เทศน์เช้า

กฐินวัดป่าหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

๑๕ ต.ค. ๒๕๖o

 

เทศน์เช้า กฐินวัดป่าหลวงปู่มั่น วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เตรียมพร้อมเนาะ พร้อมจะทอดกฐินกันแล้ว ก่อนจะทอดกฐิน เขาจะต้องฟังเทศน์ก่อน ฟังเทศน์เพื่อให้หัวใจเรามันปล่อยวาง ให้หัวใจเราสะอาด ให้หัวใจเราสงบ ทำสิ่งใดมันถึงจะเป็นประโยชน์ขึ้นมาได้ไง

เราจะทอดกฐินนะ กฐินมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร กฐินมันเกิดขึ้นมาได้มันต้องมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์ เวลาเทศน์ธัมมจักฯ แม่น้ำเนรัญชรา เห็นไหม มันมีป่ามีเขาทั้งนั้นน่ะ มันมีป่ามีเขาเป็นที่รื่นรมย์ ป่า เราจะมาทอดกฐินกัน เพราะนี่เป็นวัดที่เราภูมิใจ เราภูมิใจ เราตั้งชื่อเองว่า “วัดป่าหลวงปู่มั่น” เพราะหลวงปู่มั่นท่านบากบั่นมามาก หลวงปู่มั่นท่านบากบั่นมามาก ทำสิ่งใดเป็นเครื่องสัญลักษณ์มันก็ต้องให้สมฐานะของความเป็นหลวงปู่มั่น

ฉะนั้น เวลาเราจะทอดกฐินกัน เราจะทอดวัดป่า ถ้าเป็นวัดป่า อาศัยป่า ป่านี้มันเกิดมาจากไหน ป่านี้เป็นป่าเสื่อมโทรม ป่านี้เป็นป่าของชุมชนเขา เวลาชุมชนเขาเพื่อประโยชน์กับชุมชนเขา พระเข้ามาอาศัยๆ มาอาศัยพื้นที่ไง พื้นที่ถ้ามันมีป่ามีเขา มันก็เป็นตู้กับข้าวของชุมชนเขา เขาเก็บเป็นอาหารของเขา ชาวบ้านทั่วไป ถ้ามันมีแหล่งน้ำที่สมบูรณ์ แหล่งน้ำนั้นก็จะเป็นประโยชน์กับชุมชนนั้น ถ้ามีอากาศที่ดี เห็นไหม เราอยู่เมืองกัน เวลาเราต้องการพักผ่อน เราก็จะไปหาที่อากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ เราไปหาที่บรรยากาศที่ดีๆ

เรามาทอดกฐิน เวลาทอดกฐิน สิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่ว่าเราแสวงหากัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา ตรัสรู้ธรรมขึ้นมา วางธรรมวินัยนี้ไว้ เวลาวางธรรมวินัยนี้ไว้ ประชาชนก็สงสัย ทำไมสมัยพุทธกาล สมัยโบราณ ทำไมผู้ที่ประพฤติปฏิบัติเขาถึงได้บรรลุธรรมๆ เป็นพระอรหันต์มหาศาลเลย ในปัจจุบันนี้ทำไมมันเหลวแหลก ในปัจจุบันนี้ทำสิ่งใดแล้วทำไมมันไม่ประสบความสำเร็จๆ

ก็ดูสิ ดูสิว่าเราโตขึ้นมาแล้วเราต้องการอะไร เราต้องการความเจริญทางโลกๆ ไง เราไม่ได้ต้องการความเจริญทางธรรมไง ทางธรรมคือทางหัวใจไง หัวใจ เห็นไหม มนุษย์เกิดมาเป็นญาติกันโดยธรรมๆ มันเสมอภาคไปทั้งนั้นน่ะ มนุษย์มีกายกับใจๆ มนุษย์มีกายกับใจ สิ่งที่มีคุณค่าๆ คุณค่าคุณธรรมในหัวใจนั้น ถ้าคุณค่าในหัวใจนั้นมันเกิดมาจากไหนล่ะ เวลามันจะเกิดมา มันเกิดมาได้ยาก มันเกิดมาได้ยาก เวลามีครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ท่านถึงแสวงหาอย่างนี้ ถ้าแสวงหาอย่างนี้

เราไปอยู่ป่าอยู่เขากัน เวลาเริ่มต้นเราเข้าไปอยู่ในป่าในเขา เห็นไหม ด้วยความไม่รู้นะ มาสางป่าๆ มันเป็นป่าเสื่อมโทรม แต่ป่าที่มันเกิดขึ้นมันเป็นป่าที่ว่าพระเรามาปลูกกันเอง พระมาปลูก ชาวบ้านก็ช่วยเหลือส่งเสริมกันมา ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พระเขาก็ไปสางป่าๆ ไปสางกล้วยตามริมลำธาร สุดท้ายแล้วพอเวลาเราอยู่นานเข้าๆ เป็นที่น่าไว้ใจของสัตว์ สัตว์มันเห็นผ้ากาสาวพัสตร์ มันก็เข้ามาหากิน เข้ามาหาอยู่หากินของมัน มันมากินของมัน พระถึงได้รู้ว่าไอ้กล้วยป่าตามลำธารมันเป็นอาหารของช้าง เวลาช้างมันจะหากินของมัน แล้วเราไปสางป่าๆ เราไปทำของมัน พระถึงได้มีดำริว่า เราทำความผิดพลาดไปแล้ว เราต้องไปหากล้วยมาปลูกไว้เหมือนเดิม ให้ช้างมันได้มีอาหารของมัน เราถึงเอาหน่อกล้วยมาวางริมลำธาร แล้วมีน้ำมันมา มันพัดไปหมดเลย เห็นไหม แต่ความเป็นจริงเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ๆ เวลาถ้ามันรู้เท่าถึงการณ์แล้วมันก็ทำคุณงามความดีของมันเพื่อประโยชน์กับสัตว์ เวลาเรื่องประโยชน์กับสัตว์ๆ วัดป่าๆ

เวลาพระเราบอกไปอยู่ป่าอยู่เขา ไปอยู่ว่ามีสัตว์ป่ามีสิ่งใด เอามาเป็นเครดิตของตน เวลาสัตว์ป่า สัตว์ป่า เดี๋ยวนี้ซาฟารี สิ่งที่เขาเลี้ยงสัตว์ป่าไว้ เราจะไปเที่ยวไปดูสัตว์ป่ากันมหาศาลเลย สัตว์ป่าอย่างนั้นมันเป็นสัตว์ป่าที่ว่าคนเขาเลี้ยงมา เวลาใครจะเลี้ยงสัตว์ขึ้นมา ด้วยความรู้จริงของเขา ความรักข้ามสายพันธุ์ ความรักข้ามสายพันธุ์ใช่ไหม แต่นี่มันไม่ใช่ มันเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา เป็นสัจจะเป็นความจริงของมัน มันอยู่ในที่อาศัยของมัน มันอยู่ในพื้นที่ของมัน เรามาอาศัยสัตว์มันอยู่เท่านั้น แต่สัตว์ เราไว้ใจมันไม่ได้หรอก เราไว้ใจเขาไม่ได้ แต่เรามีความเมตตาต่อกัน เราดูแลรักษากัน แต่ธรรมชาติของสัตว์ ธรรมชาติของสัตว์มันก็สัญชาตญาณของมันเท่านั้นน่ะ

ฉะนั้น เวลาถ้ามีพระเข้ามาอยู่ในนี้ เวลาพระเขาคุ้นชินของเขา เขาไปเล่นกับสัตว์ เราไม่ให้อยู่เลย เราให้ออกไป เพราะว่าถ้าอยู่ไปแล้ว เวลาถ้าพระองค์อื่นเขาไม่รู้ขึ้นมา ไม่รู้ว่าไปทำสิ่งใดกับเขาไว้บ้างไง นี่พูดถึงว่าช้าง เวลามาอยู่ใหม่ๆ นะ ตรงนี้มันเป็นศาลาเก่า เวลาศาลาเก่า มันมีเสือดาวเดินผ่านมาเลย กลางวันนี่ เสือดาวเดินผ่านมาเลย พระนั่งดูอยู่นี่ แล้วพระนั่งมองกันมา ออกไปทางนี้มันมีเสือโคร่ง ๒ ตัว มันอยู่ตรงนี้ ชาวบ้านรู้ทั้งนั้นน่ะ เวลามันไล่กวดเก้ง มันตบเก้ง มาอยู่ริมลำธารสองตัวสามตัว นี่พูดถึงว่าสัตว์ป่าๆ เวลาถ้ามันสัตว์ป่ามันอยู่โดยธรรมชาติของมัน นี่คือบ้านของเขา เรามาอาศัยเขาอยู่ๆ มาอาศัยอยู่เพื่ออะไร เรามาอาศัยอยู่ ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ในป่า เวลามาอยู่ป่าๆ ถ้าบอกว่าเราเป็นพระป่า เราอยู่ป่า แล้วมันมีสัตว์ป่า แล้วให้เอ็งมานั่งกินนอนกิน เอ็งจะได้ธรรมะ ธรรมวินัยขึ้นมาไหม

มันจะมีคุณธรรมๆ ขึ้นมา คุณธรรมขึ้นมาจากการฝึกหัด เรามาอยู่ป่าๆ เรามาอาศัยเขา อาศัยเขาเพื่อดัดแปลงหัวใจของเรา เวลาครูบาอาจารย์ท่านสอน เวลาสอนว่าไปเที่ยวป่าช้าๆ ไปดูซากศพๆ ให้มันเกิดสังเวช ให้มันเกิดความสะเทือนใจ

ไอ้นี่มาอยู่ป่าๆ ถ้าเราผิดพลาด เราพลั้งเผลอนะ เรามีอันตรายถึงชีวิต แต่ถ้าอันตรายถึงชีวิต ทำไม เราไม่มีที่ไปแล้วใช่ไหม พระบวชแล้วไม่มีที่ไปใช่ไหม พระบวชแล้วต้องจำนนมาอยู่สถานที่แบบนี้ไง

เรามีครูมีอาจารย์ไง เรามีครูบาอาจารย์ เพราะหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านพาปฏิบัติไง แล้วครูบาอาจารย์ท่านปฏิบัติของท่าน เวลาครูบาอาจารย์ท่านอยู่กับหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นบอกว่า ถ้าใครปฏิบัติแล้วทำสมาธิได้ยาก ใครปฏิบัติแล้วไม่ลง ท่านชี้เลย ไปอยู่ถ้ำนั้น ไปอยู่ป่านั้นที่สัตว์มันมากๆ สัตว์มันมากๆ สัตว์มันมากๆ เพื่ออะไร สัตว์มันมากๆ ขึ้นมา ให้เราระวังตัว ให้เรามีสติสัมปชัญญะ

มันมีพระมาอยู่ที่นี่นะ มาอยู่กุฏิข้างใน แล้วกำลังเดินจงกรมอยู่ ช้างมันก็มา เสือมันก็มา ช้างกับเสือมาพร้อมกัน พระนั่นเขาอ่อนเลย ด้วยความตกใจนะ พออยู่ได้ไม่กี่วันแล้วเขาก็มาลาพระไป เวลาเขาลาไป พระเขาบอกเลย เวลาเขาออกไปเหมือนว่าเขาหลุดออกไปจากที่ที่หวาดเสียว รู้สึกว่าเขามีกำลังใจ รู้สึกว่าเขาฟื้นขึ้นมาเลยนะ เห็นไหม สิ่งที่เรามาอยู่ป่าๆ เรามาอยู่ป่าเพื่อทรมานหัวใจของเรา เรามาอยู่ป่าเพื่อทำลายกิเลสในใจ กิเลสที่มันอยู่สุขอยู่สบายของมัน มันดิ้นรน มันครอบงำ มันเหยียบย่ำหัวใจของเรา แล้วเราก็อ่อนด้อย เราไม่มีประสบการณ์

ครูบาอาจารย์ของเราท่านผ่านของท่านมา เวลาบวชพระ รุกฺขมูลเสนาสนํ เวลาบวชพระได้กรรมฐาน ๕ มา แล้วมันจะทำอย่างไร เราจะปฏิบัติอย่างไร เรามีทางวิชาการ เรามีการศึกษามา เรารู้ทั้งนั้นน่ะ แต่เราจะปฏิบัติอย่างไร เราทำไม่ถูก แต่เวลามีหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านพาทำๆ ท่านพาทำแล้วเราก็ทำตาม พอทำตามขึ้นมา ในสังคมทุกสังคมมีทั้งคนดีและคนชั่ว เวลาคนที่ดีๆ เขาก็พยายามดัดแปลงในหัวใจของเขา เขาปฏิบัติเพื่อชำระล้างกิเลสของเขา ไอ้คนชั่วมันก็อ้าง มันอ้างว่ามันอยู่ป่า มันเป็นพระป่า

ดูสิ ชนกลุ่มน้อยเขาอยู่ในป่าของเขา ถ้าอยู่ป่า อยู่กับสัตว์ป่าที่มันอยู่แล้วมีคุณงามความดี ละครสัตว์มันบังคับสัตว์เล่นให้คนดูด้วย ละครสัตว์มันบังคับช้าง บังคับสิงโต บังคับสัตว์ให้เล่นให้เราดูเลย ไอ้นั่นเป็นอาชีพของเขา เราไม่ต้องการปรารถนาทางโลกอย่างนั้น

เราปรารถนา เห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรม ครูบาอาจารย์ของเราท่านแสวงหาธรรม แสวงหาธรรม ธรรมมันมาจากไหน ธรรมมันมาจากตำรับตำราหรือ ธรรมมันมาจากประสบการณ์หรือ

ธรรมมันต้องจากหัวใจ ต้องชนะใจของตน ถ้าชนะใจของตนใจมันถึงสงบได้ พอใจสงบแล้วฝึกหัดใช้ปัญญาๆ มันจะเกิดขึ้นในหัวใจ เห็นไหม ที่เรามาอยู่มาทุกข์มายากกันอยู่นี่ไม่ใช่ว่าพระบวชแล้วจนตรอก ไม่มีที่อยู่อาศัย ต้องมาอาศัยอยู่ในป่า ในป่าที่มันไม่มีคุณค่า แต่พระเขามีความปรารถนาเพื่อคุณธรรมในหัวใจของเขา ถ้าเขาปรารถนาเพื่อคุณธรรมในใจของเขา ที่อยู่ดีๆ มากมายมหาศาล ที่เขาต้องการฆ่าที่ไปประดับบารมีเขามันมีมากมาย ทำไมพระเราไม่ไปอยู่ในสภาพแบบนั้น ทำไมพระเราจะต้องมาอยู่ในที่อับจน

อับจนของกิเลส กิเลสมันดิ้นรนไม่ได้ แต่ถ้าไปอยู่ในที่สุขสบาย กิเลสมันรื่นเริง ถ้ามันรื่นเริง นี่พูดถึงว่าทำไมต้องมาอยู่ป่า เวลาอยู่ป่าขึ้นมาแล้ว สิ่งที่ว่าเป็นสัตว์ป่าๆ สัตว์ป่า สัตว์ป่าที่ในชุมชน ในซาฟารี ในละครสัตว์ เขาก็มีสัตว์ป่าเหมือนกัน ทีนี้ว่าพอไปอยู่ในป่าๆ เขาอยู่เพื่อดัดแปลงตน เขาอยู่เพื่อ เห็นไหม เวลาเราไปอยู่ป่า โดยธรรมชาติของสัตว์ เวลามา ช้างมันมา มาทีแรกมันมาตัวหนึ่งก่อน แล้วมันมีลูก มันก็เอาลูกของมันมาเลี้ยงแถวนี้ พอลูกมันโตแล้ว แม่มันสละให้นะ พื้นที่นี้เป็นพื้นที่หากินของตัวแม่ ตัวแม่มันเข้าป่าลึกไป มันปล่อยให้ลูกมันมาอยู่แทนแถวนี้ แล้วลูกมันมาอยู่แทนแถวนี้ จนช้างกับหมามันเป็นเพื่อนกัน

ทีแรกพอช้างมา หมามันก็เห่า เห่าไปเห่ามา เห่าจนมันไม่เห่า มันเป็นเพื่อนกัน มันเป็นเพื่อนเพราะความคุ้นชิน เห็นไหม นี่พูดถึงว่าสัตว์ป่า เวลามันมา ไอ้สีดอมันมายืนอยู่ข้างหน้านี่ มายืนอยู่ขวางทางพระเลย แล้วประชาชนชาวบ้านเขามีเมตตา เขามีหัวใจนะ เขามานิมนต์พระบอกว่ากลัวแทนพระ ให้พระออกไปก่อนได้ไหม เพราะมันเป็นอันตราย ไม่ควรอยู่ในที่ที่อยู่ใกล้สัตว์ป่า

แต่พระเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่อหังการนะ บอกขออยู่อย่างนี้ เราอยู่ของเราได้ เพราะอะไร เพราะพระเขามีความมุ่งหมาย เขาไม่ต้องการยศถาบรรดาศักดิ์ ไม่ต้องการความยกย่องสรรเสริญจากใคร เขาต้องการชนะความกลัวในใจของเขา ในใจของเขา ใครไม่กลัว ให้คนมั่งมีศรีสุข ทุกข์จนเข็ญใจก็กลัวตายทั้งนั้นน่ะ กลัวตาย กลัวทุกข์กลัวยาก กลัวลำบากกลัวลำบน กลัวทุกคน ทุกคนกลัวทั้งนั้นน่ะ แล้วพระก็มาจากคน พระไม่มีความกลัวหรือ มี พระก็มีความกลัวในหัวใจ พระก็เป็นคนมีปัญญาที่ระลึกได้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว แต่พระมีความมุ่งหมาย มีความมุ่งหมายอยากจะประพฤติปฏิบัติ อยากจะค้นคว้าหาใจของตนให้ได้ มันต้องแลกมาด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยความกล้าหาญ ด้วยความกล้าหาญเผชิญกับสัจจะความจริง แล้วมีสติมีปัญญาใคร่ครวญพยายามรักษาไอ้ความกลัวนั้น พยายามรักษาด้วยสติปัญญาให้ความกลัวนั้นมันหายไปจากใจ พอความกลัวมันหายไปจากใจ มันจะเกิดความรื่นเริงความอาจหาญ มันมีคุณธรรมในหัวใจ หัวใจมันจะเบิกบาน หัวใจจะมีคุณค่ามากไง ถ้าหัวใจมีคุณค่า นี่ศีล สมาธิ ปัญญา

พอมันเป็นสมาธิขึ้นมาแล้วเราฝึกหัดใช้ปัญญา ฝึกหัดใช้ปัญญา ที่ครูบาอาจารย์ของเราพยายามกระตุ้น ครูบาอาจารย์ของเรา ธรรมทายาทๆ หลวงปู่มั่นเวลาท่านอยู่ หลวงตาท่านเล่าให้ฟัง “เราทำประโยชน์ขนาดนี้ หมู่คณะจะนึกได้หรือไม่” เห็นไหม ท่านทำเพื่อประโยชน์ ทำเพื่อประโยชน์ ท่านไม่ได้ทำเพื่อตัวท่านเองเลย เวลาทำเพื่อตัวท่านเอง ท่านก็ไปเชียงใหม่ ท่านทำประโยชน์ของท่านก่อน เวลาท่านสำเร็จแล้วมันจะมีประโยชน์อะไรเป็นของท่านล่ะ สิ่งที่ท่านทำๆ ธรรมทายาทๆ เห็นไหม

เวลาหลวงตาขึ้นไปทำข้อวัตร “มหา มหาเป็นผู้ที่มีพรรษามากนะ ไม่ต้องขึ้นมาก็ได้ ให้พระเล็กเณรน้อยมันขึ้นมา มันจะได้มีข้อวัตรติดหัวใจมันไป” ข้อวัตรคือการได้สัมผัส ข้อวัตรคือการได้อุปัฏฐาก ข้อวัตรคือได้การกระทำจากครูบาอาจารย์ ใครได้กระทำ เห็นไหม ใครได้กระทำ เราเป็นคนทำเอง ให้มันติดในหัวใจไป หัวใจนี้มันเคยทำ หัวใจนี้มันเคยแสวงหา หัวใจที่มันมีคุณธรรม ถ้ามันเป็นธรรมอย่างนี้ มันอยู่ป่าๆ เพื่อเหตุนี้ ไม่ใช่อยู่ป่าเพื่อเอาชื่อเสียง ไม่ใช่อยู่ป่าเพื่อให้คนเคารพ ไม่ใช่อยู่ป่าเพื่อมีทิฏฐิมานะ

พระป่าๆ พระมีสติปัญญาเขาอยู่มาเพื่อเอาสิ่งนั้น เอาชัยภูมินั้น เอาสถานที่นั้นเป็นที่ฝึกหัด เป็นที่ฝึกหัดให้หัวใจเข้มแข็งขึ้นมา แล้วถ้าเขามีคุณธรรมขึ้นมา เขาจะระลึกของเขา เขาจะสำนึกของเขา เวลาสำนึกของเขา หลวงตาท่านพูดประจำอีกแหละ เวลาคิดถึงชาวหนองผือๆ มันไม่มีตลาด พระ ๔๐-๕๐ เขาเลี้ยงกันได้อย่างไร แล้วเวลายายกั้งมองเข้าไปในบ้านผือ ธรรมธาตุในใจหลวงปู่มั่นสว่างไสวครอบ ๓ โลกธาตุ ธรรมะของครูบาอาจารย์เล็กลงมา มีดวงดาวดวงเล็ก ดวงน้อย ดวงใหญ่ นี่! นี่ครูบาอาจารย์ของเราท่านทำตรงนี้

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม ตรัสรู้ธรรมขึ้นมาใต้ต้นโพธิ์นั้น ในป่านั้น นี่เหมือนกัน ที่เรามาอยู่ป่าๆ กันนี่ ไม่ใช่อยู่เพื่อใครทั้งสิ้น อยู่เพื่อหัวใจนี้ อยู่เพื่อความเป็นจริงในหัวใจนี้ ให้หัวใจนี้มันเป็นสัจจะความจริงขึ้นมา แต่นี่มันเป็นอัตตสมบัติในหัวใจ อัตตสมบัติคือสมบัติแท้จริง สมบัติแท้จริงในใจของสัตว์โลก สมบัติแท้จริงคือความสุขความทุกข์ในใจ สมบัติแท้จริงคืออริยทรัพย์ในหัวใจนั้น แต่เวลาเกิดมาใน ๓ โลกธาตุ เราเกิดมามีพ่อมีแม่ เราเกิดมากับโลก คนเกิดมามีกายกับใจ เวลาเกิดมามีกายกับใจ เวลาเราอยู่ในสังคม เรามามันก็ต้องมีสังคม ปัญหาสังคมใช่ไหม เวลาเข้ามาอยู่ในสถานที่ใด สถานที่นั้นเขามีบุญมีคุณ นี่ในสถานที่นั้น

วันนี้จะเป็นวันทอดกฐิน ในชุมชนนั้นเขามีน้ำใจต่อกัน มีคุณงามความดี คณะศรัทธา คณะศรัทธาคือคณะเจ้าภาพเขามีกุศลจิตที่ดี เขาปรารถนามาส่งเสริม เขาปรารถนามาสร้างบุญกุศลในหัวใจของเขา เห็นไหม สิ่งที่เป็นคุณงามความดีๆ กระแสเข้ากันโดยธาตุ ธาตุมันพัดกระแสนั้นไป สิ่งนี้มาเกื้อกูลมาส่งเสริมกัน แต่ส่งเสริมกัน ส่งเสริมกันในบุญกุศล ในบุญกุศลในพระพุทธศาสนา ในบุญกุศลในพระพุทธศาสนาสำคัญที่เจตนา เจตนาที่สะอาดบริสุทธิ์ เจตนาที่ทำคุณงามความดี นี่อัตตสมบัติในใจ เราทำกันเพื่อศาสนา เราทำกันเพื่อความเป็นจริง

เราไม่ได้ทำกันเพื่อโลก เพราะทำตามนั้นมันกระแสโลกไง กระแสโลก โลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ ยศถาบรรดาศักดิ์ยกยอปอปั้นทำขึ้นไป พระก็เลยเป็นเครื่องมือของเขา พระก็เป็นเครื่องมือของโลก โลกต้องการสิ่งใด พระก็ส่งเสริมเขา พอส่งเสริมเข้าไป ต่างคนต่างทำให้เรียวแหลมกันไง

แต่ต่างคนต่างความเป็นจริง สังคม พื้นที่ที่ความเป็นจริง เขาเห็นพระลำบากลำบน เขาเห็นพระเผชิญภัยกับสัตว์ที่ไม่น่าไว้วางใจ เขายังมีน้ำใจนิมนต์ให้ออกไปอยู่ข้างนอกก่อน นี่ก็คือความปรารถนาดีของเขา แต่ความปรารถนาดีแบบโลกๆ ไง แต่ในหัวใจของพระ ในหัวใจของพระท่านก็อยากจะเผชิญกับสิ่งนี้ อยากเผชิญกับความจริง แล้วเผชิญกับความจริงเสียวสันหลังไหม เสียว เสือจริงๆ นะ มันตบๆ เก้งมาตายตรงนี้ ๒ ตัว หมานี่ไปตั้งหลายตัวแล้ว เสือเอาไปกินประจำ แล้วเราอยู่กับมัน อยู่กับมันด้วยอะไร อยู่กับมันด้วยสติ อยู่กับมันด้วยปฏิภาณไหวพริบ ต้องหลบต้องหลีก กลางคืนออกมาจากกุฏิต้องดูไว้ก่อน อะไรที่มันเคลื่อนไหว ตรงนั้นเข้าไปไม่ได้ นี่มันเป็นการระวังภัยตลอด

เวลาเราเกิดมา ภัยในวัฏสงสาร กามภพ รูปภพ มันเป็นภัยทั้งนั้นน่ะ มันเป็นภัยที่จิตนี้ยังเกิดในวัฏฏะ เราจะพ้นจากภัยๆ เราพ้นจากภัย เราไปอยู่ในสถานที่ในสมรภูมิในการฝึกหัดหัวใจของเรา ถ้ามันฝึกหัดหัวใจของเรา

ในวัดของเรา ๙ วัด วัดอื่นก็วัดป่าทั้งนั้นน่ะ แต่ส่วนใหญ่แล้วสัตว์ป่ามันไม่มี ที่นี่มันมีสัตว์ป่าด้วย พอสัตว์ป่าแล้วมันมีครบเลย พระเคยเจอเก้งตัวใหญ่ๆ เลย สัตว์ป่ามันมีเสียงร้องอยู่ตลอด มันเข้าไปถึงในป่าลึกหมดล่ะ ถ้ามันเข้าไปในป่าลึก สิ่งนี้เราจะบอกว่า มันเป็นบ้านของเขา เราไม่ต้องไปอหังการหรอก มันเป็นบ้านของเขา เรามาอาศัยเขาอยู่ ถ้าเรามาอาศัยเขาอยู่ แต่พระมาอยู่แล้วมันก็เป็นการป้องกันภัยให้เขา ป้องกันภัยให้เขาจนเขาไว้วางใจ แต่เดิมมันต้องระวังภัยทั้งนั้นน่ะ มันธรรมดา มันกลัวลูกปืน แต่พระมาอยู่แล้วพระจะค่อยๆ ขอเขา เพราะพระเป็นผู้มีศีล เพราะพระเป็นผู้มีศีล สิ่งใดที่เขามาพึ่งพาอาศัย นั่นน่ะมันเกิดคุณธรรมขึ้นมาตอบสนองมันไปตลอดเวลา สุดท้ายเดี๋ยวนี้มันไว้ใจ เดี๋ยวนี้มันเข้าไปอยู่เกือบชายบ้านแล้ว ช้างมันเข้าไปหากินในหมู่บ้านนั่นน่ะ

ไอ้กรณีนี้มันก็ธรรมดานะ สัตว์มันมีเนื้อเป็นสิ่งที่มีค่านะ เขาล่ามันเพื่อเอาเนื้อไปเป็นอาหาร คนเรา เนื้อเขาไม่กินกัน คนไม่กินคน แต่คนเอารัดเอาเปรียบกันด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก เพราะคนเอารัดเอาเปรียบกันด้วยตัณหาความทะยานอยาก แล้วก็เอารัดเอาเปรียบโลก เอารัดเอาเปรียบคนอื่นทั้งสิ้น

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้มีความเสมอภาคกัน สอนให้มีน้ำใจต่อกัน ความมีน้ำใจต่อกัน เรื่องของหัวใจๆ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าชี้เข้าไปที่ใจของสัตว์โลก ชี้เข้าไปในหัวใจของเรา ถ้าหัวใจของเรามันมีคุณธรรม หัวใจของเรามีคุณธรรมนะ มันทำได้ทั้งนั้นน่ะ มันพอใจจะทำ เพราะธรรมคืออะไร นี่อัตตสมบัติ สมบัติของใจๆ

ทางโลก ทางโลกเวลาเขาทำบุญกุศล อุทิศส่วนกุศลกัน แต่ของเราเวลาทำ เราทำของเราเอง ไม่ต้องให้ใครอุทิศให้เรา เวลาหลวงตาท่านนิพพานไป “ห้ามสวด กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา”

กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนพุทธมารดาจนได้เป็นพระโสดาบันนะ ไม่ต้องมาสอนเรา หลวงตาท่านทำเสร็จหมดแล้ว ท่านทำของท่านเสร็จแล้ว ไม่ต้องมาสอน แล้วท่านทำของท่านตามความเป็นจริงของท่าน

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราทำคุณงามความดีๆ ทำคุณงามความดีในใจของเรา ถ้าหัวใจมันชื่นบาน เราทำของเราเอง แล้วทำของเราเอง มันทำเพื่ออะไร มันทำเพื่อหัวใจดวงนี้ ไม่ได้ทำเพื่อให้ใครยกย่องสรรเสริญ ไม่ต้องทำให้เข้าสายตาใคร ไม่ต้องทำให้ใครมามองเห็น ไม่ต้อง อันนั้นมันให้คุณค่าเราไม่ได้ คุณค่าของเราอยู่ที่ศีล อยู่ที่สมาธิ อยู่ที่ปัญญา อยู่ที่การกระทำของเรานี่ ถ้าการกระทำของเรามันถูกต้องดีงาม นี่มันเป็นสัจจะ เป็นความจริง ถ้าเป็นสัจจะความจริง

เราบอกว่า ผู้ที่มีกุศลจิตเขาถึงได้ขวนขวายกันมา มาพึ่งพาอาศัยในพื้นที่ พื้นที่ เป็นเจ้าของพื้นที่ เขารักษาของเขาไว้เป็นพื้นที่ของเขา พื้นที่ของเขา เขาเป็นตู้กับข้าวของเขา เป็นที่ประโยชน์กับเขา นั่นประโยชน์กับโลก แต่เวลาพระมาๆ พระป่าๆ พระป่ามันอาศัยสังคมอยู่ เช้าขึ้นมาเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง นิสสัย ๔ อกรณียกิจ ๔ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนมาอย่างนั้น เวลาสอนมาอย่างนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ในป่า เวลาครูบาอาจารย์ของเรา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านมีคุณธรรมในป่า ท่านถึงสอนพวกเราให้มีการกระทำแบบนั้น แล้วถ้ามีการกระทำแบบนั้น ถ้ามันมีสัจจะมีความจริงขึ้นมา ทำเพื่อหัวใจ ทำเพื่อปราบปรามกิเลส ทำเพื่อละกิเลส ทำแล้วดีงามไปหมด ไม่กระทบกระเทือนใครเลย อาศัยเขาแค่ก้อนข้าว อาศัยเขาแค่น้ำใจ น้ำใจคือความปลอดภัย น้ำใจ ถ้าคนมีน้ำใจต่อกัน เขาคุ้มครองดูแลกันนะ มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง เขาคอยเตือนคอยบอกกัน ถ้าคนไม่มีน้ำใจมันทำลายกันทั้งนั้นน่ะ นี่อาศัยแค่นี้ แล้วอาศัยแล้วโลกเขาก็แสวงหาเพื่อโลกๆ เท่านั้นแหละ แต่พระแสวงหาธรรม ธรรมะที่ยิ่งใหญ่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เวลาพูดถึงชาติ ชาติคือสังคมที่รวมกันอยู่ สิ่งที่มันหลอมสังคมให้ร่มเย็นเป็นสุขก็คือเรื่องศาสนา แล้วถ้าศาสนา หลวงตาท่านพูดประจำ ไม่มีอำนาจวาสนา ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ วัดศาสนาอื่นๆ เขามีพระเจ้าของเขา เขามีที่พึ่งอาศัยของเขา เขามีที่อ้อนวอนของเขา เขามีที่เขาเคารพบูชาไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงปฏิเสธทั้งหมดเลย พระเจ้าไม่มี พระเจ้าก็คือหัวใจเรานี่เอง ผู้ใดทำความสงบของใจได้ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ใครทำความสงบของใจได้ คนนั้นเห็นพุทธะ พุทธะในหัวใจของตน พระพุทธศาสนาสอนลงมาที่ในใจของตน แต่เพราะมันเป็นอำนาจวาสนา จริตนิสัย คนเกิดมาแล้วอำนาจวาสนาบารมีคือเชาวน์ปัญญา เชาวน์ปัญญาของคนมันหยาบ เชาวน์ปัญญาของคนมันอาศัยแต่ข้างนอก มันอาศัยแต่ที่มันจะพึ่งพาอาศัย แต่มันไม่คิดเลยว่ามันจะอาศัยตัวมันเองได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนตรงนี้ สอนตรงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ย้อนกลับมาที่ใจเรา เราเป็นคนกราบคนไหว้ เราเป็นคนเคารพบูชา เราเป็นคนกระทำ ถ้ามันจะเกิดขึ้น มันต้องเกิดขึ้นมาจากใจของเรา เพราะใจเรามันเป็นต้นเหตุ ใจนี้เป็นต้นเหตุ ใจปฏิสนธิจิตเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ใจนี้เป็นต้นเหตุ เวลาจิตสงบแล้ว พิจารณาไปแล้วมันชำระล้างกิเลสขึ้นมา ก็กิเลสชำระล้างออกไปจากใจ ใจนี้เวลามันสำรอกคายกิเลสไปแล้ว ใจนี้พ้นจากกิเลสไป พอใจพ้นจากกิเลสไป นี่เป็นธรรมธาตุ มันรื่นเริงอาจหาญ มันมีคุณธรรมในใจไง

นี่ไง ถ้ามันเป็นอย่างนั้นแล้ว ถ้ามันเป็นอย่างนั้นแล้วนะ เวลาพาหิยะไปฟังธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ แล้วจะขอบวช ขอบวช องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก “เธอไม่มีบริขารจะบวชได้อย่างไร” ไปแสวงหาบริขาร ๘ อยู่ จนควายขวิดเสียชีวิตไป พระอรหันต์เสียชีวิตไป เวลาพระอรหันต์เสียชีวิตไป มีน้อยองค์นักที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จไปเผาศพให้เอง

พาหิยะๆ เป็นฆราวาส ฟังธรรมพระพุทธเจ้าจนเป็นพระอรหันต์ แล้วขอบวช นี่เขาสร้างเวรสร้างกรรมมาอย่างนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไม่มีใครรู้ได้หรอกว่าใครเป็นอย่างใด ใครมีอำนาจวาสนามากน้อยแค่ไหน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปทำศพให้เองเลย พระตื่นเต้นกันทั้งนั้นเลย

นี่ไง เวลาถ้ามันเป็นสัจจะเป็นความจริงในหัวใจแล้ว เรื่องโลก เรื่องความเป็นอยู่ โลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ มันก็อยู่ที่อำนาจวาสนาการกระทำมาเหมือนกัน การกระทำแบบทางโลก แต่ถ้าเป็นความจริงๆ สิ่งที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์มีค่าแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนปัจจุบันนี้ ถ้าปัจจุบันนี้ เราจะทำที่ปัจจุบันนี้ ถ้าปัจจุบันนี้ เราถึงทำปัจจุบันนี้ให้ดี แล้วถ้ามีครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์สอนอย่างนี้ไง

มาอยู่ป่าอยู่เขา ทางโลกเขาก็เห็นประโยชน์ทางโลกของเขา ถ้าเป็นทางพระ ทางพระเห็นประโยชน์ในการประพฤติปฏิบัติ เวลาประพฤติปฏิบัติแล้วมันก็เป็นสมบัติสาธารณะ สมบัติของสังคมโลกไง คนเรามีความลึกซึ้งกว้างแคบในหัวใจมากน้อยแค่ไหน ก็จะได้ประโยชน์จากสติปัญญาของตน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนที่นี่ กาลามสูตร ไม่ให้เชื่อใดๆ ทั้งสิ้น เชื่อความสุขความทุกข์ เชื่อข้อเท็จจริงในใจของเรา เชื่อผลของการประพฤติปฏิบัติของเรา เพราะเราเชื่ออย่างนั้น เราถึงขวนขวายกันมา

ผู้ที่มีกุศลจิตก็ขวนขวายมาเพื่อสร้างบุญกุศลของตน พื้นที่เขาก็ได้ประโยชน์จากสังคม ประโยชน์จากป่าจากเขา จากอากาศ จากอาหาร จากน้ำ พระก็ได้สิ่งนี้เป็นที่พึ่งอาศัย พระก็อาศัยสิ่งนี้เป็นที่ประพฤติปฏิบัติ การแสวงหาของแต่ละบุคคล แต่ละที่หัวใจที่กว้างแคบต่างกัน ก็แสวงหาจากในโลกนี้เหมือนกัน

สัตว์ สัตว์ที่มันมาพึ่งพาอาศัย สัตว์ที่มันเกิดมาที่นี่ สัตว์ที่มันเกิดมาโดยธรรมชาติของมัน มันก็เป็นผลของวัฏฏะๆ อบายภูมิ ๔ อบายภูมิตั้งแต่สัตว์เดรัจฉานไป มันก็ปรารถนาความสุขเหมือนกัน ถ้ามันปรารถนาความสุข ถ้ามันไม่มีชายผ้าเหลือง ไม่มีผ้ากาสาวพัสตร์ของพระมาคุ้มครองมัน ชีวิตมันจะทุกข์ยากไปกว่านี้ แต่เพราะนี่มันมีผ้ากาสาวพัสตร์ มีพระเข้ามาประพฤติปฏิบัติ มันก็ได้อาศัยผ้าเหลืองนี้เป็นที่ปลอดภัยกับชีวิตของเขาเหมือนกัน นี่ไง ถ้าสังคมโลกๆ สังคมโลกอย่างนี้

ฉะนั้น วันนี้พระจำพรรษาที่นี่ครบไตรมาส จะมีการทอดกฐิน การทอดกฐินนี้เป็นครั้งที่ ๒ ครั้งแรกมาทอดตอนนั้นยังเป็นกระต๊อบอยู่ ทอดมาเพื่อสร้างศาลาหลังนี้ สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่นี่ นี้ทอดครั้งที่ ๒ ก็เพื่อสังคมของสงฆ์ เพราะเราก็จะไปพัฒนาวัดต่อเนื่องไป แต่ยังไม่บอกว่าพัฒนาที่ไหน เพราะไม่ต้องการเบียดเบียนใคร ไม่ต้องการให้ใครกระทบกระเทือน ไม่ต้องการให้ใครมาเป็นความลำบากใจ เราทำปิดทองหลังพระๆ เพื่อประโยชน์กับสังคมต่างๆ เพราะไม่ต้องทำการสิ่งใดทั้งสิ้น

ฉะนั้น ถึงคราวที่เราจะทอดกฐิน พูดถึงเทศนาว่าการเพื่อให้เห็นถึงบุญ ให้เป็นบุญกุศล ให้เห็นถึงอุดมการณ์เป้าหมายของเราที่เราจะกระทำ ให้มันเป็นสมบัติของเรา สมบัติที่มันเป็นนามธรรม สมบัติที่เราทำเสร็จแล้วทำทิ้งเหวๆ แต่จิตใจยิ่งใหญ่ ทำทิ้งเหวคือทำไว้ในโลกนี้ไง มันก็ไม่พ้นในหลวงเนาะ ท่านทำทิ้งไว้ทั้งชีวิต เวลาท่านจากไป ท่านทำไว้เพื่อใคร ท่านทำให้กับคนตาดำๆ ทั้งนั้นน่ะ ท่านไม่ได้ปรารถนาทำให้ใครเลย แต่เวลาท่านล่วงไปแล้วทุกคนระลึกถึงท่านหมด เราทำไว้กับโลกนี้ให้เป็นสมบัติของโลก เอวัง