจของเรา เราควรสร้างใจของเราให้มีคุณธรรมเราควรสร้างหัวใจเราให้บางเบา ให้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะให้มันมีความสุขอย่าให้ทุกข์ยากจนเกินไปเลย แล้วถ้ามันถึงที่สุด ถ้ามันพ้นไปได้ขอให้มันพ้นไป เอวัง