เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๑ มี.ค. ๒๕๖๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

 

ตั้งใจฟังธรรมะนะ ตั้งใจฟังธรรม ตั้งใจฟังธรรมเพราะอะไร เพราะเราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา หลวงตาท่านสอนนะ ถ้าคนไม่มีบุญไม่มีโอกาสได้นับถือศาสนาพุทธ

 

ถ้าคนไม่มีบุญไม่มีโอกาสได้นับถือศาสนาพุทธ แล้วพระพุทธศาสนาในโลกนี้ ประชากรที่นับถือศาสนาพุทธเป็นอันดับ ๓ สิ่งที่เป็นอันดับ ๓ แล้วที่เขาไม่นับถือมันมากมายมหาศาล

 

คำว่า “นับถือศาสนาพุทธ” พระพุทธศาสนาสอนถึงการเกิดเป็นมนุษย์ การเกิดเป็นมนุษย์ต้องมีกตัญญูกตเวทีกับพ่อแม่ พ่อแม่ของเราเป็นพระอรหันต์ของลูก เป็นพระอรหันต์ของลูกเพราะการให้ชีวิต พอการให้ชีวิตขึ้นมา พ่อแม่ที่ไม่พร้อมเขาเอาลูกไปทิ้ง เวลาเอาลูกไปทิ้ง พระอรหันต์นะ เอาลูกไปทิ้งเลยหรือ นั่นมันก็เป็นความจำเป็นของเขา แต่จริงๆ แล้วถ้าเป็นธรรมๆ พ่อแม่ให้ชีวิตนี้มา ให้ชีวิตนี้มา

 

เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เวลาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รัตนตรัย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรม

 

ธรรมคืออะไร ธรรมคือความเสมอภาค ธรรมคือความมีน้ำใจต่อกัน ธรรม ธรรมคือความเมตตาธรรม ถ้าเมตตาธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ถ้าไม่เอารัดเอาเปรียบกันทางโลก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รัตนตรัยของเรา เรามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ถ้าเรามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง มนุษย์ต่างจากสัตว์ มนุษย์ต่างจากสัตว์เพราะมีคุณธรรมในใจ มนุษย์ต่างจากสัตว์ ต่างจากสัตว์เพราะมีศีลมีธรรมนี่ไง เพราะมนุษย์ต่างจากสัตว์เพราะมีศีลมีธรรม ศีลธรรมทำให้มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ สัตว์ประเสริฐที่มีสมอง สัตว์ประเสริฐที่มีปัญญา สัตว์ประเสริฐที่จะสร้างคุณงามความดี

 

สร้างคุณงามความดีทำไม ทำไมต้องมาสร้างคุณงามความดี เขาเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาเสวยสุขไม่ใช่หรือ เกิดเป็นมนุษย์แล้ว เกิดมาแล้วอยากจะเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีไม่ใช่หรือ

 

การเกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นมนุษย์นั่นน่ะเศรษฐี เศรษฐีด้วยอำนาจวาสนาบารมีของตน มันทำประสบความสำเร็จมันก็เป็นเรื่องโลกๆ แต่คนเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีก็มีความทุกข์ในใจทั้งนั้นน่ะ สมบัติกองเท่าฟ้า ไปนอนทุกข์อยู่บนกองสมบัตินั้น

 

แต่เวลาถ้ามันเป็นจริงๆ ขึ้นมา เรานับถือพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนเรื่องสัจธรรม เราก็อยากได้สัจธรรมนั้น ถ้าอยากได้สัจธรรมนั้น เราต้องประพฤติปฏิบัติไง

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดมาจะได้เป็นกษัตริย์ วางความเป็นกษัตริย์อันนั้นไว้ แล้วสิ่งที่วางความเป็นกษัตริย์อันนั้นไว้ ออกแสวงหา ๖ ปี เวลา ๖ ปีขึ้นมา ไปสมบุกสมบัน ไปให้เขาหลอกให้เขาลวง ให้เขาหลอกเขาลวงคือลัทธิต่างๆ นู่นก็ว่าพระอรหันต์ นี่ก็ว่าพระอรหันต์ ไม่มีความเป็นจริงสักนิดหนึ่ง เวลาจะเป็นความจริง มันเป็นความจริงในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ กราบธรรมอันนั้นเพราะอะไร เพราะสิ่งที่ยังไม่บรรลุธรรมมันทุกข์มันยากในหัวใจไง หัวใจ คนเราต้องเกิดต้องตาย มันโหยหา โหยหาความพ้นจากทุกข์ไง ถ้าโหยหาอันนั้น ถ้าไปศึกษากับใครมามันก็ไม่มีความจริงสักนิดหนึ่ง

 

เวลามันจะเป็นความจริง ความจริงในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความโหยหาอันนั้น ความบกพร่องอันนั้น ความขาดแคลนในใจอันนั้นหมดสิ้นไป ถ้าความหมดสิ้นไปอันนั้นมันถึงประเสริฐ ประเสริฐจนว่า “จะสอนใครได้หนอ จะสอนใครได้หนอ” มันเลอเลิศไง เลอเลิศเพราะอะไร เลอเลิศเพราะมันอยู่นี่กับเราไง มันบังเงาอยู่ในใจนี่แหละ เพราะอะไร เพราะว่าพระพุทธศาสนา สัจธรรมมันเกิดได้มันต้องเกิดได้บนใจของสัตว์โลก

 

ใจของสัตว์โลก เราก็มีหัวใจของเรานี่ไง เราเป็นสัตว์โลกไง สัตว์โลกเรามีใจของเรา แต่ใจของเรามันมีตัณหาความทะยานอยาก ตัณหาความทะยานอยากคืออะไร จริตนิสัยของคน คนเรามีจริต มีนิสัย มีความต้องการ มีแรงปรารถนา มีความรู้สึกนึกคิดแตกต่างกันไป ความแตกต่างอันนั้นมันปกปิดหัวใจอันนั้นไว้ไง เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ศาสนาสอนเข้ามาที่หัวใจนี้ไง

 

ทางโลกๆ วิทยาศาสตร์ก็สอนให้หาอยู่หากินไง เวลาหาอยู่หากิน บวชเป็นพระมีปัจจัย ๔ บริขาร ๘ นี่ปัจจัย ๔ เราก็ต้องมีปัจจัย ๔ เพื่อเลี้ยงชีวิตทั้งนั้นน่ะ ความเลี้ยงชีวิตมันเป็นหน้าที่ หน้าที่ต้องมีวาสนาด้วยไง วาสนามันก็ได้สิ่งนั้นประสบความสำเร็จไง คนที่มีวาสนามันขาดๆ แคลนๆ มันขาดตกบกพร่องไปตลอด ก็ต้องแสวงหาไง เขาก็ทุกข์ยากทั้งนั้น ทุกข์ยากเพราะการทำหน้าที่การงาน ทุกข์ยากเพราะการแย่งชิงผลประโยชน์กันไง แต่ถ้ามันเป็นความจริงๆ ในใจ ถ้าคนมีสติปัญญา สติปัญญาย้อนกลับมาที่นี่

 

เราจะมาวัดนะ มาวัด เราจะมาประพฤติปฏิบัติที่วัดกัน เวลาเราหาวัด เราหาวัดป่า วัดป่าวัดที่ปฏิบัติ วัดที่ปฏิบัตินะ เวลามาวัดป่า เราจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้าประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เราก็ต้องแสวงหาของเรา แสวงหาสัจจะความจริงๆ

 

ความเสมอภาคๆ เราก็ไปวัดแล้วเสมอภาคด้วยกัน มีกติกาเหมือนกัน การกระทำเหมือนกันนะ ไม่มีสูงไม่มีต่ำ คำว่า “ไม่มีสูงไม่มีต่ำ” ที่ว่าหลวงพ่อให้สิทธิพิเศษใครๆ

 

ไม่ใช่ เขาบกพร่องต่างหาก เวลาเขาบกพร่อง เห็นไหม ในกรมสุขภาพจิต ๓๐ เปอร์เซ็นต์เป็นโรคซึมเศร้า ๘ เปอร์เซ็นต์ไม่แสดงออก ๘ เปอร์เซ็นต์ของประชากรไม่แสดงออกเพราะมันยังเด็ก อายุยังน้อยเกินไป นี่ไง มันไม่ปกติ

 

ธรรมโอสถๆ ถ้ามาวัดมาวามาเพื่อประพฤติปฏิบัติ เราอยู่กับทางโลก เราก็ต้องดิ้นรนแข่งขันไปกับเขา ถ้าเราอยู่ทางโลก เราต้องดิ้นรนแข่งขันไปกับเขา เราดิ้นรนแข่งขันมันด้วยอำนาจวาสนา

 

เรามาวัดๆ ขึ้นมา เราจะมาเติมเต็มหัวใจของเราไง ถ้ามาเติมเต็มหัวใจของเรา เราจะประพฤติปฏิบัติของเรานะ ไม่ต้องให้ใครมาสอนหรอก เราจะสอนตัวเราเอง ใครจะสอน สั่งห้าม เพราะอะไร เพราะในเมื่อหัวใจมันยังไม่รู้มันจะสอนใคร

 

เอาความเป็นจริงขึ้นมาในใจของตนก่อน ถ้าเอาความเป็นจริงขึ้นมาในใจของตนก่อน เห็นไหม กรมสุขภาพจิต ๓๐ เปอร์เซ็นต์เป็นโรคซึมเศร้า จิตเภทอีก ๒๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ ประชากรไทยนะ ประชากรเมืองไทย แล้วเวลามาวัดมาวาก็มาเพื่ออะไร ก็เพื่อความฟื้นฟูหัวใจขึ้นมา ถ้าหัวใจมันฟื้นฟูขึ้นมา มันมีสติปัญญาขึ้นมา นั่นพระพุทธศาสนา ธรรมโอสถๆ

 

ในหลวงพูด เวลาเมืองนอก เวลาไปหาจิตแพทย์ โอ๋ย! ต้องหาเงินหาทองนะ ในเมืองไทย พระเป็นจิตแพทย์ เป็นที่พึ่งพาอาศัยของเขา นี่พึ่งพาอาศัย ถ้ามาไง

 

พูดถึงในธรรมโอสถๆ ถ้าธรรมโอสถขึ้นมา ความเป็นจริงขึ้นมา มันความเป็นจริงขึ้นมา ไม่ต้องมาดัดจริตจะเอามรรคผลนิพพานกันหรอก มรรคผลนิพพานมันยังสุดเอื้อมนัก เอาความปกติของใจนี่ เอาความฟื้นฟูหัวใจขึ้นมาให้มันเป็นปกติ แล้วเป็นปกติมันจะฟื้นฟูอย่างไรล่ะ

 

หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ถ้าคำว่า “พุทกับโธ” จิตของเรามันเกาะกับพุทธานุสติ ถ้าจิตเราเกาะกับพุทธานุสติ มันจะเข้มแข็งขึ้นๆ

 

เราทิ้งหัวใจเรา หลวงตาท่านพูดนะ หัวใจพวกเราเรียกร้องความช่วยเหลือ หัวใจพวกเราหาที่พึ่ง แต่เราทิ้งเราขว้างมันไปกันเอง เราทิ้งเราขว้างแล้วดัดจริต อู้ฮู! ใช้ปัญญา ปัญญาเลอเลิศ...ปัญญานั่นล่ะ มันเป็นทางออกของกิเลสล่ะ เพราะกิเลสมันอยากส่งออกไปสร้างทิฏฐิมานะในใจของมัน อุปาทานความยึดมั่นถือมั่น มันยึดมั่นถือมั่นแล้วมันก็พยายามจินตนาการว่ามันยิ่งใหญ่ พอมันจินตนาการว่ายิ่งใหญ่ มันก็คิดของมันไป พอมันคิดของมันไปมันก็ส่งออกไปทั้งนั้นน่ะ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกหายเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ อย่าให้มันออกไปกว้านฟืนกว้านไฟมาเผาตัวมันเอง พยายามนึกพุทโธให้ได้

 

คนเรานึกพุทโธยังนึกพุทโธไม่ได้เลย เวลานึกพุทโธมันท่องแต่ปาก ใจไม่นึกพุทโธด้วย เวลาใจกับพุทโธเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มันกลมกลืนกัน พอมันกลมกลืนกันมันก็สบายขึ้นเยอะแล้ว แล้วมันพุทโธจนพุทโธไม่ได้ จิตเดิมแท้ จิตเดิมแท้นั่นน่ะมันเป็นอิสระของมันได้ ถ้ามันเป็นอิสระของมันได้ แค่ทำสมาธิได้ก็ว่าเก่งแล้ว ในการปฏิบัติ หลวงตาท่านพูดประจำ สมาธิมันยังทำกันไม่เป็นเลย มันจะปฏิบัติอะไรกัน

 

ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าไม่มีสมาธิ มันจะเกิดภาวนามยปัญญาขึ้นมาได้อย่างไร มันก็เกิดโลกียปัญญา เกิดอุปาทาน เกิดจินตนาการของมันไปวันยังค่ำ แล้วพอจินตนาการเรื่องศาสนา จินตนาการเรื่องอริยสัจ มันจินตนาการมันก็สวยงามน่ะสิ แล้วมันก็ว่ามันเป็น มันก็ว่ามันเป็น “มันว่า”

 

ดูสิ ในทางการแพทย์ ถ้าเป็นโรงพยาบาล ถ้าโรงพยาบาลเอกชน ไปนี่เอาเงินเอาทองทั้งนั้นน่ะ แต่ถ้ามันเป็นโรงพยาบาลของรัฐ วัด วัดที่เป็นวัดสมบูรณ์ในพระพุทธศาสนามันเหมือนกับโรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลของรัฐมันอนาถาอย่างไร ๓๐ บาทรักษาทุกโรค ไปวัดก็เข้าวัดได้ทั้งนั้นน่ะ

 

แต่โรงพยาบาลเอกชนเข้าได้ไหม มีตังค์ไหม ถ้าเอกชน แล้วโรงพยาบาลเอกชนมันมาจากไหน บุคลากรทั้งหมดมาจากหน่วยงานของรัฐ นักศึกษาแพทย์ นักศึกษาพยาบาลมาจากโรงพยาบาลของรัฐทั้งนั้น แล้วมันก็เอาไปอยู่ในโรงพยาบาลเอกชน แล้วโรงพยาบาลเอกชนเรียกแต่เงินแต่ทอง

 

วัด วัดที่เขาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา มรรคผล มรรคผลอะไรของเอ็ง

 

ทำให้เป็นปกติของใจ โรงพยาบาลของรัฐรักษาประชาชนในประเทศทั้งหมดนะ เจ็บไข้ได้ป่วยทั้งหมด ดูแลรักษาทั้งนั้น สิทธิเสมอภาครักษาได้ทุกๆ คน ความรักษานั้นรักษาขึ้นมาแล้วก็บอกเลย ๓๐ บาทรักษาทุกโรค ตายทุกโรค ไม่เคยหายสักที

 

ไอ้ไม่เคยหายสักที มันก็เป็นเวรกรรมของสัตว์นะ แต่ประชากรที่ไม่มีโอกาสได้รักษา กับประชากรที่มีโอกาสรักษา มันแตกต่างกันไหม

 

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราเป็นชาวพุทธ เราก็มีสิทธิทุกๆ คน แล้วสิทธิของเราทุกคน สิทธิของเราๆ ไม่ต้องการให้ใครมาตักตวง ไม่ต้องการให้ใครมาขูดรีด ไม่ต้องการให้ใครมาสั่งสอน ถ้าสั่งสอน เราเป็นคนสั่งสอนเอง ถ้าสั่งสอนเองเพื่อกลับมาเป็นความปกติไง เพราะโรงพยาบาลเขารักษาให้คนหาย

 

โดยธรรมชาตินะ โรงพยาบาลทุกโรงพยาบาลอยากรักษาให้คนไข้หายจากการเป็นไข้ แต่ถ้าคนอื่นสั่งสอน มันจะเข้ามาโรงพยาบาลแล้วออกไปพร้อมกับหนี้ แล้วก็เป็นคนไข้ติดเตียง ไม่ลุกจากเตียงขึ้นมาไง

 

ถ้าคนอื่นสั่งสอน ถ้าคนอื่นสั่งสอนมันสั่งสอนอะไร ผลประโยชน์มันทั้งนั้น เพราะอะไร เพราะจิตมันยังเอาตัวมันไม่รอด ถ้าจิตเอาตัวมันไม่รอด มันจะเอาอะไรไปสอน แล้วถ้าไปสอนขึ้นมาก็เอาโรคของตนไปให้คนอื่น เอาโรคของตนไปฟูมฟักเอาแต่ผลประโยชน์ แล้วเวลาออกจากโรงพยาบาลไปก็ยังต้องไปหาเงินมาใช้หนี้เขา แล้วสุดท้ายยังไปนอนติดเตียงไม่หายอยู่นู่น นี่ไง ถ้าคนอื่นสอน

 

ทุกอย่างต้องกลับมาอยู่ที่เราหมด เพราะสิ่งที่มันเคยเกิดขึ้นมา มันเกิดขึ้นมาแล้วมันมีปัญหาไปหมดไง มันปัญหาขึ้นไปเพราะมีแต่คนเก่งๆ ทั้งนั้นน่ะ ไอ้คนเก่งๆ มึงกลับไปบ้านมึง สิ่งที่เป็นความจริง ความจริงเอาไว้ที่นี่ เรารับผิดชอบของเราเอง เรารับผิดชอบมาตั้งแต่ต้น แล้วไม่พูดนะ ล้มแล้วลุก ลุกแล้วล้ม ยังจะมาสาวไส้ มาแสดงออก มาสมอ้าง สมอ้างว่าอาจารย์สงบสั่งให้สอน อาจารย์สงบรับรอง

 

ไม่ ไม่ทั้งนั้น เพียงแต่ไม่พูด ไม่พูดออกมา เราไม่พูดออกมาเพราะอะไร นี่ไง ธรรมะเวลาแสดงธรรม ไม่ให้เสียดสีกัน ไม่ให้เบียดเบียนกัน ไม่ให้ทำลายกัน ไอ้พวกนี้สนุกไง สมอ้าง สมอ้างแล้วจะมาทำให้มันตามความพอใจของตน มันไม่เป็นธรรม

 

นี่ไง ถ้าความเป็นธรรมๆ นะ เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สัจธรรมความเสมอภาค ใครแน่กว่าใคร ใครดีกว่าใคร ถ้ามันแน่กว่า มันดีกว่า มานะ ๙ ถ้ามีมานะ ๙ กูดีกว่ามึง กูเก่งกว่ามึง กูแน่กว่ามึง นี่ไง เสมอตน สำคัญว่าเสมอเขา ต่ำกว่าเขา สำคัญว่าต่ำกว่าเขา สูงกว่าเขา สำคัญว่าสูงกว่าเขา

 

แต่มันไม่มีมานะ ๙ ความไม่มีมานะ ๙ ไม่มีทิฏฐิมานะ ไม่มีสังโยชน์ในหัวใจ ถ้ามันจะเป็นประโยชน์ มันเป็นประโยชน์ตรงนั้นไง แล้วพอเป็นประโยชน์ตรงนั้น ผลของวัฏฏะ จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ คนที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันมีเวรมีกรรมมาทั้งนั้นน่ะ คนที่มีเวรมีกรรมต่อกัน เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังเชื่อกรรม

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปห้ามญาตินะ ญาติข้างพ่อ ญาติข้างแม่ ยกทัพรบกัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปห้ามญาติ พระพุทธรูปปางห้ามญาติ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปห้ามญาติระหว่างข้างพ่อกับข้างแม่ยกทัพรบกัน นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปห้ามญาติ

 

นี่ไง จะบอกว่า ผลของวัฏฏะ คนมันมีเวรมีกรรม ถ้าคนมีเวรมีกรรม กรรมของเขา กรรมของสัตว์ สัตว์มันมีกรรมอย่างนั้นมา เราก็ต้องให้สัตว์นั้นมันคลาย สัตว์นั้นมันบำรุงรักษาให้สัตว์นั้นมันพัฒนาขึ้นมา ให้สัตว์นั้นมันรู้ขึ้นมา ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก พระพุทธศาสนาสอนลงที่หัวใจของสัตว์โลก หัวใจของสัตว์โลก หัวใจที่มันเรียกร้องการช่วยเหลือๆ การช่วยเหลือ ศีล สมาธิ ปัญญาที่เกิดจากจิตดวงนั้นจะช่วยเหลือจิตดวงนั้น ความรู้ความเห็นของเรา เราจะจับยัดเข้าไป

 

โรงพยาบาลเอกชนมันจะเอาตังค์ เขียนบิลมา เห็นบิลแล้วเป็นลมเลยแล้วกันล่ะ นี่ไง ไม่ได้จับยัดมรรคยัดผลไปให้เขา ต้องมรรคอย่างนั้น ผลอย่างนี้ ต้องปฏิบัติอย่างนั้น...จริงหรือ คนมันไม่มีกรรมใช่ไหม กรรมของสัตว์โลกมันสร้างสมของมันมา

 

ครูบาอาจารย์ท่านให้อุบาย ให้อุบายเขาพยายามดัดแปลงแก้ไขเพื่อให้จากที่มันเป็นคนไข้ก็กลับมาเป็นปกติ หายจากการเป็นไข้ จิตที่มันไม่เป็นปกติก็ให้มีสติมีปัญญาฟื้นฟูขึ้นมาให้ปกติ ถ้ามันปกติแล้ว สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี

 

คนเรานะ สุขภาพกาย สุขภาพจิตที่แข็งแรง ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ มันได้ลาภมาโดยที่มันไม่รู้ตัวเลย ไม่รู้ตัวเพราะอะไร ไม่รู้ตัวเพราะเราเกิดเป็นมนุษย์ไง เกิดเป็นมนุษย์นี่อริยทรัพย์ไง สิ่งนี้มีค่าที่สุดไง แก้วแหวนเงินทองมันมาทีหลัง ยศถาบรรดาศักดิ์มันมาทีหลัง สถานะทางสังคมมันมาทีหลัง ทุกอย่างมาทีหลังทั้งนั้น แต่เพราะเราไปกระเสือกกระสนกันตรงนั้นไง เราทิ้งสถานะความเป็นมนุษย์ไง แล้วเราก็กลับมาตีโพยตีพายว่าทุกข์ๆๆ

 

คนเกิดมามีอาการ ๓๒ เท่ากัน มีชีวิตเหมือนกัน มีสถานะความเป็นมนุษย์เท่ากัน นี่ไง แต่มันจะต่างกัน ต่างกันตรงสมองนี่แหละ ต่างกันตรงความรู้สึกนึกคิดนี่แหละ ถ้าคนมีความรู้สึกนึกคิดที่ดี คนมีความรู้สึกนึกคิดที่มีอำนาจวาสนา เขาก็พยายามของเขาเพื่อประโยชน์ ประโยชน์โลกนี้กับโลกหน้า โลกนี้ก็เพื่อสถานะทางสังคม โลกหน้าก็เพื่อความมั่นคงของจิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ

 

แล้วถ้ามันพิจารณาของมันไป มันจะรู้มันจะเห็นของมันเป็นชั้นเป็นตอนเข้าไปนะ ถ้ามันรู้เห็นเป็นชั้นเป็นตอนเข้าไป นั่นน่ะปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ธรรมะอยู่ตรงนั้น ธรรมะมันอยู่ตรงที่เขาต้องรู้เองเห็นเอง ไอ้ที่เราศึกษาๆ มันเป็นปริยัติทั้งนั้นน่ะ ทรงจำธรรมวินัยๆ นี่ก็ทรงจำคำสอน

 

ถ้ามันเป็นจริงๆ ครูบาอาจารย์ที่ท่านทำ วัดปฏิบัติๆ เขามีข้อวัตรปฏิบัติของเขาอยู่แล้ว ข้อวัตรปฏิบัติเป็นเครื่องอยู่ไง ให้จิตมันเกาะเกี่ยวสิ่งนี้ไว้ แล้วให้มันพัฒนาของมันเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไป ถ้าพัฒนาเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไป อย่าไปสอดไปแทรก อย่าเข้าไปหยิบไปฉวย อย่าไปตักไปตวง

 

ถ้าไปตักไปตวง ไปวัดอื่น ไปที่อื่น ที่อื่นเขาพร้อม เขาต้องการคน แต่ที่วัดเราไม่มีนะ เราจะบอกไว้ด้วย ถ้าผิด ไล่ออก ใครก้าวล่วงกติกา ไล่ออก ไล่ออก เพราะอะไร เพราะที่เขาต้องการเยอะแยะ วัดที่เขาต้องการเยอะแยะไปหมด แต่ที่ปฏิบัติเขาเอาไว้เพื่อประพฤติปฏิบัติ

 

แล้วอย่างที่ว่า เวลาหลวงตาท่านพูดนะ ชีวิตเราก็เท่านี้ แต่ก่อนก็ห่วงโลก พอยิ่งใกล้จะสิ้นชีวิตยิ่งเป็นห่วงเป็นใย แต่ก็ต้องจากกันไป นี่พูดถึงว่า เพราะชีวิตคนมันสั้นไง หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นท่านบอกเลยนะ เรา ๘๐ เท่านั้นน่ะ

 

นี่ก็เหมือนกัน ถ้ามันผิด ไล่ออก เพราะชีวิตกูสั้น เดี๋ยวกูตายแล้ว ตายแล้วเอ็งค่อยออกฤทธิ์ ใครมีฤทธิ์มีเดชจะไปออกตรงนั้น ไปออกตรงนั้นเพราะอะไร เพราะมันต้องทำตามลำแข้งของตน

 

เอ็งต้องสร้างขึ้นมาจากลำแข้งของเอ็งสิ เอ็งอย่าสมอ้าง อย่าสมอ้าง อย่าบังเงา แล้วก็เอาสิ่งนี้ไปหาเหยื่อ แล้วก็จะมาปอกลอก แล้วก็จะมาเอาชื่อเสียง ไร้สาระมาก

 

สิ่งที่มานะ ทุกคนเจ็บไข้ได้ป่วยกันมา ไม่ป่วยกายก็ป่วยใจ พระพุทธศาสนาสอนถึงกลับมาเป็นความปกติ กลับมาคุณงามความดี คุณงามความดีๆ นะ สิ่งที่จะเกิดขึ้นๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเชื่อกรรมๆ ไง เราทำมาทั้งนั้น เราทำมาทั้งนั้น

 

จริงๆ นะ เวลาใครมาทุกข์มายากมาหา เราบอกเราภูมิใจ ภูมิใจการเกิด การเกิดเป็นมนุษย์ เราภูมิใจในความเป็นเรา ความเป็นเราเพราะกูทำมา สิ่งที่พูด สิ่งที่แสดงออกมันเป็นนิสัย มันเป็นความเคยชิน เราสร้างมาอย่างนี้ แล้วมันก็ออกอย่างนี้ มันเป็นสิ่งที่เราทำมาไง มันทำมามันก็เป็นสันดานไง สันดานแก้ไม่ได้ไง แต่ความชอบไม่ชอบ สิ่งที่มันเป็นทุกข์มันยากในใจนั้นพยายามแก้ไขกันเอาเอง ทำให้ได้ ถ้าทำให้ได้มันจะเป็นประโยชน์กับเรานะ

 

นี่พูดถึงว่า เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ชาวพุทธเราจะถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระธรรม พระธรรมคือความเสมอภาค เราไม่ใหญ่กว่าใคร ไม่เหนือใคร ไม่เหยียบย่ำใคร เราไม่ต่ำต้อยกว่าใครจนไปรองรับอารมณ์ของคนอื่นก็ไม่ใช่ เรามีสิทธิเสรีภาพ

 

รูป รส กลิ่น เสียง มันเป็นบ่วงของมาร เป็นพวงดอกไม้แห่งมาร มันจะไม่เข้ามาในหูของเรา จะไม่เข้ามาในดวงตาของเรา จะไม่เข้ามาในความสัมผัสของเราถ้าเรามีสติ เรามีสติเรามีปัญญา รูป รส กลิ่น เสียงมันจะเข้ามาสู่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจของเราไม่ได้ เพราะอะไร เพราะเรามีสติรักษาหัวใจของเราไง แต่ถ้าเราอ่อนด้อยกว่าเขา เราให้เขาเหยียบย่ำให้เขาดูถูกเรา รูป รส กลิ่น เสียง เสียงไง เขาสั่ง เขาบังคับบัญชาก็เชื่อเขาไง

 

นี่เราไม่เชื่อ กาลามสูตร ไม่ให้เชื่อใครทั้งสิ้น เชื่อผลของการปฏิบัติ เชื่อผลของการกระทำ เชื่อผลของหัวใจที่มันจะเป็นไป เอวัง