เทศน์พระ

ไม้ล้ม

๑๘ พ.ย. ๒๕๖o

 

ไม้ล้ม
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์พระ วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมเพราะเราบวชมาเป็นพระบวชเป็นพระเห็นไหม เวลารัตนตรัยของบริษัท ๔พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นี่รัตนตรัยพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธัมมจักฯ นะพระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม เพราะว่าพระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม นั่นเป็นสงฆ์องค์แรกของโลกถึงมีรัตนตรัยมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ให้กับชาวพุทธเราถือเป็นที่พึ่งที่อาศัย

นี่เป็นแก้วสารพัดนึกๆ แล้วแต่ผู้ที่มีอำนาจวาสนามากน้อยแค่ไหน ผู้ที่มีอำนาจวาสนามาก เห็นไหมเวลาพระพาหิยะๆ ฟังเทศน์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วเป็นพระอรหันต์เลยเพราะเขาได้สร้างอำนาจวาสนาของเขามา ไอ้เราสาวกสาวกะ เห็นไหมผู้ได้ยินได้ฟังๆกระเสือกกระสนมาขนาดนี้ๆ เพื่อทำอะไรเพื่อทำสัจธรรมในใจของเราให้เกิดขึ้นมาสัจธรรมในใจของเราสัจธรรมคือสัจจะความจริงในใจไง

แล้วในปัจจุบันนี้ถ้ามีความรู้สึกนึกคิดอยู่นี่มันเป็นสัจธรรมหรือไม่ เวลาศึกษาธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามา เห็นไหมพุทธพจน์ๆ นะสัจจะความจริงๆ มันเป็นความจริงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่หัวใจของเรามีอวิชชา มีความไม่รู้ กิเลสตัณหาความทะยานอยากทั้งนั้น เพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยากในหัวใจอันนั้นนะแล้วมันปลิ้นปล้อนเพราะความปลิ้นปล้อนในใจอันนั้นไง มันถึงทำให้เราล้มลุกคลุกคลานอยู่นี่ไงเพราะความล้มลุกคลุกคลานมันเกิดจากอะไรล่ะ มันเกิดจากกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันครอบงำในหัวใจของเรานั้นไง

นี่แล้วเราฟังธรรมๆฟังธรรมเพื่อความตื่นขึ้นมาตื่นขึ้นมา เห็นไหม มีสัจจะมีความจริงในใจของเราไง มีทาน มีศีล มีภาวนา ในสาวกสาวกะเห็นไหม ผู้ได้ยินได้ฟังแล้วประพฤติปฏิบัติตามความเป็นจริง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาปรารถนามารื้อสัตว์ขนสัตว์นะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรนะร่มโพธิ์ร่มไทรเห็นไหม ดูสิองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาเกิดมาพราหมณ์ทั้ง ๘ผู้ที่มาเห็น เห็นไหม ธชะพราหมณ์พราหมณ์ต่างๆที่มาพยากรณ์ๆพอพยากรณ์ขึ้นมา เห็นไหมร่มโพธิ์ร่มไทรๆหวังพึ่งพาอาศัย

เวลาปัญจวัคคีย์ทั้ง๕ ปัญจวัคคียทั้ง ๕ นะ เวลาไปอุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ ๖ ปี นี่การอุปัฏฐากนั้นเพราะอะไรล่ะ เพราะหวังให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมไง จะได้เจือจานเราบ้างไง เวลาจะเจือจานขึ้นมา เห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอดอาหารอยู่ ๔๙ วันเวลากลับมาฉันอาหารของนางสุชาดา นี่พราหมณ์ทิ้งไปเลยๆ เห็นไหมนี่กลับมามักมาก

นี่เวลาประพฤติปฏิบัติทำทุกรกิริยาเห็นไหม ทำทุกรกิริยาขนาดไหนมันก็ไม่ได้ผลๆ พอไม่ได้ผลขึ้นมานี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพิจารณาเองเราทำมาสิ้นกระบวนการหมดแล้ว มันคงไม่ใช่ทางแล้วล่ะ ปรารถนามาฉันอาหารของนางสุชาดา พอฉันอาหารของนางสุชาดาปัญจวัคคีย์เห็นเท่านั้นทิ้งไปเลย นี่กลับมามักมากๆ

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมด้วยใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่โคนต้นโพธิ์นั้น เวลาโคนต้นโพธิ์นั้นนั่นนะสัจจะความจริงร่มโพธิ์ร่มไทรๆทั้งๆ ที่ปัญจวัคคีย์ก็หวังพึ่งพาอาศัยแต่ด้วยความเห็นของปัญจวัคคีย์ เห็นไหม กลับมามักมาก ทำทุกรกิริยาขนาดนั้นยังตรัสรู้ไม่ได้ หมดหวังๆทิ้งไปเลย เห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมกลับไปเทศน์ธัมมจักฯ เวลาเทศน์ธัมมจักฯนัดกันไว้จะไม่ยอมรับ

แต่ถึงเวลาแล้วรับด้วยสัญชาตญาณเพราะเขาอยู่กันมา ๖ ปี เวลารับมาแล้ว เวลาจะแสดงธรรม เห็นไหม ยังมีกิริยาขัดขืนไง นี่เธอได้ยินไหมเพราะเราอยู่ด้วยกันมา ๖ ปีเคยบอกไหมเคยเทศนาว่าการไหม ก็ไม่เคย ไม่เคยเพราะอะไร ไม่รู้ไง แต่ปัจจุบันนี้รู้แล้ว เธอจงเงี่ยหูลงฟังเวลาแสดงธัมมจักฯๆ พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรมไง นี่ไงรัตนตรัยพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่อาศัยเป็นแก้วสารพัดนึก ใครมันนึกมากนึกน้อยแค่ไหน

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร เห็นไหมร่มโพธิ์ร่มไทรเห็นไหม ดูสิเวลาต้นไม้ต้นไม้ใบหญ้าในป่าในเขากว่ามันจะเจริญเติบโตขึ้นมาต้นไม้ที่มีใบดกหนาเป็นที่พึ่งอาศัยของสัตว์เพราะว่าถ้ามันมีผลของมัน มันก็เป็นที่อาศัยของนกกา เห็นไหม นี่ร่มโพธิ์ร่มไทรๆ กว่าจะเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรได้นี่ต้องสร้างเนื้อสร้างตัวมาขนาดไหน การสร้างเนื้อสร้างตัวมาสร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยหัวใจด้วยอำนาจวาสนา ด้วยความเป็นพระโพธิสัตว์ 

พระโพธิสัตว์ ๔อสงไขย ๘อสงไขย ๑๖อสงไขย ในอภิธรรม เห็นไหม ว่าพระอรหันต์ต้องสร้างมาแสนกัปๆ ความว่าสร้างมาแสนกัปคำว่าสร้างมาแสนกัปจิตใจต้องมีความมั่นคงไง ความมั่นคงมันเกิดมาจากไหน เกิดจากอำนาจวาสนาการสร้างสมมาสร้างสมมาจนเป็นจริตนิสัยไงแต่นี้ของเราสร้างสมอะไรมา สร้างสมแต่กิเลสตัณหาความทะยานอยากมา การแสดงออกไปแสดงออกด้วยความรู้สึกนึกคิดของตนนึกว่าไม่มีใครรู้ไง มันจะไม่รู้ได้อย่างไร นี่สิ่งกิริยาการแสดงออกมานี่กิริยามันแสดงออกมาจากไหน ออกมาจากใจทั้งนั้น

แล้วถ้าใจมันสะอาดบริสุทธิ์มันจะแสดงออกมาอย่างนั้นเหรอเพราะใจมันสกปรกโสมมไงมันถึงแสดงออกมาอย่างนั้นไงเวลาผู้ที่มาประพฤติปฏิบัติขึ้นมาถึงได้ล้มลุกคลุกคลานไง ความล้มลุกคลุกคลานก็ล้มลุกคลุกคลานเพราะกิเลสบีบคั้นในหัวใจไงเวลาปฏิบัติขึ้นมาก็กิเลสมันหลอกทั้งนั้นน่ะเวลากิเลสหลอกก็ไม่เชื่อ 

เวลาสัจธรรมในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่วางธรรมวินัยนี้ไว้ธรรมวินัยเป็นกรอบเป็นรั้วไว้ศีลๆ ศีลคือกรอบรั้ว เห็นไหม นี่รั้วบ้านๆน่ะ รั้วบ้านเพื่อให้มีกางกั้นไว้กิเลสตัณหาความทะยานอยากในหัวใจมันล้นเหลือไงเวลาทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าใจมันจะสงบระงับเข้ามาได้ เห็นไหมนั้นน่ะเข้าสู่ใจของตน ถ้าเข้าสู่ใจของตน ถ้าจิตมันสงบระงับเข้ามานี่มันจะเป็นประโยชน์กับเราไงประโยชน์กับเรามันเห็นผลไงแล้วพอปฏิบัติมาล้มลุกคลุกคลาน

เวลาร่มโพธิ์ร่มไทรที่กว่าจะเป็นที่พึ่งอาศัยได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประพฤติปฏิบัติมาแค่ไหน เวลาครูบาอาจารย์ เห็นไหม หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านปฏิบัติของท่านมา ท่านรื้อค้นของท่านมานะๆ ท่านไม่มีความเป็นจริงในหัวใจมันจะยืนยันกับกิเลสอย่างไร กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันโต้แย้งตลอด มันท้าทายๆ ตลอดท้าทายเห็นไหมดูสิ เวลาทางโลกที่การท้าทายกัน เราเห็น เห็นไหมการต่อสู้กันการกระทำกันมันมองเห็นไง

แต่กิเลสตัณหาความทะยานอยากในหัวใจของคนเวลามันเหยียบย่ำหัวใจมันเหยียบย่ำจนเราไม่รู้ตัวเราไม่รู้ตัวเราอยู่ในอำนาจของมันทั้งนั้นเวลาในการปฏิบัติมันถึงได้ลำบากลำบนอย่างนี้ไง นี่เห็นไหม คนเราจะล่วงพ้นด้วยความเพียรความเพียรความวิริยะความอุตสาหะเรามีความเพียรมากน้อยขนาดไหน นี่เวลาร่มโพธิ์ร่มไทรยังเป็นที่พึ่งอาศัย ร่มโพธิ์ร่มไทรกว่าจะเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรได้ กว่าจะเติบโตขึ้นมาได้สร้างบุญอำนาจวาสนามาขนาดไหน

การสร้างบุญวาสนามาแล้วยังประพฤติปฏิบัติขึ้นมาจนมีคุณธรรมในหัวใจ ถ้าไม่มีคุณธรรมในหัวใจจะเอาอะไรเป็นที่พึ่งที่อาศัย นี่ร่มโพธิ์ร่มไทรมันมีร่มเงา เห็นไหมความร่มเงามันมีอาหารด้วย มีร่มเงาด้วย ให้เราเป็นที่พึ่งอาศัยด้วย แต่ถ้าจิตใจมันแห้งแล้งไม้ตายยืนต้นมันมีแต่กิ่งก้านนกกามันมาเกาะก็เกาะเพื่อพักผ่อน เพื่อเอาแรงเดี๋ยวมันจะบินต่อไปไงมันพึ่งอาศัยไม่ได้ไง มันพึ่งอาศัยไม่ได้เพราะมันไม่มีร่มเงาไง ไม่มีอาหารไง ไม่มีสิ่งใดไว้ไปจุนเจือไง แต่ถ้าร่มโพธิ์ร่มไทรของเรา ครูบาอาจารย์ของเราร่มโพธิ์ร่มไทรมันมีร่มเงา เห็นไหม มันมีร่มเงามันมีอาหาร มันมีเพื่อดำรงชีพได้ไง 

นี่ไงฉะนั้นครูบาอาจารย์ถึงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรๆที่พึ่งที่อาศัยของสัทธิวิหาริกที่ผู้พึ่งอาศัย ถ้าพึ่งอาศัย อาศัยแล้วมันต้องทำให้เป็นความจริงของเราขึ้นมา เพราะมันจะอาศัยไปตลอดได้อย่างไร ดูสิเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถามพระอานนท์"อานนท์ระลึกถึงความตายวันล่ะกี่หน" ถ้าเธอระลึกถึงความตายวันละกี่หนแล้วแต่มันประมาทเกินไปให้ระลึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก

แล้วร่มโพธิ์ร่มไทรครูบาอาจารย์ของเรามันก็ต้องล้มไปเป็นเรื่องธรรมดาถ้าล้มไปเป็นธรรมดา นี่เป็นสัจจะเป็นความจริงไง ถ้าเป็นสัจจะความจริงแล้วที่หัวใจของเราๆ จะพัฒนาเราจะพยายามประพฤติปฏิบัติขึ้นมาให้ยืนต้นขึ้นมาได้ไหมไม้ยืนต้นขึ้นมาเห็นไหม นี่กล้าไม้เขาปลูกแล้วเขาก็ดูแลรักษาขึ้นมา เพื่อให้มันเจริญเติบโตขึ้นมา เห็นไหมดูไม้ในป่าสิ ไม้ในป่าเห็นไหมไม้ในป่าไม้เบญจพรรณไม้ต่างๆ เวลาไม้ยืนต้นที่เป็นประโยชน์มันมีมากน้อยแค่ไหน

อันนี้ก็เหมือนกันหัวใจของเราจะให้มันทรงตัวขึ้นมาให้ได้ ถ้าทรงตัวขึ้นมาได้เป็นไม้ยืนต้นไม้ยืนต้นขึ้นมามันก็เป็นสมบัติของเราไง อตฺตา หิ อตฺตโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน ถ้าตนเป็นที่พึ่งของตน ตนมีอะไร ก็ตนมีศีล ตนมีสมาธิ ตนมีปัญญา ถ้าตนมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา เห็นไหม หล่อเลี้ยงหัวใจขึ้นมาหัวใจมันชุ่มชื่นขึ้นมา เวลามันชุ่มชื่นขึ้นมาด้วยอะไร ด้วยการกระทำ เห็นไหม

แล้วสิ่งที่เราจะรดน้ำพรวนดินในหัวใจของเรามันคืออะไร มันก็คือการประพฤติปฏิบัติของเรา เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาดูแลรักษาหัวใจของเรา นี่พยายามเพาะพันธุ์กล้าของเราขึ้นมา ถ้ามันขึ้นมามันก็ทรงตัวได้เห็นไหม มันก็เป็นที่อยู่ที่อาศัย มันก็เป็นที่พึ่งพาอาศัยของเราถ้าพึ่งอาศัยของเรา เห็นไหมทุกข์ควรกำหนดไง แล้วสุขล่ะ

เวลาประพฤติปฏิบัติมันต้องมีความสุข มีความสงบมีความระงับเป็นสมบัติของเรานะ ถ้ามีเป็นความสุขความสงบระงับเป็นสมบัติของเรานี่ไง มันทรงตัวได้ไง สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี จิตที่สงบมันสงบระงับขึ้นมา สัมมาสมาธิมันมีกำลังของมัน มันจับต้องของมันได้ไม่ใช่มาเพ้อเจ้อกันอยู่นี่ไง ทำสมาธิก็สมาธิอยู่ในตำราเวลาศึกษามาเป็นภาคปริยัติศีล สมาธิปัญญา ศีลสมาธิ ปัญญานี่ศึกษามา เห็นไหม ศึกษามาภาคปริยัติก็คือภาคปริยัติทรงธรรมวินัยไว้ปฏิบัติ เวลาปฏิบัติขึ้นมาเขาก็เดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนาขึ้นมาให้เป็นความเป็นจริง ไม่ใช่มาทำไว้ให้อยู่ในตำราอย่างนั้นไง แล้วตำราอย่างนั้นมันจะเป็นสมาธิขึ้นมาได้อย่างไร ก็เป็นสมาธิเพ้อเจ้อ

สมาธิจริงๆ มันเกิดจากจิต จิตเป็นสัมมาสมาธิ ถ้าจิตเป็นสัมมาสมาธิมันมหัศจรรย์ พอจิตเป็นสมาธิมันก็มีความสุขความสงบความระงับ มันมีความมหัศจรรย์แล้วล่ะ แล้วมันมหัศจรรย์ใครเป็นคนมหัศจรรย์ ก็หัวใจเรานี่เป็นผู้ที่มหัศจรรย์มหัศจรรย์จนไม่กล้าพูดบอกใครนะ เวลาครูบาอาจารย์ท่านประพฤติปฏิบัติแล้วนี่ครูบาอาจารย์ส่วนใหญ่เลยถ้าเป็นสัจธรรมนะ เราจะสอนใครได้หนอ จะสอนใคร มันจะบอกใครได้ มันต่างกับความรู้ทางโลกทั้งนั้นความรู้ทางโลกเป็นวิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์เห็นไหมวิทยาศาสตร์มันเรื่องทฤษฎีที่ต้องจริงตามนั้น

แต่ในการประพฤติปฏิบัติของเรานี่มันลึกลับมหัศจรรย์กว่านั้น มหัศจรรย์กว่านั้น มันเว้นไว้แต่ เว้นไว้แต่เห็นไหม เรามีครูบาอาจารย์ขึ้นมา เวลามีครูบาอาจารย์ขึ้นมา เวลาหลวงตาท่านประพฤติปฏิบัติท่านก็หลวงปู่มั่นเป่ากระหม่อมท่านมาเห็นไหม ท่านก็หวังพึ่งหลวงปู่มั่นตลอดเวลาเวลาหลวงปู่มั่นท่านบอกเลยถ้ามีบุคคลที่สามอยู่หลวงปู่มั่นจะไม่ถามท่าน ท่านก็จะไม่พูดด้วย แต่ว่าถ้ามันไม่มีใคร สองต่อสองทันทีเลยไม่หลวงปู่มั่นขึ้นก่อน ท่านก็ขึ้นก่อน ท่านขึ้นเลย นี่จิตเป็นอย่างนั้นอาการเป็นอย่างนั้น ถามทันทีเลย นั่นเพราะหวังพึ่งพาอาศัยกันไง ถ้าหวังพึ่งพาอาศัยกันน่ะ ถ้ามันเป็นสัจจะมันเป็นความจริงมันความจริงในใจของครูบาอาจารย์ที่ท่านมีสัจจะความจริงอันนั้น 

  ถ้าสัมมาสมาธิถ้ามันเป็นขึ้นมามันมหัศจรรย์อย่างนั้น แล้วมันพูดได้กับครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นจริงครูบาอาจารย์ที่ไม่เป็นจริงที่มันไม่มีความจริงในใจมันก็ต้องพูดชักเข้าไปในทฤษฎี ชักเข้าไปในเรื่องทฤษฎี ในเรื่องทฤษฎีมันก็โต้แย้งกัน เพราะทฤษฎีเป็นมุมมอง มุมมองผู้ที่มีปัญญามากปัญญาน้อยทั้งนั้น 

แต่ถ้าเป็นความจริงๆมันเป็นอย่างนั้นหลวงปู่มั่นบอกต้อง ต้อง ต้องต้องเลย เป็นอย่างอื่นเป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างอื่นไปมันไม่ใช่ความจริงถ้าความจริงก็คือความจริงนั่นไง ถ้าเป็นความจริง เห็นไหมเวลาครูบาอาจารย์ หลวงตาท่านก็หวังพึ่งหลวงปู่มั่นหลวงปู่มั่นท่านถ้าอยู่กันสองต่อสองทันที ไม่หลวงปู่มั่นเริ่มก่อนท่านก็ต้องเริ่มก่อน เริ่มก่อนเพราะอะไรเพราะเวลาวันคืนล่วงไปๆแล้วเรานี่เวลาสวดมนต์ เห็นไหม วันคืนล่วงไปๆ พวกเธอทำอะไรกันอยู่ทำอะไรกัน ถ้ามันทำอะไรวันคืนล่วงไปเข็มนาฬิกามันกระดิกตลอดเวลา ๒๔ชั่วโมง เดี๋ยวเดียวๆ เลยนี่เห็นไหม ออกพรรษามานี่จะเข้าพรรษามาอีกแล้ว เดี๋ยวพรรษาๆ อยู่อย่างนั้น

นี่ไง ไม้ล้ม การปฏิบัติล้มเหลว เห็นไหม รัฐล้มเหลวรัฐที่ปกครองดูแลไม่ได้ รัฐล้มเหลวนี่นะทุกคนมีสิทธิเข้าไปช่วยเหลือนะ คือยึดครองได้ว่าอย่างนั้นเลย รัฐล้มเหลว ไอ้นี้มันหัวใจเราล้มเหลว หัวใจล้มเหลวไม่มีสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอันถ้ามันไม่มีสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอัน แล้วสิ่งใดจะเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาล่ะ ถ้าใจล้มเหลว เห็นไหม เราล้มเหลวเพราะการประพฤติปฏิบัติเราไม่ได้ผล

ถ้าศีลสมาธิ ปัญญา นี่ศีล เราย้อนกลับมาที่ศีลศีลเราสมบูรณ์หรือไม่ ถ้าศีลมันสมบูรณ์แล้วเราก็พยายามของเราขึ้นมาทำความสงบของใจขึ้นมาให้เป็นสัมมาสมาธิถ้าสมาธิ สัมมาสมาธิมันเป็นที่ใจ ไม่ใช่เป็นที่ตำรา ไม่ใช่เรียนสมาธิปฏิบัติสมาธิทำสมาธิให้เกิดขึ้น ถ้าสมาธิเกิดขึ้นทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าทำสมาธิเกิดขึ้นนะ นี่ไงอจินไตย ๔ฌานเป็นเรื่องฌาน พุทธวิสัยโลก กรรม

เรื่องของสมาธิ เรื่องของฌานมันเป็นอจินไตยอันหนึ่ง ถ้าเป็นอจินไตยอันหนึ่ง ใครทำสมาธิอย่างไรก็ได้ ใครทำความสงบอย่างไรก็ได้ แต่แต่มันมีมิจฉากับสัมมาไงมิจฉาสมาธิกับสัมมาสมาธิ ถ้าสัมมาสมาธิสัมมาสมาธิต้องมีศีล สมาธิปัญญา ถ้าสัมมาสมาธิมันก็เข้าสู่มรรคสู่ผล ถ้าเราสัมมาสมาธิมันก็มีความสุข ความสงบ ความระงับ เพราะสัมมาสมาธิสมาธิถูกต้องดีงาม 

มิจฉาสมาธิ มิจฉาสมาธิเป็นสมาธิแต่เป็นมิจฉามิจฉาเพราะความคงตัวไม่ได้ เราทรงตัวไว้ไม่ได้แล้วมันลากเราไป เห็นไหม กลายเป็นมนต์ดำ กลายเป็นสิ่งต่างๆ ที่ทำมันเป็นมิจฉาถ้าเป็นมิจฉามิจฉาเป็นสิ่งที่ผิดสิ่งที่ทำให้เราตกไปในที่ต่ำ ถ้าเป็นสัมมาสมาธิน่ะมันเป็นสัมมาสมาธิมันก็มีความสุข ความสงบ ความระงับใช่ไหม ถ้ามีความสุขความสงบความระงับขึ้นมา แล้วยกขึ้นสู่วิปัสสนา ยกสู่วิปัสสนาคือฝึกหัดใช้ปัญญา ถ้าใช้ปัญญาขึ้นมาเห็นไหม

ไม้ล้มไม้ล้มนะ ดูสิต้นไม้ในป่าที่มันล้ม มันล้มไปแล้วเห็นไหม สิ่งที่ล้มไปแล้วต้นไม้บางชนิดล้มแล้วก็ตายต้นไม้บางชนิดล้มแล้วมันก็ยังมีชีวิตอยู่ เห็นไหม มันขึ้นตามต้นมัน มันแตกขึ้นมาเป็นแถวยาวเลย ขึ้นเลยไม้ล้มๆ มันยังดำรงชีพอยู่ มันยังมีชีวิตอยู่นะมันพยายามแตกกอพยายามงอกขึ้นมา ไม้ล้มมันยังรักษาตัวมันเอง ไม้ล้มไปแล้วมันยังสร้างสรรค์ มันยังรักษาชีวิตของมัน นั่นมันต้นไม้นะ

ไอ้เราเป็นคน เป็นคนแล้วยังมาบวชพระด้วย เป็นพระแล้วเป็นพระป่าด้วยเป็นพระปฏิบัติต่างหาก ถ้ามันเหลวไหลมันล้มลุกคลุกคลานไง เราก็มีสติปัญญาไง มีสติปัญญาเห็นไหม เรามีครูบาอาจารย์ปลุกปลอบหัวใจเราขึ้นมา เห็นไหมปลุกปลอบหัวใจขึ้นมาหัวใจมันต้องมีกำลัง มันต้องมีที่พึ่ง ถ้าไม่มีที่พึ่ง เห็นไหมเวลาประพฤติปฏิบัติไปนะ คนทำหน้าที่การงานเวลามันเกร็งเวลามันเครียดต่อหน้างานมันตึงเครียดมากมันก็เป็นความทุกข์เป็นเรื่องธรรมดา 

แต่ความทุกข์เป็นเรื่องธรรมดาถ้าเราเผชิญไปแล้วไม่มีทางออกเห็นไหม เรากลับมาพุทโธก็ได้ กลับมาใช้ปัญญาอบรมสมาธิก็ได้ กลับมาทำความสงบของใจเข้ามา อย่าพึ่งใช้ปัญญาให้มากเกินไป นี่ไงแล้วถ้ามีครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ท่านจะให้อุบาย มีอุบายแล้วเราพยายามแสวงหา หาทางออก หาทางออกไป เห็นไหม 

ไม้ล้มไม้มันล้มแล้วนี่มันยังมีชีวิตอยู่มันก็พยายามแตกหน่อแตกกอของมันขึ้นมา มันยังรักษาตัวมันได้ มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวิญญาณครอง ไอ้ของเรานี่นะ สิ่งมีชีวิตแล้วมีวิญญาณด้วยวิญญาณคือจิตวิญญาณของเรานี่ ถ้าจิตวิญญาณของเรา เห็นไหม จิตวิญญาณมันสัมผัสกับธรรมเวลามันทุกข์มันยากขึ้นมามันทุกข์มันยากเต็มหัวใจความทุกข์ความยากไม่ต้องให้ใครพูดพูดได้ทุกๆ คนความทุกข์ความยากนี่เวลาพูดถึงความทุกข์นี่ พูดถึงความลำบากลำบน พูดถึงความเผชิญสิ่งความเลวร้ายมานี่พูดได้ทั้งนั้นเลย

เวลาพูดถึงความสุขความเผชิญกับศีล สมาธิปัญญา พูดได้แต่น้อยๆเพราะอะไรเพราะเราทำได้แต่น้อยไง เวลาความสุขจริงๆมันหาได้แต่น้อย แต่ความทุกข์มีมหาศาลจะหาเมื่อไหร่ก็ได้ ทำอย่างไรก็ได้ เป็นความทุกข์ความลำบากทั้งนั้นความทุกข์ความลำบากมันเป็นสัจจะเป็นความจริงไงถ้าเป็นสัจจะเป็นความจริงมันมาจากไหนล่ะ มันมาจากเพราะเรามีชีวิตไง ชาติปิ ทุกขาไง แล้วสิ่งถ้าชีวิตมันสิ้นไปล่ะ สิ้นไปก็ตกนรกอเวจีไงเพราะมันสิ้นชีวิตไปด้วยความทุกข์ความยากไง

แต่ถ้ามันความทุกข์ความยากนะ ก็ความทุกข์ความยากเข้าเผชิญกับความจริงไง ความทุกข์ ทุกข์ควรกำหนด สมุทัยควรละไง ถ้าเป็นความจริงขึ้นมา มันปล่อยวางขึ้นมา นี่ไงทุกข์หายไปไหน ทุกข์หายไปไหน มันทุกข์ๆ อยู่นี่ จิตก็ยังอยู่นี่ แล้วทุกข์มันหายไปแต่ถ้ามันไม่มีสติปัญญาขึ้นมาความทุกข์ครอบงำนะทุกข์เกือบเป็นเกือบตาย ทุกข์อยู่นั่นแหละทุกข์ไม่มีวันจบวันสิ้น แล้วที่เรามาปฏิบัตินี่เรามาปฏิบัติเพื่อสิ้นจากทุกข์แล้วทุกข์ไม่มีวันจบวันสิ้นแล้วมันจะพ้นจากทุกข์ได้อย่างไงล่ะ 

ถ้ามันจะพ้นจากทุกข์ขึ้นมา เห็นไหม นี่ไง ถ้าหัวใจมันฟื้นตัวขึ้นมา ไม้ล้มมันยังลุกขึ้นมา ไม้ล้มมันยังมีชีวิตมันยังงอกขึ้นมา ไม้ล้มแล้วมันยังพยายามรักษาชีวิตมัน ไอ้เรานี่คนแท้ๆ คนที่มีชีวิตด้วย แล้วมีปัญญาด้วยแล้วไม่รู้จักหาทางออกเหรอไม่รู้จักพลิกแพลงใช่ไหมไม่รู้จักหาวิธีการอย่างไรฟื้นตัวเราขึ้นมามันต้องฟื้นเราขึ้นมา 

ถ้าฟื้นเราขึ้นมา เห็นไหม อตฺตา หิอตฺตโน นาโถตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตนเท่านั้นเป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตนเท่านั้นเป็นผู้ค้นคว้า ตนเท่านั้นเป็นผู้ขวนขวายเพราะตนไงเพราะความคิดเกิดจากตนขึ้นมามันละเอียดลึกซึ้งไง

นี่ฟังครูบาอาจารย์ท่านเทศนาว่าการ เห็นไหมมาจากข้างนอกศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นนะ๒,๐๐๐ กว่าปีมาแล้ว มันจดจารึกกันมาแล้วมาศึกษา ศึกษาแล้วมันเป็นปัจจุบันหรือไม่นี่ก็เหมือนกันฟังครูบาอาจารย์ขึ้นมาครูบาอาจารย์ท่านเทศนาว่าการจนปากแหกแล้ว เทศน์ทุกวัน นี่แล้วเราล่ะ เราคิดได้ไหม มีสามัญสำนึกไหม ไม้ล้มมันยังพยายามฟื้นฟูมาได้ ไม้สิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตมันมีสารอาหารใช่ไหมมันดูดอาหารของมันได้ เห็นไหม มันมีแดดมีอะไร มันงอกขึ้นใหม่ มันฟื้นตัวมันได้

นี่ไง สิ่งมีชีวิตมันยังสร้างสรรค์เลยแล้วเรานี่เป็นมนุษย์ด้วย แล้วได้บวชพระอีกต่างหากนะ พระเป็นผู้ประเสริฐเห็นไหม พุทธะพระเป็นผู้ที่ประเสริฐประเสริฐตรงไหน ประเสริฐที่ไหน ก็ชื่อพระประเสริฐไง ก็ชื่อพระประเสริฐอ้าว นั่นมันก็ชื่อสมมติอีกล่ะแล้วเป็นจริงๆมันเป็นจริงจากไหน ถ้ามันไม่เป็นจริงจากการกระทำของเรา ถ้ามันมีจริงจากการกระทำของเรามันมีคุณธรรมนะ 

คนที่มีคุณธรรม เห็นไหม ดูสิ เวลาพิจารณาไปพระผู้ที่ประพฤติปฏิบัติไป กัลยาณชนจากปุถุชนคนหนาทำอะไรก็ได้ เวลาเป็นกัลยาณชนปุถุชน กัลยาณชน ผู้ที่เป็นกัลยาณชน เห็นไหม ทำสมาธิได้ง่ายขึ้น เขาจะไม่คุยกับเรานะ เขาจะหลีกเขาจะหลบ เขาจะไปหาที่สงบสงัดของเขา นั่นคุณสมบัติของเขา คุณสมบัติของกัลยาณชนอย่างหนึ่งโสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล ถ้าเป็นโสดาปัตติผลนะ สักกายทิฏฐิวิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาสไม่ลูบไม่คลำแล้ว คนไม่ลูบไม่คลำ 

ดูสิ ในความเป็นจริงของสิ่งมีชีวิตเห็นไหม ความกตัญญูกตเวทีดูสัตว์นะ สัตว์เห็นไหม มันรักพ่อรักแม่มัน ดูสิสัตว์นักล่าเวลามันมีลูกมีเต้าของมันนะ มันคลอเคลียกันมันปกป้องดูแลมันสละชีวิตกันเพื่อคุ้มครองกันนะ นี่ไง สิ่งที่ความกตัญญูกตเวที ความผูกพันในสายเลือดไง

นี่ก็เหมือนกันความกตัญญูกตเวที ความรู้จักบุญจักคุณไง ดูสิ พระอานนท์เห็นไหมเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว ทำตัวเหมือนกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังดำรงชีพอยู่เลย ตรงไหนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่ง ตรงไหนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยอยู่นะโอ้ จะปฏิบัติเช็คถูให้เหมือนกับที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมีชีวิตอยู่เลย นี่สิ่งที่มีคุณธรรมๆ มันเป็นอย่างนั้น 

นี่ก็เหมือนกันถ้าเป็นธรรมเป็นธรรม ถ้ามันเป็นธรรม ถ้าเรามีคุณธรรมในใจ พฤติกรรมน่ะพฤติกรรมมันกตัญญูกตเวทีความสำนึกถึงบุญถึงคุณความสำนึกดีเข้ากับดีไง เข้ากันโดยธาตุไงลูกศิษย์พระสารีบุตรมีธาตุของปัญญาทั้งนั้น มีแต่ผู้ปัญญาชนลูกศิษย์ของพระโมคคัลลานะชอบฤทธิ์ชอบเดชชอบใช้กำลัง เวลาลูกศิษย์ของเทวทัตลามกทั้งนั้นเลย มันเข้ากันโดยธาตุ โดยธาตุ โดยความรู้สึก มันเป็นข้อเท็จจริงอย่างนั้นอยู่แล้ว 

นี่ก็เหมือนกันถ้ามันมีคุณธรรมๆเห็นไหม มันก็เข้ากับธรรมสิถ้าเข้ากับธรรมเห็นไหม มันก็ต้องมีศีล มีสมาธิ มีปัญญามีความถูกต้องดีงาม มีซื่อสัตย์ซื่อตรงนี่ ถ้ามันบิดพลิ้ว โธ่ นั่นล่ะกิเลสทั้งนั้นปากว่าธรรมแต่พฤติกรรมมันเป็นกิเลสพฤติกรรมมันเป็นเปรตเป็นผีมันจะเป็นธรรมได้อย่างไร

ธรรมถ้าเป็นธรรมนะความเป็นธรรมการแสดงออกมันเป็นธรรม เป็นธรรมเพราะเนื้อไง เนื้อที่เป็นธรรมแสดงออกก็เป็นธรรมเนื้อที่มันเป็นพิษมันแสดงออกมันก็เป็นพิษ ต้นไม้พิษมันออกผลก็ผลไม้พิษ ต้นไม้ที่เป็นคุณประโยชน์ออกมาลูกมัน ผลมันมันกินได้ ผลของมันเป็นประโยชน์ นี่ก็เหมือนกันพฤติกรรมที่แสดงออกมาจากใจที่เป็นพิษมันก็เป็นความพิษทั้งนั้น ถ้าพฤติกรรมที่มันเป็นธรรมๆออกมาจากใจที่เป็นธรรมนะ ให้แสดงกิริยาอย่างกับไฟพฤติกรรมรุนแรงขนาดไหนมันก็เป็นธรรม

ถ้ามันเป็นพิษออเซาะฉอเลาะ นั่นมันออกจากต้นไม้พิษ ใจมันเป็นพิษ ออกมาก็เป็นพิษ มันจะออเซาะฉอเลาะขนาดไหนมันก็เป็นพิษ แต่ถ้ามันเป็นธรรมรุนแรงขนาดไหนมันก็เป็นธรรม ไอ้ความว่ารุนแรงหรืออ่อนโยนมันเป็นกิริยาเฉยๆแต่ผลของมันเจตนาความเป็นไปของเสียงของการกระทำนั้น เวลาครูบาอาจารย์ที่แสดงธรรมๆแสดงธรรมมันมีเนื้อหาสาระในเสียงนั้นนะ

แต่ถ้ามันเป็นไม่มีธรรมๆ เสียงฟ้าผ่าเสียงฟ้าร้องมันก็เป็นเสียงเหมือนกัน แต่ถ้าฟ้าร้องฟ้าผ่านะ ฝนตกมันยังเป็นประโยชน์บ้าง ฟ้าร้องฟ้าผ่าไม่มีอะไรเลย ฟ้าผ่าจนไฟป่ามันติด จนเผาป่าทั้งป่ามันเป็นประโยชน์อะไรนี่ถ้าเป็นฟ้าร้องฟ้าผ่าฝนตกมันยังชุ่มชื่นบ้าง นี่ไง ถ้าต้นไม้เป็นพิษ หัวใจเป็นพิษ ถ้าหัวใจเป็นพิษมันก็ไม่เป็นความจริงฉะนั้นเวลาไม้ล้มมันยังลุกได้ถ้ารัฐล้มเหลวเขาก็พยายามฟื้นฟูกันนะ รัฐล้มเหลวสหประชาชาติเขาจะเข้าไปครอบงำ ถ้ารัฐล้มเหลวยูเอ็นส่งทหารเข้าไปจัดการเลย ไปคุ้มครองดูแลแล้วฟื้นฟูให้บังคับใช้กฎหมายได้กลับขึ้นมาเป็นรัฐปกติ นี่รัฐล้มเหลว

แต่คนล้มเหลว หัวใจล้มเหลว ผู้ปฏิบัติล้มเหลวไม่มีสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอัน ถ้ามันไม่เป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมานะเราต้องพยายามประพฤติปฏิบัติของเราขึ้นมาเราฟื้นฟูได้ เราฟื้นฟูด้วยสติด้วยปัญญานี่ไงเราจะฟื้นฟูขึ้นมาด้วยการกระทำของเรานี่ไงถ้าด้วยการกระทำมันก็เป็นเจตนาด้วยจิตของเรานี่ไง ถ้าจิตของเรามันมีเจตนามันมีการกระทำขึ้นมา มันการกระทำนั้น เห็นไหมมนุษย์เราจะล่วงพ้นทุกข์ด้วยความเพียรทั้งพระด้วย 

พระเราก็เป็นมนุษย์เหมือนกันแต่มาบวชเป็นพระถ้าพระมันต้องมีการกระทำ มันต้องมีเหตุธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ ถ้าไม่มีเหตุการประพฤติปฏิบัติไม่มีเหตุการกระทำมันจะเอาผลมาจากไหนนี่เราประพฤติปฏิบัติกันอยู่ไงแต่ประพฤติปฏิบัติโดยกิเลสไงประพฤติปฏิบัติไปเพื่อไปบูชากิเลสไง หัวใจที่เป็นพิษแล้วก็ไปบูชาผลไม้พิษแล้วสิ่งที่เป็นพิษนั้นก็คิดว่ามันเป็นธรรมไงกินเข้าไปตายหมดนะ นกกามันไม่กล้ากินถ้านกกินไม่ได้มนุษย์กินไม่ได้นกไม่กล้ากินผลไม้ชนิดใดมนุษย์กินไม่ได้

นี่ก็เหมือนกันกิเลสมันกระทำๆแล้วก็บอกว่าเป็นธรรมๆ นี่ปฏิบัติบูชากิเลสไง ถ้าปฏิบัติบูชากิเลสแล้วมันจะได้สิ่งใดมา มันก็ได้แต่กิเลสพอกหางหมูไงดินพอกหางหมูกิเลสพอกหางหมู จิตใจมันก็หนักหน่วงไปอย่างนั้นไงจิตใจกระทำแล้วทำแต่สักกิริยาการกระทำอยู่อย่างนั้นถ้าทำอยู่อย่างนั้น เห็นไหม นี่ไง ผลไม้พิษพอกพูนขึ้น แล้วมันก็จะเป็นความพิษอยู่อย่างนั้นไง แล้วกิริยาก็เป็นพิษไปตลอดไง

แล้วการประพฤติปฏิบัติการบวชมา ถ้าประพฤติปฏิบัติไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์ให้ภพชาติมันสั้นเข้า สั้นเข้าด้วยการปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สั้นเข้าด้วยการประพฤติปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ความกระทำดีกตัญญูกตเวทีเพื่อคุณงามความดีนะเพื่อหัวใจที่มันเบาบางไง สิ่งที่เบาบาง เห็นไหม ภพชาติมันสั้นขึ้นมา แต่ถ้าความเป็นพิษนะด้วยความสะสมของ กิเลสตัณหาความทะยานอยากไงทำเพื่อตน ทำเพื่อตัว ทำเพื่ออำนาจบาตรใหญ่ ทำเพื่อคุ้มครองตน ทำเพื่อเหยียบย่ำ

ต้นไม้พิษให้ผลเป็นพิษ เขาปฏิบัติบูชาปฏิบัติเพื่อภพชาติสั้นเข้าไอ้นี้ปฏิบัติบูชาให้มันยืดยาวไปหรือมันสั้นเข้า มันเป็นเวรเป็นกรรมทั้งนั้นถ้าเป็นเวรเป็นกรรม เวรกรรมมันอยู่ที่ไหนกรรมคือการกระทำ กรรมดีกรรมชั่ว กรรมคือการกระทำทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว การกระทำนั้นมันเข้าไปสู่หัวใจทั้งหมดกิเลสเป็นผู้ยุผู้แหย่ กระทำแล้วลงอยู่ที่ใจทั้งนั้น แล้วใจทั้งนั้นนะ ย้ำคิดย้ำทำจนเป็นจริตจนเป็นนิสัยคิดย้ำคิดย้ำทำจนมันมีความคิดเป็นอย่างนั้น ถ้าความคิดเป็นอย่างนั้นมันก็คิดได้ตลอดของมันไปไง 

นี่ไง นี่ความพอกพูนของมัน เห็นไหม แต่ถ้ามันเป็นธรรมๆ เป็นธรรมนี่เห็นไหมที่เราเป็นธรรมๆคำว่าธรรม คำว่าธรรมคือเหตุและผล เหตุที่ดีถึงผลมันยังไม่เกิด ผลยังไม่เกิด เพราะเราทำแล้วไม่ได้ผลไม่ได้ผลเราก็พยายามของเราไง พยายามของเรานะ ธาตุขันธ์ ธาตุขันธ์ให้มันเบาบางลง เราพิจารณาของเราให้มันเบาบาง แล้วเราพยายามกระทำของเราแล้วเราเป็นผู้กระทำ แล้วเราหิวเรากระหายเราเหนื่อยเราก็รู้ เวลามันทุกข์มันยากเราก็รู้

เวลาความทุกข์ความยากใครไม่เคยประสบครูบาอาจารย์องค์ไหนบ้างที่ไม่เคยเจอความทุกข์ความยาก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกรกิริยา ๖ปี ทุกรกิริยานี่ทรมานตน มันไม่ทุกข์เหรอแล้วก็คิดว่านั่นมันวิธีการอย่างนั้นเป็นการฆ่ากิเลสไง แต่เวลาจริงๆ แล้วกิเลสมันอยู่ที่ใจไง เวลาท่านมาพิจารณาของท่านนะบุพเพนิวาสนานุสติญาณจุตูปปาตญาณอาสวักขยญาณวิชชา ๓ ทำลายอวิชชาในใจของท่าน อาสวักขยญาณทำลายอวิชชาในใจของท่านไป เห็นไหม นี่ไง วิชชา ๓ ในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นนะร่มโพธิ์ร่มไทรๆเพราะมันปราบความเป็นพิษหมดไปจากใจอันนั้น ถ้าความเป็นพิษหมดจากใจอันนั้นแล้วมันจะมีเหลือสิ่งใดล่ะ ก็เหลือคุณธรรมในใจอันนั้นไงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ กราบธรรม เห็นไหมแล้วก็บัญญัติธรรมวินัยไว้ให้เราได้สืบต่อมาไง

แล้วในปัจจุบันนี้เราบวชมาเป็นพระพระปฏิบัติสืบต่อมาอย่างนี้แล้วสืบต่อมาอย่างนี้ เราจะทำความจริงของเราให้มันขึ้นมา เห็นไหมนี่ไง ไม้ล้มมันยังทรงตัวของมัน เราเห็นต้นไม้ที่มันล้มแล้วมันยังแตกกิ่งแตกก้านขึ้นมาเป็นต้นใหญ่ลำใหญ่ขึ้นมานะ ต้นแม่มันนอนอยู่กับดินแล้วมันตั้งลำต้นขึ้นมา มันมีกิ่งก้านของมันขึ้นมา มันเห็นแล้วมัน อื้อมันเป็นต้นไม้มันยังพยายามของมันนะ

แล้วเราเป็นคนนะ แล้วเราเป็นพระด้วยแล้วเวลามันปฏิบัติมา ถ้าปฏิบัติมาเป็นคุณงามความดีนั้นก็เป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก เป็นผลในใจของตน แล้วถ้ามันพัฒนาดีขึ้นมา เราต้องพัฒนาของเราขึ้นไปเพื่อเข้าสู่บุคคล ๔ คู่โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผลอรหัตมรรคอรหัตผล เราต้องพยายามทำของเราขึ้นมา ถ้าทำขึ้นมามันก็เป็นจริงในใจของเราขึ้นมา

ถ้าเป็นจริงในใจขึ้นมานั่นไง จิตมันเสื่อมเราก็รู้ว่าเสื่อม จิตมันทุกข์มันยากเราก็รู้ว่ามันทุกข์มันยาก จิตมันท้อถอยทดท้อถอยเราก็รู้ทั้งนั้น แต่เวลาจะขึ้น เวลาขึ้นถ้ามันขึ้นเป็นความดีขึ้นมาเราก็รู้เราก็เห็นของเราขึ้นมาถ้ามันขึ้นมาได้ขึ้นมาได้ด้วยการกระทำของเราขึ้นมา ถ้าขึ้นมาเห็นไหมความสุขๆ เป็นอย่างไร สมาธิไม่ได้อยู่ในตำรับตำราหรอก สมาธิมันจะเกิดจากจิตผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ แล้วถ้าสมาธิมันเกิดจากผู้ที่ประพฤติปฏิบัติผู้ที่ประพฤติปฏิบัติได้จะมีความมหัศจรรย์ในใจของตน 

ถ้ามันมหัศจรรย์แล้วมหัศจรรย์แล้วไม่รู้จะทำอย่างไรใช่ไหมเราก็ฝึกหัดใช้ปัญญาๆ มันต้องมีการฝึกหัดใช้ปัญญา เพราะนี้เป็นพระพุทธศาสนาพระพุทธศาสนาสอนถึงแห่งการใช้ปัญญา ปัญญาในพุทธศาสนาคือภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากภาวนาการศึกษาๆ สุตมยปัญญาศึกษามาจากตำรับตำรา การศึกษาตำรับตำราก็การศึกษามาแบบโลกๆ แบบโลกๆ แบบทางวิชาการที่เขาศึกษากัน ลัทธิศาสนาอื่นเขาก็มีการศึกษาทั้งนั้น ทางโลกทางวิชาการวิชาชีพใดเขาก็มีการศึกษาทั้งนั้น

แต่นี้เราจัดการศึกษาให้เป็นศึกษาเป็นวิทยาศาสตร์เป็นทางโลกศึกษามาเพื่อให้คนมีปัญญาแต่ปัญญาอย่างนี้เป็นปัญญาเกิดจากการศึกษา เป็นสุตมยปัญญาปัญญาอย่างนี้เกิดจากการศึกษา ปัญญาอย่างนี้เกิดจากการค้นคว้าแล้วถ้าฝึกหัดใช้ปัญญาๆ ถ้ามันเป็นจินตนาการจินตนาการที่เกิดพื้นฐานจากการศึกษามันก็เป็นจินตมยปัญญามันแก้กิเลสไม่ได้เพราะมันขาดสมาธิไป พอมันขาดสมาธิไปครูบาอาจารย์ของเราท่านถึงฝึกหัดให้ใช้ปัญญา ฝึกหัดให้ปัญญา 

ถ้าฝึกหัดใช้ปัญญา จนฝึกหัดใช้ปัญญา แล้วฝึกหัดทำความสงบของใจ ถ้าใจมันสงบขึ้นมาแล้ว ถ้ามันเกิดปัญญาขึ้นมามันจะเป็นภาวนามยปัญญาปัญญาเกิดจากภาวนาๆ เพราะปัญญาเกิดจากภาวนานี่มันถึงจะเห็นบุญเห็นคุณ มันจะเห็นบาปเห็นคุณเห็นโทษ เห็นบาปเห็นบุญมันซึ้งใจมันกินหัวใจ ใจมันเป็นบุญเป็นกุศล มันเป็นที่ใจ สิ่งใดในโลกนี้มนุษย์เป็นผู้สร้าง แล้วมนุษย์ผู้นั้นเป็นผู้ที่มีคุณธรรมในใจแล้วมันจะไปทำอะไรผิดเพี้ยน มันจะทำอะไรออกนอกลู่นอกทางถ้าใจมันเป็นธรรม

แต่ถ้าใจมันเป็นพิษ ใจมันเป็นพิษมันว่าดี มันว่าไม่ใช่เรา มันว่าคือกิเลสพิษมันว่า อย่างนี้น่าจะดี อย่างนี้น่าจะถูกใจ มันจะไปถูกใจถูกอะไรดีคือดี ชั่วคือชั่วไม่มีใครไปบัญญัติได้ความดีความชั่วมันเป็นไปโดยข้อเท็จจริงเป็นไปโดยสัจจะ ไม่มีใครไปบัญญัติดีหรือชั่วหรอกแม้แต่ศาล ศาลเวลาเขาตัดสินเขาตัดสินตามข้อเท็จจริงตัดสินตามข้อโต้แย้งตามความจริงนั้นแม้แต่ศาลเขายังตัดสินตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สภาวะแวดล้อมด้วยหลักฐาน ด้วยสำนวน

นี่ก็เหมือนกัน เป็นความจริงมันเป็นความจริงวันยังค่ำ มันเป็นตามข้อเท็จจริงนั้น ไม่ใช่ว่าเราคิดว่าดีคิดว่าชั่วหรอก ถ้าเราคิดว่าดีคิดว่าชั่วมันยังไม่ถึง เราต้องพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำเล่าๆเวลามันเป็นจริงมันเป็นจริงของมันขึ้นมาเองมันมีกำลังของมัน เวลามรรคญาณมันเกิดขึ้นเวลามรรคผลมันเกิดขึ้น มันพิจารณาของมันไป มรรคสามัคคีมันรวมของมันขึ้นไปมันด้วยมรรคด้วยผล อะไรก็ขวางมันไม่อยู่หรอก ศีลสมาธิ ปัญญามันเกิดขึ้นไม่มีสิ่งใดขวางมันได้ มันทำลายราบ เวลาพิจารณาไปเวลาขันธ์กับจิตมันแยกจากกันโลกนี้มันราบเป็นหน้ากลองไม่มีสิ่งใดเหลือเลย โลกนี้ราบเรียบไปหมดจักรวาลนี้ไม่มีเลย 

ใครทำใครเป็นคนสร้างให้ ใครเป็นคนทำให้ไม่มีใครทำให้เลยนะ เกิดจากการกระทำของเราเองนะ แล้วก็เป็นที่หัวใจดวงนั้น หัวใจดวงนั้นมีอำนาจวาสนามากน้อยแค่ไหนเห็นไหม ขณะใหญ่ ขณะเล็กหลวงตาท่านพูด เวลาขณะของท่านสะเทือนสามโลกธาตุ มันระบือลือลั่นเวลาของท่านอาจารย์สิงห์ทอง เห็นไหมไม่รู้ขณะมันเกิดอย่างไร จนไม่รู้ตัว เล็กน้อยมาก นี่พูดถึงเวลาครูบาอาจารย์ท่านในวงปฏิบัติในวงครูบาอาจารย์ของเราท่านรู้ของท่านรู้ถึงว่าสิ่งที่เวลามันเกิดมรรคเกิดผล เวลาเกิดมรรคเกิดผลมันเกิดที่ไหน 

นี่ไง ไม้ล้มมันยังทรงตัว มันยังพยายามฟื้นตัวของมัน นี่ของเราเป็นพระ เป็นพระขึ้นมานี่ล้มลุกคลุกคลาน มันต้องมีกำลังใจ มันต้องสร้างสมขึ้นมาๆ เพราะหัวใจดวงนี้ไง นี่เพราะชีวิตของเราไง ชีวิตตั้งแต่เกิดมายังมีลมหายใจอยู่ ชีวิตยังอยู่ไง วันไหนหายใจเข้าไม่ออก ออกไม่เข้าก็ตาย ตายแล้วก็จบ ชีวิตนี้ก็จบแล้วไปเกิดใหม่ เพราะจิตมันยังมีอยู่ ความรู้สึกมันมีอยู่ ความรู้สึกนี่มันไป มันไปตามอำนาจวาสนาตามเวรตามกรรมไง จะว่ามี โลกนี้มีๆ ชาติหน้ามีไม่มีตายไปมันเห็นของมันทั้งนั้น แล้วเห็นของมันมันก็อยู่ในความรู้สึกมัน มันจะมาบอกเราไม่ได้หรอก เพราะมันคนละมิติคนละภพคนละชาติๆ ภพชาติของจิตดวงนั้นไง แต่โลกของเราก็อยู่ของเราอย่างนี้ 

นี้ไง กามภพ รูปภพ อรูปภพ นี่วัฏฏะ แล้วเราก็ยังเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ แล้วเราเกิดมาเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนา แล้วเราได้มาบวชเป็นพระ บวชเป็นพระปฏิบัติด้วย บวชเป็นพระปฏิบัติแล้วไปจมอยู่กับกิริยานี่ จมอยู่กับความเป็นพระ สมณสารูปนี่ แล้วหัวใจล่ะ แล้วการปฏิบัติล่ะ แล้วความจริงล่ะ แล้วมรรคผลขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าล่ะ แล้วมรรคผลของเราล่ะ ไม่มี มีแต่ความทุกข์ มีแต่กิเลสเหยียบย่ำ มีแต่ชีวิตที่คอตก เศร้า เหงากับชีวิต ไม่มีความจริงเลย

ถ้ามันเป็นความจริงขึ้นมานะ จิตใจมันชื่นบาน มันฟื้นตัวขึ้นมาได้ ถ้ามันฟื้นตัวมันขึ้นมาได้ นั้นถึงจะเป็นความจริงในใจนั้น พุทธะ นี่ไง ศากยบุตรพุทธชิโนรส เป็นบุตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยสมมติทั้งนั้น ถ้าเป็นจริงขึ้นมาในใจนะ มันเป็นความจริงในใจของเรา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็อยู่ในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมะในใจของผู้ที่ปฏิบัติคนใดก็แล้วแต่ที่ปฏิบัติได้ก็อยู่ในใจดวงนั้น แล้วใจของเราล่ะ ใจของเรามันทุกข์มันยากมากน้อยแค่ไหน เราต้องมีความจริงของเรา ฟื้นฟูหัวใจของเราขึ้นมาให้ได้ เอวัง