เทศน์พระ

ไม่มีสาระ

๕ ต.ค. ๒๕๖o

 

ไม่มีสาระ
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์พระ วันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมเพราะวันนี้วันมหาปวารณา เขาจะมาปวารณาต่อกันไง เวลาปวารณาต่อกันเห็นไหม สงฆ์เขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เขาจะปวารณาต่อกัน สงฆ์ถ้าแตกเป็นฝักเป็นฝ่ายเห็นไหม การปวารณากันๆ แล้วไม่ลงใจกัน ความไม่ลงใจกันเห็นไหม เวลา อุโบสถสามัคคี สามัคคีธรรม ความสามัคคีธรรมนะ ในพุทธศาสนาเรื่องฉันทามติจะต้องเห็นพร้อมกันหมดเป็นฉันทามติ เวลาสาธุๆ พร้อมกัน แต่โดยมารยาทสังคมมารยาทโดยธรรมเห็นไหม โดยธรรมผู้ที่ไม่เห็นด้วยก็สาธุไปตามนั้น ไปตามนั้นเพราะอะไร เพราะเราเป็นเสียงข้างน้อย เป็นผู้ยอมความจำนน นั่นเป็นความเห็นของเขา ความเห็นของเขาเพราะอะไร เพราะมันเป็นทิฐิมานะในหัวใจ ถ้าเป็นทิฐิมานะในหัวใจ สิ่งใดที่เห็นว่าชอบในความยึดทิฐิมานะอันนั้น ก็เห็นว่าอันนั้นเป็นความชอบ 

แต่ถ้าเป็นความจริงๆ ความจริงไม่ใช่เป็นความชอบ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมเองโดยชอบ ความชอบธรรมในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือความชอบธรรมโดยข้อเท็จจริง ความชอบธรรมคือเหตุและผล ไม่ใช่ความชอบใจ ความชอบใจๆ คือว่าเสียงข้างน้อยเป็นความชอบใจของเรา ความชอบใจของเราว่าเป็นความเห็นของเราไง ความเห็นของเราเพราะวุฒิภาวะของเราแค่นั้นไง เป็นบุคคลไร้ราก ไม่มีรากเหง้า ต้นไม้ไร้ราก ต้นไม้ไร้รากเห็นไหม ยืนต้นไว้ไม่ได้หรอกเดี๋ยวก็ล้ม ดูสิ พืชไม่มีรากเห็นไหม เวลาในหลวงท่านทำ หญ้าแฝกๆ หญ้าแฝกเห็นไหม เพราะรากมันลึก รากมันยึดแผ่นดินไว้ดี เขาพยายามไปปลูกตามริมน้ำเพื่อไม่ให้ตลิ่งมันพัง ให้มันเป็นคุณประโยชน์เห็นไหม หญ้าแฝกๆ เวลาเขาปลูก เขาปลูกของเขาเพื่อประโยชน์ของเขา เพราะมันมีราก

คนมีรากมีเหง้านะ มันมาจากความรู้สึกจากภายใน คนที่ไร้ราก คนที่ไร้รากเขาเรียกขยะสังคม มันเป็นขยะ ดูสิ เวลาความเห็นของเราเห็นไหม เขาว่าขันธ์ ๕ เป็นขยะ ถังขยะ มันอยู่ในถังขยะๆ เพราะมันไม่เป็นธรรม ถ้าเป็นธรรมมันต้องมีเหตุมีผลของมัน ถ้ามีเหตุมีผลของมัน เป็นความจริงของมันนะ มันมีอุดมการณ์ คนที่มีอุดมการณ์ มีจุดยืน มีเป้าหมาย เขามีรากมีเหง้าของเขา ถ้าเขามีรากมีเหง้าของเขา ไม่ใช่คนไร้ราก 

คนไร้รากนี่เลื่อนลอย เอาแต่อารมณ์ความรู้สึกของตน แล้วความรู้สึกของตนนั้นเทียบเคียงอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเป็นคนที่มีรากเหง้ามันเป็นประโยชน์ แม้แต่ดูสิ สิ่งที่เป็นพืชไร่เห็นไหม เขามีรากมีเหง้า อย่างเช่นยางพาราๆ เขาปลูกยางพาราเห็นไหม มันไม่มีรากแก้ว เวลาคลื่นลมแรง น้ำท่วมนี่มันยึดไว้ไม่ได้ ระเนระนาดหมด เวลาลมพายุเกิดขึ้นไปหมดเลย แต่ถ้ามีรากเห็นไหม ดูสิ ต้นไม้ที่มีรากมั่นคงของเขา เจอพายุลมแรงขนาดไหนมันต้านทานอยู่ได้ นั่นเพราะมันมีรากของมัน มันรักษาตัวของมัน มันมีอุดมการณ์ของมัน มันมีจุดยืนของมัน สิ่งที่ไร้รากเห็นไหมไม่เป็นประโยชน์กับใคร 

นี้ถ้าเป็นมนุษย์ล่ะ มนุษย์ เห็นไหม ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย การสร้างอุดมการณ์อย่างนั้นมา ความสร้างอุดมการณ์อย่างนั้นมา สิ่งที่ดีงามเห็นไหม พวกเราที่ทำกันๆ อยู่นี่ สร้างคุณงามความดีๆ ผู้ที่เห็นภัยในวัฏฏะบวชเป็นพระ บวชเป็นพระขึ้นมาก็อยากจะพ้นจากทุกข์ ถ้าอยากจะพ้นจากทุกข์ สิ่งที่ธรรมะขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ายังเข้าใจไม่ได้ยังไม่เห็นคุณประโยชน์เลย เห็นประโยชน์แต่กิเลสตัณหาความทะยานอยากของตน 

ถ้ากิเลสมันท่วมท้น กิเลสมันล้นหัวใจ ดีๆ สุดยอดๆ สุดยอดด้วยกิเลสทั้งนั้น ไม่มีสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอัน มีแต่ความเห็นของตน แล้วความเห็นของตนมีอำนาจบาตรใหญ่ บาตรใหญ่มาก บาตรของเราใหญ่กว่าลูกบาตรของคนอื่น บาตรคนอื่นเล็กน้อย ถ้าเป็นความคิดความเห็นของคนอื่นเห็นไหม การกระทำของคนอื่นไร้สาระ แต่ถ้าเป็นของเราอำนาจบาตรใหญ่ โอ้โห บาตรมันลูกโตกว่าเขา บรรจุอาหารก็เยอะกว่าเขา ทำความดีก็มากกว่าเขา โอ้ เพราะบาตรใหญ่ นี่มีอำนาจบาตรใหญ่ บาตรใหญ่ด้วยทิฐิมานะไง

หลวงปู่มั่น หลวงตา ท่านพูดประจำ ถ้าพูดถึงทางธรรมเป็นเศรษฐี เป็นท่านอาจารย์ใหญ่ สุดยอดของความเคารพบูชาของสามโลกธาตุ แต่เวลาหลวงตาท่านอยู่ด้วยท่านเป็นผู้อุปัฏฐากเอง ท่านบอกว่าถ้าเป็นทางโลกๆ คนสิ้นไร้ไม้ตอกเลย ไม่มีสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอันเลย ทางโลกๆ นะเศษคน เวลาทางโลก หลวงปู่มั่นนะในสายตา หลวงตาท่านพูดถ้าทางโลกเขามองนะเศษคนเลย เศษคนนี่ไร้สาระเลย ไม่เห็นมีอำนาจบาตรใหญ่ เป็นเศษคนเลย ทำตัวเป็นตัวอย่าง เป็นผู้นำที่ดี เป็นผู้มักน้อยสันโดษ ของสิ่งใดมาให้ลูกศิษย์ก่อน 

สงครามโลกๆ ผ้าผ่อนไม่มีเห็นไหม ได้มาให้ลูกศิษย์ทั้งนั้น จนหลวงตาท่านทนไม่ได้นะ แล้วของท่านอาจารย์เอาไหน ไม่เป็นไร หัวหน้าไม่เป็นไร หัวหน้าเดี๋ยวมันหาได้ทั้งนั้น ให้พระเล็กพระน้อยไว้ก่อน นั่น นั่นคนที่มีคุณธรรม ไม่เห็นมีอำนาจบาตรใหญ่ตรงไหนเลย เวลาคุณธรรมในหัวใจเศรษฐีธรรม เทศน์ทีไรสิ้นกิเลสทั้งนั้น เวลาหลวงปู่มั่นท่านบอก หลวงตาท่านพูดเห็นไหม หลวงปู่มั่นท่านเทศน์เลย สิ้นสุดแห่งทุกข์ทุกกัณฑ์เลย แต่มันไม่ถึงใจ ไม่ถึงต้องไขก๊อกไง ไขก๊อกคือไปถามปัญหาธรรม ถามให้มันผิดๆ ถูกๆ นั่นน่ะ คำว่าผิดๆ ถูกๆ ก็ถามเพื่อไปเฉียดธรรมะของท่าน ไปไขก๊อกไง ไขก๊อกไขหัวใจอันนั้นออกมาไง ถ้าไขหัวใจนั้นออกมา โอ้โห เทศน์กัณฑ์นั้นมันดูดดื่ม มันแทงใจ มันถึงอกถึงใจ 

นี่ไง เวลาคุณธรรมแสดงออกมาเห็นไหม ครูบาอาจารย์ที่ไปอยู่กับหลวงปู่มั่นก็ยอดคนทั้งนั้น ยอดคนคือคนที่แสวงหาทางออกทั้งนั้น แล้วแสวงหาทางออกก็หาครูบาอาจารย์ที่เลอเลิศทั้งนั้น ถ้าครูบาอาจารย์ที่ไม่มีคุณธรรมจะมาสั่งสอนเราได้ยังไง ครูบาอาจารย์ที่ไม่มีคุณธรรมสั่งสอนเราไม่ได้ แล้วสั่งสอนเราไม่ได้ คนที่มีคุณธรรมๆ มันคืออะไรล่ะ คุณธรรมคือธรรมในหัวใจอันนั้นที่มันแสดงออกมา แสดงออกมาด้วยความเสมอภาค แสดงออกมาด้วยความเมตตา แสดงออกมาด้วยความอบอุ่น ไม่ได้แสดงออกมาด้วยอำนาจบาตรใหญ่ จะย่ำเขาไปทั่ว จะไปย่ำใคร ย่ำไม่ได้หรอก หัวใจนั้นมันทุเรศ ไร้สาระ คนไร้สาระ ขยะสังคม ไม่มีประโยชน์ 

แต่คนที่เป็นคุณงามความดีเห็นไหม เขาสร้างแต่ประโยชน์ของเขา จะอยู่ในหมู่สงฆ์ อยู่ในหมู่คณะ เขาก็ทำตัวของเขาไม่ให้เป็นภาระใคร คำว่าเป็นภาระเขานะ แม้แต่ข้อวัตรปฏิบัติขึ้นมา ที่ใช้สอยกันอยู่นี่ เวลาใครมาเห็นไหม โอ้โห ที่นี่ทำไมมันสะอาด ที่นี่มันสะอาด สะอาดมาจากอะไร สะอาดมาจากข้อวัตร ข้อวัตรคืออะไร นี่กิจของสงฆ์ กิจของสงฆ์ กิจ ๑๐ อย่างของสงฆ์ สงฆ์ผู้ที่ไม่ใช่วัตรร้าง เป็นคนไม่ใช่คนไร้สาระ เป็นคนที่มีสาระ สาระแก่นสาร ที่ลงให้ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

ข้อวัตรปฏิบัตินี้เป็นธรรมและวินัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สั่งสอนไว้ ได้วางไว้ให้ศากยบุตรพุทธชิโนรสเป็นผู้ดำเนินชีวิต ดำเนินตามนั้น ถ้าเราเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราทำด้วยความชื่นอกชื่นใจนะ ถือธรรมมาแล้วเป็นสาธารณสมบัติ สิ่งที่ทำมาแล้ว ข้อวัตรปฏิบัติในวัดเป็นที่สาธารณะ แต่ผู้ที่ได้ใช้สอยคือบริษัท ๔ อุบาสก อุบาสิกา เห็นไหม ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ได้ใช้สอยอย่างนั้น ใครที่ได้มาใช้สอยอย่างนั้น เขาเห็นแล้ว นี่ไง นี่เป็นคุณงามความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วสองพันกว่าปี สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สั่งสอนไว้ ยังมีผู้ที่กระทำตาม ศากยบุตรบุตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงธรรมทรงวินัย ยังได้ทำข้อวัตรข้อปฏิบัติสิ่งนี้มา สิ่งนี้มาเพื่ออะไร ทำสิ่งนี้มาเพื่อไปให้กระเทือนกิเลสในใจของตน ในใจกิเลสของตน กิเลสมันขี้เกียจขี้คร้านทั้งนั้น กิเลสนี่มันมีอำนาจบาตรใหญ่ มันครอบงำหัวใจของสัตว์โลก เป็นคนที่ไร้สาระ คนที่ไร้สาระแล้วกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันถือว่ามันมีสาระ สาระในความมีอำนาจบาตรใหญ่ อำนาจอย่างนั้นมันอำนาจของกิเลสตัณหาความทะยานอยากครอบงำหัวใจ

แต่ผู้ที่มีคุณธรรมในหัวใจ เขาลงให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาหลวงตาท่านบรรลุธรรมๆ พุทธ ธรรม สงฆ์ รวมลงอยู่ที่ใจ พุทธ ธรรม สงฆ์ รวมลงที่ใจ ที่ใจนั้นก้มลงกราบด้วยหัวใจ กราบด้วยความระลึกถึง กราบด้วยความนอบน้อม กราบด้วยความอบอุ่น กราบด้วยความมีจุดยืน แล้วทำข้อวัตรอย่างนั้นเพื่อบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

การบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เขาเป็นคนที่มีสาระขึ้นมา มีราก รากเหง้าของพุทธศาสนา รากเหง้าของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มันฝังลงไปในหัวใจนั้น ในหัวใจนั้นมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สถิตอยู่กลางหัวใจดวงนั้น เขาเป็นคนที่มีรากเหง้า เป็นศากยบุตร มีรากมีแก่นมีสาร มันเป็นประโยชน์กับใจของเขา ใจของเขาเป็นที่อบอุ่นเพราะว่าเขามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่ในหัวใจของเขา เวลาเขาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เวลาหลวงตาท่านสิ้นกิเลสเห็นไหม พุทธ ธรรม สงฆ์ รวมลงที่ใจ พุทธ ธรรม สงฆ์ รวมเป็นหนึ่งเดียวในหัวใจ พุทธะสว่างไสวกลางหัวใจนั้น รากเหง้าที่ฝังลงในหัวใจนั้นไง ในวัฏฏะ นี่ไง เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะๆ มีรากเหง้า มีที่มาที่ไปทั้งนั้น ไม่ใช่คนไร้ราก

ไร้รากไร้สาระ ไร้สาระไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่อ้างธรรมะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปจับผิดคนอื่น ไปจับผิดๆ ไปจับผิด จับผิดได้ยังไง มีสิทธิอะไร ใครขอนิสัยเอ็ง ใครอยู่ในอำนาจของเอ็ง เอ็งมีอำนาจอะไร เอ็งมีอำนาจอะไรเข้ามาบงการพระ ใครมีสิทธิในพระ พระเทวทัตขอปกครองสงฆ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ให้ พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังบอกว่าไม่ให้ แม้แต่พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ เรายังไม่ให้ปกครองสงฆ์ ไอ้เทวทัตมึงมีอะไรจะมาขอ เทวทัตมีสิทธิอะไร ไม่มีสิทธิ์ 

แม้แต่สงฆ์ สงฆ์ปกครองสงฆ์ สงฆ์ก็ต้องเป็นสงฆ์เสมอกัน ศีลเสมอกัน ทิฐิเสมอกัน ความเห็นเสมอกัน ความเป็นอยู่เสมอกัน ความคิดความเห็นเห็นไหม นี่สัปปายะ ๔ หมู่คณะเป็นสัปปายะ ความเป็นสัปปายะมันมีเป้าหมายเหมือนกัน เป้าหมายของเราคือศีล สมาธิปัญญา เป้าหมายของเราคือมรรคผลนิพพาน เป้าหมายของเราคือการฝึกฝนอันนั้น ถ้ามันมีเป้าหมายอันนั้นแล้วมันมีอะไรเป็นสิ่งกีดขวาง สิ่งที่กีดขวางมันมีอะไร 

เวลาสังคมปฏิบัติเห็นไหม เช้าขึ้นมาทำภัตกิจเสร็จแล้วต่างคนต่างเข้าที่ของตน ต่างคนต่างภาวนาของตน เวลาสิ่งที่จะเป็นหน้าที่การงานเขาทำตอนทำข้อวัตร ทำข้อวัตรทำเสร็จแล้วต่างคนต่างเข้าสู่ที่ของตน ต่างคนต่างอยู่ที่ของตน ผู้ที่จะประพฤติปฏิบัติขึ้นมาเขาต้องการความสงบความระงับ เขาไม่ต้องการให้ใครเข้ามาคุยด้วย ใครเข้ามาวุ่นวาย ไม่มีทาง อยู่บ้านตาดจะเดินผ่านร้านของใครต้องขออนุญาต ต้องขออนุญาต เป็นสิทธิ์ เป็นสิทธิ์ของผู้ที่อยู่ที่นั่น ผู้ที่เขาอยู่ในกุฏิใดในร้านใดบริเวณโดยรอบนั้นเป็นสิทธิของเขา จะเดินผ่านเข้าไปต้องขออนุญาต ไม่มีสิทธิ์เดินผ่านเข้าไป เพราะอะไร เพราะมันเป็นสังคมปฏิบัติ ไม่ใช่สังคมของคนไร้ราก

สังคมที่เห็นแก่ตัว ถืออำนาจบาตรใหญ่ ไม่มีบาตรก็ไปเที่ยวเอาบาตรของคนอื่นมาทุบรวมเป็นบาตรของตัว บาตรของใครก็บาตรของมันเห็นไหม นี่ปัตโต บาตรของเธอเหรอ อามะภันเต สังฆาฏิของเธอเหรอ ทุกอย่างเป็นสมบัติของส่วนบุคคล ไม่มีใครสามารถไปเอาบาตรของใครมารวมเป็นบาตรของเราได้ ไม่มีสิทธิ์ ความดีของเราก็เป็นความดีของเรา ความดีของเขาก็เป็นความดีของเขา ความดีของใครก็เป็นความดีของคนคนนั้น แล้วเวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา สมาธิของใครก็เป็นสมาธิของคนคนนั้น สติปัญญาของใครก็เป็นสติปัญญาของคนคนนั้น 

คนที่ไม่มีสติไม่มีปัญญาเลย เห็นไหม มีแต่ความพาล ความพาลประจำหัวใจ เที่ยวระรานเขาไปทั่ว ระรานเขาไปแล้วได้ประโยชน์อะไร ระรานไปแล้วคิดว่าคนอื่นเขาจะยอมรับเหรอ มันเป็นไปไม่ได้หรอก กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมมันหอมทวนลม ความดีเท่านั้น ความดีของคน คนยอมรับความดีต่อกัน เห็นไหม คู่อาฆาตต่อกัน แต่คนคนหนึ่งเขาทำแต่คุณงามความดีๆ คู่อาฆาตนั้นยังยอมจำนนกับคุณงามความดีอันนั้นเลย ถึงจะอาฆาตมาดร้ายเขา แต่เขาก็ทำคุณงามความดีเพื่อคุณงามความดีของเขา เราจะยอมจำนนกับความดีของเขานะ ยอมรับว่าคุณงามความดีของเขา ไม่ใช่ยอมรับเพราะโทษของเขา ไม่ใช่ยอมรับเพราะอำนาจบาตรใหญ่ที่เขาจะครอบงำ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้หรอก 

ทุกคนหัวใจเหมือนกัน ใจของคนเหมือนกัน ปรารถนาความสุขเกลียดความทุกข์เหมือนกัน ปรารถนาความจริงเกลียดไอ้พวกมารยาสาไถยเหมือนกัน ปรารถนาคุณธรรม เกลียดกิเลสตัณหาความทะยานอยาก เกลียดการปลิ้นปล้อนหลอกลวงของสัตว์โลก เกลียดทั้งนั้น ไม่มีใครหรอกที่ยอมจำนนกับความพาลชน ไม่มีใครยอมจำนนหรอก เขาจะยอมจำนนกับคุณงามความดี แม้แต่เด็กน้อยทำคุณงามความดี ผู้ใหญ่ยังให้รางวัล ผู้ใหญ่ยังเคารพนบนอบ 

ความดีเท่านั้นมันถึงชนะ ชนะเห็นไหม ชนะความเลวร้ายทั้งหมด ธรรมะย่อมชนะทั้งปวงทั้งหมด ธรรมะย่อมชนะหมด สัจธรรมความจริงชนะหมด ความจอมปลอมชนะไม่ได้ หน้าไหว้หลังหลอกไม่ได้หรอก อยู่ไม่ได้ เวลามันพิสูจน์ทั้งนั้น มันเป็นไปไม่ได้ ไม่มีหรอก อธรรมครองโลกไม่มี ไม่มี ธรรมะเท่านั้นครองโลก แต่ก็ไม่ครองด้วย โลกเป็นเรื่องของโลก เขาจะครองคุณธรรมในใจของตน เห็นไหม ถ้ามันจะครองคุณธรรมในใจของตน ศีล สมาธิ ปัญญา ศีลก็คือศีล ศีลคือความปกติ 

ไอ้ความปลิ้นปล้อนคนพูดรู้ คนพูดมันรู้ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เราโกหกเรารู้ เราไม่ได้ทำบอกว่าทำ เราก็รู้ เราทำมาทั้งกับมือเลย ทำแล้วเขายังแอบไว้เลยเห็นไหม ในหลวงสอนไว้ปิดทองหลังพระๆ ดูสิ เวลาหลวงตาท่านเดินจงกรมภาวนา ไม่ให้ใครเห็น บอกเสียความขลัง เดินจงกรมใครเห็นไม่ได้ สี่ทุ่มเขาขึ้นนอนแล้ว ท่านถึงลงเดินทางจงกรม ความดีที่ครูบาอาจารย์ทำท่านแอบทำข้างหลังนะ ปิดทองหลังพระทั้งนั้น ไอ้พวกปิดทองหลังพระมีโอกาสเป็นคนดี มีโอกาสจะพ้นจากกิเลส ไอ้ไม่ได้ทำอะไรเลย เที่ยวไปฉกฉวยของเขา เที่ยวสำมะเลเทเมา อวดอ้างไปทั่ว ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะอะไร เพราะโกหกครั้งที่สองคนเขาก็รู้แล้ว โกหกครั้งแรกใครก็เออ พระเป็นผู้ทรงศีล แล้วเป็นพระป่าด้วย แล้วเป็นพระปฏิบัติด้วย แล้วอยู่สำนักปฏิบัติด้วย เขาคงไม่โกหก เขาคงพูดความจริง แต่พอฟังเข้าไปครั้งที่หนึ่ง พอครั้งที่สองอ้าว..เอ๊ะ นี่พระโกหกนี่ ถ้าพระโกหกมันก็จบแล้ว มันไม่มีหรอกที่ความโกหกแล้วโกหกเล่าคนจะเชื่อ ไม่มีหรอก 

สิ่งที่เขาเชื่อทีแรกเพราะอะไร เพราะว่าเห็นผู้ที่มีคุณธรรมนะเขาให้เกียรติ พระนี่ความเสมอภาคคือความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาคกันโดยคน ไม่ดูถูกเหยียดหยามคนอื่น ไม่ดูถูกพระอื่นว่าพระนั้นเลวทราม แต่พฤติกรรมความประพฤติมันบานออกมา ไอ้ความประพฤติมันปะทุออกมา เหมือนเชื้อโรคที่มันกระจายออกมา ใครเขารู้ใครเห็นเขาก็รังเกียจทั้งนั้น เพราะรังเกียจอย่างนี้จะไปโทษใคร โอ้ว นี่ลำเอียง พระเหมือนกันดูไม่เหมือนกัน พระเหมือนกันทำไมปกครองไม่เหมือนกัน พระเหมือนกันทำไมดูแลไม่เหมือนกัน

พระเหมือนกันแต่พฤติกรรมไม่เหมือนกัน กิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจไม่เหมือนกัน กิเลสหยาบ กิเลสหนา กิเลสหยาบละเอียดไม่เหมือนกัน พระที่เขามีคุณงามความดีของเขา เขามีความละอาย คนที่มีความละอายเห็นไหม เวลาครูบาอาจารย์ท่านปกครองดูแล ไอ้คนที่มีความละอาย เขาพยายาม ท่านพยายามจุนเจือเพราะว่าเขาไม่เอา เขาจะหลบจะหลีก ไอ้พวกหน้าด้าน ไม่ให้มันๆ ยังเข้าไปฉกไปลักเลย ไม่ให้มันๆ ยังเที่ยวไปลักขโมยเขาเลย ไอ้พวกนั้นไม่ต้องไปให้มัน นี่ไง นี่เราบอกลำเอียงเพราะรัก ลำเอียง ลำเอียง โอย ให้แต่คนนั้น คนนี้ไม่ให้ คนนั้นเขาไม่มีอะไรเลย เวลาไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเลย

เวลาครูบาอาจารย์ เราอยู่กับครูบาอาจารย์มาเยอะ แจกอาหารท่านลุกขึ้นดูเลย อาหารในบาตรใครมีมากมีน้อย อาหารลำเอียงไม่ลำเอียง แล้วเราแบ่งกัน มีความเสมอภาค ความเสมอภาคนี่ ครูบาอาจารย์ท่านเป็นธรรม เป็นธรรมก็คือเป็นธรรม ถ้าไม่เป็นธรรมนั่น เออ ไม่เป็นธรรม แต่ถ้ามันเป็นธรรมแล้วเราไปอยู่กับความเป็นธรรม ความเป็นธรรม กิเลสมันจะย้อนกลับความเป็นธรรมนั้น แต่กิเลสของเราเองไปอยู่กับความเป็นธรรมนั้นแล้วแอบอ้าง 

ครูบาอาจารย์ที่เป็นธรรมท่านปล่อยอิสระ ปล่อยอิสระให้มันมีโอกาสได้ค้นคว้าหากิเลสของตน เราไปบังคับไปคอยดูแลอยู่เหมือนกับเด็ก เด็กเราช่วยมันตลอดเลยเด็กมันจะโตขึ้นมาไม่ได้ เด็กต้องให้มันฝึกหัด เด็กต้องให้มันรู้จักผิดพลาด เด็กต้องให้มันหัดการกระทำ เด็กถ้ามันหัดกระทำมันจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาได้ 

จิต จิตถ้ามันจะฝึกหัดภาวนาเข้ามา มันต้องมีสติปัญญาของมัน มันต้องรู้ถูกรู้ผิด เริ่มต้นการประพฤติปฏิบัติต้องรู้จักผิดชอบชั่วดี ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก ชั่วก็คือชั่ว ดีก็คือดี ถ้ามันจะเริ่มปฏิบัติมันต้องรู้จักผิดชอบชั่วดี อะไรชั่วไม่ควรทำ อะไรดีต้องพยายามขวนขวายทำให้มากขึ้น สิ่งที่เป็นความดีนั้นมันจะเข้ามา นี่ไง ธรรมะย่อมชนะซึ่งรสทั้งปวง ธรรมะมันต้องชนะ ความดี มันต้องชนะทุกๆ อย่าง แล้วชนะใคร ก็ชนะกิเลสของตน ถ้าชนะกิเลสของตนก็ความดีอันนั้นต้องมีการกระทำ การกระทำความดีอันนั้นขึ้นมาให้มันมีมากขึ้น คุณงามความดีอันนั้นให้มากขึ้น ถ้าสร้างสมขึ้นมาๆ เป็นความดีของตน

แต่ไอ้กิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของตนมันทำความดีไม่ได้ เพราะสันดานมันชั่ว สันดานมันชั่วมันจะทำแต่ความชั่ว ความชั่วเป็นความพอใจของมัน แต่ความดีมันเกียจคร้าน ความดีมันดูถูกเหยียดหยาม แล้วมันก็ยังไปเพ่งโทษหมู่คณะไง ลำเอียงๆ ลำเอียงตรงไหน ของเสมอภาคกัน บิณฑบาตเหมือนกัน 

หลวงตาท่านสอนประจำนะ กินข้าวหม้อเดียวกันๆ เรากินข้าวหม้อเดียวกันนะ คนที่กินข้าวหม้อเดียวกัน ในหม้อที่หุงข้าวนั้นมันมีข้าวเม็ดไหนหรือข้าวตรงไหนที่มันดีกว่าข้าวเม็ดอื่นในหม้อนั้น ข้าวในหม้อนั้นก็คือในหม้อนั้น มันสุกขึ้นมาก็ข้าวในหม้อนั้น แล้วเรามาตักแบ่งกัน โดยความเสมอภาค มันลำเอียงตรงไหน 

เราบิณฑบาตด้วยกัน ของที่เราได้มา นั่งในศาลาเดียวกัน แล้วมีครูบาอาจารย์องค์ไหนที่ท่านไปกั๊ก ท่านไปยังไง ไอ้นั่นแสดงว่าหัวหน้าไม่เป็นธรรม แล้วที่ไหนมันมีๆ มีแต่คนหนี ไม่มีใครอยู่ด้วยหรอก มีแต่คนหนี แล้วสิ่งใดถ้าเขาเป็นธรรมอยู่แล้ว เราไปทำให้มันไม่เป็นธรรมเอง เราไปกีดไปขวาง ไอ้เข้ขวางคลอง ทัพพีขวางหม้อ หม้อเขาเขาแกงของเขา เขาจะคนไว้เพื่อแจกให้เสมอภาค ไอ้ทัพพีมันไปขวางเลย ตรงนี้ของฉัน ไอ้ข้างๆ นี่เป็นของคนอื่น เอาตรงฉัน ตรงนี้เนื้อเยอะ ตรงนี้ของดีๆ 

มันเป็นไปไม่ได้หรอก นั่นเป็นความคิด เป็นความคิด เป็นความจินตนาการ คิดว่าอยากได้ คิดว่ามันจะได้สมความปรารถนา แต่มันไม่สมความปรารถนาหรอก เพราะอะไร รสของธรรมชนะซึ่งรสทั้งปวง รสของธรรม รสของศีล รสของสมาธิ รสของปัญญา มันมีรสชาติมากกว่าแกงเนื้อนั้น แกงเนื้อนั้นลิ้นรับรส ถูกต้องชั่วดี ความดีความถูกต้องชอบธรรมนั้นคือธรรม สัจธรรมเห็นไหม เราไม่ได้กินอะไรเลย แต่เราทำคุณงามความดีของเรา เราก็อิ่มใจของเรา เราสร้างแต่คุณงามความดีขึ้นมานี่ นี่ไง รสของธรรมไง รสของความถูกต้องชอบธรรม รสของคุณงามความดีมันเหนือกว่ารสทั้งปวง ถึงจะไม่ได้กินไปกับเขา แต่มันก็ยังมีรสมีชาติที่เหนือเขา 

ไอ้พวกที่เป็นคนพาลมันกว้านมาหมดเลย อยู่ในบาตรของมัน แล้วมันก็กินจนท้องแตกตายเลย แล้วมันก็ว่ามันมีความสุขมาก ความสุขมาก แต่มันตายไปแล้วมันยังไม่รู้ว่ามันตายไปแล้วนะ ตายจากคุณงามความดี ตายจากศีล ตายจากธรรม ตายจากความถูกต้องชอบธรรม เพื่อไปหาความเลวทรามด้วยความคิดของตน แล้วมันว่าสิ่งนั้นเป็นความดีๆ 

แต่ครูบาอาจารย์ของเราเห็นไหม ฉันแต่ข้าวเปล่าๆ บิณฑบาตมาเห็นไหม ข้าวกับเกลือ บิณฑบาตมาได้สิ่งใดก็ได้ตามสิ่งนั้น ฉันแล้วตัวปลิว นั่งสมาธิจิตใจอิ่มเอิบ จิตใจพอใจ พอใจเพราะอะไร เพราะเราเลือกอย่างนี้ เราเลือกอย่างนี้ เราไม่ได้โทษชาวบ้าน เราไม่โทษใครทั้งสิ้น ถ้าเราอยากได้ของดีๆ เราก็ไปอยู่ในเทศบาลหนึ่ง เทศบาลสอง ในเมือง ในเทศบาล โอ้โห บิณฑบาตนี้ล้นเหลือเลย เลือกเอาเลยจะฉันอาหารประเภทใด ฉันเสร็จแล้วก็กลายเป็นหมูเลย แล้วชาวบ้านเขาก็มาขุนหมูไว้ให้เยอะๆ เลย แล้วก็ว่าศาสนามันจะเจริญไง 

แต่ครูบาอาจารย์ของเราท่านเข้าป่าเข้าเขาไป ข้าวกับเกลือ ข้าวกับพริก ฉันแล้วเดินจงกรมตัวปลิวเลย เห็นไหม ท่านมีคุณธรรมของท่าน นั่นไง รสของธรรมๆ แต่ไอ้ที่ว่านั่นของฉัน นี่ของฉัน แล้วก็เที่ยวไปฉ้อฉล ต้องการให้เป็นของฉัน ไปกว้านเอาเป็นของฉัน ไอ้ทัพพีนั่นก็ไปขูดๆ มา มากองไว้ข้างๆ ทัพพี ทัพพีก็ไม่ได้กิน แกงนั้นมันก็เน่า 

นี่ก็เหมือนกัน ความดีเป็นความดีของเขา ใครเดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนา ใครมีโอกาสอยากกระทำนะ สาธุ ให้กระทำ ไม่กีดไม่ขวางใครทั้งสิ้น เปิดช่องทางให้คนอื่นได้มีการกระทำทั้งสิ้น แล้วส่งเสริมทั้งสิ้น ส่งเสริมเห็นไหม ส่งเสริมเหมือนครูบาอาจารย์ท่านเขายังพัฒนาขึ้นมาไง ถ้าใจมันพัฒนาขึ้นมาเห็นไหม มันมีรากมีเหง้าของมัน ศากยบุตรพุทธชิโนรส เราเป็นบุตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเป็นบุตรของศากยะ เราเป็นธรรมทายาท ถ้าเราจะเป็นธรรมทายาท เราทำขึ้นมาให้เป็นธรรม ไม่ใช่เปรตทายาท ทายาทของเปรต ทายาทของเปรตของผีทำตามผีตามเปรต เปรตมันทำนะ แต่ห่มผ้าเหลืองนะ ห่มผ้าเหลืองแล้วฉันเป็นพระ ลูกศิษย์กรรมฐานนะ โอ้ ลูกศิษย์ครูบาอาจารย์ด้วย มีชื่อเสียง มันคิดของมันไป นั่นน่ะอยากได้อยากดี ไม่ได้ 

ทำความดีทิ้งเหวแล้วจะได้นะ ปิดทองหลังพระๆ ครูบาอาจารย์ของเราที่เป็นคุณงามความดี ท่านพยายามทำความดีของท่าน ทำความดีของท่านเพื่อประโยชน์กับท่านเห็นไหม เพราะมันมีรากมีเหง้า ศากยบุตรนะ พุทธชิโนรส ธรรมทายาทๆ ถ้ามันเป็นธรรมขึ้นมาแล้วมันเป็นที่ไหน มันเป็นที่หัวใจ พอหัวใจเป็นธรรมขึ้นมาแล้วนะ อยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ แล้วมีความสุขมาก เห็นไหม ครูบาอาจารย์ท่านอยากอยู่คนเดียวจริงๆ นะ แต่อยู่คนเดียวแล้วศาสนาไปยังไง มันมีแต่เปรต มีเปรตสอนเปรตอยู่นั่นน่ะ 

ถ้ามีครูบาอาจารย์ หนึ่ง ท่านต้องเป็นหลักก่อน คำว่าเป็นหลักนะ ครูบาอาจารย์ท่านเป็นหลักแล้วมันตรวจสอบได้ ตรวจสอบได้ด้วยมรรคด้วยผลนั่นน่ะ ศีลสมาธิปัญญาเห็นไหม สิ่งที่รู้ได้ ครูบาอาจารย์ที่มีปัญญาจะรู้ได้ต่อเมื่อแสดงธรรม ศีลจะรู้ได้ตอนอยู่ด้วยกันนี่แหละ อยู่ด้วยกันนี่รู้หมด ใครดีใครชั่ว ใครขี้เกียจ ใครขี้คร้าน ใครขยันหมั่นเพียร ใครมีจิตใจสงเคราะห์หมู่คณะ ใครมีจิตใจทำลายหมู่คณะ ใครมีจิตใจเป็นไอ้เข้ขวางคลอง ใครมีจิตใจเป็นทัพพีขวางหม้อ ใครเป็นคนทำชั่ว รู้หมดล่ะ เพราะ เพราะของมันอยู่ด้วยกัน 

ของอยู่ด้วยกันนะ ในครอบครัวเดียวกัน พี่น้องอยู่ด้วยกันมันก็จะรู้นิสัยใจคอกัน พี่น้องเห็นไหม พ่อแม่รู้ดีที่สุด พ่อแม่เป็นคนที่คลอดออกมา พ่อแม่เป็นคนเลี้ยงดูมา จะรู้เลยลูกคนนี้ฉลาด ลูกคนนี้เลวทราม ลูกคนนี้ไม่เอาไหน แล้วก็เป็นห่วงเป็นใยแต่ไอ้ลูกคนเลวทรามนั่นน่ะ เพราะมันเอาตัวไม่รอด ไอ้คนที่ดีที่งามนะ ยังไงมันก็เอาตัวรอด แล้วพอเอาตัวรอดแล้วยังจะมาคิดว่า เห็นไหม พ่อแม่รักกันไม่เสมอกัน มันไม่เสมอกันที่พฤติกรรม มันไม่เสมอกันเพราะกรรมในใจอันนั้น กรรมในใจอันนั้นมันชั่วกว่าเขา มันทำร้ายเขาตลอด มันเอาตัวไม่รอดหรอก แต่ถ้ามันเป็นคนดีนะ มันจะเอาตัวของมันรอดได้ พ่อแม่ก็วางใจได้

นี่ก็เหมือนกัน เวลามาอยู่ด้วยกันๆ มันรู้ได้ ไอ้มืดบอดนั่นน่ะ มันบอกว่ามันเก่ง มันบอกความลับไม่มีในโลก มันบอกความลับปิดป้องได้ แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกความลับไม่มีในโลก แม้แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ แม้แต่เป็นความจริง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านพูดตลอด ไม่มีกำมือในเราๆ คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท้าทายให้พวกเราพิสูจน์นะ 

แล้วพวกเราที่มาบวชเป็นพระๆ เป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เห็นไหม เราบวชมา เราบวชมาด้วยธรรมวินัย บวชมาเป็นความสมมติไง เครื่องแบบถูกต้องตามกฎหมายไง แต่ไม่มีคุณธรรมในหัวใจไง ถ้ามีคุณธรรมในหัวใจเห็นไหม บวชมาแล้วต้องประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ให้มีศีล ให้มีสมาธิ ให้มีปัญญาขึ้นมา ปัญญาเห็นไหม บวชใจๆ ใจมันจะบวชด้วยมรรคด้วยผล ถ้าบวชด้วยมรรคด้วยผลขึ้นมา โอ้โห มันจะกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเห็นคุณค่าของคุณธรรมในใจ เห็นคุณค่าของความถูกต้องชอบธรรม เห็นคุณค่าความดีอันนี้ แล้วคุณงามความดีอันนี้ใครๆ ก็ปรารถนา เทวดาอินทร์พรหมก็ปรารถนา สัตว์ก็ปรารถนา 

สัตว์เห็นพระ สัตว์ที่เห็นผ้าเหลือง มันคิดว่าเพศนี้เป็นเพศที่ไม่ทำลายมันเห็นไหม สัตว์มันยังว่าเลยนะ ว่าพระนี่เป็นที่วางใจได้ นี่ไง ถ้าเราบวชมาแล้ว แล้วเราพิจารณาของเรา แล้วมีคุณธรรมขึ้นมาในหัวใจ ถ้าหัวใจมันเป็นธรรมๆ ขึ้นมา คุณธรรมอันนั้น ความสุขอันนั้น สัจธรรมอันนั้น ศาสนาอันนั้น พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระธรรมๆ พระธรรมที่มันเกิดขึ้นในหัวใจมันไม่ใช่กิเลส ศึกษามา เล่าเรียนมา จดจำมา แล้วก็เอาแง่เอามุมเที่ยวไปทำลายเขา ไปเหยียบย่ำเขา ทำไปทำไม เขาต้องทำลายกิเลสสิ ไอ้ที่จะไปพูด ไอ้ที่จะไปเบียดเบียนเขา ไอ้ที่จะแถนั่น หยุดมันให้ได้ เบรกมันให้ได้ ดับมันให้ได้ ในหัวใจดวงนี้ ในหัวใจดวงนี้ดับมันให้ได้ 

ถ้าดับไม่ได้พุทโธๆ เห็นไหม สัมมาสมาธิ สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี แล้วความสงบสุขที่เกิดขึ้นจากจิต มันจะได้เห็นคุณค่าของศาสนาไง มันจะได้เห็นคุณค่าของความเป็นจริงไง มันไม่ใช่ว่าเราบวชมาเป็นพิธี บวชมาเป็นพิธีเห็นไหม บวชมาโดยถูกต้องตามกฎหมาย ธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นไหม ธรรมวินัยเป็นธรรมวินัยในพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วมาเผยแผ่ในประเทศไทย ประเทศไทยก็ออกกฎหมายมารองรับ เห็นไหม บวชมาแล้วถูกต้องตามกฎหมาย ถูกต้องตามกฎหาย ถูกต้องตามศีลธรรม บวชโดยสมมติไง บวชโดยศาสนทายาท พยายามจะสร้างพระสร้างเณรขึ้นมาให้เป็นผู้ค้ำจุนศาสนา แล้วใครที่ประพฤติปฏิบัติได้ความจริงขึ้นมา เขาจะมีคุณธรรมในใจของเขา 

ถ้าคุณธรรมในใจของเขาขึ้นมาเห็นไหม หนึ่ง เขามีความสุขก่อน เขาดับกิเลสในใจของเขาได้ก่อน พอเขาดับกิเลสในใจของเขาได้แล้วเขาจะเป็นอาจารย์ เป็นผู้ที่จากใจดวงหนึ่งสู่ใจดวงหนึ่ง จากคุณธรรมในใจดวงนั้น วิธีการไง วิธีการที่ล้มลุกคลุกคลานกว่าจิตสงบได้ มันทุกข์มันยากขนาดไหน วิธีการที่มันทำได้ วิธีการทำได้นะ 

ไอ้เราศึกษามาเรียนมาเก้าประโยคสิบประโยค รู้หมด แต่ทำไม่ได้ สมาธิสักตัวไม่รู้จักหรอก ยิ่งภาวนามยปัญญาไม่เคยเห็น แต่ถ้าปัญญาจดจำ ปัญญาการศึกษาเก่งมาก พูดปากเปียกปากแฉะ แล้วถ้ามันมีพาลชนเข้าไปบวกด้วยนะ โอ้โห พ่อออกจารย์ พ่อออกจารย์ เรียนจนเป็นมหาก็ต้องสึกไป อยู่ทางอีสานเขาเรียกพ่อออกจารย์ พ่อออกจารย์คือพ่อออกที่เป็นอาจารย์ โอ้โห แตกฉาน 

หลวงตาท่านธุดงค์ไปๆ หมู่บ้านหนึ่ง เวลาท่านอดอาหารมาเห็นไหม พออดอาหารมา พ่อออกจารย์เขามาใส่บาตรก็ตั้งประเด็นขึ้นมาเลย พระพุทธเจ้าห้ามไม่ให้อดอาหารไม่ใช่เหรอ ทำไมท่านถึงอดอาหาร หลวงตาท่านรู้ทันไง พ่อออกจารย์ไง พ่อออกจารย์นะ บอกไอ้ที่แดกอยู่ทุกวัน สะแตกอยู่นี่วันหนึ่งสิบมื้อๆ สำเร็จเมื่อไร ไอ้ที่อดอาหารมันจะทุกข์ยากแค่ไหน นี่ไง ไอ้ที่ว่ากินวันละสิบมื้อๆ พ่อออกจารย์ๆ สะแตกวันกี่รอบ เงียบเลยนะ เพราะอะไร เพราะเรียนมาด้วยกัน มหาๆ ด้วยกัน พ่อออกจารย์ๆ เห็นพระอดอาหารเที่ยวมาแหย่มาทิ่มมาตำไง หลวงตาเลยสวนกลับเลย นี่สะแตกวันกี่รอบ ได้อะไรบ้าง เงียบกริ๊บเลย นี่ไง ศึกษาไง ศึกษาความรู้มากๆ มีความรู้มากๆ แล้วก็อ้างธรรมะไปเที่ยวเบียดเบียนเขา ไปเที่ยวทิ่มแทงเขา แต่ไม่รู้จักดับกิเลสในใจของตน ไอ้ทัพพีขวางหม้อ คนไร้ราก ไม่มีอำนาจวาสนา

คนที่มีอำนาจวาสนามีรากเหง้า มีรากเหง้าเห็นไหม ต้นไม้ยั่งยืนมีรากแก้ว จะลมพัดขนาดไหนไม่โยกไม่คลอน จะมีหลักยึดของตน เวลาจะมาบวชเป็นพระ เวลาจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา สิ่งใดชั่วก็ปล่อยให้มันผ่านไป สิ่งชั่วมันมีอยู่เต็มโลก โลกมันโลกของเปรตของผี มันมีของมันโดยธรรมชาติของมันอยู่แล้ว เราก็อยู่กับเปรตกับผีเหมือนกัน แต่เรามาบวชเป็นพระ เราก็พยายามจะฝึกหัดของเรา ถ้าเราฝึกหัดของเรานะ เพราะไม่มีรากไม่มีเหง้ามันทุกข์มันยาก ไม่ถูกใจสักอย่าง ฉันข้าวก็ไม่ถูกใจ ฉันน้ำก็ไม่ได้ดังใจ อะไรก็ไม่ถูกใจทั้งนั้นเลย บวชมาแหม มันทุกข์ ไม่ได้อะไรสมใจสักอย่าง ดื่มน้ำก็ติดคอ นั่นเวลาไอ้พวกเปรตพวกผี 

ครูบาอาจารย์ของเราเห็นไหม น้ำ ต้องเดินเป็นกิโล ตัดไม้กระบอกไปใส่มา กว่าจะขึ้นเขา เอาขึ้นมาเอามาไว้ใช้จ่ายวันพรุ่งนี้ น้ำท่าจะมีไม่มีไม่สำคัญ สำคัญภาวนาดีอย่างเดียว อาหารจะมีไม่มีช่างมัน อดกี่วันก็ไม่เป็นไร นี่เขาทำกันมาอย่างนั้น เขาถึงมีคุณธรรมในหัวใจ ไม่ใช่ว่ามาบวชตอนนี้ แล้วมาอยู่สำนักที่ว่าอ้วนพี อยู่ที่อุดมสมบูรณ์ ยังไม่ถูกใจอ่ะ อะไรบ้างที่มันขาดแคลน ไม่เห็นมีอะไรมันขาดแคลน จะล้นตายอยู่แล้วนะ ยังไม่ถูกใจ ยังไม่พอใจสักอย่าง เออ มันจะเอาที่มันถูกใจ อันนั้นไม่ใช่พระ ไอ้นั่นเขาอยู่คอนโดกันนั่น ไม่ใช่พระหรอก มีเครื่องอำนวยความสะดวกเต็มไปหมด

นี่บวชเป็นพระมาแล้วเห็นไหม ขี้ทุกข์ขี้ยาก เวลาหลวงปู่มั่นเห็นไหม ถ้าพูดถึงเศรษฐีธรรมๆ เทวดาอินทร์พรหมมาฟังเทศน์ แต่ความเป็นอยู่นะนี่คนไร้แก่นสาร คนไม่เคยมีความสุขในทางโลกเลย เวลาท่านพูดถึงการผจญภัยของท่าน ท่านพูดด้วยเป็นคติธรรมนะ คติธรรม คนที่มีประสบการณ์จะพูดสิ่งใดก็แล้วแต่ให้ลูกศิษย์ลูกหามีหลักเกณฑ์ ท่านพูดไว้ว่า ประสบการณ์ที่มันจะได้มา ท่านผ่านมาอย่างนี้ๆ ท่านพูดเพื่อให้เป็นหลักเกณฑ์ ให้ลูกศิษย์ลูกหาได้เป็นหลัก เวลาหลวงตาท่านฟังนะ ท่าน... ไม่ใช่เรื่องของท่าน ท่านต้องนั่งเอาหันหน้าเข้าข้างฝาแล้วร้องไห้ ทุกข์แทนท่าน ท่านไม่ได้ทุกข์เลย ไอ้คนฟังทุกข์แทน เวลาทุกข์แทน 

แต่สุดท้ายแล้วนั่นก็เป็นคติธรรม คติธรรมว่าท่านเคยประสบการณ์อย่างนั้น ท่านเคยทุกข์ยากอย่างนั้น ท่านพูดเป็นประสบการณ์ เพราะท่านพ้นทุกข์มาแล้ว ท่านไม่มาเรียกร้องอะไร ท่านไม่ได้พูดให้ไปลงหนังสือแล้วว่ามันขาดแคลนอย่างนี้ แล้วโยมจำไว้นะ เวลาพระมาอย่าให้ขาดแคลนอย่างนี้นะ ต้องอุดหนุน ต้องพยายามขุนให้เป็นหมูเลยนะ เพราะอะไร เพราะหลวงปู่มั่นท่านเคยทุกข์ยากมานะ ถ้าอย่างนี้ๆ ครูบาอาจารย์ทุกข์ยากมานะ ถ้าต่อไปนะ เวลาพระมา อย่าให้ทุกข์ยากอย่างนี้นะ เตรียมไว้เลยนะ เอาเซเว่นมาเปิดไว้ข้างๆ เลยนะ คอยดูแลให้สะดวกที่สุดเลย เพื่อจะได้บุญเยอะๆ เลย 

เขาไม่ได้พูดอย่างนั้น มันหมดยุคหมดสมัยแล้วแหละไอ้พระที่จะปฏิบัติอย่างนั้น มันต้องเข้มข้น ต้องมีหลักหัวใจ ไม่ใช่ไอ้ทัพพีขวางหม้อ ไม่ใช่คนที่ไร้สาระ ไม่มีรากเหง้า ไม่มีสิ่งใดเป็นจุดยืนในใจ ไร้สาระ คนไร้สาระไม่เป็นสาระ อยู่ทางโลกก็ไม่เป็นสาระ มาบวชเป็นพระก็ไม่มีสาระ จะเป็นสิ่งใดก็ไม่มีสาระ ไม่เป็นประโยชน์ สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์อยู่ที่ไหนไม่เป็นประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่เป็นประโยชน์อยู่ที่ไหนก็เป็นประโยชน์ อยู่ในป่าในเขา เขายังไปขวนขวายมา

งานพระราชทานเพลิงศพ เวลาเขาจะเอาไม้จันทน์มาแกะเป็นโลง มาแกะเป็นเครื่องประดับ เขาต้องเข้าไปในป่าไปสำรวจ ไปสำรวจแล้วนะเขาต้องไปทำพิธีของเขา แล้วเขาต้องไปตัด ทำพิธีตัด ตัดเสร็จแล้วเขาต้องชักลากออกมา ชักออกมาทำพิธีของเขาแล้วก็ชักลากไปเพื่อตัดเพื่อเลื่อยเป็นแผ่น เสร็จแล้วเอาไปแกะ แกะทำเป็นประโยชน์ ดูสิ ของดี ไม้จันทน์ ไม้หอม เขาหาของเขา เขาขวนขวายไปเที่ยวแสวงหาในป่าในเขา ได้แล้วต้องกี่ต้นๆ แล้วเลือกต้นที่เป็นประโยชน์ เลือกต้นที่เป็นประโยชน์แล้ว แล้วตัดมาแล้วเอามาทำเป็นประโยชน์ ประโยชน์ทั้งนั้น ถ้าสิ่งที่มันเป็นประโยชน์ สิ่งที่ไม่มีประโยชน์ ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย คนไร้สาระ ไร้ราก รากเหง้าไม่มี ไม่มีสิ่งใดคงที่ ไม่มีสิ่งใดเป็นจุดยืน 

คนเรานะ สิ่งใดความถูกต้องชอบธรรมมันต้องรู้ ความเป็นคนรู้ดีรู้ชั่ว ถ้าไม่รู้ดีรู้ชั่วมันเป็นพาลชน แล้วพาลชนเป็นสิ่งที่ไร้สาระ เป็นความทุกข์ของบัณฑิต อยู่กับคนพาล คนพาลมันเที่ยวทิ่มเที่ยวตำเขาตลอด ทุกข์มาก บัณฑิตอยู่ด้วยกัน คนอยู่กับคนพอทนนะ แต่คนไปอยู่กับควายตู้ ไอ้พวกพาลชน มันเที่ยวชนเขา แล้วเป็นความทุกข์ของบัณฑิต บัณฑิตนี่ทุกข์มากนะ 

ไม่มีทุกข์สิ่งใดเท่ากับอยู่ใกล้คนพาล ไม่มีทุกข์สิ่งใดของบัณฑิตที่อยู่กับคนพาล คนพาลมันให้แต่ความทุกข์กับคนอื่น ตัวมันเองมันว่ามันบาตรใหญ่นะ มีอำนาจบาตรใหญ่ ใหญ่มาก มีอำนาจมาก ได้สร้างสมบุญมาเยอะ วาสนานี่ โอ้หูย แพรวพราวเชียว จะทำอะไรก็ประสบความสำเร็จไปหมด คิดได้ทั้งนั้นเลย แต่ แต่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน มันหลอกตัวเองทั้งนั้น หลอกตัวเองให้ทุกข์ให้ยาก แล้วพยายามจะไปให้คนอื่นทุกข์ยากกับเราอีกนะ 

คนอื่นเขามาด้วยความสัจจะ เขามีสัจจะ เขาไม่หลอก ด้วยเกิดความเป็นมนุษย์ มนุษย์เกิดมามีปากมีท้อง สิ่งมีชีวิตก็มีปัจจัยเครื่องอาศัย ถ้ามีเครื่องอาศัยๆ แล้วเห็นไหม ด้วยมีศีล มีศีลก็ฉันมื้อเดียว อดนอนผ่อนอาหาร อดนอนผ่อนอาหารเพื่อจะค้นคว้า เพื่อจะทำความจริงของตนขึ้นมา ถ้าความจริงของตนขึ้นมา เวลามันเป็นความจริงขึ้นมามีศีล มีสมาธิ มีปัญญาขึ้นมา แล้วฝึกหัดบริหารจัดการให้ได้ พอจัดการให้ได้มันก็เกิดเป็นมรรค 

ดวงใจดวงไหนมีมรรคขึ้นมาเห็นไหม มันก็เหมือนธุรกิจใดก็แล้วแต่ บริษัทใดก็แล้วแต่ ธุรกิจของเขาเจริญรุ่งเรืองขึ้นไป ธุรกิจของเขาก็เจริญงอกงาม ดวงใจดวงใดมีมรรคมีผล ดวงใจมีมรรคมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา เขาฝึกหัดของเขา เขาทำของเขา ดวงใจดวงนั้นจะแวววาว ดวงใจดวงนั้นจะมีความสุข ดวงใจดวงนั้นจะมีค่า รสของธรรมชนะซึ่งรสทั้งปวง รสชาติในสามโลกธาตุนี้ไม่มีคุณค่าสิ่งใดเท่ากับรสของศีล รสของสมาธิ รสของปัญญา ที่จิตมันมีคุณค่าที่จะทำได้ขึ้นมา

เห็นไหม เพราะสิ่งที่มีคุณค่าๆ มันอยู่ที่ไหน เห็นไหม ใจดวงนั้นๆ ใจมันอยู่ที่ไหน ใจ ปฏิสนธิจิตๆ รากเหง้าของมันไง แล้ววัฒนธรรม พันธุกรรมของจิต จิตที่สร้างมาดี จิตที่มีอำนาจวาสนาเห็นไหม เขาทำของเขา เขาสะสมของเขา เขาทำคุณงามความดีของเขา คุณงามความดีมันอยู่ในหัวใจของเขาที่แวววาว มีคุณค่า คนมีรากเหง้า คนมีความจริงในหัวใจ ความจริงในหัวใจนั้นเป็นพุทธะ พุทธะในใจดวงนั้น พุทธะที่เราแสวงหา ที่เรามาบวชเป็นพระ 

วันนี้วันออกพรรษา ทั้งพรรษาเลยทำอะไรกันมา พรรษาหนึ่งเห็นไหม เกิดดับผ่านไปแล้ว ออกพรรษาแล้วเดี๋ยวก็พลัดพรากจากกันแล้ว พลัดพรากจากกันไปแล้วจะมีโอกาสได้พบหน้ากันอีกหรือไม่ นั้นเป็นเรื่องของอนาคต เอวัง