เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๗ พ.ค. ๒๕๖๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

 

ตั้งใจฟังธรรมะนะ ตั้งใจฟังธรรม วันนี้วันพระ วันพระ วันโกน วันที่ทางราชการเขาหยุดให้บำเพ็ญบุญกุศลเมื่อก่อน แต่เดี๋ยวนี้เป็นหยุดเสาร์อาทิตย์ หยุดเสาร์อาทิตย์เพื่อสังคมโลก เพื่อเท่าทันกับโลก โลกเป็นใหญ่ๆ เห็นไหม ถ้าโลกเป็นใหญ่ คนมีการศึกษา มีได้เปิดหูเปิดตา เขาเรียกว่าคนมีวัฒนธรรม คนที่มีวัฒนธรรมมันเข้าใจถึงวัฒนธรรมของคนอื่นไง ถ้าเข้าใจถึงวัฒนธรรมของคนอื่น เห็นสิ่งใดแล้วไม่ตื่นเต้น เพราะเรารู้เราเข้าใจว่านี่เป็นวัฒนธรรมของเขา ไอ้ของเราก็เป็นวัฒนธรรมของเรา แต่ถ้าเขาไม่เข้าใจวัฒนธรรมของเรา เขาก็ไม่ซาบซึ้งในวัฒนธรรมของเรา ถ้าวัฒนธรรมของเรา

 

ชาวพุทธๆ วันพระ วันโกน เขาไปวัดไปวากัน ไปวัดไปวาเพื่อบำเพ็ญบุญกุศล ผู้เฒ่า ผู้แก่ ผู้ชรา เวลาทำหน้าที่การงานมาจนเกษียณราชการ เกษียณหน้าที่การงานแล้ว เราก็มาวัดมาวาจำศีลกัน บางคนคนทุกข์คนจน ทำงานจนแก่จนเฒ่า มันมีลูกมีหลานมันก็เอามาทิ้งไว้ให้เลี้ยง ทิ้งไว้ให้เลี้ยง เราก็ดูแลกันไป จนแก่จนเฒ่านะ นี่ถ้าจนแก่จนเฒ่า

 

สิ่งที่ปัจจัยเครื่องอาศัยเราต้องหาเลี้ยงชีพๆ ไง นี่หาเลี้ยงร่างกาย แต่เวลาคนที่จิตใจเขาละเอียดลึกซึ้งขึ้นมา สิ่งที่ปัจจัยเครื่องอาศัยเราก็พอหาได้ พอหาได้จนต้องรู้จักประหยัดมัธยัสถ์ คำว่า “ประหยัดมัธยัสถ์” สิ่งใดที่เราเอาเข้าไปในร่างกายนี้ ถ้าเป็นสารอาหารที่มันเป็นพิษ มันก็จะไปเกิดเป็นโรคเป็นภัยขึ้นมา เขากินพออยู่เท่านั้นน่ะ ยิ่งคนแก่คนเฒ่านะ เขากินพอประทังชีวิตเท่านั้นน่ะ เพราะเขาไม่กินให้มันไปสะสมให้เราต้องไปออกกำลังกาย

 

นี่พูดถึงว่าถ้า คนที่มีสติมีปัญญาเขารู้จักประหยัดมัธยัสถ์ เขาไม่ไปตื่นเต้นกับสิ่งที่เรามีอยู่หรอก สิ่งที่มันจะเป็นความจริงของเราๆ บุญกุศล เห็นไหม ปัญญาไม่ต้องแบกต้องหาม สติปัญญาของคนไม่ต้องแบกต้องหาม บุญกุศลของคนไม่ต้องแบกต้องหาม ดูสิ สวรรค์ไม่เคยคับแคบ นรกต่างหากมีแต่ความคับแคบทั้งนั้นน่ะ จิตใจของคนที่มันเป็นบุญเป็นกุศลขึ้นมามันแสวงหาสิ่งนี้ แสวงหาสิ่งนี้เพราะวันนี้เป็นวันพระ คนที่มีจิตใจที่สูงส่ง จิตใจที่สูงส่งเขาจะหาเวลาของเขาเพื่อประพฤติปฏิบัติ เขาจะมาจำศีลที่วัดที่วา แล้วคนที่เขามีจิตใจที่จะเป็นนักรบๆ เราจะบวชเป็นพระ

 

ถ้าบวชเป็นพระ บวชขึ้นมา บวชโดยสมมุติสงฆ์ เป็นพระโดยสมมุติๆ ไง ถ้าเป็นพระโดยสมมุติขึ้นมาแล้วนี่จริงตามธรรมวินัย ธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่สมมุติบัญญัติๆ บัญญัติให้มีสามีจิกรรม ให้มีญัตติจตุตถกรรมขึ้นมาให้เป็นพระขึ้นมา เป็นพระขึ้นมา บวชเป็นพระขึ้นมา ถ้าเป็นพระขึ้นมาแล้วถ้าเราจะเป็นนักรบๆ ไง รบกับอะไร รบกับกิเลสของเรา ถ้ารบกับกิเลสของเรา

 

เริ่มต้นจะรบกับกิเลส พระบวชใหม่ๆ จะทนคำสั่งสอนได้ยาก นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ ไม่ได้สักอย่าง เพราะอะไร เพราะเพศของฆราวาสไง เพศของฆราวาส ทางโลกเจริญๆ สิทธิเสรีภาพ ทุกคนต้องมีสิทธิ์ นี่เป็นสิทธิ์ของเราๆ สิทธิเสรีภาพคือทำสิ่งใดก็ได้ถ้ามันไม่ผิดกฎหมาย ทำสิ่งใดก็ได้

 

ทีนี้พอบวชมาแล้วขึ้นมา เพราะว่าการบวชเป็นสมณะ สมณะใช้ชีวิตต่างจากคฤหัสถ์ ความใช้ชีวิตต่างจากคฤหัสถ์ เขามีธรรมเนียมมีประเพณีวัฒนธรรมของเขา ยิ่งอริยประเพณี ธุดงควัตร ๑๓ อริยประเพณี ศีลในศีล ใครจะไม่ประพฤติปฏิบัติตามธุดงควัตรก็ได้ แต่ถ้าใครมีศีลมีธรรมขึ้นมาแล้ว อยากจะถือธุดงควัตรขึ้นมา เป็นอริยประเพณี ประเพณีของพระอริยเจ้า นี่เป็นประเพณี ประเพณีของพระอริยเจ้า

 

แต่ของเรา เราต่ำต้อย จิตใจของเราต่ำต้อย เราพยายามประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เราก็อาศัยสิ่งนั้นเป็นเครื่องดำเนิน ถ้าสิ่งนั้นเป็นเครื่องดำเนิน เราจะต่อสู้กับมันก็จะมีความขัดแย้ง เรามีสิทธิ์ เราทำอะไรก็ได้ เราบวชมาเพื่อความสุข ความสงบระงับของเรา ถ้าความสุข ความสงบ ความระงับของเรา มันสุขสงบระงับจริงหรือไม่ มันระงับมาจากฆราวาส ฆราวาสใช้ชีวิตแบบฆราวาส มาใช้ชีวิตแบบสมณะ ถ้าใช้ชีวิตแบบสมณะ

 

คนเราอายุขัยของคน เกิด แก่ เจ็บ ตาย มันก็ต้องมีอายุขัยของมันทั้งนั้นน่ะ แล้วเราจะเป็นนักรบ เราจะมารบกับอะไร ถ้าเราจะมารบกับอะไร เราต้องมีสติปัญญา ถ้ามีสติปัญญา สิ่งที่เป็นพระๆ ถ้าเป็นพระโดยความเป็นจริงมันเป็นพระด้วยมรรคด้วยผล เป็นพระด้วยศีล สมาธิ ปัญญาไง ถ้ามีศีล สมาธิ ปัญญา มันเกิดการกระทำขึ้นมาในหัวใจไง ถ้าเกิดการกระทำขึ้นมาในหัวใจ ครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นธรรมๆ ท่านมีการกระทำ มีองค์ความรู้

 

นี่บวชมาเป็นประเพณีก็บวชมาเฉยๆ โกนหัว โกนคิ้ว เห็นไหม ผ้าเหลืองในร้านก็มี ที่ไหนมันก็มีทั้งนั้นน่ะ แล้วยิ่งสมัยปัจจุบันนี้เวลาเขาสร้างหนังเป็นพระเป็นเจ้ากัน เขาทำเงินด้วย ไอ้เราเป็นพระ นี่ไง เราพระอาชีพ เราเป็นพระจริงๆ ไอ้นั่นเขาอาชีพพระ เขาก็เล่นเป็นพระไง ถ้าเล่นเป็นพระ เห็นไหม

 

นี่ก็เหมือนกัน เวลาเขาบอกเป็นจริงตามสมมุติๆ พระก็เป็นจริงตามสมมุติ แต่ถ้าคนมีอำนาจวาสนาบารมีของเขา เขาอิ่มบุญของเขา เขาปลื้มใจในสมณเพศของเขา เวลาเราบวชไปแล้วทำไมพ่อแม่ได้ ๑๖ กัป

 

เราเอาลูกเขาไปค้ำจุนศาสนา ลูกเราบวชไปเป็นญาติกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส นี่ไง บุญกุศล มันอิ่มบุญๆ ไง ถ้าอิ่มบุญๆ ถ้ากิเลสมันฟูขึ้นมาล่ะ กิเลสมันฟูขึ้นมา อิ่มบุญๆ บุญนั้นก็หายไป มีแต่ความเดือดร้อนในหัวใจทั้งนั้นน่ะ ถ้ามีความเดือดร้อนในหัวใจ นี่นักรบ เวลาจะรบ รบกับอะไร ก็รบกับกิเลสทิฏฐิมานะในใจของตนไง ถ้าทิฏฐิมานะในใจของตนอยากสบายๆ

 

สบายอย่างนั้นสบายแบบสัตว์เดรัจฉานใช่ไหม สัตว์ ดูสิ สัตว์มันก็กินอยู่หลับนอนเหมือนกัน ไม่มีสิ่งใด ดูสิ สัตว์ป่ามันมีสิทธิเสรีภาพของมันของมันใช่ไหม แต่มันเป็นสัตว์นะ เราเป็นคนๆ เราเป็นคนขึ้นมา เราเป็นมนุษย์เห็นภัยในวัฏสงสารมาบวชเป็นพระนะ ถ้าบวชเป็นพระขึ้นมา เวลาออกบิณฑบาต เวลาประชาชนเขาอธิษฐานของเขา ข้าวปลาอาหารของเขา เขาหาของเขามาได้ เขาอธิษฐานนะ อธิษฐานขึ้นมาเพื่อบุญกุศลของเขา เราเป็นผู้รับไทยทานของเขา แล้วเรามีบุญกุศลสิ่งใดไปเจือจานเขา ศีลเราสมบูรณ์หรือไม่ สมาธิเราเกิดขึ้นมาหรือเปล่า ปัญญาเราเป็นหรือไม่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเรื่องอะไร แล้วเราเห็นคุณค่าหรือไม่

 

เวลาเป็นอามิสๆ ไง ทรัพย์สมบัติในโลกนี้เป็นอามิสทั้งนั้นน่ะ แล้วทรัพย์ที่แท้จริง น้ำใจๆ คุณค่าของน้ำใจ น้ำใจใครก็มี น้ำใจพ่อแม่มีต่อลูกก็มี น้ำใจมีทั้งนั้นน่ะ แต่ถ้ามันเป็นธรรมๆ ขึ้นมา สิ่งที่มีคุณค่ามากกว่านั้น ถ้ามีคุณค่ามากกว่านั้น อริยทรัพย์ๆ อกุปปธรรม

 

เวลาจิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะเพราะมันเผลอ มันไม่เข้าใจของมัน มันถึงเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ทั้งๆ ที่ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาเราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เวลาจิตสงบขึ้นมา มันจับต้องได้ โอ้โฮ! มันมีความสุข มันมีความสงบระงับอย่างนั้น แล้วเวลามันยกขึ้นสู่วิปัสสนา มันเกิดปัญญาของมันขึ้นมา เวลาเกิดปัญญาขึ้นมา เห็นไหม

 

นี่ไง มีสติมีปัญญาควบคุมดูแลหัวใจของตน แล้วพิจารณาใจของตน เวลามันสำรอกมันคายอวิชชา คายความไม่รู้ คายมารออกไปจากหัวใจของตน หัวใจของตน ถ้าเป็นพระโสดาบัน เกิดอีก ๗ ชาติ ยังเกิด ยังมีตัวตนของมันอยู่ แต่มันรู้มันเห็นของมันน่ะ

 

เราบอกว่าทรัพย์ที่มีค่าไง ทรัพย์มีค่า สิ่งที่มีค่าที่สุดคือหัวใจของสัตว์โลก คือหัวใจของเรานี่มีค่าที่สุด แต่หัวใจที่มีค่าที่สุดมันไม่มีค่าเลย ไม่มีค่าเลยในความเห็นของเราไง เพราะเราไปมองสิ่งที่ว่าทรัพย์สินเงินทอง ยศถาบรรดาศักดิ์เป็นทรัพย์ แล้วเราไม่ได้มองแต่คุณงามความดี เราเป็นทรัพย์ เราไม่ได้มองถึงว่า ศีล สมาธิ ปัญญาของเราเป็นทรัพย์ แล้วทรัพย์อย่างนี้เราต้องแสวงหา

 

ทรัพย์สินเงินทองไปฝากธนาคารไว้ เวลาอยากต้องการใช้ก็ไปเบิกเอา แต่ศีล สมาธิ ปัญญาเอามาจากไหน ตัวเองก็ไม่มี จะเอาอะไรไปฝาก ศีล สมาธิ ปัญญาก็เป็นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นชื่อมันทั้งนั้น เบิกที่ไหนก็ไม่ได้ เบิกที่ไหนก็ไม่มี เว้นไว้มีแต่การกระทำขึ้นมา กลั่นออกมาจากหัวใจ กลั่นออกมาจากจิตๆ แต่จิตอยู่ไหนก็ไม่เข้าใจ มาบวชเป็นพระๆ ไง บวชเป็นพระมันก็บวชจริงตามสมมุติไง บวชตามประเพณีวัฒนธรรมไง มันไม่ได้บวชหัวใจไง

 

ถ้ามันจะบวชหัวใจ มันจะบวชพระ ดูสิ เวลาคนที่เขาไม่ได้บวชของเขา เขาบวชใจ บวชใจของเขา ถ้าเขาบวชใจของเขา เขาภาวนาของเขาให้หัวใจของเขาเป็นอริยบุคคลขึ้นมาได้ อย่างเช่นนางวิสาขา เขาก็เป็นพระได้ เวลาคฤหัสถ์ญาติโยมเขาก็เป็นพระได้ ถ้าเป็นพระในหัวใจ แล้วประเสริฐด้วย พอเป็นพระขึ้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นพระนะ แต่ใจเขารู้

 

เวลาเรามีศีล สมาธิ ปัญญาขึ้นมา เราพิจารณาของเราขึ้นมา เวลาพิจารณาขึ้นมา เวลาสำรอก มันคายออกเป็นตทังคปหาน เวลาที่มันพิจารณาจนถึงที่สุด มันสมุจเฉทปหาน มันขาดออกไป สังโยชน์ขาด มันต้องมีสังโยชน์ขาด

 

เวลาคนไม่รู้ไม่เห็น ดูสิ สิ่งที่มันเกาะเกี่ยวหัวใจ ที่มันหลอกมันลวง เวลามันขาดกระเด็นออกไป ยถาภูตัง เกิดญาณทัสสนะ เกิดความเห็น นี่ไง ถ้ามันเกิดอย่างนี้เป็นจริงเป็นจังขึ้นมามันถึงจะเป็นจริง ถ้าเป็นจริงขึ้นมา เราเป็นคนทำเอง เราเป็นคนรู้เอง นี่บวชหัวใจ

 

แต่เราเป็นมนุษย์ เห็นภัยในวัฏสงสาร เราบวชเป็นพระ ถ้าเราบวชเป็นพระแล้ว เราบวชเป็นพระด้วย แล้วยังเป็นพระปฏิบัติด้วย ถ้าพระปฏิบัติด้วย เราสงวนรักษา คำว่า “สงวนรักษา” เก็บเล็กผสมน้อยนะ เก็บเล็กผสมน้อยไว้เหมือนทางโลก

 

ทางโลก ข้าวปลาอาหาร สิ่งที่เป็นพิษ เขาไม่กินเข้าไปในร่างกายนี้ มันจะเป็นโทษเป็นภัย พระเราก็เหมือนกัน สิ่งใดที่เป็นโทษ เป็นโทษ กิเลสมันจะอาศัยสิ่งนั้นเป็นการจุดประเด็น เวลาสิ่งใดที่มันมีความผิดพลาดในหัวใจ เวลาจะภาวนามันเอาตรงนี้มาอ้างตลอดเลย นู่นก็ผิด นี่ก็ผิด เราไม่ดีไปสักอย่างนึงเลย เราไม่มีอะไรดีเลย

 

แต่ถ้าไม่ภาวนานะ โอ้โฮ! มันว่ามันดีนะ ทุกคนเลวหมดเลย แต่เวลามันจะภาวนานะ จิตที่มันอยู่ใต้จิตสำนึกมันจะชี้เลย เราผิดพลาดทั้งนั้น เราทำอะไรไม่ได้ นั่งก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้ มันกวนใจทั้งนั้นเลย เห็นไหม เราถึงเก็บเล็กผสมน้อย

 

พระเราเวลามีอาบัติ เขาก็ปลงอาบัติของเขา เวลาสิ่งใดพยายามทำให้เข้าหมู่ให้ได้ คำว่า “เข้าหมู่” เวลาอุโบสถศีล มันต้องศีลเสมอกัน ถ้าศีลไม่เสมอกัน ร่วมทำสามีจิกรรมไม่ได้ การทำไม่ได้ ถ้าทำไปแล้วโดยที่เราปิดบังไว้มันเป็นโมฆะ มันเป็นโมฆียะ แล้วโมฆะโมฆียะมันเกิดจากใคร เกิดจากผู้ที่ทุจริตเข้าไปอยู่ในสังฆกรรมนั้น เราถึงสงวนรักษาของเรา เราทำของเรา เวลามันพิจารณาไปมันพิจารณาอย่างนี้ไง นี่ถ้ามันจะเริ่มต่อสู้กับกิเลสไง ต่อสู้กับทิฏฐิมานะความเห็นผิดของตน ถ้ามันเห็นถูกขึ้นมามันดีงามไปหมดล่ะ เรียบง่าย พระจริงๆ เรียบ ง่ายๆ

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้พระภิกษุเป็นผู้เลี้ยงง่ายๆ ง่ายๆ แล้วเป็นเรื่องปกติ พระปกติพระธรรมดานี่คือพระดี พระที่เหาะเหินเดินฟ้าที่อวดอ้าง พระโกหกทั้งนั้น เพราะครูบาอาจารย์ที่เป็นจริงท่านไม่ทำอย่างนั้น ท่านไม่ทำ ท่านมีความละอาย มีความละอาย มีความเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

ธรรมและวินัยเป็นศาสดาของเรา สิ่งที่ธรรมวินัยเป็นศาสดาของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าห้ามๆๆ ห้ามไว้ทั้งนั้น ห้ามไว้เพื่ออะไร ห้ามไว้เพื่อให้ศาสนามั่นคงไง

 

เวลาพระโมคคัลลานะกับลูกศิษย์ที่ประชาชนเขาศรัทธาในพระพุทธศาสนา แล้วเขาเห็นพระทำตัวไม่ดีขึ้นมา เขาก็ท้อใจว่าศาสนาคงไม่มีแล้วแหละ เขาก็ตั้งใจจะพิสูจน์ว่ามีพระจริงหรือเปล่า เอาบาตรไม้จันทน์ เอาไม้ไผ่ต่อขึ้นไป แล้วก็แขวนบาตรไม้จันทน์นั้นไว้ ถ้าภิกษุมีอยู่จริง ประกาศ ถ้าพระมีอยู่จริงให้เหาะขึ้นไปเอา พระมีอยู่จริงให้ขึ้นไปเอา แล้วมันไม่มีใครขึ้นไปเอา โอ๋ย! ท่านก็ท้อแท้นะ หมดแล้วแหละ ศาสนาไม่มีแล้วล่ะ ไม่มีอีกแล้ว

 

พระโมคคัลลานะก็สงสารเขา บอกให้ลูกศิษย์พระโมคคัลลานะเหาะขึ้นไปเอา ลูกศิษย์พระโมคคัลลานะก็บอกว่าอาจารย์เหาะขึ้นไปเอา เหาะขึ้นไปเอานะ เพื่อที่จะให้น้ำใจเขา ให้เขามั่นคงในศาสนา ให้เขาชื่นใจเขาว่ามันยังมีมรรคมีผลอยู่ มันเป็นที่ไว้วางใจได้ สุดท้ายไม่มีใครเอา มันไม่มีใครเหาะขึ้นไป

 

ไอ้พวกเดียรถีย์มาก็ทำท่าจะมาเหาะ แล้วก็นัดกับลูกศิษย์ไว้ เวลาเราจะเหาะก็ทำดึงไว้นะ มันเหาะไม่ได้หรอก ไอ้คนนู้นก็จะมาเหาะ ไอ้คนนี้ก็จะมาเหาะ แต่ไม่เคยเหาะเลย เขายิ่งท้อใจเข้าไปใหญ่

 

ลูกศิษย์พระโมคคัลลานะเหาะขึ้นไป หยิบบาตรนั้นลอย ๓ รอบแล้วก็ลงมา โอ้โฮ! เขาชื่นใจของเขานะ เขาชื่นใจ เขาดีใจของเขาว่า อืม! มรรคผลยังมีอยู่ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบยังมีอยู่ นี่เพื่อให้เขาชื่นใจของเขา

 

แล้วตั้งแต่นั้นมา ไปบิณฑบาตนะ ถ้าไม่เหาะ ไม่ใส่บาตร ต้องเหาะให้ดูก่อนๆ มันร่ำลือไปจนถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงห้ามไว้ไง ถ้าอย่างนั้นแล้วอย่างพวกเราเหาะไม่ได้จะเอาอะไรกิน ไม่มีทางได้กินข้าวเลย นี่ไง ศาสนามันไม่มั่นคงไง

 

ทำให้เรียบง่าย อยู่ในศีลในธรรม รู้จักเก็บเล็กผสมน้อย รู้จักรักษาตัวเองให้รอด แล้วถ้ามันเกิดเป็นความจริงๆ ขึ้นมาในใจ นั่นน่ะอริยภูมิในใจอันนั้นมันสำคัญ แล้วศีล สมาธิ ปัญญามันเกิดขึ้นมานั่นน่ะสัจจะความจริงมันเกิดขึ้นมาแล้ว อันนั้นมันจะเชิดชูศาสนา เชิดชูศาสนาตรงไหน ตรงที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไว้ ฤทธิ์ที่ประเสริฐที่สุดคือการบันลือสีหนาท

 

เอ็งรู้จริง เอ็งบอกเขาได้ เอ็งรู้จริง เอ็งพูดได้ สิ่งที่ธรรมะๆ สัจธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ กราบธรรมที่ไหน เวลากราบธรรม เวลาหลวงตาท่านบรรลุธรรมขึ้นมา มันกังวานกลางหัวใจ ท่านบอกเลย น้ำอมตธรรมในหัวใจของท่านตักไม่หมดไม่สิ้น เทศน์ได้ทั้งปีทั้งชาติ ขอให้ถามมา ขอให้ถามมา มีใครจะถามได้

 

ถามอะไร ถามจากความสงสัย แต่เราไม่สงสัย เราฉลาด เรารู้ควบคุมหมดแล้ว เพราะอะไร เพราะยังไม่ได้ทำไง

 

คนที่ว่ารู้ๆ นั่นมันสัญญาทั้งนั้นน่ะ ขอให้นั่งลงนะ แล้วหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เดี๋ยวมันจะเกิดความสงสัยขึ้นมามหาศาลเลย สิ่งที่ว่าเรียนมาๆ แก้ไม่ได้ สิ่งที่เรียนมาๆ จะแก้ความสงสัยของตัวเองไม่ได้เลย แล้วที่ว่ารู้ๆ รู้ตอนกิเลสมันบังเงาไง รู้เพื่อไม่ให้เราก้าวหน้าไง รู้จักสมบัติของคนอื่นไง รู้จักธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง แต่ความรู้ของเราไม่มีสักชิ้นหนึ่ง ความรู้จริงที่จะเกิดจากประสบการณ์ของตนไม่มีเลย

 

แต่พอเรานั่งหลับตาขึ้นมา นั่นน่ะความรู้จริงจะเกิดขึ้นจากประสบการณ์อันนั้น แต่เวลาความรู้จริงเกิดขึ้น กิเลสมันก็จะพลิกจะแพลงแล้ว เราไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ ทำไม่ได้ ไม่มีวาสนา ทำไม่ได้สักอย่าง นั่นน่ะมันจะทำให้มืดบอดต่อไป

 

แต่ถ้าเราจะฝืนทนกับมัน นี่ไง รู้อะไรบ้างล่ะ ที่เรียนมา รู้อะไรมา ศีล สมาธิ ปัญญา รู้จักหรือ รู้จักมรรคไหม รู้จักจิตไหม รู้จักจิตที่ยกขึ้นสู่วิปัสสนาไหม วิปัสสนาไปแล้วมันล้มลุกคลุกคลาน รู้จักไหม

 

ถ้าผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ ครูบาอาจารย์ของเราท่านปฏิบัติของท่านมา ท่านมีประสบการณ์ของท่าน หลวงปู่มั่นท่านถึงพูดกับหมู่คณะประจำ “จิตนี้แก้ยากมากนะ จิตนี้แก้ยากมากนะ จิตนี้แปลกประหลาดนัก ให้ปฏิบัติมา ผู้เฒ่าจะแก้ว่ะ ผู้เฒ่าจะแก้ว่ะ”

 

เพราะท่านห่วง เวลาท่านล่วงไปแล้วใครจะแก้ เพราะถ้าท่านล่วงไปแล้ว วุฒิภาวะของคนมันไม่ถึง คนไม่รู้ไม่เห็นมันจะเอาอะไรไปสอนเขา คนทำไม่เป็นมันจะไปทำ มันเป็นไปไม่ได้ คนต้องเป็นมันถึงแก้ไขได้ มันถึงทำได้

 

ฉะนั้น เวลาท่านจะสิ้นอายุขัยนะ “ภิกษุให้ประพฤติปฏิบัติมานะ แก้จิตแก้ยากนะ ผู้เฒ่าจะแก้ว่ะ ผู้เฒ่าจะแก้ว่ะ” นี้มันเป็นการยืนยัน เป็นการยืนยันในใจของท่าน เป็นการยืนยันในความจริงในพระพุทธศาสนา

 

วันนี้วันพระๆ ถ้าวันพระขึ้นมา เราก็เป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เราเป็นบริษัท ๔ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากศาสนาไว้กับเรา ฝากศาสนาไว้ที่ไหน ฝากศาสนาไว้ให้รื้อค้นขึ้นมาในใจของเรา ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาในใจของเรา เรามีสัจธรรม เรามีธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลางหัวใจของเรา มันจะได้ไม่ทุกข์หนักจนเกินไป มีธรรมโอสถเป็นที่บรรเทา แล้วถ้ามันถึงที่สุดแห่งทุกข์นะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อยู่กลางหัวใจของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน อยู่กลางหัวใจดวงนี้ จากคนที่รื้อฟื้นขึ้นมา จากคนที่มีสติปัญญาพยายามฟื้นฟูใจของเราขึ้นมาให้เป็นสัจจะความจริง เอวัง