เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๕ ธ.ค. ๒๕๖o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ ตั้งใจฟังธรรม สัจธรรมสัจธรรมเป็นความจริงนะ แต่เราเกิดมาในโลกสมมุติเวลาเกิดในโลกสมมุติ ดูสิ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดเป็นพระโพธิสัตว์ๆ เกิดในโลกสมมุติไง แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมตามความเป็นจริง นั่นน่ะสัจธรรมของแท้ของแท้ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายไง

วันนี้วันสำคัญของชาติ วันนี้เป็นวันชาติ วันชาติ วันชาติคือวันบ้านของเราเพราะเราเป็นคนชาติไทย เราอยู่ในชาตินี้ ฉะนั้น เราอยู่ในบ้านของเราบ้านของเรามั่นคงยั่งยืนมาได้เพราะด้วยผู้นำที่ดีเพราะผู้นำที่ดีผู้นำที่ส่งเสริมที่ดีทำให้ชาติมั่นคงถ้าชาติมั่นคงแล้วความเป็นอยู่ของเราราบรื่น ชั่วอายุขัยของเราเราได้เห็นชาติต่างๆ ที่ล่มสลายไปแล้วต้องฟื้นฟูกันใหม่ๆ

ของเราภูมิใจกันมาก คนไทยภูมิใจมากนะชาติไทยนี้ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร ภูมิใจมากๆเพราะผู้นำที่ดีไงเพราะผู้นำที่ดีทำให้เรา เพราะชาติมั่นคง สังคมร่มเย็นเป็นสุข เราจะมีโอกาสทำมาหากินนะ เราไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจนะ

เวลาบ้านแตกสาแหรกขาดมีแต่ความทุกข์ความยาก เอาตรงนี้มาเทียบ เทียบถึงเวลาความทุกข์ความยาก บ้านแตกสาแหรกขาดเขามีความทุกข์แค่ไหน เวลาพลัดพรากจากกันมันมีแต่ความทุกข์ระทมทั้งนั้นน่ะแล้วสิ่งที่รักสิ่งที่หวงยิ่งจากไปยิ่งมีความทุกข์ แต่เราประกันได้เลยเพราะความมั่นคงของชาติทำให้ชีวิตเรามั่นคง วันชาติๆ เราควรภูมิใจ

แล้วภูมิใจประสาเรา ในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีโลกกับธรรม ถ้าร่างกายเราก็มีกายกับใจๆ ไงเวลาคนไปท่องเที่ยวมาจากต่างประเทศ ชาตินั้นเจริญ ชาตินั้นเจริญทั้งนั้นน่ะ มันไม่เคยเห็นว่าบ้านเราเจริญเลย แต่บ้านเราเจริญ มันเจริญที่ไหนล่ะ

ถ้าพระพุทธศาสนานะ ถ้าพระพุทธศาสนาสอนเรื่องของหัวใจ เรื่องของความสุขความทุกข์ในหัวใจนี้ไงถ้าเรื่องของความสุขความทุกข์ในหัวใจ

เวลาการท่องเที่ยวๆ เขายกให้เป็นเบอร์หนึ่งเลยนะกรุงเทพมหานครเป็นนครอันดับหนึ่งของโลกใครๆ ก็อยากจะมาสักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่เราก็ไปมองกันนะ มองว่าวัตถุเจริญๆ ไง

เวลานักวิชาการจะน้อยเนื้อต่ำใจทั้งนั้นน่ะว่าชาติของเราไม่เท่าทันเขา ชาติของเราไม่เจริญเหมือนเขา เวลาเจริญเหมือนเขาเจริญเหมือนเขาก็เจริญทางวัตถุเจริญทางวัตถุต้องมีการแข่งขัน คือหัวใจจะไม่ร่มเย็นเป็นสุขเหมือนเราว่าอย่างนั้นเลย

แต่ถ้าหัวใจร่มเย็นเป็นสุข คำว่า "ร่มเย็นเป็นสุข" เราจะมีสิ่งใด ลิ้นกับฟันมันกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่เรื่องธรรมดามันก็มีพหุสังคม สังคมแตกต่างหลากหลายในกรุงเทพมหานครทุกคนก็อยากจะมาสักหนหนึ่ง มาเห็นแล้วมีแต่สยามเมืองยิ้มๆ

ความดีของเราๆ ความดีของเราด้วยศาสนาขัดเกลาหัวใจของเราไง ด้วยพ่อแม่ปู่ย่าตายายสั่งสอนลูกของเราไงในปัจจุบันนี้เราก็ต้องการไปเจริญกับเขา พอต้องการเจริญกับเขา ครอบครัวก็ครอบครัวขยายต่างคนต่างอยู่ พอต่างคนต่างอยู่ความผูกพันก็น้อยลงไป พอน้อยลงไป เราอยากเจริญไง เราอยากเจริญเจริญแบบเขาไง

แล้วเจริญแบบเขา คนไทยเวลาประชุมกันแล้ว พอประชุมเสร็จแล้วไม่เคยทำอะไรเลย เลิกเลย แล้วเวลาทำคุณงามความดีก็ขอให้ถ่ายรูปถ่ายรูปเสร็จแล้วบ้านใครบ้านมันประชุมอะไรไม่เคยทำสักอย่าง ทำอะไรไม่มีอะไรประสบความสำเร็จสักอย่าง

แต่เพราะเราเกิดในประเทศอันสมควร เกิดในประเทศที่อุดมสมบูรณ์ เกิดในประเทศที่ไปไหนก็มีแต่แหล่งอาหารเราเกิดอย่างนี้เราสบายกันเคยไงเราสบายกันเคยเรามีความสุขกันเคย พอมีความสุขกันเคยแล้วเวลาเห็นประเทศเขาเจริญ ไปเที่ยวไหนมาก็ประเทศเขาเจริญ

เจริญเพราะว่าทรัพยากรมนุษย์ ถ้ามีการศึกษา มีความรับผิดชอบ มีการกระทำ ปัญญาของเขาเขาวัดกันที่คนนะในสมัยต่อไปเขาวัดกันที่คน คนที่มีคุณภาพ

คนที่มีคุณภาพ ถ้าคุณภาพทางธรรมๆ ถ้าคุณภาพทางธรรม มีศีลมีธรรมในหัวใจจิตใจเราเป็นสาธารณะ จิตใจที่เป็นสาธารณะจิตใจที่คิดเรื่องสาธารณะก่อนคิดถึงสังคมก่อนๆถ้าเราคิดอย่างนี้ก่อน เราคิดอย่างนี้ก่อน มันก็ไม่ย้อนกลับมากัดหัวใจเรานะ

ถ้ามันจะย้อนกลับมา กิเลสตัณหาความทะยานอยากย้อนมากัดหัวใจเรานะนี่ก็ไม่ได้ นู่นก็ไม่ได้ เราไม่ได้อะไรเลย คนอื่นได้หมดเลย มันกัดหัวใจเราแล้วเราเจ็บอยู่คนเดียว

คนถ้าน้อยใจเสียใจมันจะรำพันรำพึงในหัวใจอยู่คนเดียวในหัวใจของเขาแต่คนที่เขามีจิตใจเป็นสาธารณะนะ เขายิ้มแย้มแจ่มใสเขาเสียสละอะไรไป เขาทำอะไรแล้วเขาชื่นบานเขาแจ่มใส เขาพอใจไง มันไม่เห็นเราเสียเปรียบเลย ไม่เห็นว่าเราแพ้คนอื่นเลย

แต่ถ้ามันเป็นกิเลส มันกัดหัวใจนะ นู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ เราเสียเปรียบไปทุกอย่างเลย แล้วมันก็มาตรอมใจไงมันตรอมในหัวใจธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเข้ามาที่นี่ไง ที่เรามาวัดมาวากัน เรามาเสียสละทานๆเรามีกำลัง เราเสียสละได้ เราปรารถนาให้คนมีความสุข เราปรารถนาให้สังคมร่มเย็นเป็นสุข เราปรารถนาไปทั้งนั้นน่ะ ถ้าเราปรารถนานะ

พอมีความสุขแล้วมันย้อนกลับมา บ้านเรามั่นคง ของก็ไม่หาย ญาติพี่น้องลูกหลานก็ปลอดภัย นี่เวลาเราทำคุณงามความดีมันย้อนกลับมาเราหมดเลย มันย้อนมาบ้านของเรา บ้านของเราปิดประตูทิ้งไว้ ไม่มีใครมาลักของ

ถ้ามันมีแต่การเห็นแก่ตัวกันทำลายกัน บ้านของเราก็ระแวงทำสิ่งใดก็ขาดตกบกพร่อง ละล้าละลังๆ ทำอะไรก็ไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างหนึ่ง ถ้ามันเป็นความจริงความจริงอย่างนี้

เราจะบอกว่าเราเห็นบุญคุณไง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ใดทำดี ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว

วันนี้วันชาติๆ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านก็ล่วงไปแล้ว เวลาทั้งชีวิตของท่านท่านทำคุณงามความดีขนาดไหนทำงานมากกว่าเราทุกๆ คน เป็นผู้นำที่ดี แล้วผู้นำปิดทองหลังพระไม่ต้องการให้ใครมานับถือทั้งสิ้นเพราะไม่ต้องการให้ใครมานับถือทั้งสิ้น เราถึงเห็นคุณงามความดีเพราะมันรับรู้กันที่หัวใจไง ถ้าหัวใจสะเทือนใจทั้งนั้นน่ะ

ของรักของสงวนของเราพลัดพรากจากไปแต่มันก็เป็นความจริง มันเป็นความจริงนะ ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด แล้วเวลาเราเกิดมา ลูกเต้าเกิดมาแล้วเกิดมาด้วยบุญกุศลนะ

การเกิดเป็นมนุษย์เป็นอริยทรัพย์ ทรัพย์สมบัติที่มีคุณค่าต่างๆ ในโลกนี้เพราะมีชีวิตนี้เพราะมีชีวิตนี้สมบัติทั้งหมดถึงเป็นของเรา คุณงามความดีที่เราทำก็เป็นของของเรา ถ้าความชั่วที่เราทำก็เป็นของเรา ความชั่วที่เราทำ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

แล้วเวลาทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สิ่งใดที่เป็นต้นเหตุล่ะ ต้นเหตุก็คือกิเลสตัณหาความทะยานอยากของคน แล้วถ้ามันเป็นคุณงามความดีล่ะ ก็ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทำไมต้องเป็นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยล่ะทำไมไม่เป็นของเราล่ะ เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนามา ดูสิพระเวสสันดร เราเคยเป็นพระเวสสันดร เราเกิดมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ สละทั้งนั้น สละไปเพื่อหวังโมกขธรรมพอหวังโมกขธรรมสิ่งต่างๆ ที่ขัดเกลากิเลสของตน

การขัดเกลา การขัดเกลากิเลสตัณหาความทะยานอยากในหัวใจมันแสนทุกข์แสนยาก เพราะมันไม่มีใครเคยรู้ไม่มีใครเคยเห็นไม่มีใครเคยทำได้เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำได้แล้วถึงเกิดพระพุทธศาสนาไง

เวลาเกิดพระพุทธ พระธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระพุทธ พระธรรม รัตนะสองเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธัมมจักฯขึ้นมา พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม รัตนะของเราพระพุทธพระธรรม พระสงฆ์พระสงฆ์คือสิทธิของมนุษย์สัตบุรุษที่เห็นภัยในวัฏสงสาร มาบวชเป็นพระแล้วพยายามฝึกหัดๆของเราขึ้นมาไง

ถ้าเป็นวันชาติ วันชาติเราคิดถึงชาติของเราแต่ถ้าเป็นพระพุทธศาสนา วันวิสาขบูชาเป็นวันเกิด วันตรัสรู้ วันปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า๒๐๐๐ กว่าปีมาแล้วเรายังเคารพบูชากันอยู่เลยนะ ความดีที่มันตอกย้ำลงไปในพระพุทธศาสนา ความดีที่ตอกย้ำในหัวใจของเราชาวพุทธ ทำดีต้องได้ดีอย่างนี้ เราทำคุณงามความดีของเราๆ

แล้วทำคุณงามความดีของเรา ทำคุณงามความดีทิ้งเหวทำคุณงามความดีแล้วไม่ต้องปรารถนาความดีอะไรทั้งสิ้น เพราะความดีมันเป็นความดีในตัวของมันเอง ดีมันคือดีชั่วมันคือชั่ว ใครจะส่งเสริม ใครจะติฉินนินทาเท่าไรมันเป็นโลกธรรม๘ มันเรื่องข้างนอกทั้งนั้นน่ะ ทำดีไม่ต้องให้ใครมายอมรับ ทำความดีไม่ต้องให้ใครมาปรารถนา ไม่ต้องถ้าต้องแล้วทุกข์ทุกคนบ่น ทำดีแล้วไม่ได้ดี ทำดีไม่ได้ดี

โอ้โฮ! หลวงปู่มั่นนะหลวงปู่มั่นเวลาท่านไปอยู่กับมูเซอ เวลาท่านธุดงค์ไปก็ปรารถนาเผยแผ่ธรรมนั่นแหละปรารถนาจะเอาหัวใจของสัตว์โลกไปถึงแล้วเขาเข้าใจผิด เขาว่าเสือเย็น อย่าเข้าไปใกล้นะ

ท่านเดินจงกรม ท่านพยายามหาอาหารเพื่อให้ตกบาตรเพื่อให้พอดำรงชีพ ๖ เดือนฝนตกแดดออกขนาดไหนนะ ท่านอยู่กลางฝนกลางแดดอย่างนั้นน่ะแล้วเวลาไปกับลูกศิษย์ ลูกศิษย์บอก"ไปเถอะ เราอยู่ที่นี่มันไม่ปลอดภัย"

หลวงปู่มั่นท่านพูดอย่างนี้นะ"เราไปจากที่นี่ไม่ได้ ถ้าเราไปจากที่นี่ หมู่บ้านนี้ทั้งหมู่บ้านเลย ตายแล้วเขาจะมีเวรกรรมของเขา" เพราะเขาติฉินนินทาหลวงปู่มั่น

ท่านบอกว่า"เรายังไปจากที่นี่ไม่ได้ ถ้าเรายังแก้ไขความรู้สึกของเขา ความคิดของเขาไม่ได้ เราจะไม่ไปจากที่นี่"

เดินจงกรมอยู่อย่างนั้นน่ะ เขาก็เข้าใจผิดอยู่อย่างนั้นน่ะ เอาคนมาเฝ้าๆ จนถึงที่สุดเวลาเขามีคนฉลาดไง เขาบอกว่า "ไม่เห็นทำอะไรเลย วันๆ เห็นเดินไปเดินมา ว่าเป็นเสือเย็นๆ จะมายุแหย่ทำลายให้หมู่บ้านแตกแยก มันก็ไม่เป็นอย่างนั้นหรอกท่านต้องมีอะไรของท่าน ให้เข้าไปถามท่าน"

พอเข้าไปคุยกับท่าน ท่านบอกว่าท่านไม่ได้เป็นอะไรทั้งสิ้นท่านเป็นศากยบุตร เป็นบุตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเป็นสมณะท่านมาหาที่สงัดวิเวก แล้วเดินจงกรมอยู่

เดินจงกรมอยู่ทำอะไรน่ะ

เดินจงกรมอยู่ก็หาพุทโธ พุทโธของเราหายไป แล้วชาวบ้านจะช่วยหาได้ไหมโอ้โฮ! ถ้าชาวบ้านช่วยหายิ่งดีใหญ่เลย มันจะได้เจอได้เร็วขึ้น

ชาวบ้านก็มาหัดพุทโธๆ จนมันสว่างกลางหัวใจนะ "พุทโธตุ๊ไม่หาย พุทโธชาวบ้านทั้งหมู่บ้านต่างหากที่มันไม่มี"

นี่เวลามันรู้ขึ้นมา โอ้โฮ! มันสังเวชนะ พอสังเวช อู้ฮู! ทีนี้มากราบท่านอุปัฏฐากท่านโอ้โฮ! พระอะไรก็ไม่รู้อยู่กันแบบโคนไม้ อยู่กันแบบที่กันดาร เขาอยู่กันได้อย่างไรเวลามันเข้าใจแล้วมันเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลยล่ะ

ท่านทำให้ท่านรักษาให้ เวลาทำถึงที่สุดแล้วชาวบ้านเขารักใคร่มาก สุดท้ายต้องจากแล้ว เห็นไหม ตอนแรกลูกศิษย์ชวนบอกให้ต้องไปเถอะหมู่บ้านนี้เขาเข้าใจเราผิด

หลวงปู่มั่นบอกไปไม่ได้ ถ้าไปแล้ว ถ้าพวกนี้สิ้นอายุขัยไปนะตกนรกกันไปหมดต้องแก้ไขเขาก่อนทรมานอยู่อย่างนั้นน่ะ นี่ทำดีทิ้งเหวๆ

เราบอกทำดีแล้วไม่ได้ดีๆท่านก็ทำคุณงามความดีเพื่อชาวหมู่บ้านทั้งหมดเลย แล้วทำดีด้วยฝ่าเท้าของท่านด้วยการเดินจงกรม ด้วยการนั่งสมาธิภาวนาพอเขารู้เขาเห็นจริงเข้า ถึงเวลาต้องจาก ถึงเวลาท่านต้องจากแล้วท่านเผยแผ่ธรรมไป ชาวบ้านบอกว่า ขอไว้ก่อนได้ไหม อยู่ที่นี่ถ้าตุ๊เป็นอะไรไป ชาวบ้านทำให้ได้หมดชีวิตทั้งหมดก็ให้ได้ทั้งนั้นน่ะ อู้ฮู! รักเคารพขนาดนั้นน่ะ

ต้องไปๆเวลาต้องไปนะ

ถ้าตุ๊ตายก็จะเผาให้ ตุ๊ตายทำให้ได้หมด

แต่ต้องไปๆเพราะไปของท่านท่านไม่ติดคนที่พยาบาทอาฆาตเวลาคนรักผูกพันขนาดนั้นขอร้องด้วยความรำพึงรำพันขนาดนั้นท่านก็ต้องไปของท่าน

นี่ความจริงท่านทำคุณงามความดี ไม่ติดทั้งดีและชั่ว ไม่ติดใดๆทั้งสิ้น ไม่ติดในทำคุณงามความดีๆ ความดีอย่างนั้นทำความดีแล้วมันสะอาดบริสุทธิ์ไง

แต่ของเราเราบ่นกันทุกวันทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วมันเต็มหัวใจของเรา ทำดีแล้วไม่ได้ดีๆ

ทำดีทิ้งเหวทำดีไม่ปรารถนาสิ่งตอบแทนๆ ไม่ปรารถนาสิ่งตอบแทนนั่นน่ะสุดยอดเราทำของเรา มันเป็นผลของเราอยู่แล้ว ทำของเรา

มาวัดมาวามาเสียสละทานด้วยระลึกถึงวันนี้วันสำคัญ วันสำคัญวันเฉลิมพระชนมพรรษาแล้วระลึกถึงท่านๆระลึกถึงในหลวงแต่ทำประโยชน์มาทำทานเป็นของใคร ก็เป็นของเราบุญเป็นของใคร ก็บุญเป็นของเรา ถ้าเป็นของเรา เราก็อุทิศให้ท่านๆท่านบอกไม่ต้องหรอก ของท่านเหลือล้น ของท่านเต็มไปหมด ไอ้เราก็ทำ สุดท้ายเราก็ทำเพื่อเรานี่แหละ

นี่ไง เวลาว่าทำดีแล้วไม่ได้ดีๆ แต่เวลาเราทำแล้วเราก็ทำเพื่อเรา ทำแล้วเราก็พอใจใช่ไหมพอใจเพราะอะไรเรารู้จักบุญคุณไงเรารู้จักสถานที่ไงกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดีใช่ไหม ชีวิตของเราราบรื่นมา

คำว่า "ราบรื่น" ไอ้คนที่มันมักมากอยากใหญ่ที่มันว่าไม่สมความปรารถนานั่นมันกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันล้นฝั่งไม่มีวันพอหรอกให้โลกอีก ๓ โลกมันยังไม่พอมันเลย กิเลสมันคิดของมันไปตลอด

แล้วเวลาใช้สอยก็ใช้สอยแค่ปัจจัย ๔ เท่านั้นน่ะ ถ้าคนที่มีสติปัญญา เขาจะร่ำรวยมหาศาลขนาดไหนนะ เขาแสวงหาสิ่งใดมาแล้ว พอใช้สอยของเขาแล้ว เขาจะสละเพื่อประโยชน์กับเขาๆ เขาทำเพื่อประโยชน์กับโลก นั่นน่ะหัวใจเขายิ่งใหญ่ เขาเกิดบารมีธรรมในใจของเขา

เราก็ปรารถนาอย่างนั้นไง แล้วเราปรารถนาอย่างนั้นเราต้องเข้ามาขีดขอบของกิเลสไว้ไม่ให้มันดิ้นออกมาไง ถ้าไม่ดิ้นออกมา ให้คิดบวก คิดคุณงามความดีไง คิดถึงสาธารณประโยชน์ไง คิดถึงสังคมไงคิดถึงสิ่งรอบข้างไง เราทำเพื่อประโยชน์กับเราๆนี่เกิดอำนาจวาสนาบารมี ถ้าเกิดอำนาจวาสนาบารมีขึ้นมา ทำสิ่งใดก็ประสบความสำเร็จ

เวลาทำประสบความสำเร็จ เห็นไหมเวลาหลวงตาเวลาบวชแล้วท่านศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยากไปสวรรค์พอศึกษาละเอียดเข้าไป อู้ฮู! อยากไปพรหม พรหมมันดีกว่า พอศึกษาไป โอ๋ย! มันต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะอยากสิ้นกิเลส

นี่ก็เหมือนกัน เราทำดีทิ้งเหวๆ มันพัฒนาขึ้นไป เราทำคุณงามความดีของเรา เราทำคุณงามความดี ความดียิ่งกว่านี้ยังมีอยู่ มันต้องพัฒนาของมันขึ้นไปไง หัวใจของเรา ถ้าเราเห็นภัยในวัฏสงสาร

การกระทำของเรานะ หน้าที่การงานของเราเราทำเพื่อชีวิตนี้คนเกิดมามันต้องมีหน้าที่การงานแล้วหน้าที่การงานจิตใจที่มันประเสริฐกว่าการงานนั้น จิตใจเหนือกว่าไง แล้วงานนั้นมันก็เลยกลายเป็นงานเล็กน้อย กลายเป็นงานเบาๆ

แต่ถ้าจิตใจมันต่ำต้อยนะโอ้โฮ! งานนั้นมันยิ่งใหญ่ งานนั้นมันหนักมาก งานนั้นมันจะบีบบี้ชีวิตของเรา มันทุกข์ไปหมด ถ้าจิตใจมันไม่เป็นธรรม มันจะทุกข์ไปหมดเลยถ้าจิตใจที่เป็นธรรมๆ เราทำสิ่งใดด้วยความปรารถนาดี ด้วยคุณงามความดีของเรา ถ้าคุณงามความดีของเรา คุณงามความดีก็เพื่อความดีนี้

แล้วความดีถ้าเห็นภัยในวัฏสงสาร เราออกมาประพฤติปฏิบัติกัน ถ้าออกประพฤติปฏิบัติกันวันนี้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาถ้าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาคือวันวิสาขบูชา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน๒๐๐๐ กว่าปีๆ ถ้าเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต

ถ้าจิตสงบแล้วเห็นพุทโธ พุทโธคือพุทธะพุทธะคือจิตที่ผ่องแผ้ว จิตที่ผ่องแผ้ว ความเป็นสัมมาสมาธิก็มหัศจรรย์ขนาดนี้แล้ว สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มีแล้วถ้าใช้ปัญญาขึ้นมา เกิดมรรคเกิดผล

จิตสงบแล้วจิตสงบก็มีความสุขแล้ว ถ้าคนไม่มีอำนาจวาสนาบารมี จิตสงบ "อ๋อ! นิพพานเป็นเช่นนี้เอง"...ไร้สาระนิพพานลองชิมนิพพานทดสอบกิเลสมันหลอกทั้งนั้น

แต่ถ้าเอาจริงๆ ขึ้นมา ถ้าเป็นความจริงขึ้นมา มันเกิดมรรคเกิดผล เกิดปัญญาขึ้นมา โอ้โฮ! เวลาปัญญามันหมุนไปมรรคมันหมุนไปธรรมจักรๆ

พระพุทธศาสนาสิ่งที่มีค่าธรรมจักรที่เขาทำเป็นสัญลักษณ์ ล้อที่มันเคลื่อนไปแล้วจักรนี้มันเคลื่อนไปแล้วมรรคผล อาสวักขยญาณเกิดในใจของเจ้าชายสิทธัตถะ ชำระล้างกิเลสในใจของเจ้าชายสิทธัตถะจนตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันเคลื่อนไปคือมันจบแล้วไงพอมันจบแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประกาศธัมมจักฯ