เทศน์เช้า วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม
จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมนะ
ตั้งใจฟังธรรมะ เพราะวันก่อนวันเข้าพรรษา เราก็ตั้งใจกันว่าเราจะประพฤติปฏิบัติ
เราจะทำคุณงามความดีของเราไง วันนี้วันพระแรก อีกพระหน้าก็เป็น ๑ ปักษ์ มันมี ๖
ปักษ์ออกพรรษา ถ้าออกพรรษาขึ้นมาแล้ว ก่อนเข้าพรรษาเราก็รู้อยู่ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดไม่ดี
ถ้าสิ่งใดดี เราจะงดเว้นสิ่งที่ไม่ดีๆ ถ้างดสิ่งที่ไม่ดี เราทำคุณงามความดีของเรา
แล้วทำคุณงามความดีของเรานะ พระพุทธศาสนาสอน วันนี้วันพระ
วันพระเป็นผู้ที่ประเสริฐ ประเสริฐที่ไหน ประเสริฐที่ในหัวใจดวงนั้น
ถ้าหัวใจดวงนั้นมันเป็นผู้ประเสริฐนะ
เวลาเราเกิดมา
เราเสมอภาคกันโดยสิ่งที่มีชีวิต เราเสมอภาคกัน มีปากมีท้องเหมือนกัน
เราเกิดมาเป็นญาติกันโดยธรรมนะ ถ้าเกิดมาเป็นญาติกันโดยธรรม คนที่เกิดมาด้วยอำนาจวาสนา
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย
เวลาครูบาอาจารย์ของเรานะ
ท่านทำคุณงามความดีมา ถ้าทำคุณงามความดี ใจมันจะคิดดีๆ ใจคิดดี
ทำสิ่งใดแล้วมันแหยง มันทำไม่เต็มไม้เต็มมือ เพราะมันรู้ว่าสิ่งใดถูกต้อง สิ่งใดดีงาม
แต่ถ้าคนเรานะ ถ้าสร้างบาปอกุศลมา มันเคยชินของมัน เธอย้ำคิดย้ำทำจนเป็นจริตจนเป็นนิสัย
เวลามันเป็นจริตเป็นนิสัย มันจะเหยียบย่ำ มันจะทำลายเขา มันจะเอารัดเอาเปรียบเขา
การเอารัดเอาเปรียบเขา หลวงตาท่านบอกพระไปกว้านฟืนกว้านไฟมาเผาตนเอง การเอารัดเอาเปรียบเขานั่นน่ะสร้างเวรสร้างกรรมทั้งนั้น
การสร้างเวรสร้างกรรมทั้งนั้น ผลที่ได้รับคือเวรกรรมของเราทั้งสิ้น
การทำคุณงามความดี
การทำคุณงามความดีที่โลกมองไม่เห็น โลกเห็นว่าสิ่งที่เราได้มานั้นเป็นของเรา
ทำคุณงามความดีๆ เราให้อภัย เรามีการเสียสละ เราทำคุณงามความดี
เขาเป็นผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก เราให้โอกาสเขาก่อน ทำสิ่งใด สิ่งนั้นมันเหมือนกับเราขาดตกบกพร่อง
แต่หัวใจที่ยิ่งใหญ่นะ หัวใจที่ยิ่งใหญ่มันเห็นสิ่งที่มีค่าที่สุดคือสิ่งที่มีชีวิต
ชีวิตของคนปรารถนาความสุข เกลียดความทุกข์ทั้งนั้น แล้วของเรา เราสร้างบุญกุศลของเรามา
เรามีโอกาส เรามีการกระทำ เรามีสติมีปัญญา
ทำสิ่งใดแล้วเรานำพาชีวิตของเราสะดวกง่ายดาย
เวลาคนทุกข์คนจนของเขา
เวลาปัญญาของเขามันอับจนของเขา ทำสิ่งใดก็อับจนไปหมด ทำสิ่งใดก็อับจนไปทั้งสิ้น
ความอับจนอันนั้นเขาก็ได้สร้างเวรสร้างกรรมของเขามาทั้งนั้นน่ะ
ถ้าสร้างเวรสร้างกรรมของเขามา
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาภาวนามยปัญญา ปัญญาถึงที่สุดแห่งกิเลส แต่ถ้าปัญญาของโลกๆ ไง ปัญญาของโลกมีสติปัญญาทำมาหากิน มีสติปัญญาพยายามดูแลรักษาชีวิตของเราไง นำพาชีวิตของเราให้ไปสิ่งที่ดีงามๆ ถ้ามันมีศีล ศีลที่บริสุทธิ์ ถ้ามีศีลมีธรรมของเราขึ้นมา คำว่า "มีศีลมีธรรมขึ้นมา" มันอบอุ่นในหัวใจของเรา
ความลับไม่มีในโลก
ใครทำดีทำชั่วขึ้นมามันรู้อยู่กลางหัวใจดวงนั้น ใจดวงนั้นมันเต็มหัวใจ
ความลับไม่มีในโลกหรอก เราจะปิดบังใครปิดบังได้ทั้งนั้น แต่ปิดบังตัวเองไม่ได้ เวลาปิดบังตัวเองไม่ได้
เห็นไหม
นี่ไง
เวลาพระที่จะประพฤติปฏิบัติก็เหมือนกัน
เวลาศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศึกษาแล้วมันซาบซึ้งๆ ทั้งนั้นน่ะ
ซาบซึ้งขึ้นมาแล้วจิตใต้สำนึกมันก็สงสัยทั้งนั้นน่ะ ไอ้จิตใต้สำนึกมันลังเล
มันสงสัย มันไม่เชื่อหรอก กิเลสมันไม่เชื่อใครง่ายๆ หรอก มันเป็นไปไม่ได้หรอก
แต่ด้วยอำนาจวาสนาขึ้นมา
เราเกิดมาเป็นชาวพุทธ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา
มันเป็นประเพณีวัฒนธรรมความเชื่อของสังคม
ถ้าความเชื่อของสังคมเขาเชื่อกันอย่างนั้นนะ เราก็เชื่อตามๆ เขาไป เชื่อตามๆ เขาไป
เอาจริงๆ ขึ้นมาจิตใต้สำนึกมันเชื่อไหม เอ๊! จริงหรือ จริงหรือ
นิพพานมันมีอยู่จริงหรือ มรรคผลมีอยู่จริงหรือ จิตใต้สำนึกมันไม่เชื่อหรอก
มันเป็นไปไม่ได้ มันตรงข้ามนะ
พญามารๆ
มันร้ายกาจนัก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมไปแล้ว พญามารคร่ำครวญเลย
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะหลุดมือเราไปแล้ว นางตัณหา นางอรดี ลูกสาวมาบอกเลย
พ่อไม่ต้องตกใจ เดี๋ยวหนูจะไปทำมารยาสาไถย จะเอาเจ้าชายสิทธัตถะกลับมาเหมือนเดิม
พอไปยั่วไปยวน มันไม่ได้หรอก ไอ้นี่เป็นธรรมาธิษฐาน เป็นการยกให้เห็นเป็นรูปธรรมว่าพญามารคืออวิชชา
คือพ่อของมัน ลูกของมันคือความโลภ ความโกรธ ความหลง มันอุปาทาน
สิ่งเศร้าหมองในใจมันเป็นครอบครัวของมัน แล้วครอบครัวของมัน มันครอบคลุมในหัวใจของสัตว์โลก
แล้วมันจะปล่อยวางง่ายๆ ไหม มันเป็นไปไม่ได้หรอก มันเป็นไปไม่ได้ ถ้ามันเป็นไปไม่ได้
ภาวนามยปัญญาจะเกิดขึ้น
เวลาเกิดขึ้น เกิดขึ้นมาทำไม เกิดขึ้นมา
เกิดขึ้นมาด้วยการค้นคว้าการแสวงหาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ไม่ใช่เกิดขึ้นมาลอยๆ
หรอก ไอ้พวกเราเวลาจะเกิดขึ้น จับผิดจับถูก ย้ำคิดย้ำทำ โอ๋ย! ปัญญาเลอเลิศ...กิเลสมันหลอก
กิเลสมันหลอก มันหลอกให้วนอยู่นั่นน่ะ ไปไหนไม่รอดหรอก เรานี่สุดยอดๆ...สุดยอดของกิเลสไง
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสุดยอดของธรรม เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าสุดยอดของธรรมนะ เพราะอะไร
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ
พระปัจเจกพุทธเจ้าตรัสรู้เองโดยชอบ การตรัสรู้เองโดยชอบ นี่ปัญญาที่ทวนกระแสกลับ
ปัญญาที่ทวนกระแสกลับ ทางโลก ทางวิทยาศาสตร์ไม่มี มีแต่ในภาวนามยปัญญา
ปัญญาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น แล้วถ้ามี มันต้องรู้จริงเห็นจริง
ศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล ดวงใจดวงใดไม่มีมรรค ดวงใจดวงนั้นไม่มีผล
ถ้าคนไม่เคยเห็นมรรค มันจะเกิดผลขึ้นมาได้อย่างไร ถ้ามันไม่มีเหตุ มันจะมีผลมาได้อย่างไร
มันเป็นไปไม่ได้หรอก แต่ถ้ามันเป็นไปได้ มันเป็นไปได้ที่การกระทำนี่ไง
วันนี้วันพระๆ
ไง วันพระ เราเป็นผู้ที่มีอำนาจวาสนา พอมีอำนาจวาสนา เราแสวงหามา
ปัจจัยเครื่องอาศัย เราลงทุนลงแรงมาทั้งนั้นน่ะ หยาดเหงื่อหยาดน้ำของเราทั้งสิ้น
แล้วทำไมเราจะมาคิดเสียสละล่ะ การเสียสละ เสียสละเพื่ออะไร เสียสละขึ้นมา
ภิกษุเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง
ผู้ที่ไม่มีอาชีพ การทำบุญกุศล ชีวิตนะ ชีวิตหนึ่งให้ชีวิตหนึ่งนะ แล้วชีวิตมีไว้ทำไม
ถ้าชีวิตที่เป็นธรรมๆ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่บวชเมื่อแก่
ขอกรรมฐาน ๕ แล้วเข้าป่าเข้าเขาไป นี่ชีวิตไว้ค้นคว้าไง ถ้ามันมีสิ่งมีชีวิต
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ชี้ทางๆ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเอาธรรมะยัดใส่หัวใจใครไม่ได้หรอก
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องให้ใจดวงนั้นรู้ขึ้นมาจากใจดวงนั้น
ใจดวงนั้นมืดบอดเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ใจดวงนั้นจะเป็นผู้เปิดตาใจของตน
ใจดวงนั้นเป็นผู้เบิกบาน ดอกบัวบานกลางหัวใจดวงใจดวงนั้น
แล้วดวงใจดวงนั้นนะ
ทุกคนมีครอบครัว ทุกคนมีลูกมีหลาน คุยกับมันสิ รู้เรื่องไหม คุยกับมัน ไปไหนมา สามวาสองศอก
มันขี้อ้อนเพื่อจะเอาแต่ประโยชน์ของมัน มันอ้อนเพื่อประโยชน์ของมันทั้งนั้นน่ะ
เราคุยกับลูกเรา นี่คุยกับลูกนะ แล้วคุยกับใจล่ะ เห็นใจหรือเปล่า
รู้จักใจตัวเองหรือไม่
พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน วันนี้วันพระๆ มันตื่นรู้หรือไม่ มันไม่ตื่นรู้ แต่มันโดนครอบงำด้วยอารมณ์ มันโดนครอบงำด้วยสัญญาอารมณ์ความรู้สึก สัญญาอารมณ์ สิ่งที่เมื่อวานทำอะไรมา เดือนที่แล้วทำอะไรมา ปีที่แล้วทำอะไรมา นี่ก็เหมือนกัน แต่ละภพแต่ละชาติทำอะไรมา พอทำสิ่งใดมามันก็เป็นจริตนิสัย ความคิดมันแตกต่าง แตกต่างกันตรงนี้ไง แตกต่าง เห็นไหม คนทำดีๆ มา มันจะจับมันไปมัดไว้ที่ไหนมันก็คิดดี คนทำชั่ว จับมันไปแช่ในห้องเย็นมันก็คิดชั่ว เพราะความคิดมันเกิดจากภายใน
พระพุทธศาสนา เวลาทำบุญกุศลขึ้นมาก็เพื่อตรงนี้ไง ถ้าทำบุญกุศลขึ้นมาให้จิตใจเราเป็นสาธารณะ จิตใจเรามีบารมี คำว่า "มีบารมี" มันจะฟังเหตุฟังผลนะ คำว่า ฟังเหตุฟังผล สิ่งต่างๆ ชีวิตนี้คืออะไร ชีวิตนี้คือไออุ่น ตั้งอยู่บนกาลเวลา ถ้ามันยังมีเวลา มันยังขับเคลื่อนไปอยู่ ชีวิตยังมีอยู่ ไออุ่นก็คือตัวจิต ตัวจิต ตัวพลังงานนั้นน่ะ พลังงานตั้งอยู่บนเวลา แล้วพลังงานนี้ไปไหน ถ้ามันพลาดจากเวลานั้นไปก็ตายไง เวลาตายแล้วมันไปไหน แล้วชีวิตนี้คืออะไร เกิดมาทำไม
อ้าว!
เกิดมาจากพ่อจากแม่ไง เกิดมาจากชาติตระกูลนี้ไง ก็ต้องชาติตระกูลนี้มั่นคง ใช่ ชาติตระกูลของเราทั้งนั้นน่ะ
เพราะมันเป็นสายเวรสายกรรม ถ้าไม่มีสายเวรสายกรรม เราจะไม่เกิดเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูกกันหรอก
เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แห็นไหม เพราะเรามีสายบุญสายกรรมมา เราถึงเกิดมาร่วมโลกเดียวกัน
คนที่เกิดมามีชีวิตไม่เคยเป็นญาติเป็นพี่เป็นน้องกันภพใดชาติใดไม่มีเลย คำว่า "ไม่มีภพใดชาติใด" เวลาเราเกิดมาถ้ามันเป็นบุญกุศล เห็นกันแล้วมันจะมีความชื่นชม
มันมีแต่ความรื่นเริง มันมีแต่ความเกื้อกูลต่อกัน การเกื้อกูลต่อกัน
เกื้อกูลต่อกันเพื่อทำคุณงามความดีไง เราทำคุณงามความดีก็เพื่อประโยชน์กับหัวใจ
บำรุงหัวใจของเราไง
ทำดีได้ดี
ทำชั่วได้ชั่ว การทำคุณงามความดีแบบนี้ทำคุณงามความดีแบบทิ้งเหว สะอาดบริสุทธิ์นี่สุดยอด
สุดยอดในพระพุทธศาสนานะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาทำดีเพื่อดี
แต่มันเป็นประเพณีวัฒนธรรม พอประเพณีวัฒนธรรม "ทำดีแล้วไม่ได้ดี ทำดีแล้วไม่ได้ดี" ใครๆ ก็ทำดี ดีอะไร ไอ้นั่นเป็นวิทยาศาสตร์
เขาบอกเลย
ติดสินบน ทำบุญ ๕ บาท อยากได้บุญล้านหนึ่ง ทำบุญล้านหนึ่ง อยากได้เงิน ๕ ล้าน นี่มันติดสินบนไง
แต่ถ้าเป็นของเรา เราทำดีทิ้งเหวๆ
ในพระพุทธศาสนา
ทุคตะเข็ญใจเขาเป็นคนรับจ้างไถนา สุดท้ายแล้วเขาต้องมาส่งอาหาร มาส่งอาหารช้า
เวลาเขามา พอดีพระสารีบุตรออกจากสมาบัติ เพราะด้วยอำนาจวาสนา ใส่บาตรนั้นไป
เวลากลับไปรับจ้างไถนา ไปไถนา ดินที่พลิกขึ้นมาเป็นทองคำหมดเลย นี่อภินิหาร
สัจจะความจริงมันเป็นความจริงอย่างนั้นเพราะมันสะอาดบริสุทธิ์ไง
ทุคตะเข็ญใจคนนั้นเขารับจ้างไถนา
ญาติเขาต้องเอาข้าวมาส่ง มันหิวมันกระหาย คนเรามันช็อกตายได้ไง นี่มันทั้งชีวิตนะ เวลาหิวอยู่
เวลาหิวกระหายอยู่นี่ ถ้าเดี๋ยวทางบ้านเอาอาหารมาส่งจะต้องมีปัญหาแน่นอน
คือคิดในใจว่าจะทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่แล้ว แต่เวลาพระสารีบุตรออกจากสมาบัติมา
เห็นแล้วมันชื่นใจ เห็นแล้วมันรื่นเริง สิ่งที่หิวๆ สิ่งที่มีความอาฆาตมาดร้ายนะ พลิกกลับไปอยากได้บุญกุศล
ถวายพระสารีบุตรไปเลย พอถวายพระสารีบุตร พระสารีบุตรพอฉันแล้วให้พรแล้ว กลับไปลงไถนาเป็นทองคำๆ
ขึ้นมาเลย
ความสะอาดบริสุทธิ์นี้
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว การทำที่สะอาดบริสุทธิ์ การทำด้วยหัวใจที่ไม่หวังผลสิ่งใดทั้งสิ้น
มันได้สิ่งตอบแทนมา ไถไปเป็นทองคำ นี่อยู่ในพระไตรปิฎก เวลาเป็นทองคำขึ้นมา
สังคมสมัยนั้นคนมันน้อย มันรู้เลย ลูกใครหลานใครรู้จักกันหมดทั้งนั้นน่ะ ก็ไม่กล้าแตะต้องเลย
เพราะเราเป็นทุคตะเข็ญใจ เราจะมีทองคำเป็นก้อนๆ อย่างนี้มันมาจากไหน
ไปเฝ้าพระเจ้าพิมพิสาร บอกข้าพเจ้าเป็นคนทุคตะเข็ญใจ ข้าพเจ้าทำตรงนั้นๆ มันมีทองเกิดขึ้นอย่างนั้น
พระเจ้าพิมพิสารบอกว่ามันเกิดขึ้นเท่าไร
ประมาณ
๘๐ เล่มเกวียน
ก็ให้มหาดเล็กเอาเกวียนไปทุกมา
๘๐ เล่มเกวียน พอไปจับ เป็นดินหมดเลย แล้วทหารก็กลับมาเฝ้าพระเจ้าพิมพิสาร
พระเจ้าพิมพิสารบอกว่ากลับไปใหม่ บอกว่า สิ่งที่มาเอานี้มาเอาทองของทุคตะเข็ญใจนี้
ไม่ใช่ยึด ไม่ใช่ของรัฐ ไม่ใช่ของใครทั้งสิ้น มันเป็นสิทธิ์ของเขา
ยกขึ้นมาเป็นทองคำทั้งนั้นเลย เอามากองไว้กลางราชวัง ถามเลยว่าใครมีทองคำมากเท่านี้ในราชอาณาจักรนี้
ไม่มี ตั้งให้เป็นเศรษฐีประจำรัชกาล นี่สิ่งที่เป็นจริงมันเป็นจริงอย่างนี้
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ความจริงเป็นความจริงอย่างนี้
แต่พวกเราใจมันไม่สะอาดบริสุทธิ์
ใจของเรามันหวังผลตอบแทนอยู่แล้วไง ใจของเรามันว้าเหว่ไง ใจของเราเรียกร้องไง
ความเรียกร้องมันไม่สะอาดบริสุทธิ์ มันไม่มีผลตามนั้นไง ถ้าไม่มีผลตามนั้น เราก็ทำของเราๆ
เราฝึกหัดใจของเรา ถ้าฝึกหัดใจของเรานะ
ครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติขึ้นมาแล้ว
ท่านไม่เห็นสิ่งใดมีคุณค่ากว่าบุญกุศล บุญนี่ บุญคือมีสติปัญญา คนว่ามีบุญนะ มันคิดดีทำดี
เราคิดดีทำดี ไม่มีความเครียด ไม่มีสิ่งใดบีบคั้นหัวใจ เพราะมันเห็นคุณค่าของหัวใจที่สว่าง
หัวใจที่มันสะอาดบริสุทธิ์นะ สิ่งต่างๆ เป็นเครื่องอาศัยทั้งสิ้น แต่นี่เราทิ้งหัวใจของเรา
แล้วไปเห็นสิ่งที่เป็นวัตถุธาตุลาภสักการะเป็นของที่มีค่า
แต่ธรรมมองว่าหัวใจมีค่า
ธรรมมองว่าชีวิตมีค่า สิ่งนี้มีค่า มีค่าที่นี่ แล้วถ้ามีค่า มันก็มีค่าแล้ว
มันเกิดเป็นมนุษย์ มันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มันเป็นผลของวัฏฏะ มันโดนบุญกุศลพัดไป
โดนบาปอกุศลพัดไป เราก็มาสร้างบุญกุศลกันอยู่นี่ ถ้ามันยังเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ
ขอให้เกิดมาแล้วไม่ทุกข์จนเข็ญใจจนเกินไป ขอให้มันมีอำนาจวาสนา ได้เพิ่มอำนาจวาสนาบารมีของมัน
เพื่อประโยชน์กับใจดวงนี้ ให้ใจดวงนี้มั่นคงขึ้นมา
แต่ถ้ามันมีอำนาจวาสนา
ถ้ามันมีอำนาจวาสนาเป็นนักรบ รบกับกิเลสของตน พระผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ
เวลาเขามีปัญหา เขามีปัญหากับกิเลสของตน เขาไม่มีปัญหากับใครทั้งสิ้น สพฺเพ สตฺตา
สัตว์ทั้งหลายเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุขๆ เถิด
อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
เรามีสิ่งใด
สพฺเพ สตฺตา สัตว์ทั้งหลายๆ แต่ใจของเรามันเป็นของเรา
ถ้าใจของเรามันต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะแน่นอน
แล้วถ้าเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะแน่นอน ถ้าเราจะเผชิญกับกิเลส
เผชิญกับสัจจะความจริง ด้วยสัจธรรม สัจธรรมมันคืออะไร อยู่ในตู้พระไตรปิฎกใช่ไหม
อยู่ในตำราใช่ไหม ไม่ใช่ นั่นมันชื่อทั้งนั้นน่ะ
นั่นน่ะธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าชี้เข้ามาที่หัวใจของเราไง
ถ้าเรามีศรัทธามีความเชื่อขึ้นมา
เรามาวัดมาวาทำบุญกุศล ทำบุญกุศลขึ้นมา ถ้าจิตใจมันคิดดีงาม จิตใจที่คิดดีงาม คนถ้ามีเจตนา
ถ้ามันจะไปวัดไปวา มันมีเจตนาที่ดี เวลามาวัดมาวาเอาหัวใจเรามาด้วย นี่เห็นวัฒนธรรมเขาไปวัดก็ไปวัดกับเขา
ไปวัดกับเขา เขาเดินจงกรมก็เดินจงกรมสักแต่ว่า ก็สร้างหุ่นยนต์ไว้เดินดีกว่าอีก
ถ้านั่งสมาธิก็ปั้นไว้เลย นั่งไว้ มันนั่งได้ทั้งปีทั้งชาติ แต่มันไม่มีหัวใจ
ไม่มีชีวิต
ชีวิตที่มีค่าๆ
ความรู้สึกนี้มีค่าที่สุด ถ้าความรู้สึกนี้มีค่าที่สุด เรามาวัดมาวา เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาก็เพื่อค้นคว้าหาหัวใจของเรา
ถ้าใครเห็นหัวใจของเรานะ มันจะซาบซึ้งกับธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มันจะเข้ากันๆๆ
เวลาหลวงตา
ครูบาอาจารย์ท่านไปหาหลวงปู่มั่นนะ ถ้าประพฤติปฏิบัติไปแล้ว
ถ้าถึงเวลาแล้วปริยัติกับผลการปฏิบัติของเราจะอันเดียวกัน แต่ตอนนี้กิเลสมันท่วมหัวใจของเรานะ
เราก็พยายามจะบีบอารมณ์ พยายามสร้างอารมณ์ พยายามจะทำให้มันเหมือน อู้ฮู! แล้วกิเลสมันร้ายกาจนัก
มันทำให้แจ๋วกว่าด้วย พระพุทธเจ้าบอก ๑ มัน ๒ พระพุทธบอก ๒ มัน ๔ มันเก่งกว่า
มันดีกว่าทั้งนั้นน่ะ แต่กิเลสทั้งนั้น
เพราะถ้าไม่มีธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันจะสร้างภาพมาจากไหน ถ้ามันสร้างภาพมาจากนั้น
ถ้ามันเป็นจริงๆ
ขึ้นมา เวลาทำความสงบของใจเข้ามา พอใจสงบแล้วมันจะเห็นคุณค่าเลย โอ้โฮ! จิตเป็นแบบนี้
จิตเป็นแบบนี้เนาะ แล้วจิตเป็นแบบนี้ ถ้าคนไม่มีอำนาจวาสนามันก็หลงตัวมันเอง
แต่ถ้ามีครูบาอาจารย์นะ
สรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง นี่ไง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
มันเกิดแล้วเดี๋ยวมันก็ดับ มันเป็นสมาธิ เดี๋ยวมันก็เสื่อม
อารมณ์คนมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โลกนี้ไม่มีสิ่งใดคงที่ ไม่มี ไม่มีสิ่งใดคงที่
แล้วขนาดไปเจอมหัศจรรย์แล้วนะ แต่ยังจับมันไม่ได้ ยังตอบไม่ได้ ยังเข้าใจไม่ได้
ยังปล่อยให้หลุดมือไป เสื่อมไป ของดีๆ นี่ หัวใจของเรานี่ ค้นหาเกือบตาย
รักษาไม่เป็น
ถ้ารักษาเป็น
รักษาไว้ๆ พอเห็นจิตเดิมแท้ไง จิตเดิมแท้ จิตเดิมแท้นี้ผ่องใส
จิตเดิมแท้เป็นผู้ข้ามพ้นกิเลส แล้วมันข้ามอย่างไรล่ะ การข้ามกิเลส อู้ฮู! มันเป็นวิธีการอีกมหัศจรรย์เลย
นี่พระพุทธศาสนาเกิดตรงนี้ พระพุทธศาสนา ศาสนาแห่งปัญญา พระพุทธศาสนาเกิดตรงนี้
เกิดตรงที่มันจะข้ามพ้นกิเลสนี้ เกิดที่มันจะเป็นไปนี่ ถ้าไม่มีตรงนี้มันก็ไม่มีพระพุทธศาสนา
ฤๅษีชีไพรมีมาหมดแล้ว โลกนี้มีมาหมดแล้ว
ถ้าเป็นจริงๆ
มันต้องกลับมาเป็นจริงตรงนี้ นี่พระพุทธศาสนาสำคัญตรงนี้
แล้วสำคัญที่ว่าผู้รู้จริงๆ ไง
พูดไปเถอะ
ใครจะพูดโม้ขนาดไหนก็ได้ แต่ผู้รู้จริงมี แล้วผู้รู้จริงมันฟังออก มันเข้าใจ เราเคยทำนามา
เราได้ข้าวมา ไอ้คนอื่นมันไม่เคยทำเลย มันไปซื้อที่เซเว่น มันบอกว่ามันทำนาเป็น
ไม่มีทาง มันซื้อจากเซเว่น
ไอ้ของเรานะ
เราต้องทำไร่ไถนา รอฤดูกาล รอฟ้ารอฝน แล้วเมล็ดพันธุ์เราจะลงข้าวอะไร
แล้วปลูกมันจะได้ข้าวอะไร แล้วเราจะมีอยู่มีกินของเราไปตลอดชีวิต เราทำของเรา
เราไม่ตื่นเต้นไปกับใครทั้งสิ้น เรามีข้าวปลาอาหารสมบูรณ์
สมบูรณ์จากการประพฤติปฏิบัติของเรา มันเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก
วันพระ
ให้มีความสำคัญกับชีวิตของเรา สิ่งที่เราเกิดขึ้นมา วันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ มันมีของมันอย่างนี้
ชีวิตนะ เกิดมาจากไหน สงสัยไปเถอะ ค้นคว้าไปเถอะ ไม่มีทางรู้
นั่งลง
หลับตา หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ค้นคว้าหามัน
แล้วพอเจอขึ้นมาจะเกิดความมหัศจรรย์กับหัวใจของตน เอวัง