เทศน์เช้า วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะ วันนี้วันพระ วันพระเป็นวันแสวงหาบุญกุศลของเรานะ เราเกิดมา เกิดมาจากบุญ เวลาคนเกิดมา เกิดมาจากกรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน เวลาเกิดมาแล้วอำนาจวาสนาของคนก็ไม่เท่ากัน
เวลาอำนาจวาสนาของคน เห็นไหม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไว้เลย มีสติแม้แต่วินาทีเดียวดีกว่าปล่อยชีวิตนี้ประมาททั้งชีวิต ถ้าเรามีสติสัก ๑ วัน เราอยู่อีก ๑๐๐ ปีไม่มีค่าเท่ากับมีสติสมบูรณ์ในวันนั้นเลย ถ้ามีสติสมบูรณ์ในวันนั้น มีสติสมบูรณ์คือทำอะไร
มีสติสมบูรณ์คือเท่าทันหัวใจของเราไง เท่าทันความคิดของเรานี่ไง ถ้าความคิดของเรามันเป็นอิสระ มันไม่มีความทุกข์ความยาก มันจะมีความสุขขนาดไหน ความสุขในหัวใจของเราไง หัวใจของเรามีคุณค่าขนาดนั้นน่ะ ถ้ามีสติมีปัญญาขึ้นมามันมีคุณค่ามาก แต่นี่มันโดนปกคลุมไว้ด้วยตัณหาความทะยานอยากไง
ความคิดๆ เกิดจากจิตไม่ใช่จิต ความคิดคืออารมณ์ไง อารมณ์เกิดจากไหน เวลาพายุพัดมา มันพัดมา มันกวาดไปหมดเลย สิ่งต่างๆ ถ้าขวางหน้ามัน
นี่ก็เหมือนกัน เวลาอารมณ์ อารมณ์มันเกิดมาจากไหน มันเกิดมาจากจิตไง เกิดมาหัวใจเรานี่แหละ คนตายไม่มีอารมณ์ คนตายคิดไม่เป็น คนตายคิดไม่ได้ แล้วความคิดมันเกิดจากหัวใจของเราไง แล้วมันเกิดจากหัวใจของเราแล้วมันทำอะไรให้เราบ้างไง มันสร้างอะไรให้เราบ้างไง มันสร้างแต่ความทุกข์ความยากให้เราทั้งนั้นน่ะ
แต่ถ้าเรามีสติมีปัญญา เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาถึงสอนไง สอนให้เสียสละทาน คำว่า “เสียสละทานๆ” เสียสละทานคือว่ามันเป็นการต่อสู้กับความตระหนี่ถี่เหนียว สู้กับอีโก้ สู้กับตัวตนของตน ถ้าสู้กับตัวตนของตนมันจะได้ประโยชน์ตรงนั้นไง มันรู้จักเสียสละ รู้จักสร้างคุณงามความดีขึ้นมาในใจของเรา สร้างคุณงามความดีขึ้นมาในใจของเรานะ
แต่ถึงเวลามันเห็นแก่ตัวทั้งนั้นน่ะ เพราะความเห็นแก่ตัว ความมักมาก เวลาเกิด เกิดในนรกอเวจีนู่นน่ะ แต่ด้วยบุญกุศลไปเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม เวลามันเกิดนะ เราบอกว่า “ชีวิตนี้ก็มีเท่านี้แหละ เราก็เห็นกันด้วยวิทยาศาสตร์ เห็นกันด้วยสายตาเท่านั้นน่ะ มันหมดตรงนี้มันก็จบแล้วแหละ อย่าเขียนเสือให้วัวกลัว อย่ามาหลอกกัน” นี่เวลากิเลสมันว่านะ
แต่ถ้าความจริงๆ เวลาเกิดมาพ่อแม่ของคนนะ พ่อแม่ของคนทำไมไม่ต้องการให้ลูกเราสมความปรารถนา พ่อแม่ของคนทำไมไม่ต้องการให้ลูกเราเป็นคนดี แล้วลูกของเรา ในครอบครัวของเรา ลูกเรากี่คน ทำไมมันคิดไม่เหมือนกันล่ะ เราก็เกิดจากพ่อจากแม่คนเดียวกันนี่แหละ ทำไมลูกเราคิดไม่เหมือนกัน ลูกเราวางตัวไม่เหมือนกัน
ความไม่เหมือนกันอันนั้น นั่นน่ะจริตนิสัยของเขา นั่นน่ะเวรกรรมของเขา ลูกที่คิดดีๆ ขึ้นมา ด้วยบุญกุศล ลูกที่คิดดี ลูกที่เป็นลูกที่ดี อภิชาตบุตรๆ นั่นมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
แต่เวลาเราเกิดมาๆ เกิดมาด้วยเวรด้วยกรรม สายบุญสายกรรมเกิดมาร่วมกัน เกิดมาร่วมกัน เราก็พยายามชักนำไปสู่ความดีงามๆ ทั้งนั้นน่ะ ถ้าความดีงามมันมาจากไหนล่ะ
เราก็สอนมาแต่อ้อนแต่ออก เราอย่าเอาเปรียบเขา เราอย่าเอารัดเอาเปรียบเขา เราอย่ารังแกเขา ถ้าเรามีสิ่งใดช่วยเหลือเขาได้ เราก็ช่วยเหลือเขา ถ้าเราช่วยเหลือไม่ได้ เราก็นิ่งเสีย สิ่งใดนะ เราจะช่วยเหลือคนทุกๆ คน เป็นไปไม่ได้หรอก คนเรานะ เศรษฐีมหาเศรษฐีให้เท่าไรก็ไม่รู้จักพอหรอก แต่ถ้าคนทุกข์คนจนเวลาเขาได้เล็กๆ น้อยๆ ขึ้นมาเขาก็พอใจของเขา ถ้าคนมีน้ำใจของเขา เราจะช่วยเหลือต่อเมื่อคนที่เขาช่วยเหลือตัวเขาเอง เขาพยายามของเขาเอง คนอย่างนั้นเราควรช่วยเหลือ
คนเราจะช่วยเหลือใคร เราดูความมานะบากบั่นของเขา เขามีความมานะบากบั่นของเขา เขาขาดแคลนของเขา เราก็จะจุนเจือเขา แต่ถ้าเขาฟุ่มเฟือยของเขา เขาทำตัวของเขาเหลวไหล เราจะไม่ช่วยเหลือเขาหรอก ทะเลถมไม่เต็มหรอก นี่ไง ถ้าเรามีสติมีปัญญา เราต้องมีสติมีปัญญาอย่างนั้น ถ้ามีสติปัญญาอย่างนั้น เราก็อบรมสั่งสอนเขามาอย่างนั้น เวลาเราทำ เราทำของเรา นี่ประเพณี อริยประเพณี
ประเพณีของเรา วันพระ วันโกน เราก็ไปวัดไปวา เราก็อยากเป็นคนดีทั้งนั้นน่ะ เวลาบวชเป็นพระบวชมา เป็นพระมาเราก็อยากมีอำนาจวาสนา เวลาอำนาจวาสนาอยากให้เขาเคารพนับถือศรัทธา นับถือศรัทธาก็พยายามหน้าไหว้หลังหลอกให้เขาเชื่อ ถ้าเขาไม่เชื่อ อยากจะเป็นโจรไง เป็นโจรก็เป็นมหาโจรเลย มหาโจรก็ยกย่องสรรเสริญกันนั่นน่ะ นั่นไง จากโจรมันก็ปล้นเขา จากมหาโจรมันก็เรียกร้องให้เขามาศรัทธา
แต่ถ้าเป็นความจริง ประเพณี อริยประเพณี ประเพณีของพระอริยเจ้า เราก็พยายามจะทำของเรา ธุดงควัตรเป็นเครื่องขัดเกลากิเลส เราก็ฝืนกิเลสของเรา เราพยายามทำของเรา มันจะชอบหรือไม่ชอบ เราก็พยายามฝืนทนของเรา ข้อวัตรปฏิบัติ เครื่องอยู่ของใจๆ
ใจของเรามันจะต่ำต้อย ใจของเรามันจะเรรวน เราก็พยายามจะปีนๆๆ อริยประเพณี ปีนขึ้นไปให้ได้ไง ปีนเพื่อประคองตัวของเรา สิ่งที่ดีงามๆ พระอริยเจ้าท่านทำอย่างนั้น
เราเป็นขี้หมา เราก็อยากจะทำตัวแบบพระอริยเจ้านั่นแหละ พยายามจะทำตัวอย่างนั้น เราเลี้ยงชีพ เราเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง เราบิณฑบาตของเรา เราแสวงหาของเรา เราทำเพื่อประโยชน์กับเรานะ มันสะอาดบริสุทธิ์ไง
เวลาไปบิณฑบาต เวลาคนจะใส่บาตรเขายกขึ้นเหนือหัว เขาอธิฐานของเขาเพื่อปรารถนาบุญกุศลของเขา เราไปโปรดสัตว์ๆ น่ะ ไปโปรดสัตว์ โปรดคนทุกข์คนยาก คนที่เขาแสวงหาคุณงามความดีไง
แต่ถ้าเราเป็นขี้หมา เราก็ไปโปรดตัวเราเองนี่แหละ เพราะมันหิวมันกระหาย ตื่นขึ้นมาก็หิวข้าว มันอยากกินข้าว มันก็ไปโปรดกระเพาะมันไง ไปโปรดท้องมันก่อน
เห็นไหม ไปโปรดสัตว์ๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพุทธกิจ ๕ เช้านี้เล็งญาณก่อนเลย อยากจะไปเอาใครก่อน คนที่เขามีอำนาจวาสนาของเขา ชีวิตเขาจะถึงกาลสิ้นไป จะไปเอาคนนั้นก่อนๆ ไง จะโปรดสัตว์ๆ โปรดเขาพ้นจากวัฏฏะนู่นน่ะ การโปรดสัตว์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โปรดด้วยบุญกุศล โปรดด้วยคุณงามความดี โปรดด้วยแสงฉัพพรรณรังสีฉายออกไป เขาเห็นแล้วเขาปลื้มใจของเขา เขาดับขันธ์เขาไปเกิดเป็นเทวดาของเขานู่นน่ะ การโปรดสัตว์ๆ โปรดเพื่อหัวใจของเขา นี่ไง เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าอริยประเพณี ประเพณีอย่างนั้นไง
เราเป็นชาวพุทธ เราเกิดมาอนุชนรุ่นหลังมันยังมีร่องมีรอยให้เราขวนขวายของเรา เราจะทำคุณงามความดีของเรา คนเกิดมา ทุกสิ่งมีชีวิตต้องการอาหารทั้งนั้นน่ะ ปัจจัยเครื่องอาศัยๆ ถ้าปัจจัยเครื่องอาศัย ถ้าใจเป็นธรรมนะ มันพออาศัยกันได้ไง แต่ถ้ามันเป็นความโลภมันไม่มีวันพอไง คนที่ไม่มีวันพอนะ
มีมากมีน้อยมันเป็นเรื่องอำนาจวาสนาของคนนะ คนที่เขาทำสิ่งใด จับต้องสิ่งใดเป็นผลประโยชน์ไปทั้งนั้นน่ะ เขามีเงินมีทองมหาศาล ถ้าใจเขาเป็นบุญเป็นกุศล เขาช่วยเหลือเจือจานสังคนนะ เพื่อประโยชน์กับสังคม แล้วทำแล้วมันได้อะไรล่ะ ทำแล้วมันได้ความอบอุ่นในหัวใจไง ทำแล้วมันปลื้มใจไง ปลื้มใจว่า เราเกิดมาชาติหนึ่งเราก็เกิดมาไม่เสียชาติเกิดไง เกิดมาจะเป็นประโยชน์ไง ไม่รกโลกไง เกิดมาเพื่อประโยชน์ เห็นไหม ถ้าเรามีความรู้สึกนึกคิดอย่างนี้มันเป็นภายในหัวใจของเรา ปัญญาๆ เวลามันเกิด มันเกิดจากหัวใจอันนี้ไง ถ้าหัวใจอันนี้มันมีปัญญานี้เกิดขึ้นมา จะอยู่ที่ไหนมันก็มีหลักมีเกณฑ์ของมัน นี่ไง ถ้ามีสติแม้แต่วินาทีเดียวดีกว่าประมาทชีวิตทั้งชีวิตไง
นี่ก็เหมือนกัน เราประมาทเลินเล่อไปกับความสำเร็จของเรา “ประสบความสำเร็จๆ” ตายเปล่า ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ไม่มีใครใหญ่กว่าโลงศพ ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ตายทั้งนั้น
เกิดมาชีวิตหนึ่งให้มีโอกาสได้ขวนขวาย ได้ทำคุณงามความดีนะ คนทุกข์คนจนเวลาเกิดมาแล้ว เกิดมาชาตินี้ขอให้กินอิ่มนอนอุ่นก็พอแล้วล่ะ เกิดมานะ พรุ่งนี้ขอให้มีอาหารรองท้องก็พอแล้วล่ะ นี่เวลาคนทุกข์คนยากเขาคิดเขาก็ปรารถนาเท่านั้นแหละ เวลาคนทุกข์คนจนนะ เขาก็พอให้ชีวิตเขาอยู่ได้ด้วยความไม่อัตคัดขาดแคลน นี่ก็เป็นความประสบความสำเร็จของเขาแล้ว
แต่ถ้าคนเรามีสติมีปัญญานะ สิ่งที่เราทำกัน ขวนขวายกัน มันเป็นเรื่องเวรเรื่องกรรมจริงๆ ถ้าเรื่องเวรเรื่องกรรม พระในสมัยพุทธกาลบิณฑบาต มันคนทุกข์คนจน บิณฑบาตไม่ได้ๆ อยู่หางแถวนะ อาหารก็หมดเสียก่อน พระเห็นใจก็เอาไว้หัวแถว พออยู่หัวแถว ไอ้คนใส่บาตรบอกเมื่อวานนี้เราใส่ไป หางแถวไม่ได้ วันนี้หัวแถวไม่ใส่
นั่นน่ะ เพราะความคิดมันสับสนกันอยู่อย่างนั้นน่ะ ความคิดของคน คนก็ปรารถนาดี เขาอยากช่วยเหลือ คนเขาใส่บาตร เมื่อวานไปท้ายแถวแล้วอาหารมันหมดก่อน พรุ่งนี้หัวแถวไม่ใส่ จะใส่ท้ายแถว ไอ้พระก็จะช่วยเหลือกันนะ โอ้! เมื่อวานอยู่หางแถวไม่ได้ วันนี้ให้อยู่หัวแถวเลย เขาไม่ใส่หัวแถว เขาจะใส่ท้ายแถว นี่เรื่องเวรเรื่องกรรมมันซับซ้อน
กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน เวลากรรมมันให้ผลกรรม มันให้ผลอย่างนั้นน่ะ เราจะช่วยเหลือขนาดไหนมันก็ยังอัตคัดขาดแคลนขนาดนั้นน่ะ นี่พูดถึงเวลามันเป็นเวรเป็นกรรมนะ นี่พูดถึงกรรม
แต่กรรม กรรมดีก็มี เราพูดถึงกรรมๆ พูดถึงกรรม บอกว่ามันเป็นวิทยาศาสตร์ไง หนึ่งบวกหนึ่งต้องเป็นสอง นี่ก็เหมือนกัน กรรมเวลามันให้ผลมันต้องเป็นอย่างนั้น แต่หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสองแล้วเราจะเอาไปทำอะไรล่ะ เราจะคำนวณเรื่องอะไร
นี่ก็เหมือนกัน กรรมเขาก็มี กรรมของเราก็มี เราจะทำคุณงามความดีกัน เราก็ช่วยเหลือเจือจานกันได้ ถึงกรรมจะให้ผลอย่างนั้น ถ้าเรารู้แล้วเราก็พยายามของเรา กรรมดีมันช่วยได้ กรรมดี กรรมชั่ว กรรมไม่ใช่มีแต่ความชั่ว มีแต่ความเสียหาย มีแต่ความต้องเราทุกข์ยากอย่างเดียวไง
กรรมมันจะให้ผลขนาดไหน เราก็พยายามทำของเรา ตั้งสติของเรา หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ อาหารที่ละเอียดไง ออกซิเจน อาหารที่ละเอียด ร่างกายมันต้องการฟอกเลือดไง สมองปลอดโปร่งไง หายใจลึกๆ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ทุกคนต้องนั่งเหมือนกัน คนจะมีจริตมีนิสัย เขานั่งแล้วเขาก็สงบได้รวดเร็วของเขา ไอ้คนทุกข์คนยากนั่งแล้วมันจะเจ็บปวดขนาดไหนก็สู้ทนเหมือนกัน เวลาถึงที่สุดแล้วนะ มันก็ลงสมาธิได้เหมือนกัน ถ้ามันลงสมาธินะ
แต่การจะลงสมาธิได้ง่าย ลงสมาธิได้ยาก ลงสมาธิแทบเป็นแทบตายถึงจะได้สมาธิ เห็นไหม เวลาคนปฏิบัติมันเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ว่านั่งสมาธิแล้วก็จะได้เหมือนกัน นั่งแล้วก็นั่งเข้าแถวประธิปไตยๆ ทำเหมือนกัน รู้ได้เหมือนกัน ไม่มี
นิ้วคนไม่เท่ากัน คนสร้างเวรสร้างกรรมมาไม่เหมือนกัน แต่เรามีความปรารถนา เราเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เราเชื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะขวนขวายของเรา เราจะลงทุนลงแรงมากน้อยขนาดไหน เราจะค้นคว้าหาพุทธะในใจของเรา ถ้าจิตใจเราสงบขึ้นมาได้ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานไง ให้เรามาเห็นว่ากายกับใจๆ ให้มันเห็นสักที
ร่างกายเราก็เห็นกันอยู่ตั้งแต่เป็นทารกจนเติบโตมาขนาดนี้ จะแก่เฒ่าไปแล้ว จะตายอยู่แล้ว ร่างกายก็เห็นทุกวัน แต่หัวใจของเราที่มันเป็นจริงๆ มันเป็นอย่างไร กายกับใจๆ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน ธรรมทั้งหลายลงสู่ที่ใจ ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ใจเป็นคนสร้างเวรสร้างกรรม มโนกรรมไง ความคิดดีคิดชั่วนั่นไง มันสร้างเวรสร้างกรรมอันนั้นไง
แล้วถ้ามันถึงหัวใจของตน สัมมาสมาธิ พอสัมมาสมาธิขึ้นมาแล้วฝึกหัดใช้ปัญญาของเรา วิปัสสนาให้รู้แจ้ง รู้แจ้งในใจของตน ถ้ารู้แจ้งในใจของตน
อวิชชาความมืดบอดในใจ ความเพ้อพก ความเห็นผิด ความมักมาก ความอยากใหญ่กับโลก หลงผิดทั้งชีวิต เวลาจะตาย หมดแล้ว หมดหวัง ต้องตายแล้ว พอต้องตายจะทำอย่างไร
แต่ถ้าเราทำของเรา ชีวิตก็เป็นชีวิต เราก็สร้างสมของเรา เราก็พยายามทำของเรา สิ่งที่ทำมามันเป็นจริตนิสัย คนถ้าขยันหมั่นเพียร คนถ้ามีสติปัญญา เขาก็ต้องหาอยู่หากินเป็นเรื่องธรรมชาติ ธรรมชาติเพราะว่าสิ่งมีชีวิตมันก็ต้องการปัจจัย ๔ ใช่ไหม ปัจจัย ๔ นั้นมันทำเพื่อประโยชน์ได้ไง ปัจจัย ๔ เราจะเจือจานใครก็ได้ไง เราจะไม่เก็บสะสมไว้จนมันไม่เป็นประโยชน์กับใครทั้งสิ้น
เวลาจิตใจที่มันตระหนี่ถี่เหนียวมันไม่ยอมแบ่งปันให้ใคร มันก็ไม่ได้ แล้วปัจจัยนั้นก็ไม่เป็นประโยชน์ แล้วมันก็ไม่ได้กับใครทั้งสิ้น แต่ถ้ามันมีสติมีปัญญาขึ้นมา สิ่งที่เราใช้สอยมันมีความจำเป็น เราก็ใช้สอยทั้งนั้นแหละ แต่สิ่งที่เหลือที่พอจะเจือจานใครได้เราก็เจือจาน
ถ้ามันคิดได้ไง ใจมันคิดได้ ใจมันคิดเป็น ใจมันคิดเป็นมันก็มีเจตนาใช่ไหม มีเจตนามันก็มีการแบ่งปันใช่ไหม พอมีความแบ่งปันคนอื่นก็ได้ประโยชน์ คนอื่นก็ได้รับกุศลจากการแบ่งปันของเราใช่ไหม คนนั้นก็ได้ ได้ความผ่อนคลายของเขา ความทุกข์ในหัวใจของเขา
เราทุกข์เกือบเป็นเกือบตายไม่มีใครเหลียวแลเราเลย มีคนคนหนึ่งมาช่วยเหลือเจือจานเรา อู้ฮู! มีบุญมีคุณ ซาบซึ้งในบุญคุณของเขา นั่นเขาก็ได้ ของก็เป็นประโยชน์ จิตใจก็คิดเป็น ถ้ามันเป็นประโยชน์ เห็นไหม ถ้ามันเป็นประโยชน์ขึ้นมามันเป็นประโยชน์ตั้งแต่มโนกรรม
หัวใจที่ยิ่งใหญ่ หัวใจที่ยิ่งใหญ่มันทำของมันได้ แต่นี้ประสาเรา มนุษย์ด้วยกัน เราไม่ไว้ใจใครทั้งสิ้น จะไว้ใจใครได้อย่างไร กลัวโดนหลอกทั้งนั้นน่ะ เราถึงต้องไปวัดไปวาไง ไปทำบุญกับพระ ถ้าไปทำบุญกับพระ ถ้าเป็นสมณะก็เรื่องหนึ่งนะ ถ้าเป็นโจรก็เรื่องหนึ่ง ถ้าเป็นมหาโจรยิ่งยุ่งใหญ่เลย ว่าทำบุญกับพระ แต่ถ้าเป็นความจริงๆ นั้นเป็นประโยชน์กับเรา
สิ่งนี้มันรู้ได้ ศีล รู้ได้ต่อเมื่อเราอยู่ด้วยกันนานๆ ศีลจะรู้ได้ ธรรมจะรู้ได้ต่อเมื่อเราสนทนาธรรมกันนี่แหละ การสนทนากัน คุยกัน นี่ไง มันเห็นร่องเห็นรอย เห็นความผิดพลาด เห็นความไม่จริง
แต่ถ้ามันเป็นความจริงๆ นะ อันนั้นเป็นประโยชน์กับเรา ธมฺมสากจฺฉา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ เป็นมงคลชีวิตนะ เรามาวัดมาวาขึ้นมาก็มาวัดตรงนี้ วัดสำคัญคือข้อวัตรปฏิบัติ วัดสำคัญคือวัดหัวใจของเรา วัดสำคัญไม่ใช่วัดที่งดงามวิจิตรพิสดาร ไอ้ของเป็นทิพย์ๆ บนสวรรค์เขาเห็นว่าของเป็นทิพย์ แล้วก็จำลองมาสร้างกัน สร้างกันไว้เช็ดไว้ถู
แต่ถ้าหัวใจของเราเป็นทิพย์ ไปวัด ข้อวัตรปฏิบัติอยู่ที่นี่ ไปวัดแล้วมันชื่นใจ ไปวัดแล้วมันสุขใจ ไปวัดแล้วมีความอุ่นใจ อยู่สุขอยู่สบาย จะนั่งที่ไหนก็ได้ นอนที่ไหนก็ได้ ลุกแล้วก็ไปได้เลย ไม่ต้องมาวุ่นวาย นี่ข้อวัตรปฏิบัติที่ดีงาม ไปวัดแล้วให้มีความสุขใจ ไปวัดแล้วไม่พะรุงพะรัง ที่ไหนพอล้มลงนอนได้ ที่ไหนพอเป็นประโยชน์ได้ เราต้องการตั้งสติ มีสติแม้แต่วินาทีเดียวดีกว่าประมาทเลินเล่อทั้งชีวิต เอวัง