เทศน์เช้า วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ ธรรมะคือสัจจะ สัจจะมันมีสัจจะ สมมุติสัจจะ อริยสัจจะ วิมุตติสัจจะ เวลาสัจธรรมเกิดขึ้น เกิดขึ้นจากความเป็นจริง แต่ความเป็นจริง แต่เรามันไม่จริงไง เราจริงตามสมมุติสัจจะ เวลาจริงตามสมมุติสัจจะ เราเกิดมาโดยสมมุติ เราเกิดมาเป็นจริงโดยสมมุติไง สมมุติคือชั่วคราว เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ นี่สมมุติสัจจะ
เวลาอริยสัจจะ สัจธรรมความจริงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประพฤติปฏิบัติธรรมถึงสิ้นสุดแห่งทุกข์ วิมุตติสัจจะ อันนั้นยิ่งมีความสุขอย่างเลิศๆ แต่ความสุขอย่างเลิศมันละเอียดลึกซึ้งจนเราเข้าใจไม่ได้ เพราะมีคนถามทุกวัน นิพพานเป็นอย่างไร นิพพานเป็นอย่างไร
ถ้านิพพานเป็นอย่างไร เอ็งไม่รู้หรอก เอ็งรู้แต่ทุกข์ ทุกข์ในใจเอ็งรู้ แต่เราไม่รู้สัจจะอันนั้น แต่เราศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็พยายามจะประพฤติปฏิบัติสร้างอำนาจวาสนาบารมีของเรา
คนเราเกิดมาจากพ่อจากแม่นะ เราเกิดมาจากสัจจะความจริงนะ เรามีพ่อมีแม่ พ่อแม่เกิดมา พ่อแม่มีลูกมาก็อยากให้ลูกเราประสบความสำเร็จ อยากให้ลูกเราเป็นคนดี อยากให้ลูกเป็นคนดี ลูกเราก็มีพ่อมีแม่ เวลามีพ่อมีแม่ เราเกิดมา เกิดมาร่มโพธิ์ของในหลวง เราเกิดมามีความสุขพอสมควรในอัตภาพของแต่ละคน ถ้าคนเขาเกิดมาเขามีบุญกุศลของเขา เขาทำความสำเร็จของเขา เขาก็พยายามระลึกถึงไง บุญคุณของแผ่นดินที่ให้เขาทำมาหากินของเขา เวลาคนเขาเกิดมาทุกข์เกิดมายาก เราทำไมเกิดมาทุกข์เกิดมายากในแผ่นดินนี้ ทำไมเราเกิดทุกข์เกิดยากในแผ่นดินนี้ เกิดมาทุกข์ยากในแผ่นดินนี้ แต่เราก็ยังมีชีวิตไง เราก็ยังมีโอกาสประพฤติปฏิบัติไง เราก็มีโอกาสทำมาหากินของเราไง ถ้าทำมีโอกาสทำมาหากิน เห็นไหม
เวลาในหลวงท่านสิ้นไป ฟ้าร้องไห้ๆ แผ่นดินร่ำไห้ แผ่นดินร่ำไห้เพราะอะไรล่ะ เพราะความดีของท่าน คนเรายอมจำนนกับความดีอันนั้น แล้วใครปฏิเสธไม่ได้ไง แต่ความดีอย่างนั้นต้องคนจิตใจที่ยิ่งใหญ่ คนจิตใจที่ยิ่งใหญ่ทำสิ่งใด ทุกคนทำงานต้องประสบอุปสรรค ใครทำงานสิ่งใดแล้วมันจะประสบความสำเร็จไปทุกๆ เรื่องมันเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม เราเกิดมา เกิดมาในสังคมใช่ไหม สังคมมีทั้งคนดีและคนเลวใช่ไหม สังคมที่คนเลว ที่ไหนมันมีความดี ที่ไหนมันมีผลประโยชน์ของมัน มันจะหาที่นั่นน่ะเป็นที่แสวงหาผลประโยชน์ของมันไง คนที่เขาทำคุณงามความดีที่ไหนมันก็เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ที่นั่นไง
แต่ในเมื่อจิตใจที่ยิ่งใหญ่ จิตใจที่เป็นธรรม ท่านก็มีหลักการของท่าน ท่านก็พยายามทำของท่านให้ประสบความสำเร็จของท่าน อุปสรรคมันมีทั้งนั้นน่ะ ที่ไหนก็มีคนดีและคนเลวผสมกันไปทั้งนั้นน่ะ คนดีและคนเลว ในคนคนหนึ่งก็ยังมีดีมีเลวในตัวของคนคนนั้น ถ้าเรามีสติมีปัญญาอย่างนี้ เราพยายามเอาสิ่งนี้มาเป็นคติธรรมกับเรา เป็นคติธรรมเป็นแบบอย่างไง ชาวไทยเราตอนนี้บอกเลย จะทำดีเพื่อพ่อ ทำดีเพื่อพ่อ
ถ้าทำดี ทำดีก็เป็นผลของเราไง เวลาทำดีเพื่อพ่อ ทำเพื่อพ่อของเรา แต่ในครอบครัวเขามีความสุข เขาทำดีเพื่อพ่อ เขาร่ำรวยของเขา เขาทำดีเพื่อพ่อ เขาได้ยศถาบรรดาศักดิ์ของเขา เพราะความดีของเขาให้ผลกับเขาๆ นี่เราทำดีเพื่อพ่อ ทำดีเพื่อพ่อ ผลความดีก็เป็นของผู้กระทำนั้น เห็นไหม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ฉะนั้น เราเกิดกับร่มโพธิร่มไทรที่เป็นคุณงามความดี มันเป็นบุญกุศล มันเป็นโอกาสไง แล้วเวลาเด็กรุ่นใหม่ เวลาเด็กรุ่นใหม่ให้สัมภาษณ์ เสียดายเราเกิดไม่ทัน เกิดมาก็ท่านชราภาพแล้ว เห็นแต่พ่อแม่เล่าให้ฟัง พ่อแม่เล่าให้ฟัง
นี่เขาไม่เห็น แล้วรุ่นต่อไปก็ไม่เห็น ตอนนี้เป็นประวัติศาสตร์แล้ว ใครจะไม่เห็นมันเป็นประวัติศาสตร์แล้ว ทีนี้ประวัติศาสตร์นี้เราเกิดมาร่วมบุญด้วยกัน เราเกิดมาแล้วเรามีอำนาจวาสนา เราเกิดมาได้เห็น ได้เห็นเพราะตำรับตำราสอนไว้
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน สิ่งที่ปรินิพพาน พระอานนท์บอกเลย บอกไปปรินิพพานที่เมืองเล็กเมืองน้อย ให้ไปนครราชคฤห์ เมืองที่ยิ่งใหญ่ไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกที่นี่มันเมืองที่ยิ่งใหญ่ แต่ก่อนไม่มีเวลากลางวันกลางคืนเลย คนพลุกพล่านมากเลย สรรพสิ่งในโลกเป็นอนิจจัง ความแปรสภาพของมันไป ความแปรสภาพของมันไป เห็นไหม ในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายืนยันไว้มหาศาล พระโพธิสัตว์ๆ ผู้ที่สร้างคุณงามความดีๆ เราก็เห็นในตำรับตำราไง
เราได้มาเห็นคนจริงๆ เห็นชีวิตจริงๆ การกระทำจริงๆ แล้วเราได้เห็นกับตาของเรา สิ่งที่ความยิ่งใหญ่นี้ก็เป็นความยิ่งใหญ่ของท่าน เราได้รู้ได้เห็น เราได้รู้ได้เห็นมันก็เป็นบุญกุศลของเรา บุญกุศลของเรา เราได้ใช้ชีวิตของเรา ชีวิตหนึ่งได้เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของเรา นี้ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมมุติสัจจะ อริยสัจจะ อริยสัจจะเป็นความจริงๆ ความจริงต้องเป็นอย่างนี้ ความจริง นี่เราค้านความจริงไม่ได้
เวลาเราศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเราก็บอกว่าเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องธรรมดา ทุกคนต้องมีการเกิด มีการแก่ มีการเจ็บ แล้วก็ต้องมีการตายเป็นธรรมดา ถ้าเป็นธรรมดา อนาคตข้างหน้าเราต้องแก่เฒ่า เราต้องชราไปเป็นธรรมดา แล้วเราก็ต้องล่วงไปเป็นธรรมดา ธรรมดาแล้วถ้ามีสติปัญญา ธรรมดาทางโลกเราก็ทำ ทางโลกก็ทำเพราะอะไร เพราะเรามีชีวิต คนเกิดมามีชีวิต ชีวิตนี้มันต้องการปัจจัยเครื่องอาศัย คนที่ขาดปัจจัยเครื่องอาศัยก็เป็นความทุกข์อันหนึ่ง
เวลาอุดมการณ์ของท่าน เห็นไหม ท่านมีอุดมการณ์ต่อสู้กับโรคหิว ความหิวโหยของสัตว์โลกกับความทุกข์ความยากของคน แต่ท่านไม่เอาตัวบุคคล ท่านเอาภาพใหญ่ ต่อสู้กับความหิวความโหยของคน ทีนี้ความหิวความโหยของคน เราเกิดมา เราเกิดมาเป็นสิ่งมีชีวิต มันก็ต้องมีอาหาร ถ้าไม่มีอาหารมันก็หิวโหยของมัน เราก็ทำหน้าที่การงานของเรา ทำเพื่อประโยชน์กับเรา ประโยชน์กับเรา นี่ดำรงชีพไง ถ้าดำรงชีพแล้ว ถ้าอริยสัจจะ สัจจะขึ้นมาแล้ว อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ถ้าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน สิ่งนั้นร่มโพธิ์ร่มไทรของเราท่านคุ้มครองดูแลเราเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขทางโลกไง แต่ถ้าเอาความจริงๆ คนเราต้องฉลาด พอคนฉลาดก็ทำคุณงามความดี เอาท่านเป็นแบบอย่างทำคุณงามความดี พอทำคุณงามความดีแล้วมันก็เห็นประโยชน์กับเราไง ถ้าจิตใจมันดีขึ้นๆ มันก็อยากจะหาความจริงแล้ว
ถ้าอยากหาความจริง อยากจะประพฤติปฏิบัติ ถ้าอยากประพฤติปฏิบัติ นั่นน่ะ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนไง ถ้าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ชี้ทาง เห็นไหม เราเป็นคนบอกทางๆ พวกเธอต้องเป็นผู้ที่ขวนขวายเอง ต้องปฎิบัติเอง มัคโค ทางอันเอก อันเอกตรงไหน อันเอกมันอันเอกในหัวใจไง เวลาหัวใจที่มันทุกข์มันยาก นี่มันมีกิเลสตัณหาความทะยานอยากไง ถ้ามีสติขึ้นมา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สติธรรม สมาธิธรรม ปัญญาธรรม สติธรรม สมาธิธรรม ปัญญาธรรม ศึกษากันมาจนหัวผุ ศึกษามา ๙ ประโยค ๑๐ ประโยค ศึกษามาทั้งนั้นน่ะ เขาศึกษามาให้ปฏิบัติ เขาไม่ได้ศึกษามาให้ไปยึดถือว่าเป็นของตนๆ มันเป็นของตนไม่ได้ มันเป็นความจำ ความจำจำธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง
เราเกิดมา เกิดมาเป็นชาวพุทธ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เกิดขึ้นเพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม วิมุตติสัจจะ เสวยวิมุตติสุขๆ ในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วบอกอริยสัจจะ อริยสัจจะให้เราประพฤติปฏิบัติชี้ทางๆ ไง ถ้าชี้ทาง มีสติมีปัญญา เราจะขวนขวายของเรา ถ้าขวนขวายของเรา
ทาน ทานคือการกระทำ ทำเพื่อคุณงามความดี คุณงามความดีของใคร คุณงามความดีของผู้เสียสละ หลวงตาท่านสอนประจำ ผู้ที่เสียสละทานๆ เขาได้หว่านได้ไถของเขา เวลาผลออกมาเป็นของเขาทั้งนั้น ชาวนาทำนาก็ได้นา เวลาชาวนาเขาเก็บเกี่ยวนะ ข้าวก็เป็นของเขาทั้งนั้น พื้นนาๆ ภิกษุเป็นเนื้อนาบุญของโลก เป็นผู้ที่ให้เสียสละ ไอ้ได้มาก็ได้แต่ฟางข้าว ได้แต่ฟางข้าว ได้แต่ตอข้าวที่มันอยู่ในดินนั่นน่ะ นี่ฟางข้าวไง แล้วไปตื่นเต้นอะไรกับมัน โมฆบุรุษตายเพราะลาภ โมฆบุรุษมันหลงใหลได้ปลื้มไปกับโลกธรรม ๘ ไง
นี่มันระดับของทาน เราทำบุญกุศลของเราๆ เพื่อให้จิตใจมันเข้มแข็งขึ้นมา ถ้าจิตใจมันเข้มแข็ง เราเสียสละไป บุญกุศลคืออะไร คือความสุขไง ถ้าเรามีเจตนาอยากทำบุญ ทำบุญแล้วสบายใจ ทำบุญแล้ว สิ่งที่แบบว่าเป็นหยากไย่ เป็นขยะในใจ มันปัดทิ้งไปๆ
เวลาวัฒนธรรมอื่น เวลาเช้าขึ้นมาเขาจะไปทำงาน เขาเข้าวัดก่อน เขาไปกราบพระ แล้วสุดท้ายเวลาเขาจะกลับบ้าน เขาก็กราบพระ เขาไปกราบพระนะ กราบพระๆ นี่หัวใจ หัวใจอยู่กับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก่อนจะไปทำงานก็กราบพระ วันนี้ขอให้โชคดี ทำงานแล้วให้ประสบความสำเร็จ เวลาจะกลับบ้านก็กราบพระ กราบพระก็นอนอย่าให้ฝันร้าย ขอให้ฝันดี เขาก็ทำมาหากินของเขา นี่วัฒนธรรมของเถรวาทเขา
ไอ้ของเรา วัฒนธรรมของเรา เราก็ทุนนิยมๆ ทุนนิยมเข้าไปมันก็เลยเป็นธุรกิจไปหมดเลย ถ้าเป็นธุรกิจไปมันก็เป็นอย่างนั้นน่ะ เพราะอะไร เพราะพระบวชมา พระบวชมาต้องมีเป้าหมาย เป้าหมายคืออยากประพฤติปฏิบัติขึ้นมาให้สิ้นสุดแห่งทุกข์ ถ้าสิ้นสุดแห่งทุกข์ ถ้าเรามีแบบอย่างที่ดี ถ้ามีสติมีปัญญามันจะทำของเรา
แล้วพอทำของเราแล้ว เราเข้าไปวัดนะ เราเข้าไปกราบพระ ธรรมดา แล้วเดี๋ยวนี้มันทุนนิยม ก็เอาพระพุทธรูปไปไว้ที่บ้าน ห้องพระ จะไปกราบพระ ห้องพระไม่เคยเปิดเข้าไปเลย เวลาทุกข์ มันอมทุกข์อยู่ในใจนั่นน่ะ นี่ไง ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมา นั่นเขากราบพระเอาไว้ในบ้าน
แต่ถ้าเราจะกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบพุทธะ กราบหัวใจของเรา กราบพุทโธ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน นั่นน่ะมันจะเข้ามานี่แล้ว ถ้ามันจะเข้ามา อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนไง ตนเท่านั้นเป็นผู้ปฏิบัติ ตนเท่านั้นที่จะรักษาหัวใจของตนได้ ถ้าตนรักษาหัวใจของตนได้ เราเกิดในร่มไพธิ์ร่มไทรของในหลวงท่าน แต่เวลาท่านทำคุณงามความดีของท่าน ความดีทางโลก นี่สัจจะความจริง เกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องธรรมดา การเป็นเรื่องธรรมดา คนที่ยิ่งใหญ่ คนที่ทำคุณงามความดีไว้เวลาตายไป แผ่นดินไหวเลยล่ะ โลกธาตุไหวไปหมดเลย มีแต่ความทุกข์ความโศก เห็นไหม ความทุกข์ความโศกนั้นมันก็เป็นความจริง เป็นความจริงในสมมุติสัจจะ อริยสัจจะ ความจริงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แต่ถ้าเราจะเอาความจริงๆ ของเรา เราจะเอาวิมุตติสัจจะ ถ้ามันเป็นสัจจะความจริงขึ้นมา ถ้าสัจจะความจริงขึ้นมา หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ อยู่ที่ไหนก็ได้เวลาเศร้าโศกหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เวลามันเศร้าโศกขึ้นมา นี่ธรรมโอสถๆ ธรรมโอสถจะมาชโลมหัวใจของเรา ถ้าชโลมหัวใจของเรา ถ้ามันเป็นถึงคราวของเรา คราวของเราเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา เรามีสติมีปัญญา เวลามันเจ็บป่วยขึ้นมาก็เจ็บป่วยที่ร่างกายนี้ไง ถ้าหัวใจมันชื่นบาน นี่อริยสัจมันแสดงตัวแล้วล่ะ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มันแสดงตัวแล้ว มันทุกข์เกิดขึ้นแล้ว สมุทัยคืออยากให้มันหาย อยากให้มันค้ำฟ้า อยากให้มันอยู่ชั่วกาลนาน นี่สมุทัย พอสมุทัย ถ้ามันมีสติมีปัญญาขึ้นมา เป็นมรรคขึ้นมา เวลามันนิโรธมันก็ปล่อยวางของมัน ถ้ามีสติปัญญา เวลาผู้อื่นเขาเกิด แก่ เจ็บ ตาย เราเห็นแล้ว ด้วยบุญกุศล ด้วยคุณงามความดีของท่าน เรายังสะเทือนใจเลย แล้วถึงเวลาแล้วเราต้องเป็นอย่างนั้นเสียเอง เราเกิดมาแล้วเราแก่ชราภาพไป เราเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วเราจะต้องดับขันธ์ไป ถ้าดับขันธ์ไป เราจะมีอะไรเป็นสมบัติของเรา ถ้าสมบัติของเรา เราทำบุญเพื่ออุทิศในหลวง เราทำบุญเพื่อคุณงามความดี นี่คุณงามความดี
การกระทำๆ กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน จิตที่มันได้กระทำแล้วมันรื่นเริงมันอาจหาญนะ มันรื่นเริงมันอาจหาญเพราะมันรู้ไง เราตอกย้ำความคิดอยู่อย่างนี้ ฟังธรรมๆ ฟังธรรมตอกย้ำหัวใจเราไง นี่มันเป็นความจริงๆ ความจริงต้องเกิดขึ้นแน่นอน แต่เกิดขึ้นวันใดเท่านั้น ถ้าเกิดขึ้นวันใดแล้ว ถ้าจิตใจมันเข้มแข็งแล้ว จะเกิดขึ้นนะ มาเลย มันกวักมือเรียกเลยนะ อยากไปเจอความจริง อยากไปเจอความจริง ถ้าเจอความจริงแล้วมันใช้สติปัญญาของมัน
ดูสิ เวลาครูบาอาจารย์เราที่ท่านประพฤติปฏิบัติ ธรรมะอยู่ฟากตาย ธรรมะอยู่ฟากตายน่ะ เวลาปฏิบัติขึ้นไปมันล่อลวงทั้งนั้นน่ะ นั่งไม่ได้นะ นั่งไม่ได้ เดี๋ยวจะพิการ นั่งไม่ได้นะ ไม่มีครูบาอาจารย์คอยควบคุม เดี๋ยวมันจะสติแตก นี่จะทำความดีมันละล้าละลังทั้งนั้นน่ะ แต่ถ้ามันจะทำตามกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ทำตามพอใจของมัน โอ้โฮ! เปิดโล่งเลย นี่ไง ถ้าเวลากิเลสมันพาไปๆ มันพาไปอย่างนั้นน่ะ
แต่ถ้าเป็นความจริงๆ ขึ้นมา เราประพฤติปฏิบัติให้เป็นความจริงของเรา ถ้าเป็นความจริงของเรา หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ให้มันสงบระงับเข้ามา ถ้ามันสงบระงับเข้ามามันเป็นความจริงของเรา เห็นไหม อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตนรู้ของตนเองขึ้นมาในหัวใจ ถ้ามีสติ มีสมาธิ มีปัญญา
จากที่เราศึกษา เราค้นคว้ามา พระพุทธศาสนาสอนให้มีการศึกษา ศึกษาเป็นแนวทางๆ เท่านั้น ถ้าศึกษามาให้ประพฤติปฏิบัติ เวลาปฏิบัติตามความเป็นจริงขึ้นมา ให้มันเกิดขึ้นมาในหัวใจของเรา ถ้ามันเกิดขึ้น อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน มันซาบซึ้งมาก มันเป็นความมหัศจรรย์ ความมหัศจรรย์จากภายในไง
ความมหัศจรรย์จากภายนอก เขาบอกว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก สิ่งมหัศจรรย์ของโลกมันเป็นความมหัศจรรย์ มหัศจรรย์เป็นมนุษย์สร้างขึ้นมา มันจะเก่าแก่หรือมันจะสมัยใหม่มันก็เป็นความมหัศจรรย์ของโลก
แต่ความมหัศจรรย์ของใจ ความมหัศจรรย์ของใจไม่มีใครรู้ได้ไง รู้ได้แต่สุขทุกข์ในหัวใจนั่นน่ะ สุขทุกข์เวลามันอมทุกข์นั่นน่ะรู้ได้ เวลามันพอใจ มันด้วยอามิสไง ด้วยปรารถนาสิ่งใดสมความปรารถนา มีความสุข มีความสุข เดี๋ยวมันก็จางไป แต่ถ้าเป็นความจริงๆ มันเป็นสัมมาสมาธิ จิตของเราแท้ๆ ของของเราแท้ๆ เวลามันสงบขึ้นมามันฝังใจมาก ถ้ามันฝังใจมาก ถ้าสิ้นชีวิตไปพร้อมกับเป็นสัมมาสมาธิ เกิดบนพรหมนะ
นรกสวรรค์มันไม่มีอีกล่ะ ถ้าเกิดบนพรหม พรหมที่ไหน เชื่อยังไม่เชื่อเลย ทำยังทำไม่ได้เลย แต่ถ้ามันทำได้ เอ็งจะเชื่อหรือไม่เชื่อนะ เวลาคนทำสมาธิได้ แล้วถ้าเขามีสติปัญญาพอ ส่วนใหญ่ทำสมาธิได้แล้วสติปัญญาเขาไม่เข้าใจไง อันนี้มันคืออะไร นี่มหัศจรรย์ อันนี้มันคืออะไรน่ะ นั่นล่ะหนึ่ง จิตหนึ่ง
เวลาจิตหนึ่งขึ้นมา ใน ๓ โลก กามภพ รูปภพ อรูปภพ รูปภพ อรูปภพ ความเป็นพรหมนี่หนึ่งเดียว ขันธ์เดียว เวลาเกิดเป็นพรหมขันธ์ ๑ เกิดเป็นเทวดาขันธ์ ๔ เกิดเป็นมนุษย์มีขันธ์ ๕ เกิดนรกอเวจีนั่นน่ะจิตวิญญาณ
เวลามันเป็นไป สุคโต สุคโตในปัจจุบันนี้มันจะไปสุคโตข้างหน้า จิตมันเป็นปัจจุบันนี้ เวลามันตายแล้วจะไปไหน ถ้าเป็นความจริง คนที่เขารู้จริงเขารู้จริงอย่างนั้นไง แต่ไอ้เราไม่รู้จริงไปเห็นแล้วงงไง เหมือนมีตังค์ ถือตังค์ไปถามเขาเลย ตังค์ฉันมันปลอมหรือไม่ปลอม...ก็มันตังค์ นี่ก็เหมือนกัน เวลาจิตมันเป็นก็ไม่รู้ ไม่รู้ทั้งนั้นน่ะ นี่ไง นี่พูดถึงอำนาจวาสนาของคน ถ้าอำนาจวาสนาของคน ที่เราศึกษานี้ เราประพฤติปฏิบัตินี้ก็เพื่อความเข้าใจของเรา ถ้าความเข้าใจของเรา เวลาเราปฏิบัติไป เอ๊อะ! ใช่หรือไม่ใช่ ใช่หรือไม่ใช่
ใช่หรือไม่ใช่มันก็ละล้าละลังๆ นี่โทษของการศึกษา โทษของการศึกษาเวลาปฏิบัติมันจะมีผลอย่างนี้ เรารู้หมดเลย ศีล สมาธิ ปัญญา มรรคผลรู้ทั้งนั้นเลย แล้วมันก็ไม่ได้เป็นจริงสักอย่างหนึ่ง เวลาปฏิบัติไปแล้วมันสร้างภาพ จะเป็นอย่างนั้นน่ะ สร้างภาพ กิเลสมันพลิกมาหลอกเราไง เวลามันทุกข์มันยากมันก็อย่างหนึ่งนะ ศึกษาความรู้นี่เยอะมาก เวลาปฏิบัติไป ความรู้นั้นมันพลิกแพลงมาเป็นจินตนาการ แล้วจินตนการไปแล้วละล้าละลังอยู่อย่างนั้นน่ะ ปฏิบัติไม่ได้ เวลาคนที่มีอำนาจวาสนา เวลาเขารู้แล้ว รู้แล้วก็วางไว้สิ เวลาไม่รู้ก็กลัวจะปฏิบัติผิดพลาด เพราะไม่รู้ถึงต้องศึกษา เวลาศึกษามาแล้วเป็นสมบัติยืมมา สมบัติของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ของเรา ถ้าของเรา เราต้องปฏิบัติขึ้นมาให้เป็นความจริง
ถ้าเป็นความจริงขึ้นมา เป็นสมาธิ เออ! สมาธิ เป็นบ่อยๆ ครั้ง บ่อยๆ ครั้งมีความชำนาญของมัน เวลามันฝึกหัดใช้ปัญญา อ๋อ! ภาวนามยปัญญาเป็นอย่างนี้เอง ปัญญาที่เกิดขึ้นจากภาวนามันไม่เกิดจากตำราเล่มไหนเลย มันไม่เกิดจากการศึกษามาจากไหนเลย มันไม่เกิดจากครูบาอาจารย์คอยชี้แนะเลย มันเกิดขึ้นมาจากการกระทำของเรา นี่ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ปัจจัตตังๆ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ชี้ทาง เวลาปฏิบัติไป โอ้โฮ! โอ้โฮ! นี่ไง สัจธรรมๆ มันเป็นแบบนี้ มันถึงเป็นสัจจะความจริงในหัวใจ ถ้าเป็นสัจจะความจริงในหัวใจ
ที่เราทำบุญกุศลกัน เราเกิดมา พ่อแม่ก็อยากให้ลูกได้ดี ลูกก็อยากเจอพ่อแม่ที่ดี แต่ในโลกปัจจุบันนี้มันก็เป็นสัจจะความจริง สรรพสิ่งในโลกนี้มันเป็นอนิจจัง มันต้องเปลี่ยนแปรสภาพของมันไป นี่เป็นอริยสัจจะ แต่ถ้าเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เราวิมุตติสัจจะ วิมุตติคือความสุขจริงในหัวใจของเรานี้ เรามีโอกาสทำได้ทุกๆ คนนะ เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนที่นี่
คุณสมบัติของคนดี เราต้องมีความกตัญญู เรากตัญญูกับพ่อกับแม่ เรากตัญญูกับถิ่นเกิด เรากตัญญูกับผู้มีบุญคุณ คนดี คนดีต้องคิดดี คนดีต้องมีความคิดดีๆ คนดีต้องมีแนวคิดที่ดี แล้วมันจะพาหัวใจเราไปทางที่ดี
ถ้าคนเลวมันคิดแต่เรื่องเลวๆ คิดว่ามันจะเป็นประโยชน์กับมัน เพื่อผลประโยชน์กับมัน แล้วมันจะไม่ได้อะไรเลย มันจะได้บาปกรรมไง ความคิดที่เลว ทำสิ่งที่เลว มันทำให้หัวใจนี้หนักหน่วง ทำให้หัวใจนี้มีแต่ความทุกข์ความยาก
ฉะนั้น เรามีสติมีปัญญา เราต้องฝึกหัดใจของเรา เวลามันคิดเลว เบรกไว้ ถ้ามันคิดดี เหยียบคันเร่ง แล้วฝึกหัดให้คิดดีๆ ให้หัวใจของเรามีความกตัญญูกตเวทีกับหัวใจของเราเองไง
ใจของเรามันโง่ มันโง่เพราะมันโดนกิเลส กิเลสที่ว่ามันเลวร้ายมันฉลาด มันควบคุมไว้จนทำให้เราคิดอะไรไม่เป็น แต่ถ้าวันไหนเราพิจารณาของเราด้วยสติปัญญาของเรา ด้วยสติปัญญาของเรานะ แยกแยะของเรา เราจะเห็นความคิดเลวๆ นั้น เพราะกิเลสมันยั่วมันยุมา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานที่มีสติปัญญารักษา มันจะโผล่ขึ้นมา มันจะผุดขึ้นมา ดอกบัวบานกลางหัวใจ ความคิดคุณงามความดีบานท่ามกลางหัวใจของเรา เอวัง