เทศน์เช้า วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะนะ สัจธรรมๆ สัจจะความจริง มนุษย์แสวงหาสิ่งนั้น มนุษย์เกิดมากว่าเติบโตขึ้นมาใช้ชีวิต เราจะมีความสุขๆ ตอนเด็กน้อย แต่ความจริงโดยทั่วไป เวลาคนทุกข์คนยากขึ้นมา เด็กน้อยมันขาดแคลนกันทั้งนั้นน่ะ แต่ถ้าเกิดมาด้วยบุญกุศล เขาจะมีความสุขของเขา
นี่ก็เหมือนกัน เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ศาสนามีความสำคัญกับสิ่งมีชีวิตนะ ดูสิ เวลาสัตว์มันอยู่ในป่า เวลาเห็นผ้าเหลืองๆ มันยังว่าสิ่งนั้นเป็นที่ปลอดภัย เขตวัดๆ เป็นเขตอภัยทาน เขตอภัยทานเขางดเว้นไว้ เขาไม่ทำลายกันๆ สัตว์มันยังรู้ได้ไง แล้วมนุษย์ทำไมจะไม่มีความรู้ไง
ถ้ามนุษย์มีความรู้นะ เราเกิดเป็นมนุษย์ คนที่มีศาสนาเป็นทะเบียนบ้าน แต่ไม่มีศาสนาประจำหัวใจ เขาเป็นคนที่ขาดโอกาส แต่เขาเองเป็นความมั่นใจของเขานะว่าเขามีความสุขของเขา เราไปวัดไปวา เราต้องเสียเวลาของเรา เราต้องขวนขวายของ เราต้องปากกัดตีนถีบของเรา สมบัติของเราหามาเป็นสมบัติของเราแล้วทำไมเราต้องเสียสละของเราไป นี่เขาคิดแต่ผลประโยชน์ที่เขาเห็นโดยสายตา แต่เขาไม่คิดถึงหัวใจของคนที่มีคุณค่า
พ่อแม่ที่มีคุณธรรม ลูกเกิดมามันมีแต่ความสุข เกิดในประเทศอันสมควร เกิดในประเทศที่พ่อแม่เป็นสัมมาทิฏฐิ เป็นพ่อแม่ที่ดีงาม เห็นไหม เกิดมาพ่อแม่เป็นมิจฉาทิฏฐิ สอนให้เห็นแก่ตัว สอนให้มีแต่ความเอารัดเอาเปรียบเขา มันมีความทุกข์ความยากไปทั้งนั้นน่ะ เห็นไหม เกิดในประเทศอันสมควร เวลาเกิดมาแล้วเกิดมาด้วยบุญกุศล บุญกุศลมาจากไหน บุญกุศลมาจากการกระทำ
ดูพระเราจะเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาได้ต้องเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาด้วยการจงกรม นั่งสมาธิภาวนา จะเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาได้ เป็นพระอรหันต์ด้วยมรรคในหัวใจของตน เป็นด้วยศีล ด้วยสมาธิในใจของตน
ศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล ในหัวใจดวงใดไม่มีศีล สมาธิ ปัญญา ไม่มีสติปัญญาขึ้นมา จะเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาไม่ได้ แล้วเป็นพระอรหันต์ เป็นพระอรหันต์ขึ้นมาอย่างไร
เวลาเป็นพระอรหันต์ขึ้นมามันเริ่มต้นตั้งแต่ศรัทธาความเชื่อ คนเราไม่มีศรัทธาความเชื่อ ไม่มีความปรารถนาที่จะสร้างบุญกุศลในใจของตน จะเอาแต่วัตถุๆ วัตถุในคลังสินค้ามหาศาลนะ เวลาประเทศที่เขามีภัยพิบัติ ไอ้ที่โกดังสินค้าเขาปล้นชิงเลยล่ะ มันเป็นของที่กองอยู่นั่นไง
แต่สิ่งที่มีคุณค่า สิ่งที่มีคุณค่าคือน้ำใจของคนไง น้ำใจ เห็นไหม เราเกิดในประเทศอันสมควร เกิดในพ่อแม่ที่สัมมาทิฏฐิ พ่อแม่ที่มีความอบอุ่น เราเกิดมาๆ นั่นน่ะบุญกุศลทั้งนั้นน่ะ เวลาเกิดมาแล้วเกิดเป็นพุทธที่ทะเบียนบ้าน เขาขาดโอกาส โอกาสที่เขาจะได้คุณงามความดีของเขา นี่ขาดโอกาส โอกาสที่เป็นธรรมๆ ในหัวใจอันนั้นมีค่ามากๆ เพราะว่ามนุษย์นี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด มนุษย์ต้องตายทั้งหมด คนที่ต้องตายทั้งหมดเขาไม่มีเสบียงของเขา เขาไม่มีบุญกุศลของเขา เขาไม่มีคุณงามความดีของเขา ในเมื่อจิตมันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ใครจะปฏิเสธ ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อมันเป็นสิทธิ์ แต่ความจริงๆ ตายแล้วต้องเกิดหมด ถ้ามันไม่เกิดๆ นี่มันนั่งมาจากไหน
จิตหนึ่ง มนุษย์เกิดมาคนหนึ่งก็ได้ชีวิตหนึ่ง แล้วคนมันมาจากไหน ๖๐ ล้านคน คนมาจากไหน ๗๐ ล้าน ๘๐ ล้าน มันมาจากไหน มันมาจากไหน นี่จิตที่มันรอเกิดมหาศาล ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกนะ มันเหมือนกับเต่าตาบอดอยู่กลางทะเล ถ้ามันโผล่ขึ้นมานะ ถ้าเป็นบ่วง เอาบ่วงไปวางไว้ ถ้ามันเกิดในบ่วงนั้นจะได้เกิดเป็นมนุษย์ แล้วสิ่งที่ไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์อีกมหาศาลเลย แล้วอีกมหาศาล สิ่งที่มหาศาลเขารอเกิดๆ นะ
แต่เราเกิดมาแล้ว เราเกิดมาแล้วเราขาดโอกาส ขาดโอกาสทำคุณงามความดีในใจของเรา ถ้าเราขาดโอกาสทำคุณงามความดีในใจของเรา คุณงามความดีในใจของเราคืออะไร คือความสุข ถ้าคนรู้จักพอนะ มันจะมีความสุขของมัน คนเราไม่รู้จักพอ เลยขาดแคลนไปตลอดเวลา แค่ขาดแคลน กิเลสมันหลอก เราเป็นเหยื่อของกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของเราเอง
ผู้ที่หวังดีๆ ผู้ที่ใฝ่ดีเขาพยายามขวนขวายของเขานั่นเป็นเหยื่อหรือไม่ ถ้าเป็นเหยื่อๆ มันดีและชั่ว ถ้ามันดีและชั่วนะ สิ่งที่เป็นคุณงามความดีเป็นมรรค สิ่งที่เป็นคุณงามความดีนี้เป็นเครื่องดำเนิน ดำเนินไปไหน
สิ่งที่แสวงหามามันขาดแคลนๆ ถ้ามันขาดแคลน ขาดแคลนทางโลก ทางโลกขาดแคลน เห็นไหม มาบวชเป็นพระ มาบวชเป็นพระก็ขาดแคลนไง ดูสิ พระสีวลีไปที่ไหน ลาภสักการะมหาศาล
นี่ก็เหมือนกัน พระเราเวลาไปธุดงค์ในป่านะ ถ้าคนมีบุญกุศลนะ อย่างไรๆ มันก็เจอหมู่บ้าน มันก็เจอบ้านคนจนได้แหละ ถ้าชาวพุทธๆ เขาเองเขาก็ใส่บาตร เห็นไหม เวลาหลวงปู่มั่นท่านไปอยู่ทางภาคเหนือ เวลาไปบิณฑบาตกับชาวเขา เขาไม่รู้เขาว่าตุ๊มาเอาอะไร มาเอาข้าว เอาข้าวสารหรือเอาข้าวสุก เอาข้าวสุก
นี่เวลาตุ๊เอาอะไรๆ สอนเขาได้ ถ้าสอนเขาได้ เขาทำแล้ว ชาวป่าชาวเขา เขาต้องทำไร่ข้าวของเขา กว่าจะเกิดเม็ดข้าวของเขา กว่าจะเก็บเกี่ยวมาเป็นอาหารของเขา แล้วนี่ตุ๊มา ตุ๊ผู้ทรงศีล ตุ๊ต้องการอะไร ถ้าตุ๊ต้องการข้าว เขาได้หุงข้าวแล้วเอาข้าวใส่บาตรตุ๊ไป เขาจะมีความภูมิใจไหม เขาจะมีความสุขไหม
ไอ้ข้าวที่อาบเหงื่อต่างน้ำมา กว่าจะได้ข้าวสักรวงหนึ่ง กว่าจะมาเป็นอาหาร แต่เขาได้ใส่บาตรตุ๊ไปด้วยความชุ่มชื่นในหัวใจของเขา ถ้าชุ่มชื่นในหัวใจของเขา เขามีความสุขของ นี่ถ้าบุญกุศลมันเป็นอย่างนั้นไง ถ้าบุญกุศลเป็นอย่างนั้น หัวใจที่มันฉลาด ถ้ามันรู้จักพอๆ มันจะมีความอบอุ่นในใจ
เราเกิดมาเราก็เป็นคนคนหนึ่ง เราเกิดมาเราก็มีอำนาจวาสนา เราก็ได้ทำหน้าที่การงานของเรา เราก็มีทรัพย์สมบัติเพื่อเลี้ยงชีพของเรา เราไม่ตกต่ำ เราไม่ด้อยค่าเหมือนพวกยาจกเข็ญใจ คนไร้บ้านๆ เราก็ยังมีบ้านของเรานะ ถ้ามันคิดเป็นนะ มันจะมีความสุขของมันไง ไม่เป็นเหยื่อของกิเลสตัณหาความทะยานอยากไง ถ้าเป็นเหยื่อของกิเลสตัณหาความทะยานอยาก เห็นไหม ไม่พอๆ จะหามา
หามาทำไม หามากองไว้นั่นใช่ไหม หามาด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก เอารัดเอาเปรียบเขาใช่ไหม แต่ถ้าเราหามาด้วยบุญกุศล ครูบาอาจารย์ของเรา คนจนผู้ยิ่งใหญ่ หลวงตามีบริขาร ๘ หาเงินมาช่วยชาติเป็นหมื่นๆ ล้าน ทองคำสิบกว่าตัน หามาทำไม หามาเพื่อหัวใจของประชาชนชาวไทย หัวใจของประชาชนชาวไทย เวลาลอยค่าเงินบาท มันไม่มีทางไป พอไม่มีทางไป มันไม่มีที่พึ่ง คนไม่มีที่พึ่ง คนแตกตื่น คนไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ ท่านออกมาบอกว่า เราจะช่วย เราจะช่วย ประชาชนทั้งหมดเลยหวังพึ่งๆ
ไอ้เงินนั้นน่ะ ไอ้เงินหมื่นกว่าล้าน ไอ้ทองคำสิบกว่าตัน มันเป็นแค่ปลายเหตุ ต้นเหตุคือธรรมไง ต้นเหตุคือประชาชนอย่าแตกตื่นไง ถ้าเราสามัคคีกัน เราร่วมมือกัน เราสามารถฟื้นฟูได้ไง ถ้าเราฟื้นฟูได้ พอประชาชนเริ่มมีหลักเกณฑ์ ประชาชนไม่แตกตื่น เรามาร่วมกัน สละกันคนละบาทสองบาทเพื่อให้ค่าเงินของเรามันมีค่าขึ้นมา นี่บุญกุศลเป็นแบบนี้ คนจนผู้ยิ่งใหญ่เขาทำบุญกุศลๆ เป็นเครดิต เป็นความเชื่อ นั่นพูดถึงทางโลกนะ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ความเชื่อ ความเชื่อแก้กิเลสไม่ได้
ศรัทธาความเชื่อ เราเชื่อแล้วเราค้นคว้าในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เห็นไหม อย่าเชื่อแม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการ ถ้าคนปฏิบัตินะ แต่ใหม่ๆ ต้องเชื่อ ถ้าไม่เชื่อนะ ดูสิ เราเร่ร่อน เราขาดโอกาส เราเป็นคนที่ไม่มีความสามารถ เราก็ต้องเชื่อคนหูดีตาดีก่อน เราต้องเชื่อศาสดาของเราก่อน เชื่อแล้วเราก็มาศึกษามาค้นคว้า พอค้นคว้าถ้าจิตมันได้ธรรมโอสถๆ จากเริ่มที่ว่าทำไมเป็นอย่างนั้น ทำไมเป็นอย่างนั้น พอมีธรรมะเข้ามาแก้ไข มันมาแยกแยะนะ เราเห็นความจริงของสัจธรรม
พอเห็นความจริงของสัจธรรม ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย ความจริงเป็นความจริงแท้ แต่ไอ้ความจอมปลอม ไอ้ความรู้สึกนึกคิดของเราจอมปลอม ความจอมปลอมอยู่ไม่ได้หรอก อารมณ์ความรู้สึกเราอยู่ไม่ได้ แต่ความจริงเป็นความจริงวันยังค่ำ คนมันเกิด แก่ เจ็บ ตาย คนเกิดเท่าไร ตายเท่านั้น คนเราเกิดมาต้องชราภาพ คนเราเกิดมาเป็นความจริงๆ ความจริงที่แน่นอนด้วย แล้วความจริงที่แน่นอน เห็นไหม ทำให้เราคงที่ไม่ได้หรอก โลกนี้เป็นอนิจจัง สิ่งใดเป็นอนิจจัง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา แล้วที่ว่าศาสนาสอนถึงความสุขๆ ทุกข์ควรกำหนด สมุทัยควรละ ถ้าเป็นวิมุตติสุข สุขจริงๆ มันเป็นอย่างไร
สุขจริงๆ ก็อิ่มเต็มในใจของใจดวงนั้นไง ใจดวงนั้นไม่เป็นเหยื่อของกิเลส ไม่ให้กิเลสมันชักนำไป ไม่ชักนำเพราะอะไร มันคิดอยู่อย่างนี้ มันคิดอยู่ตลอดเวลา มันฟุ้งซ่านตลอดเวลา มันพยายามหลอกเราตลอดเวลา ก็มีศรัทธา ถ้ามีศรัทธามีความเชื่อ คนมีความเชื่อมั่น คนมีความเชื่อมั่นทำสิ่งใดก็จะประสบความสำเร็จ คนไม่มีความเชื่อมั่น คนไม่มีหลักการ อยู่ทางโลกก็ลุ่มๆ ดอนๆ มาปฏิบัติเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา เขาก็เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา เราก็เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ทำไมเขาเดินจงกรมแล้วเขามีความสุข เขานั่งสมาธิแล้วเขามีแต่ความชุ่มชื่น ไอ้เรานั่งสมาธิแล้วทำไมมันทุกข์มันร้อน ไอ้เราเดินจงกรมแล้วเกือบเป็นเกือบตาย ทุกข์เกือบตาย
สิ่งที่ว่ากรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน คนเกิดมาแล้วมีบุญกุศล มีอำนาจวาสนามาของเขา คนที่มีอำนาจวาสนาแล้วถ้ามีสติปัญญาด้วย เขาเอาอำนาจเอาวาสนาของเขาสร้างคุณงามความดี คนที่มีอำนาจวาสนามา ด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยากเหยียบย่ำทำลายเขา มีโอกาสแล้วไม่รู้จักทำไง เวลาเรามีอำนาจวาสนา จริตนิสัยๆ ใครทำมาอย่างใด ใครทำมาอย่างใดเป็นจิตใต้สำนึก
ความคิดเด็กๆ สังเกตสิ เด็กบางคนจะคิดดีๆ เด็กบางคนเกเร เด็กบางคน เห็นไหม คนเราไม่ใช่ดีเพราะการเกิด คนเราดีเพราะการกระทำ สิ่งที่มันคิดดีๆ ถ้ามันส่งเสริมให้มันดีขึ้นมันก็เป็นประโยชน์ขึ้นไป สิ่งที่คิดเกเร เราก็พยายามอบรมสั่งสอนของเราให้ดีขึ้นมาใช่ไหม
นี่ก็เหมือนกัน หัวใจของเราที่มันคิดๆ มันก็มาจากอำนาจวาสนาของคน มันคิดอย่างใด ถ้ามันคิดแบบโลก เราเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เราไม่นับถือศาสนาใดๆ เลย เราไม่เชื่อใครทั้งสิ้น เรามีปัญญามาก
นั่นน่ะพวกนั้นพวกว้าเหว่ ดีแต่ปาก คนเรากลัวตายทั้งนั้นน่ะ พอมันกลัวตาย เวลาตายแล้วไปไหน ตายแล้วไปไหน แต่เวลาทำคุณงามความดีนะ จิตตคหบดีเวลาเขาจะตาย รถม้าจากเทวดามารับเขาเห็นๆ นะ รับเห็นๆ เลย ถ้าคนทำบุญกุศลสูงส่งจนบุญเต็มอิ่มจะเป็นอย่างนั้น อย่างเรามันทำครึ่งๆ กลางๆ ทำไปแล้วก็ลังเลสงสัย
ทำไปแล้วมันก็ครึ่งๆ กลางๆ นี่แหละ แต่ถ้าคนเราทำชั่วนะ ถึงที่สุด เทวทัต ธรณีสูบไปเลย สดๆ ร้อนๆ นี่ความจริงเป็นความจริงวันยังค่ำ แต่มันไม่เกิดกับเราไง เราก็เลยสงสัยกันอยู่นี่ไง แต่ถ้าเรามั่นใจของเรา มีศรัทธาความเชื่อแล้วเราศึกษาของเรานะ ศึกษาของเรา แม้แต่ธรรมโอสถก็ทำให้เราพ้นจากความลังเลสงสัย ทำให้จิตใจเราอบอุ่น ทำให้เรามีที่พึ่งที่อาศัยนะ จิตใจมันไม่ว้าเหว่ไง จิตใจคนที่ไม่มีหลักเกณฑ์ว้าเหว่มากนะ แล้วถ้าเรามีความมั่นคงในหัวใจแล้ว เราจะเอาความจริงของเรา รสของธรรมชนะซึ่งรสทั้งปวง
คนที่ไม่ได้กินอาหาร ฟังเขาบอกอร่อยๆ เราก็จินตนาการของเราไป วันไหนเราได้กินอาหารนั้น เราก็จะรู้ว่ามันอร่อยหรือไม่อร่อยจริงตามที่เราได้กินอาหารนั้น นี่ก็เหมือนกัน หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกออกโธ จิตใจของเรามันเคยกินแต่กิเลสตัณหาความทะยานอยาก มันเป็นเหยื่อ กิเลสมันล่อมันหลอก มันเป็นเหยื่อของกิเลสมาตลอดเวลา เราก็หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกออกโธ นี่เป็นพุทธานุสติ เราระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าๆ ถ้าเราภาวนาแล้วไม่ลง นึกถึงพระธรรมก็ได้ นึกถึงพระสงฆ์ก็ได้ นึกถึงมรณานุสติก็ได้ วิธีการทำความสงบ ๔๐ วิธีการ ถ้าจิตมันสงบเข้ามา เห็นไหม นี่สมาธิธรรม รสของสมาธินะ รสของความสงบสุข
รสของที่เป็นเหยื่อกิเลส ที่กิเลสมันหลอกมันลวง ที่มันคิดไปฟุ้งซ่านตลอดไป นี่พุทโธๆ ก็คิดเหมือนกัน คิดเพื่อหยุด คิดเพื่อพุทธะ คิดเพื่อความรู้ เวลามันหยุดของมัน มันเบาบางของมัน นี่รสของธรรมชนะซึ่งรสทั้งปวง เรารู้รสของเรา นั่นรสชาติแท้ๆ นี่ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโกไง การประพฤติปฏิบัติมันต้องมีผลของความสุข มีความชุ่มชื่น มีความอบอุ่นในหัวใจไง แล้วอบอุ่นในหัวใจอบอุ่นอย่างไร
เราไม่รู้ไง รสเราก็กินอาหารเลิศรส แต่เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ น้ำฝนใสสะอาด จืดสนิท ไม่มีโทษใดๆ ทั้งสิ้น อันนี้พอมันสงบเข้า งงนะ โอ๋ย! มันเป็นอย่างไร มันไม่ใช่รสความทุกข์ไง เวลามันโลภ อู๋ย! ความโลภมันตะเกียกตะกายนะ มันหลอกหัวใจไป เวลาหลง หลงไม่รู้จักตัวเองเลย เวลาโกรธนี่แหม! ฉันนี่คนแน่ ฉันนี่คนเก่ง มึงรู้ไหมว่าพ่อกูชื่ออะไรนั่นน่ะ โอ๋ย! มันภูมิใจ นั่นน่ะเวลารสอย่างนั้นมันรู้จัก
เวลามันปล่อยวางนะ ปล่อยวางมาเป็นจืดสนิท สิ่งที่เป็นรสของธรรมมันไม่รู้จัก แต่ถ้าทำบ่อยครั้งเข้าๆ เราจะเห็นคุณค่า
แม้แต่ในปัจจุบันนี้นะ เราก็ยังรู้เลยว่าอาหาร อาหารคลีนเขากินกันเพื่อสุขภาพๆ เพื่ออะไร เพื่อสุขภาพของร่างกายนี้ นี่ก็เหมือนกัน ความรู้สึกนึกคิดเวลามันกระตุ้นหัวใจขึ้นไป มันมีรสมีชาติ มีความทุกข์ความยาก มันแผดเผานี่เราชอบ เราเคยชินกับมัน แต่เวลามันจะสงบระงับเข้ามาเรากลับไม่เคยชิน ไม่รู้จักมัน แต่เราอยู่กับความสุข ความสงบระงับอย่างนี้บ่อยครั้งเข้าๆ เราจะเห็นคุณค่ามัน เออ! รู้จักพอเนาะ ทรัพย์สมบัติเราใช้จนตายก็ไม่หมดหรอก ลูกหลานเรานะ เราก็ให้มีการศึกษา เขาเองเขาก็ต้องทำหน้าที่การงานของคน คนอยู่ในโลกต้องมีหน้าที่การงานเพื่อดำรงชีพ เราจะไปตื่นเต้นอะไรกับโลก เราจะวิตกกังวลอนาคต คนนู้นจะเป็นอย่างนี้ คนนี้จะเป็นอย่างนั้น แล้วเราจะไปอย่างนี้ เราจะไปอย่างโน้น ทุกข์ยากไปหมดเลย
มันเป็นกรรมของสัตว์ เราปรารถนาดีกับเขาขนาดไหน เขาก็ว่าเราคิดไม่ดีกับเขา เราหวังดีกับใครก็แล้วแต่ เขาก็ไม่ไว้วางใจเราทั้งนั้น นี่กิเลสใครกิเลสมัน กิเลสของเขาก็เป็นกิเลสของเขา กิเลสของเรา เราก็ดูแลของเรา
ของที่แสวงหามาก็พอใช้พอสอยแล้วล่ะ ไอ้สมบัติความจริงของเรา เวลาคนตายเราเคาะโลงๆ มันสายเกินไปนะ นี่ก็เหมือนกัน เราทำคุณงามความดี ทำทานร้อยหนพันหนไม่เท่ากับถือศีลบริสุทธิ์หนหนึ่ง ถือศีลบริสุทธิ์ร้อยหนพันหนไม่เท่ากับทำสมาธิได้หนหนึ่ง ทำสมาธิได้ร้อยหนพันหนไม่เท่ากับเกิดภาวนามยปัญญาขึ้นมาหนหนึ่ง เราทำทานถึงพันหน เรามาถือศีล ๕ ของเรา มันก็ดีกว่าทำทาน
นี่เขาบอกเราต้องทำบุญเท่านั้นใช่ไหมถึงได้บุญ ทำบุญเท่านั้นถึงได้บุญ
ถือศีลก็ได้บุญ ทำความสงบของใจก็ได้บุญ มีน้ำใจที่เมตตาก็ได้บุญ คิดดีๆ มันก็ได้บุญ บุญไม่ใช่การเสียสละเฉพาะเรื่องทานอย่างเดียว บุญมันได้มาหลายทาง เห็นไหม บุญได้มาด้วยความอบอุ่นในบ้าน บุญได้มาด้วยการดูแลพ่อแม่ บุญได้มาด้วยการเจือจานหมู่ญาติ บุญมันได้มาตั้งหลายทาง บุญไม่ใช่ว่าต้องมาเสียสละทานได้บุญๆ คนโง่เท่านั้นน่ะมันจะบอกว่าต้องทำทานอย่างเดียวไง
เรารู้จักฝึกหัด รู้จักภาวนาของเรานะ เราจะทานความโลภ ความโกรธ ความหลง ไอ้ความโกรธ ไอ้ความไม่ดีในใจ เราจะเสียสละทานออกไป แต่เสียสละไม่ได้ เพราะการเสียสละนี้มันต้องเสียสละด้วยมรรค ด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา ด้วยปัญญาแยกแยะแก้ไขในหัวใจของเรา เราจะเป็นผู้มีโอกาสไง
ไอ้พวกที่บอกว่า เขาเก่ง เขากล้า เขามีความสามารถ เขาเป็นคนขาดโอกาส แต่เขาไม่คิดว่าเขาขาดโอกาส เพราะเขาไม่เห็นคุณค่าของบุญกุศล เขาไม่เห็นคุณค่าของธรรม เขาเห็นคุณค่าของทรัพย์สมบัติ เขาเห็นคุณค่าของคนยกย่องสรรเสริญ
แต่ถ้าเรามีโอกาสแล้วเราพยายามประพฤติปฏิบัติของเรา ถ้ามันมีคุณธรรมของเราขึ้นมา เราเป็นคนที่มีโอกาสแล้วพยายามไขว่คว้า พยายามกระทำของเราขึ้นมาให้เป็นสมบัติของเรา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต เอวัง