เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๗ พ.ค. ๒๕๖o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะเนาะตั้งใจฟังธรรมเราอุตส่าห์มาวัดมาวาไง มาวัดมาวามาได้ทำบุญกุศล ได้เสียสละเพื่อบุญกุศลของเรา บุญกุศลคืออำนาจวาสนาบารมีนะ สิ่งที่เสียสละนี้เพราะมันต้องมีหัวใจหัวใจมีคุณค่ามากกว่า หัวใจมีคุณค่ามากกว่ามีเจตนาไงเจตนาอยากทำบุญกุศลของเรา ถ้าเจตนาอยากทำบุญกุศลของเรา ชีวิตเรามีคุณค่า ชีวิตเรามีคุณค่าเพราะชีวิตเรามันมีกายกับใจๆส่วนใหญ่แล้วเราหาเลี้ยงร่างกาย หาเลี้ยงร่างกาย หาเลี้ยงโลกธรรม ๘ ไง มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศอยากให้เขาชื่นชม นี่มันเป็นเรื่องของร่างกาย เราหาร่างกาย เพราะร่างกายมันเป็นสิ่งที่เป็นวัตถุที่ยืนยันกันได้ในสังคม

แต่หัวใจหัวใจอยู่ในร่างกายนี้ไง ถ้าหัวใจอยู่ในร่างกายนี้ นี่หัวใจ ร่างกายคิดไม่ได้ แต่หัวใจมันเกิดโดยเป็นทิพย์สมบัติไม่ได้อย่างเทวดาอินทร์ พรหมของเขา เขาเกิดเป็นทิพย์ๆ เขาไม่มีร่างกายนี้ เขามีร่างกายที่เป็นทิพย์ ไม่มีร่างกายนี้ไว้เดินชนกันไง

แต่ของเรา เราเกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์มีกายกับใจๆ ไงพอกายกับใจ สิ่งที่มนุษย์ในประวัติศาสตร์จะจารึกไว้ได้ก็จารึกไว้ได้แต่อาชีพนี้ๆ ได้แต่ชีวิตนี้ ได้แต่ร่างกายนี้ไง แต่หัวใจๆ เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มันเกิดซ้ำเกิดซ้อนไง ถ้าเกิดซ้ำเกิดซ้อนเกิดมาในโลกนี้ได้สร้างคุณงามความดีของเขาขึ้นมา เวลาเขาเกิดดีๆ ขึ้นมาเขาซับสมขึ้นมาจนเขาเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีขึ้นมาเพราะเขาได้ทำแล้วทำเล่าของเขาไง ถ้าทำแล้วทำเล่า

เราเกิดมา เกิดมาเรามีเจตนาของเราเรามีเจตนาอยากจะทำบุญกุศลของเรา เราเห็นคุณค่าของหัวใจนี้ไง ทิพย์สมบัติๆ สิ่งที่เสียสละไปแล้วเป็นวัตถุ สิ่งที่เจตนาสิ่งที่มันฝังลงไปที่ใจๆ เป็นทิพย์สมบัตินี่ไง อันนี้เป็นการสร้างอำนาจวาสนาบารมี การสร้างอำนาจวาสนาบารมี สิ่งที่ทำดีๆไง

แต่คนเกิดมาแล้วเกิดมาด้วยเวรด้วยกรรมไง เกิดมาด้วยมาร เกิดมาแล้วมาทำลายกันไง เกิดมาแล้วเที่ยวแต่สร้างบาปอกุศลไง เวลาตายไปตกนรกอเวจีไงพอพ้นจากนรกอเวจีก็เกิดขึ้นมาเป็นมนุษย์อีกไงเกิดเป็นมนุษย์ก็เป็นเศษมนุษย์ไงเศษมนุษย์ก็มาทำร้ายเขา มาทำลายเขาไงมนุษย์ที่มีปัญหาๆ อยู่นี่ก็เพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยากของคนไง

ฉะนั้นเรื่องของทาน ให้เสียสละเพื่อบุญกุศลของเรา เพื่อบุญกุศล ให้มีศีลมีศีลเป็นความปกติของใจ มีทาน มีศีล มีภาวนา ถ้ามีทานของเรา มีทานของเรา สังคมร่มเย็นเป็นสุขไงสังคมร่มเย็นเป็นสุข เราจะประพฤติปฏิบัติของเรา เราจะประพฤติปฏิบัติ

เวลาเขาเที่ยวกันไปทั่วโลก ทั่วโลกทั่วสงสาร เพื่อจะหาความสุขใส่ตัว หาความสุขใส่ตัวของเขา ผู้ที่มีคุณธรรมในหัวใจ สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มีไง การพักผ่อนที่ดีที่สุดการพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการนอนหลับไง การนอนการหาที่สงบระงับของเรา

ถ้ามันมีศีล มีความปกติของใจ เราต้องการคนที่มีศีลมีสัตย์ เราไม่ต้องการคนโกหกมดเท็จไงโลกที่เราไว้ใจกันไม่ได้ ไว้ใจกันไม่ได้เพราะโลกเชื่อใจใครไม่ได้เลย สิ่งใดพูดมาปากหวานปากหวาน คนปากหวาน ใจมันคด แต่พ่อแม่ของเราพูดตรงไปตรงมา ผิดก็ว่าผิด ถูกก็ว่าถูกไง ไม่ต้องปากหวาน พูดกันตามความเป็นจริง พูดตามข้อเท็จจริง สิ่งใดที่ขาดตกบกพร่องสิ่งใดที่ขาดตกบกพร่องก็บอกมา เตือนมา เพื่อจะได้พัฒนาของเราขึ้นไปไง สิ่งใดที่มันดีอยู่แล้วก็ชื่นชมขึ้นมา ก็ทำให้ดีมากขึ้นไปไง

สิ่งที่ทางโลก เราจะซื้อขายแลกเปลี่ยนกันมา เราก็ซื่อสัตย์ต่อกันสิ่งใดพอสมควรสิ่งใดที่ทำได้มันเป็นธรรม นี่ไงเขาบอกว่าลูกค้าเป็นพระเจ้า สิ่งใดเราบริการเขาเราดูแลเขาด้วยความซื่อความสัตย์ของเราไงเขาใช้บริการแล้วเขากลับมาใช้บ่อยๆ ไปเพราะอะไรเพราะเขาพอใจในการกระทำนั้นไง เห็นไหมคนมีศีล ถ้ามีศีลมีสัตย์

เพราะมันทุศีล ทุศีลพูดโป้ปดมดเท็จไงเอาแต่ผลประโยชน์เอาแต่ความปรารถนาของตน เอาแต่ความพอใจของตนไงถ้ามันเป็นของตนขึ้นมา

นี่ไง สิ่งที่เราเกิดมา เกิดมาเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนาพระพุทธศาสนาสอนถึงคุณงามความดีไง ถ้าคุณงามความดีมันคิดแต่เรื่องดีๆหัวใจคิดแต่เรื่องดีๆ คิดแต่เรื่องดีๆ คิดได้นะ บางคนคิดไม่ได้ คิดแต่เรื่องดีๆ มันอึดอัดขัดข้องมากเลย แล้วมันไปคิดแต่เรื่องร้าย เรื่องร้ายคิดแต่ทำลายตัวเองไง เราทุกข์เรายาก เราลำบากลำบน เราเสียเปรียบ ร้อยแปด

แต่ถ้าคนคิดดีนะ เราจะทุกข์จนเข็ญใจขนาดไหนนะเวลาคนทุกข์คนจนที่จิตใจเขาเป็นสาธารณะ ดูสิหลายๆ คนมากเลยนะ เขาปลูกป่า เขาดูแลรักษาทรัพยากรเขาเป็นเศรษฐีมาจากไหน เขาคนบ้านนอกคอกนาทั้งนั้นน่ะ แต่จิตใจเขายิ่งใหญ่นะเขาปลูกป่ามาเขาทำทรัพยากรเพื่อสภาพแวดล้อม เขาทำเพื่อโลกๆ เขาร่ำรวยมาจากไหน เขาไม่เห็นร่ำรวยเลย เขาคนทุกข์คนจนแต่จิตใจเขาทำเขามีความสุขของเขา เขาทำแล้วคนชื่นชมสังคมที่รู้ขึ้นมาเขาก็ชื่นชมๆของเขา คำว่า“ชื่นชม” เพราะอะไร เพราะจิตใจเขาเป็นสาธารณะ จิตใจเขาเพื่อประโยชน์ นี่ไงมันจะต้องร่ำรวยมาจากไหนล่ะแต่เวลาคิดขึ้นมา ต้องร่ำรวยก่อน ต้องดีก่อนไปแข่งขันกันก่อน

ไอ้เรื่องหน้าที่การงานมันเป็นจริตนิสัยนะ คนถ้ามีอำนาจวาสนาบารมี เขาขยันหมั่นเพียรของเขา ความขยันหมั่นเพียรของเขา ขยันหมั่นเพียรเพื่อเราไงการขยันหมั่นเพียร ดูสิ เวลาคนเขาต้องการสุขภาพดี เช้าขึ้นมาเขาออกกำลังกายของเขา เขาไปเหงื่อไหลไคลย้อยขึ้นมาเพื่ออะไรล่ะ เพื่อสุขภาพของเขา

ไอ้นี่ก็เหมือนกัน เขาหมั่นเพียรของเขาเพื่อหัวใจของเขาไงหัวใจที่มันคิดดีมันพัฒนาดี มันพัฒนาจิตใจขึ้นไปเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไป เขาจะสร้างแต่คุณงามความดี คุณงามความดีอาศัยบุญกุศลเป็นเครื่องอาศัย

บาปอกุศลมันอาศัยไม่ได้หรอกบาปอกุศลมันเอาแต่พิษเอาแต่ภัยมาให้เรา บุญกุศลเป็นเครื่องอาศัยๆ เรามีบุญมีกุศลของเรา เราทำคุณงามความดีของเรา ทำบุญทิ้งเหวด้วย ทำดีทำทิ้งเหว ครูบาอาจารย์ของเราท่านทำของท่าน ใครจะดีใครจะชั่วเรื่องของเขา เราจะทำคุณงามความดีของเราจิตใจเราจะมีหลักมีเกณฑ์ของเรา เราจะไม่ไหลไปตามเขา

เราเห็นแต่คนเอารัดเอาเปรียบ คนที่เขาคอยทำลายคนอื่น ไปเห็นแล้วเออ! มันดีเนาะเออ! เขาสะดวกสบาย เขาทำได้

มันสะดวกจริงหรือดูสิ เราทำความไม่ดีเท่าไรจิตใจมันเร่าร้อนเร่าร้อนเพราะอะไร เพราะกลัวเขาจับได้ มันไม่มีความสุขหรอก ทุจริตมันไม่มีความสุขหรอก ได้มาก็ได้มาไม่มีความสุขหรอก มันเอามาหมักหมมไว้ในใจ มันร้อน ว่าเมื่อไหร่ สะเทือนกันไปหมด

แต่ถ้าทำคุณงามความดี สุจริตคุ้มครองเรา มีศีลมีธรรมคุ้มครองเรา เราทำแต่ความสุจริต เราไม่ได้ทำสิ่งใดเลย เขาจะโจมตี เขาจะทำร้ายอย่างไรเรื่องของเขา มันโลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไว้เอง“ภิกษุทั้งหลายถ้าเธอโดนโลกธรรม ๘กระหน่ำซ้ำเติมนะ ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ เธออย่าเสียใจไปเลย ให้ดูเราตถาคตเป็นตัวอย่าง ให้ดูเราตถาคตเป็นตัวอย่าง” องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็โดนเจ้าลัทธิต่างๆทำลายทั้งนั้นน่ะเขาทำลายทั้งนั้นแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่สั่นสะเทือนเลย

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านพูดเหมือนช้างศึกช้างศึกที่ฝึกดีแล้ว แม้แต่เผชิญกับข้าศึกจะโดนธนู จะโดนสิ่งใดขึ้นมาช้างศึกไม่หวั่นไหวเลย ช้างศึกมีแต่ลุยหน้าเข้าไปเลย ช้างศึกๆ ผู้ที่ได้ฝึกดีแล้วๆ แต่ระหว่างนี้เราอยู่ที่จะมาฝึกกันไงมาวัดมาวามาเพื่อเหตุนี้ เราคุยกันในหมู่เพื่อนมันก็คุยกันเรื่องโลกๆ นั่นน่ะ

หลวงตาท่านบอกการฟังธรรมนี้แสนยากคุยกันเรื่องคุณธรรมไง แต่เรื่องติฉินนินทาเรื่องเอารัดเอาเปรียบในหัวใจเราพูดกันทุกวันฟังธรรมๆ มันมีโอกาส มันได้ฟังธรรมไง ฟังธรรมเพื่อเหตุนี้ ถ้าเหตุนี้ขึ้นมา มันเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา แล้วเราก็ฝึกหัดหัวใจของเรา ทำหัวใจของเราขึ้นมาให้มันมีที่พึ่งไง ถ้าหัวใจมันมีที่พึ่งเห็นไหม

ศีล ศีลคือความปกติของใจ เวลาความปกติของใจนะ แล้วเวลาถ้าเรารักษาศีลๆแล้วชีวิตเราลุ่มๆดอนๆ ล่ะ ก็ดูสิ ดูพระนะ พระเราศีล ๒๒๗ แล้วถือธุดงควัตรด้วยเวลาภิกษุ ภิกษุไข้ ภิกษุไข้เว้นไว้ภิกษุเวลาประพฤติปฏิบัติไปแล้วถ้าลุ่มหลงไป ภิกษุเวลาปฏิบัติแล้วผีเข้า ทำสิ่งใดไม่มีอาบัติ เว้นไว้แต่ๆ มันมีเว้นไว้ไง เว้นไว้แต่ภิกษุไข้

นี่ก็เหมือนกัน เวลาเราอยู่ทางโลกถ้ามันมีความจำเป็นสิ่งใด ถ้าเว้นไว้แต่ๆ แต่ไม่ทำลายใครนะเว้นไว้แต่เวลาทำคุณงามความดี เราก็เว้นไว้แต่ไง เว้นไว้บ้างเว้นไว้ถ้ามันจำเป็น มันจำเป็น มันเป็นไปไม่ได้ เว้นไว้แต่ เราไม่ได้ผิดศีล

เราอยู่ในสังคม สังคมมีผู้มีอิทธิพลเขาบังคับขู่เข็ญให้ทำตามใจเขา ไอ้เราไม่ทำตามเขา แต่ถ้าเวลามันจำเป็นขึ้นมาเราจำเป็น ธรรมธรรมเหนือโลกเวลาคุณธรรมไม่กระทบกระเทือนใคร ไม่เอาเภทภัยเข้ามาใส่ตัวเราไง เราก็นิ่งเสีย นิ่งเสีย เราไม่ทำตามเขาแต่เราทำขึ้นมาเราไม่รับรู้ เราไม่รับรู้ เราค้านไว้ในใจ ถ้าค้านไว้ในใจ เราก็ไม่มีกรรมไม่มีเวรไปกับเขา

แต่ถ้ามีกรรมมีเวรไปกับเขา ทำสิ่งใดๆเวลาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระโพธิสัตว์ ๔อสงไขย ๘อสงไขย ๑๖อสงไขย การสร้างสมบารมีแต่ละภพแต่ละชาติ ใจดวงนั้นมันสะสมๆ มันหายไปไหน นี่ก็เหมือนกัน ทำดีทำชั่วมันหายไปไหน มันอยู่ที่ใจดวงนั้นน่ะ

กิเลสเวลามันดีดดิ้นมันอยากให้ทำเวลาทำสมใจแล้วนะ มันสะใจมันแล้วมันก็ไปแล้วผู้ที่รับโทษคือใคร ก็หัวใจดวงนี้ไง ภวาสวะไง จิตเดิมแท้นี้ผ่องใส จิตเดิมแท้นี้หมองไปด้วยอุปกิเลส จิตเดิมแท้นี้ผ่องใสจิตเดิมแท้เป็นผู้ข้ามพ้นกิเลส ถ้าจิตเดิมแท้มันสะสมไว้ๆ สะสมไว้จนมืดบอด ไม่เชื่ออะไรเลย ไม่เชื่อสิ่งใดทั้งสิ้นไม่เชื่อสิ่งใดทั้งสิ้นแล้วมีอะไรเป็นความจริงล่ะอะไรเป็นความจริงขึ้นมา ไม่เชื่อสิ่งใดก็พิสูจน์สิ

ดูสุภัททะไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า “ศาสนาไหนว่าประเสริฐๆ ในลัทธิปฏิบัติอะไรก็ประเสริฐๆ”

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า “เธออย่าถามให้มากไปเลย เธอก็มีปัญญา เธอศึกษามาทั้งชีวิตเลย แล้วเธอก็ตัดสินใจอะไรไม่ได้ ศาสนาไหนไม่มีมรรคศาสนานั้นไม่มีผล”

ไม่มีมรรคคือไม่มีเหตุ ไม่มีข้อเท็จจริงอะไรเลย เชื่อตามๆ กันมาแล้วมันมีอะไรล่ะเอาจริงเอาจังสิมีศีลก็บังคับหัวใจสิ หัวใจถ้าศีลมันบังคับไว้หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ บังคับไว้ไม่ให้มันคิดไง

ดูสิ เราทุกข์เพราะความคิด แล้วถ้ามีสติปัญญา เราบริหารจัดการความคิดได้ เราสั่งความคิดได้หมดเลย ให้คิดแต่สิ่งที่พอใจคนจะมีความสุขไหม ให้มันคิดดีๆ ให้มันคิดดีๆนี่ไง ถ้าหายใจเข้านึกพุทหายใจออกนึกโธก่อนเพราะมันยังบังคับไม่ได้ มันยังคิดไม่ได้ ก็ให้มันเกาะพุทโธไว้ไม่ให้มันคิดโดยตัวมันเอง ถ้ามันคิดโดยตัวมันเองมันก็ไปกว้านมาหมดเลย นั่นก็ของกู นี่ก็ของกูแล้วกูก็ไม่เห็นตัวกูด้วยนะ ตัวกูของกู แล้วกูยืนอยู่นี่ กูมองไม่เห็น

นี่ไง ถ้ามันจิตสงบเข้ามามันจะเห็นกูเห็นกูคือเห็นจิตไง ถ้าจิตมันสงบเข้ามานี่เห็นตัวตนของเรา ถ้าเห็นตัวตนของเรา ฝึกหัดใช้ปัญญาๆ ถ้ามันฝึกหัดใช้ ศาสนาไหนไม่มีมรรคศาสนานั้นไม่มีผล แล้วนักปฏิบัติไม่เคยรู้เคยเห็นอย่างนี้มันจะมีมรรคมาจากไหน มันไม่มีใครกระทำเลยคนกระทำสิ เห็นคนนั้นก็รวย คนนี้ก็รวย อยากรวยกับเขาก็นั่งมองเขา แล้วเมื่อไหร่มันจะรวยล่ะเห็นเขารวยๆ เราก็ทำของเราให้รวยสิ มันมีสติมีปัญญา ถ้ามีสติปัญญา

ศาสนาไหนไม่มีมรรคศาสนานั้นไม่มีผล นี่ก็เหมือนกันเธอก็ศึกษามาทั้งชีวิต ค้นคว้ามาทั้งชีวิต แล้วตัดสินใจอะไรไม่ได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า เธออย่าถามให้มากไปเลย ให้กระทำแล้วให้มันเป็นความจริงขึ้นมาให้พระอานนท์บวชคืนนั้น

คืนนั้นเขาค้นคว้าของเขา เพราะเขาศึกษามาทั้งชีวิตนะ สุภัททะๆ ไปศึกษามาหมด ไม่เชื่ออะไรทั้งสิ้นเขาถือตัวถือตนว่าเขามีปัญญามาก ถือตัวถือตนมันก็เพ้อเจ้อไง ปัญญามากๆจำเขามาทั้งนั้นน่ะ ไม่มีสิ่งใดเป็นของของตนสักชิ้นเดียว

เวลาเราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เวลาจิตสงบเข้ามานั่นของเรา ของเราเพราะอะไรเพราะเรารู้เองไงเวลามันบีบมันคั้นขึ้นมาในใจนี่ทุกข์ยาก เวลามาคุยเรื่องความทุกข์กันไม่จบนะลองบอกว่า ทุกคนบอกว่าใครมีทุกข์อะไรให้พูดมา โอ้โฮ! นั่งฟังทั้งวันเลย ไม่มีหมดหรอก นี่ไงเวลามันบีบคั้นขึ้นมา พูดเรื่องทุกข์ในหัวใจเวลามันสงบมาสุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มีนะคนที่ทำความสงบของใจได้ตามความเป็นจริงมหัศจรรย์มาก มหัศจรรย์จริงๆ มหัศจรรย์เพราะมันมีความสุข มันมีสติมีสัมปชัญญะพร้อม แล้วเราไปเที่ยวรอบโลกไปเที่ยวอวกาศกันตอนนี้ ไปจองตั๋วกันอยู่น่ะ มันก็ไปเห็นภาพ เห็นโลก ไปดูโลกจากภายนอกโลกมาก็เท่านั้นเอง

แต่ถ้ามันสงบมาในหัวใจนะ มันมีความสุขของมันนะ เงินทองก็ซื้อไม่ได้ ใครจะตั้งบริษัทพาไปเที่ยวสมาธิไม่ได้หรอก สมาธิมันต้องหาขึ้นมาเอง แล้วเวลาหาขึ้นมาเอง หาขึ้นมาก็ถูกๆผิดๆ ไง หัวใจดวงใดไม่มีมรรค หัวใจดวงนั้นไม่มีผล ถ้ามันทำไม่ได้มันก็ไม่เคยมีของมันจริง ถ้ามันทำได้มันมหัศจรรย์มากมันมหัศจรรย์เห็นไหม

คนที่ทำได้จริงนะเวลาหลวงปู่ฝั้นหลวงปู่ฝั้นท่านเป็นพระที่มีคุณธรรมมากแล้วเวลาท่านพุทโธผ่องใส พุทโธสว่างไสวท่านพูดมาจากใจจริงของท่านน่ะ แล้วมันฟังแล้ว โอ้โฮ! มันขนลุก พุทโธผ่องใส พุทโธสว่างไสว ก็มันสว่างไสวในใจไง

ไอ้เราพุทโธผ่องใส แล้วพุทโธเรา พุทโธมีแสงสว่าง แสงสว่าง อ๋อ! แสงสว่างแบบพระอาทิตย์เลยอ๋อ! แสงสว่างอ๋อๆๆ...มันไม่จริง มันไม่จริงมันเลยพูดครึ่งๆกลางๆ ทางโลกเขาว่ากั๊กไว้ไงพูดไม่สุด พูดไม่จริงหรอก

แต่ถ้าเป็นคนที่เป็นความจริง นี่ไงในหัวใจดวงใดมีมรรค หัวใจดวงนั้นมีผล มันมีมรรคมีผลในใจดวงนั้น เวลาท่านพูด ท่านพูดจากความสุขของท่าน ท่านพูดเวลาจิตท่านเข้าไปสู่จิตเดิมแท้ของท่าน มันผ่องใส มันสว่างไสว มันครอบ ๓ โลกธาตุ มันมีความสุข ไม่มีอะไรมีค่าไปกว่านี้อีกเลย

แต่เพราะด้วยความจำเป็นของสิ่งมีชีวิต ด้วยความจำเป็นของมนุษย์ เพราะเกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นมนุษย์มีกายกับใจๆ ก็ได้ฝึกหัดประพฤติปฏิบัติขึ้นมาจนกิเลสมันสิ้นไปจากหัวใจนี้แล้วหัวใจนี้ยังมีชีวิตอยู่ สอุปาทิเสสนิพพาน จิตที่สิ้นจากกิเลสตัณหาความทะยานอยากแล้ว แต่ยังดำรงชีพอยู่ ยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็ทำเพื่อประโยชน์กับโลก

ฉะนั้น พอทำเพื่อประโยชน์กับโลก เพราะว่าหัวใจดวงนี้มันอยู่ในร่างกายนี้มันก็ต้องพาร่างกายนี้ตรากตรำทำงานไปตามหน้าที่ รื้อสัตว์ขนสัตว์ปรารถนากับโลก ต้องคอยไปเอาหัวใจของสัตว์โลก ท่านไม่ไปข้องแวะสิ่งใดแต่เวลาท่านจะเข้าไปสู่จิตเดิมแท้ของท่านเข้าไปสู่ความเป็นคุณธรรมในใจของท่าน มันสว่างไสว มันผ่องใส มันมีความสุข นี่พูดจากความจริงมันจริงๆ พูดจากความจริงนี่แหม! มันขนลุกขนพอง

แต่ไอ้พวกเราจำขี้ปากมาพูด พูดไปเถอะ อัดเทปไว้เลย แล้วเปิดใส่หูไว้ “ผ่องใสๆ” ใจมันเดือดปุดๆๆ ผ่องใส ใจมันจะเป็นจะตายในหัวใจ

นี่พูดถึงถ้ามีศีลมีธรรมคำว่า “มีศีล” นะคำว่า “ศีล” ศีลคือความปกติของใจๆ แต่ศีลนั้นมันเป็นข้อห้าม ศีล ๕ ศีล ๘ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗เป็นขอบเขตขอบเขตว่าจะก้าวล่วงไม่ก้าวล่วง ถ้าก้าวล่วงขึ้นมา โดยมีเจตนาและไม่มีเจตนา ถ้าไม่มีเจตนา ต่อหน้าและลับหลัง แล้วเราทำของเราโดยความปกติของเรา เราซื่อสัตย์กับเราแล้วอย่าไปคิดน้อยเนื้อต่ำใจ“โอ๋ย! ถ้าเรามีสัตย์อยู่คนเดียวเราก็เป็นเหยื่อเขาหมดเลยใครๆ ก็โกหกทั้งประเทศ มีเราพูดตรงอยู่คนเดียว”

เออ! เราตรง เราก็เป็นคนดีคนเดียว เออ! เขาโกหกทั้งประเทศเขาก็ได้บาปทั้งประเทศถ้าเขาเห็นดีเห็นงามกับเรา เดี๋ยวเขาก็จะมาซื่อสัตย์แบบเราเป็นที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ถ้าเขาทำได้นะ

ไม่ใช่ว่า“โอ๋ย! เราซื่อสัตย์อยู่คนเดียว ไม่มีใครพูดจริงกับเราสักคนหนึ่งเลย” ถึงเวลาเขาเห็นโทษ

ถ้ามันออกมาจากธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งที่สัมผัสธรรมได้ๆ คือหัวใจของมนุษย์คือความรู้สึก คนเราถ้ามันทุกข์มันยาก มันมีสติปัญญาขึ้นมานะใครๆ ก็อยากได้ของดีทั้งนั้นน่ะแต่เราไขว่คว้าของดีไม่ได้ เราจับของดีไม่ถูกไงเราก็ไปจับที่อารมณ์ความคิด

ความคิดไม่ใช่จิตนะความคิดเกิดจากจิต ไม่ใช่จิตถ้าความคิดเป็นจิต เราก็ต้องจับความคิดเราได้เราก็อยู่กับความคิดเราได้ ไอ้นี่ความคิดก็อยู่ไม่ได้ มันเป็นนามธรรมที่อาศัยไม่ได้ มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไป แล้วมันก็เกิดจากจิตแต่จิตนี้อยู่ ผู้รู้ ผู้ผ่องใส ผู้เบิกบานอยู่ตลอดเพราะจิตนี้ไม่เคยตายๆ เราไม่ละเอียดพอ เราจะเข้าถึงใจเราไม่ได้ เราไม่ละเอียดพอ เราเข้าถึงสัมมาสมาธิไม่ได้ ไปอยู่ที่ความคิดเราคิดว่างๆ นู่นก็ว่างๆ เราฟังแล้วเบื่อ

ว่างๆ นะอวกาศมันดีกว่ามึงอีก ในตู้กูไม่มีของ มันก็ว่างแล้วในตู้ไม่มีอะไรเลย ในโอ่งในไหน้ำหมดมันก็ว่าง มันไม่เห็นบอกเลย เอ็งมาบอกว่างๆว่างๆ เอ็งโกหกตัวเอง เอ็งยังไม่รู้จักตัวเองอีกหรือ แต่เวลาคนที่มีความจริงอย่างหลวงปู่ฝั้นน่ะ จิตนี้ผ่องใส จิตนี้สว่างไสว โอ๋ย! มันมีความสุขมันมีรสมีชาติมันมีความจริง

เวลาทุกข์เวลายาก อู้ฮู! ทุกข์ยากมากเวลามันมีความสุขขึ้นมามันอยู่ไหนล่ะ

นี่ไง สิ่งที่สัมผัสธรรมได้คือหัวใจเท่านั้นแล้วเรามีกายกับใจๆ สิ่งที่เราทำเราขวนขวายของเรา เราตั้งสติของเราฝึกหัดของเราให้มันฉลาดขึ้น ให้ฉลาดขึ้น ฉลาดขึ้นคือฉลาดเท่าความคิดตัว ไม่ฉลาดที่ไหนหรอก ฉลาดขึ้นจะไปฉลาดชนะใคร ฉลาดเอาหัวใจเราไว้ไง รู้เท่าทันความคิดรู้เท่าทันหัวใจของเรา แล้วถ้ามันเห็นโทษของมัน มันก็ปล่อยวางเอง

ถ้ามันยังปล่อยวางไม่ได้เราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ให้มันเกาะไว้ๆ พอเห็นโทษ มันคายออก เหมือนกลอยเลย เขาจะต้มกินได้ต้องไปแช่น้ำให้มันคายพิษก่อน นี่หัวใจของเราให้มันคายกิเลสก่อนคายพิษก่อน เพื่อให้มันมีความสุขของเราไง แล้วเรารู้เท่ารู้ทันของเรา นี่ผู้ฉลาดฉลาดคือฉลาดชนะใจตัว ไม่ใช่ฉลาดชนะใครเลย ไอ้นั่นสร้างเวรสร้างกรรมทั้งนั้นน่ะ มีแต่ก่อเวรก่อกรรมกันแต่เวลาฉลาดฉลาดที่นี่ แล้วฉลาดที่นี่ ไม่ต้องไปทุกข์นะ “เราซื่อสัตย์อยู่คนเดียว คนอื่นเอารัดเอาเปรียบ” ไม่ต้องไปคิดหรอก มันสมบัติของเราไง

เราซื่อสัตย์ เราซื่อสัตย์ของเราเรามีปัญญาก็ปัญญาของเราเรามีความสุขก็ความสุขของเราใครจะอยากปรารถนาความสุขก็ต้องทำแบบเรา กลับมาหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ทำอย่างนี้เป็นพุทธานุสติเราจะเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดาของเรา แล้วมันเกิดขึ้นมาในกลางหัวใจพุทธะกลางหัวใจของเรา เราจะเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในใจของเราเอวัง