มีดี
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
เทศน์พระ วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจเนาะ ตั้งสติ ตั้งใจฟังธรรมะ วันนี้วันสำคัญทางพุทธศาสนา วันนี้วันวิสาขบูชา เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดวันนี้ เวลาท่านเกิดมาท่านเกิดมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เกิดมาเป็นราชกุมาร ท่านดำรงชีพๆ แบบสามัญชน แต่เวลาท่านออกบวชแล้ว เวลาท่านขวนขวายของท่าน เวลาท่านตรัสรู้ก็วันนี้ไง เพราะท่านตรัสรู้วันนี้ ท่านถึงมีคุณธรรมในใจของท่าน ท่านถึงมีความสุขในใจของท่านไง
แต่ก่อนหน้านั้น เวลาเกิดวันนี้เกิดเป็นราชกุมาร เวลาเกิดเป็นราชกุมาร เห็นไหม การเกิดในวัฏฏะ การเกิดในวัฏฏะก็มนุษย์เกิด มนุษย์เกิดขึ้นมา เห็นไหม มนุษย์ที่มีบุญ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ดุสิตฯ รอจะลงมาเกิด จะลงมาเกิดลงมาจุติ จุติเกิดมาแล้ว เวลาเกิดมาแล้วสิ่งนี้สิ่งที่เกิดมา เห็นไหม เพราะอำนาจวาสนาบารมีมันพร้อม เวลาอำนาจวาสนาบารมีมันพร้อมเกิดมาถึงอุดมสมบูรณ์
คำว่าอุดมสมบูรณ์นี่ชีวิตทางโลก ถ้าทางโลกอุดมสมบูรณ์มาก เวลาพระเจ้าสุทโธทนะท่านเลี้ยงดูมา เห็นไหม เพราะปรารถนาให้เป็นจักรพรรดิ ปรารถนาให้เป็นจักรพรรดิ คำว่าปรารถนานั้น พ่อเป็นกษัตริย์ ถ้าพ่อเป็นกษัตริย์ปรารถนาให้ลูกชายเป็นจักรพรรดิ เนี่ยต้องมีการศึกษา ต้องมีความพร้อม เตรียมพร้อมความเป็นกษัตริย์ไง ถ้าเตรียมพร้อมเป็นกษัตริย์ การดูแล การอบรมบ่มเพาะพร้อมตลอดเลย แต่ แต่เวลาท่านสร้างอำนาจวาสนาบารมีของท่านมา เห็นไหม คำว่าสร้างบารมีของท่านมา บารมีเต็มๆ มันจะมาตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นคืออำนาจวาสนาของท่านจริงๆ อำนาจวาสนาท่านสร้างของท่านมาจริงๆ แต่อำนาจวาสนาอันนั้นการที่ท่านได้สร้างมา การได้สร้างมาเวลาท่านเกิดมาท่านถึงอุดมสมบูรณ์พูนสุขไง
คำว่าอุดมสมบูรณ์พูนสุขทางโลก ทางโลกไง แต่ในหัวใจที่อำนาจวาสนาที่ได้สร้างบุญญาธิการมา เห็นไหม มันละล้าละลังๆ ไปเที่ยวสวนเห็นคนแก่คนเกิดคนเจ็บคนตาย ถามมหาดเล็ก เราก็ต้องเป็นเช่นนั้นเหรอ อุดมสมบูรณ์ไปหมดแต่เราก็ต้องตาย ถ้ามันมีการเกิดการแก่การเจ็บการตาย มันต้องมีฝั่งตรงข้ามที่ไม่เกิดไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตาย ความไม่เกิดไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตายไปหาที่ไหน ไปหาที่ไหนก็หาไม่ได้ ไปหาที่ไหนใครก็ตอบไม่ได้
เวลาออกบวชแล้ว เห็นไหม ศึกษามาศึกษามาขนาดไหนก็ไม่มีใครบอกได้ เวลาท่านตรัสรู้เองโดยชอบวันนี้ วันนี้ๆ วันนี้ท่านตรัสรู้เองโดยชอบ ความตรัสรู้เองโดยชอบตรัสรู้ด้วยอะไร ตรัสรู้ด้วยมรรคไง ตรัสรู้ด้วยมรรคญาณ ตรัสรู้ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ด้วยสัจจะความจริงในใจของท่าน ถ้าด้วยสัจจะความจริงในใจของท่าน ศีลสมาธิปัญญามันมาจากไหน
เขาบอกว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้กำหนดพุทโธ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำหนดอานาปานสติ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้กำหนดพุทโธเพราะมันยังไม่มีพุทโธ ยังไม่มีพุทธะ ยังไม่มีผู้รู้จริง ถ้าความไม่รู้จริง เวลาไม่มีผู้รู้จริง ศีลสมาธิปัญญามันมาจากไหน มันมาจากสัจจะเป็นความจริงในข้อเท็จจริงในใจของท่าน เพราะมันมาจากสัจจะข้อเท็จจริงในใจของท่าน เวลาท่านบัญญัติธรรมวินัยท่านถึงได้บัญญัติศีลสมาธิปัญญา ท่านถึงได้บัญญัติมรรค ๘
เวลาบัญญัติขึ้นมา เห็นไหม มรรค ๘ คำว่ามรรค ๘ ขึ้นมา เวลาการกระทำขึ้นมามันต้องมีมรรคอันนั้น ถ้าไม่มีมรรคอันนั้นท่านจะตรัสรู้เองโดยชอบได้ยังไง ท่านตรัสรู้เองโดยชอบก็ท่านตรัสรู้เองโดยชอบด้วยมรรค แต่ด้วยมรรค ด้วยบุญญาธิการ ด้วยการกระทำ ด้วยสติปัญญาของท่านเอง นี่ตรัสรู้เองโดยชอบ ความตรัสรู้เองโดยชอบท่านถึงมีไง มีดีในใจของท่าน
เพราะท่านมีดีในใจของท่าน ท่านถึงเสวยวิมุตติสุขๆ คนที่มีดีในหัวใจ เห็นไหม ดูสิ สถานะความเป็นกษัตริย์ สถานะที่โลกเขาปรารถนา ท่านยังไม่ได้ตรัสรู้ท่านก็ยังสละทิ้งมา ท่านสละราชสมบัติมา ท่านสละทิ้งมาหมด สิทธิเสรีภาพ สิทธิความเป็นมนุษย์ สิทธิสิ่งที่โลกเขามีอยู่เสียสละหมด มาเป็นนักบวชนักพรต เวลามาเป็นนักบวชนักพรต เห็นไหม การกระทำอันนั้นกระทำด้วยความเพียร ด้วยความวิริยะความอุตสาหะ แต่เวลามาตรัสรู้เองโดยชอบ เนี่ยมีดี
ถ้ามีดีขึ้นมาแล้วหัวใจมันสูงส่ง ถ้ามีดีขึ้นมามันเป็นความจริง เพราะความมีดีอันนั้น เห็นไหม โลกถึงไม่มีค่า สรรพสิ่งในโลกนี้ไม่มีค่า เห็นไหม จะดำรงชีพยังไงเท่านั้นเอง พอดำรงชีพยังไงเท่านั้นเอง ท่านถึงได้ปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ เวลารื้อสัตว์ขนสัตว์ เห็นไหม สิ่งที่แสดงธรรมจักรๆ สิ่งที่พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรมๆ คำว่าดวงตาเห็นธรรม สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นต้องดับเป็นธรรมดา ความเป็นจริงอันนั้นๆ ขึ้นมาในใจของพระอัญญาโกณฑัญญะ เทศนาว่าการต่อไปจนปัญจวัคคีย์เป็นพระโสดาบันทั้งหมด เทศน์อนัตตลักขณสูตรเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา
ถ้าความเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา มันมีความจริง มันมีดีอยู่ในใจอันนั้น ถ้ามันมีดีอยู่ในใจอันนั้น เห็นไหม ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ เพราะท่านกราบธรรมๆ กราบสัจธรรมอันนั้นๆ ไง เวลาเขาพูดกันว่าธรรมะไม่เคยเสื่อมๆ มันจะเสื่อมได้ยังไง มันอยู่ในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันเป็นข้อเท็จจริง เห็นไหม สิ่งที่มันมีอยู่แล้วมีอยู่แล้วด้วยอะไร ถ้ามีอยู่แล้วมันจะมีอยู่แล้วด้วยบุญญาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้มาตรัสรู้ ถ้ามันมีอยู่แล้ว ผู้ที่ตรัสรู้ได้ ผู้ที่จะรู้ได้เฉพาะตน มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากับพระปัจเจกพุทธเจ้าเท่านั้น
พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้รู้จำเพาะตนๆ ไอ้เรามันสาวกสาวกะ สาวกสาวกะผู้ที่ได้ยินได้ฟัง ผู้ที่ดิ้นรนกันอยู่นี่ไง ถ้าผู้ที่ดิ้นรนกันอยู่นี่ เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กึ่งพุทธกาลศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่ง ระหว่างกึ่งพุทธกาลๆ สองพันห้าร้อยๆ หลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นท่านออกฝึกหัด ท่านออกประพฤติปฏิบัติของท่าน จนท่านเป็นความจริงในใจของท่าน ถ้ามันมีจริงๆ มีดี ถ้ามันมีดีขึ้นมามันมีดีในใจของหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ดูความดำรงชีพของหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น นี่ไง นี่สมณะ ความเป็นสมณะในหัวใจ
ถ้าความเป็นสมณะในหัวใจ มันจะมีสิ่งใดมีคุณค่า โลกนี้มันไม่มีสิ่งใดมีคุณค่าเลย โลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ ยศถาบรรดาศักดิ์ไร้สาระ นี่ไง ฐานันดรศักดิ์ๆ เขาเอาไว้เชิดชูคนทำดี สิ่งที่เขามีไว้ เขามีคนทำคุณงามความดีแล้วให้ไว้เชิดชูคุณงามความดีของเขา นี่เพราะเขามีความดีของเขา เขาถึงให้สมณศักดิ์ แล้วสมณศักดิ์มันมีอะไร นี่แสวงหากันสมณศักดิ์ ขี้ ตัวเองมีแต่ขี้ แล้วแสวงหาสมณศักดิ์แสวงหามาทำไม แสวงหาก็หัวโขนไง แล้วมีหัวโขนแล้วก็หลงหัวโขนตัวเองไง แล้วหัวโขนมีไว้ทำไม เนี่ยสมณศักดิ์ๆ เขามีไว้เพื่อเชิดชูคุณงามความดีของผู้ที่ทำคุณงามความดี ถ้าคุณงามความดีของเขา เขาทำของเขา นี่มันโดยเนื้อหาสาระ โดยเนื้อหาสาระนะ มันมีมาตั้งแต่สมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอตทัคคะ ผู้เลิศ ผู้เลิศในทางใดทางหนึ่ง เห็นไหม เพราะมีคุณธรรมทางนั้น ให้เลิศเป็นทางๆ ไป ไอ้นี่ก็เหมือนกัน สมณศักดิ์ๆ ก็มาสมณศักดิ์ในสมัยปัจจุบันนี้ แล้วสมัยปัจจุบันนี้คนที่เป็นพระดีจริงๆ ก็มี ถ้ามีดีจริงๆ เขาก็เชิดชู เขาเชิดชูผู้ที่คุณงามความดีไง แต่ไอ้ผู้ที่ไม่มีนี่สิ ไอ้ที่ไม่มีมันแสวงหา พอมันแสวงหาขึ้นมา การแสวงหากัน การแก่งแย่ง ชิงดีชิงชั่ว จะเอาความดีมาจากไหน มันมีแต่ความชั่ว ความชั่วขึ้นมา เห็นไหม แก่งแย่งกัน แล้วพยายามจะแสวงหาสิ่งนั้นกัน นี่ไง ถ้ามันไม่มีเป็นอย่างนี้
แต่ถ้ามันมี เห็นไหม มันมีในใจหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น พอมีในใจหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นมีมาได้ยังไง มันมีมาได้ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ท่านค้นคว้าของท่านนะ เวลาท่านจะออกบวช คนเรานะ เวลาจะออกประพฤติปฏิบัติ เวลาคนจะออกประพฤติปฏิบัติขึ้นมานี่เราจะปฏิบัติที่ไหน ทุกคนโดยสามัญสำนึก เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงบัญญัติธรรมวินัยนี้ไว้ให้เราศึกษา
การศึกษานี้เป็นภาคปริยัติ ภาคปริยัติคือการศึกษาทฤษฎี ศึกษาทฤษฎีเพราะกิเลสมันไม่มีองค์ความรู้นี่มันก็ดีดดิ้น แต่ถ้ามีองค์ความรู้ องค์ความรู้คือทรงจำธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศึกษาคือสัญญา สัญญาคือการจดจำวิธีการอันนั้น ถ้าจดจำวิธีการอันนั้น มันวิเคราะห์วิจัยมันก็เป็นสุตมยปัญญา มันเป็นปรัชญา เห็นไหม ที่เราวิเคราะห์วิจัยวิเคราะห์วิจัยกันมาเพื่อจะออกปฏิบัติไง ไม่ใช่วิเคราะห์วิจัยไว้ให้มันแหยง ไม่ใช่วิเคราะห์วิจัยไว้ให้มันกลัว ไม่ใช่วิเคราะห์วิจัยแล้วเราไม่กล้าเผชิญหน้ากับอะไร เขาวิเคราะห์วิจัยไว้ให้กระทำไง
หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเรา ท่านวิเคราะห์วิจัยแล้วเพื่อเผชิญหน้ากับมันไง เวลาวิเคราะห์วิจัยแล้วจะไปเผชิญหน้ากับมัน จะไปค้นหามัน จะไปทำความจริงให้เป็นความจริงขึ้นมา เขาทำเพื่อเหตุนั้น เขาไม่ใช่ศึกษามาวิเคราะห์วิจัยมาแล้วเก็บไว้ในลิ้นชัก เก็บไว้ในสมอง แล้วก็โหยหา แล้วก็ไม่กล้าเผชิญกับความจริง ไม่กล้าประพฤติปฏิบัติ เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมาก็กลัวมันจะทุกข์มันจะยาก กลัวมันจะมีความลำบาก
ความกลัวลำบาก ความกลัวความทุกข์ความยาก นั่นล่ะมันจะตายซ้ำตายซาก แล้วเวลาตายซ้ำตายซากมันจะลำบากอยู่อย่างนั้น ตายแล้วตายเล่าไม่มีวันผุดวันเกิด นี่ไง เพราะอะไร ถ้าเกิดเป็นเทวดาอินทร์พรหม เห็นไหม นี่มันโอปปาติกะ โอปปาติกะกำเนิดเลย ถ้าไปเกิดโอปปาติกะ เกิดในนรกอเวจี แต่ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ต้องอยู่ในครรภ์ ในไข่ ในครรภ์ ในน้ำครำ ในโอปปาติกะ กำเนิดสี่ มันต้องกำเนิดอยู่แล้วไง แล้วถ้ามันไม่กล้าเผชิญกับสัจจะความจริง เห็นไหม มันละล้าละลังอยู่นั่น มันก็ต้องเกิดซ้ำเกิดซาก เวลามันเกิดซ้ำเกิดซากขึ้นมา เวลามันทุกข์มันยากอันนั้น มันทุกข์มันยากกับการเดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนา มันทุกข์มันยากกว่าการเผชิญอะไรกับความจริง เวลาเผชิญกับความจริงไม่กล้าเผชิญกับความจริงขึ้นไปเพราะมันวิเคราะห์วิจัยแล้วมันสู้มันไม่ได้ กิเลสมันย้อนแย้งเข้ามา มันล้มลุกคลุกคลานไง นี่ก็ศึกษามาทำไม
เวลาศึกษาเขาศึกษามาให้ประพฤติปฏิบัติ เนี่ยปริยัติองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติไว้เอง นี่การศึกษา เห็นไหม การศึกษาในพุทธศาสนา มีการศึกษาในเรื่องปริยัติกับศึกษาในภาคปฏิบัติ การปฏิบัติคือการเผชิญกับความจริงในใจของตน ถ้าการปฏิบัติคือการเผชิญกับความจริงในใจของตน เห็นไหม หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ท่านทำของท่านอย่างนี้ นี่ท่านเผชิญกับความจริงในใจของท่าน แล้วในใจของท่านมันอยู่ที่ไหน หาใจของท่านไม่ได้ เห็นไหม เข้าป่าเข้าเขาไป ไปที่ไหนก็มีคนเสียดสีเหยียดหยาม นี่ไงสมณศักดิ์ สมณศักดิ์ต้องเป็นขุนนาง สมณศักดิ์มันต้องเป็นผู้ดีตีนแดง เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำสิ่งใดก็ไม่ได้ สมณศักดิ์แล้วไม่กล้าเผชิญกับความจริง
เวลาท่านเผชิญกับความจริง หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านเผชิญของท่านตามความเป็นจริงของท่าน ท่านสู้ท่านบากบั่นของท่าน เวลาความบากบั่นอันนั้น ความบากบั่นอันนั้น เห็นไหม พอบากบั่นขึ้นมามันต้องเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฐิโก
เวลาเรามีการศึกษา ศึกษาทางปริยัติศึกษามาเพื่อวิเคราะห์วิจัย วิเคราะห์วิจัยขึ้นมา แม้แต่การศึกษานะสุตมยปัญญามันก็ปราบปรามกิเลสหยาบๆ ในใจของเราได้ เวลามันมีความเครียด เวลามีความทุกข์ความยาก คนเกิดมามีแต่ความทุกข์ความยากในหัวใจ เวลาคิดสิ่งใดก็ไม่สมความปรารถนา ก็มีแต่ความเร่าร้อนในใจ ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เอาธรรมะอันนั้นมาชโลม นั่นน่ะนี่ผลของมัน ผลของการศึกษา ผลของการวิเคราะห์วิจัย มันก็ได้ธรรมะ อารมณ์ๆ อารมณ์สัจธรรม มันมากลบความทุกข์ความยากในใจของตน มันก็โอ้ มหัศจรรย์ๆ โอ้โฮ ธรรมะเป็นเช่นนี้เองๆ
มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ นั่นแหละ เช่นนั้นเองๆ นี่เป็นสมบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จำมาทั้งดุ้น มันมีอะไรเป็นสมบัติของตน ก็ศึกษามาต้นขั้ว ศึกษามาจากต้นเหตุ ต้นเหตุคือธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็มาวิเคราะห์วิจัย เขียนหนังสือ โห เขียนหนังสือกันใหญ่เลย โอ้โฮ ธรรมะนี่แตกฉาน แต่ไม่รู้จักตัวตน ไม่รู้จักตัวอะไรของของเราเลย
นี่ไง นี่ทฤษฎี นี่ความจำๆ นะ ถ้าความจำมันเป็นอย่างนั้น เวลาความจริงๆ ถ้ามันปฏิบัติความจริงขึ้นมามันต้องมีความจริงขึ้นมา ถ้ามีความจริงขึ้นมา เห็นไหม เวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านค้นคว้าของท่าน ท่านเข้าป่าเข้าเขาไป ใครมันอยากจะทุกข์จะยากโดยไม่มีสิ่งใดตอบสนอง สิ่งที่ท่านเดินธุดงค์เข้าป่าเข้าเขาไป รู้ว่าทุกข์ไหม รู้ รู้ว่าทุกข์ไง รู้ว่าทุกข์เพราะอะไร มันขาดแคลน มันไม่ได้สมความปรารถนา กิเลสมันต้องการ เห็นไหม นี่ผู้ดีตีนแดงเหยียบขี้ไก่ก็ไม่ฝ่อ เป็นขุนนาง จะทำอะไรมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง ถ้าอยู่ในเมืองก็เป็นอย่างนั้น พระครูบาอาจารย์มีสมณศักดิ์ใหญ่โต มีชื่อเสียง มีคนนับหน้าถือตา นี่ไง ผู้ดีตีนแดง
แต่เวลาเข้าป่าเข้าเขาไปแล้วมันไม่ได้อย่างนั้นหรอก เพราะมันมีแต่ต้นไม้ ถ้าเป็นชาวบ้านหรือมันก็เป็นผู้ที่มีแต่เถียง คือว่ามีเถียงนา คือที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ส่วนใหญ่แล้วสมัยที่ครูบาอาจารย์ท่านเที่ยวธุดงค์อยู่ประชากรเมืองไทยมันยังมีน้อย มีแต่ป่าแต่เขา แล้วการทำมาหากินมันก็ทุกข์ก็ยาก เขาก็ไปจับจองที่กัน ไปถางป่าเพื่อปลูกพืชไร่ เวลาเราไปธุดงค์ส่วนใหญ่จะไปเจออย่างนั้น จะไปเจอผู้ที่มาอยู่ใหม่ ส่วนใหญ่แล้วเป็นกระต๊อบกระแต๊บ ผู้ที่ไปล้มป่าไปถางป่าเพื่อจะไปทำพืชไร่ แล้วเขาก็มีเสบียงของเขาเพื่อดำรงชีพ ไอ้เราก็ไปอยู่ข้างๆ แถวนั้น อยู่ในป่าในเขา แล้วก็ขอบิณฑบาตฉันกับเขา
มันจะมีอะไร ส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น สมัยครูบาอาจารย์เราเพราะบ้านเมืองมันยังไม่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา มันยังมีการโยกย้ายถิ่น เห็นไหม ที่ไหนมีภัยแล้ง มีโรคภัยไข้เจ็บ เขาก็ย้ายทั้งหมู่บ้านเลย หมู่บ้านย้ายไปหาที่ที่มันอุดมสมบูรณ์ เขาก็ไป นี่เวลาธุดงค์ไปส่วนใหญ่เราไปเจอแบบนั้นสมัยครูบาอาจารย์ เราก็บิณฑบาตกับเขา มันขาดแคลนไหม ขาดแคลน แล้วเขาล่ะ เขาก็ปากกัดตีนถีบนะ เขาก็มีความทุกข์ความยากของเขา เพราะเขาไม่มีจะอยู่จะกิน เขาต้องหาที่ทำมาหากินของเขา ถ้าคนที่เคยศึกษามาเขาก็จะรู้ว่าพระปฏิบัติศีลเขาเป็นยังไง สิ่งใดที่ฉันได้ฉันไม่ได้ สิ่งใดอยู่ได้อยู่ไม่ได้ ถ้าไปเจอโยมที่เขาเข้าใจชีวิตเราก็สะดวกนิดหนึ่ง ถ้าเจอไม่เข้าใจนะ เราบิณฑบาตมา ฉันได้ฉันไม่ได้เราต้องมาคัดเลือกนะ เพราะเนื้อดิบของดิบฉันไม่ได้ ถ้าฉันไม่ได้แล้วบิณฑบาตมาได้อย่างไร แล้วมันก็คัดเลือกคัดแยกเอา แล้วแต่ว่ามันจะเป็นจริงไหม เพราะ เพราะเราอยู่ในป่านะ
อยู่ในป่าเวลาฉันแล้ว เห็นไหม ถ้าผิดศีล ทุศีล แล้วภาวนายังไง สภาพแวดล้อมมันก็บีบคั้นอยู่แล้ว แล้วยังสร้างอุปสรรคในหัวใจขึ้นมาอีก อุปสรรคในหัวใจขึ้นมา เห็นไหม เราเป็นคนทำเอง ดูสิ สิ่งที่ทำไม่ได้ก็ฝืนทำ พอฝืนทำมันทุกกฎก็เป็นปาจิตตีย์ แล้วเป็นอาบัติแล้วเราจะมีความเข้มแข็งในใจหรือไม่ นี่ไง เวลาออกธุดงค์ไปที่ว่าปรารถนาสิ่งใดก็ไม่ได้สิ่งนั้นแล้วมันจะทุกข์จะยากไหม มันทุกข์ยากแน่นอน แต่ไม่ใช่ทุกข์ยากเพื่อสูญเปล่า ความทุกข์ยากอย่างนี้เพื่อเข้าหาความจริง เพื่อหาความจริง เห็นไหม ในเมื่อมันจะทุกข์มันจะยาก จะทุกข์ยากมันข้อเท็จจริงของชีวิต ข้อเท็จจริงของผู้ทรงศีล ผู้ทรงศีลเขามีศีลมีธรรมของเขา
ถ้ามีศีลมีธรรมของเขา นี่ศีลธรรมเป็นเครื่องอยู่ ถ้าเป็นเครื่องอยู่แล้วเราจะปฏิบัติเอาความจริงขึ้นมา ปฏิบัติเอาความจริงขึ้นมา ไปอยู่ในป่าในเขา เห็นไหม สัตว์เสือมันมีมหาศาล สัตว์ป่ามันมาก เห็นไหม ดูสิ ในสมัยปัจจุบันนี้ ปัจจุบันนี้คนถ้าไม่ล่ามัน ดูช้างนี่มันออกมากินพืชไร่ก็พืชไร่เขา เพราะคนมันล่าไม่ได้ มันผิดกฎหมาย สมัยนั้นคนไม่มีจะล่า สัตว์มหาศาลเป็นอย่างนี้ เหมือนช้างเหมือนเสือที่มีอยู่เดี๋ยวนี้ แล้วเราเข้าไปอยู่อย่างนั้นเราไม่มีอาวุธเลย เรามีศีลเป็นที่พึ่ง มีสัจจะความจริงในหัวใจเป็นที่พึ่ง แล้วเราไปอยู่ในป่าในเขาอย่างนั้นมันมีความสุขไหม ไม่มีความสุขแน่นอน ไม่มีความสุขทางโลกนะ
เวลาหลวงตาท่านชื่นชมหลวงปู่มั่นนะ ถ้าพูดถึงทางโลกเป็นเศษผ้าขี้ริ้ว ถ้าพูดถึงทางโลกนะ ผ้าขี้ริ้วนี่ ผ้าเช็ดเท้านี่ ไม่มีค่าหรอก ไปที่ไหน เห็นไหม เวลาเข้าบ้านคนเขาต้องเช็ดเท้านั้นก่อน เอาไว้เช็ดเท้า เวลาพูดถึงทางโลกนะ เวลาชีวิตเหมือนผ้าขี้ริ้ว เศษคน ไม่มีค่าในสายตาของโลก เข้าป่าเข้าเขาไป เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมาในสายตาของโลกไม่มีใครไปหรอก เราเป็นคนนะ เป็นขุนนางนะ จะไปเป็นผ้าขี้ริ้วได้ไง โอ๋ เราทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก นี่ไง มันฝืนกันอย่างนี้มันถึงได้ทุกข์ได้ยากไง มันทุกข์มันยากเพราะกิเลสมันไม่ยอม
แต่เวลาท่านพลิกกลับมา เห็นไหม ถ้าพูดถึงทางธรรม นั่นน่ะยอดคน พูดทางธรรม ถ้าทางโลกมองแล้วเหมือนเศษผ้าขี้ริ้วเลย ชีวิตนี้เหมือนผ้าขี้ริ้ว ไม่มีคุณค่า มันต้องทำใจอย่างนั้น คนที่เขามีคุณธรรมเขาทำใจอย่างนั้น เขาทำใจของเขามันไม่มีค่าเลย ไม่มีค่าในสายตาของโลก โลกจะมาเยินยอปอปั้นไม่ได้ ไม่ใช่ขุนนาง ถ้าเป็นขุนนางเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ไปไหนก็ไม่ได้ จะไปไหนนี่ต้องมีเสบียงกรังพร้อม ต้องมีคนไปดูแลพร้อม อย่างนั้นถึงออกธุดงค์ อย่างนั้นถึงเป็นพระในสายตาของเขา ถ้าพระในสายตาของเขานี่ โอ้โฮ นู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ โอ๋ ต้องประณีต โอ๋ต้องสุดยอด เพราะอะไร เพราะท่านเป็นอาจารย์ เอ้า เดี๋ยวๆ ท่านภาวนาไม่ลงนะ ถ้าไม่ได้อาหารทางใจมันภาวนาไม่ได้ ถ้ามันภาวนาได้มันต้องอากาศดี ต้องทุกอย่างพร้อมเป็นสัปปายะๆ เนี่ยขุนนางทั้งนั้น ลองผู้ดีตีนแดงทำอะไรไม่ได้หรอก
ถ้ามันจะทำได้จริงๆ นะ ความจริงๆ เห็นไหม ครูบาอาจารย์ท่านทำของท่านมา เพราะอะไร เพราะท่านมี ถ้ามันมีในใจขึ้นมานะ ใจมันมีศีลมีธรรมนะ โอ้โฮ สุดยอด อะไรก็ได้ สิ่งใดในโลกนี้ ดูสิ เขาไปถางป่าเพื่อไปจับจอง เพื่อไปหาอยู่หากิน เขาก็ทุกข์ยากมาเขาจะมีอะไรมาให้พระ เขาก็มีข้าวไร่ตามประสาเขา เราไปหาอย่างนั้น เราไปหาอย่างนั้น เราไปภาวนาอย่างนั้น มันจะเอาความสุขมาจากไหน ความสุขทางโลกมันไม่มีหรอก เพราะเราไม่ต้องแสวงหาความสุขทางโลกนั้น เราต้องมาแสวงหาความจริงในใจไง
ถ้ามันมี มันมี เห็นไหม ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ท่านมีของท่าน เพราะท่านมีของท่าน ท่านอยู่ท่านมีความสุขของท่านนะ ท่านมีความสุข มีความรื่นเริง มีความอาจหาญ มีแต่คุณธรรมในใจ ท่านมีคุณธรรมในใจ เห็นไหม ดูสิ เพราะมีคุณธรรมในใจอันนั้น ชื่อเสียงเกียรติศัพท์เกียรติคุณของท่านมันขจรขจายไป กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรม เพราะกลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมมันหอมทวนลม เพราะกลิ่นของศีลกลิ่นของธรรม มีคนอยากได้บุญจากท่านๆ เนื้อนาบุญของโลกๆ ไง
คนเราเกิดมาในโลก เห็นไหม โลกนี้เหรียญมีสองด้าน คนที่ฉลาดเขาก็แสวงหาแต่คุณงามความดีของเขา หาแต่ของจริง แต่คนที่ไม่ฉลาดมันก็โดนสังคมล่อหลอกกันไปอย่างนั้น ไอ้ผู้ที่ไม่ฉลาดก็เป็นเหยื่อของโลก บัวสี่เหล่าๆ ไอ้อย่างนี้มันเป็นวุฒิภาวะของสัตว์โลก เราจะไปขีดเส้นให้เขาเป็นเหมือนที่ความปรารถนาของเรามันเป็นไปไม่ได้ สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมไง กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กันไง มันก็อยู่ที่อำนาจวาสนาของคนไง คนที่เขาสร้างเวรสร้างกรรมเขามาอย่างนั้น เขาก็มีมุมมองอย่างนั้น มีทัศนคติอย่างนั้น ถ้าเขามีทัศนคติอย่างนั้น เนี่ยวุฒิภาวะของเขาได้แค่นั้น เขาก็เชิดชูครูบาอาจารย์ของเขาแค่นั้น
วุฒิภาวะของคนที่เขาสร้างสมบุญญาธิการมา เห็นไหม พ่อออกจารย์ๆ เขาแสวงหาของเขา เขาแสวงหาของเขา เขาไม่เชื่อคนง่ายๆ หรอก ถ้าเขาไม่เชื่อคนง่ายๆ เห็นไหม ครูบาอาจารย์ที่ท่านทำๆ ทำมาจริงหรือไม่ ถ้าทำมาจริง เห็นไหม เขาเวลาสนทนาธรรมๆ เขามีคุณธรรมในใจของเขา เขาถามปัญหาขึ้นมา เขาตอบปัญหากัน เขายกประเด็นขึ้นมา เราจะแก้เขายังไง ก็แก้เขาขึ้นมา เห็นไหม ถ้ามันมีอยู่จริงในหัวใจไง ถ้ามันมีอยู่จริงในหัวใจมันเป็นปัจจุบันไง ถ้ามันมีสิ่งใดเกิดขึ้นในปัจจุบันนั้นมันแก้ไข มันแยกแยะของมัน ได้สัจจะความจริงของมันไง
นี่ไง ถ้ามันเป็นความจริง มันเป็นความจริงอย่างนี้ไง ถ้าเป็นความจริงอย่างนี้ ถ้ามันมีดี มีดีซะอย่างเดียว เพราะมันดีจากคุณธรรม คุณธรรมในหัวใจนี้มันต้องมีการกระทำ ถ้ามีการกระทำขึ้นมาตามความจริงแล้ว สิ่งภายนอกปัจจัย ๔ ปัจจัยนี่เครื่องอยู่อาศัย ปัจจัย ปัจจัยเครื่องอาศัย ไม่ใช่ความจริง ไปยึดว่าเป็นจริงได้ยังไง แล้วที่มาบวชอยู่นี่ที่จะมาค้นหาก็ค้นหาความจริงอย่างนี้ไง ถ้าค้นหาความจริง ศีลสมาธิปัญญามันก็ชื่อทั้งนั้น ศีล ก็ ศ.ศาลา สระอี ล.ลิง ก็ศีล แล้วศีลในตัวมีไหม ศีลจริงๆ มีหรือเปล่า สมาธิก็ ส.เสือ ม.ม้า สระอา เอ้า แล้วสมาธิในใจมีหรือเปล่า เอ๊ย ปัญญาๆ ปัญญามันก็ ป.ปลา ญ.หญิงนั่นน่ะ แล้วในใจมีหรือเปล่า ถ้ามันมีอยู่จริงนั่นสิกิเลสมันถึงกลัว มันไม่มีอยู่จริงกิเลสมันหัวเราะเยาะ มันเย้ยหยันด้วย มันขี่หัวอีกต่างหาก
นี่ไง ถ้ามันเอาจริงๆ มันวันสำคัญทางพุทธศาสนา ถ้ามันมีดีไง ถ้ามันมีดีมันมีดีขึ้นมาจากหัวใจ ถ้ามันค้นหาหัวใจของตนให้เจอ มันมีดีแล้วเพราะอะไร เพราะมันของดี คุณธรรมมันเป็นของดี เพชรนิลจินดามันมีอะไร เพชรนิลจินดามันก็แค่ธาตุ หลวงตาท่านพูดประจำ ไอ้แบงก์ก็ไอ้กระดาษ ไอ้หลังลาย มันมีอะไร ถ้าหัวใจของครูบาอาจารย์ที่เป็นจริงท่านเป็นอย่างนั้น ไอ้นี่ของเรามันพูดแต่ปาก เวลาพูดปากพูดนะ ตานี่คอยมองเลย ไม่เอาๆ เอ้ ไม่เอา ยกหนีหรือเปล่า อย่ายกหนีนะ ไม่เอาๆ ไม่เอาจะเอา มันไม่จริง
ถ้ามันจริงขึ้นมา เห็นไหม สิ่งนั้นถ้ามันเป็นจริงในหัวใจ ไร้สาระมาก ถ้ามันมีดีอยู่ในหัวใจนะ แล้วมีดีมันดีนี้มาจากไหน ดีมันมาจากการกระทำของเรา ทั้งๆ ที่เราเกิดมา ปฏิสนธิจิต จิตเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ สิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิต เห็นไหม สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม การเกิดเป็นมนุษย์ เห็นไหม ธาตุ ๔ การเกิดเป็นมนุษย์ต้องธาตุ ๔ ธาตุ ๔ มาจากแม่ นะโม น้ำ เห็นไหม นะกับโม มาจากธาตุพ่อกับแม่ เวลาพ่อกับแม่ มันต้องมีพ่อกับแม่ ถ้าพ่อกับแม่ขึ้นมาแล้ว เห็นไหม เพราะมันมีสายบุญสายกรรม
ดูสิ เวลาสหชาติถ้าเป็นพุทธมารดาก็ต้องปรารถนาเป็นพุทธมารดา การปรารถนาเป็นพุทธมารดาต้องสร้างสมบุญญาธิการมา แล้วเวลาได้คลอดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแล้ว ท่านเสียชีวิตเพราะได้ท้องเดียว ไม่มีใครจะเกิดซ้ำได้ เพราะอำนาจวาสนาของคนไม่เท่ากัน ไม่มีใครจะมีอำนาจวาสนาเท่าอย่างนั้นได้ ฉะนั้นเวลาสหชาติๆ การปรารถนา แม้แต่ปรารถนาเกิดเป็นพุทธมารดายังต้องสร้างสมบุญญาธิการมาขนาดนั้น
นี่ไง เวลาเกิดมา ดูสิ พระอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวาเขาก็ได้สร้างบุญญาธิการของเขามา เวลาพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ เห็นไหม ดูสิ ฟังเทศน์พระอัสสชิได้เป็นพระโสดาบัน เวลาจะมาบวชกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งที่จะมาบวชนะ นั่น อัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวาเรามาแล้ว เขาสร้างของเขามา เขาทำของเขามา การกระทำของเขามา การร่วมเกิดเป็นสหชาติก็ต้องสร้างสมบุญญาธิการมาขนาดนั้น
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้ว สิ่งที่มีการกระทำๆ มันต้องมีการกระทำมา ไอ้นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่เราทำมาๆ ทำมาก็เป็นแนวคิดนี่แหละ โลกทัศน์ความรู้ความเห็น ถ้ามันทำของมันมา มันรู้อะไรถูกอะไรผิด อะไรควรและไม่ควร ถ้ามันไม่ได้ทำอะไรมา มันไม่มี ไม่มี เห็นไหม มันเหมือนลิขสิทธิ์ ลอกเลียนแบบเขา ลอกเลียนแบบเขามา ถ้าเขาจับเมื่อไหร่มันก็ผิดกฎหมายทั้งนั้น เพราะมันลอกเลียนสิทธิ์เขามา
เวลาเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ศีล สมาธิ ปัญญา มันจะลอกเลียนแบบใคร สิ่งที่เราศึกษามาๆ นั่นน่ะทฤษฎีลอกเลียนมาทั้งนั้น แต่ถ้าเป็นจริงๆ มันเป็นจริงของเรา ศีลมันก็ต้องศีลสะอาดบริสุทธิ์ในหัวใจนี้ ถ้าเป็นสมาธิขึ้นมา สมาธิหรือสัมมาสมาธิจิต นี่จิตที่เป็นหนึ่งไม่พาดพิงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าสมมติว่าว่าง ไอ้เราก็บอกว่าว่างๆ ว่างๆ โอ่งไหมันไม่เคยมาพูดเลยนะ อวกาศมันไม่เคยบอกว่ามันว่างเลย เพราะมันไม่มีชีวิต ไอ้เรามีชีวิตแท้ๆ นะ เวลาพูดนั่นน่ะ อันนั้นมันเป็นสัจจะความจริงจากผู้ที่มีอยู่จริง เวลามีอยู่จริงเขาว่าว่างๆ ของเขา แล้วว่างความว่างมันมีหลายชั้นหลายตอนมาก แม้แต่สมาธิ ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นไปแล้ว ถ้ามันว่างจากกิเลส อันนี้มันปล่อยวางกิเลสไว้ชั่วคราว
ถ้าว่างจากกิเลสนะ โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามรรค สกิทาคาผล อนาคามรรค อนาคาผล อรหัตตมรรค อรหัตตผล โสดาบัน สกิทา อนาคา พระอรหันต์ มันว่างยังไง ความว่างมันแตกต่างกันยังไง ความว่างที่มันละทิ้ง ละสังโยชน์ ๓ กามราคะเดี๋ยวก็อ่อนลง กามราคะขาดไปนี่สังโยชน์ ๑๐ ขาดไปจากใจ มันแตกต่างกันยังไง ถ้าไม่แตกต่างกันยังไง ทำไมสังโยชน์ ๑๐ สังโยชน์ แล้วถ้าสังโยชน์ที่มันขาดมันละไป มันจำนวนมากจำนวนน้อยกว่าแล้วผลมันจะเท่ากันได้ยังไง
นี่ไง นี่ความว่างไง นี่ความว่างของใจที่มันว่างจากกิเลสไง ถ้ามันว่างจากกิเลสมันว่างยังไง ถ้ามันเป็นความเป็นจริงไง ถ้าเป็นความจริง เห็นไหม มันต้องมีเหตุมีผลของมันไง ความจริงมันเกิดขึ้นมามันเกิดขึ้นมาอย่างนี้ไง ถ้ามันเกิดขึ้นมาอย่างนี้ เนี่ยมีดีๆ อย่างนี้ไง มีดีที่มีธรรมในใจ มีดีที่มีเหตุมีผล ถ้ามันไม่มีดี มันไม่มีดีในเหตุในผลมันก็ไปอาศัยข้างนอก เห็นไหม เพราะไม่มี เพราะความไม่มีนะมันถึงได้พึ่งพิง
จะบอกว่าพึ่งพิง เวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ท่านวางข้อวัตรปฏิบัติ ข้อวัตรปฏิบัติเป็นเครื่องอยู่ของใจ คำว่าเครื่องอยู่เพราะไม่มีสิ่งใดจะอาศัยได้ก็อาศัยเครื่องอยู่เกาะไว้ แต่ถ้ามันมีคุณธรรมในใจ คุณธรรมในใจมันมีแล้วมันจะเกาะอะไร ถ้าคำว่าเกาะหรือส่งออก แสดงว่าข้างในว่างเปล่า แสดงว่าไม่มีที่พึ่ง คนเราถ้ายืนอยู่ไม่ได้ คนยืนอยู่ไม่ได้มันต้องอาศัยอะไร อาศัยเกาะคนอื่นใช่ไหม ถ้าคนอื่นมันยืนอยู่ได้มันจะไปเกาะใคร ดูสิ เวลาคนเดินได้ ไปจูงเขาสิ เขาเบื่อตายห่า เขาไม่ให้จูงนะ คนที่เขาเดินได้ เขาเหินได้ เขาไม่ให้ใครมาจูงหรอก แต่ไอ้คนที่เดินไม่ได้ ขอร้อง ขอร้องให้จูง ดูสิ เวลาคนหกล้ม ใครต้องเข้าไปประคองเขาขึ้น แต่คนที่เขาเดินอยู่ดีๆ จะไปประคองอะไรเขา ใจที่มันมีหลักมีเกณฑ์ของมัน มันทรงตัวของมันอยู่ได้ มันมีหลักความจริงในใจ มันจะมีอะไรมามีคุณค่ามากกว่านั้น
ถ้ามันมีคุณค่ามากกว่านั้น เห็นไหม นี่มีดี มีดีที่ไหน มีดีที่วันนี้วันสำคัญ มีดีในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ตรัสรู้ธรรม เป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ โดยชอบ ถ้าไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมา ธรรมะมันมาจากไหน วันสำคัญๆ เวลาสำคัญสำคัญที่ไหน เวลาสำคัญขึ้นมาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสำคัญท่านเกิดวันนี้ ท่านตรัสรู้วันนี้ ท่านปรินิพพานวันนี้
เพราะวันนี้วันสำคัญทางพุทธศาสนา ถ้าวันสำคัญทางพุทธศาสนา เห็นไหม เพราะความมีคุณธรรมของท่าน ท่านถึงเป็นศาสดา ท่านถึงเป็นหลักเป็นชัย เป็นครูเอกของโลก ท่านสั่งสอน ท่านปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ด้วยธรรม ด้วยอุบายวิธีการ ด้วยการชักนำ ด้วยการแก้ไข ให้ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติรอดพ้นจากอำนาจของอวิชชา รอดพ้นจากครอบครัวของมาร ครอบครัวของมารนะ
เวลาทำความสงบของใจ แค่ทำความสงบของใจให้ใจมันสงบระงับเข้ามา เห็นไหม ทำความสงบของใจให้มันปล่อยวางจากทิฐิมานะของตน ปล่อยวางจากความเห็นของตน เวลามันยกขึ้นสู่วิปัสสนาขึ้นมา เวลามันจะชำระล้างขึ้นมาเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไป มันชำระล้างด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา ด้วยศีลด้วยสมาธิด้วยปัญญา ด้วยการฝึกหัด ด้วยความเป็นจริงของเราขึ้นมา ไม่ใช่ความจำ ความจำในการศึกษา ความจำขึ้นมาศึกษามาขนาดไหนมันก็เป็นความจำทั้งนั้น ถ้าความจำนั้นวิเคราะห์วิจัยขนาดไหนมันก็วิเคราะห์วิจัยธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันไม่ได้วิเคราะห์วิจัยโดยสัจจะความจริง
คำว่าวิเคราะห์วิจัยสัจจะความจริง พอจิตมันสงบแล้วเห็นกาย เห็นเวทนา เห็นจิต เห็นธรรมตามความเป็นจริง คือไปเห็นกิเลส เห็นเชื้อโรค แล้วมันให้มรรคให้ผล ให้มรรคให้ผลคือให้ยา ให้ธรรมโอสถ ให้ธรรมโอสถ เวลาธรรมโอสถเข้าไป เห็นไหม เกิดสงครามธาตุสงครามขันธ์ สงครามธาตุ สงครามธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ สงครามระหว่างธรรมะกับกิเลสมันต่อสู้กัน การต่อสู้กัน ประหัตประหารกันด้วยมรรคด้วยผล ด้วยมรรคด้วยผลด้วยมรรคด้วยผลของใคร ด้วยมรรคด้วยผลของหัวใจที่สงบระงับนั้น ด้วยมรรคด้วยผลหัวใจที่สงบระงับแล้วยกขึ้นสู่วิปัสสนาได้ ยกขึ้นสู่วิปัสสนาได้ด้วยสัจธรรม ด้วยความสามารถของตน เห็นไหม มันเกิดมรรคเกิดผลในใจ ถ้าเกิดมรรคเกิดผลในใจมันพิจารณาของมัน มันแยกแยะของมัน มันสำรอกมันคายของมัน นี่ไง ถ้ามันเป็นจริงต้องเป็นจริงอย่างนี้
ถ้ามันเป็นจริงอย่างนี้ขึ้นมามันไม่ใช่ความจำ นี่ความจำไปจำมา จำมาไม่ต้องทำอะไรเลย ของเค้าไปจำมา แต่จำมาเป็นแนวทางๆ ภาคปริยัติเราจำมาเป็นทฤษฎี แต่เวลาทำมันต้องทำความเป็นจริงขึ้นมา ถ้าทำเป็นจริงขึ้นมามันเริ่มมีศักดิ์ มีศักดิ์มีศรี มีการกระทำ มีคุณธรรม เพราะคุณธรรมมันมีคุณค่า ถ้าหวังพึ่งก็หวังพึ่งครูบาอาจารย์เท่านั้น แล้วถ้าครูบาอาจารย์นั้นนะ มันเหมือนในห้องผ่าตัด ห้องผ่าตัดต้องปลอดเชื้อ
นี่ก็เหมือนกัน ในหัวใจของเรา เห็นไหม กิเลสมันจะครอบงำ ถ้าสมาธิขึ้นมา ทำความสงบของใจเข้ามา แล้วเวลาจะผ่าตัด เห็นไหม หวังพึ่งก็หวังพึ่งครูบาอาจารย์เท่านั้น เวลาประพฤติปฏิบัติครูบาอาจารย์นี้เป็นที่โหยหาเลย เวลาเราจะใช้ปัญญาของเราเองนะ ถ้าเราเป็นคนทิฐิมานะ เราก็ใช้ปัญญาของเราเอง เวลามีความสงสัยมีเหตุขัดข้องในหัวใจ พิจารณาแล้วพิจารณาเล่า พิจารณาเช้า พิจารณาเย็น พิจารณาอยู่นั่นแหละ พิจารณาอยู่นั่นแหละ เพราะกำลังความสามารถเราแค่นี้
ลองไปหาครูบาอาจารย์ทีสิ ทีเดียวเท่านั้นแหละ ท่านบอกเลย ถ้ากำลังมันไม่พอก็ทำให้มันมีกำลังขึ้นมา ถ้าปัญญามันใช้ปัญญามันไม่ออกไม่ก้าวหน้า ปัญญามันเป็นปัญญาทางโลกก็กลับมาที่สงบสิ ถ้าปัญญามันใช้ไปแล้ว ปัญญามันฟั่นเฝือ เห็นไหม ก็กลับมาทำสมาธิ ถ้าสมาธิไม่พอมัน มากเกินไปคือมันขี้เกียจมันไม่ทำก็ฝึกหัดใช้ปัญญาให้มากขึ้น เวลาท่านใช้ของท่าน เห็นไหม ไปหาครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ท่านชี้ทีเดียว จบเลย
มันถึงแสวงหาไง มันถึงโหยหาไง ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติเขาโหยหาครูบาอาจารย์ แต่คำว่าโหยหาครูบาอาจารย์มันต้องสมบูรณ์ มันต้องพร้อม คือเราต้องพร้อมแล้ว พร้อมแล้วหมายความว่าเรามีพร้อม เรามีการกระทำพร้อม มีผู้ชี้เท่านั้นน่ะ ชี้ทีเดียว เหมือนมือปืนมีคนชี้เป้า มันแค่ลั่นไกก็จบ ชี้เป้าเลย มือปืนก็กระดิกไก จบ
ไอ้นี่ปืนก็อยู่ไหนก็ไม่รู้ กระสุนก็ไม่มี ร้อยแปดพันเก้า ใครจะชี้ พูดถึงคนที่มีปืนพร้อมแล้วง้างไกอยู่เนี่ย ชี้เป้าทีๆ ครูบาอาจารย์ท่านสำคัญอย่างนั้น แล้วถ้าครูบาอาจารย์สำคัญอย่างนั้น เห็นไหม มันถึงโหยหา การโหยหา เวลาจะพึ่งก็พึ่งอย่างนี้ แต่เวลามือปืน เห็นไหม เรามีปืนไหม มือปืน เห็นไหม เขาต้องหาปืน เนี่ยผู้จ้างวานเขาต้องเอาปืนมาให้ด้วย นัดรับปืนแล้วกระสุนพร้อม
นี่ก็เหมือนกัน ศีลสมาธิปัญญามึงอยู่ไหน มึงสติปัญญาพร้อมขนาดไหน เป็นมือปืนมีปืนหรือเปล่า มันไม่มี เพราะความไม่มีอาศัยเขาทั้งนั้น ให้คนอื่นคอยประคอง ให้คนอื่นคอยบอกว่าเป็นมือปืนอันดับหนึ่งของประเทศ ขึ้นทะเบียนเลยนะ นี่มือปืนอันดับหนึ่งของชาติ แต่ความจริงมันเป็นอย่างนั้นไหม ถ้ามันเป็นจริงแล้วใครจะยกย่องไม่ยกย่องนั้นเรื่องของเขา เราต้องมีจุดยืนของเรา ถ้ามีจุดยืนของเรานะนี่สมณสารูป
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม มีอะไร มีบริขาร ๘ ครูบาอาจารย์ของเรา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงตาท่านมีอะไร ท่านมีบริขาร ๘ ชื่อเสียงโด่งดังค้ำฟ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ เวลาท่านตรัสรู้ท่านเผยแผ่ธรรมขึ้นมา นักรบ กษัตริย์ แม่ทัพ นายกอง แย่งชิงกันเพื่ออังคาสด้วยมือทั้งนั้น แย่งชิงกันอังคาสเข้าไปถวายของ เข้าไปถวายอาหารแก่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีนะ แม่ทัพออกรบกลับมา นี่กษัตริย์ถามต้องการอะไร ต้องการได้โอกาสถวายอาหารองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๗ วัน เท่านั้นเอง เขาแย่งชิงกัน เขาแย่งชิง ทั้งๆ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ได้แอ๊คชั่นอะไรเลยนะ มีแต่สร้างประโยชน์ ไม่เคยทำๆ ไง นี่ ของจริง
นี่ถ้ามีอยู่มันเป็นอย่างนั้น นี่สิ่งที่มีคุณค่ามีคุณค่าในหัวใจ สามโลกธาตุมีอะไรมีค่า สามโลกธาตุอะไรมีค่า จะบอกว่าชีวิตนี้มันมีค่า เดี๋ยวจะว่ามันเกินไป ชีวิตก็เป็นชีวิตไง เศษทิ้ง ชีวิตที่เหลือสอุปาทิเสสนิพพาน สะคือเศษที่เหลือ มันเศษที่เหลือ แต่เพราะมันทำไม่ได้ไง ที่มันเลิศกว่า สิ่งที่มันดีกว่า กับสิ่งที่มีชีวิตอยู่กับสิ่งที่ตายไปดีกว่า นี่มันก็มีของคู่ไง มันไม่มีของคู่ไง มันไม่มีอะไรที่เทียบเคียงกันได้ไง ไม่มีอะไรเป็นของของมาเทียบเคียง ไม่มีอะไรของมาชั่งตวงวัด ไม่มี ไม่มี ถ้าไม่มีแล้วไม่มีก็คือไม่มีไง ถ้าไม่มีแล้วถึงเวลาไง รอเวลาไง
เวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ท่านลาธาตุลาขันธ์ เห็นไหม ถึงเวลาท่าน ถึงเวลาแล้ว ลาแล้วโลก ลาแล้วที พอกันที องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน จะไปปรินิพพาน เห็นไหม สุภัททะ เธออย่าถามให้มากไปเลย ศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล ดูสิ เขาไปถาม สุภัททะๆ ไปถามพระพุทธเจ้า เห็นไหม ศาสนาไหนประเสริฐ จะไปนิพพาน คือจะไปตาย ยังไปสอนได้พระอรหันต์อีกองค์หนึ่ง ยังสอนยังรื้อสัตว์ขนสัตว์ตลอดไป ตั้งแต่ตรัสรู้ธรรมขึ้นมาจนวันที่ท่านจะนิพพานท่านยังสั่งสอนภิกษุอยู่เลย ท่านยังชี้นำอยู่เลย นี่ไงไม่ห่วงใยอะไรทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งใดเทียบเคียง ไม่มีทั้งสิ้น ทำประโยชน์อย่างเดียวเท่านั้นถ้ามันมี
มีดีก็เป็นดีไง ถ้ามันไม่มีดี เห็นไหม ไม่มีดีมันก็วุ่นวาย วุ่นวายไปทั่ว เพราะไม่มีดีมันเห็นของข้างนอกดีกว่าความคิดตน เพราะไม่มีดีเราถึงทรงตัวไม่ได้ ถ้ามีดีนะ คำว่าปัจจัยเครื่องอาศัย ปัจจัย ๔ ๆ บวชมา บริขาร ๘ นั่นคือปัจจัย ๔ โลกเขาก็หาปัจจัย ๔ เพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยากของเขา เขาถึงไปตะครุบเอาแต่กิเลสเข้ามาทับถมหัวใจ ถ้าเขามีสติปัญญาของเขาแค่ปัจจัย ปัจจัย ๔ แค่ดำรงชีพ ดำรงชีพไว้เท่านั้น
นี้ที่มันทุกข์มันยาก เห็นไหม เขาพยายามโฆษณากันไง คุณภาพชีวิตๆ คุณภาพชีวิตมันจะกินแต่ยอด ของยอดๆ อยู่สุขสบาย อยู่เหนือโลกไง อยู่บนก้อนเมฆ นี่คุณภาพชีวิต แต่ความจริงๆ เห็นไหม สิ่งที่มีคุณค่า คุณค่าของใจ คุณภาพชีวิตคุณภาพชีวิตอย่างนั้น คุณภาพชีวิตอะไร คุณภาพชีวิตนั่นมันการโฆษณาชวนเชื่อไง
แต่ถ้าเป็นความจริง ปัจจัยเครื่องอาศัย คำว่าปัจจัยเครื่องอาศัย ถ้าหัวใจ เห็นไหม อาศัยสิ่งนี้เพื่อดำรงชีพ ดำรงชีพไว้ทำไม ดำรงชีพไว้ทำไม เห็นไหม สมณะกินเพื่อดำรงชีพเท่านั้น โลกกินเพื่อกาม กินเพื่อเกียรติ กินเพื่อศักดิ์ศรี เหยียบหัวคนอื่นถ้ามันไม่มี
ถ้ามีแล้วเรียบง่าย สะดวกสบาย ทุกอย่างพร้อมหมด คุณธรรม คุณธรรมของผู้มี มีดีมันจะเป็นประโยชน์ไง ถ้าไม่มีดีมันไม่มีสิ่งใดเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตนเลย เพราะไม่มี ถ้าไม่มีแล้วฝึกหัด ไม่มีแล้วค้นคว้านั่นเป็นอีกอย่างหนึ่ง แล้วไม่มีแล้วอยากจะมีมันจะเป็นปัญหามาก เพราะไม่มีแล้วอยากมี พออยากมีความอยากอันนั้น อย่างที่ว่าเนี่ย แก่งแย่งชิงดีชิงชั่ว ร้อยสันพันคม ก็ด้วยความอยากมีอยากเป็นทั้งนั้น ลองไม่มีความอยากมีอยากเป็น มันจะมีอะไร
ไม่มีความอยากมีอยากเป็นนะ ชีวิตเราก็เท่านี้ แล้วก็ฝึกหัดการกระทำของเราเพื่อประโยชน์กับเรา ทำเพื่อใจดวงนี้ไง วันนี้วันสำคัญทางพุทธศาสนา แล้วเราสำคัญไหม วันสำคัญเพราะอะไร เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเจ้าของศาสนา ท่านตรัสรู้วันนี้ แล้วท่านตายไปแล้ว วางธรรมวินัยนี้ไว้ แล้วเราเอาจริงไม่เอาจริง ถ้าเอาจริงเราทำของเราขึ้นมาให้เป็นประโยชน์กับใจดวงนี้ เอวัง