เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๙ เม.ย. ๒๕๖o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมนะ สัจธรรมๆ ชีวิตของเราเป็นสมมุติ สมมุติคือเป็นของชั่วคราว คำว่า “ชั่วคราว” คือชีวิตหนึ่งไง ตั้งแต่เกิดจนตาย ถ้าชีวิตมันไม่ยั่งยืน ทุกคน ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด ธรระขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกชีวิตนี้มีค่ามาก ชีวิตนี้มีค่ามาก เพราะการเกิด มนุษย์สมบัติถึงได้เกิดเป็นมนุษย์ไง เกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนถึงเรื่องอะไร สอนถึงเรื่องละความทุกข์ ละความทุกข์

คนเกิดมา ทุกข์เป็นอริยสัจ ทุกข์เป็นความจริง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าอริยสัจ สัจจะ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ทุกข์เป็นความจริง เราก็อยากจะพ้นจากทุกข์ อยากจะพ้นจากทุกข์ เราก็อยากจะเอาทุกข์ขว้างทิ้ง แต่มันขว้างทิ้งไม่ได้ พระพุทธเจ้าบอกทุกข์ควรกำหนด ให้ศึกษามัน ให้ศึกษามัน ไปละที่สมุทัยไง ไปละสิ่งที่ตัณหาความทะยานอยาก

อยากให้หายทุกข์ อยากให้เป็นไป ความไม่ต้องการก็ผลักไสมัน พอผลักไสมันนะ สิ่งนี้ตัณหาทั้งนั้นน่ะ เวลาตัณหาขึ้นมา เวลาทำต้องทำความจริง

สิ่งที่มีชีวิตคือคุณค่าของเรา สิ่งที่มีชีวิตมีคุณค่ามากๆ เวลามีคุณค่า เกิดมาแล้ว เกิดมาแล้วเหมือนไก่ในเข่ง โลกสมมุติ เราอยู่เหมือนไก่ในเข่งไง เบียดกันอยู่ในเข่ง จิกกันตีกันอยู่อย่างนี้ อยู่ในเข่ง แล้วถึงเวลาแล้วเขาจับเชือดหมดเลย

นี่ก็เหมือนกัน เกิดมาแล้วขวนขวายกัน หาอยู่หากิน การกระทำเพื่อหน้าที่การงานของเรา ทำมาหากินถึงที่สุดแล้วก็ต้องตายไป มรณภัยมันต้องมาถึงทุกคน ไก่ในเข่งๆ หาทางออกไม่ได้หรอก พอไก่ในเข่งมันก็จิกตีกัน แก่งแย่งกัน เบียดเบียนกัน นี่ไก่ในเข่ง แล้วมันไม่รู้จักมีสติปัญญา ไม่รู้จักเอาตัวรอด ถ้าช่วยกันร่วมกันนะ ผลักดันให้พ้นออกจากเข่งนั้นไป ถ้าออกจากเข่งไป นี่ไง ผู้ที่เห็นภัยในวัฏสงสารถึงมาบวชเป็นพระ พอบวชเป็นพระขึ้นมา เราจะหาทางให้พ้นออกจากเข่งนั้น ออกจากเข่งนั้น

หลวงตาบอกถังขยะๆ ถังขยะคือขันธ์ ๕ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มันครอบงำเราไว้ ถ้าครอบงำเราไว้ เราจะทำอย่างไรให้พ้นออกไปจากถังขยะนี้ ถ้าออกไปจากถังขยะนี้ เราถึงมาประพฤติปฏิบัติกัน

เวลามาประพฤติปฏิบัติ เวลาปฏิบัติขึ้นไป เราไปวัดไปวาขึ้นมา คนที่ปฏิบัติแล้วแสวงหาครูบาอาจารย์นะ แสวงหาครูบาอาจารย์ผู้ชี้นำๆ ถ้าเป็นครูบาอาจารย์ที่ดี ท่านจะพาเราออก ออกจากสังคม ออกจากโลก ออกไปเป็นธรรม ออกไปเป็นธรรมถ้ามันไม่มีที่พึ่งที่อาศัย ครูบาอาจารย์เราถึงออกวิเวก ออกไปอยู่ป่าอยู่เขาของท่านเพียงลำพังของท่าน เพราะมันพึ่งใครไม่ได้ๆ มันจะออกจากเข่ง ไก่ที่มันฉลาด มันจะหาทางออกจากเข่งให้ได้ไง มันออกจากเข่ง ไม่ต้องมาจิกมาตีกันอยู่ในเข่งนั้น

เวลาจิกตีกันในเข่งนั้นมันเป็นไปโดยวุฒิภาวะ มันเป็นไปตามวัย เวลามาวัดมาวาขึ้นมามันเป็นไปตามวัย วัยของเด็ก วัยของเด็กมันก็แสวงหา วัยของเด็กมันน่ารื่นเริง เว้นไว้แต่กรรม เวลากรรมไปเจอพ่อแม่ที่อำมหิต ทำลายลูกเด็กเล็กแดงของตน อันนั้นก็เวรกรรมของสัตว์ แต่ถ้ามันเกิดมาโดยธรรมชาติของเด็ก ธรรมชาติของเด็ก พ่อแม่ต้องอุ้มชู พ่อแม่ต้องดูแล โลกมันสวยงามสีชมพู เวลาโตขึ้นมามันอยากจะปากกัดตีนถีบ อยากจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมา อยากไปทำหน้าที่การงาน อยากประสบความสำเร็จ ขวนขวายๆ ด้วยความไร้เดียงสา วุฒิภาวะของมันไร้เดียงสา มันก็แสวงหาอย่างนั้น นี่เป็นไปตามวัยๆ

พอวัยโตขึ้นมามีการศึกษา ไปโรงเรียนก็ไปแข่งขันกันในโรงเรียนนั้น เวลาออกมาวัยทำงานๆ มันเป็นไปตามวัยๆ ถ้าเป็นไปตามวัยอย่างนั้น ถ้าเราเป็นผู้ปกครอง ผู้ดูแล เราก็สั่งสอนเขา เพราะเราเป็นไก่ด้วยกันน่ะ เราอยากจะออกจากเข่งนั้น อยากจะออกจากกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของตน ถ้าออกจากกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของตน เราก็ต้องช่วยกันร่วมมือดูแล เวลาบวชมายังมีอาวุโส ภันเตเลย

เวลาบวชมา เณร สามเณรน้อย ผู้ที่ไล่กาได้มาบวชได้ ไล่กาได้ กามันมาจิกกันของที่เขาตากข้าวไว้ ไล่กาได้ๆ มันต้องเป็นประโยชน์ไง ถ้ามันไม่เป็นประโยชน์ เราจะออกจากเข่งกันอย่างไร เราจะออกจากเข่งกัน เราต้องมีข้อวัตรปฏิบัติ เราต้องมีหนทางของเรา ถ้าเรามีหนทางของเรา เราทำอย่างไรให้ออกจากเข่งนั้น ออกจากเข่งนั้น แล้วทางโลกเราต้มเปรต เขาเอาปลาเป็นๆ ไปใส่น้ำแล้วต้ม แล้วเอาผักบุ้งไป มันจะว่ายเข้าหาผักบุ้งนั้น ต้มเปรต มันเดือดร้อนน่ะ โลกมันเดือดร้อนมันวุ่นวายขนาดนั้น ถ้าโลกมันเดือดร้อนวุ่นวายขนาดนั้น คนที่มีวุฒิภาวะที่พยายามหาทางออกๆ

ถ้าหาทางออก ถ้าร่วมมือกัน ส่งเสริมกัน มันก็จะมีหลักชัยไง ถ้าเรามีครูบาอาจารย์ของเรา ครูบาอาจารย์เราพาออกจากกิเลสตัณหาความทะยานอยาก แล้วเรื่องของโลกๆ ไง เรื่องของโลก เรื่องของกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ลูบหน้าปะจมูกทั้งนั้นน่ะ ลูบไปมันเจอจมูกไง จมูกมันขวางอยู่นั่น แต่ถ้าเป็นธรรมๆ เป็นสัจธรรม ลูบหน้าไม่ปะจมูก มันต้องเสมอภาค มันต้องเป็นความเป็นจริง ถ้าความเป็นจริงมันก็ย้อนเข้ามาวุฒิภาวะ ถ้าวุฒิภาวะของคน อันนู้นได้ อันนี้ไม่ได้

มันได้หรือไม่ได้มันอยู่ที่กาลเทศะด้วยนะ ถ้ากาลเทศะ พระเก็บเนื้อเก็บตัว แต่เวลาเช้าขึ้นมาออกบิณฑบาตก็เข้าไปหาชุมชนนั่นแหละ ไปหาชุมชนนั้น เวลานั้นเขาก็ใส่บาตรของเขา เขาใส่บาตรของเขาเพื่อบุญกุศลของเขา ไอ้เราเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง ถ้าไม่มีพระไม่มีเจ้า เขาจะทำบุญมาจากไหน ไอ้ทำบุญกุศลนี่ระดับของทานๆ ทำที่ไหนก็เป็นทาน แม้แต่น้ำล้างถ้วยล้างจานสาดไปในน้ำครำ เวลาสัตว์มันกินเศษอาหารนั้นมันก็เป็นทาน

เวลาเป็นทานขึ้นมา คนต้องมีสติปัญญา ระดับของทานก็จะทำทานอยู่อย่างนั้น ใครที่แสวงหาขึ้นมาจะออกจากเข่งนั้นบอกว่า คนนั้นเห็นแก่ตัว เราต้องอยู่ในเข่งด้วยกัน เราออกจากเข่งไปไม่ได้ ถ้าออกจากเข่งไปเป็นคนเห็นแก่ตัว

คนที่เขาทำทานของเขาด้วยวุฒิภาวะของเขา เขาทำของเขาอย่างนั้น เวลาคนที่เขามีสติปัญญาของเขา เขาหาเนื้อนาบุญของโลก เขาพยายามหาสิ่งที่ไว้วางใจได้ ถ้าไว้วางใจได้ มันลงใจๆ ความลงใจอันนั้นเพื่อประโยชน์กับหัวใจดวงนั้น ถ้าประโยชน์กับใจดวงนั้น เห็นสมณะ ไปวัดไปวาเห็นสมณะ สมณะที่ ๑ สมณะที่ ๒ สมณะที่ ๓ สมณะที่ ๔ การเห็นสมณะ การเห็นสมณะที่ ๑ ก็สติปัญญาระดับหนึ่ง สมณะที่ ๒ ก็สติปัญญาระดับหนึ่ง สมณะที่ ๓ ก็ปัญญาระดับสูงขึ้นไป สมณะที่ ๔ มันน่าชื่นชม น่ารื่นเริง

พระสารีบุตรเห็นพระอัสสชิเดินบิณฑบาตอยู่ เดินบิณฑบาตอยู่แล้วรู้ได้อย่างไร รู้ได้อย่างไรว่าคนคนนี้มีปัญญา เวลาคนที่มีปัญญาเขามองออก เขาตามไปๆ ถามว่า “ท่านบวชมาจากใคร”

“บวชมาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”

“องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไว้อย่างไร”

“โอ๋ย! เราเป็นผู้บวชใหม่ เราจำไม่ได้มากหรอก”

“จำไม่ได้มากก็เอาเนื้อๆ”

“ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ ต้องไปดับที่เหตุนั้น”

ถ้าดับที่เหตุนั้น ทุกข์มันมาจากไหน ทุกข์มันอยู่ที่ไหน ทุกข์มันอยู่ที่เงินทองหรือ ทุกข์ที่มันอยู่ที่เพชรนิลจินดาใช่ไหม ถ้าเพชรนิลจินดามันเป็นทุกข์นะ มันแก้ไขได้นะ ไอ้เหมืองเพชรมันขุดมาทุกวันเลย มันไม่ใช่ทั้งนั้นน่ะ

ความทุกข์มันเกิดจากใจ ใจของคนถ้ามันแสวงหา เพชรนิลจินดา เป็นผู้ที่ค้าเพชร ค้าเพชรเขาจะรู้คุณค่าของเพชร ไอ้เรา เพชรกินไม่ได้ เม็ดหนึ่งตั้งหลายล้าน กินก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ เว้นไว้แต่ซื้อขาย แล้วมันก็ไม่มีความสุขความทุกข์หรอก ไอ้คนที่ตัณหาความทะยานอยาก ไอ้คนที่รู้ค่าของมัน ไอ้คนที่ไปชิงไปวิ่งราวกัน ไอ้โจรปล้นนั่นน่ะมันเห็นคุณค่าของมันอันนั้นน่ะ คุณค่านั้นมันเป็นคุณค่าทางมูลค่า ไม่ใช่คุณค่าของสุขของทุกข์ สุขทุกข์อยู่ที่ใจของเรานี่ ถ้าสุขทุกข์อยู่ที่ใจของเรานี่

ทุกข์มันเกิดที่ไหน ทุกข์มันเกิดที่ใจนี้ ถ้าทุกข์เกิดที่ใจนี้ เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การเกิด การเกิดเป็นมนุษย์เป็นอริยทรัพย์ มีทรัพย์เกิดขึ้นมาแล้วถ้ามีสติปัญญามันจะย้อนกลับมาที่นี่ ถ้าไม่มีสติปัญญา เขาบอกว่า ทรัพยากรมนุษย์ โลกเจริญได้ด้วยมนุษย์ทั้งนั้นน่ะ มนุษย์มีคุณค่ามาก เพราะมนุษย์เป็นผู้ทำหมด

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นมนุษย์ แต่เวลาที่มนุษย์รกโลก มนุษย์ทำลายโลก มนุษย์อย่างนั้นมันไม่ฟังสิ่งใดเลย คุณค่าของความเป็นมนุษย์ๆ ความเป็นมนุษย์มันต้องมีธรรมะนี่ไง

ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์เป็นผู้นำ ศาสนากล่อมเกลาจิตใจของคน ศาสนาเป็นผู้กล่อมเกลา เป็นคนที่ให้มีน้ำใจต่อกัน ถ้ามีน้ำใจต่อกัน การกล่อมเกลาขอให้คนให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ เป็นทรัพยากรที่ดี ถ้ามีสติปัญญา เราขวนขวายทำหน้าที่การงานของเราอาบเหงื่อต่างน้ำมาแสนเข็ญ เวลาบั้นปลายชีวิตไปจำศีลๆ พอจำศีลแล้วอยากประพฤติปฏิบัติขึ้นมาให้นั่งเฉยๆ ชีวิตทั้งชีวิตเหนื่อยยากมาพอแรงแล้ว ไม่ต้องทำอะไร นั่งลง หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ นั่งลง นั่งเฉยๆ นั่งเพื่อผ่อนคลาย นั่งเพื่อแสวงหาหัวใจของตน นั่งเพื่อค้นคว้าหาอริยสัจในใจของตน ถ้าใจของตนนี้ เห็นไหม ไก่มันจะออกจากเข่ง

เราเกิดเป็นมนุษย์นะ อยู่ร่วมโลกเดียวกัน เข่งใบนี้ก็โลกใบนี้แหละ จะออกจากเข่งนี้ ถ้าออกจากเข่งนี้ คนที่เขาพยายามขวนขวายอยู่ เขานั่งลง แล้วเขากำหนดลมหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เราเห็นเจตนาเขาไหม เราเห็นความมุ่งมั่นเขาไหม ถ้าเราเห็นเจตนาของเขา ความมุ่งมั่นของเขา เราควรจะสงบกิริยาของเรา อย่าให้ไปกระทบกระเทือนกับใจของเขา ไก่ตัวนี้มีคุณค่า ไก่ตัวนี้พยายามขวนขวายจะออกจากเข่ง ไอ้ไก่โง่ๆ ของเรายังตีปีกอยู่ ยังอวด หงอนกูสวย ขนกูงาม มันยังบ้าของมันอยู่ แต่มันยังไม่เข้าใจของมัน

แต่ถ้าเขาจะออกจากเข่ง เขาก็ทำของเขา เราควรจะดูแลเขา เราควรอย่าให้สิ่งใดกระทบกระเทือนเขา นี่พูดถึงเรื่องโลกๆ นะ แล้วเวลาผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ ในสังคมสังคมใดก็แล้วแต่ วุฒิภาวะของคนมันแตกต่างหลากหลายกัน ถ้ามันแตกต่างหลากหลายกัน มันต้องฝึกหัด แล้วผู้ที่มีสติปัญญาเขาจะมองสิ่งที่ดีงาม เป็นตัวอย่างที่ดีๆ ตัวอย่างที่ดีเราควรศึกษา แต่มันไม่เอา เอาอภิสิทธิ์ เอาความคล่องตัว จะเอาทางลัด

ลัดลงนรก ทางลัดๆ มันลัดไปไหนกัน ทางลัดมันไม่มีหรอก มันมีทางอริยสัจ พระพุทธเจ้าสอนทางสายกลาง ทางสายกลางเป็นสัจจะความจริง ไอ้ทางลัดมันจะลัดไปไหนกัน มันมีทางลัดอยู่ไหน มีแต่ลัดลงนรกทั้งนั้นน่ะ เพราะอะไร เพราะมันรวบรัด รวบรัดมันก็ไม่มีเหตุผล ไม่มีเหตุผลมันก็อยากได้ ความมักง่าย คนมักง่ายทุกข์ทั้งนั้น

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๖ ปีนะ รื้อค้นอยู่ ทุกคนส่งเสริม ทุกคนเชิดชูบูชา อาฬารดาบส อุทกดาบส “มีปัญญาเหมือนเรา มีความรู้เหมือนเรา” อาจารย์ส่งเสริมนะ อาจารย์ให้เครดิตหมดเลย เจ้าชายสิทธัตถะบอกว่าไม่เอา ไม่ใช่ ไม่ใช่เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะว่าซื่อสัตย์กับตนเอง ใครจะยกย่องสรรเสริญเท่าไร แต่ใจเราสงสัย ใจของเรา ใครจะบอกว่าเราเป็นคนดีๆ ดีอะไร เมื่อกี้เพิ่งทะเลาะกับเขามา ดีตรงไหน เขาว่าดีๆ แต่มันดีจริงหรือเปล่า มันดีจริงไม่ดีจริง เรานี่รู้

นี่ไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครจะยกย่องสรรเสริญขนาดไหนไม่สนใจนะ แล้วไม่เอาด้วย แล้วเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามารื้อค้น รื้อค้นด้วยตัวเอง เหมือนเรา เราจะทำงานของเรา อยากจะให้คนนู้นช่วย เส้นใหญ่ เส้นก๋วยจั๊บ จะให้คนอุ้มชูบูชา แต่ถ้าเราทำของเราล่ะ เราทำของเรา เราทำของเราเต็มที่

ถ้าเรามีอำนาจวาสนานะ เราได้สร้างคุณงามความดีของเรามา กลิ่นของศีล กลิ่นของธรรมมันหอมทวนลม เด็กคนนี้ ผู้ที่ทำงานนี้เขาเป็นคนดี เขาพยายามขวนขวายของเขา เขาทำหน้าที่การงานของเขา แต่เขาขาดตกบกพร่องสิ่งใด เราอยากอุ้มชูเขาไหม เราอยากช่วยเหลือเขาไหม กลิ่นของศีล กลิ่นของธรรม กลิ่นของคุณงามความดี ปากมันจะบอกไม่ดีๆ นั่นปากมัน แต่คนมีตา คนมีหูมีตานะ รู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดชั่ว รู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดไม่ดี แต่มันทนความเร้าของกิเลสไม่ได้ ความเร้าของตัณหาความทะยานอยาก อยากได้ง่ายๆ อยากให้คนเคารพบูชา อยากจนพยายามสร้างภาพกัน สร้างมาทำไมน่ะ การกระทำของเรามันความสุจริตต่างหาก ธรรมาภิบาล ความเป็นธรรมต่างหาก ความเป็นธรรมของเราเวลาเป็นธรรมขึ้นมา

แล้วความเป็นธรรมของเรา ครูบาอาจารย์ท่านสอนทำบุญทิ้งเหว ทำบุญทิ้งเหว เราทำบุญของเราด้วยบุญกุศลอันนั้น เราจะทำบุญด้วยความคาดหวัง ทำบุญด้วยการต้องการให้คนยอมรับ ทำบุญให้มันพ้นจากวิกฤติอันนั้นไป ทำของเราๆ ไป ทำบุญทิ้งเหว นั่นน่ะบุญที่สะอาดบริสุทธิ์ ปฏิคาหกไง ผู้ที่ได้มาด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ เวลาถวายทานไปแล้ว ผู้ที่รับรับด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ สิ่งนั้นจะเป็นประโยชน์กับโลก เป็นประโยชน์กับเทวดา อินทร์ พรหมหมด

เทวดา อินทร์ พรหมนะ เทวดา อินทร์ พรหมเขารู้ความคิดคนนะ เขารู้ว่าใครคิดชั่วคิดดี ถ้าสิ่งที่เป็นความดีๆ ถ้าทำบุญทิ้งเหวอย่างนี้แล้วเราจะมีความทุกข์ไหม เราต้องมีความคาดหวังอะไรอีกไหม

ทุกข์ควรกำหนด สมุทัยควรละ การคาดการหวังนี่ตัณหาทั้งนั้น แล้วเราไปอยู่ที่ตัณหานั้นน่ะ แล้วบอกไม่ทุกข์ๆ ไม่ทุกข์ได้อย่างไร ไปคาดไปหวังอยู่น่ะ แต่ถ้าเราทำความจริง เราทำบุญทิ้งเหว เพราะเราเชื่อมั่นในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเชื่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สิ่งที่เป็นสัจธรรมๆ ธรรมะคือศาสนธรรมคำสั่งสอน คือกิริยาของธรรม กิริยาที่เราเคารพสิ่งนี้ แล้วเราทำสิ่งนี้ๆ เราทำด้วยความเชื่อมั่นของเรา ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว เรายืนยันประจำ ทำดีต้องได้ดี แต่คนทำดีเจ็บช้ำนัก คนทำความดีโดนเหยียบย่ำ คนทำความดีโดนอิจฉาริษยา คนทำความดี เห็นไหม ทำความดีง่ายไหม ถ้าทำความชั่วง่าย พวกเราๆ ทำเถอะๆ พวกเราเยอะ พวกคนชั่วมันเยอะไง

ถ้าทำชั่ว พวกเราทั้งนั้น พวกเราปกปิดกันไว้ ทำความดีนะ ไอ้นี่มันเกินหน้าเกินตา ไอ้นี่มันจะเอาตัวรอด ไอ้นี่มีแต่คนเก่ง ทั้งทิ่มทั้งตำทั้งนั้นน่ะ ฉะนั้น ทำความดีทิ้งเหว ทำความดีแล้วคือความดีจบ ถ้าไม่ทำความดีทิ้งเหว ทำความดีแล้วคาดหวัง ทำความดีแล้วทุกข์นะ ทำไมมันไม่ได้ผล มันไม่ได้ผล

มันจะได้อย่างไร ใครจะยอมรับ ใจของคน ใจของคนยอมรับคนอื่นได้แสนยาก แต่ลึกๆ รู้ จริงๆ รู้ ดีหรือชั่วนี่รู้ แต่มันไม่กล้ายืนอยู่ความเป็นจริงไง จะไหลไปตามความชั่วนั้นไป ไหลตามคนไป ไหลตามกระแสไป ไม่กล้ายืนด้วยลำแข้งของตนไง ถ้ามันยืนด้วยลำแข้งของตน ความดีมันต้องรู้ ถ้ารู้ นี่สัจธรรมของเรา

ฉะนั้น วุฒิภาวะของคนมันแตกต่างกัน ฉะนั้น สิ่งที่ให้มองแต่สิ่งที่ดีๆ ทำไมเขาทำได้ แล้วสิ่งที่ดีที่สุดคือเรียบง่าย สิ่งที่ดีที่สุดคือสามัญสำนึก ไม่มีอะไรดีไปเกินกว่านั้นหรอก ไม่ต้องดี อู้ฮู! ดีจนเป็นว่าวชักขึ้นไปบนอากาศ แล้วพอเชือกมันขาด มันไม่มีที่ลงนะ ความดีของเราก็เสมอกันไง ความดีก็คือทำความดีไง ทำความดี เราก็จบที่ความดีนี้ไง แล้วความดีอยู่ที่ไหนก็สะดวกสบายใช่ไหม ไอ้นี่ โอ้โฮ! พยายามกัน ค้ำกันไป พยายามดันกันขึ้นไปแล้วก็ไปติดอยู่บนยอดไม้นั่นน่ะ มันมีประโยชน์สิ่งใด ไม่มีประโยชน์อะไร โลก

ไก่มันจะออกจากเข่ง การออกจากเข่ง พระเราบวชมาแล้วต้องมีข้อวัตรปฏิบัติ ฉะนั้น เวลาข้อวัตรปฏิบัติขึ้นมา เสียสละทางโลกมาแล้ว ฆราวาสกับพระ ถ้าพระก็หน้าที่ของพระ ถ้าหน้าที่ของพระเขาก็ยังขวนขวายของเขา ถ้าขวนขวายของเขา มันธรรมและวินัย ธรรมวินัยมันเป็นเครื่องกางกั้น เวลาในปาฏิโมกข์ เวลาตักอาหาร เวลาต่างๆ ไม่ให้แม่ชีมาชี้นำ ไม่ให้มีหน้าม้า ไม่ให้มีใครบอกองค์นี้ดีกว่าองค์นั้น องค์นั้นดีกว่าองค์นี้ ให้มาแบ่งแยก ไม่ให้ทั้งนั้นนะ

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสุดยอด แต่พวกเราปล่อยปละละเลย เวลาบอกว่าอยากศึกษาธรรม อยากจะประพฤติปฏิบัติธรรม แต่เอาธรรมะขังไว้ในตู้พระไตรปิฎก แล้วเราก็ทำกันด้วยความพอใจ ใครมีชื่อเสียง ใครมีเกียรติศัพท์เกียรติคุณ คนนั้นต้องเลิศกว่าคนอื่น ไร้สาระ ไร้สาระมาก หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านไม่เคยปรารถนา ท่านไม่เคยต้องการสิ่งใดเลย ท่านอยู่ในป่าในเขาของท่าน ทุกคนจะทำบุญต้องขวนขวายเข้าไปหาท่าน แล้วไปหาท่านได้ทำอะไร ก็ได้ใส่บาตร ได้ใส่บาตร ฟังเทศนาว่าการ คอยฟังธรรมอันนี้ ธรรมอันนี้มันทิ่มเข้ามาในหัวใจของเราไง

ไก่ โลกนี้มันขังไว้ แล้วเราจะให้มันขังอยู่อย่างนี้ใช่ไหม แล้วธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สัจธรรม ธรรมโอสถ สัจธรรมอันนั้นไม่มีเลยใช่ไหม ธรรมาวุธ อาวุธที่จะฟาดฟันกับกิเลสมันอยู่ไหน

จับมันขังไว้ในตู้พระไตรปิฎก แล้วเราก็เอากิเลสตัณหาความทะยานอยากมาเอออวยกัน มาเชิดชูกัน เชิดชูแต่ทิฏฐิมานะ ไม่มีความจริงในใจเลย ถ้าจะทำความจริงในใจเลย มันเป็นกรอบ มันไม่ดี มันขัดกิเลส ถ้าสิ่งใดส่งเสริมกิเลสมันชอบ

ต้องคิด ต้องคิดย้อนกลับมาที่นี่ สิ่งใดที่เป็นคุณ ถ้าเราศึกษาแล้วสิ่งใดเป็นคุณและเป็นโทษ ถ้ารู้จักคุณรู้จักโทษ มันจะวางได้ ไอ้นี่ไม่รู้จักคุณไม่รู้จักโทษ โทษกับคุณยำด้วยกัน แล้วก็บอกว่าถ้าถูกใจ ใช่ทั้งนั้นเลย ถ้าไม่ถูกใจ ผิดไปทั้งนั้นเลย มันผิดตรงไหนล่ะ

มันต้องย้อนกลับมาที่ปฏิบัตินี้นะ ถ้าจิตมันลงได้ ถูก ถ้าจิตลงสมาธิไม่ได้ มันต้องมีเหตุแน่นอน เราอยู่ในวงกรรมฐาน ถ้าจิตมันลงไม่ได้ ปฏิบัติแล้วไม่ได้ อดนอนผ่อนอาหารไม่ได้ มีอาบัติอะไรหรือไม่ การบวชเรียนมาถูกต้องหรือไม่ ค้นคว้ากันทั้งนั้นนะ เพราะทุกคนต้องการศีล สมาธิ ปัญญา ทุกคนต้องการมรรคการผล ทุกคนต้องการประพฤติปฏิบัติ เพราะทุกคนต้องการออกจากเข่ง ออกจากวัฏฏะนี้ สัจธรรมเป็นอย่างนี้ แล้วปล่อยปละละเลยจนหยำเปกันไปหมดไง มันถึงสะเทือนใจ สะเทือนใจมาก มาถึงแล้วต้องมีการปฏิสันถาร ต้องมีการต้อนรับ ต้องมีต่างๆ

ต้อนรับก็เป็นต้อนรับเรื่องโลกๆ แต่คนที่เห็นภัยในวัฏสงสารเขาเห็นเรื่องนี้เขาถึงหลบลี้กันไป ไปอยู่ในที่สงัดที่วิเวก ถ้าเป็นจริงนะ ไม่ใช่ว่ากิเลสมัน ๒ ชั้น ๓ ชั้น หลอก หลอกว่าอยากจะสงัด อยากจะวิเวก พอออกจากป่ามา “นี่กรรมฐานออกมาสดๆ ร้อนๆ เลยนะ”

แล้วทำไมต้องประกาศด้วยล่ะ ทำไมต้องบอกเขา กลัวเขาไม่รู้หรือ นี่ไง มันซับมันซ้อน กิเลสของคนมันซับซ้อนมาก ฉะนั้น เราพยายามฝึกหัดเรา เราจะออกจากเข่งนี้

เราเกิดมาร่วมโลกเดียวกันนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก เราเป็นญาติกันโดยธรรม เพราะเกิดมามีชีวิต มีปากและท้องเหมือนกัน รู้จักเย็นร้อนอ่อนแข็งเหมือนกัน ปรารถนาความสุขเหมือนกัน มันอยู่ที่วุฒิภาวะของใครสร้างมามากสร้างมาน้อย ถ้าสร้างมามาก งานในโลกนี้ก็ทำมามากแล้ว พักเถอะ นั่งลง หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ พยายามค้นคว้าหาใจของตน รักษาใจของตน เอาใจของตนนี้ออกจากวัฏฏะ เอวัง