เทศน์พระ

แก๊สพิษ

๓ ธ.ค. ๒๕๖o

 

แก๊สพิษ
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์พระ วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๐
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เอาล่ะ ฟังธรรมะก่อน ฟังธรรมะๆ ไปฟังธรรมะสัจธรรมๆ เป็นสัจจะความจริง ถ้าสัจจะความจริง เราจะเทียบหัวใจของเราให้เข้าเป็นสัจจะความจริงอันนั้นหรือไม่ ถ้าเราเทียบหัวใจของเราเข้าสู่สัจจะความจริงอันนั้นไม่ได้ เห็นไหม มันเป็นมายา มายากิเลสในหัวใจเรามหาศาลเลย ถ้ามายาในหัวใจของกิเลสมันมหาศาลเห็นไหม เรายังโชคดีนะ เรายังมีหูมีตา 

คำว่ามีหูมีตาหมายความว่า เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดในพุทธศาสนา เวลาเกิดในพุทธศาสนาเห็นไหม พุทธศาสนาสอนเรื่องอะไร ถ้าเรามีอำนาจวาสนาเห็นไหม เราชั่งตวงวัดชั่งตวงเอา ว่าถ้าทางโลกเห็นไหม ชีวิตเกิดมาชาติปิ ทุกขา ชีวิตเกิดมาเป็นทุกข์อย่างยิ่ง ถ้าความทุกข์อย่างยิ่งเกิดมาแล้วเห็นไหม เราครองเพศเป็นฆราวาส เราต้องรับหน้าที่รับผิดชอบ เราต้องมีหน้าที่การงานเห็นไหม เราทำหน้าที่การงานอย่างนั้นมันก็เป็นการเลี้ยงชีพ ถ้าการเลี้ยงชีพแล้วเราเกิดมาทั้งชีวิต ชีวิตของเรามันค่ามากกว่านั้น เราถึงเห็นภัยในวัฏสงสารมาบวชเป็นพระไง 

ถ้าบวชเป็นพระมีวาสนาวาสนาตรงนี้ เรามาบวชเป็นพระ ถ้าบวชเป็นพระนี่เขาเรียกนักรบ เวลานักรบนี่เขารบกับกิเลส ถ้ารบกับกิเลส ถ้าเราเป็นนักรบเห็นไหม เราจะมีสติมีปัญญามากน้อยแค่ไหนที่เราจะตั้งสติปัญญาขึ้นมารบกับกิเลส ไม่ใช่ว่ามานอนจมอยู่กับกิเลสอย่างนี้ไง ถ้านอนจมกับกิเลสเห็นไหม ถ้านอนจมกับกิเลสแล้วเป็นมารยาสาไถยไง แล้วมารยาสาไถยนะ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมามันก็น้อยอกน้อยใจไง ทำไมคนโน้นไม่ดูแลเรา คนนี้ไม่ดูแลเราไง 

ผู้ที่มีคุณธรรม คุณธรรมเห็นไหม เราพูดประจำถ้ามันเป็นธาตุ ธาตุนี่ทองเข้ากับทองคำ ดินเข้ากับดิน น้ำไปกับน้ำ น้ำเสียน้ำเน่าก็ไปอีกประเภทหนึ่ง นี่ไง ถ้ามันเข้ากันได้ๆ ไง ถ้ามันเข้ากันโดยธาตุเห็นไหม ถ้าเข้ากันโดยธาตุมันโดยข้อเท็จจริงๆ ไง ถ้าข้อเท็จจริง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่มีธรรมแล้วเห็นไหม มาลงใจในธรรมะขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้านะ องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติไว้เป็นธรรมวินัยคือกฎหมาย คือวิธีการ คือข้อวัตรที่เราต้องทำแบบนั้น ถ้าทำแบบนั้น ถ้าใจคนที่เป็นธรรมมันจะทำแบบนั้น ทำแบบนั้นมันลงธรรมแบบนั้น ถ้าใจที่เป็นธรรมมันเข้ากันได้แบบนั้น 

ฉะนั้น เราก็มาวัดกันไง วัดกัน เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาแล้วมันต้องมีผู้อุปัฏฐากผู้ที่ดูแล ถ้าผู้ที่อุปัฏฐากผู้ดูแล เขาก็ดูแล คำว่าดูแล ดูแลเห็นไหม มันก็เหมือนหมอพยาบาลเขาดูแลคนไข้ นี่แล้วมันจะหายไม่หายอยู่ที่คนไข้นั้น ถ้าคนไข้นั้นแข็งแรง คนไข้นั้นจิตใจเข้มแข็ง หมอรักษาได้ง่ายดายไง ถ้าคนไข้นี้อ่อนแอเห็นไหม เดี๋ยวมันก็ช็อคตาย มันจะช็อคตายอยู่นั่นน่ะ หมอเขาต้องเอาออกซิเจนปั๊มไว้เลยนะ เดี๋ยวหัวใจวายต้องปั๊มขึ้นมาเลยนะ เพราะคนไข้อ่อนแอไง มันอยู่ที่คนไข้ ถ้าคนไข้อ่อนแอนะ หมอพยาบาลนั้นเขาก็ดูแลรักษาตามนั้น 

พระก็เหมือนกัน พระอยู่ด้วยกันเขาก็ดูแลรักษาตามนั้น รักษาตามนั้นแล้วมันจะหายหรือไม่หายเห็นไหม เนี่ยลางเนื้อชอบลางยา มันก็เป็นที่ว่าคนมันถูกกับวิธีรักษาอย่างนั้น มันก็จะรักษาอย่างนั้นได้ ถ้ามันถูกกับวิธีรักษาอย่างนั้น รักษายังไงแล้วมันก็ถูลู่ถูกังนี่เห็นไหม มันก็พยายามรักษาของมันอย่างนั้นขึ้นมาให้ได้ ลางเนื้อชอบลางยา ถ้ามันเป็นจริงๆ เห็นไหม 

นี่พูดถึงว่าเราเกิดมามีอำนาจวาสนานะ เรามาบวชเป็นพระ ถ้าบวชเป็นพระ เป็นนักรบ รบกับใคร รบกับกิเลสตัณหาความทะยานอยาก รบกับกิเลสตัณหาความทะยานอยากเห็นไหม เวลาคนเกิดมามีกายกับใจๆ นะ หัวใจนี้ยิ่งใหญ่นักๆ แต่หัวใจมันได้สะสมสิ่งใดมา รัตตัญญูๆ ผู้มีราตรีเห็นไหม รัตตัญญูผู้ที่มีความรู้ความสามารถ นี่ก็เหมือนกัน เวลาผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ คนแก่คนเฒ่าเห็นไหม เวลามาประพฤติปฏิบัติเหมือนกับคนอ่อนแอ คนเจ็บไข้ได้ป่วยไง เพราะมันได้รับซึมซับ ซึมซับสิ่งในโลกนี้มาเยอะไง 

เห็นไหม เด็กน้อย เด็กน้อยเด็กๆ ที่เพิ่งเกิดเห็นไหมๆ อายุห้าหกสิบขวบให้หัดภาวนา ภาวนาแจ่มใส เพราะอะไร เพราะโลกเขายังสวยงามอยู่ไง ในประสบการณ์ชีวิตของเขามันยังไม่ได้แปดเปื้อนไง หัวใจของเขายังนุ่มนวลอยู่ไง เวลาทำสิ่งใดมันก็ทำได้ง่ายไง ไอ้เราคนเผชิญโลก เราอยู่กับโลกมามาก เรารู้มามาก ปัญญาเราเยอะ เวลามันจะภาวนาขึ้นมา ไอ้ความรู้เยอะๆ นั่นน่ะ นั่นมันภาวนาไม่ลง ถ้ามันภาวนาลงมันถึงจะเป็นประโยชน์มันเห็นไหม 

ดูสิ เวลาทางโลกเขา เวลาเขาขออนุญาตตั้งโรงงานไง เวลาโรงงานของใครเห็นไหม โรงงานสิ่งที่ทำอุตสาหกรรมเขามีบ่อกำจัดน้ำเสีย ถ้าบ่อกำจัดน้ำเสียเห็นไหมน่ะ สิ่งที่ว่าน้ำเสียน่ะ เขาก็ต้องรีไซเคิลให้มันเป็นน้ำที่พอประมาณที่จะระบายทิ้งไปได้ แต่ถ้าโรงงานที่เขาเป็นบ่อ เห็นไหม เขากักเก็บไว้เห็นไหม มันจะเกิดก๊าซพิษ เกิดก๊าซพิษขึ้นมา เขาเข้าไปทำความสะอาดเห็นไหม ลงไปน่ะขาดอากาศหายใจตายเลย ก๊าซพิษมันทำลายหมด 

นี่พูดถึงโรงงานเห็นไหม โรงงานสิ่งที่โรงงาน โรงงานอุตสาหกรรม โรงงานสิ่งที่เขาทำอุตสาหกรรม สิ่งที่เขาเป็นสินค้าของเขา เขาทำเพื่ออะไร ก็เพื่อประโยชน์ทั้งนั้นน่ะ นี่คุณงามความดีเขาทำแล้วมันมีกำไรขาดทุนของเขา เขาทำแล้วมีผลประโยชน์ของเขา ผู้คนมีงานทำ ระบบเศรษฐกิจ เศรษฐกิจมันเจริญรุ่งเรืองเห็นไหม มันก็มีส่วนดีของมัน ส่วนดีของมัน แต่ส่วนเสีย ของเสีย ของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมน่ะ ของเสียที่จะทำลายน่ะมันเกิดก๊าซพิษไง 

นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่เราตั้งใจมาๆ เราตั้งใจมาทำอะไร เราก็ตั้งใจมาทำคุณงามความดีทั้งนั้น ถ้าเราตั้งใจมาทำคุณงามความดีทั้งนั้นเห็นไหม สิ่งที่มีโรงงานอุตสาหกรรม ถ้ามันทำสิ่งที่ดีเห็นไหม โรงงานอุตสาหกรรมใช่ไหม นี่หัวใจของเราๆ เรามาบวชเป็นพระ ถ้าบวชเป็นพระนี่ เราทำคุณงามความดีนี่เหมือนกับเราสร้างสิ่งที่ดี เราทำคุณงามความดีของเราไง ถ้าทำคุณงามความดีของเรา สิ่งที่เป็นคุณงามความดีของเรา มันก็ศีล สมาธิ ปัญญา มันเป็นมรรคเป็นผลขึ้นมา 

สิ่งที่เป็นกิเลสตัณหาความทะยานอยาก สิ่งที่พญามาร เห็นไหม กากเหลือกากเดน กากทิ้ง มันก็อยู่ในหัวใจของเรา เราพยายามกำจัดกากมันทิ้ง แต่เวลากำจัดมัน กำจัดมันได้แสนยากไง ถ้ามันแสนยากก็ครอบงำหัวใจของเราไง สิ่งที่เป็นก๊าซพิษทำความเป็นพิษไง ถ้าความเป็นพิษมันอยู่กับเรามันก็ทำลายหัวใจของเรา ถ้าอยู่กับหมู่คณะมันก็ทำลายหมู่คณะไป ไอ้สิ่งที่เป็นก๊าซไข่เน่า ขาดอากาศหายใจ มันตายหมด มันตายหมดเห็นไหม มันตายหมดคือคนที่ลงไปทำความสะอาดไง สิ่งที่ทำความสะอาดคือผู้อยู่รอบข้างไง ผู้อยู่รอบข้างได้ผลกระทบกันไปหมดเลย นี่พูดถึงถ้ามันเป็นก๊าซพิษ มันเป็นความเสียหายไง 

สิ่งที่เป็นคุณงามความดี คุณงามความดีเป็นคุณงามความดีของใคร ถ้าคุณงามความดีเห็นไหม ในโลกนี้มันก็มีดีกับเลวนั่นน่ะ มีบวกกับลบอยู่ในคนคนนั้นน่ะ มันมีของมัน เห็นไหม มันมีรูปมีนาม มันถึงมีการหมุนไป นี่ก็เหมือนกัน มันมีบาปมีบุญของมัน มันก็มีการกระทำของมันไป

นี่พูดถึงว่าโรงงานนะ ถ้ามันเกิดก๊าซพิษ เกิดการทำลาย มันทำลายกันไปหมดนะ นี่พูดถึงโรงงานนะ แต่ แต่ถ้าเป็นโรงงานสารเคมีนะ โรงงานทำคามอคโซน ทำต่างๆ น่ะ นั้นมันโรงงานทำสารเคมีสารสกัดทำลายเขาทั่วไปหมด เข้าไปต้องมีระบบความปลอดภัย มีการเต็มที่ของมันเห็นไหม เขาป้องกันเต็มที่เลยเพราะมันเป็นก๊าซพิษเต็มที่เลย สิ่งที่มันเป็นอย่างนั้นน่ะ เขาทำเพื่ออะไรล่ะ เพราะในเมื่ออุตสาหกรรมเขาต้องการใช้สอยของเขา มันเป็นธุรกิจของเขา ถ้าธุรกิจของเขา ธุรกิจทางโลกไง ทางโลกหมายความว่าผลประโยชน์ไง 

แต่ถ้าของเรานะ ถ้าโรงงานอย่างนั้นเราต้องกำจัดทิ้งเลย กำจัดทิ้ง โรงงานอย่างนั้นคือโรงงานคือเราจะสร้างคุณงามความดีของเราไง เราจะมาทำสิ่งที่ดีงาม เราจะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับเราไง ถ้ามันทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับเรา สิ่งที่มันเป็นโรงงานมีแต่สิ่งที่ทำลายล้าง ทำลายล้างไง ถ้ามันเป็นทางโลกโรงงานสร้างอาวุธๆ อาวุธเขาไว้ทำลายกัน แต่อาวุธเขาก็บอกไว้ป้องกันตัว มันคิดของมันไปร้อยแปดนั่นน่ะ นั่นมันเป็นเรื่องโลกไง เรื่องโลกมันอยู่ที่ผลประโยชน์ของใคร ผลประโยชน์ของใคร ถ้าผลประโยชน์ของใคร มันเรื่องส่วนตน 

แต่ถ้าธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามรรคผลนิพพาน มรรคผลนิพพาน เห็นไหม ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นองค์ที่ ๔ ในภัทกัปๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นองค์ที่ ๔ องค์ต่อไปเป็นพระศรีอริยเมตไตรย แล้วยังมีอนาคตวงศ์อีก มันยังมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อๆ ไป ถ้าคำว่ามีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อๆ ไปคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้ธรรม ตรัสรู้อริยสัจ ๔ นี้เหมือนกัน 

แล้วอริยสัจ ๔ นี้มันเป็นของใคร เป็นของส่วนตนๆ ไง ทิฐิมานะของตน ส่วนของตน มันไม่ไปเห็นส่วนของธรรม ถ้าส่วนของธรรม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมะเป็นสาธารณะ บอกว่าธรรมะเป็นธรรมชาติๆ นี่ล่ะ นี่ธรรมะเป็นธรรมชาติ ธรรมะเป็นสาธารณะ สาธารณะเห็นไหม 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาแสดงธรรมๆ นะ ธรรมะนี่ไม่มีกำมือในเรา แบตลอด ธรรมะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่แสดงธรรมไปแล้วเห็นไหม เพื่อประโยชน์แก่สามโลกธาตุ แก่ผู้ที่แสวงหา ถ้าผู้แสวงหาผู้ใดประพฤติปฏิบัติตามสมควรแก่ธรรม ถ้าสมควรแก่ธรรมมันเป็นธรรมะของคนคนนั้น ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ผู้ใดๆ เห็นไหม ผู้ใดก็เป็นธรรมะของผู้นั้น ถ้าเป็นของผู้นั้นมันเป็นธรรมะส่วนบุคคลแล้ว ส่วนบุคคล ส่วนบุคคลคือส่วนจิตนั้น ส่วนจิตนั้นก็ส่วนที่ทำลายความเป็นก๊าซพิษในใจของบุคคลคนนั้น ถ้าทำลายก๊าซพิษของบุคคลคนนั้น โรงงานของเขาถ้ามันดีขึ้นมาพัฒนาขึ้นมาเห็นไหม เป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่มีบ่อกำจัดน้ำเสีย บ่อกำจัดน้ำเสียถ้ามันมีสิ่งตกค้างก็ต้องทำลายให้มันสะอาดบริสุทธิ์ทั้งหมดไง นั่นมันถึงจะเป็นสัจธรรม มันถึงจะเป็นความจริงไง เพราะความจริงในใจดวงนั้นไง มันไม่มีก๊าซพิษก๊าซเสียก๊าซทำลายตนเอง 

สิ่งที่ทำลายคืออวิชชา กิเลสตัณหาความทะยานอยาก มันทำลายคนคนนั้นก่อน มันทำลายใจดวงนั้นก่อน เพราะใจดวงนั้นเห็นไหม จากโรงงานนี่ โรงงานที่เขาพัฒนา โรงงานที่เขาสุจริต ไม่ใช่มีบ่อกำจัดน้ำเสียแล้วไม่เคยใช้เลย ปล่อยมันไหลทำลายสังคมไปทั้งหมด ไม่เคยกำจัดความเสียหายในใจของตน ไม่เคยกำจัดความเป็นพิษร้ายในใจของตน ไม่กำจัดแล้วยังปิดโรงงาน ปิดบ่อกำจัดน้ำเสียเพราะมันจะเกิดต้นทุน มันจะปล่อยให้ไหลไปตามชุมชน ไหลไปทำลายเขาทั่ว ถ้าไหลไปทำลายเขาทั่วเห็นไหม เพื่ออะไร เพื่อเอากำไรสูงสุด มันเป็นความเสียหายไง 

แต่นี่พูดถึงว่าเป็นธรรมะส่วนบุคคลๆ ธรรมะส่วนบุคคล เห็นไหม ธรรมะเป็นธรรมชาติ เป็นธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมไว้น่ะเป็นสาธารณะ ให้กับบริษัท ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาอย่างพวกเราพยายามแสวงหา ถ้าพยายามแสวงหา พอแสวงหาแล้วธรรมะส่วนบุคคลๆ ทุกคนก็อยากจะธรรมะของเรา 

มรรคผลนิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือ สาธุ ถ้าไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมก็จะไม่มีพุทธศาสนา ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่แสดงธัมมจักฯ ก็ไม่เกิดสังฆะ ไม่เกิดพระอัญญาโกณฑัญญะ เวลาพูดถึงในสัจธรรมๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสาธุๆ นะ เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม เพราะท่านเป็นศาสดา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดาของพวกเรา เป็นผู้ที่วางธรรมและวินัยนี้ไว้ เราไปศึกษาว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราก็ยอมรับ ธรรมะเป็นธรรมชาติ เป็นธรรมชาติเพราะธรรมชาติเป็นสาธารณะ 

แต่ถ้ามันจะเป็นจริงๆ มันต้องเป็นของเรา แล้วถ้าเป็นของเรา ถ้ามันเป็นความจริงขึ้นมา มันก็ต้องมีศีลมีสมาธิมีปัญญา ถ้ามีศีลมีสมาธิมีปัญญาขึ้นมา มันก็ต้องมีข้อวัตรปฏิบัติ มันก็ต้องมีข้อเท็จจริง ไม่ใช่เอาแต่ใจของตน เอาแต่ความเห็นของตน ความเห็นของตนอะไรก็ได้ ถ้าเป็นความเห็นของเรา ถ้าเป็นของคนอื่นไม่ได้ มันไม่ได้ยังไงมันต้องได้สิ ถ้ามันต้องได้ ตัวตนเราก็เบาลงแล้ว มันต้องอยู่กันด้วยธรรมวินัย ถ้าธรรมวินัยมันเป็นจริงๆ อย่างนั้น มันมีน้ำใจต่อกัน มันไม่มีน้ำใจต่อกันนะ ถ้ามีน้ำใจต่อกันทำคุณงามความดีต่อกัน 

ไอ้โรงงานอุตสาหกรรมของเราน่ะ ไอ้บ่อกำจัดน้ำเสียเราก็จะเปิดเครื่อง เราก็จะกำจัดน้ำเสียของเรา ทำให้มันสะอาดขึ้นมา ทำให้มันดีงามขึ้นมา มันไม่กระทบกระเทือนกับชุมชน มันไม่กระทบกระเทือนกับหมู่บ้านแถวนั้น โรงงานที่ไหน หมู่บ้านที่ไหน ต้นทุนต่ำๆ พยายามจะเอาแต่กำไรสูงสุด แล้วก็จะปล่อยของเสียให้ไปกระทบกระเทือนคนอื่น แต่ไอ้สินค้าน่ะเป็นของเรา ผลประโยชน์เป็นของเรา แต่สิ่งที่กระทบกระเทือนนี่เป็นของคนอื่น ให้คนอื่นรับผิดชอบไป ไอ้เราว่าเราเป็นผู้ที่นักบริหารจัดการ เป็นผู้ที่มีปัญญาทั้งนั้น ไอ้นี่พูดถึงทางโลกนะ แต่พูดถึงทางธรรมนั่นน่ะ สร้างเวรสร้างกรรมทั้งนั้น การสร้างเวรสร้างกรรมน่ะผลกระทบไปทั้งนั้น ผลกระทบเห็นไหม ถ้าผู้ใหญ่ที่เป็นธรรมมันก็จะเป็นประโยชน์มาก 

ผู้ใหญ่เป็นธรรมตั้งแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามา ดูสิ เทวทัตจะมาขอปกครองสงฆ์เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าน่ะชราภาพแล้ว ข้าพเจ้าขอปกครอง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ให้น่ะ ไม่ให้ ไม่ให้เพราะอะไร เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้สงฆ์ปกครองสงฆ์ สงฆ์น่ะเพราะคำว่าสงฆ์ สงฆ์มันต้อง ๔ องค์ขึ้นไปนะ มันจะมีมุมมองคนเดียวไม่ได้ มันก็ต้องมีการโต้แย้ง ถ้ามีการโต้แย้งมีความผิดถูกเห็นไหม แล้วสังคมพระเราฉันทามติ ต้องเห็นร่วมกัน เห็นพร้อมกัน ถึงจะเป็นอันเดียวกัน ถ้าเห็นร่วมกันเห็นพร้อมกันก็จะทำพร้อมกัน 

เว้นไว้แต่เวลากรรมฐาน เวลาหลวงปู่มั่น เวลาผลของการปฏิบัติ เวลาผลของการปฏิบัติมันจะใส่กันด้วยข้อเท็จจริง ใส่ด้วยข้อเท็จจริงนะ ธัมมะสากัจฉา เอตัมมังคะละมุตตะมัง ความเป็นมงคลมันต้องมีเหตุมีผล การที่มีเหตุมีผล สิ่งที่เวลาปีใหม่ เวลาวันเสาร์อาทิตย์ เห็นไหม เขาไปเที่ยวธรรมชาติ ไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวที่อากาศโอโซนอันดับหนึ่งของโลก เขาจะหาความสะอาดบริสุทธิ์ทั้งนั้น สิ่งที่เขาจะหาความสะอาดบริสุทธิ์อย่างนั้นน่ะ นี่ไง ธัมมะสากัจฉา เอตัมมังคะละมุตตะมัง มันด้วยเหตุด้วยผล มันต้องมีเหตุมีผล คำว่าเหตุผลยอมรับกันด้วยเหตุผล อากาศที่เห็นไหม ก๊าซพิษเข้าไปน่ะ เห็นคนนอนตายอยู่ข้างหน้า มันไม่มีกลิ่นไม่มีสี ไม่รู้ เข้าไปน่ะแต่เห็นศพนอนอยู่นั่น เอ็งจะเข้าไปมั้ย พอจะเข้าไปก็ต้องมีหน้ากาก มีการป้องกันตัวเอง เข้าไปก็ยังตาย 

แต่ถ้าเป็นโอโซนเห็นไหม โอ้โฮ สภาพแวดล้อมที่ดีนะ โอ้โห สิ่งที่มีความชื่นใจ หายใจเต็มปอดเลย ต้องเดินทางไปนะ ไปสูดโอโซนน่ะ ธัมมะสากัจฉา ถ้ามันเป็นสิ่งที่สะอาดบริสุทธิ์ มันเป็นโอโซนอย่างนั้นน่ะ โอ๋ย มันชื่นใจน่ะ มันชื่นใจ ใครๆ ก็อยากจะแสวงหาอย่างนั้น ใครๆ ก็จะไปสถานที่นั้น ไม่มีใครหายใจไม่ออก ใส่หน้ากาก ใส่หน้ากากป้องกันเต็มที่ มีถังออกซิเจนเข้าไป นอนตายอยู่นั่น เข้าไปตายหมดเลย ไม่มีกลิ่นไม่มีสี มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่เข้าไปตายหมด 

สิ่งที่มันเวลาถ้าเป็นแบบครูบาอาจารย์ของเรา เห็นไหม บอกว่าเป็นธัมมะสากัจฉา เอตัมมังคะละมุตตะมัง เวลาการโต้แย้งๆ มันมีการโต้แย้ง แต่การโต้แย้งระหว่างกิเลสกับธรรม เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมาน่ะมีความเห็นผิด มีความยึดมั่นถือมั่นในความเห็นของเรา มันต้องโต้แย้งกัน ไม่โต้แย้งกันเราเอาเป็นอาจารย์ได้ยังไงน่ะ มันจะปล่อยอารมณ์อย่างนี้ได้ยังไง 

นี่ไง หลวงตาท่านสอนประจำ อย่าเสียดายอารมณ์ที่เราเห็นว่าถูกต้องนั้นนะ อย่าเสียดายอารมณ์ของเรา เวลาอารมณ์ที่มันยึดมั่นถือมั่นน่ะ ทิฐิมานะของตนนั่นน่ะ แล้วก็ยึดมั่นถือมั่นในความเห็นของตนนั่นน่ะ นั่นน่ะยึดมั่นอยู่ แต่ถ้ามันด้วยเหตุด้วยผลนะ เอ๊ะ มันผิดอะไรน่ะ มันทำไมถึงผิด ผิด ผิดตรงไหน อ้าว ผิด ผิดเพราะมึงไม่รู้ไง ถ้ามึงไม่รู้มึงไปกอดศพไว้ทำไม ถ้ามึงไม่รู้ มึงเข้าไปสู่บ่อกำจัดน้ำเสียที่กิเลสมันกำลังคายพิษในใจมึงน่ะ มึงยังไม่รู้อีกเหรอน่ะ หน้ากากที่ใส่ไว้เดี๋ยวตายนะ มันก็ยังไม่รู้สึกตัวอยู่นั่นน่ะ แต่มันเห็นศพนอนอยู่นั่นมั้ย ใส่หน้ากาก มีถังออกซิเจน แต่ตายเกลื่อนเลยน่ะ ตายอยู่นั่น เห็นไหม 

ถ้ามันเห็นมันอย่างนั้น มันเห็นแล้ว อ้อ ตรงนั้นมันมีก๊าซพิษ ตรงนั้นมันเข้าไปไม่ได้ ตรงนั้นมันไม่มีอากาศหายใจ เข้าไปแล้วตายทั้งนั้นน่ะ แล้วตายไปประพฤติปฏิบัติได้อะไร อย่ามาอหังการ อหังการอยู่แล้วมันได้อะไร สิ่งที่ก๊าซพิษๆ นั้นน่ะ เรามองไม่เห็นด้วยตา ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี ใสๆ ใสๆ น่ะ ผ่องใสเลย เข้าไปล่ะตายหมดเลย 

เวลาครูบาอาจารย์ท่านสังเวช ท่านสังเวชถึงความไร้เดียงสา ความไร้เดียงสาของใจดวงนั้น ใจดวงนั้นไร้เดียงสามาก แต่เจ้าตัวเกิดทิฐิมานะ เกิดอหังการ ก๊าซพิษทั้งนั้นน่ะ อหังการ อหังการเพราะอะไร อหังการเพราะมันไม่เข้ากับธรรมชาติไง มันไม่เข้ากับธรรมะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าธรรมะเป็นธรรมชาติไง ธรรมชาติคืออะไร ธรรมชาติคือธรรมและวินัยที่บัญญัติไว้ไง ถ้าบัญญัติแล้วมันเข้ากันได้หรือเปล่า มันไม่เข้ากันสักอย่างหนึ่ง ถ้าไม่เข้ากันสักอย่างหนึ่ง มันเป็นไปได้ยังไง อ้าว ก็โลกเขาทำกันอย่างนั้น 

นั่นโลก นั่นโลกไม่ใช่ธรรม เพราะธรรมมันอยู่ในใจของหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น มันอยู่ในใจของครูบาอาจารย์ของเรา แล้วครูบาอาจารย์ของเราเขาทำมายังไง เขาทำอย่างนั้นมาเพราะต้องดัดขากิเลส ดัดไอ้ความเคยใจ ดัดไอ้ความสะดวกสบาย อยากได้กินอิ่มนอนอุ่น หลวงปู่มั่นท่านถากถางประจำ 

ถ้าที่ไหนปิ่นโตเถาใหญ่ๆ มีหมูเยอะๆ โยม ที่นี่อากาศดี ปลอดโปร่ง ที่นี่เป็นสัปปายะ น่ารื่นรมย์ น่าจะปฏิบัติ แต่ถ้าที่ไหนนะ ไม่มีปิ่นโตซักเถาหนึ่งเลย ไม่มีสิ่งใดเลย โอ๋ยโยม ที่นี่อากาศมันอับ เดี๋ยวมันจะเป็นก๊าซพิษ เดี๋ยวอาตมาจะจุกอกตาย ท่านบอกว่ามันไม่มีจะแดก นั่นน่ะ นี่หลวงตาท่านถากท่านถางประจำ ท่านถากถางกิเลสไง ถ้าที่ไหนปิ่นโตใหญ่ๆ อาหารเยอะๆ โอ๋ ที่นี่ แหม อากาศมันเบา ภาวนาแล้วมันปลอดโปร่ง ไม่รู้กินแล้วมันนอนอยู่นั่นน่ะ เวลาใจด้วยทิฐิมานะของตน ด้วยความเห็นของตนไง มันไม่ใช่ธรรมวินัยไง 

ถ้าธรรมวินัยนะ อัตคัดขาดแคลนจะขี้ทุกข์ขี้ยากขนาดไหนก็แล้วแต่ แต่เดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนานี่เด่นชัด จิตนี้ผ่องแผ้ว มันมีความสุขนะ ถึงผ้าจะขาด ถึงทุกอย่างจะอัตคัดขาดแคลน แต่มันเป็นที่สมควรแก่การภาวนา พวกเราจะรื่นเริง ชุ่มชื่น ข้างนอกนะ เห็นไหม เวลา ดูสิ ท่านพูดถึงหลวงปู่มั่น เห็นไหม ถ้าพูดถึงทางโลกเหมือนเศษคน ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะบอกถึงเป็นความสุขทางโลก ไม่มีสิ่งใดเลย ฉันน้ำร้อนๆ นี่ไม่มี น้ำร้อนก็คือน้ำร้อนต้มสมุนไพร เท่านั้นน่ะ น้ำตาลก็ไม่มี เอาไว้ถ่ายรูปยังไม่มีเลย อย่าว่าแต่เอาไว้ฉัน มันไม่มีอะไรเลย บิณฑบาตก็ได้เท่านั้นน่ะ อย่างมากก็ได้ผักต้มห่อกับใบตองกับข้าวเหนียวเท่านั้น ไม่มีอะไรเลย 

ท่านบอกพูดถึงทางโลกมันไม่มีอะไรที่น่ารื่นเริงเลย แต่ในทางธรรมนี่เป็นสัปปายะ อาหารเป็นสัปปายะ ฉันแล้วปลอดโปร่ง ไม่มีสิ่งใดกดทับหัวใจเลย แล้วสถานที่เป็นสัปปายะ ไม่มีสิ่งใดใครมาถามธรรมะ แหม ภาวนาเก่งทุกคนน่ะ พระเองที่ปฏิบัติน่ะโง่ ไอ้โยมมันมาถาม หูย แจ้วๆๆ เลย นั่นน่ะสนทนาธรรม แต่เวลาครูบาอาจารย์เราไม่ต้อง ตัวกูยังเอาตัวกูไม่รอดเลย จะไปสนทนาธรรมกับใคร สนทนาธรรมกับตัวเองยังสนทนาไม่ได้เลย จะไปสนทนาธรรมกับใคร เป็นสัปปายะไง สัปปายะของคนมาไม่กวน ถ้าไม่เป็นสัปปายะน่ะ คนมากวนน่ะถามปัญหาทั้งวัน โอ๋ย เก่งมาก สอนคนได้หมดเลย แต่ในใจเป็นพิษหมดเลย มีแต่ก๊าซทำลายตนเองทั้งนั้นเลย ไม่มีอะไรเป็นประโยชน์กับตนทั้งนั้นเลย แต่ถ้าเป็นครูบาอาจารย์เห็นไหม ไม่มีสิ่งใดสมความปรารถนาทางโลก ทางโลกขาดแคลนทั้งนั้น ไม่มีสิ่งใดน่ารื่นเริงเลย เหมือนเศษคน 

แต่ถ้าเป็นทางธรรม สุดยอดของวงกรรมฐาน ท่านทำของท่านตั้งแต่บวชจนสิ้นชีวิต หลวงปู่มั่นตั้งแต่บวชนะ ธุดงค์อยู่ในป่ามาตลอด ไม่เคยออกมาอยู่เมืองเลย ถ้ามาอยู่มีอยู่ ๒ พรรษา มาจำพรรษาที่วัดบรมฯ นี่ ๒ พรรษา นอกนั้นไม่มี การที่มาอยู่วัดบรมฯ ๒ พรรษาก็เพราะว่าจะมาศึกษา เพราะเวลาปฏิบัติไปแล้วเห็นไหม ถ้าจะตรวจสอบกับพุทธพจน์ ตรวจสอบกับพระไตรปิฎก เจ้าคุณอุบาลีฯ ท่านเป็นผู้ที่ชำนาญมาก เป็นผู้ที่มีชื่อเสียง เป็นครูอาจารย์ใหญ่สำหรับการศึกษา ก็มาถกกัน มาหาช่องทาง 

เวลาปฏิบัติปฏิบัติในป่า แต่ปฏิบัติในป่านี่เป็นความเห็น เป็นสมบัติของตน สมบัติของตนถูกต้องดีงามหรือไม่ มันพยายามจะหาช่องทาง แล้วเปรียบเทียบกับธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยผ่านเจ้าคุณอุบาลีฯ โดยผ่านครูบาอาจารย์เป็นปราชญ์ในทางการศึกษา ปราชญ์ในทางการค้นคว้า ท่านก็มาจำพรรษาที่วัดบรมฯ ๒ พรรษา ก็เพื่อมาตรวจสอบ ทดสอบ การตรวจสอบก็ให้มันถูกต้อง ความถูกต้อง ไม่ได้ทิฐิมานะว่าตัวเองเก่งตัวเองฉลาดทั้งนั้น ตัวตนของตนไม่มี แต่เอาสัจจะความจริง เอาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมะขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นธรรมชาติๆ ให้มันเป็นธรรมในใจของตน ถ้าเป็นธรรมในใจของตน พระเป็นผู้ที่มีอัตตสมบัติ 

ถ้าพระที่ไม่มีอัตตสมบัติ พระที่ครองธรรมวินัยนี้ไม่ได้แล้วใครจะครอง ส่วนที่เป็นสมบัติๆ สมบัติต้องเกิดกับเรา ศีลสมาธิปัญญาขึ้นมามันเกิดจากใจ ใจถ้ามันธรรม ความเป็นจริงขึ้นมามันจริงขึ้นมายังไง แล้วมันจริงขึ้นมาแล้ว สิ่งที่จะมาได้เห็นไหม มันช่องทางของมัน ช่องทางมันคือข้อวัตรปฏิบัติ คือความเป็นอยู่ของเรา ถ้าความเป็นอยู่ของเรา ถ้ามันสมควรแก่ธรรม มันเพื่อธรรมๆ มันเข้มแข็ง มันองอาจ มันรื่นเริง มันชุ่มชื่น มันมีการกระทำ ปลอดโปร่ง ไม่ต้องมีสิ่งใดมาเยินยอ ยกย่อง สรรเสริญ 

โมฆบุรุษตายเพราะลาภ ลาภสักการะที่คนยกย่องสรรเสริญเชิดชูนั่นน่ะ เป็นการชี้นำให้ไปตาย มันไปตายเพราะอะไร ไปตายเพราะว่าลูบหน้าปะจมูกไง ทำไอ้นั่นก็ไม่ได้ ขัดใจคนนั้น ทำไม่ได้ ไม่ได้ขัดใจคนนี้ เวลาคนโน้นก็จะเอาอย่างนั้น คนนั้นก็จะเอาอย่างนี้ แล้วคนนั้นก็จะชักไปอย่างนั้น แล้วเอ็งเป็นใครน่ะ เอ็งเป็นตัวต่อใช่มั้ย ให้เขามาเติมให้เต็มเหรอ โมฆบุรุษตายเพราะลาภ มันไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับโลกเลย บวชเข้ามาแล้วเป็นพระ อยู่ในสงฆ์ สงฆ์ทุกอย่างมันมีอะไรที่มันขาดตกบกพร่อง มีอะไรบ้างที่มันแตกต่างกัน มีใครบ้างที่เลิศเลอกว่าเรา ที่มีสิ่งใช้สอยดีกว่าเรา มีอะไรที่มันประเสริฐกว่าเรา ในวัดนี้มีใครเก็บของเอาไว้กินพิเศษ แล้วคนอื่นไม่มีจะกิน มีทรัพย์สมบัติพิเศษ มีของดีกว่าคนอื่น มีที่ไหน ต้องเสมอกันไง 

ถ้ามันเสมอกันเห็นไหม มันไม่เกิดก๊าซพิษกัดกร่อนใจของตน พอก๊าซพิษกัดกร่อนในใจของตน ใจของตนก็เป็นแบบนั้นน่ะ แล้วใจของตนมันต้องทดสอบ เข้าหมู่ หมู่เป็นยังไง มีสิ่งใดบ้างที่แตกต่างกัน ถ้ามันแตกต่างกันเห็นไหม ภิกษุถือศีลต่างกัน นานาสังวาส ทิฐิมานะแตกต่างกัน ทิฐิมานะไม่เหมือนกัน ถ้าทิฐิมานะไม่เหมือนกันเห็นไหม นี่สัปปายะ ๔ ครูอาจารย์เป็นสัปปายะ อาหารเป็นสัปปายะ หมู่คณะเป็นสัปปายะ หมู่คณะเป็นสัปปายะ หมู่คณะเป็นสัปปายะคือทิฐิมานะ ความเห็น การกระทำ เห็นไหม มันไปกันได้ไง 

ถ้าการกระทำความเห็นมันไปกันไม่ได้มันก็ขัดแย้งกันไง พอมันขัดแย้งกันแล้วจะมาภาวนาเหรอ โธ่ พระธุดงค์ธุดงค์มานะ การธุดงค์มาน่ะแม้แต่คำพูด ผู้ที่แทงใจกันมันก็เสียดแสบ มันก็เจ็บแสบในใจแล้ว เวลาเขาพูดอะไร ถ้าสิ่งใดเห็นไหม มันไม่ถูกไม่ควร กรรมฐานเราขอโอกาสๆ ถ้าสิ่งใดไม่ดีเราก็ไม่พูด ถ้าสิ่งใดจะพูดนะ มันจะเสียดแทงกันก็ขอโอกาส ถ้ามันจะเสียดแทงกันนะ ถ้ามันเสียดแทงกันเพราะว่าความเห็นผิดไง 

ดูสิ วินัยเห็นไหม ขอนิสัยๆ น่ะ ถ้าอุปัชฌาย์กระสันอยากจะสึก สัทธิวิหาริกต้องพูดชักนำ ถ้าอาจารย์มีความกระสันอยากจะสึก สัทธิวิหาริกก็ต้องช่วยเหลือ พยายามพาไปหาครูบาอาจารย์ ถ้าสัทธิวิหาริกกระสันอยากจะสึก อุปัชฌาย์อาจารย์ก็พยายามน้อมนำ เขาขอนิสัยกัน ขอนิสัยกันอย่างนั้นน่ะ เขาขอนิสัยกันว่าถ้าใครผิดพลาด ใครมีความเห็นผิด เขาพยายามจะชักนำกันมา พยายามจะโน้มนำมา แล้วโน้มนำได้มั้ย มันโน้มนำกันไม่ได้น่ะสิ โน้มนำกันไม่ได้มันก็ยอมรับว่าคนไม่มีบารมี ถ้าคนมีบารมีนะ ถ้าคนมีบารมีน่ะ พูดสิ่งใดทำสิ่งใดคนก็เชื่อถือ 

ถ้ามันไม่มีบารมีนะ พูดยังไงๆ ก็ไม่เชื่อถือ เขาไม่เชื่อถือเรา เขาไม่เชื่อถือเราก็เรื่องของเขา เขาไม่เชื่อถือเรา เขาไปเชื่อถือพระสองสลึง พระหกสลึง พระสองบาท เขายังไปเชื่อนะ ไอ้พวกเว่อๆ พูดเกินธรรมะ โอ้โหย สังคมยกย่อง ไอ้พวกสองบาท ไอ้ของเราไม่ต้องสักบาทเดียว เอาพระเต็มบาทก็พอ ไอ้พระสองบาทสามบาทน่ะเราไม่ต้องไปยุ่งกับเขา แต่สังคมมันชอบ สังคมชอบอย่างนั้น ไอ้พวกหกสลึงสองบาท พูดเกินนิพพานไปอีก นิพพานยังของต่ำต้อย ไอ้นี่พูดเลยนิพพานไปเลย ถ้าอย่างนั้นมันเรื่องของเขา นี่ไง ถ้าเขาไม่เชื่อถือศรัทธามันก็กรรมของสัตว์ 

ถ้าประพฤติปฏิบัติธรรมนะ กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน มันมีเวรมีกรรมกันมาทั้งนั้นน่ะ ถ้าเขามีเวรมีกรรมกันมาอย่างนั้น มันจริตมันนิสัยของเขา เห็นไหม เวลาหลวงตาท่านพูดประจำ ท่านได้ทำหน้าที่ของท่านแล้วนะ ท่านได้เทศนาว่าการคือทำหน้าที่ ในหลวงพูดไว้ ขอให้ทุกคนทำตามหน้าที่ สังคมจะร่มเย็นเป็นสุขมาก ใครเวลาสมัครราชการน่ะ อู้หูย แข็งแรง สุดยอดคนเลยนะ พอได้รับเข้าไปทำงานน่ะ มันลาป่วยทีครึ่งปี เวลาเข้าไปแล้วนี่หน้าที่ เวลาจะทำงาน หูย เก่ง ยอดคน สมัครขึ้นมากว่าจะได้รับ พอรับเข้ามาแล้วน่ะมันไม่ทำหน้าที่เลย ไม่ทำอะไรเลย ปล่อยปละละเลย สังคมเหลวแหลก 

นี่ก็เหมือนกันเวลาหลวงตาท่านพูดนะ ท่านก็ทำหน้าที่ของท่านแล้ว ในเมื่อท่านมีคุณธรรมในใจ ท่านก็เทศนาว่าการของท่าน ท่านบอกว่าท่านทำหน้าที่ของท่านแล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของผู้ฟัง หน้าที่ของผู้ที่รับ ผู้ที่ฟังเขาฟังแล้วน่ะมันประโยชน์กับเขา เขาก็เก็บประโยชน์ของเขาไป ไอ้คนเทศน์เทศน์จบแล้วก็จบแล้วนะ พอเทศน์จบแล้ว ชีวิตก็มีหายใจเข้าหายใจออก เดี๋ยวก็ตายแล้ว ไอ้ผู้ที่รับฟังแล้วมันจะไปแสวงหาผลประโยชน์ ทำให้เป็นประโยชน์ของเขาขึ้นมาหรือไม่ ถ้าเขาทำประโยชน์ขึ้นมาน่ะ ก็เป็นหน้าที่ของเขา ครูบาอาจารย์ของเราได้ทำหน้าที่แล้ว เขาก็ต้องทำหน้าที่ของเขา 

หน้าที่ของเขาคือเขาได้ยินได้ฟังแล้วเขาก็ต้องไปวิเคราะห์วิจัย เขาก็ต้องไปฝึกฝนของเขา กาลามสูตรไม่ให้เชื่อแม้แต่อาจารย์ของตน ไม่ให้เชื่อว่ามันเป็นจริง มันจะเป็นได้ยังไง แต่เขาต้องพิสูจน์ของเขา พิสูจน์ให้มันเป็นจริงขึ้นมาในใจของเขา ถ้าในใจของเขาพิสูจน์ขึ้นมาจริงแล้ว นั่นความเป็นจริงในใจของเขา เพราะมันเป็นจริงขึ้นมา เขาจะย้อนกลับมาคำเทศน์ของครูบาอาจารย์เลย เออ วันนั้นฟังเทศน์ตรงนั้นแล้วเราปฏิบัตินี่ โอ้โห มันเหมือนกันเลย มันใช่เลยน่ะ แสดงว่าอาจารย์องค์นั้นมีกึ๋น ถ้าอาจารย์องค์นั้นเทศนาว่าการไปร้อยแปดพันเก้า ทำห่าอะไรก็ไม่ได้ประโยชน์เลย แสดงว่าอาจารย์องค์นั้นไร้สาระ 

นี่เวลามันเป็นกรรมฐานเราเขายกย่องครูบาอาจารย์ เขาเชื่อกันเพราะเหตุนี้ไง ปฏิบัติมาสิ หลวงปูมั่นน่ะ หลวงตา ท่านท้าเลยนะ ปฏิบัติมาสิ ปฏิบัติมา แล้วมาสอนผมด้วย ถ้ามันจริง มันแน่ให้มาสอนผมด้วย ถ้ามันสอนไม่ได้ สอนไม่ได้ นี้มันก็เริ่มต้นมาที่เราไง เริ่มต้นที่เรา เริ่มต้นมันก็อยู่ที่การกระทำของเรานี่แหละ ถ้าการกระทำเริ่มต้นน่ะถ้ามันเข้มแข็ง ถ้ามันเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาเห็นไหม การปฏิบัติเริ่มต้นน่ะเห็นไหม ที่มันยากมันยากตรงนี้ ถ้ายากตรงนี้ก็ขึ้นมา พยายามทำของเราขึ้นมา 

ถ้าทำมันขึ้นมาเห็นไหม มันก็เป็นโรงงานอุตสาหกรรม โรงงานทุกโรงงานมันมีของเสียทั้งนั้น คนเกิดมา ความรู้สึกนึกคิด กิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจมันมีทั้งนั้น แล้วเราจะทำยังไง เราจะกำจัดมันหรือมันจะปล่อยให้มันท่วมหัวใจ ตายนะ พอมันสะสมขึ้นมาน่ะมันก๊าซไข่เน่า ลงไปน่ะตายหมดน่ะ แล้วมันก็อยู่ในใจ ทีนี้กิเลสตัณหาความทะยานอยากก็เป็นแบบนั้น ทำลายหัวใจเราทั้งนั้น แล้วเราบวชมา บวชมาเราจะมีการกระทำ เราทำของเราให้จริง ทำจริงขึ้นมามันก็จะเป็นสมบัติของเรา 

นักรบ เวลานักรบๆ รบกับใคร บวชมารบกับใคร ศีลสมาธิปัญญาเวลามันมีขึ้นมาเห็นไหม สงครามระหว่างสงครามธาตุกับสงครามขันธ์ สงครามธาตุสงครามขันธ์มันก็เป็นธาตุขันธ์ แล้วจิตล่ะ แล้วกิเลสล่ะ แล้วถ้ามันเป็นความเป็นจริงขึ้นมาล่ะ ถ้าเป็นจริงขึ้นมาเห็นไหม มันถึงเป็นปัจจัตตัง สันทิฐิโกกลางหัวใจไง ถ้ามันเป็นขึ้นมามันจะเป็นสมบัติของเราเห็นไหม 

มันมีทุกคน ถ้ามันไม่มี ไม่มีอวิชชาไม่มาเกิดอยู่นี่ แต่มีมาแล้วเห็นไหม ให้มันมีสำนึกไง มันเห็นแก่ส่วนรวม ไม่ใช่เห็นแต่ความคิดของเรา ไอ้ความคิดที่มันคิดขึ้นมาเหยียบมันลงไป มันดีขนาดไหน มันแน่จริงขนาดไหน เราจะตายอยู่แล้ว มันทำจนนิสัยเสียไปหมดแล้ว แล้วก็จะลามไปคนอื่น แล้วคนอื่นล่ะ แล้วคนอื่นเขาเป็นอย่างนั้นมั้ย เขาไม่เป็นอย่างนั้นเพราะอะไร เพราะเขาได้ปิดก๊อก เขาได้ทำลายมัน เขาได้กำจัด เขารีไซเคิลให้มันหาย การกระทำคือการเปลี่ยนแปลงนิสัย การกระทำให้มันเข้มแข็งขึ้นมา ให้มันถูกต้องดีงามขึ้นมา มันมีธรรมวินัยเป็นเครื่องตรวจสอบ 

ในทางโลกน่ะแข่งดีๆ แข่งดีอะไรดี ถ้าดีขึ้นมามันก็ต้องเทียบด้วยศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๒๒๗ นี่พูดถึงศีลนะ ศีลมันบอกว่ามันผิดหรือถูกไง แล้วถ้ามันมิจฉาหรือสัมมา แล้วถ้าเป็นจริงๆ ขึ้นไปเห็นไหม เวลามันเกิดภาวนามยปัญญา มันเกิดโลกุตตรปัญญา มันเหนือไปทุกอย่างเลย แล้วเวลามันเกิดมรรคเกิดผลขึ้นมา มันเกิดในใจขึ้นมา แล้วมันเกิดมาจากไหน มันก็เกิดมาจากโรงงานในใจนี่แหละ เวลามันพัฒนาขึ้นมา แต่ แต่มันรู้จักเก็บ รู้จักรักษา รู้จักพัฒนา รู้จักการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ย้ำคิดย้ำทำเดิมๆ อยู่อย่างนั้น ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย ทางโลกก็ว่าสันดาน สันดานเดิม สันดานยังไงก็เป็นอย่างนั้น สันดานแก้ไม่ได้ 

แต่ถ้ามันเป็นความจริงๆ มันต้องแก้ไข แก้ไขขึ้นมาให้มันเป็นจริงขึ้นมา แก้ไขขึ้นมาก็ลำบากไง ทุกข์ยากไปหมด ลำบากไปหมด ขัดสนไปหมด ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย นั่นถ้ามันลำบากก็กลัวลำบาก กลัวทุกข์กลัวยาก กลัวทุกข์เห็นไหม กิเลสเป็นเรา ถ้ากิเลสเป็นเราทำอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้าธรรมะเป็นเรา เราเหนือมัน มันจะทุกข์มันจะยากแค่ไหนให้มันทุกข์สิ ทุกข์ให้ตาย พอมันผ่านไปแล้ว จบนะ พ้นไปหมด 

ไอ้นี่ไม่อย่างนั้นกลัวไปหมด แล้วก็สะสมกันไป สะสมก็พยายามปิดไว้ ให้มันเกิดการหมัก เกิดก๊าซไข่เน่าขึ้นมาไง แล้วก็ตายกันอยู่นั่นน่ะ มันไม่พัฒนา ถ้าพัฒนาขึ้นมามันต้องพัฒนาขึ้นมาเป็นความจริงเราขึ้นมา

ถ้าความจริงขึ้นมาเห็นไหม นี่ผลของการปฏิบัติ ถ้าเราปฏิบัติมันต้องปฏิบัติอย่างนี้ ให้เป็นสัจธรรม ให้เป็นความจริงขึ้นมา เราจากปุถุชนแล้วจะเป็นกัลยาณชน แล้วขึ้นสู่โสดาปัตติมรรค ให้แค่นี้พอ ไม่ต้องสูงไปกว่านี้หรอก ให้มันเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา ให้เป็นเห็นน้ำเห็นเนื้อ ถ้าเห็นน้ำเห็นเนื้อขึ้นมาเห็นไหม ถ้าพระทำไม่ได้ใครจะทำ แล้วเป็นพระ เป็นนักรบ ประกาศตนว่าเป็นพระกรรมฐาน เอวัง