เทศน์เช้า วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะเนาะตั้งใจฟังธรรมฟังธรรมเพื่อหัวใจของเราไงให้มันอบอุ่นแช่มชื่นแจ่มใส ความแจ่มใสของมันมันแจ่มใสในหัวใจไง มันไม่ต้องอาศัยใดๆในโลกนี้เลย สิ่งที่อาศัยในโลกนี้ปัจจัยเครื่องอาศัยๆ ปัจจัยเครื่องอาศัยเพื่อดำรงชีวิตนี้เท่านั้น ถ้าดำรงชีวิตนี้ จิตใจกินธรรมะไง กินธรรมะ กินสัจธรรม กินสัจจะความจริง
สิ่งที่เป็นสมมติๆ กิเลสตัณหาความทะยานอยากสมุทัย สิ่งนี้จิตใจไม่ต้องการ แต่จิตใจนี้ต้องได้รับการฟื้นฟู ถ้าได้รับการฟื้นฟูจิตใจทำความสงบของใจเข้ามา พอใจสงบแล้วมันมีกำลังพอมีกำลังขึ้นมามันใช้สติปัญญาแก้ไขตัวมันเอง จะแก้ไขต่อต้านไอ้กิเลสตัณหาความทะยานอยากนี้
ถ้าจิตใจมันอ่อนแอเกินไปกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันครอบงำเวลามันครอบงำขึ้นมา เวลาความขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง ไอ้หลงตัวเองนี่สำคัญมาก มันหลงนะ มันหลงตัวมันเอง พอหลงตัวมันเองแล้วมันคิดว่าคนอื่นเชื่อมัน มันเที่ยวเสี้ยมเที่ยวปั่นหัวเขาไปทั่วไอ้กิเลสตัณหาความทะยานอยาก เวลามันปิดหัวใจของมันเพราะอะไรเพราะหัวใจมันอ่อนแอ หัวใจมันใช้ไม่ได้
ถ้าหัวใจของนักบวชนะหัวใจ เราทำความสงบของใจเข้ามา ใจมันเข้มแข็งขึ้นมา มันเข้มแข็งขึ้นมาได้เพราะอะไร เพราะจิตมันสงบ ถ้าจิตมันสงบ สงบได้เพราะอะไร จิตสงบเพราะกิเลสมันสงบตัวลงสงบตัวลงมันถึงมีกำลังขึ้นมา ถ้าจิตเราเข้มแข็งอย่างนี้
วันพระวันพระเรามาวัดมาวากัน ถ้าหัวใจมันต้องการธรรมะเป็นธรรมโอสถธรรมโอสถมันจะขวนขวายของมันคนที่มีสติมีปัญญาเขาจะขวนขวายของเขาเขาจะทำคุณงามความดีของเขาเขาไม่ไปกว้านเอาสิ่งเลวทรามมาในหัวใจหรอก สิ่งที่เลวทรามมันมีของมันอยู่แล้ว เขาจะสำรอก เขาจะคายมันออก
แต่ที่ไปกว้านมาๆ กว้านมาเพราะอะไรกว้านมาเพราะเหยียบย่ำเขาไงจะเอาชนะคะคานเขาไงเขาทำคุณงามความดีอยู่ จะเอากิเลสตัณหาความทะยานอยากไปเหยียบย่ำเขา แล้วเขาจะยอมรับได้อย่างไร
ความดีเป็นความดีไง นี่ไง สัจธรรมเป็นสัจธรรมไง ดีคือดี ชั่วคือชั่ว ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วทำดีต้องได้ดี ไอ้คนทำชั่วต้องได้ชั่ว เพราะมันทำชั่วอยู่โดยสัจจะความจริงอยู่แล้วแต่มันโดนกิเลสตัณหาความทะยานอยาก
วันพระถ้าวันพระ วันที่มีศีลมีธรรมนะเวลาคนมีศีลมีธรรม วันพระเขาไปจำศีลกันจำศีลเพื่ออะไรจำศีล เห็นไหมเวลาคนแก่คนเฒ่าขึ้นมา ไม้ใกล้ฝั่งๆ ไม้ใกล้ฝั่งเขาต้องการสมบัติของเขาสมบัติที่เรามาเสียสละทานเป็นอามิส สิ่งที่มีสติมีปัญญาขึ้นมา ในหัวใจเราแช่มชื่นขึ้นมา นั่นน่ะมันไปกับหัวใจของเรา
สิ่งที่เสียสละไปแล้วเป็นทิพย์ๆ เป็นทิพย์เพราะอะไร เป็นทิพย์เพราะว่าความลับไม่มีในโลก มันเป็นคนทำ มันเป็นคนเสียสละ มันเป็นคนกระทำ พอมันเสียสละ มันทำแล้วมันแช่มชื่นของมัน
ดูสิ จิตตคหบดี ฆราวาสเวลาเขาจะตายรถม้าจากสวรรค์มารับๆ เขาเห็นของเขาโดยสัจจะความจริงเลย นั่นเพราะอะไรล่ะ ถ้าเป็นอามิสๆ มันก็เป็นความมั่นใจของเขา ความมั่นใจของเขา
เวลาโลกเขาเจริญๆ ดูทางโลกเขา เวลาทางโลกเขาเวลาเขาแข่งขันกีฬา เขาแข่งกีฬาเขาสอนให้เด็กเขาสอนประชากรรู้จักแพ้รู้จักชนะ ถ้ารู้จักแพ้รู้จักชนะกีฬาๆ เป็นยาวิเศษ เป็นยาวิเศษเพราะอะไรมันพัฒนาหัวใจของคนไง ให้รู้จักแพ้รู้จักชนะรู้จักการให้อภัยกัน ถ้ารู้จักแพ้รู้จักชนะขึ้นมาสังคมก็ร่มเย็นเป็นสุขไง แต่ไอ้พวกที่คนพาลกีฬาแพ้ คนไม่แพ้
เขาสอนให้รู้จักแพ้รู้จักชนะ ถ้ามันรู้จักแพ้รู้จักชนะ มันต้องมีเหตุมีผลของมัน ถ้ารู้จักแพ้รู้จักชนะ แพ้ก็คือแพ้ แพ้ด้วยเหตุด้วยผล แพ้ด้วยพาลของเราไอ้พวกพาลมันแพ้ทั้งนั้นน่ะ
ธรรมะย่อมชนะอธรรมธรรมะมันย่อมชนะ ธรรมะย่อมชนะ ธรรมะคือความดี ความถูกต้องดีงามต้องชนะอธรรมๆ ความชั่ว ความชั่วชนะไม่ได้ ความชั่วมันต้องแพ้ภัยไปข้างหน้า มันแพ้ไปแน่นอนความชั่วมันจะชนะความดีได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้หรอก
แต่โลกด้วยมวลชน ด้วยอิทธิพล ความชั่วทำลายเขา ดูสิเวลาคนร้องเรียนขอความเป็นธรรมๆ เขาโดนกลั่นแกล้ง เขาโดนทำลายมาตลอด เขาโดนกลั่นแกล้ง เขาโดนทำลาย เขาไม่ได้ทำใครนะเขาอยู่ด้วยความสุขสงบของเขา
คนที่เป็นปัญญาชน คนที่เป็นบัณฑิตเขาอยู่ด้วยความสุขสงบของเขาเศรษฐกิจพอเพียงๆ ศาสตร์พระราชาเขาต้องการความสามัคคีต้องการการให้อภัยกัน เวลาที่เขารวบรวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนขึ้นมา เขาไม่ให้ขายตัดราคากัน ก็ขายด้วยกันราคามันก็คงที่ไอ้คนที่เห็นแก่ได้ๆ มันก็รีบไปขายก่อน ขายราคาต่ำกว่าศาสตร์พระราชาถ้าอย่างนั้นศาสตร์พระราชาอยู่ไม่ได้หรอก
ศาสตร์พระราชาเขารวมกลุ่มแล้ว เราทำร่วมกัน เราเห็นพ้องกัน เราทำสิ่งเดียวกัน แล้วใครจะมายุมาแหย่ ไอ้พ่อค้ามันจะมาซื้อสูงกว่าราคา ซื้อให้ราคามากเพื่ออะไร เพื่อให้แตกสามัคคี
นี่ไงเศรษฐกิจพอเพียงๆ ทำกสิกรรม ใครๆ ก็ทำเป็น แต่มันขาดความสามัคคี ขาดความร่วมไม้ร่วมมือต่อกัน ศาสตร์พระราชาๆ เขาให้มีความร่วมมือต่อกัน เรามีสัจจะทำร่วมกันเราไม่ให้ใครมายุมาแหย่ ไม่ให้ใครมาทำลายกลุ่มก้อนของเราให้เสียหาย มันอยู่ได้ทั้งนั้นน่ะมันอยู่ได้เพราะอะไร เพราะเขาทำลายเราไม่ได้
แต่ถ้าเขาทำลายได้ ถ้าบัณฑิต บัณฑิตเป็นอย่างนั้นน่ะแล้วไอ้พวกอิทธิพลก็เข้าไปยุไปแหย่ เขาจะไปทำลาย ทำลายทั้งนั้น แล้วทำลายด้วยหน้าชื่นหน้าตาบานนะจะมาช่วยเหลือจะมาอนุเคราะห์จะมาสงเคราะห์ให้ราคาดีๆ ไอ้คนโง่ก็ไปติดเหยื่อเขานะ นี่ความชั่ว เวลาความชั่วมันทำลายนะ มันทำลายมวลชนเขาเลย ทำลายชุมชนเขาเลย แต่มันยังว่ามันดีนะไอ้ความชั่วน่ะความชั่วมันต้องเป็นความชั่ว แต่ความดีต้องเป็นความดี
วันนี้วันพระ วันพระเป็นผู้ประเสริฐ ผู้ประเสริฐต้องมีศีล การมีศีลมีธรรม ถ้ามีศีลมีธรรม มันละเอียดกว่าทางโลก ทางโลกเขาผู้ที่เขากำหนดนโยบาย กีฬาๆเป็นยาวิเศษ เป็นยาวิเศษให้คนมีสุขภาพแข็งแรงเป็นยาวิเศษให้คนฝึกหัดจิตใจของเขาให้รู้จักแพ้รู้จักชนะ เด็กๆของเราให้รู้จักแพ้รู้จักชนะตั้งแต่เด็ก แต่ให้มีปัญญานะ เราแพ้ด้วยกิจกรรม เราไม่ได้แพ้ด้วยสติปัญญาของเราหรอก เรากลับไปฝึกฝนของเราเราไปฝึกร่างกายของเราเดี๋ยวเราก็แข่งขันกับเขาได้รู้จักแพ้รู้จักชนะเขาจะโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ด้วยคุณภาพ โตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ด้วยคุณภาพเป็นผู้ใหญ่ที่ดี นี่ทางโลกเขาพยายามฝึกฝนพยายามกระทำกัน
แล้วทางธรรมๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม เวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมา พุทธกิจ ๕ เช้าเล็งญาณเลย ใครมีอำนาจวาสนาอายุขัยเขาจะสั้นนะ ไปเอาคนนั้นก่อน เขามีวาสนาด้วยนะ ถ้าเขาไม่มีวาสนา พูดไม่รู้เรื่องหรอก
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วัดในสมัยพุทธกาลข้างวัดๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปโปรดข้างนอกหมดเลย ไอ้คนข้างวัดทำไมไม่สนใจ
ไม่สนใจเพราะมันไม่สนใจ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเดินผ่านไปผ่านมามันสนใจที่ไหนมันไม่สนใจเลยนี่ไง เวลาเล็งญาณๆ เขาต้องมีวาสนาด้วยวาสนาคือเขาสนใจ เขาอยากได้ เขาสนใจอยากได้ ก็เหมือนเรานี่แหละ หัวใจเราเวลาหัวใจเราที่เราสนใจ เราอยากได้ขึ้นมาเราเห็นคุณเห็นประโยชน์ของมัน เราจะแสวงหา
คนที่เขาไม่สนใจ ดูสิเวลาทางยุโรปเขาอุตส่าห์มาศึกษาแล้วเขาก็แสวงหา ตำราเขาก็มีของเขาเวลาเขาแสวงหาเขาต้องมาทางตะวันออก มาทางตะวันออกมาบวชพระ มาบวชพระวัฒนธรรมก็ต่างกัน เขาเคยกินแต่สเต็ก กินแต่อาหารทางยุโรปพอเขามาบวชแล้วเขามาอยู่บ้านนอก เขากินส้มตำ นี่เขายังขวนขวายมา
คนที่เขาขวนขวาย สิ่งใดที่เขาไม่ตรงกับวัฒนธรรมในความเป็นอยู่ของเขา แต่เขาเชื่อในหัวใจของเขา เขาก็ขวนขวายมาๆ เวลาเขาคุยกับเราเขาบอกเลยนะบอกว่าชาวพุทธเราเหมือนกบเฝ้ากอบัว กบเฝ้ากอบัวก็อยู่บนดอกบัวนั่นน่ะมันก็ไม่รู้จักทั้งนั้นน่ะ
นี่ก็เหมือนกัน ถ้าจิตใจมันไม่ต้องการ อยู่ติดกัน อยู่ใกล้กันมันก็ไม่รับรู้ มันรับรู้ไม่ได้ หัวใจมันดื้อด้าน แต่คนที่เขาเปิดหัวใจของเขาหัวใจเขาศึกษาของเขา เขาต้องการของเขาเขาแสวงหาของเขา แสวงหาของเขา เขากระทำของเขา ไอ้คนมันอยู่ด้วยกันเขาว่ากบเฝ้ากอบัวนะ
แต่ถ้ามันมาบวชเป็นพระมันเลวร้ายกว่านั้น มันทำลายยิ่งกว่านั้นนะ เวลาพระนะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไอ้พวกทุศีลนะเวลามันฉันภัตตาหาร มันเหมือนกับกินถ่านแดงๆ เข้าไปในคอมันน่ะ ตกเข้าไปในคอ ถ่านแดงๆ เข้าไปเผาไหม้หมด แต่ในสภาวะเป็นพระเป็นไหม ไม่เห็นเป็นเลย อร่อยดีกินอิ่มนอนอุ่น
นั่นน่ะเพราะอะไรสถานะความเป็นมนุษย์ไง เดี๋ยวตายไปเอ็งก็รู้ เอ็งได้สร้างเวรสร้างกรรมไว้เดี๋ยวก็รู้ขอให้มันตายไปเถอะ เวรกรรมมันให้ผลทั้งนั้นน่ะ แต่ตอนนี้อวดเก่งอวดรู้ อวดรู้เอาตัวรอดไม่ได้เอาตัวรอดไม่ได้หรอก
ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว มันเป็นสัจธรรม มันเป็นสัจจะ ดีต้องดี ชั่วต้องชั่ว ดีเป็นชั่วไม่มี ชั่วเป็นดีก็ไม่ได้เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้ามันเป็นจริงทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เราต้องมีสติตั้งแต่ตอนนี้ไง ถ้ามีสติตั้งแต่ตอนนี้มันต้องคัดแยก อะไรที่มันชั่วร้าย เราไม่เอา เราไม่ทำเราพยายามหลบหลีกมันเราจะทำคุณงามความดีของเราๆ ถ้าคุณงามความดีของเรา
เวลาหลวงตาท่านสอนไง ใครจะดีจะชั่วเรื่องของเขา เราจะทำความดีว่ะ
ไอ้ความชั่ว ไอ้คนชั่วมันก็เลยเหยียบย่ำเลย มันทนไม่ได้มันทนความชั่วผมไม่ได้ ผมทิ่มแม่งทุกวัน มันเลยทนผมไม่ได้
นั่นคิดไปนั่น โอ้โฮ! มันจะเอาความชั่วเป็นความดีไง
พอหลวงตาท่านพูดไงหลวงตาท่านเน้นย้ำบ่อย ใครจะดีจะชั่วเรื่องของเขา เราจะทำคุณงามความดีกันว่ะ เราจะทำคุณงามความดีกันไอ้นั่นมันก็เลยทำชั่วเหยียบย่ำเขา พอบอกว่ามันทนผมไม่ได้มันทนความชั่วไม่ได้ แล้วเอ็งมีสิทธิอะไรไปทำเขาล่ะเอ็งมีสิทธิอะไร มันผิดกฎหมายนะผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม ผิดทั้งนั้นเลย แล้วเอ็งมีสิทธิอะไร
เขาก็มีสิทธิ์ในความเป็นตัวตนของเขา แต่นี่ธรรมะของหลวงตาท่านธรรมะของหลวงตาท่านเข้มแข็งของท่าน แล้วท่านจะพัฒนาแพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร ไอ้คนที่แพ้ที่เขาเป็นพระเป็นพระในหัวใจแต่พระมันโดนทิ่มโดนแทงทุกวันมันก็ทนไม่ไหวนะ มันไม่ใช่พระอิฐพระปูนมันพระมีชีวิตพระมีชีวิตเขามีความรู้สึกทั้งนั้นน่ะ
ความดีก็คือความดี ความชั่วก็คือความชั่วความชั่วมันเห็นๆ อยู่ มันจะเป็นความดีได้อย่างไร แต่ไอ้ชั่วๆ มันยังทำอยู่นั่นน่ะ
ฉะนั้น พูดถึงถ้าวันพระแล้วเราปฏิบัติของเรา ศีลธรรม คำว่า ศีล ๕ ศีล ๘ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ เวลาศีลในศีลอธิศีล ดูสิ เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านประพฤติปฏิบัติถึงที่สุดแห่งทุกข์สติวินัย มันเป็นสติพร้อม มันคิดออกมาอย่างนั้นไม่ได้หรอก ไอ้นี่มันคิดออกมามันชั่วออกมาแล้ว แล้วเวลายิ่งการกระทำตั้งแต่คิดออกมาแล้วการกระทำมันร้อยแปดของมัน ดูสิ คนที่ด้อยวุฒิภาวะ แต่มันว่ามันถูกต้องนะ
แต่คนที่มีสติปัญญา ครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติแล้ว สติวินัย มันตั้งแต่ขยับนู่นน่ะสอุปาทิเสสนิพพาน ความรู้สึกนึกคิดเป็นขันธ์ ๕แล้วขันธ์ ๕ สิ่งที่ออกมา ถ้ามันเป็นธรรมในหัวใจแล้วออกมามันจะเป็นชั่วได้อย่างไร
แต่ถ้าข้างในมันอวิชชา มันมีพญามารทั้งนั้นน่ะ ออกมามันก็ออกมาขันธ์ ๕ นี่แหละ แล้วขันธ์ ๕ก็ไปทำลายเขาทำลายเขาตลอดๆ แล้วมันทำลายเขาแล้วใครเสียหายล่ะก็ตัวเองเสียหาย
กรรมคือการกระทำนะพระพุทธศาสนาสอนให้เชื่อกรรมเชื่อกรรม เราทำเอง ทำดีทำชั่วแล้วทำชั่วมันจะดีได้อย่างไรล่ะถ้าทำดีมันต้องได้ดีสิ เวลาทำดีทำดีจะไปทำอยู่ในเหว ไปทำอยู่ในที่ลับที่ไหน ดีมันก็คือดี
หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านอยู่ในป่าในเขาของท่าน ท่านไม่ปรารถนาอะไรทั้งสิ้นเลย ท่านปรารถนาคุณธรรมเท่านั้นแล้วชีวิตมันเป็นแบบอย่าง ทำเป็นแบบอย่างเป็นแบบอย่างให้ลูกศิษย์ลูกหาได้เป็นที่ยึดเหนี่ยว ถ้าเป็นแบบอย่าง แล้วจะมีอะไรเป็นคุณค่าไปกว่านั้นน่ะ
ทำดีในป่าในเขา ทำดีของท่าน ไม่ต้องมีสังคม ไม่ต้องโฆษณาชวนเชื่อไม่ต้องให้ใครรู้จักเลย แต่เรื่องคุณงามความดี กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรม กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมมันไปกับปากต่อปาก พอปากต่อปาก มันไป ทุกคนเชื่อถือศรัทธาทั้งนั้นน่ะ ความเชื่อความศรัทธาก็เป็นความเชื่อของเขา ความเชื่อถือศรัทธาของเขา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านก็ไม่เหิมเกริม ไม่ลอยลมไปกับเขา ความเชื่อของเขามันอยู่ข้างนอก
ดูสิ เราเชื่อในพระพุทธพระธรรม พระสงฆ์ เราทุกข์ไหมเราเชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์หัวใจเราก็ทุกข์นะเราเชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้วเราต้องปฏิบัติตามนั้นด้วย ศีล ๕ ศีล ๘ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ศีลก็ต้องซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อศีล มันถึงเป็นสุภาพบุรุษไง
ศีลก็แขวนไว้นู่น ตัวเองเป็นศูนย์ เที่ยวระรานเขามันจะมีศีลได้อย่างไร มันทุศีลทั้งนั้นน่ะเวลามันทุศีลแล้วมันจะเอาความร่มเย็นมาจากไหน ไม่มีความร่มเย็น ตัวเองร้อน ร้อนแล้วก็ไปป้ายสีคนอื่นให้ร้อนไปหมดเลย คนอื่นเขาเดือดร้อนเพราะเอ็งนั่นน่ะ เดือดร้อนกันมาก
เขามาวัดมาวาก็เพื่อความร่มเย็นเป็นสุข เขาไม่ต้องการความเดือดร้อน ถ้าเดือดร้อนมันก็อยู่ในหัวอกสิ เผาหัวอกให้ระเบิดไปเลย ไอ้นี่พอมันมีปัญหาแล้วเที่ยวไปเสียดสีคนอื่นเขา แล้วคนอื่นเดือดร้อนไปทั้งหมดเลย แล้วยังว่าตัวเองดี ตัวเองถูกอยู่ มันจะถูกได้อย่างไร
ถ้าเป็นจริงๆ มันเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโกนะ ถ้ามันสงบร่มเย็น มันสงบร่มเย็นมาจากหัวใจนี้ ถ้าสงบร่มเย็นจากหัวใจนี้ มันอยู่ที่ไหนก็ได้ เวลาครูบาอาจารย์ท่านพูดนะ ขออยู่องค์เดียวสงบที่สุด ขออยู่องค์เดียวสุขที่สุด
ความสุขคือความอยู่คนเดียว ความสุขคือความสงบสงัดในหัวใจนั้นนั่นน่ะคือความสุข แต่ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ ธรรมทายาท ธรรมทายาทมันก็ต้องเผยแผ่ ต้องให้คุณประโยชน์นะ
เวลาครูบาอาจารย์ของเรา เวลาท่านเกิดมา เกิดมาจากธรรมเวลาหลวงตาท่านบรรลุธรรมพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์รวมลงในหัวใจของท่าน กราบแล้วกราบเล่ากราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันกราบแล้วกราบเล่า กราบจากหัวใจอันนั้นไงเพราะหัวใจอันนั้นได้สัมผัสอันนั้น
วันพระ ผู้ประเสริฐในหัวใจแต่ผู้ประเสริฐในหัวใจของครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติถึงที่สุดแห่งทุกข์ของเรา เราก็มีแบบอย่าง เราเกิดมาเรายังเห็น ดูสิเวลาหลวงตาท่านบอกว่า เวลาหลวงปู่มั่นท่านมาที่วัดเจดีย์หลวงท่านแอบดูอยู่ในห้อง
เรียนไปเป็นมหา ความเรียนมามันศึกษาถึงประวัติของพระพุทธเจ้าประวัติของพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาล แล้วมันก็เป็นประวัติใช่ไหม มันเป็นความเชื่อในวัฒนธรรมของชาวพุทธใช่ไหมเวลาหลวงปู่มั่นท่านมา ไปแอบดูในห้อง รอยแตก
พอได้เห็นหลวงปู่มั่น เกิดมาชาตินี้ไม่เสียชาติเกิด ได้เห็นพระอรหันต์ เพราะหลวงปู่มั่นใครๆก็เชื่อว่าเป็นพระอรหันต์ ท่านได้เห็นของท่านท่านปลื้มใจของท่าน นี่ท่านปลื้มใจของท่าน
นี่ก็เหมือนกัน เรามีครูมีอาจารย์เป็นแบบอย่าง เรามีครูบาอาจารย์อยู่นะ พระอรหันต์ที่มีชีวิตอยู่ เราได้สัมผัสเราได้จับต้อง แล้วทำไมมันเป็นที่ยึดเหนี่ยวของเราไม่ได้ ทำไมมันเป็นแบบอย่างของเราไม่ได้ ทำไมหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านไม่มีแบบอย่าง ท่านยังขวนขวายของท่าน ท่านทำจนประสบความสำเร็จของท่าน
เรามีตัวอย่าง มีแบบอย่าง แล้วครูบาอาจารย์ตัวเป็นๆเลยล่ะ ธรรมะสดๆ ร้อนๆ เลยล่ะ แต่ทำไมเราชั่วร้ายได้ขนาดนี้ ทำไมใจเรามันชั่วร้ายทำลายตัวเองตลอด ครูบาอาจารย์ท่านเป็นแบบอย่างๆทำตามนั้นสิ นี่ดีแต่ปาก แต่พฤติกรรมมันเลวร้าย มันถึงไม่ประเสริฐไงถ้าประเสริฐมันต้องประเสริฐในหัวใจของเรา
วันพระวันพระผู้ประเสริฐประเสริฐที่นี่ แล้วถ้าทำหัวใจเราให้ประเสริฐนะเกิดมามันเป็นสมบัติของเราเป็นปัจจัตตังเป็นสันทิฏฐิโกมันเป็นสมบัติของเรานะ
หัวใจมันปฏิสนธิจิตเกิดมาเป็นเราแล้วถึงได้รู้ แล้วเวลามีสติปัญญาขึ้นมา เราก็พัฒนาหัวใจเราขึ้นมาหัวใจก็มีสติปัญญาขึ้นมาเกิดมรรคเกิดผลขึ้นมา นี่เป็นสมบัติของเรานะหัวใจถึงมีค่าชีวิตนี้มีค่า มีค่าที่นี่ ไม่ใช่มีค่าที่เที่ยวทิ่มเที่ยวแทงเขา ให้คนยกย่องสรรเสริญ ให้คนยอมจำนนกับตนไม่มี
มันต้องเป็นความดี ความดีที่ทำมาแล้วแล้วทุกคนเห็นความดีของเราทุกคนยอมจำนนกับความดีของเรา ทุกคนก้มให้แก่ความดีของเราเอวัง