เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๙ ต.ค. ๒๕๖๑

เทศน์เช้า วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๑

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรม ตั้งใจฟังธรรมเพื่อหัวใจของเรานะ

เราอย่าคิดว่าเราฉลาดนะ ถ้าคิดว่าเราฉลาด เราต้องเอาชีวิตของเรารอดได้ ถ้าเอาชีวิตรอด เอาชีวิตรอดนั้นน่ะ ในโลกนี้ไม่มีใครใหญ่กว่าโลง ในชีวิตนี้ทุกคนต้องมีการสิ้นสุดไป ต้องตายไปถึงที่สุด

แต่ถ้ามันฉลาดๆ เวลาคนในโลกนี้ไม่กลัวเรื่องอะไร กลัวเรื่องความตายทั้งนั้นน่ะ เวลาคนกลัวเป็นกลัวตาย เวลาพูดถึงความตาย พูดถึงความตายแล้วมันเศร้าหมอง แต่เวลากิเลสมันครอบงำหัวใจ เวลามันฟุ้งซ่าน เวลามันกล้าแข็ง ให้นึกถึงมรณานุสติ มรณานุสติระลึกถึงความตาย ระลึกถึงความตายเพื่อยับยั้งความอหังการของมันไง ถ้ายับยั้งความอหังการของมัน เพราะว่าหัวใจของเรามันเรียกร้องความช่วยเหลืออยู่นะ หัวใจของเราๆ เห็นไหม

วันนี้วันพระๆ วันพระเป็นวันผู้ประเสริฐ ประเสริฐที่ไหน ประเสริฐในหัวใจนี้ไง หัวใจนี้มันเรียกร้องความช่วยเหลือๆ ทำไมต้องเรียกร้องความช่วยเหลือ ตัวเองยังต้องช่วยเหลือตัวเองได้ทั้งนั้นน่ะ ทำไมตัวเองช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ล่ะ ถ้าช่วยเหลือตัวเองก็ช่วยเหลือเรื่องปากเรื่องท้องนี่ไง ช่วยเหลือตัวเองก็ช่วยเหลือตัวเองว่าจะหาความสุขใส่ชีวิตนี้ไง แล้วมันมีความสุขจริงมาหรือไม่ นี่มันแค่ผ่อนคลาย ผ่อนคลายไปเท่านั้นน่ะ

โลก ทางการแพทย์เขาก็พยายามจะคิดค้นเพื่อบรรเทาทุกข์ๆ ทั้งนั้นน่ะ แต่บรรเทาทุกข์ พอถึงที่สุดหัวใจวายโดยเฉียบพลัน มันตายโดยธรรมชาติ นี่มันต้องตายไปโดยธรรมชาติ ไม่มีใครถูกใครผิดทั้งสิ้น

แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วันพระๆ วันพระไปศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยทางวัฒนธรรมทำบุญกุศลก็เพื่อความสุขความสงบของตน ความสุขความสงบของตน แค่ความสุขความสงบของตน ผู้ที่มีอำนาจวาสนาก็มาบวชพระ เวลาบวชพระขึ้นมา ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โอ้โฮ! องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนขนาดนี้เชียวหรือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนขนาดนี้เชียวหรือ สอนเข้ามาในหัวใจไง สอนเข้าไป สิ่งต่างๆ ในโลกนี้มันเกิดดับๆ เกิดดับเราก็พยายามจะให้มันเกิดในสิ่งที่ดีๆ แต่ในผลของวัฏฏะๆ ไง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน สิ่งที่เกิดมามันมีเวรมีกรรมของมันมาทั้งนั้น ถ้ามีเวรมีกรรมมาทั้งนั้น เห็นไหม

โดยประชาธิปไตย ประชาธิปไตยต้องเสมอภาคกันๆ เสมอภาคกันคือเสมอภาคโดยการแบ่งสันปันส่วน พอแบ่งสันปันส่วนขึ้นมาแล้วหัวใจมันไม่พอใจนะ มันก็บอกว่ามันโดนเอารัดเอาเปรียบๆ คำว่า โดนเอารัดเอาเปรียบ” นี่ใครเป็นคนคิด เวลาคนเขาแบ่งสันปันส่วนขึ้นมา เขาแบ่งสันปันส่วนให้เสมอกันให้เท่าเทียมกัน ถ้าเท่าเทียมกัน

คน จริตนิสัยของคน คนเรากินอาหารมาก คนเรากินอาหารน้อย บางคนกินแบบแมวดม เขาบอกของแค่นี้ก็มากเกินไปของเขา ไอ้คนกินอาหารมากเขาบอกอย่างนี้เขาไม่พอกินของเขา นี่ไง กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กันไง

ถ้ากรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน เวลาจะมาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา โดยอำนาจวาสนา เราทำบุญกุศลของเรา ทำบุญกุศลของเราเพื่อหัวใจของเราๆ ให้หัวใจของเรามันยอมรับความจริงๆ ถ้ายอมรับความจริงแล้ว เรื่องของบุญกุศล บุญกุศลมันจะเริ่มประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม

ความดีความชั่วเพราะตัวทำๆ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว การกระทำเราทั้งนั้นน่ะ สิ่งที่เราทำมาๆ สิ่งที่ทำมาๆ ทำมาด้วยอวิชชา ทำมาด้วยความไม่รู้ ทำมาด้วยความโลภ ความโกรธ ความหลง ทำมาเพื่อว่าเป็นของเราๆ สรรพสิ่งในโลกนี้ไม่เป็นของเราเลย

เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสั่งสอน ไฟไหม้บ้านๆ ใครขนของออกจากบ้านเท่าไร สมบัตินั้นจะเป็นของเรา ถ้าไฟไหม้บ้านๆ ของสมบัติแล้วเอาไว้ในบ้าน ไฟจะไหม้บ้านไปทั้งหมด เวลาทำบุญกุศลขึ้นมา เราเสียสละขึ้นมา ขนของออกจากบ้านของเราๆ

เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราหาเงินหาทองมาได้ หนึ่งสลึงเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ หนึ่งสลึงไว้ทำธุรกิจของเรา หนึ่งสลึงไว้ใช้จ่ายในครอบครัวของเรา หนึ่งสลึงฝังดินไว้ๆ เวลาขนของออกจากบ้านของเรา ขนของออกจากบ้านของเราก็ฝังดินไว้ๆ ฝังดินไว้ในพระพุทธศาสนา ฝังดินไว้ในรัตนตรัย ฝังดินไว้เพราะเราไม่เชื่อใจ เราไม่มีที่พึ่งอาศัย เราฝังดินไว้ๆ เวลาฝังดินไว้ เวลาเราเสียสละออกไป

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา ลาภสักการะมหาศาล เขาบอกได้มาเพราะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

แต่เวลาไปศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาศึกษาไปถึงการเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านเสียสละมามากน้อยขนาดไหน ท่านเสียสละมามหาศาลเลย การเสียสละนะ เสียสละทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี บารมีของท่านที่ท่านได้สะสมมาๆ สะสมให้จิตใจท่านแก่กล้าขึ้นมา

นี่ก็เหมือนกัน เราฝังดินไว้ๆ อันนี้มันเป็นระดับของทาน แต่เวลาเราจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ทำดีทำชั่วเพราะตัวเราทำทั้งนั้นน่ะ ถ้าเราทำความดีความชั่ว เห็นไหม

ในสังคมๆ เขาชี้ไปหมดน่ะ สังคมนั้นบีบคั้นๆ ทุกคนผิดหมด เราถูกอยู่คนเดียว นี่ไง เราโทษคนอื่นทั้งนั้นเลย เราโทษคนอื่นทั้งนั้นเลย เวลาจะมาประพฤติปฏิบัติขึ้นมาก็โทษคนอื่นทั้งนั้นเลย ไม่โทษกิเลสในใจของตน

เราทำดีทำชั่ว การทำดีทำชั่วขึ้นมา เราทำความดีของเรา เวลาประพฤติปฏิบัติ ศีลก็เป็นสัมมาทิฏฐิ สมาธิก็เป็นสัมมาสมาธิ เวลาปัญญาขึ้นมา สัมมาปัญญา มันสัมมาทิฏฐิความถูกต้องดีงามทั้งหมด ถ้าความถูกต้องดีงามต้องไปที่ไหนล่ะ

เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เดี๋ยวนี้โฆษณาชวนเชื่อกัน พระจะปฏิบัติยังขาดน้ำปานะ ยังขาดการดูแลรักษา

ครูบาอาจารย์เราอยู่ในป่าในเขาไม่ต้องพูดกับใครเลย นี่เวลาเอาจริงเอาจังขึ้นมา เรานั่งลง นั่งลงหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ มันจะขาดแคลน มันจะมั่งมีขนาดไหน มันเป็นอำนาจวาสนาของคน

อำนาจวาสนานะ หลวงปู่ชอบท่านบิณฑบาตกับเทวดาน่ะ เวลาท่านไปหลงป่า หลงป่าจนไม่มีอาหาร ไม่มีชาวบ้านจะใส่บาตร เทวดายังต้องมาใส่บาตรให้ นี่เวลาเทวดามาใส่บาตรให้ เวลาท่านอดอาหาร นางฟ้าจะเอาอาหารทิพย์มาเจือจานร่างกายของท่าน

ท่านบอก “ไม่ได้ พระ ผู้หญิงโดนไม่ได้”

“ไม่มีใครเห็นหรอก มนุษย์ตาเนื้อมันจะเห็นได้อย่างไร มันไม่มีใครเห็นหรอก”

แต่ด้วยความซื่อสัตย์ของท่านนะ “ไม่ได้ พระมีศีล ต่อหน้าลับหลัง ไม่ได้”

นี่คนที่มีอำนาจวาสนา เวลาคนที่มีอำนาจวาสนาบารมีท่านทำของท่านมาๆ

นี่ก็เหมือนกัน ถ้ามันเป็นจริงเป็นจังขึ้นมามันอยู่ที่การกระทำๆ ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวกระทำ อย่าโทษคนอื่น โทษใครไม่ได้ทั้งสิ้น โทษการกระทำของเรานั่นแหละ ทำดีทำชั่วมันให้ผลโดยข้อเท็จจริงอันนั้น

ไอ้สิ่งนั้น ไอ้เรื่องอำนาจวาสนาบารมี คนเชื่อถือศรัทธานั้นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความจริงๆ อยู่ที่การกระทำทั้งนั้น ทำดีหรือทำชั่ว ทำชั่วมันจะดีได้อย่างไร ทำดีมันจะเป็นความชั่วได้อย่างไรถ้าทำความดี ทำความดีจะเป็นความชั่วได้อย่างไร

แต่เวลาเป็นสังคม โลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ ถ้าเป็นสังคมเป็นอย่างนั้น การเสียดสีการนินทาเป็นเรื่องของโลก ถ้าเป็นเรื่องของโลก การติฉินนินทานี่เรื่องของโลก ถ้ามันมีสติมีปัญญาขึ้นมา นี่มันแค่ลมปาก ลมปากของคนเท่านั้น ลมปากของคนมันไม่สามารถจะทำให้จิตใจเราคลอนแคลนได้ ลมปากของคนจะเป่าหูขนาดไหน ถ้าคนมันหูหนัก คนมันมีสติปัญญาขึ้นมามันมีจุดยืนของมัน

แต่คนที่มันหูเบา เขาไม่ต้องเป่าหรอก มันคิดเอง มันปั้นน้ำเป็นตัวเป็นเรื่องๆ เลย มันปั้นน้ำเป็นตัว ปั้นน้ำเป็นตัวในหัวใจของมันน่ะ นั่นน่ะเวลาถ้ามันเป็นกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันเกิดขึ้นในหัวใจของตน ใครจะไปดับมัน

นี่เวลาจะดับมัน เราทำบุญกุศลเป็นบุญกุศลนะ ทำบุญกุศลหมายความว่าทำแล้วมันมีสติมีปัญญา มันคิดสิ่งที่ดีงาม มันเป็นสัมมาทิฏฐิไง มีน้ำใจๆ ทานๆ ทานแค่เสียสละให้ทางต่อกัน เราเดินมาเจอกันแล้วเราหลีกทางให้เขา นั่นก็เป็นทานนะ นี่เป็นความสะดวกสบายของเขา ถ้าจิตใจมันเป็นธรรมนะ มันให้เขาได้ทั้งนั้น

แล้วมีเศรษฐีมากมายเขาให้ด้วยการปิดทองหลังพระ เขาให้โดยไม่ให้ใครรู้ด้วยว่าเขาให้ เขาพยายามจะให้ของเขาด้วยเป็นความสะอาดบริสุทธิ์ของเขา จิตใจที่ดีงาม สิ่งที่ทำดีๆ มี คนดีมี คนดีไม่มี สังคมไม่มั่นคงอย่างนี้หรอก คนดีมี แต่คนดีเขาไม่เอาหน้า คนดีเขาไม่เสนอหน้า คนดีเขาทำเขาปิดทองหลังพระของเขา เขาทำเพื่อประโยชน์ของเขา เห็นไหม ปฏิคาหก เราได้มาด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ของเรานะ ผู้รับรับด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ นั่นน่ะบุญกุศลที่สูงส่ง

บุญกุศลที่หน้าไหว้หลังหลอก มีความปลิ้นปล้อนหลอกลวง มันจะเป็นบุญอะไรกันนั่นน่ะ ไอ้นั่นบุญแบบโลกๆ ไง จะทำบุญขึ้นมา ยังไม่ถ่ายรูปทำไม่ได้นะ จะทำอะไรต้องโฆษณาไป ๕ รอบ...ไร้สาระ โลกอ่อนแอมาก อ่อนแอกันอยู่อย่างนั้นน่ะ ถือหน้าถือตา

หน้าตาเป็นพุทธะไหม หน้าตาเป็นศีลหรือ หน้าตาเป็นสมาธิหรือ หน้าตาเป็นปัญญาหรือ นั่นน่ะหลงกิเลสทั้งนั้นน่ะ ไอ้เรื่องเชิดหน้าชูตานั่นน่ะ แต่ถ้าเป็นความจริงนะ ปิดทองหลังพระ เราปิดทองหลังพระ เราทำของเราแล้ว มันอยู่ที่กิเลสมันยุมันแหย่ไง

ทุคตะเข็ญใจ เราเป็นคนทุกข์คนจน เราจะใส่บาตรพระ พระก็ไม่สนใจเราเลย ไม่มีใครสนใจทั้งสิ้น เวลาใส่บาตรพระสารีบุตร พระสารีบุตรในพระไตรปิฎกนะ ไปรับบิณฑบาตของพวกเป็นโรคเรื้อนน่ะ นิ้วเน่าขาดตกใส่บาตรเลยนะ ท่านกลับไปฉันโดยสบายเลย พระสารีบุตรเป็นผู้ที่ในพระไตรปิฎกเรื่องที่ว่าไม่รังเกียจคนทุกข์คนจน ไม่รังเกียจใครทั้งสิ้น พระสารีบุตรเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เวลาคนทั่วไปรังเกียจคนทุกข์คนจน รังเกียจ

นี่ขนาดโรคเรื้อน นิ้วเวลาใส่บาตร นิ้วขาดตกลงไปในบาตรเลย น้ำเหลืองทั้งนั้นน่ะ พระสารีบุตรฉันเฉยเลย นี่ไง มันเรื่องภายนอกไง ภายในหัวใจที่ท่านประเสริฐ ภายในหัวใจที่ยิ่งใหญ่ ความดีที่ยิ่งใหญ่มันยิ่งใหญ่ด้วยเจตนาของคน ด้วยหัวใจของคน

คนทุกข์คนจน คนโรคเรื้อน คนที่สังคมรังเกียจ เราจะไปทำบุญทำกุศลกันที่ไหน เราเดินไปในสังคมเขาก็รังเกียจเลย ไม่มีใครสนใจทั้งสิ้น ไอ้ที่ว่าร่ำรวยมหาศาล “อดีตชาติเคยเป็นคู่ครองกัน” ถ้าร่ำรวยน่ะเอาแล้ว “เราเคยเป็นบารมีต่อกันมา” บ้าบอคอแตกไปนู่น แต่ไม่เห็นน้ำใจของคนเลย

คนมั่งคนมีเรื่องของเขา ปล่อยเขาไป พระที่จะไปอนุโมทนาทานเขาเยอะแยะไป ไอ้คนทุกข์คนจน ไอ้คนไม่มีโอกาสน่ะสำคัญ ไอ้คนที่ไม่มีโอกาส หัวใจของคนมันต่ำต้อยหรือ

หัวใจของคนก็คือหัวใจของคน เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าชี้เข้ามา ชี้เข้ามาในใจของสัตว์โลก นี่รื้อสัตว์ขนสัตว์ๆ ถ้ารื้อสัตว์ขนสัตว์ เห็นไหม ทำดีทำชั่วอยู่ที่ตัวทำ ถ้าใจของเขา เขามีสติปัญญาของเขา เขาใช้ปัญญาอบรมสมาธิหรือใช้คำบริกรรมของเขา จิตเขาสงบเข้ามาได้เขาจะได้ความสุข สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี จิตเวลาเข้าไปสู่ฐีติจิต เข้าไปสู่จิตเดิมแท้ของตน มันจะมีความสุขของมันมาก สิ่งที่มีค่าๆ คือสิ่งที่มีชีวิตไง

เวลาเกิดวิกฤติขึ้นมา เขาบอกเสียอะไรก็เสียได้ แต่อย่าเสียหัวใจของเราไป อย่าเสียกำลังใจ เสียอะไรก็เสียได้ แต่อย่าเสียหัวใจของเรา อย่าเสียอุดมการณ์ของเรา เรารักษาของเราไป

เวลาไปนั่งประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เวลาเวทนา เวลาสิ่งที่บีบคั้นมา บีบคั้นมาเจ็บปวดมากนะ แต่ผู้ที่มีสติปัญญา แค่นี้หรือที่จะมาทำลายความเพียรของเรา แค่นี้หรือ ให้มันมีมากกว่านี้อีกหรือไม่ โถมเข้ามาเลย นี่เขามีสติปัญญาของเขา เขาพิจารณาของเขา มันปล่อยวางๆ ปล่อยวางได้ มันปล่อยวางได้ มันเหลือจิตล้วนๆ โอ้โฮ! จิตมันสง่างามมาก

สิ่งที่เวลาความเจ็บความปวดความทุกข์ระทมมันเป็นอาการของมันทั้งสิ้น นี่อาการ เห็นไหม เราเกิดมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เราไม่เคยเจอประสบการณ์อย่างนี้หรือ เราเคยเจอประสบการณ์อย่างนี้มาแล้วทั้งสิ้น แต่เวลามันผ่านไปมันก็บรรเทาทุกข์ๆ ไปโดยธรรมชาติของมัน แต่มันมีเศษตกค้างอยู่ เศษตกค้างอยู่นี่เพราะอะไร

เพราะกรรม กรรมคือการกระทำ มันมีการกระทำสิ่งใดแล้วการกระทำนั้นมันต้องมีผล เวลามีผลแล้ว เวลาจะสิ้นกิเลสมันต้องมาแก้ไขกันที่นี่ มันต้องมาชำระล้างกันที่นี่ ถ้ามันชำระล้างกัน มันสำรอกมันคายของมัน สังโยชน์ ความผูกมัดความผูกพันในหัวใจถ้ามันขาดออกไปเป็นชั้นๆ เข้าไป นี่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่นี่ไง

มันไม่ใช่ภาวนาแบบมารยาสาไถย ละครน่ะ ลิเก เวลามันรบกัน แทงกันไปก็แทงกันมา พระขันธ์ รบกันน่ะ แทงกันไปก็แทงกันมา นี่ภาวนาก็ “อู๋ย! วิปัสสนาๆ”...ลิเกทั้งนั้นน่ะ ลิเกเพราะอะไร เพราะอำนาจวาสนาบารมีมันต่ำต้อย

ถ้ามีอำนาจวาสนานะ เวลาหลวงปู่มั่นท่านพิจารณากายของท่าน พิจารณาแล้วพิจารณาอีก เอ๊ะ! ทำไมมันปกติ มันไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ท่านก็ไปหาหลวงปู่เสาร์ เวลาพิจารณาอย่างนั้นแล้วมันก็ยังไม่เห็นมีอะไรที่มันจะหลุดไปจากใจ คือมันไม่เห็นว่าเราดีขึ้นตรงไหน ไม่เห็นว่าจิตใจเราควบคุมได้มากน้อยแค่ไหน

หลวงปู่เสาร์บอก “โอ้โฮ! ท่านมีบารมีมาก ท่านต้องแก้ตัวท่านเอง”

ท่านมาพิจารณาของท่านๆ สุดท้ายท่านไปลาความเป็นพระโพธิสัตว์ของท่าน เห็นไหม เพราะความเป็นพระโพธิสัตว์ที่ท่านสร้างมา พระโพธิสัตว์เข้าได้แค่ฌานโลกีย์ จะเข้าไม่ถึงอริยสัจ จะเข้าถึงวิปัสสนาไม่ได้ ถ้าเข้าถึงวิปัสสนามันจะเป็นโสดาบัน เป็นสกิทาคามี เป็นอนาคามี มันจะไปตัดทอนความเป็นพระโพธิสัตว์นั้น พระโพธิสัตว์นั้นยังจะต้องดำเนินชีวิตต่อไปเพื่อสร้างอำนาจวาสนาบารมีไปจนเป็นตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงเข้าอริยสัจไม่ได้ จะต้องแค่ได้ฌานโลกีย์เท่านั้น

แล้วพระโพธิสัตว์ที่มีอำนาจวาสนามาก เวลาฌานโลกีย์ของเขาจะแจ่มแจ้งมาก เขาจะชัดเจนของเขา เขาพิจารณาอนาคตังสญาณคือรู้สิ่งใดที่ชัดเจนมาก พระโพธิสัตว์ที่เริ่มต้นที่เป็นพระโพธิสัตว์เพิ่งเริ่มอ่อนๆ ทายผิดทายถูก พระโพธิสัตว์ก็ทายผิดทายถูก พระโพธิสัตว์ก็มีหยาบ มีกลาง มีละเอียด พระโพธิสัตว์ที่สร้างบุญมามากมาน้อย

คำว่า พระโพธิสัตว์” แล้วเราบอกว่า “อู้ฮู! สุดยอดๆ”...ไม่ใช่ พระโพธิสัตว์คือการปรารถนา การตั้งเป้าหมายไว้เท่านั้น

แล้วเวลาหลวงปู่มั่นท่านพิจารณาของท่าน ท่านลาความเป็นพระโพธิสัตว์ของท่านแล้วท่านก็มาภาวนา เพราะลาความเป็นพระโพธิสัตว์ของท่าน เพราะท่านใช้ปัญญาว่า ถ้าเราพยายามสร้างสมบุญญาธิการต่อไปเป็นพระโพธิสัตว์ต่อเนื่องไป เราก็ต้องเกิดตายๆ มีความทุกข์ความยากความลำบากต้องแบกหามสังคมไปอย่างนี้ แล้วพอไปตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นพระอรหันต์เหมือนกัน แต่ได้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ด้วย

แต่ถ้าเราในสมัยปัจจุบันนี้ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้าเราใช้สติปัญญาของเราแก้ไขกิเลสของเราจนจบสิ้นไป เราก็จะได้เป็นพระอรหันต์เหมือนกัน แต่ได้เป็นพระอรหันต์ในชาตินี้ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะที่ต้องไปแบกรับสังคม แบกรับการสร้างบารมีต่อเนื่องกันไปอีก ท่านพิจารณาแยกแยะด้วยปัญญาของท่านจนลงใจแล้วท่านถึงได้ลาความเป็นพระโพธิสัตว์ของท่าน แล้วท่านก็พิจารณาของท่าน ก็กลับมาทำความสงบของใจเข้ามา ใจสงบแล้ววิปัสสนายกขึ้นพิจารณากาย

พิจารณากาย เวลามันพิจารณาไปมันแยกมันแยะของมันโดยสัจจะโดยไตรลักษณ์ เวลามันปล่อยมันวางของมัน เวลาพอปล่อยวางมา ออกจากภาวนามา เออ! มันต้องเป็นอย่างนี้สิ มันโล่ง มันโถง มันเบา มันไม่ยึดมั่นในใจ มันแตกต่างกับ “วิปัสสนาสิคะ วิปัสสนาสิคะ” อยู่นั่นน่ะ ลิเก ตำรามันเขียนไว้อย่างนั้น ก็ถือพระขันธ์คนละเล่มแล้วก็เดินสวนกันไป เดินสวนกันมา ธรรมขันธ์ ขันธ์ได้พิจารณาแล้วไง นี่ไง นี่คือความอ่อนด้อย

แต่คนที่มีอำนาจวาสนา หลวงปู่มั่นท่านพิจารณาของท่านแล้วนะ พิจารณากายแท้ๆ นี่แหละ แต่พิจารณาแล้วทำไมผลมันไม่มีล่ะ ผลมันเป็นอย่างไรล่ะ ไอ้ที่ว่างๆ ว่างๆ ว่างๆ อย่างไร ว่างๆ ไอ้ความสงสัยนี่มันกวนใจมากนะ

นี่ไง จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวทำ ตัวเท่านั้นเป็นคนทำ ทำของจริงมันก็ได้จริง ทำของปลอมมันก็ได้ปลอม มันอยู่ที่อำนาจวาสนา คนที่มีอำนาจวาสนามากน้อยแค่ไหนที่มั่นคงแค่ไหน แล้วพิจารณาใคร่ครวญแค่ไหนว่ามันจริงหรือมันปลอม

ลิเกไม่ต้องไปทำ เพราะมหรสพเขารับจ้างไปในงานไปดูได้ตลอด สวนกันไปก็สวนกันมา ไม้คนละอันมันก็สมมุติว่าเป็นดาบ พอเป็นดาบก็ยกทัพสู้กันด้วยนะ กองทัพยกทัพสู้กัน อู๋ย! กองทัพรบกัน ถือไม้คนละอัน เดินสวนกันไปก็สวนกันมา มารยาสาไถย

ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวทำ แต่ตัวมีอำนาจวาสนามากน้อยแค่ไหน ถ้ามีอำนาจวาสนาน้อยก็สมมุติว่ามันเป็นแบบนั้น แล้วก็เชื่อสมมุติของตน เชื่อความเห็นของตน ด้วยความด้อยปัญญาของตน ทำตัวเองให้เสียหาย ทำตัวเองให้ห่างจากสัจจะความจริง แล้วก็จะไปดึงชวนคนอื่นให้ห่างออกไปๆ ว่านี่คือการภาวนา นี่เป็นพระพุทธศาสนา...ไม่ใช่

พระพุทธศาสนาเวลาสอน สอนเรื่องทาน ถ้าระดับของทานก็ระดับของทาน ผู้ที่ฝึกหัดภาวนาก็ภาวนาไปจะเข้าสู่อริยสัจหรือไม่เข้าสู่อริยสัจ ถ้าเข้าสู่อริยสัจมันต้องมีความเป็นจริงในใจ ถ้าความเป็นจริงในใจ

เวลาคนเราเวลาทำคิดพูดมาจากไหน มาจากหัวใจทั้งนั้นน่ะ ถ้าหัวใจมันมีกิเลสอยู่มันก็คิดโดยกิเลสวันยังค่ำ ถ้าหัวใจมันเป็นธรรมๆ ขึ้นมา มันจะเป็นธรรมของมันในใจของมัน เห็นไหม

วันพระๆ วันพระวัดทั่วไปมันก็เป็นวันพระ เราไปสร้างบุญกุศลของเรา เราไปสร้างอำนาจวาสนาบารมีของเรา ถ้าเป็นพระป่าๆ วันพระวันโกนเขาวางงานทั้งหมด เขามาทำบุญกุศลแล้วเขาจะเข้ามาทำช่วยทำข้อวัตร เวลาพวกใบไม้ใบหญ้าที่มันกีดมันขวาง

เราอยู่ทางภาคอีสานมา พวกโยมมาวัดนี่ โอ้โฮ! เขามีมีดมีดาบมาเลยนะ มาถึงเขาก็จัดการของเขาเสร็จ เขาทำให้สะอาดสะอ้าน เพราะเขารู้ว่าพระมีศีล พระที่มีศีลเขาไม่แตะไม่ต้อง ไอ้พวกที่มาวัดมาวาเขามาพร้อมกับกำลังของเขา เขามาพร้อมกับเจตนา พร้อมกับปัญญาของเขา เขาทำให้เสร็จเลย พอเสร็จแล้วเขาก็ไปภาวนาต่อ นี่เวลาครูบาอาจารย์ท่านสอน สอนอย่างนี้

นี่ไง ไม่ได้สอนให้ตื่นตามกระแสโลกไป โลก โลกเป็นใหญ่กับธรรมเป็นใหญ่ ธรรมเป็นใหญ่ ใครเป็นใหญ่ ธรรมเป็นใหญ่ก็องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นใหญ่ ธรรมวินัยเป็นใหญ่

ครูบาอาจารย์เรา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านวางข้อวัตรปฏิบัติให้เป็นใหญ่ ครูบาอาจารย์ท่านเป็นใหญ่ เป็นใหญ่ที่นี่ เป็นใหญ่ที่นี่มันก็เข้ามาเป็นประโยชน์ที่นี่ไง ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวทำ ถ้าทำอย่างนี้มันก็อยู่ในกรอบ อยู่ในการกระทำ

ถ้าทำแบบมารยาสาไถย ไม้คนละอันสวนกันไปสวนกันมา เป็นกษัตริย์นะ เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นพระมหาอำมาตย์ เป็นมหาดเล็ก อู้ฮู! เวลาไปหลังโรงมันไปแบมือขอค่าตัว คืนนี้ได้ค่าตัวเท่าไร แต่อยู่หน้าโรงมันเป็นกษัตริย์ มันเป็นมหาอำมาตย์ แล้วภาวนากันอย่างนั้นใช่ไหม สร้างกลอุบายให้ใจมันหลงอยู่อย่างนั้นใช่ไหม ให้มันเป็นความคิดของตนอย่างนั้นใช่ไหม แล้วก็มารยาสาไถย ใช้มารยากันไป ไม่มีความจริง

ความจริงนะ วางให้หมด เป็นความจริงเรารู้ สุขหรือทุกข์เรารู้ จริงหรือเท็จเรารู้ แล้วเราหาความจริงในใจของเรา เอวัง